จากท่านหญิงสูงศักดิ์ต้องกลายมาเป็นเด็กสาวบ้านป่าฐานะยากจนแถมยังเป็นกำพร้า แรกเริ่มหลัวจืออจื่อที่มาเกิดใหม่ในร่างของหลินหลีฮวาก็คิดว่าตนเองจะใช้ชีวิตให้ดีไม่คิดว่าสุดท้ายพอนางตัดสินใจแต่งงานจะพบหายนะ!
View Moreตอนที่ 14|| พี่สะใภ้เฉา ที่คิดไม่ซื่อกับน้องสามีเช้าตรู่ของจวนสกุลซ่ง แสงแดดยามเช้าส่องผ่านม่านบางของเรือนอวี้หลัน ลมเย็นพัดพากลิ่นหอมของดอกอวี้หลันที่กำลังผลิบานให้ลอยฟุ้งทั่วบริเวณ หลินหลีฮวายืนอยู่บนระเบียง พลางทอดสายตามองสวนเล็ก ๆ ที่ถูกจัดไว้อย่างประณีตหลังจากแต่งเข้าจวนสกุลซ่งในฐานะ ‘ฮูหยินรอง’ ของบ้านรองของท่านหมอซ่ง นี่เป็นเช้าวันแรกที่นางตื่นขึ้นมาในฐานะภรรยาของซ่งไป๋เซียว เมื่อคืนหลังจากดื่มน้ำชาแล้วเผลอหลับไป คงถูกซ่งไป๋เซียวอุ้มมาส่งที่ห้องนอน เมื่อตื่นขึ้นมาก็ไม่พบสามีตามประเพณีและกฎหมายของต้าฉู่เสียแล้ว ฟังจากอาจิ่วกับอาหนิว ท่านหมอซ่งออกไปโรงหมอหลวงตั้งแต่ปลายยามอิ๋น (*ยามอิ๋น (寅 yín) = 03.00 - 04.59 น.)ดังนั้นขณะนี้เรือนอวี้หลันจึงเหลือเพียงนาง สาวใช้ บ่าวไพร่สิบกว่าคน และแมวน้อยหนึ่งตัว ใต้เท้าซ่งไม่ยอมรับนางเป็นสะใภ้ การคารวะยามเช้าจึงถูกตัดออกไป ส่วนฮูหยินซ่งก็บอกกับนางตั้งแต่หัวค่ำหลังจบมื้อค่ำว่าไม่เคร่งครัดเรื่องนี้ ให้นางพักผ่อนไปก่อน เรื่องคารวะเอาไว้ให้นางปรับตัวได้จึงค่อยว่ากัน‘เช่นนั้นวันนี้ข้าอยู่เงียบ ๆ น่าจะดีที่สุด’แต่ยังไม่ทันที่นางจะซึมซับความสงบ
ตอนที่ 13 || คืนแรกในจวนสกุลซ่งของอาหลีกับอาจ้านหลินหลีฮวาไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าตนเองถูกสตรีอื่นหมายหัว นางกำลังเตรียมตัวเข้านอนในค่ำคืนแรกภายในจวนสกุลซ่ง ไหนเลยจะคิดไปถึงผู้อื่นหรือเรื่องไกลตัวบรรยากาศรอบบ้านรอง หรือเรือน อวี้หลัน เต็มไปด้วยความเงียบสงบ ดวงจันทร์ทอแสงอ่อนโยนลอดผ่านหน้าต่างกระดาษสา สาดส่องลงบนพื้นไม้ขัดเงา เสียงลมพัดแผ่วทำให้ม่านแพรบางไหวระริก กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกอวี้หลันโชยมาแตะจมูก ราวกับต้องการกล่อมผู้ที่อยู่ภายในให้เข้าสู่ห้วงนิทราทว่า..."เฮ้อ..."เด็กสาวพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงกว้าง พลางถอนหายใจเบา ๆ นางรู้สึกอึดอัดบอกไม่ถูก คงเป็นเพราะยังแปลกที่กระมังหลังอาบน้ำและแต่งกายเรียบร้อย นางก็บอกให้สองสาวใช้ อาจิ่วกับอาหนิว กลับไปพักผ่อนได้ นางไม่ชอบให้ใครคอยดูแลมากเกินไป และไม่ต้องการรบกวนเวลาพักของพวกนาง แต่พออยู่เพียงลำพังในห้องกว้างขวางนี้แล้ว กลับรู้สึกไม่คุ้นชินเลยในอดีต สมัยยังเป็นท่านหญิง นางอาศัยอยู่ในตำหนักกว้างใหญ่หรูหรา แต่กลับรู้สึกว่าตนเองเป็นเพียงคนแปลกหน้าภายในตำหนักนั้นเสียมากกว่า... ตรงกันข้ามกับเรือนเล็ก ๆ ที่หมู่บ้านถงหลัว แม้จะสมถะเรียบง่าย แต่กล
ตอนที่ 9 || พบมารดาเลี้ยงสามีใจประเสริฐหลังจากเสร็จสิ้นพิธียกน้ำชาคารวะใต้เท้าซ่ง แต่กลับต้องเทน้ำชาทิ้ง ซ้ำยังถูกบิดาสามีขับไล่ออกมาอีกด้วย ซ่งไป๋เซียวก็พาหลินหลีฮวาเดินลัดเลาะผ่านโถงทางเดินของจวนซ่งมายังเรือนที่อยู่อีกด้านของเรือนชิงมู่"ท่านหมอซ่ง เรากำลังจะไปที่ใดหรือเจ้าคะ" อาหลีเอ่ยถาม นางยังคงสลัดบรรยากาศตึงเครียดจากการพบใต้เท้าซ่งเมื่อครู่ไม่หมด จึงอดกังวลไม่ได้ว่าตนจะต้องไปพบผู้ใดอีกเพิ่งมาถึงก็ต้องเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้ อาหลีก็เริ่มรู้สึกท้อขึ้นมาบ้าง ซ่งไป๋เซียวเหลือบมองนางแวบหนึ่ง ก่อนตอบเสียงเรียบเมื่อเห็นแววตาอ่อนล้าของเด็กสาว"ไปพบมารดาเลี้ยงของข้า นางคือฮูหยินเอกของใต้เท้าซ่ง แต่นางไม่เหมือนใต้เท้าซ่ง"อาหลีชะงักเล็กน้อย ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ"มารดาเลี้ยงของท่าน?"เด็กสาวถามย้ำออกไป เพราะปกติแล้วฮูหยินเอกมักอยู่เรือนหลักมิใช่หรือ เหตุใดจึงแยกเรือน? แต่คิดไปคิดมา หลินหลีฮวาก็ไม่กล้าถามออกไปทั้งหมด"ท่านแม่ใหญ่นางแต่งเข้ามา แต่มิอาจตั้งครรภ์ได้ นางจึงได้ยกท่านแม่ของข้าที่เป็นน้องสาวต่างมารดาขึ้นมาเป็นอี๋เหนียง เพื่อรักษาฐานะฮูหยินเอกของตนเอาไว้"ซ่งไป๋เซียวเอ่ยเล่าเส
ตอนที่ 10 || อาหารมื้อแรกในจวนสกุลซ่ง(ตรวจคำผิดแล้ว)บรรยากาศในเรือนของฮูหยินซ่งอบอุ่นและสงบเงียบ ต่างจากเรือนหลักโดยสิ้นเชิงหลังจากพูดคุยกันได้สักพัก ฮูหยินซ่งก็สั่งให้สาวใช้จัดสำรับอาหารเผื่อซ่งไป๋เซียวและหลินหลีฮวาด้วย"พวกเจ้าเพิ่งเดินทางมาไกล ต้องเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย นั่งพักก่อนเถอะ สำรับอาหารใกล้จะเสร็จแล้ว วันนี้กินข้าวกับแม่ใหญ่สักมื้อ" ฮูหยินซ่งเอ่ยชวนเรียบง่าย"ขอบพระคุณท่านแม่ใหญ่เจ้าค่ะ"อาหลีค้อมกายรับอย่างนอบน้อมไม่นานนัก บ่าวไพร่ก็นำสำรับอาหารมาจัดวางลงบนโต๊ะไม้เนื้อดีที่ตั้งอยู่กลางห้อง อาหารแต่ละจานถูกจัดวางเรียบร้อย ดูเรียบง่ายแต่พิถีพิถัน กลิ่นหอมของ ซุปไก่ตุ๋นยาจีน ลอยกรุ่น เคียงข้างด้วย เนื้อเป็ดรมควันชิ้นหนา ผัดผักรวมหลากสี และปลานึ่งซีอิ๊วที่ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนหลินหลีฮวาลอบมองอาหารตรงหน้าด้วยความเงียบงันต้องยอมรับว่าอาหารที่นี่ดูดีกว่าที่นางเคยกินในหมู่บ้านถงหลัวมากนัก แต่ถึงกระนั้น อาหารเหล่านี้ก็ยังเป็นเพียงอาหารธรรมดาของจวนสกุลซ่ง หาใช่อาหารชั้นสูงของราชสำนัก และยิ่งไม่ใกล้เคียงอาหารของเผ่าเจียง"มื้อนี้เป็นเพียงอาหารง่าย ๆ แต่ล้วนเป็นของสดใหม่ที่แม่ใหญ่ให้
ตอนที่ 12 || ท่านแต่งกับนางเพื่อประชดข้าใช่หรือไม่หลังจากซ่งไป๋เซียวก้าวออกจากเรือนอันเล่อหลังเสร็จสิ้นการสนทนากับพี่ชาย แม้สีหน้าของเขาจะเรียบเฉยดังเดิม แต่ในดวงตากลับฉายแววเบื่อหน่ายและระอา"ไป๋ซั่วผู้นี้อายุตั้งเท่าไหร่แล้ว ยังทำตัวเป็นเด็กไปได้..." เขาพึมพำเบา ๆ บ่นให้กับพี่ชายที่ปีนี้อายุยี่สิบสอง ไม่พอ ยังเป็นถึงราชเลขาแล้วแท้ ๆ แต่กลับเอาแต่โวยวาย หากมีใครมาเห็นเข้า จะคิดอย่างไร...บ่นไปพลาง ก้าวเท้าเตรียมมุ่งหน้ากลับบ้านรองของตนเองไปพลาง แต่ทันทีที่ซ่งไป๋เซียวก้าวพ้นประตูเรือน ก็ต้องหยุดฝีเท้าเมื่อเห็นร่างของสตรีผู้หนึ่งยืนรออยู่เฉาหลิงเอ๋อสตรีที่เคยเป็นคนรักของเขาเมื่อสองปีก่อน และบัดนี้... นางกลายเป็นภรรยาของพี่ชายเขาไปแล้วซ่งไป๋เซียวขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาของเขาว่างเปล่าไร้อารมณ์ ดวงตาคมกริบจ้องมองนางอย่างเย็นชา"เจ้ามารอพบข้าทำไม?" น้ำเสียงของเขาเรียบเฉย ไม่แสดงความยินดีหรือโกรธเคืองแม้จะไม่ได้พบกันเกือบหนึ่งปีเฉาหลิงเอ๋อกัดริมฝีปากแน่น นางพยายามสงบใจ แต่เมื่อสบเข้ากับสายตาเย็นชาของเขา หัวใจของนางกลับปวดร้าวยิ่งนัก"ท่านกลับมาแล้วจริง ๆ" นางเอ่ยเบา ๆ"ใช่ ข้ากลับมาแล้ว
ตอนที่ 11 || พูดคุยตามประสาพี่น้อง(ตรวจคำผิดแล้ว)หลังจากส่งอาหลีที่เรือนแล้ว ซ่งไป๋เซียวจึงตรงไปหาซ่งไป๋ซั่วทันที ขณะนี้เป็นเวลาปลายยามซวี แต่ภายในจวนสกุลซ่งกลับเงียบสงัด ทว่าภายในเรือนอันเล่อของคุณชายใหญ่ยังคงมีแสงไฟส่องสว่างตัดกับความมืดของราตรีซ่งไป๋เซียวก้าวเข้าไปในเรือนอย่างเงียบเชียบ บ่าวรับใช้ที่เฝ้าประตูเรือนอันเล่อเมื่อเห็นเขาก็รีบค้อมตัวทำความเคารพ ก่อนจะผลักบานประตูให้เปิดออก"ท่านราชเลขารออยู่ที่ห้องหนังสือ เชิญขอรับ ท่านหมอซ่ง"ซ่งไป๋เซียวไม่ตอบอะไร ทำเพียงก้าวเข้าไปอย่างไม่ลังเล ภายในห้องโถงตกแต่งเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายอำนาจ หนังสือและรายงานกองเป็นตั้งอยู่บนโต๊ะไม้สลักลวดลายดอกโบตั๋น เสียงพู่กันขูดกระดาษดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอบุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่เบื้องหน้า เขาอยู่ในชุดขุนนางเต็มยศสีดำขลับ คาดว่าหลังกลับจากวังหลวงก็ตรงเข้ามาทำงานต่อในห้องหนังสือเลย ไม่ได้แวะไปที่ใด คิ้วเรียวของคนผู้นี้ได้รูป สายตาคมกริบดุจคมดาบ แม้ไม่ได้เอ่ยวาจา แต่บรรยากาศรอบตัวเขากลับหนักอึ้งราวกับสามารถบดขยี้ผู้คนได้ในพริบตาคนผู้นี้คือ... ซ่งไป๋ซั่วราชเลขาหนุ่มวัยยี่สิบสองปี ผู้กุมอำนาจในราช
ตอนที่ 15|| ท่านหมอซ่งชื่นชมอาหลีในใจกลางยามเฉิน ภายในโรงหมอหลวง ซ่งไป๋เซียวยังคงง่วนอยู่กับการจัดเรียงตำราแพทย์บนโต๊ะหนังสือขนาดใหญ่ แสงแดดอ่อนยามสายสาดผ่านหน้าต่างกระดาษสา ทาบลงบนเอกสารรายงานการรักษาผู้ป่วยที่กองสูงเป็นตั้ง เขาพลิกกระดาษอย่างแผ่วเบา สายตากวาดมองข้อมูลอย่างรวดเร็วแต่เพียงครู่เดียว เสียงฝีเท้าแผ่วเบาก็ดังขึ้นด้านหลัง ซ่งไป๋เซียวไม่ได้เงยหน้าขึ้น เขารู้ดีว่าเป็นผู้ใด"ท่านหมอซ่ง"เงาร่างของบุรุษในอาภรณ์สีกลมกลืนไปกับชาวบ้านทั่วไปปรากฏขึ้นตรงหน้าประตู เกาหานค้อมกายประสานมืออย่างนอบน้อม แววตาแน่วแน่และเคร่งขรึม"มีเรื่องใด?" ซ่งไป๋เซียวถามโดยไม่ละสายตาจากเอกสาร"ข้านำข่าวจากจวนมารายงานขอรับ"ซ่งไป๋เซียวเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าให้เกาหานรายงานต่อ"วันนี้สะใภ้ใหญ่เฉาเชิญฮูหยินรองไปพบที่เรือนฉางเล่อขอรับ"ทันทีที่ได้ยินชื่อ "เฉาหลิงเอ๋อ" มือที่ถือพู่กันของซ่งไป๋เซียวพลันหยุดชะงักไปเสี้ยววินาที ดวงตาที่เคยสงบนิ่งคล้ายฉายแววเย็นเยียบขึ้นโดยไม่รู้ตัว‘เฉาหลิงเอ๋อ...’หญิงผู้นี้มาพบอาหลี จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ล้วนไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเด็กสาวแน่"แล้วเป็นอย่างไรบ้าง?" น้ำเส
ตอนที่8|| นี่หรือพ่อสามีภายในห้องโถงใหญ่ของจวนเสนาบดีสกุลซ่ง บรรยากาศตึงเครียดจนแทบไม่มีผู้ใดกล้าหายใจแรง หลังจาก คนสนิทของใต้ซ่งผู้นำตระกูลในขณะนี้เข้าไปแจ้งกับนายท่านของเขาว่าบัดนี้ท่านหมอซ่งหรือคุณชายรองซ่งมาขอพบพร้อมกับฮูหยิน ไม่นานเขาก็อนุญาตให้บุตรชายคนรองของตนเองเข้าพบได้"ให้มันเข้ามา!"บุรุษหนุ่มใหญ่นั่งอยู่บนแท่นสูงเอ่ยออกไป ใบหน้าของเขามืดครึ้มดุจพายุคลั่ง ดวงตาเฉียบคมเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด บนโต๊ะไม้แกะสลักอันวิจิตรถูกปกคลุมไปด้วยเอกสารราชการที่ถูกเขวี้ยงทิ้งอย่างไม่ไยดี ด้านหลังบุรุษวัยสี่สิบปลาย ๆ ผู้มีตำแหน่งสูงส่ง แผ่นหลังตั้งตรงราวกับไม้สน แม้จะอายุไม่น้อยแต่ยังคงแข็งแกร่งและทรงอำนาจเสียงฝีเท้าดังขึ้นเมื่อซ่งไป๋เซียวก้าวเข้ามาในห้องโถง พร้อมกับ หลินหลีฮวา ที่เดินตามมาด้วยกิริยาสงบนิ่ง แม้จะต้องเผชิญกับสายตากดดันของขุนนางใหญ่แห่งแผ่นดิน แต่เด็กสาวเพียงค้อมศีรษะให้เล็กน้อย ก่อนจะคุกเข่าลงข้าง ๆ สามีของตนแต่ไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้เอ่ยสิ่งใด เสียงของซ่งป๋อเหยียนก็กระแทกก้องห้องโถง"เจ้าหายหัวไปสามเดือน! พอกลับมาเจ้ากลับพาเด็กสาวที่ใดก็ไม่รู้มาเป็นสะใภ้ของสกุลซ่ง!?"ซ่ง
ตอนที่7|| เรือนอวี้หลันของพวกเราทันทีที่ก้าวผ่านประตูใหญ่และเหล่าคนรับใช้ส่วนหนึ่งที่ตั้งแถวต้อนรับคุณชายรอง อาหลีก็กวาดสายตาสังเกตรอบข้างเงียบงัน นางสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่กว้างขวางของจวนแห่งนี้ เพราะจวนซ่งนี้ถูกสร้างขึ้นตามรูปแบบ เรือนสี่ประสาน หรือ ซื่อเหอย่วน (四合院) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมดินแดนจงหยวนของขุนนางชั้นสูง ภายในประกอบด้วยเรือนหลักและเรือนรองที่เชื่อมต่อกันล้อมรอบลานกว้างตรงกลางพื้นทางเดินปูด้วยหินแกรนิตสีเทาเรียบสนิท บรรยากาศสงบและเข้มขลัง เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปจะเห็นอาคารเรือนใหญ่ที่หลังคามุงกระเบื้องเขียวสลับฟ้า ตัดกับเชิงชายไม้ที่แกะสลักลวดลายเมฆมงคลอย่างวิจิตร เสาไม้ขนาดใหญ่ถูกสลักงดงาม ตัดกับคานไม้สีทองอร่าม แสดงถึงความมั่นคงของจวนขุนนางเสียงรองเท้าของบ่าวไพร่ที่สวมรองเท้าผ้าดังก้องบนพื้นหิน พวกเขาล้วนแต่งกายด้วยอาภรณ์เรียบง่าย แต่สะอาดสะอ้าน บ้างถือพัด บ้างถือถาดน้ำชาเดินสวนกันไปมาอย่างเป็นระเบียบ แต่พอพวกเขาแลเห็นคุณชายรองต่างก็ก้มศีรษะและโค้งกายทำความเคารพบ่าวไพร่จำนวนไม่น้อยลอบมองอาหลีด้วยความอยากรู้ ต่างพากันคาดเดาไปต่างๆ นานา บางคนอดใจไม่ไหวก็ถึงกับแอบไปสอบถาม
แสงอาทิตย์ยามอัสดงทอดยาวเหนือแนวเขา ดุจม่านสุดท้ายของโชคชะตาลาลับขอบฟ้า ขบวนทูตจากเผ่าเจียงเคลื่อนผ่านผืนป่าเข้าสู่เขตชายแดนแคว้นต้าฉู่ อาภรณ์สีสด พู่ธงไหวลู่ตามลม ราวกับเป็นขบวนเกียรติยศหากแท้จริงแล้ว ภายนอกที่ผู้คนรู้คือเผ่าเจียงส่งท่านหญิงหลัวจือจื่อบุตรสาวคนโตของทู่ป๋าอ๋องเผ่าเจียงมาเป็นทูตสันถวไมตรี ทว่าภารกิจลับคือการส่งตัว หลัวจือจื่อ ไปอภิเษกกับ ไท่จื่อจ้าวจื่อหาน องค์รัชทายาทของต้าฉู่ เพื่อสานพันธไมตรีลับระหว่างสองดินแดนตามข้อตกลงทางการทหารของไท่หมิงฮ่องเต้กับทู่ปาอ๋องหลัวเจิงหนานแต่นี่คือสิ่งที่ราชสำนักบางฝ่ายไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะ องค์ชายสาม จ้าวจื่อเฉิน ผู้มองการแต่งงานนี้เป็นภัยอำนาจโดยตรงของตนเองเขาจึงส่งมือสังหารฝีมือฉกาจในคราบ “โจรป่า” ซุ่มดัก ณ เส้นทางลับ หวังสังหารหลัวจือจื่อตั้งแต่ก่อนนางจะข้ามพรมแดนเสียงฝีเท้าม้ากระแทกพื้นดินอย่างรุนแรง สะเทือนจนฝุ่นปลิวว่อน เงาดำมากมายพุ่งออกจากแนวไม้หนาทึบ ประกายดวงตาแต่ละคู่ฉายแววกระหายเลือด เหล็กในมือพวกมันส่องแสงเย็นเฉียบยามกระทบแสงสุดท้ายของวัน"ศัตรู! ปกป้องท่านหญิง!!"เสียงตะโกนขององครักษ์ดังลั่น พวกเขาชักดาบออ...
Comments