“เข้ามาก่อนสิ” เธอเอ่ยปากแล้วก็ทันเห็นเปลวตะวันชะงักนิดๆ เห็นแล้วก็ปวดหนึบในหัวใจหนักเข้าไปอีก
“เดี๋ยวนี้แค่เข้าห้องเกลทำเอาเปลวถึงกับเครียดเลยเหรอเมื่อก่อนมานอนหลับเป็นตายเป็นวันๆไม่เคยเห็นเปลวต้องพะวงอะไรหรือกลัวใครมาเห็นเอาไปพูดกันผิดๆแล้วเปลวจะเสียหาย”
“ไปกันใหญ่แล้วเกล เข้าไปข้างในกันเถอะ ยืนคุยนานเมื่อยขาแล้ว” เปลวตะวันเป็นฝ่ายสรุปจบแล้วดันหลังเกวลินให้เดินนำเข้าไป ตัวเขาก้าวตามมาแล้วปิดประตูห้องก่อนโอบไหล่พาเพื่อนรักที่แสนดีเข้าไปข้างใน
เขาพอจะรู้ว่าวันนี้เกวลินน่าจะมีเรื่องร้อนใจและสะเทือนใจอย่างมากถึงได้เสียศูนย์หนักขนาดนี้
“เปลวนั่งก่อนนะเดี๋ยวเกลไปเอาน้ำมาให้จะดื่มอะไรพิเศษไหม” เกวลินบอกเมื่อเขาและเธอเดินเข้ามาถึงโซฟารับแขกในโถงนั่งเล่นแต่ยังไม่ทันได้เดินไปไหนเปลวตะวันก็ท้วงขึ้น
“เกลนั่งเถอะ เดี๋ยวเปลวไปหยิบเองได้” เปลวตะวันบอกพลางขยับจะเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็น แต่เกวลินรั้งเอาไว้พร้อมกับดึงแขนชี้ชวนให้เขานั่งลง
“เปลวเป็นแขกนั่งนี่แหละ เกลจะหาของว่างมาให้ด้วยเผื่อเปลวฟังเรื่องของเกลแล้วเครียดตามจะได้มีอะไรขบเคี้ยวแก้เครียด” เจ้าของห้องบอกแล้วเดินจากไปทันที
เปลวตะวันไหวไหล่น้อยๆก่อนหย่อนกายนั่งลง สักพักเกวลินก็ออกมาพร้อมน้ำเย็นขวดสองขวด เธอรู้ว่าเปลวตะวันชอบดื่มจากขวดจึงไม่หยิบแก้วมาด้วยและเธอก็กลายเป็นติดนิสัยนี้ยามอยู่กับเขา
“อ้อ...ถ้าไม่รบกวนเกินไปเปลวขอเฟรนส์ฟรายสักหน่อยได้ไหม ไม่ได้กินมานานแล้ว อยากกินฝีมือเกลเพราะตั้งแต่กินมาไม่เคยมีใครทอด เฟรนส์ฟรายได้อร่อยเท่าเกลเลย”
“ขนาดเกลมีเรื่องไม่สบายใจเปลวยังกล้าใช้เกลอีกนะ” เกวลินค่อนขอดแล้วค้อนวงเล็กๆ
เปลวตะวันยิ้มเผล่แล้วเอื้อมมือไปตบบ่าแบบบางเบาๆ
“คิดเสียว่าคลายเครียดน่าเกล เผื่อว่าจะช่วยให้สมองปลอดโปร่งขึ้นมาบ้างก่อนมาคุยกันจริงจัง”
ฟังเหตุผลเขาแล้วเธอก็ขัดไม่ได้ แต่ก่อนลุกไปไม่วายกำชับด้วยความหวังดี
“น้ำในขวดนั่นรีบๆดื่มเสียก่อนที่มันจะหายเย็นล่ะ หมดขวดนี้เกล ไม่มีน้ำเย็นๆเป็นวุ้นแบบนี้ให้แล้วนะบอกไว้ก่อนว่าแช่ไว้ให้ขวดเดียวเพราะเดี๋ยวนี้เปลวไม่ค่อยได้มาเกลเลยไม่ได้เตรียมเผื่อไว้”
เปลวตะวันพยักหน้ารับแล้วยิ้มกว้างให้ เกวลินมองน้ำขวดนั้นอีกครั้งแล้วลุกออกไปจัดการทอดเฟรนส์ฟรายให้เขาตามคำร้องขอ พอถึงประตูห้องครัวก็ลอบชำเลืองมองมาเห็นเขากระดกขวดน้ำขึ้นดื่มก็ยิ้มย่องอย่างพึงพอใจ
เปลวตะวันคือผู้ชายของเธอและเธอไม่มีวันเสียเขาไปให้ใครแน่นอน ไม่มีวัน!
เปลวตะวันใช้แขนปาดเหงื่อเม็ดเล็กๆที่เริ่มผุดพรายบนหน้าผากและตามไรผม
ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกร้อนๆหนาวๆแบบนี้
จะว่าแอร์คอนดิเนชั่นในห้องของเกวลินเสียก็ไม่น่าจะใช่
จะว่าน้ำที่ดื่มเข้าไปมันไม่เย็นพอก็ยิ่งไปใหญ่
เพราะทั้งแอร์และน้ำนั้นเย็นชื่นใจแต่ว่าเขากลับร้อนจนเหงื่อผุดพรายเต็มดวงหน้าและเริ่มแผ่กระจายไปตามเรือนร่าง
“เป็นอะไรไปเหรอเปลวทำไมเหงื่อแตกพลั่กขนาดนั้น”
เกวลินถามหลังจากกลับมาอีกครั้งพร้อมจานเฟรนส์ฟราย เธอเห็นน้ำในขวดพร่องไปกว่าครึ่งแล้วเปลวตะวันเองก็ดูกระสับกระส่ายนั่งไม่ติดที่ก็ยิ้มมุมปากเล็กๆแล้วตีหน้าซื่อทำไขสือถามไถ่
“อย่าบอกนะว่าที่นั่งไม่ติดกระวนกระวายอยู่นี่อยากจะกลับไปหาเมีย”
“เปล่าน่า เราแค่รู้สึกร้อนๆแปลกๆ บอกไม่ถูก”
“ไม่สบายหรือเปล่าเปลว แอร์ก็เย็นขนาดนี้ เกลหนาวจนจะไปเอาผ้ามาห่มอยู่แล้วเนี่ยเปลวดันบอกว่าร้อน เกลสิควรจะร้อนมากกว่าเพิ่งออกมาจากหน้าเตาสดๆร้อนๆ” เกวลินว่าแล้วใช้มือจับสาบเสื้อเชิ้ตสีขาวของตัวเองเขย่าประกอบคำพูด
ไม่รู้บังเอิญหรือจงใจ กระดุมเม็ดบนของเสื้อถึงได้เลื่อนหลุดจนสาบเสื้อแยกออกจากกันเผยให้เห็นเนินอกอวบมองเผินๆช่างเชิญชวนยั่วกิเลสนัก
เปลวตะวันเห็นแล้วก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่น เกวลินเหมือนจะรู้ทัน คนสวยหน้าคมหลุบตามองเนินอกที่กระเพื่อมขึ้นลงของตัวเองแล้วช้อนขึ้นมองเปลวตะวันที่นั่งไม่ค่อยติดโซฟานัก เห็นแล้วก็แย้มยิ้มด้วยความกระหยิ่มใจ
“ถ้าร้อนมากมานี่เกลช่วยเอง”
หมอสาวคนสวยว่าแล้วก็ขยับไปนั่งโซฟาตัวเดียวกับเขาแล้วหยิบขวดน้ำมาราดน้ำที่เหลือครึ่งขวดนั้นลงบนศีรษะของเปลวตะวันเท่านั้นไม่พอยังวกกลับมาสาดน้ำเย็นๆนั้นเข้าใส่ตัวเองอย่างจงใจแล้วหวีดร้องเบาๆราวตกอกตกใจ
“ว้าย! เกลนี่ซุ่มซ่ามจริง ขวดน้ำแค่นี้ก็ทำหลุดมือดูสิเปียกหมดแล้ว”
เปลวตะวันทันได้เห็นตัวเสื้อสีขาวที่เปียกโชกแนบเนื้อจนเห็นไปถึงไหนต่อไหน เห็นแล้วก็เบือนหน้าขวับหันไปมองทางอื่นทันทีแต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเกวลินขยับเข้าหาเขาแล้วใช้ฝ่ามือรั้งใบหน้าเขาให้กลับมาสอดประสานสบสายตากับเธอ
“ทำไมต้องเบือนหน้าหลบด้วยล่ะเปลว เกลมีอะไรไม่น่ามองตรงไหนเหรอ ไม่เหมือนผู้หญิงพวกนั้นตรงไหน” เธอถามพร้อมกับจับมือเขามาวางทาบลงบนทรวงอกนุ่มหยุ่น
เปลวตะวันสะบัดมือออกทันทีราวกับเจอของร้อนแต่ก็ไม่ไวเท่าหมอเกวลินคนดีที่โถมตัวเข้าหาแล้วผลักเขาจนผงะหงายไปตามความยาวของโซฟาพร้อมกับพาตัวเองโถมทับตามลงมาติดๆจนทรวงอกนิ่มๆลอยเด่น ยั่วเย้าอยู่ตรงหน้า
“เกลไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่าหรือเผลอไปกินยาปลุกเซ็กส์ที่ไหนมาถึงได้ทำอะไรขาดสติแบบนี้” เปลวตะวันติงแล้วพยายามเบือนหน้าหลบทรวงนุ่มๆที่ค่อยๆบดทาบลงมาครึ่งปากครึ่งจมูกเขา
ถึงจุดนี้คนพยายามดึงสติเพื่อนถึงกับบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร ฝ่ายเกวลินเห็นอาการตัวสั่นเหงื่อแตกพลั่กๆของเปลวตะวันก็ยิ่งพึงพอใจ ดวงตาคู่สวยตวัดวับมองไปยังแสงกระพริบเล็กๆที่แทรกอยู่ในช่อดอกไม้ในแจกันบนโต๊ะข้างๆ
“ถอยออกไปเถอะเกล เราว่ามันไม่เหมาะ”
“เปลวอยากไม่ใช่เหรอ ตรงนี้ในห้องนี้มีแค่เราทำไมต้องปิดกั้นมันไว้ล่ะ มาเถอะเกลจะช่วยให้เปลวหายอยากเอง”
เปลวตะวันถึงกับอึ้งตะลึงเมื่อเกวลินพูดจบก็ตรงเข้าประกบริมฝีปากลงบดจูบริมฝีปากหยักสวยของเขาอย่างเร่าร้อน ไม่รู้เพราะตกใจหรือเพราะดึงสติได้ทันเปลวตะวันจึงผลักเอาเกวลินผงะหงายออกมาจนเกือบล้มกลิ้งไม่เป็นท่า
“เกลไม่ดีตรงไหน ไม่เซ็กซี่ ไม่เร่าร้อนมากพอเหรอ เปลวถึงพยายามปฏิเสธทั้งที่ตัวเองก็อยากจนจะลงแดงขนาดนี้”
“เกลรู้ได้ยังไงว่าเราอยาก” เปลวตะวันเค้นเสียงเครียดจ้องมองเพื่อนเคยสนิทและแสนดีในสายตาเขาอย่างไม่อยากเชื่อตัวเองว่าเกวลินจะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้
“ตัวสั่น เหงื่อแตกพลั่กเพราะร้อนลุ่มจนนั่งไม่ติดแบบนี้ถ้าไม่ใช่เพราะอยากจะเรียกว่าอะไร”“รู้ดีแบบนี้เกลคงแอบเอายาปลุกเซ็กส์ใส่น้ำนั่นให้เรากินสินะ ทำไมนะเกล ทำไมต้องทำแบบนี้”“ก็เพราะเกลอยากได้เปลวไง เกลอยากได้แล้วก็อยากให้เปลวหันมามองเกลบ้าง เกลอยู่ตรงนี้อยู่ข้างๆเปลวมาตลอดแต่เปลวไม่เคยเห็นเกลในสายตาเลย”“เราเป็นเพื่อนกันเปลวไม่เคยคิดเป็นอย่างอื่น”“แต่เกลคิด เกลรักเปลว รักมาก รักแล้วก็อยากครอบครอง”“เกลรู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา”“รู้สิ เกลรู้ทุกอย่าง เกลทำทุกอย่างแบบมีสติ แล้วนี่ก็เป็นโอกาสเดียวของเกลที่เกลจะได้ครอบครองเปลว”เกวลินว่าแล้วก็โถมกายเข้าหาเปลวตะวันอีกครั้ง แม้เขาจะพยายามปัดป้องฝืนผลักดันเธอออกไปแต่เกวลินก็ไม่ลดละ“เกลบอกแล้วไงในห้องนี้มีแค่เรา เกลไม่พูด เปลวไม่พูด ใครจะรู้” เธอบอกพร้อมกับลูบไล้ปลายนิ้วเล็กๆไต่ไปตามแผงอกกว้างที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจถี่กระชั้นของเขายิ่งเห็นเปลวตะวันพยายามดึงดันฝืนต้านอารมณ์พุ่งพล่านที่กำลังเล่นงานเขาภายในกาย เธอก็ยิ่งนึกชังผู้หญิงเหล่านั้นที่เคยได้แนบเนื้อชิดใกล้โ
เมื่อกลับมาถึงบ้านพราวชมพูเป็นฝ่ายรั้งเปลวตะวันเข้ามาสวมกอด แม้จะไม่รู้อะไรมากนักแต่ความเจ็บปวดในดวงตาของเขาที่ฉายชัดออกมายามเอ่ยถึงอดีตทำให้เธอเห็นอกเห็นใจและพอเข้าใจเหตุผลกลไกที่ทำให้เขากลายเป็นคนร้ายกาจแต่แอบซ่อนลึกในใจได้มากมายโดยที่ไม่มีใครคาดคิดจากที่เธอกาหัวไว้ว่าเขาซื่อบื้อและง่าวถนัดใจ ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าประเมินเขาผิดไปอย่างที่เขาเคยบอกจริงๆบางอย่างไม่จำเป็นต้องแสดงออกเสียหมดเปลือกก็ได้ เก็บไว้บ้าง อาจเป็นคนโง่ในสายตาคนแต่เรารู้แก่ใจต้องไปสนสายตาใครทำไม“มากอดพี่แบบนี้มีอะไรหรือเปล่าครับ” เขาถามยิ้มๆแล้วสวมกอดเธอกลับดึงเธอเข้าแนบอกพร้อมกับกดศีรษะสวยของเธอซุกซบแล้วก้มจูบกลางกระหม่อมหนักๆราวหวงแหนเสียเหลือเกิน“พี่หมอล่ะคะ วันนี้กอดพราวเสียกระดูกระเดี้ยวจะหักหมดแล้ว กอดทำไมนักคะกลัวพราวจะหนีหายไปไหนเหรอ”“กอดเพราะดีใจ เครียดอยู่ตลอดเวลากลัวพราวจะหนีหายไปจริงๆเรียกว่าวัดใจกันไปข้างเลยวันนี้”“หมายความว่ายังไงคะ อย่าบอกนะว่าจงใจสร้างสถานการณ์ให้พราวตามไป”“พี่ขอโทษที่ไม่ได้บอกพราวก่อน พี่กลัวว่ามันจะไม่เนียนเพราะพราวเล่นละครไม่ค่อยเก่ง”“พี่หมอนี่ น่าตีนักเชียว ทำไมร้ายกาจขนาดน
“เบาได้เบาครับพราว” เขากระเซ้าพราวชมพูได้แต่ทุบเบาๆลงบนแผงอกกว้าง สบประสานสายตาเขาแล้วเธอก็ร้อนผ่าวไปทั้งดวงหน้าและเรือนร่างยิ่งเห็นเขาส่งสายตาวิบวับจับจ้องทรวงอกอุ่นนุ่มของเธอ พราวชมพูก็ยิ่งใจสั่นใช่! ใจเธอสั่นตัวเธอก็สั่นแต่ทุกอย่างคือสั่นสู้ไม่มีถอย“เอาแต่มองไม่อยากจับอยากจูบมันบ้างเหรอคะ” เธอยั่วแล้วจับมือเขามาทาบอกพอฝ่ามือเขาทาบนาบลงไปปลายนิ้วแกร่งก็เริ่มลูบไล้กอบกุมขยำขยุ้มความอุ่นนุ่มนั้นด้วยความหลงใหลพอคลั่งไคล้หนักเข้าเจ้าตัวก็โน้มใบหน้าเข้าหาส่งยอดปทุมมาลย์เข้าสู่อุ้งปากร้อนชื้นกัดกลืนดื่มด่ำอย่างหิวกระหาย“ชอบไหมคะ”“ชอบสิ ยิ่งพราวขย่มไม่ยั้งพี่ยิ่งชอบ”“แต่พราวเหนื่อยแล้วนะคะ”“ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไร พราวอยู่นิ่งๆนอนเฉยๆที่เหลือพี่จัดการเอง” เปลวตะวันว่าแล้วก็พลิกร่างอ้อนแอ้นให้นอนราบไปกับผืนเตียงกว้างผืนผ้าปูสีขาวสะอาดตายังไม่ตรึงใจเท่าเรือนร่างยั่วเย้าของพราวชมพูพอเขาขยับขึ้นมาเป็นฝ่ายควบขับ พราวชมพูก็ขานรับอย่างรู้งาน ทุกการสอดประสานช่างตราตรึงลึกล้ำในหัวใจจนเขาอ
อีกด้านของท้องถนนรถกระบะโฟร์วีลรุ่นล่าสุดของค่ายยักษ์ใหญ่จอดแบบกะทันหันเพราะเจ้าของรถทันได้เห็นเหตุการณ์เข้าแบบพอดิบพอดีอุบัติเหตุเป็นสิ่งไม่คาดคิดเสมอ และเขาเองก็ไม่อาจปล่อยผ่านเลยไปได้ จึงรีบจอดรถและเปิดประตูก้าวลงจากรถวิ่งข้ามถนนมาช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุเพียงแค่มาถึงคิ้วดกสวยของเขาก็ต้องขมวดมุ่นเพราะรถที่อัดติดอยู่กับต้นไม้นั้นช่างคุ้นตาเสียเหลือเกินสองตามองสองเท้าก้าวเข้าไปส่วนมือก็รีบโทรออกเรียกรถกู้ภัยทันทีพอบอกพิกัดเสร็จก็มาถึงตัวรถพอดี แล้วเขาก็ต้องตกใจจนทำสมาร์ตโฟนในมือร่วงหล่นเพราะเห็นคนเจ็บที่ติดอยู่ในรถเต็มสองตา“คุณพราว” ยอดนักรบรีบหาทางเปิดประตูรถหวังช่วยคนเจ็บ เห็นเธออยู่ในรถของเปลวตะวันเพียงลำพังก็ยิ่งเครียดขึงคนกำลังท้องแบบนี้ปล่อยให้มาขับรถเพียงลำพังในที่ไกลห่างผู้คนแบบนี้ได้อย่างไรโชคดีหรือเปล่าที่เขาผ่านมาเห็นเข้าถ้าหากโชคดีของเธอ เขาก็ขอให้โชคดีตลอดไป ให้เขาช่วยเธอได้ทันเวลาก่อนที่จะสายไป“คุณพราว! คุณได้ยินผมไหม” เขาทุบกระจกตะโกนเรียกเธอสุดเสียง ภาวนาให้รถกู้ภัยมาถึงโดยเร็
“พี่ไม่เข้าใจ พี่ไม่รู้ พูดได้หน้าตายไปไหมพี่”“กูไปแย่งแฟนมึงตอนไหน เกิดมากูก็คบของกูอยู่คนเดียวแล้วกูก็ไม่ได้ไปแย่งใครมา มึงต่างหากมาแย่งเขาไปจากกู”“เรื่องพี่แย่งผมไปตอนไหนเอาไว้มีเวลาพี่ลองไปคิดเอาเองจะดีกว่า ผมขี้เกียจเล่า คนฉลาดๆทันคนแบบพี่น่าจะคิดออกได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องแฟนพี่นั่นผมไม่ได้แย่งหรอกว่ะพี่ แต่ที่เขาตีตัวออกห่างหันมาซบอกผมวันนั้นก็เพราะพี่ดูแลรักษาเขาไว้ไม่ได้ต่างหาก เหมือนวันนี้ไงพี่เองก็รักษาคุณ พราวชมพูไว้ไม่ได้ ถ้าไม่มีผมอยู่ตรงนั้นพี่ลองคิดสิว่าจะเป็นยังไง เธอกับลูกจะรอดชีวิตมาได้ไหมวะพี่”“มึงไม่ต้องมาแดกดันมายกยอตัวเองข่มกู”“เปล่าพี่ ผมไม่ได้ข่มพี่ แต่ผมพูดจริง ปล่อยพราวชมพูให้ผมดูแลต่อเถอะพี่ เพราะอะไรๆมันพิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่าพี่ดูแลใครไม่ได้จริงๆ”“อย่าคิดว่ากูจะปล่อยให้มึงมายุ่งกับเมียกูเหมือนปล่อยให้มึงมาแย่งคนรักกูไป”“ว้าว! คำก็แฟน สองคำก็คนรัก ถ้าคุณพราวลุกขึ้นมาได้ยินแบบนี้เธอจะภูมิใจไหมนะที่พ่อของลูกเอาแต่พูดถึงผู้หญิงอื่นแบบนี้”“มึงกลับไปซะไอ้หมอยอด เรื่องที่มึงกวนตีนกูวันนี้กูจะถือ
พราวชมพูรับรู้เรื่องราวด้วยอาการสงบนิ่งผิดจากเปลวตะวันที่แสดงอาการเคืองแค้นชัดเจน พราวชมพูเห็นแล้วก็ปลอบประโลมผ่อนปรนความเครียดขึงของเขาด้วยรอยยิ้มน้อยๆพร้อมลูบท่อนแขนแกร่งอย่างเอาอกเอาใจ“เรื่องมันผ่านไปแล้วพี่หมออย่าใส่ใจเลยนะคะ ตอนนี้พราวกับลูกก็ปลอดภัยแล้ว อะไรที่ให้อภัยได้ ก็ให้อภัยเถอะค่ะ โกรธแค้นไปก็เท่ากับเราร้อนอยู่ในใจเรา หาความสุขสงบไม่ได้หรอกนะคะ”“พี่รู้ว่าโกรธเขาเท่ากับจุดไฟเผาตัวเอง แต่พี่ก็ยังตัดใจอภัยให้ง่ายๆไม่ได้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกลทำผิด แต่มันครั้งแล้วครั้งเล่าและเกลก็ไม่เคยสำนึก”“พราวเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมค่ะ ใครทำอย่างไรย่อมได้อย่างนั้น พราวคนหนึ่งแหละที่จะไม่เอาขาตัวเองไปเกี่ยวไว้กับวิบากกรรมของใคร”“เพิ่งรู้ว่าเมียพี่จิตใจเป็นแม่พระเหลือเกิน พราวคนที่ฟาดใครไม่ยั้งหายไปไหนกันนะ”“ก็ยังอยู่ตรงนี้ยังเป็นคนเดิมนี่แหละค่ะแค่พราวรู้จักปล่อยวางและให้อภัยเป็น”เปลวตะวันฟังแล้วก็นิ่งไปสักพัก พราวชมพูพูดถูกหากปล่อยวางและให้อภัยได้ใจเราก็สงบสุข“จบเรื่องร้ายๆเสียทีออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้เราไปจดท
พราวชมพูค่อยๆปิดเปลือกตาลงด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย เธอนอนตะแคงน้อยๆหันหลังให้เขาขณะที่ฝ่ามือร้อนผ่าวของเขาคลึงเบาๆไปตามเรือนร่าง สัมผัสนั้นช่างนุ่มนวลชวนให้ผ่อนคลายจนแทบจะดำดิ่งลงสู่ห้วงนิทราแต่ยังไม่ทันหลับ พราวชมพูก็ต้องสะดุ้งเมื่อเขานาบริมฝีปากร้อนชื้นลงบนต้นคอนวลเนียนของเธอ ดูดกลืนนวลเนื้อตรงนั้น หากเดาไม่ผิดตอนนี้คงเป็นรอยคิสมาร์กที่เขาจงใจฝากฝังเอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของเท่านั้นไม่พอฝ่ามือร้อนที่โลมลูบไปตามเอวคอดเลื่อนลากไปยังส่วนโค้งของสะโพกกลมกลึงก็ค่อยๆสอดผ่านรอยแยกของสาบเสื้อคลุมเข้าไปทักทายส่วนนั้นตรงกลางกาย“อย่าซนสิคะ พราวให้นวดไม่ได้ให้มาซุกซนแบบนี้”“เซ็กส์คือการนวดที่ดีที่สุด เชื่อพี่สิพี่เรียนมา” เขากระซิบเสียงสั่นแล้วปลุกปั่นเธออย่างเอาแต่ใจพราวชมพูเผลอไผลหลุดครางออกมาเบาๆเมื่อปลายนิ้วร้ายของเขาลากไล้ถูไถจุดกลางกายของเธอหน่วงหนักแต่แฝงด้วยความนุ่มนวลยั่วยวนให้เธอคลั่งไคล้คล้อยตาม“ปล่อยตัวตามสบายนะครับ พราวจะรู้สึกผ่อนคลายแล้วก็สุขจนเคลิ้มเลยเชียวแหละ”“อย่ามาอ้อล้อ พราวเจ็บหนักเพิ่งหายออกมาแบบนี้พี่หมอยังมีอารมณ์มาป
เขาพูดอีกก็ถูกอีกเขาไม่ได้เอาตามแต่ใจเขาแต่เขาเอาตามแต่ใจเธอด้วยเช่นกันและเธอเองก็สุขหฤหรรษ์ไปพร้อมกันกับเขาเสียทุกครา“หายเหนื่อยแล้วมาต่อกันเถอะ”“พอก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวพราวจะคลอดก่อนกำหนดหรือไม่ก็แท้งเสียก่อน”“ไม่หรอกน่า พี่เป็นหมอนะรู้ดีว่าท่าไหนถึงจะปลอดภัย”พราวชมพูค้อนรอบที่เท่าไรเธอนับไม่ถ้วน เปลวตะวันเห็นแล้วก็กระเซ้าอารมณ์ดี“สายตาแบบนี้ไม่เชื่อสินะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จะทำให้ดู ทำมันทุกท่าที่ว่าเด็ดแต่ปลอดภัยนั่นแหละ พราวจะได้รู้ว่าพี่รู้จริงไม่ได้ขี้โม้” เขาบอกแล้วก็เริ่มต้นกระบวนท่าแรกทันทีพราวชมพูไม่ทันตั้งหลักถึงกับหวีดเบาๆด้วยความเสียดเสียวยิ่งเห็นเธอถูกปลุกอารมณ์ง่ายดายแบบนี้เปลวตะวันยิ่งฮึกเหิมจากที่คิดว่าจะเริ่มวันละท่าสองท่าเห็นแล้วค่ำคืนอันยาวนานคืนนี้น่าจะได้หลายกระบวนท่ากว่าจะหมดเรี่ยวแรงไม่เป็นไร! ไม่เป็นไร! จะวันละท่าสองท่าหรือหลายท่า ไม่ว่าวันพรุ่งนี้ หรือวันต่อๆไปเขาก็พร้อมเสมอ***************************เวลาผ่านมาหลายเดือนแล้วหลังจากที่เธอกับหมอห
แอ๊ดดดด...เสียงประตูห้องพักเปิดออกพร้อมกับฝีเท้าหลายคู่ก้าวเข้ามาในห้องดังขึ้น พราวชมพูกับเปลวตะวันหันไปมองตามเสียงนั้นพอเห็นหมอปาลิดาอุ้มลูกน้อยเข้ามาก็ยิ้มกว้างพร้อมกับสบตากันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนที่จะมองไปยังร่างน้อยๆในอ้อมแขนของพี่สาวพร้อมๆกัน“ปาป๊ามามี้ขาเจ้าหญิงมาแล้วค่ะ” เสียงปาลิดาเอ่ยนำมาพร้อมกับเดินมาหยุดข้างเตียงและส่งหนูน้อยในอ้อมแขนให้กับเปลวตะวันที่ยื่นมือไปรับลูกน้อยเข้าสู่อ้อมอก พราวชมพูมองดูภาพนั้นด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในหัวใจ เธอซึมซับเก็บความรักท่วมท้นนี้ไว้ทุกอณูความรู้สึก“ลูกสาวของปาป๊าสวยน่ารักเหลือเกิน”“สวยน่ารักเหมือนแม่แต่ดูๆไปพี่ว่าเหมือนเปลวมากๆเลยนะ”“นั่นสิครับพี่ป่าน ผมว่าเจ้าหญิงเหมือนผมเอามากๆเลยนะครับ” เปลวตะวันยิ้มกว้างอย่างเห็นด้วย ดวงตาคมพริบพราวด้วยความตื่นเต้น“ดูสิพราวเจ้าหญิงหน้าตาเหมือนพี่อย่างกับแกะพิมพ์ออกมาเลยนะ” คนเห่อลูกหันมาทางเมียรักพร้อมกับบรรจงวางลูกน้อยลงสู่อ้อมแขนคนเป็นแม่อย่างทะนุถนอม“ถ้าพี่ไม่ตั้งใจพราวจะได้ลูกสมใจเหรอครับ”พราวชมพูค้อนวงเล็กแล้วหันมาสนใจลูกน้อยในอ้อมอก เ
“ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าพราวไม่เชื่อใจพี่” เปลวตะวันแสร้งทำเสียงงอนๆ ทอดสายตาออดอ้อนยามมองเมียรัก พราวชมพูทำหน้ายู่แล้วตอบอย่างเสียไม่ได้“ก็บอกแล้วว่าพราวเชื่อใจพี่แต่ไม่ไว้ใจคนอื่น”เปลวตะวันถอนหายใจเบาๆก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน“ถ้าเชื่อใจก็ต้องวางใจว่าพี่จะไม่มีวันทำให้พราวเสียใจ”“พราวรักพี่หมอนี่คะ รักแล้วก็หวงมาก พราวไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้พี่หมอ”ได้ฟังแบบนี้เปลวตะวันก็หัวใจฟูฟ่อง เขาบีบปลายจมูกพราวชมพูเบาๆก่อนทำท่าขบคิดแล้วพูดต่อ“ถ้าอย่างนั้นพี่จะดึงเอานักศึกษาชายมาคั่นกลางไม่ให้สาวๆเข้าใกล้ดีไหมครับ”“ชายแท้นะคะ ชายเทียมก็ห้ามพราวหวง”คราวนี้เปลวตะวันถึงกับหัวเราะลั่นห้อง ก็พอรู้หรอกว่าเมียขี้หึงและหวงหนักมากแต่นี่เล่นหวงไปถึงเพศที่สามทำเอาเขาถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้“อย่าหัวเราะสิคะ”“ไม่หัวเราะก็ได้แต่ขอจูบพราวแทนก็แล้วกัน” เปลวตะวันว่าแล้วก็โน้มใบหน้าเข้าหาบรรจงจูบเมียรักตามปากว่าทันทีพราวชมพูที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับครางท้วงเบาๆ แต่ถึงจะท้วงก็ไม่ได้ผลักไสพอเขาบดจูบเว้าวอนเธอก็ตอบรับจูบหวาม
กริ๊งงงงง...กริ๊งงงงง...“หมอเปลวค่ะ หมอเปลวโทรมาแสดงว่าน่าจะถึงแล้ว” นิศาชลรับร้องบอกเมื่อเห็นสายเรียกเข้า พราวชมพูยิ้มกว้างด้วยความดีใจแต่ยิ้มได้ไม่เท่าไรก็ต้องร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดเมื่อมดลูกเริ่มหดรัดตัวอีกระลอกและอาการปวดท้องก็หนักหน่วงขึ้นจับหัวใจ“โอ๊ยยยย...ปวดอีกแล้ว ลูกจ๋า...ใจเย็นๆนะลูก โอ๊ย....พี่ป่านขา ปวดมากคราวนี้ปวดมากจริงๆ”“นิบอกพยาบาลเตรียมห้องคลอดให้พร้อมแล้วย้ายพราวไปที่เตียงได้แล้ว”“ค่ะๆหมอป่าน ฮัลโหล หมอเปลวคะมาที่ห้องคลอดได้เลยนะคะตอนนี้คุณพราวกำลังจะย้ายขึ้นเตียงรอคลอดแล้วค่ะ” นิศาชลรับบอกกับปลายสายทันทีที่กดรับสายแล้วรีบกดอินเตอร์คอมพ์บอกกับพยาบาลเวรในวันนี้ให้เตรียมความพร้อมตามคำสั่งของหมอปาลิดาหลังจากนั้นไม่นานพราวชมพูก็ถูกย้ายขึ้นเตียงรอคลอด และพอคุณแม่มือใหม่ขึ้นขาหยั่งเตรียมพร้อม สายตาของเธอก็สบเข้ากับร่างสูงของสามีที่รักเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน“พี่หมอมาแล้ว”“พี่อยู่นี่แล้วพราว ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาให้พี่มาทันเวลา”&ldq
“พราวปวดมากไหม”“พอไหวค่ะพี่ป่าน มันไม่ได้ปวดตลอด ปวดเป็นพักๆตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ”“โอเค ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้านะ เราต้องไปโรงพยาบาลกัน”“พราวกำลังจะคลอดใช่ไหมคะพี่ป่าน”“เดี๋ยวต้องตรวจดูให้ละเอียดอีกทีว่าจะยืดการคลอดออกไปได้ไหม ปวดท้องแล้วก็มีน้ำเดินแบบนี้บางทีอาจต้องคลอดเลย”“ถ้าพราวคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ยัยหนูจะเป็นอะไรหรือเปล่าคะพี่ป่าน” พราวชมพูถามอย่างกังวล ความไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้วยังต้องมาคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ทำเอาเธอรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี แถมยังมาปวดท้องคลอดตอนที่เปลวตะวันไม่อยู่เธอยิ่งรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก“ทำใจให้สบายนะพราว ถ้าหากต้องคลอดจริงๆยัยหนูก็ไม่เป็นไรหรอก อายุครรภ์ของพราวกับน้ำหนักยัยหนูถ้าคลอดก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยแล้วล่ะ”“ถึงจะอย่างนั้นแต่พราวก็อดใจเสียไม่ได้ค่ะ พี่หมอก็ไม่อยู่ด้วยพราวเลยกังวลไปหมด”“เรื่องปกติจ้ะพราวไม่ว่าใครก็กังวลทั้งนั้นแหละ แต่พราวมีพี่ทำใจให้สบายนะ มาเถอะพี่จ
เขาพูดอีกก็ถูกอีกเขาไม่ได้เอาตามแต่ใจเขาแต่เขาเอาตามแต่ใจเธอด้วยเช่นกันและเธอเองก็สุขหฤหรรษ์ไปพร้อมกันกับเขาเสียทุกครา“หายเหนื่อยแล้วมาต่อกันเถอะ”“พอก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวพราวจะคลอดก่อนกำหนดหรือไม่ก็แท้งเสียก่อน”“ไม่หรอกน่า พี่เป็นหมอนะรู้ดีว่าท่าไหนถึงจะปลอดภัย”พราวชมพูค้อนรอบที่เท่าไรเธอนับไม่ถ้วน เปลวตะวันเห็นแล้วก็กระเซ้าอารมณ์ดี“สายตาแบบนี้ไม่เชื่อสินะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จะทำให้ดู ทำมันทุกท่าที่ว่าเด็ดแต่ปลอดภัยนั่นแหละ พราวจะได้รู้ว่าพี่รู้จริงไม่ได้ขี้โม้” เขาบอกแล้วก็เริ่มต้นกระบวนท่าแรกทันทีพราวชมพูไม่ทันตั้งหลักถึงกับหวีดเบาๆด้วยความเสียดเสียวยิ่งเห็นเธอถูกปลุกอารมณ์ง่ายดายแบบนี้เปลวตะวันยิ่งฮึกเหิมจากที่คิดว่าจะเริ่มวันละท่าสองท่าเห็นแล้วค่ำคืนอันยาวนานคืนนี้น่าจะได้หลายกระบวนท่ากว่าจะหมดเรี่ยวแรงไม่เป็นไร! ไม่เป็นไร! จะวันละท่าสองท่าหรือหลายท่า ไม่ว่าวันพรุ่งนี้ หรือวันต่อๆไปเขาก็พร้อมเสมอ***************************เวลาผ่านมาหลายเดือนแล้วหลังจากที่เธอกับหมอห
พราวชมพูค่อยๆปิดเปลือกตาลงด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย เธอนอนตะแคงน้อยๆหันหลังให้เขาขณะที่ฝ่ามือร้อนผ่าวของเขาคลึงเบาๆไปตามเรือนร่าง สัมผัสนั้นช่างนุ่มนวลชวนให้ผ่อนคลายจนแทบจะดำดิ่งลงสู่ห้วงนิทราแต่ยังไม่ทันหลับ พราวชมพูก็ต้องสะดุ้งเมื่อเขานาบริมฝีปากร้อนชื้นลงบนต้นคอนวลเนียนของเธอ ดูดกลืนนวลเนื้อตรงนั้น หากเดาไม่ผิดตอนนี้คงเป็นรอยคิสมาร์กที่เขาจงใจฝากฝังเอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของเท่านั้นไม่พอฝ่ามือร้อนที่โลมลูบไปตามเอวคอดเลื่อนลากไปยังส่วนโค้งของสะโพกกลมกลึงก็ค่อยๆสอดผ่านรอยแยกของสาบเสื้อคลุมเข้าไปทักทายส่วนนั้นตรงกลางกาย“อย่าซนสิคะ พราวให้นวดไม่ได้ให้มาซุกซนแบบนี้”“เซ็กส์คือการนวดที่ดีที่สุด เชื่อพี่สิพี่เรียนมา” เขากระซิบเสียงสั่นแล้วปลุกปั่นเธออย่างเอาแต่ใจพราวชมพูเผลอไผลหลุดครางออกมาเบาๆเมื่อปลายนิ้วร้ายของเขาลากไล้ถูไถจุดกลางกายของเธอหน่วงหนักแต่แฝงด้วยความนุ่มนวลยั่วยวนให้เธอคลั่งไคล้คล้อยตาม“ปล่อยตัวตามสบายนะครับ พราวจะรู้สึกผ่อนคลายแล้วก็สุขจนเคลิ้มเลยเชียวแหละ”“อย่ามาอ้อล้อ พราวเจ็บหนักเพิ่งหายออกมาแบบนี้พี่หมอยังมีอารมณ์มาป
พราวชมพูรับรู้เรื่องราวด้วยอาการสงบนิ่งผิดจากเปลวตะวันที่แสดงอาการเคืองแค้นชัดเจน พราวชมพูเห็นแล้วก็ปลอบประโลมผ่อนปรนความเครียดขึงของเขาด้วยรอยยิ้มน้อยๆพร้อมลูบท่อนแขนแกร่งอย่างเอาอกเอาใจ“เรื่องมันผ่านไปแล้วพี่หมออย่าใส่ใจเลยนะคะ ตอนนี้พราวกับลูกก็ปลอดภัยแล้ว อะไรที่ให้อภัยได้ ก็ให้อภัยเถอะค่ะ โกรธแค้นไปก็เท่ากับเราร้อนอยู่ในใจเรา หาความสุขสงบไม่ได้หรอกนะคะ”“พี่รู้ว่าโกรธเขาเท่ากับจุดไฟเผาตัวเอง แต่พี่ก็ยังตัดใจอภัยให้ง่ายๆไม่ได้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกลทำผิด แต่มันครั้งแล้วครั้งเล่าและเกลก็ไม่เคยสำนึก”“พราวเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมค่ะ ใครทำอย่างไรย่อมได้อย่างนั้น พราวคนหนึ่งแหละที่จะไม่เอาขาตัวเองไปเกี่ยวไว้กับวิบากกรรมของใคร”“เพิ่งรู้ว่าเมียพี่จิตใจเป็นแม่พระเหลือเกิน พราวคนที่ฟาดใครไม่ยั้งหายไปไหนกันนะ”“ก็ยังอยู่ตรงนี้ยังเป็นคนเดิมนี่แหละค่ะแค่พราวรู้จักปล่อยวางและให้อภัยเป็น”เปลวตะวันฟังแล้วก็นิ่งไปสักพัก พราวชมพูพูดถูกหากปล่อยวางและให้อภัยได้ใจเราก็สงบสุข“จบเรื่องร้ายๆเสียทีออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้เราไปจดท
“พี่ไม่เข้าใจ พี่ไม่รู้ พูดได้หน้าตายไปไหมพี่”“กูไปแย่งแฟนมึงตอนไหน เกิดมากูก็คบของกูอยู่คนเดียวแล้วกูก็ไม่ได้ไปแย่งใครมา มึงต่างหากมาแย่งเขาไปจากกู”“เรื่องพี่แย่งผมไปตอนไหนเอาไว้มีเวลาพี่ลองไปคิดเอาเองจะดีกว่า ผมขี้เกียจเล่า คนฉลาดๆทันคนแบบพี่น่าจะคิดออกได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องแฟนพี่นั่นผมไม่ได้แย่งหรอกว่ะพี่ แต่ที่เขาตีตัวออกห่างหันมาซบอกผมวันนั้นก็เพราะพี่ดูแลรักษาเขาไว้ไม่ได้ต่างหาก เหมือนวันนี้ไงพี่เองก็รักษาคุณ พราวชมพูไว้ไม่ได้ ถ้าไม่มีผมอยู่ตรงนั้นพี่ลองคิดสิว่าจะเป็นยังไง เธอกับลูกจะรอดชีวิตมาได้ไหมวะพี่”“มึงไม่ต้องมาแดกดันมายกยอตัวเองข่มกู”“เปล่าพี่ ผมไม่ได้ข่มพี่ แต่ผมพูดจริง ปล่อยพราวชมพูให้ผมดูแลต่อเถอะพี่ เพราะอะไรๆมันพิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่าพี่ดูแลใครไม่ได้จริงๆ”“อย่าคิดว่ากูจะปล่อยให้มึงมายุ่งกับเมียกูเหมือนปล่อยให้มึงมาแย่งคนรักกูไป”“ว้าว! คำก็แฟน สองคำก็คนรัก ถ้าคุณพราวลุกขึ้นมาได้ยินแบบนี้เธอจะภูมิใจไหมนะที่พ่อของลูกเอาแต่พูดถึงผู้หญิงอื่นแบบนี้”“มึงกลับไปซะไอ้หมอยอด เรื่องที่มึงกวนตีนกูวันนี้กูจะถือ
อีกด้านของท้องถนนรถกระบะโฟร์วีลรุ่นล่าสุดของค่ายยักษ์ใหญ่จอดแบบกะทันหันเพราะเจ้าของรถทันได้เห็นเหตุการณ์เข้าแบบพอดิบพอดีอุบัติเหตุเป็นสิ่งไม่คาดคิดเสมอ และเขาเองก็ไม่อาจปล่อยผ่านเลยไปได้ จึงรีบจอดรถและเปิดประตูก้าวลงจากรถวิ่งข้ามถนนมาช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุเพียงแค่มาถึงคิ้วดกสวยของเขาก็ต้องขมวดมุ่นเพราะรถที่อัดติดอยู่กับต้นไม้นั้นช่างคุ้นตาเสียเหลือเกินสองตามองสองเท้าก้าวเข้าไปส่วนมือก็รีบโทรออกเรียกรถกู้ภัยทันทีพอบอกพิกัดเสร็จก็มาถึงตัวรถพอดี แล้วเขาก็ต้องตกใจจนทำสมาร์ตโฟนในมือร่วงหล่นเพราะเห็นคนเจ็บที่ติดอยู่ในรถเต็มสองตา“คุณพราว” ยอดนักรบรีบหาทางเปิดประตูรถหวังช่วยคนเจ็บ เห็นเธออยู่ในรถของเปลวตะวันเพียงลำพังก็ยิ่งเครียดขึงคนกำลังท้องแบบนี้ปล่อยให้มาขับรถเพียงลำพังในที่ไกลห่างผู้คนแบบนี้ได้อย่างไรโชคดีหรือเปล่าที่เขาผ่านมาเห็นเข้าถ้าหากโชคดีของเธอ เขาก็ขอให้โชคดีตลอดไป ให้เขาช่วยเธอได้ทันเวลาก่อนที่จะสายไป“คุณพราว! คุณได้ยินผมไหม” เขาทุบกระจกตะโกนเรียกเธอสุดเสียง ภาวนาให้รถกู้ภัยมาถึงโดยเร็