“ตัวสั่น เหงื่อแตกพลั่กเพราะร้อนลุ่มจนนั่งไม่ติดแบบนี้ถ้าไม่ใช่เพราะอยากจะเรียกว่าอะไร”
“รู้ดีแบบนี้เกลคงแอบเอายาปลุกเซ็กส์ใส่น้ำนั่นให้เรากินสินะ ทำไมนะเกล ทำไมต้องทำแบบนี้”
“ก็เพราะเกลอยากได้เปลวไง เกลอยากได้แล้วก็อยากให้เปลวหันมามองเกลบ้าง เกลอยู่ตรงนี้อยู่ข้างๆเปลวมาตลอดแต่เปลวไม่เคยเห็นเกลในสายตาเลย”
“เราเป็นเพื่อนกันเปลวไม่เคยคิดเป็นอย่างอื่น”
“แต่เกลคิด เกลรักเปลว รักมาก รักแล้วก็อยากครอบครอง”
“เกลรู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา”
“รู้สิ เกลรู้ทุกอย่าง เกลทำทุกอย่างแบบมีสติ แล้วนี่ก็เป็นโอกาสเดียวของเกลที่เกลจะได้ครอบครองเปลว”
เกวลินว่าแล้วก็โถมกายเข้าหาเปลวตะวันอีกครั้ง แม้เขาจะพยายามปัดป้องฝืนผลักดันเธอออกไปแต่เกวลินก็ไม่ลดละ
“เกลบอกแล้วไงในห้องนี้มีแค่เรา เกลไม่พูด เปลวไม่พูด ใครจะรู้” เธอบอกพร้อมกับลูบไล้ปลายนิ้วเล็กๆไต่ไปตามแผงอกกว้างที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจถี่กระชั้นของเขา
ยิ่งเห็นเปลวตะวันพยายามดึงดันฝืนต้านอารมณ์พุ่งพล่านที่กำลังเล่นงานเขาภายในกาย เธอก็ยิ่งนึกชังผู้หญิงเหล่านั้นที่เคยได้แนบเนื้อชิดใกล้โดยเฉพาะพราวชมพู
“อย่าปฏิเสธเกลเลยนะเปลว ร่างกายเปลวมันกำลังต้องการปลดปล่อยแล้วเกลเองก็เต็มใจ”
แปะ แปะ แปะ
“ช่างเป็นเพื่อนที่แสนดีเสียจริงนะคะคุณหมอเกลผู้แสนดี”
เกวลินถึงกับผงะเมื่อเห็นพราวชมพูเดินปรบมือเปาะแปะเข้ามาในห้องพร้อมกับส่งสายตาเหยียดหยามมาให้เธอราวจงใจเหยียบย่ำเกียรติและศักดิ์ศรีของเธอให้จมใต้ฝ่าเท้า
“ผู้ชายเขาไม่เล่นด้วยก็ยังจะเสนอ ถ้าคันมากก็ไปซื้อกินสิมายุ่งกับผัวชาวบ้านแบบนี้มันใช่เหรอฮะ” จบคำตวาดพราวชมพูก็ตรงเข้ากระชากผมของเกวลินจนผงะหงาย
ร่างโปร่งระหงของหมอสาวปลิวหวือติดมือของพราวชมพูตามแรงกระชากและก่อนที่จะทันตั้งตัว ฝ่ามือพิฆาตของคุณแม่มือใหม่ก็ฟาดหนักๆเข้าที่แก้มซ้ายขวาของเกวลินไม่ยั้งก่อนผลักจนล้มลงไปกลิ้งอยู่ที่พื้นไม่เป็นท่า
ตบเสร็จก็หันมาจ้องเปลวตะวันตาขวาง คนกำลังตะลึงกับลมเพชรหึงของเมียถึงกับสะดุ้งเฮือกและก่อนที่ใครจะทันได้พูดอะไรเกวลินที่ตั้งสติได้ก็ลุกขึ้นแล้วถลาจะเข้าทำร้ายพราวชมพู
แต่ยังไม่ทันได้แตะเปลวตะวันก็เอาตัวเองเข้าขวางแล้วผลักเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อล้มพังพาบลงไปอีกครั้ง
“ทำไมเปลวทำกับเกลแบบนี้”
เปลวตะวันมองคนตัดพ้อตนอย่างนึกสมเพช เข่าสายหน้าขณะที่สองแขนโอบกอดพราวชมพูไว้แนบอก
“พราวคือเมียเรา เป็นแม่ของลูกเรา ใครจะมาทำร้ายพราวไม่ได้เราไม่ยอม”
“แต่เมียเปลวตบเกล เหยียบย่ำศักดิ์ศรีเกลจะให้เราอยู่นิ่งเฉยเหรอเปลว”
“เกลต่างหากที่เป็นฝ่ายเหยียบย่ำศักดิ์ศรีพราวแล้วก็ทำลายเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเอง เกลทำตัวเองไม่มีใครทำร้ายเกลเลยนะลองใช้สมองฉลาดๆกับสติที่ยังพอมีคิดไตร่ตรองให้ดีสิเกล”
“ทำไมเปลวพูดรุนแรงกับเกลแบบนี้ เปลวไม่เห็นเกลเป็นเพื่อน ไม่เห็นเกลอยู่ในสายตาแล้วใช่ไหม”
“ผิดแล้วเกล เราเห็นเกลเป็นเพื่อนเสมอ แต่เกลต่างหากที่ล้ำเส้น”
“เปลวใจร้ายกับเกลมากเกินไปแล้วนะ เกลรักเปลวมันผิดตรงไหน รักก็อยากครอบครอง ใครบ้างที่รักแล้วจะเลือกแค่มองอยู่อย่างนั้นโดยไม่ทำอะไรเลย”
“เกลก็เลยใจร้ายกับเรา ทำร้ายทำลายความรักเราครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่สนใจว่าเราจะเจ็บปวดแค่ไหนอย่างนั้นสินะ”
“เปลวพูดอะไร” เกวลินชะงักกึก เธอเริ่มเห็นความผิดปกติของ เปลวตะวัน เขากินยาปลุกเซ็กส์ที่เธอผสมในน้ำนั่นไม่ใช่เหรอแล้วทำไมถึงยังมายืนต่อปากต่อคำกับเธอได้เหมือนไม่เป็นอะไรเลย
“เปลวหายร้อนแล้วเหรอ หรือว่าจริงๆแล้วเปลวไม่ได้...”
“น้ำนั่นเหรอ เสียใจด้วยนะเกลที่เราไม่ได้กินมันเข้าไปตามที่เกลต้องการ”
“แล้วทำไมเมื่อกี้นี้เปลวถึงได้...”
“ก็แค่ละครฉากใหญ่ เกลอยากได้แบบไหนเราก็เล่นไปตามบทก็เท่านั้น”
“เปลว! มากเกินไปแล้วนะ ทำไมทำกับเกลแบบนี้”
“เราต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถาม เกลทำแบบนี้กับเราได้ยังไง ทำลายความรักเรา ทำร้ายหัวใจเราครั้งแล้วครั้งเล่า”
“เกลรักเปลว เกลไม่เคยทำร้ายเปลว ไม่เห็นเหรอที่ผ่านมามีแต่เกลที่อยู่กับเปลวไม่มีใครรักเปลวจริงจังสักคนไม่มี”
“ก็เพราะเกลไง เพราะเกล เราถึงไม่เหลือใคร เพราะความรักงี่เง่าของเกล รักที่มีแต่รักตัวเอง ไม่เคยเห็นใจใคร”
“เปลวจะบอกว่าเปลวรักผู้หญิงคนนี้อย่างนั้นสินะ” เกวลินถามเสียงขื่น สายตาเธอจ้องมองคนในอ้อมกอดเปลวตะวันด้วยความชิงชัง
พราวชมพูเห็นแววตาของเกวลินเธอก็รู้สึกใจหายวาบ สองมือขยับขึ้นลูบไล้หน้าท้องแผ่วเบาตามสัญชาติญาณของแม่ที่หวาดระแวงภัยที่อาจจะตกถึงลูกน้อย
“พราวคือผู้หญิงที่เราเลือกแล้วว่าเธอคือคู่ชีวิตและเราจะถนอมรักษาเธอไว้สุดหัวใจจะไม่ยอมให้เกลหรือใครมาพรากเธอไปจากเราได้อีก”
“เปลวพูดอย่างกับว่าเกลเคยทำร้ายเปลวอย่างนั้นแหละ”
เกวลินยิ้มเยาะทำเอาเปลวตะวันขบกรามกรอดก่อนเค้นเสียงลอดไรฟัน
“อย่าเสแสร้งทำเป็นไม่รู้เลย เปลวตะวันคนซื่อมันตายไปแล้วในวันนั้นในห้องแลปที่คณะฯเมื่อสิบปีก่อน”
เกวลินถึงกับเบิกตากว้างมองเขาอย่างตื่นตะลึง
พราวชมพูที่นิ่งฟังเงียบๆพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวแต่เหมือนว่าจิ๊กซอว์บางส่วนจะยังขาดหายไป
“ตกใจเหรอ ไม่คิดสินะว่าเราจะไปได้ยินความคิดชั่วๆของเกลกับไอ้หมอเลวนั่น”
“ถ้ารู้แล้วทำไมเปลวถึงได้...”
“ทำไมถึงได้ยังดีแสนดีกับเกลทั้งที่เกลพรากผู้หญิงที่เรารักไปจากเราน่ะเหรอ” เปลวตะวันเลิกคิ้วถามสายตาเขามีแต่แววเยาะหยัน
พราวชมพูเงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตเธอสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของเขามันตรงกันข้ามกับท่าทางแข็งกระด้างที่แสดงออกคนละขั้ว
เธอรับรู้แบบนี้แต่ดูเหมือนเกวลินจะไม่รับรู้ สายตาของเจ้าหล่อนมีแต่ความตัดพ้อชิงชังและคิดถึงแต่เรื่องของตัวเองชัดเจน
“โกรธเกลมากสินะ โกรธมากแล้วทำไมไม่ฆ่าเกลเสียให้ตายไปเลยล่ะ หรือจริงๆแล้วเปลวก็แค่เดามั่วแล้วโยนความผิดมาให้เกล”
“ในเมื่อเกลยังแสดงละครได้เนียนเสียจนเราเชื่อสนิทใจ แล้วทำไมเราจะแสดงละครตบตาด้วยการทำดีต่อเกลกลับบ้างไม่ได้ล่ะจริงไหม”
เกวลินถึงกับเบิกตากว้าง ที่ผ่านมาเขารู้ทันเธอทุกอย่าง รู้แต่แกล้งทำไม่รู้
“เปลวใจร้ายมาก ใจร้ายกับหัวใจเกลมากไปแล้ว”
“ร้ายมาร้ายตอบ เราไม่เคยโกงใคร เกลน่าจะรู้ เกลร้ายกับเราก่อนทำลายความรักเรา ทำลายความเชื่อใจในมิตรภาพที่เรามีให้ แต่เอ๊ะ! เอาจริงๆเราก็ไม่ได้ร้ายกับเกลนะ เราใจดีมากๆต่างหาก เรารู้ว่าเกลรักเรามาก เราก็เลยสนองตอบยอมให้เกลได้รักและอยู่ใกล้ๆเราไง ไม่ดีเหรอ เราก็เห็นเกลมีความสุขดีนี่นะที่ได้แอบมองแอบรักเราแบบนั้นน่ะ”
“เปลวรู้มาตลอด รู้ว่าเกลคิดยังไงรู้สึกยังไง รู้แต่ก็ทำไม่รู้ ใจร้ายจริงๆร้ายที่สุด ทำแบบนี้เกลเจ็บปวดแค่ไหนเปลวไม่เห็นใจไม่สงสารเกลบ้างเลยเหรอ”
“สมกันแล้วไงล่ะ เกลเองก็ไม่เคยเห็นใจไม่เคยสงสารเรานี่ เราทุกข์ทรมานเจียนจะบ้าในวันที่เสียคนรักไป เจ็บปวดแสนสาหัสเจียนจะตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด เกลรู้แต่เกลก็ยังทำ ย่ำยีหัวใจเรา”
“เปลว เกลขอโทษ”
“เก็บคำขอโทษไว้เถอะเกล มันไม่มีประโยชน์หรอก มิตรภาพของเรามันจบแล้ว ความเจ็บปวดของเราก็ถูกชำระชดใช้แล้ว จากนี้ไปทางใคร ทางมัน ไม่มีอะไรที่เราต้องเกี่ยวข้องกันอีก”
“แม้แต่ความเป็นเพื่อนเปลวก็ให้เกลไม่ได้เลยเหรอ”
“เกลยังจะอยากเป็นเพื่อนกับคนที่เลือดเย็นกับเกลได้อีกเหรอ เกลอาจจะทำใจยอมรับได้แต่เรารับไม่ได้เข้าใจนะ”
เกวลินไม่รู้ว่าตัวเองกรีดร้องโหยหวนเนิ่นนานแค่ไหน เธอรู้แค่เพียงว่าพอเปลวตะวันพูดจบก็โอบประคองพาพราวชมพูจากไปทิ้งเธอไว้กับความเจ็บปวดรวดร้าวเพียงลำพัง
เขาใจร้ายเหลือเกิน ใจร้ายกับเธอมากเกินกว่าเธอจะรับได้ เธอเจ็บปวดแค่ไหนแต่เขากลับหัวเราะสะใจกับสิ่งที่เธอได้รับ
เมื่อกลับมาถึงบ้านพราวชมพูเป็นฝ่ายรั้งเปลวตะวันเข้ามาสวมกอด แม้จะไม่รู้อะไรมากนักแต่ความเจ็บปวดในดวงตาของเขาที่ฉายชัดออกมายามเอ่ยถึงอดีตทำให้เธอเห็นอกเห็นใจและพอเข้าใจเหตุผลกลไกที่ทำให้เขากลายเป็นคนร้ายกาจแต่แอบซ่อนลึกในใจได้มากมายโดยที่ไม่มีใครคาดคิดจากที่เธอกาหัวไว้ว่าเขาซื่อบื้อและง่าวถนัดใจ ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าประเมินเขาผิดไปอย่างที่เขาเคยบอกจริงๆบางอย่างไม่จำเป็นต้องแสดงออกเสียหมดเปลือกก็ได้ เก็บไว้บ้าง อาจเป็นคนโง่ในสายตาคนแต่เรารู้แก่ใจต้องไปสนสายตาใครทำไม“มากอดพี่แบบนี้มีอะไรหรือเปล่าครับ” เขาถามยิ้มๆแล้วสวมกอดเธอกลับดึงเธอเข้าแนบอกพร้อมกับกดศีรษะสวยของเธอซุกซบแล้วก้มจูบกลางกระหม่อมหนักๆราวหวงแหนเสียเหลือเกิน“พี่หมอล่ะคะ วันนี้กอดพราวเสียกระดูกระเดี้ยวจะหักหมดแล้ว กอดทำไมนักคะกลัวพราวจะหนีหายไปไหนเหรอ”“กอดเพราะดีใจ เครียดอยู่ตลอดเวลากลัวพราวจะหนีหายไปจริงๆเรียกว่าวัดใจกันไปข้างเลยวันนี้”“หมายความว่ายังไงคะ อย่าบอกนะว่าจงใจสร้างสถานการณ์ให้พราวตามไป”“พี่ขอโทษที่ไม่ได้บอกพราวก่อน พี่กลัวว่ามันจะไม่เนียนเพราะพราวเล่นละครไม่ค่อยเก่ง”“พี่หมอนี่ น่าตีนักเชียว ทำไมร้ายกาจขนาดน
“เบาได้เบาครับพราว” เขากระเซ้าพราวชมพูได้แต่ทุบเบาๆลงบนแผงอกกว้าง สบประสานสายตาเขาแล้วเธอก็ร้อนผ่าวไปทั้งดวงหน้าและเรือนร่างยิ่งเห็นเขาส่งสายตาวิบวับจับจ้องทรวงอกอุ่นนุ่มของเธอ พราวชมพูก็ยิ่งใจสั่นใช่! ใจเธอสั่นตัวเธอก็สั่นแต่ทุกอย่างคือสั่นสู้ไม่มีถอย“เอาแต่มองไม่อยากจับอยากจูบมันบ้างเหรอคะ” เธอยั่วแล้วจับมือเขามาทาบอกพอฝ่ามือเขาทาบนาบลงไปปลายนิ้วแกร่งก็เริ่มลูบไล้กอบกุมขยำขยุ้มความอุ่นนุ่มนั้นด้วยความหลงใหลพอคลั่งไคล้หนักเข้าเจ้าตัวก็โน้มใบหน้าเข้าหาส่งยอดปทุมมาลย์เข้าสู่อุ้งปากร้อนชื้นกัดกลืนดื่มด่ำอย่างหิวกระหาย“ชอบไหมคะ”“ชอบสิ ยิ่งพราวขย่มไม่ยั้งพี่ยิ่งชอบ”“แต่พราวเหนื่อยแล้วนะคะ”“ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไร พราวอยู่นิ่งๆนอนเฉยๆที่เหลือพี่จัดการเอง” เปลวตะวันว่าแล้วก็พลิกร่างอ้อนแอ้นให้นอนราบไปกับผืนเตียงกว้างผืนผ้าปูสีขาวสะอาดตายังไม่ตรึงใจเท่าเรือนร่างยั่วเย้าของพราวชมพูพอเขาขยับขึ้นมาเป็นฝ่ายควบขับ พราวชมพูก็ขานรับอย่างรู้งาน ทุกการสอดประสานช่างตราตรึงลึกล้ำในหัวใจจนเขาอ
อีกด้านของท้องถนนรถกระบะโฟร์วีลรุ่นล่าสุดของค่ายยักษ์ใหญ่จอดแบบกะทันหันเพราะเจ้าของรถทันได้เห็นเหตุการณ์เข้าแบบพอดิบพอดีอุบัติเหตุเป็นสิ่งไม่คาดคิดเสมอ และเขาเองก็ไม่อาจปล่อยผ่านเลยไปได้ จึงรีบจอดรถและเปิดประตูก้าวลงจากรถวิ่งข้ามถนนมาช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุเพียงแค่มาถึงคิ้วดกสวยของเขาก็ต้องขมวดมุ่นเพราะรถที่อัดติดอยู่กับต้นไม้นั้นช่างคุ้นตาเสียเหลือเกินสองตามองสองเท้าก้าวเข้าไปส่วนมือก็รีบโทรออกเรียกรถกู้ภัยทันทีพอบอกพิกัดเสร็จก็มาถึงตัวรถพอดี แล้วเขาก็ต้องตกใจจนทำสมาร์ตโฟนในมือร่วงหล่นเพราะเห็นคนเจ็บที่ติดอยู่ในรถเต็มสองตา“คุณพราว” ยอดนักรบรีบหาทางเปิดประตูรถหวังช่วยคนเจ็บ เห็นเธออยู่ในรถของเปลวตะวันเพียงลำพังก็ยิ่งเครียดขึงคนกำลังท้องแบบนี้ปล่อยให้มาขับรถเพียงลำพังในที่ไกลห่างผู้คนแบบนี้ได้อย่างไรโชคดีหรือเปล่าที่เขาผ่านมาเห็นเข้าถ้าหากโชคดีของเธอ เขาก็ขอให้โชคดีตลอดไป ให้เขาช่วยเธอได้ทันเวลาก่อนที่จะสายไป“คุณพราว! คุณได้ยินผมไหม” เขาทุบกระจกตะโกนเรียกเธอสุดเสียง ภาวนาให้รถกู้ภัยมาถึงโดยเร็
“พี่ไม่เข้าใจ พี่ไม่รู้ พูดได้หน้าตายไปไหมพี่”“กูไปแย่งแฟนมึงตอนไหน เกิดมากูก็คบของกูอยู่คนเดียวแล้วกูก็ไม่ได้ไปแย่งใครมา มึงต่างหากมาแย่งเขาไปจากกู”“เรื่องพี่แย่งผมไปตอนไหนเอาไว้มีเวลาพี่ลองไปคิดเอาเองจะดีกว่า ผมขี้เกียจเล่า คนฉลาดๆทันคนแบบพี่น่าจะคิดออกได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องแฟนพี่นั่นผมไม่ได้แย่งหรอกว่ะพี่ แต่ที่เขาตีตัวออกห่างหันมาซบอกผมวันนั้นก็เพราะพี่ดูแลรักษาเขาไว้ไม่ได้ต่างหาก เหมือนวันนี้ไงพี่เองก็รักษาคุณ พราวชมพูไว้ไม่ได้ ถ้าไม่มีผมอยู่ตรงนั้นพี่ลองคิดสิว่าจะเป็นยังไง เธอกับลูกจะรอดชีวิตมาได้ไหมวะพี่”“มึงไม่ต้องมาแดกดันมายกยอตัวเองข่มกู”“เปล่าพี่ ผมไม่ได้ข่มพี่ แต่ผมพูดจริง ปล่อยพราวชมพูให้ผมดูแลต่อเถอะพี่ เพราะอะไรๆมันพิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่าพี่ดูแลใครไม่ได้จริงๆ”“อย่าคิดว่ากูจะปล่อยให้มึงมายุ่งกับเมียกูเหมือนปล่อยให้มึงมาแย่งคนรักกูไป”“ว้าว! คำก็แฟน สองคำก็คนรัก ถ้าคุณพราวลุกขึ้นมาได้ยินแบบนี้เธอจะภูมิใจไหมนะที่พ่อของลูกเอาแต่พูดถึงผู้หญิงอื่นแบบนี้”“มึงกลับไปซะไอ้หมอยอด เรื่องที่มึงกวนตีนกูวันนี้กูจะถือ
พราวชมพูรับรู้เรื่องราวด้วยอาการสงบนิ่งผิดจากเปลวตะวันที่แสดงอาการเคืองแค้นชัดเจน พราวชมพูเห็นแล้วก็ปลอบประโลมผ่อนปรนความเครียดขึงของเขาด้วยรอยยิ้มน้อยๆพร้อมลูบท่อนแขนแกร่งอย่างเอาอกเอาใจ“เรื่องมันผ่านไปแล้วพี่หมออย่าใส่ใจเลยนะคะ ตอนนี้พราวกับลูกก็ปลอดภัยแล้ว อะไรที่ให้อภัยได้ ก็ให้อภัยเถอะค่ะ โกรธแค้นไปก็เท่ากับเราร้อนอยู่ในใจเรา หาความสุขสงบไม่ได้หรอกนะคะ”“พี่รู้ว่าโกรธเขาเท่ากับจุดไฟเผาตัวเอง แต่พี่ก็ยังตัดใจอภัยให้ง่ายๆไม่ได้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกลทำผิด แต่มันครั้งแล้วครั้งเล่าและเกลก็ไม่เคยสำนึก”“พราวเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมค่ะ ใครทำอย่างไรย่อมได้อย่างนั้น พราวคนหนึ่งแหละที่จะไม่เอาขาตัวเองไปเกี่ยวไว้กับวิบากกรรมของใคร”“เพิ่งรู้ว่าเมียพี่จิตใจเป็นแม่พระเหลือเกิน พราวคนที่ฟาดใครไม่ยั้งหายไปไหนกันนะ”“ก็ยังอยู่ตรงนี้ยังเป็นคนเดิมนี่แหละค่ะแค่พราวรู้จักปล่อยวางและให้อภัยเป็น”เปลวตะวันฟังแล้วก็นิ่งไปสักพัก พราวชมพูพูดถูกหากปล่อยวางและให้อภัยได้ใจเราก็สงบสุข“จบเรื่องร้ายๆเสียทีออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้เราไปจดท
พราวชมพูค่อยๆปิดเปลือกตาลงด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย เธอนอนตะแคงน้อยๆหันหลังให้เขาขณะที่ฝ่ามือร้อนผ่าวของเขาคลึงเบาๆไปตามเรือนร่าง สัมผัสนั้นช่างนุ่มนวลชวนให้ผ่อนคลายจนแทบจะดำดิ่งลงสู่ห้วงนิทราแต่ยังไม่ทันหลับ พราวชมพูก็ต้องสะดุ้งเมื่อเขานาบริมฝีปากร้อนชื้นลงบนต้นคอนวลเนียนของเธอ ดูดกลืนนวลเนื้อตรงนั้น หากเดาไม่ผิดตอนนี้คงเป็นรอยคิสมาร์กที่เขาจงใจฝากฝังเอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของเท่านั้นไม่พอฝ่ามือร้อนที่โลมลูบไปตามเอวคอดเลื่อนลากไปยังส่วนโค้งของสะโพกกลมกลึงก็ค่อยๆสอดผ่านรอยแยกของสาบเสื้อคลุมเข้าไปทักทายส่วนนั้นตรงกลางกาย“อย่าซนสิคะ พราวให้นวดไม่ได้ให้มาซุกซนแบบนี้”“เซ็กส์คือการนวดที่ดีที่สุด เชื่อพี่สิพี่เรียนมา” เขากระซิบเสียงสั่นแล้วปลุกปั่นเธออย่างเอาแต่ใจพราวชมพูเผลอไผลหลุดครางออกมาเบาๆเมื่อปลายนิ้วร้ายของเขาลากไล้ถูไถจุดกลางกายของเธอหน่วงหนักแต่แฝงด้วยความนุ่มนวลยั่วยวนให้เธอคลั่งไคล้คล้อยตาม“ปล่อยตัวตามสบายนะครับ พราวจะรู้สึกผ่อนคลายแล้วก็สุขจนเคลิ้มเลยเชียวแหละ”“อย่ามาอ้อล้อ พราวเจ็บหนักเพิ่งหายออกมาแบบนี้พี่หมอยังมีอารมณ์มาป
เขาพูดอีกก็ถูกอีกเขาไม่ได้เอาตามแต่ใจเขาแต่เขาเอาตามแต่ใจเธอด้วยเช่นกันและเธอเองก็สุขหฤหรรษ์ไปพร้อมกันกับเขาเสียทุกครา“หายเหนื่อยแล้วมาต่อกันเถอะ”“พอก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวพราวจะคลอดก่อนกำหนดหรือไม่ก็แท้งเสียก่อน”“ไม่หรอกน่า พี่เป็นหมอนะรู้ดีว่าท่าไหนถึงจะปลอดภัย”พราวชมพูค้อนรอบที่เท่าไรเธอนับไม่ถ้วน เปลวตะวันเห็นแล้วก็กระเซ้าอารมณ์ดี“สายตาแบบนี้ไม่เชื่อสินะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จะทำให้ดู ทำมันทุกท่าที่ว่าเด็ดแต่ปลอดภัยนั่นแหละ พราวจะได้รู้ว่าพี่รู้จริงไม่ได้ขี้โม้” เขาบอกแล้วก็เริ่มต้นกระบวนท่าแรกทันทีพราวชมพูไม่ทันตั้งหลักถึงกับหวีดเบาๆด้วยความเสียดเสียวยิ่งเห็นเธอถูกปลุกอารมณ์ง่ายดายแบบนี้เปลวตะวันยิ่งฮึกเหิมจากที่คิดว่าจะเริ่มวันละท่าสองท่าเห็นแล้วค่ำคืนอันยาวนานคืนนี้น่าจะได้หลายกระบวนท่ากว่าจะหมดเรี่ยวแรงไม่เป็นไร! ไม่เป็นไร! จะวันละท่าสองท่าหรือหลายท่า ไม่ว่าวันพรุ่งนี้ หรือวันต่อๆไปเขาก็พร้อมเสมอ***************************เวลาผ่านมาหลายเดือนแล้วหลังจากที่เธอกับหมอห
“พราวปวดมากไหม”“พอไหวค่ะพี่ป่าน มันไม่ได้ปวดตลอด ปวดเป็นพักๆตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ”“โอเค ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้านะ เราต้องไปโรงพยาบาลกัน”“พราวกำลังจะคลอดใช่ไหมคะพี่ป่าน”“เดี๋ยวต้องตรวจดูให้ละเอียดอีกทีว่าจะยืดการคลอดออกไปได้ไหม ปวดท้องแล้วก็มีน้ำเดินแบบนี้บางทีอาจต้องคลอดเลย”“ถ้าพราวคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ยัยหนูจะเป็นอะไรหรือเปล่าคะพี่ป่าน” พราวชมพูถามอย่างกังวล ความไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้วยังต้องมาคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ทำเอาเธอรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี แถมยังมาปวดท้องคลอดตอนที่เปลวตะวันไม่อยู่เธอยิ่งรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก“ทำใจให้สบายนะพราว ถ้าหากต้องคลอดจริงๆยัยหนูก็ไม่เป็นไรหรอก อายุครรภ์ของพราวกับน้ำหนักยัยหนูถ้าคลอดก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยแล้วล่ะ”“ถึงจะอย่างนั้นแต่พราวก็อดใจเสียไม่ได้ค่ะ พี่หมอก็ไม่อยู่ด้วยพราวเลยกังวลไปหมด”“เรื่องปกติจ้ะพราวไม่ว่าใครก็กังวลทั้งนั้นแหละ แต่พราวมีพี่ทำใจให้สบายนะ มาเถอะพี่จ
แอ๊ดดดด...เสียงประตูห้องพักเปิดออกพร้อมกับฝีเท้าหลายคู่ก้าวเข้ามาในห้องดังขึ้น พราวชมพูกับเปลวตะวันหันไปมองตามเสียงนั้นพอเห็นหมอปาลิดาอุ้มลูกน้อยเข้ามาก็ยิ้มกว้างพร้อมกับสบตากันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนที่จะมองไปยังร่างน้อยๆในอ้อมแขนของพี่สาวพร้อมๆกัน“ปาป๊ามามี้ขาเจ้าหญิงมาแล้วค่ะ” เสียงปาลิดาเอ่ยนำมาพร้อมกับเดินมาหยุดข้างเตียงและส่งหนูน้อยในอ้อมแขนให้กับเปลวตะวันที่ยื่นมือไปรับลูกน้อยเข้าสู่อ้อมอก พราวชมพูมองดูภาพนั้นด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในหัวใจ เธอซึมซับเก็บความรักท่วมท้นนี้ไว้ทุกอณูความรู้สึก“ลูกสาวของปาป๊าสวยน่ารักเหลือเกิน”“สวยน่ารักเหมือนแม่แต่ดูๆไปพี่ว่าเหมือนเปลวมากๆเลยนะ”“นั่นสิครับพี่ป่าน ผมว่าเจ้าหญิงเหมือนผมเอามากๆเลยนะครับ” เปลวตะวันยิ้มกว้างอย่างเห็นด้วย ดวงตาคมพริบพราวด้วยความตื่นเต้น“ดูสิพราวเจ้าหญิงหน้าตาเหมือนพี่อย่างกับแกะพิมพ์ออกมาเลยนะ” คนเห่อลูกหันมาทางเมียรักพร้อมกับบรรจงวางลูกน้อยลงสู่อ้อมแขนคนเป็นแม่อย่างทะนุถนอม“ถ้าพี่ไม่ตั้งใจพราวจะได้ลูกสมใจเหรอครับ”พราวชมพูค้อนวงเล็กแล้วหันมาสนใจลูกน้อยในอ้อมอก เ
“ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าพราวไม่เชื่อใจพี่” เปลวตะวันแสร้งทำเสียงงอนๆ ทอดสายตาออดอ้อนยามมองเมียรัก พราวชมพูทำหน้ายู่แล้วตอบอย่างเสียไม่ได้“ก็บอกแล้วว่าพราวเชื่อใจพี่แต่ไม่ไว้ใจคนอื่น”เปลวตะวันถอนหายใจเบาๆก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน“ถ้าเชื่อใจก็ต้องวางใจว่าพี่จะไม่มีวันทำให้พราวเสียใจ”“พราวรักพี่หมอนี่คะ รักแล้วก็หวงมาก พราวไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้พี่หมอ”ได้ฟังแบบนี้เปลวตะวันก็หัวใจฟูฟ่อง เขาบีบปลายจมูกพราวชมพูเบาๆก่อนทำท่าขบคิดแล้วพูดต่อ“ถ้าอย่างนั้นพี่จะดึงเอานักศึกษาชายมาคั่นกลางไม่ให้สาวๆเข้าใกล้ดีไหมครับ”“ชายแท้นะคะ ชายเทียมก็ห้ามพราวหวง”คราวนี้เปลวตะวันถึงกับหัวเราะลั่นห้อง ก็พอรู้หรอกว่าเมียขี้หึงและหวงหนักมากแต่นี่เล่นหวงไปถึงเพศที่สามทำเอาเขาถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้“อย่าหัวเราะสิคะ”“ไม่หัวเราะก็ได้แต่ขอจูบพราวแทนก็แล้วกัน” เปลวตะวันว่าแล้วก็โน้มใบหน้าเข้าหาบรรจงจูบเมียรักตามปากว่าทันทีพราวชมพูที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับครางท้วงเบาๆ แต่ถึงจะท้วงก็ไม่ได้ผลักไสพอเขาบดจูบเว้าวอนเธอก็ตอบรับจูบหวาม
กริ๊งงงงง...กริ๊งงงงง...“หมอเปลวค่ะ หมอเปลวโทรมาแสดงว่าน่าจะถึงแล้ว” นิศาชลรับร้องบอกเมื่อเห็นสายเรียกเข้า พราวชมพูยิ้มกว้างด้วยความดีใจแต่ยิ้มได้ไม่เท่าไรก็ต้องร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดเมื่อมดลูกเริ่มหดรัดตัวอีกระลอกและอาการปวดท้องก็หนักหน่วงขึ้นจับหัวใจ“โอ๊ยยยย...ปวดอีกแล้ว ลูกจ๋า...ใจเย็นๆนะลูก โอ๊ย....พี่ป่านขา ปวดมากคราวนี้ปวดมากจริงๆ”“นิบอกพยาบาลเตรียมห้องคลอดให้พร้อมแล้วย้ายพราวไปที่เตียงได้แล้ว”“ค่ะๆหมอป่าน ฮัลโหล หมอเปลวคะมาที่ห้องคลอดได้เลยนะคะตอนนี้คุณพราวกำลังจะย้ายขึ้นเตียงรอคลอดแล้วค่ะ” นิศาชลรับบอกกับปลายสายทันทีที่กดรับสายแล้วรีบกดอินเตอร์คอมพ์บอกกับพยาบาลเวรในวันนี้ให้เตรียมความพร้อมตามคำสั่งของหมอปาลิดาหลังจากนั้นไม่นานพราวชมพูก็ถูกย้ายขึ้นเตียงรอคลอด และพอคุณแม่มือใหม่ขึ้นขาหยั่งเตรียมพร้อม สายตาของเธอก็สบเข้ากับร่างสูงของสามีที่รักเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน“พี่หมอมาแล้ว”“พี่อยู่นี่แล้วพราว ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาให้พี่มาทันเวลา”&ldq
“พราวปวดมากไหม”“พอไหวค่ะพี่ป่าน มันไม่ได้ปวดตลอด ปวดเป็นพักๆตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ”“โอเค ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้านะ เราต้องไปโรงพยาบาลกัน”“พราวกำลังจะคลอดใช่ไหมคะพี่ป่าน”“เดี๋ยวต้องตรวจดูให้ละเอียดอีกทีว่าจะยืดการคลอดออกไปได้ไหม ปวดท้องแล้วก็มีน้ำเดินแบบนี้บางทีอาจต้องคลอดเลย”“ถ้าพราวคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ยัยหนูจะเป็นอะไรหรือเปล่าคะพี่ป่าน” พราวชมพูถามอย่างกังวล ความไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้วยังต้องมาคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ทำเอาเธอรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี แถมยังมาปวดท้องคลอดตอนที่เปลวตะวันไม่อยู่เธอยิ่งรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก“ทำใจให้สบายนะพราว ถ้าหากต้องคลอดจริงๆยัยหนูก็ไม่เป็นไรหรอก อายุครรภ์ของพราวกับน้ำหนักยัยหนูถ้าคลอดก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยแล้วล่ะ”“ถึงจะอย่างนั้นแต่พราวก็อดใจเสียไม่ได้ค่ะ พี่หมอก็ไม่อยู่ด้วยพราวเลยกังวลไปหมด”“เรื่องปกติจ้ะพราวไม่ว่าใครก็กังวลทั้งนั้นแหละ แต่พราวมีพี่ทำใจให้สบายนะ มาเถอะพี่จ
เขาพูดอีกก็ถูกอีกเขาไม่ได้เอาตามแต่ใจเขาแต่เขาเอาตามแต่ใจเธอด้วยเช่นกันและเธอเองก็สุขหฤหรรษ์ไปพร้อมกันกับเขาเสียทุกครา“หายเหนื่อยแล้วมาต่อกันเถอะ”“พอก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวพราวจะคลอดก่อนกำหนดหรือไม่ก็แท้งเสียก่อน”“ไม่หรอกน่า พี่เป็นหมอนะรู้ดีว่าท่าไหนถึงจะปลอดภัย”พราวชมพูค้อนรอบที่เท่าไรเธอนับไม่ถ้วน เปลวตะวันเห็นแล้วก็กระเซ้าอารมณ์ดี“สายตาแบบนี้ไม่เชื่อสินะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จะทำให้ดู ทำมันทุกท่าที่ว่าเด็ดแต่ปลอดภัยนั่นแหละ พราวจะได้รู้ว่าพี่รู้จริงไม่ได้ขี้โม้” เขาบอกแล้วก็เริ่มต้นกระบวนท่าแรกทันทีพราวชมพูไม่ทันตั้งหลักถึงกับหวีดเบาๆด้วยความเสียดเสียวยิ่งเห็นเธอถูกปลุกอารมณ์ง่ายดายแบบนี้เปลวตะวันยิ่งฮึกเหิมจากที่คิดว่าจะเริ่มวันละท่าสองท่าเห็นแล้วค่ำคืนอันยาวนานคืนนี้น่าจะได้หลายกระบวนท่ากว่าจะหมดเรี่ยวแรงไม่เป็นไร! ไม่เป็นไร! จะวันละท่าสองท่าหรือหลายท่า ไม่ว่าวันพรุ่งนี้ หรือวันต่อๆไปเขาก็พร้อมเสมอ***************************เวลาผ่านมาหลายเดือนแล้วหลังจากที่เธอกับหมอห
พราวชมพูค่อยๆปิดเปลือกตาลงด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย เธอนอนตะแคงน้อยๆหันหลังให้เขาขณะที่ฝ่ามือร้อนผ่าวของเขาคลึงเบาๆไปตามเรือนร่าง สัมผัสนั้นช่างนุ่มนวลชวนให้ผ่อนคลายจนแทบจะดำดิ่งลงสู่ห้วงนิทราแต่ยังไม่ทันหลับ พราวชมพูก็ต้องสะดุ้งเมื่อเขานาบริมฝีปากร้อนชื้นลงบนต้นคอนวลเนียนของเธอ ดูดกลืนนวลเนื้อตรงนั้น หากเดาไม่ผิดตอนนี้คงเป็นรอยคิสมาร์กที่เขาจงใจฝากฝังเอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของเท่านั้นไม่พอฝ่ามือร้อนที่โลมลูบไปตามเอวคอดเลื่อนลากไปยังส่วนโค้งของสะโพกกลมกลึงก็ค่อยๆสอดผ่านรอยแยกของสาบเสื้อคลุมเข้าไปทักทายส่วนนั้นตรงกลางกาย“อย่าซนสิคะ พราวให้นวดไม่ได้ให้มาซุกซนแบบนี้”“เซ็กส์คือการนวดที่ดีที่สุด เชื่อพี่สิพี่เรียนมา” เขากระซิบเสียงสั่นแล้วปลุกปั่นเธออย่างเอาแต่ใจพราวชมพูเผลอไผลหลุดครางออกมาเบาๆเมื่อปลายนิ้วร้ายของเขาลากไล้ถูไถจุดกลางกายของเธอหน่วงหนักแต่แฝงด้วยความนุ่มนวลยั่วยวนให้เธอคลั่งไคล้คล้อยตาม“ปล่อยตัวตามสบายนะครับ พราวจะรู้สึกผ่อนคลายแล้วก็สุขจนเคลิ้มเลยเชียวแหละ”“อย่ามาอ้อล้อ พราวเจ็บหนักเพิ่งหายออกมาแบบนี้พี่หมอยังมีอารมณ์มาป
พราวชมพูรับรู้เรื่องราวด้วยอาการสงบนิ่งผิดจากเปลวตะวันที่แสดงอาการเคืองแค้นชัดเจน พราวชมพูเห็นแล้วก็ปลอบประโลมผ่อนปรนความเครียดขึงของเขาด้วยรอยยิ้มน้อยๆพร้อมลูบท่อนแขนแกร่งอย่างเอาอกเอาใจ“เรื่องมันผ่านไปแล้วพี่หมออย่าใส่ใจเลยนะคะ ตอนนี้พราวกับลูกก็ปลอดภัยแล้ว อะไรที่ให้อภัยได้ ก็ให้อภัยเถอะค่ะ โกรธแค้นไปก็เท่ากับเราร้อนอยู่ในใจเรา หาความสุขสงบไม่ได้หรอกนะคะ”“พี่รู้ว่าโกรธเขาเท่ากับจุดไฟเผาตัวเอง แต่พี่ก็ยังตัดใจอภัยให้ง่ายๆไม่ได้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกลทำผิด แต่มันครั้งแล้วครั้งเล่าและเกลก็ไม่เคยสำนึก”“พราวเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมค่ะ ใครทำอย่างไรย่อมได้อย่างนั้น พราวคนหนึ่งแหละที่จะไม่เอาขาตัวเองไปเกี่ยวไว้กับวิบากกรรมของใคร”“เพิ่งรู้ว่าเมียพี่จิตใจเป็นแม่พระเหลือเกิน พราวคนที่ฟาดใครไม่ยั้งหายไปไหนกันนะ”“ก็ยังอยู่ตรงนี้ยังเป็นคนเดิมนี่แหละค่ะแค่พราวรู้จักปล่อยวางและให้อภัยเป็น”เปลวตะวันฟังแล้วก็นิ่งไปสักพัก พราวชมพูพูดถูกหากปล่อยวางและให้อภัยได้ใจเราก็สงบสุข“จบเรื่องร้ายๆเสียทีออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้เราไปจดท
“พี่ไม่เข้าใจ พี่ไม่รู้ พูดได้หน้าตายไปไหมพี่”“กูไปแย่งแฟนมึงตอนไหน เกิดมากูก็คบของกูอยู่คนเดียวแล้วกูก็ไม่ได้ไปแย่งใครมา มึงต่างหากมาแย่งเขาไปจากกู”“เรื่องพี่แย่งผมไปตอนไหนเอาไว้มีเวลาพี่ลองไปคิดเอาเองจะดีกว่า ผมขี้เกียจเล่า คนฉลาดๆทันคนแบบพี่น่าจะคิดออกได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องแฟนพี่นั่นผมไม่ได้แย่งหรอกว่ะพี่ แต่ที่เขาตีตัวออกห่างหันมาซบอกผมวันนั้นก็เพราะพี่ดูแลรักษาเขาไว้ไม่ได้ต่างหาก เหมือนวันนี้ไงพี่เองก็รักษาคุณ พราวชมพูไว้ไม่ได้ ถ้าไม่มีผมอยู่ตรงนั้นพี่ลองคิดสิว่าจะเป็นยังไง เธอกับลูกจะรอดชีวิตมาได้ไหมวะพี่”“มึงไม่ต้องมาแดกดันมายกยอตัวเองข่มกู”“เปล่าพี่ ผมไม่ได้ข่มพี่ แต่ผมพูดจริง ปล่อยพราวชมพูให้ผมดูแลต่อเถอะพี่ เพราะอะไรๆมันพิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่าพี่ดูแลใครไม่ได้จริงๆ”“อย่าคิดว่ากูจะปล่อยให้มึงมายุ่งกับเมียกูเหมือนปล่อยให้มึงมาแย่งคนรักกูไป”“ว้าว! คำก็แฟน สองคำก็คนรัก ถ้าคุณพราวลุกขึ้นมาได้ยินแบบนี้เธอจะภูมิใจไหมนะที่พ่อของลูกเอาแต่พูดถึงผู้หญิงอื่นแบบนี้”“มึงกลับไปซะไอ้หมอยอด เรื่องที่มึงกวนตีนกูวันนี้กูจะถือ
อีกด้านของท้องถนนรถกระบะโฟร์วีลรุ่นล่าสุดของค่ายยักษ์ใหญ่จอดแบบกะทันหันเพราะเจ้าของรถทันได้เห็นเหตุการณ์เข้าแบบพอดิบพอดีอุบัติเหตุเป็นสิ่งไม่คาดคิดเสมอ และเขาเองก็ไม่อาจปล่อยผ่านเลยไปได้ จึงรีบจอดรถและเปิดประตูก้าวลงจากรถวิ่งข้ามถนนมาช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุเพียงแค่มาถึงคิ้วดกสวยของเขาก็ต้องขมวดมุ่นเพราะรถที่อัดติดอยู่กับต้นไม้นั้นช่างคุ้นตาเสียเหลือเกินสองตามองสองเท้าก้าวเข้าไปส่วนมือก็รีบโทรออกเรียกรถกู้ภัยทันทีพอบอกพิกัดเสร็จก็มาถึงตัวรถพอดี แล้วเขาก็ต้องตกใจจนทำสมาร์ตโฟนในมือร่วงหล่นเพราะเห็นคนเจ็บที่ติดอยู่ในรถเต็มสองตา“คุณพราว” ยอดนักรบรีบหาทางเปิดประตูรถหวังช่วยคนเจ็บ เห็นเธออยู่ในรถของเปลวตะวันเพียงลำพังก็ยิ่งเครียดขึงคนกำลังท้องแบบนี้ปล่อยให้มาขับรถเพียงลำพังในที่ไกลห่างผู้คนแบบนี้ได้อย่างไรโชคดีหรือเปล่าที่เขาผ่านมาเห็นเข้าถ้าหากโชคดีของเธอ เขาก็ขอให้โชคดีตลอดไป ให้เขาช่วยเธอได้ทันเวลาก่อนที่จะสายไป“คุณพราว! คุณได้ยินผมไหม” เขาทุบกระจกตะโกนเรียกเธอสุดเสียง ภาวนาให้รถกู้ภัยมาถึงโดยเร็