Home / รักโบราณ / สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง / ตอนที่ 1||อดีตยังตามหลอกหลอนข้ามิจาง

Share

ตอนที่ 1||อดีตยังตามหลอกหลอนข้ามิจาง

last update Last Updated: 2025-04-09 15:14:51

ตอนที่ 1||อดีตยังตามหลอกหลอนข้ามิจาง

เปรี้ยง!

เสียงฟ้าผ่าคำรามกึกก้อง ราวกับต้องการปลุกทุกสรรพสิ่งให้ตื่นจากความเงียบงัน

ร่างบอบบางของเด็กสาววัยสิบสามปีสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายอย่างรุนแรง ลมหายใจของนางหนักหน่วงราวกับเพิ่งถูกฉุดขึ้นมาจากห้วงน้ำลึก ดวงตาเรียวรีดั่งนัยน์ตาหงส์เบิกกว้าง ก่อนจะกะพริบถี่เพราะยังคงสับสนระหว่างความจริงและภาพฝันอันเลือนราง

ฝันนั้นอีกแล้ว...

ความทรงจำจากอดีตก่อนตายไหลทะลักเข้ามาอีกครั้งเสียงดาบปะทะ เสียงกรีดร้อง การสังหาร และกลิ่นเลือดที่ยังคงคละคลุ้งในสำนึก ราวกับจะไม่มีวันจางหาย

นางพยายามสะบัดศีรษะ ไล่ภาพอันโหดร้ายเหล่านั้นออกไปจากจิตใจ แต่กลิ่นคาวเลือดจากสนามรบในความฝันยังคงติดแน่นอยู่ในจิตวิญญาณ

อีกนานเพียงใด...ข้าถึงจะลืมเลือนกันเล่า...?

ภายนอก เรือนเล็ก ๆ ยังคงเผชิญกับสายฝนโปรยปรายไม่ขาดสาย หยาดน้ำกระทบหลังคาไม้เสียงแผ่วเบา สายลมหนาวพัดลอดเข้าทางหน้าต่างที่ปิดไม่สนิท เปลวไฟจากตะเกียงน้ำมันสั่นไหว เงาของเด็กสาวทอดยาวบนผนัง ราวกับเป็นเงาแห่งความเดียวดายที่ยากจะลบเลือน

"เหมียว!"

เสียงร้องขุ่นเคืองของแมวอ้วนตัวหนึ่งดังขึ้น มันขดตัวอยู่ข้างหมอน นัยน์ตากลมโตจ้องมองนางอย่างไม่พอใจ คล้ายตำหนิที่นางไปรบกวนการหลับใหลของมัน

"ข้าขอโทษที่รบกวนเจ้า อาจ้าน... " นางพึมพำเบา ๆ พลางยื่นมือไปลูบขนสีดำสนิทแต่กลับนุ่มมือของมัน และทอดสายตามองออกไปยังความมืดมิดเบื้องนอก

นางยังจำได้ดีถึงวันแรกที่ตื่นขึ้นมาในร่างของ หลินหลีฮวา วันนั้นนางนอกจากท่านย่าที่เดินแทบไม่ไหวคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้แล้วแล้วก็มีเพียงเจ้าแมวอ้วนตัวนี้ที่มานั่งเฝ้าอยู่ข้างหมอนเป็นเพื่อน

อาจ้านไม่ได้เป็นสัตว์เลี้ยงดั้งเดิมของเรือนหลังนี้ แต่นับตั้งแต่อาหลีคนเดิมเคยช่วยมันขึ้นมาจากบ่อน้ำท้ายหมู่บ้าน และแบ่งอาหารให้อย่างไม่ลังเล มันก็ไม่เคยจากเด็กสาวไปอีกเลย ในที่สุด มันก็ตัดสินใจเลือกนางเป็น 'ทาส' อย่างถาวร...โดยไม่ขอความเห็นนางแม้แต่น้อย

นางไม่รู้ว่ามันเคยมีเจ้าของมาก่อนหรือไม่ หรือมันเคยมีอดีตแบบไหนมา แต่ตั้งแต่สี่เดือนที่ผ่านมา มันไม่เคยทิ้งนางไปไหนเลยแม้แต่วันเดียว

สี่เดือนแล้ว...สี่เดือนที่นางมาเกิดใหม่ จาก หลัวจือจื่อ ท่านหญิงสูงศักดิ์แห่งเผ่าเจียง กลายเป็นเพียง หลินหลีฮวา เด็กสาวยากจนแห่งหมู่บ้านชายป่านามถงหลัวแห่งนี้

ผู้คนที่นี่เรียกนางว่า "อาหลี" มากกว่า ชื่อที่ฟังดูธรรมดา ทว่าความหมายของคำว่า หลีนั้นมาจากคำว่า"การจากลา"ดูเหมือนจะเป็นคำที่สะท้อนชีวิตของนางได้ดีนัก

ตั้งแต่แรกเกิด อาหลีต้องสูญเสียผู้เป็นมารดาไปตั้งแต่อาหลีอายุได้หนึ่งเดือน ต่อมาบิดาก็จากตามไปอีกคนเพราะถูกงูพิษกัดตอนขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร เมื่ออาหลีอายุสามขวบ และคนต่อมาที่จากไปก็คือท่านปู่ เขาสิ้นลมหายใจเพราะถูกหมีบนเขาตะปบ และเมื่อสามเดือนก่อน ท่านย่าผู้เป็นที่พึ่งสุดท้ายของอาหลีก็มาตายจากไปอีกคนเพราะแผลที่เท้าของนางติดเชื้อ

ตอนนี้...ในครอบครัวของนาง เหลือเพียงพี่ชายผู้เป็นทหารที่หายเงียบไปราวห้าเดือน หลินลู่เฟย จากหมู่บ้านถงหลัวไปสมัครเป็นทหารที่เมืองหลวงเมื่อสามปีก่อน แต่เดิมพี่ชายของอาหลีส่งจดหมายมาไม่ขาด แต่ช่วงสี่เดือนมานี้กลับเงียบหายไป

ไม่มีข่าวคราว…

ไม่มีจดหมาย…

ไม่มีแม้แต่เงา…

เขาหายไปนางที่มาแทนที่อาหลีคนเก่าก็ทำได้เพียงรอคอย แต่มันไม่ง่ายเลยจากท่านหญิงที่เคยได้รับการปรนนิบัติดั่งดอกไม้ในเผ่าเจียง

บัดนี้กลับต้องหุงหาอาหารเอง ซักเสื้อผ้าเอง และดูแลหญิงชราตาบอดที่ป่วยหนักจนลมหายใจสุดท้ายของนางจางหายไปต่อหน้าต่อตาเมื่อสามเดือนก่อน

และถึงแม้จะลำบากเพียงใด นางก็ยังคงมีชีวิตอยู่

เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของอาจ้านดังอยู่เคียงข้าง นางลูบหัวมันเบา ๆ ก่อนจะเอนตัวลงบนฟูกเก่าขาดที่มีเพียงผ้าห่มบาง ๆ คลุมกาย ความเย็นค่อย ๆ ซึมลึกสู่ร่างกาย แต่ไม่หนาวเหน็บเท่าความว่างเปล่าภายในใจ

อดีตยังคงตามหลอกหลอนนางแต่ในเมื่อได้ชีวิตใหม่แล้ว นางก็ควรจะมีเส้นทางใหม่ให้เลือกเช่นกัน นางจะไม่หวนกลับเผ่าเจียงเด็ดขาด!

"ชาตินี้...ข้าจะไม่เป็นเพียงผู้ถูกลิขิตอีกต่อไป"

ชีวิตใหม่ของนางทุกเช้าตรู่ อาหลีต้องตื่นก่อนฟ้าสางเสมอเพื่อต้มน้ำ ล้างหน้า และจัดเตรียมอาหารง่าย ๆ ให้ตัวเองและท่านย่าผู้ชราภาพ

หลังจากท่านย่าสิ้นลมเมื่อสามเดือนก่อน อาหลีก็ยังคงรักษาวิถีเดิมไว้ แม้จำนวนผู้ร่วมโต๊ะจะลดลงเหลือเพียงคนเดียวก็ตาม รสชาติของอาหารที่นางปรุงอาจไม่เลิศเลอประหนึ่งตำรับจากราชสำนักเผ่าเจียง แต่ทุกเช้า นางก็พยายามทำให้ดีขึ้นทีละน้อย

สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับนาง ไม่ใช่การใช้ชีวิตในเรือนเล็ก ๆ นี้แต่คือการ หาเลี้ยงตนเอง

โชคยังดีที่ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมยังหลงเหลืออยู่บ้าง แม้จะขาด ๆ หาย ๆ เพราะในวันที่ร่างนี้จมน้ำจนสิ้นใจ คาดว่าสำลักน้ำเข้าไปมากจึงส่งผลกับสภาพจิตใจและความจำของนางผู้มาใช้ร่างต่อ

ที่ดินผืนเล็กหลังเรือน เคยเป็นเพียงแปลงผักรกร้าง ไร้ชีวิต แต่ด้วยความช่วยเหลือของ อาต๋า เด็กชายวัยสิบเอ็ดปี ลูกชายช่างไม้ในหมู่บ้าน นางจึงสามารถฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับมาเขียวชอุ่มอีกครั้ง ทั้งยังซ่อมแซมเรือนให้อยู่ได้อย่างมั่นคง

อาหลีเริ่มปลูกพืชสมุนไพรและพืชกินได้สำหรับใช้เองและนำไปขายแลกเงิน

อาต๋า... เด็กชายกำพร้ามารดา แต่ยังมีบิดา ปู่ และย่าอยู่เคียงข้าง ต่างจากอาหลีที่เหลือเพียง แมวอ้วนตัวเดียว หลังจากท่านย่าของนางเสียไปเมื่อสามเดือนก่อน

แม้จะยังมีพี่ชายที่เป็นทหารประจำการในเมืองหลวง แต่เขาหายไปนานเกือบครึ่งปี ไม่มีจดหมาย ไม่มีข่าวคราว จนแทบไม่มีหวังจะพบกันอีก

อาต๋าเติบโตมากับบิดาและปู่ ซึ่งล้วนเป็นช่างไม้รับจ้างทำงานทั่วทั้งหยางโจว เมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างจากเหยียนจิ่ง เมืองหลวงของต้าฉู่

ด้วยความที่ร่างเดิมของนางเคยฝากตัวเป็นศิษย์ของปู่ของอาต๋า ทำให้นางสนิทสนมกับเด็กชายมากที่สุดในหมู่บ้านถงหลัว

เมื่อทราบว่านางเคยฝึกงานช่างไม้มาก่อน อาหลีจึงพยายามขุดค้นเศษเสี้ยวของความทรงจำที่ยังหลงเหลือ แม้จะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่นางก็สามารถซ่อมเรือน หลังคา โต๊ะ เก้าอี้ และเครื่องใช้ไม้สอยอื่น ๆ ได้อย่างไม่เลว

แน่นอน... โดยมีอาต๋าเป็นลูกมือข้างกาย

นับแต่มาอยู่ในร่างนี้ อาหลีพยายามทำทุกสิ่งด้วยตนเอง แม้แต่ตักน้ำและผ่าฟืนก็ไม่เคยอิดออด

"อาหลีเจี่ย วันนี้ข้าจะช่วยท่านผ่าฟืนเพิ่มดีหรือไม่?"

เด็กชายเอ่ยถามหลังจากนำเนื้อหมูป่าที่บิดาของเขาล่าได้มาแบ่งให้ นัยน์ตาเป็นประกาย เพราะรู้ดีว่าหากช่วยอาหลีเจี่ยทำงาน มักจะได้ขนมแสนอร่อยจากนางเป็นรางวัลเสมอเขาจึงชอบอาหลีเจี่ยมาก

"เจ้าช่วยมาหั่นสมุนไพรให้ข้าจะดีกว่า อาต๋า" อาหลีตอบพร้อมหัวเราะน้อย ๆ พลางมองร่างเล็กที่ตัวสูงขึ้นทุกวัน

อีกไม่ถึงสองปี... เขาคงจะสูงและแข็งแรงกว่านางแน่และเขาคงจะเข้าเมืองไปสอบเป็นทหารไม่ก็มือปราบเช่นพี่ชายของอาหลีอีกคน ใครจะอยากอยู่ทำไร่ล่าสัตว์ไปตลอดชีวิตในหมู่บ้านเล็กกันเล่า

อาต๋าเป็นเด็กที่อดทนและมีความรับผิดชอบ นิสัยเหล่านี้ทำให้อาหลีเห็นตัวเองในกระจกของความเข้มแข็ง นางจำต้องเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ให้ได้เช่นกันเพราะนางไม่ใช่ท่านหญิงที่มีบ่าวไพร่รับใช้อีกต่อไป หากแต่เป็นเพียงเด็กสาววัยสิบสามปีที่โดดเดี่ยวเหลือตัวคนเดียว

ท่านย่าผู้เป็นญาติสนิทคนสุดท้ายเพิ่งถูกฝังลงสุสานท้ายหมู่บ้านไปเมื่อไม่นานนี้ ตอนนี้ นอกจากอาจ้านแล้ว นางก็ไม่เหลือใครอีกเลย

แม้บางครั้งที่ลำบากมากเข้าจนนางคิดอยากจะกลับไปยังเผ่าเจียง แต่คิดไปคิดมาใครจะไปเชื่อว่านางคือ หลัวจือจื่อ ก็นางตายไปตั้งสี่เดือนกว่าแล้ว

จึงมีเพียงปรับตัวให้คุ้นชินกับวิถีชีวิตของสามัญชนเท่านั้น อาหลีจึงเริ่มมองหาวิธีสร้างรายได้ และสิ่งที่นางถนัดที่สุด ก็คือ การปรุงโอสถและเครื่องหอม

นางเคยเรียนวิชานี้จากมารดา ตั้งแต่ยังเล็กอายุเพียงสี่ขวบในเผ่าเจียง

มารดาของนางเคยเป็นนักปรุงเครื่องหอมผู้เลื่องชื่อของเผ่าเจียง ท่านสอนนางปรุงกำยาน ยา และยาบำรุงสุขภาพทั้งของบุรุษและสตรี แม้ในตอนนั้นจะเป็นเพียงกิจกรรมเล่นสนุกในตำหนัก แต่มาบัดนี้... ความรู้เหล่านั้นกลายเป็นสิ่งมีค่าเกินประเมิน

มันคือความหวังเดียวที่ทำให้นางอยู่รอด

อาหลีเริ่มจากการสำรวจพืชสมุนไพรในป่าและในสวนหลังบ้าน ค่อย ๆ ทดลองบด ผสม และกลั่นกลิ่น จนได้กำยานสูตรเฉพาะของตนเอง

วันหนึ่ง นางตัดสินใจลองนำผลงานของตนไปขายในตลาดเมืองเล็ก ๆ ร่วมกับอาต๋า

"แม่นางน้อย! กำยานของเจ้าหอมยิ่งนัก! "

"นี่ใช้ดอกกุ้ยฮวาผสมกับชะมดเช็ดหรือ? "

"ข้ามิคิดเลยว่าจะมีกำยานดีเช่นนี้ในเมืองเล็ก ๆ เช่นนี้ได้! "

กำยานของอาหลีได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงเพราะกลิ่นหอมละมุนที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่ยังมีคุณสมบัติในการบรรเทาอาการนอนไม่หลับและวิงเวียนศีรษะได้อีกด้วย

และในที่สุดนางก็พบแล้วว่า...

สิ่งนี้ คือหนทางหนทางที่ทำให้นางสามารถยืนหยัดในโลกใบใหม่ ภพชาติใหม่นี้ ได้อย่างแท้จริง

นางมองไปยังเก้าอี้ไม้เก่าของตน ข้างเตาไฟอุ่น ๆ ที่ซึ่ง อาจ้าน แมวอ้วนขนฟูสีดำสนิทขดตัวอย่างสบายใจ ข้างนอก อาต๋ากำลังช่วยตากสมุนไพรที่เพิ่งเก็บจากป่า

แสงแดดอ่อนของยามบ่ายส่องกระทบใบไม้แห้งสะท้อนเป็นประกายอ่อนจาง รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นบนริมฝีปากนางอย่างเงียบงัน

นี่อาจไม่ใช่ชีวิตที่หรูหราและสะดวกสบายเหมือนที่เคยมี แต่กลับเติมเต็มหัวใจของนางได้... อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ที่สำคัญชีวิตใหม่ของนาง ไม่ต้องชิงดีชิงเด่นกับผู้ใด

ไม่ต้องระแวงว่าคืนใดจะมีมือสังหารแฝงกายเข้ามาในเรือนหลังงามอีกต่อไป

"อดีตเป็นเพียงสิ่งที่ผ่านไปแล้ว..."

นางกระซิบกับตนเองเบา ๆ

"บัดนี้ข้าคือ หลินหลีฮวา ข้าคือ อาหลี"

เด็กสาวชาวบ้านธรรมดา ที่กำลังเดินอยู่บนเส้นทางของตนเอง เส้นทางของนักปรุงยาและกำยาน...

ไม่มีอีกแล้ว ท่านหญิงหลัวจือจื่อแห่งเผ่าเจียง

เพราะท่านหญิงผู้นั้น…ได้ตายจากโลกนี้ไปตั้งแต่ครึ่งปีก่อน

แม้แต่ซากศพก็คงกลายเป็นเพียงเถ้าดินใต้ต้นไม้ต้นใดต้นหนึ่งไปแล้ว

แต่แล้วสามวันต่อมา...

อาต๋ากลับมาพร้อมชายแปลกหน้าหกคน ทั้งหมดแต่งกายเรียบง่าย แต่ท่วงท่า การยืน และสายตาของพวกเขา... กลับทำให้นางขมวดคิ้ว

ประสบการณ์ในอดีตของนางในฐานะบุตรีของแม่ทัพและอดีตท่านหญิงแห่งเผ่าเจียง ทำให้นางเพียงมองแวบเดียวก็รู้

พวกเขา ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาไม่ใช่แม้แต่มือปราบในเมือง...

พวกเขาคือองครักษ์และไม่ใช่ระดับธรรมดาอย่างต่ำ วรยุทธ์ต้องเกินขั้นหก!

"อาหลีเจี่ย"อาต๋าเอ่ยเสียงเบา ดวงตาเหลือบมองพวกชายแปลกหน้าอย่างประหม่า"

"พวกเขามาพบแม่เฒ่าหลินแต่ข้าบอกไปแล้วว่าแม่เฒ่าหลินจากไปเมื่อสามเดือนก่อน ตอนนี้ที่เรือนสกุลหลินมีเพียงท่านหลานสาวของแม่เฒ่า พวกเขาบอกว่าอยากพบท่าน"

นางค่อย ๆ วางตะกร้าสมุนไพรในมือลง เดินตรงไปข้างหน้าด้วยท่วงท่าสงบนิ่ง เผชิญหน้ากับชายแปลกหน้าทั้งหกด้วยดวงตาเรียบเฉย

แม้ใบหน้าเด็กสาววัยสิบสามปีจะยังอ่อนเยาว์ แต่ดวงตากลับฉายแววเฉียบคมและมีบางอย่างที่แตกต่างไปจากเด็กทั่วไป

จนกระทั่งนางเห็นบุรุษคนที่เจ็ด ก้าวลงจากรถม้าอย่างสง่างาม…

ในอ้อมแขนของเขา มี โถบรรจุเถ้ากระดูก สีขาวงาช้างที่ถูกพันด้วยผ้าผืนสีน้ำเงินสีประจำราชสำนักต้าฉู่

หัวใจของนางพลันไหววูบ

"เป็น... พี่ใหญ่ของข้า หรือ?"

เสียงที่หลุดออกจากริมฝีปากนางนั้น เบาหวิว ราวกับลมกระซิบในหุบเขา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง   ตอนที่ 2||เหลือเพียงกระดูกคืนกลับ

    ตอนที่ 2||เหลือเพียงกระดูกคืนกลับหลินหลีฮวามองโถกระเบื้องที่คงบรรจุในกระดูกภายในของเครื่องเทศตรงหน้านักร้องของนางพลานเจ็บเหมือนถูกมือคอบีเคโอเวอร์พี่ใหญ่ของอาหลี หลินลู่เฟยผู้มีอำนาจเป็นเสาสัญญาณครอบครัวการที่เขาจะสามารถมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดคนสุดท้ายในส่วนของร่างนี้เป็นครั้งแรกในชาติก่อนจะไม่เคยพบหน้าผู้สูงอายุสิบเก้าปีผู้นี้เลย แต่เพราะเจ้าของร่างเดิมรักและผู้สมัครกับพี่ชายมาก นางที่มาที่มานี้ต่อเลยถึงความรู้สึกที่จะไปด้วยยามแลเห็นความเมตตากรุณาในความทรงจำเมื่อสามคืนบัดนี้กลับเหลือเพียงไดรฟ์ธุลีในโถกระดูก นางรู้สึกร้อนวาบที่ขอบตา คุณสามารถใช้แห้งผากราวกับถูกคลื่นอารมณ์โหมซัดจนทรงตัวไม่อยู่สายตาของนางตวัดขึ้นไปมองเป็นหลักในอาภรณ์สีแดงเข้มลงไปที่ความหนาเนื้อดีปักลงไปในสีดำอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อดูผลของอาภรณ์สีสดเปลวย่างสมุนไพรที่ทำให้ดูโดดเด่นและสูงส่งทว่าชาเย็นยากที่สามารถนำมาใช้เป็นองครักษ์ผู้เชี่ยวชาญของใครหรือเพียงอย่างเดียวเท่านั้นบุ๋น...“นั่นเป็นพี่ใหญ่ของฉันหรือ?”น้ำเสียงของนางเบาหวิว แต่กลับมาอีกครั้งของความสั่นไหวยามเอ่ยถามออกไปญาติๆ ต่อเนื่องคนในดินแดนชาติใหม่อีกครั้งพร

    Last Updated : 2025-04-09
  • สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง   ตอนที่3||ข้าขอใช้ร่างกายตอบแทนบุญคุณ!

    ตอนที่3||ข้าขอใช้ร่างกายตอบแทนบุญคุณ!ซึ่งตลอดเวลาที่เด็กสาววัยสิบสามปีกำลังนั่งเผากระดาษเงินกระดาษทองเฝ้าอยู่หน้าหลุมศพครอบครัวของนางทั้งห้าหนุ่มจากช่วงสายจนถึงมืดค่ำ ซ่งไป๋เซียวกับคนของเขาทั้งหกคนล้วนไม่มีใครจากไปไหนจนบัดนี้มืดค่ำชาวบ้านทั้งหลายกลับบ้านเรือนของพวกเขาไปหมดแล้ว ซ่งไป๋เซียวจึงคิดว่ามันสมควรที่เขาจะส่งนางกลับเรือนได้แล้ว เขาก้าวเข้าไปหยุดยืนเคียงข้างร่างเล็กๆ ตรงหน้าหลุมศพ ก่อนเอ่ยเสียงหนักแน่น"ค่ำแล้วกลับเรือนเถอะ"พอเขาเอ่ยเตือน อาหลีจึงค่อยนึกได้ว่าตลอดเวลา บุรุษที่บอกกับนางว่าเขาคือ สหาย ของหลินลู่เฟย นามว่าซ่งไป๋เซียว หรือท่านหมอซ่งยังไม่ไปไหน"ท่านหมอซ่งเชิญกลับไปก่อนได้เลย หมู่บ้านนี้สำหรับข้าไม่มีอันตรายข้าเกิดและเติบโตที่นี่"เพราะช่วงสามวันมานี้นางทราบว่าท่านหมอซ่งกับคนของเขาพักผู้ที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน (หลี่ฉาง) = (里長) ซึ่งอยู่ไกลกว่าเรือนของนางให้เขาเดินทางมืดค่ำ คงดูไม่ดี"คงไม่ได้ ข้าไม่วางใจ อย่างไรเจ้าก็เป็นเด็กสาว ยิ่งเจ้าอยู่ตัวคนเดียวใจคนยากแท้หยั่งถึง"ฟังคำเตือนของท่านหมอซ่ง หลินหลีฮวาก็คิดตามไปด้วยทบทวนครู่หนึ่งนางจึงขยับกายจัดข้าวของลงตะกร้าจ

    Last Updated : 2025-04-09
  • สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง   ตอนที่4||สู่ขออย่างสมเกียรติ

    ตอนที่4||สู่ขออย่างสมเกียรติลมหนาวพัดโชยไปทั่วหมู่บ้านถงหลัว บรรยากาศยังคงสงบราบเรียบเช่นทุกวันที่ผันผ่าน ตามประสาหมู่บ้านเล็กในเมืองติดชายแดนเช่นหยางโจว หลังจากวันที่ซ่งไป๋เซียวพูดคุยเกลี้ยกล่อมจนหลินหลีฮวายอมรับปากจะแต่งงานกับเขา ท่านหมอซ่งก็หายไปราวสามวันพอตกสายของวันที่ห้าหมู่บ้านถงหลัวที่เคยเงียบสงบกลับคึกคักขึ้นมาเมื่อขบวนรถม้าหรูหราเดินทางมาหยุดที่ลานหน้าศาลากลางหมู่บ้านซึ่งเป็นจวนของหัวหน้าหมู่บ้านติง"เฮ้ย นั่นมันตราประจำตัวของผู้ว่าการเมืองหยางโจวใช่หรือไม่?"ท่านป้าผู้หนึ่ง ที่ออกมาร่วมดูชมขบวนรถม้าหรูหรา เพราะอาจจะเท่าชีวิตของนาง ห้าสิบปียังไม่เคยพบเห็นขบวนรถม้าหรูหรายิ่งใหญ่ผ่านเข้ามาในหมู่บ้านแห่งนี้มาก่อน"ใช่แล้ว! ท่านผู้ว่าการฮั่นเป็นคนสำคัญของเมืองหยางโจวเชียวนะ แล้วเข้ามาทำอะไรในหมู่บ้านเล็กๆ ของพวกเราทำไมกัน?"บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ผู้คนต่างพากันจับกลุ่มซุบซิบด้วยความสงสัยไม่คลาย"ได้ยินมาว่าวันนี้ท่านหมอซ่งที่มาส่งอัฐิของอาลู่เขาจะมาสู่ขออาหลี…"แล้วก็มีท่านลุงผู้หนึ่งซึ่งคุ้นเคยกับบ้านเว่ยที่เป็นช่างไม้เอ่ยขึ้นและเพียงเท่านั้นข่าวลือก็แพร่สะพัดไปทั่วหม

    Last Updated : 2025-04-09
  • สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง   ตอนที่ 5||พิธีสมรสหน้าป้ายวิญญาณ

    ตอนที่ 5||พิธีสมรสหน้าป้ายวิญญาณเวลาเจ็ดวันผ่านไปรวดเร็วยิ่งและแล้วฤกษ์มงคลก็มาถึงในวันนี้อากาศแจ่มใสท้องฟ้ากระจ่างแสงแดดอ่อนต้นยามเฉินสาดส่องลงมายังพื้นปฐพี ทุกชีวิตในหมู่บ้านถงหลัวต่างมารวมตัวกันที่เรือนสกุลหลินเพื่อเป็นสักขีพยานให้กับคู่บ่าวสาวในงานสมรสวันนี้ตามธรรมเนียมของชาวต้าฉู่แล้ว หญิงสาวผู้เป็นเจ้าสาวต้องสวมชุดแต่งงานสีแดงเข้ม ปักลวดลายนกยวนยางอันเป็นสัญลักษณ์แห่งโชคดีและความเจริญรุ่งเรืองหากเป็นคู่แต่งงานเป็นชาวบ้านทั่วไป ส่วนเจ้าสาวที่เป็นเชื้อพระวงศ์ลวดลายที่ปักจะเป็นสงห์ ดังนั้นชุดที่หลินหลีฮวาสวมจะมิได้หรูหราดังเช่นของคุณหนูสูงศักดิ์ แต่ผ้าเนื้อดีสีแดงสดนี้ก็เป็นผ้าไหมที่ซ่งไป๋เซียวจัดหามาให้ ลวดลายที่ปักยังเป็นช่างมากฝีมืออันหนึ่งในหยางโจวอีกด้วย เวลาเพียงสิบเอ็ดวันก็เสร็จเรียบร้อย หากไม่มีเงินยากนักที่จะทำได้เช่นนี้ทำเอาสตรีภายในหมู่บ้านถงหลัวล้วนตื่นตาตื่นใจและมีหลายคนรู้สึกริษยาเจ้าสาวขึ้นมา แต่ก็เพียงส่วนน้อย คนส่วนใหญ่ก็ล้วนยินดีไปกับอาหลี เด็กน้อยชะตาอาภัพกันทั้งสิ้น ชุดแต่งงานว่างดงามแล้วแต่ด้วยกิริยาสงบนิ่งเกินอายุของหลินหลีฮวากลับทำให้นางงามสง่าไม่แพ้สตรีชั

    Last Updated : 2025-04-09
  • สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง   ตอนที่ 6 || เดินทางกลับเมืองหลวง

    ตอนที่ 6 || เดินทางกลับเมืองหลวงสรุปแล้วคืนนั้นก็จบลงที่ต่างเมาแล้วเผลอหลับกันที่สุสานกันทั้งคู่ พอรุ่งเช้าซ่งไป๋เซียวนั้นร่างกายแข็งแรงย่อมไม่มีผลอันใด ทว่าเด็กสาวเช่นหลินหลีฮวาต่างออกไปเพราะแต่เดิมร่างนี้ก็ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว ตากน้ำค้างทั้งคืน พอถึงยามเช้าเลยป่วยมีไข้เสียแล้ว เป็นอันว่ากำหนดเดินทางกลับเมืองหลวงจึงต้องเลื่อนออกไปอีกสามวันพอรุ่งอรุณของวันที่สี่หลังพิธีแต่งงานมาเยือน หมอกบางลอยเรี่ยอยู่เหนือแนวป่า เสียงนกร้องแว่วมาแต่ไกล สายลมเย็นพัดผ่านเรือนเล็กของอาหลีที่บัดนี้ไม่มีความเงียบสงัดดังเคยเพราะวันนี้มีรถม้ากับคนของซ่งไป๋เซียวร่วมเจ็ดสิบชีวิตมารวมตัวกันและใช่วันนี้เป็นวันที่ซ่งไป๋เซียวจะพาหลินหลีฮวาหรืฮูหยินท่านหมอซ่งกำลังจะออกเดินทางกลับไปยังเมืองหลวงแล้วหลินหลีฮวาออกมายืนอยู่หน้าประตูเรือน ดวงตาจับจ้องไปยังขบวนม้าที่จอดเรียงรายอยู่เบื้องหน้า รถม้าคันใหญ่ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับนางและอาจ้าน ขณะที่เหล่าองครักษ์ในชุดเกราะหนังสีเข้มยืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ แสดงให้เห็นถึงความเป็นระเบียบแบบแผนของกองคุ้มกันนี้นี่แท้จริงซ่งไป๋เซียวเป็นหมอหลวงแน่หรือ?สงสัยแต่นางยังไม่กล้

    Last Updated : 2025-04-09
  • สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง   ตอนที่7|| เรือนอวี้หลันของพวกเรา

    ตอนที่7|| เรือนอวี้หลันของพวกเราทันทีที่ก้าวผ่านประตูใหญ่และเหล่าคนรับใช้ส่วนหนึ่งที่ตั้งแถวต้อนรับคุณชายรอง อาหลีก็กวาดสายตาสังเกตรอบข้างเงียบงัน นางสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่กว้างขวางของจวนแห่งนี้ เพราะจวนซ่งนี้ถูกสร้างขึ้นตามรูปแบบ เรือนสี่ประสาน หรือ ซื่อเหอย่วน (四合院) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมดินแดนจงหยวนของขุนนางชั้นสูง ภายในประกอบด้วยเรือนหลักและเรือนรองที่เชื่อมต่อกันล้อมรอบลานกว้างตรงกลางพื้นทางเดินปูด้วยหินแกรนิตสีเทาเรียบสนิท บรรยากาศสงบและเข้มขลัง เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปจะเห็นอาคารเรือนใหญ่ที่หลังคามุงกระเบื้องเขียวสลับฟ้า ตัดกับเชิงชายไม้ที่แกะสลักลวดลายเมฆมงคลอย่างวิจิตร เสาไม้ขนาดใหญ่ถูกสลักงดงาม ตัดกับคานไม้สีทองอร่าม แสดงถึงความมั่นคงของจวนขุนนางเสียงรองเท้าของบ่าวไพร่ที่สวมรองเท้าผ้าดังก้องบนพื้นหิน พวกเขาล้วนแต่งกายด้วยอาภรณ์เรียบง่าย แต่สะอาดสะอ้าน บ้างถือพัด บ้างถือถาดน้ำชาเดินสวนกันไปมาอย่างเป็นระเบียบ แต่พอพวกเขาแลเห็นคุณชายรองต่างก็ก้มศีรษะและโค้งกายทำความเคารพบ่าวไพร่จำนวนไม่น้อยลอบมองอาหลีด้วยความอยากรู้ ต่างพากันคาดเดาไปต่างๆ นานา บางคนอดใจไม่ไหวก็ถึงกับแอบไปสอบถาม

    Last Updated : 2025-04-09
  • สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง   ตอนที่8|| นี่หรือพ่อสามี

    ตอนที่8|| นี่หรือพ่อสามีภายในห้องโถงใหญ่ของจวนเสนาบดีสกุลซ่ง บรรยากาศตึงเครียดจนแทบไม่มีผู้ใดกล้าหายใจแรง หลังจาก คนสนิทของใต้ซ่งผู้นำตระกูลในขณะนี้เข้าไปแจ้งกับนายท่านของเขาว่าบัดนี้ท่านหมอซ่งหรือคุณชายรองซ่งมาขอพบพร้อมกับฮูหยิน ไม่นานเขาก็อนุญาตให้บุตรชายคนรองของตนเองเข้าพบได้"ให้มันเข้ามา!"บุรุษหนุ่มใหญ่นั่งอยู่บนแท่นสูงเอ่ยออกไป ใบหน้าของเขามืดครึ้มดุจพายุคลั่ง ดวงตาเฉียบคมเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด บนโต๊ะไม้แกะสลักอันวิจิตรถูกปกคลุมไปด้วยเอกสารราชการที่ถูกเขวี้ยงทิ้งอย่างไม่ไยดี ด้านหลังบุรุษวัยสี่สิบปลาย ๆ ผู้มีตำแหน่งสูงส่ง แผ่นหลังตั้งตรงราวกับไม้สน แม้จะอายุไม่น้อยแต่ยังคงแข็งแกร่งและทรงอำนาจเสียงฝีเท้าดังขึ้นเมื่อซ่งไป๋เซียวก้าวเข้ามาในห้องโถง พร้อมกับ หลินหลีฮวา ที่เดินตามมาด้วยกิริยาสงบนิ่ง แม้จะต้องเผชิญกับสายตากดดันของขุนนางใหญ่แห่งแผ่นดิน แต่เด็กสาวเพียงค้อมศีรษะให้เล็กน้อย ก่อนจะคุกเข่าลงข้าง ๆ สามีของตนแต่ไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้เอ่ยสิ่งใด เสียงของซ่งป๋อเหยียนก็กระแทกก้องห้องโถง"เจ้าหายหัวไปสามเดือน! พอกลับมาเจ้ากลับพาเด็กสาวที่ใดก็ไม่รู้มาเป็นสะใภ้ของสกุลซ่ง!?"ซ่ง

    Last Updated : 2025-04-09
  • สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง   ตอนที่ 15|| ท่านหมอซ่งชื่นชมอาหลีในใจ

    ตอนที่ 15|| ท่านหมอซ่งชื่นชมอาหลีในใจกลางยามเฉิน ภายในโรงหมอหลวง ซ่งไป๋เซียวยังคงง่วนอยู่กับการจัดเรียงตำราแพทย์บนโต๊ะหนังสือขนาดใหญ่ แสงแดดอ่อนยามสายสาดผ่านหน้าต่างกระดาษสา ทาบลงบนเอกสารรายงานการรักษาผู้ป่วยที่กองสูงเป็นตั้ง เขาพลิกกระดาษอย่างแผ่วเบา สายตากวาดมองข้อมูลอย่างรวดเร็วแต่เพียงครู่เดียว เสียงฝีเท้าแผ่วเบาก็ดังขึ้นด้านหลัง ซ่งไป๋เซียวไม่ได้เงยหน้าขึ้น เขารู้ดีว่าเป็นผู้ใด"ท่านหมอซ่ง"เงาร่างของบุรุษในอาภรณ์สีกลมกลืนไปกับชาวบ้านทั่วไปปรากฏขึ้นตรงหน้าประตู เกาหานค้อมกายประสานมืออย่างนอบน้อม แววตาแน่วแน่และเคร่งขรึม"มีเรื่องใด?" ซ่งไป๋เซียวถามโดยไม่ละสายตาจากเอกสาร"ข้านำข่าวจากจวนมารายงานขอรับ"ซ่งไป๋เซียวเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าให้เกาหานรายงานต่อ"วันนี้สะใภ้ใหญ่เฉาเชิญฮูหยินรองไปพบที่เรือนฉางเล่อขอรับ"ทันทีที่ได้ยินชื่อ "เฉาหลิงเอ๋อ" มือที่ถือพู่กันของซ่งไป๋เซียวพลันหยุดชะงักไปเสี้ยววินาที ดวงตาที่เคยสงบนิ่งคล้ายฉายแววเย็นเยียบขึ้นโดยไม่รู้ตัว‘เฉาหลิงเอ๋อ...’หญิงผู้นี้มาพบอาหลี จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ล้วนไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเด็กสาวแน่"แล้วเป็นอย่างไรบ้าง?" น้ำเส

    Last Updated : 2025-04-10

Latest chapter

  • สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง   ตอนที่ 14|| พี่สะใภ้เฉา ที่คิดไม่ซื่อกับน้องสามี

    ตอนที่ 14|| พี่สะใภ้เฉา ที่คิดไม่ซื่อกับน้องสามีเช้าตรู่ของจวนสกุลซ่ง แสงแดดยามเช้าส่องผ่านม่านบางของเรือนอวี้หลัน ลมเย็นพัดพากลิ่นหอมของดอกอวี้หลันที่กำลังผลิบานให้ลอยฟุ้งทั่วบริเวณ หลินหลีฮวายืนอยู่บนระเบียง พลางทอดสายตามองสวนเล็ก ๆ ที่ถูกจัดไว้อย่างประณีตหลังจากแต่งเข้าจวนสกุลซ่งในฐานะ ‘ฮูหยินรอง’ ของบ้านรองของท่านหมอซ่ง นี่เป็นเช้าวันแรกที่นางตื่นขึ้นมาในฐานะภรรยาของซ่งไป๋เซียว เมื่อคืนหลังจากดื่มน้ำชาแล้วเผลอหลับไป คงถูกซ่งไป๋เซียวอุ้มมาส่งที่ห้องนอน เมื่อตื่นขึ้นมาก็ไม่พบสามีตามประเพณีและกฎหมายของต้าฉู่เสียแล้ว ฟังจากอาจิ่วกับอาหนิว ท่านหมอซ่งออกไปโรงหมอหลวงตั้งแต่ปลายยามอิ๋น (*ยามอิ๋น (寅 yín) = 03.00 - 04.59 น.)ดังนั้นขณะนี้เรือนอวี้หลันจึงเหลือเพียงนาง สาวใช้ บ่าวไพร่สิบกว่าคน และแมวน้อยหนึ่งตัว ใต้เท้าซ่งไม่ยอมรับนางเป็นสะใภ้ การคารวะยามเช้าจึงถูกตัดออกไป ส่วนฮูหยินซ่งก็บอกกับนางตั้งแต่หัวค่ำหลังจบมื้อค่ำว่าไม่เคร่งครัดเรื่องนี้ ให้นางพักผ่อนไปก่อน เรื่องคารวะเอาไว้ให้นางปรับตัวได้จึงค่อยว่ากัน‘เช่นนั้นวันนี้ข้าอยู่เงียบ ๆ น่าจะดีที่สุด’แต่ยังไม่ทันที่นางจะซึมซับความสงบ

  • สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง   ตอนที่ 13 || คืนแรกในจวนสกุลซ่งของอาหลีกับอาจ้าน

    ตอนที่ 13 || คืนแรกในจวนสกุลซ่งของอาหลีกับอาจ้านหลินหลีฮวาไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าตนเองถูกสตรีอื่นหมายหัว นางกำลังเตรียมตัวเข้านอนในค่ำคืนแรกภายในจวนสกุลซ่ง ไหนเลยจะคิดไปถึงผู้อื่นหรือเรื่องไกลตัวบรรยากาศรอบบ้านรอง หรือเรือน อวี้หลัน เต็มไปด้วยความเงียบสงบ ดวงจันทร์ทอแสงอ่อนโยนลอดผ่านหน้าต่างกระดาษสา สาดส่องลงบนพื้นไม้ขัดเงา เสียงลมพัดแผ่วทำให้ม่านแพรบางไหวระริก กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกอวี้หลันโชยมาแตะจมูก ราวกับต้องการกล่อมผู้ที่อยู่ภายในให้เข้าสู่ห้วงนิทราทว่า..."เฮ้อ..."เด็กสาวพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงกว้าง พลางถอนหายใจเบา ๆ นางรู้สึกอึดอัดบอกไม่ถูก คงเป็นเพราะยังแปลกที่กระมังหลังอาบน้ำและแต่งกายเรียบร้อย นางก็บอกให้สองสาวใช้ อาจิ่วกับอาหนิว กลับไปพักผ่อนได้ นางไม่ชอบให้ใครคอยดูแลมากเกินไป และไม่ต้องการรบกวนเวลาพักของพวกนาง แต่พออยู่เพียงลำพังในห้องกว้างขวางนี้แล้ว กลับรู้สึกไม่คุ้นชินเลยในอดีต สมัยยังเป็นท่านหญิง นางอาศัยอยู่ในตำหนักกว้างใหญ่หรูหรา แต่กลับรู้สึกว่าตนเองเป็นเพียงคนแปลกหน้าภายในตำหนักนั้นเสียมากกว่า... ตรงกันข้ามกับเรือนเล็ก ๆ ที่หมู่บ้านถงหลัว แม้จะสมถะเรียบง่าย แต่กล

  • สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง   ตอนที่ 9 || พบมารดาเลี้ยงสามีใจประเสริฐ

    ตอนที่ 9 || พบมารดาเลี้ยงสามีใจประเสริฐหลังจากเสร็จสิ้นพิธียกน้ำชาคารวะใต้เท้าซ่ง แต่กลับต้องเทน้ำชาทิ้ง ซ้ำยังถูกบิดาสามีขับไล่ออกมาอีกด้วย ซ่งไป๋เซียวก็พาหลินหลีฮวาเดินลัดเลาะผ่านโถงทางเดินของจวนซ่งมายังเรือนที่อยู่อีกด้านของเรือนชิงมู่"ท่านหมอซ่ง เรากำลังจะไปที่ใดหรือเจ้าคะ" อาหลีเอ่ยถาม นางยังคงสลัดบรรยากาศตึงเครียดจากการพบใต้เท้าซ่งเมื่อครู่ไม่หมด จึงอดกังวลไม่ได้ว่าตนจะต้องไปพบผู้ใดอีกเพิ่งมาถึงก็ต้องเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้ อาหลีก็เริ่มรู้สึกท้อขึ้นมาบ้าง ซ่งไป๋เซียวเหลือบมองนางแวบหนึ่ง ก่อนตอบเสียงเรียบเมื่อเห็นแววตาอ่อนล้าของเด็กสาว"ไปพบมารดาเลี้ยงของข้า นางคือฮูหยินเอกของใต้เท้าซ่ง แต่นางไม่เหมือนใต้เท้าซ่ง"อาหลีชะงักเล็กน้อย ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ"มารดาเลี้ยงของท่าน?"เด็กสาวถามย้ำออกไป เพราะปกติแล้วฮูหยินเอกมักอยู่เรือนหลักมิใช่หรือ เหตุใดจึงแยกเรือน? แต่คิดไปคิดมา หลินหลีฮวาก็ไม่กล้าถามออกไปทั้งหมด"ท่านแม่ใหญ่นางแต่งเข้ามา แต่มิอาจตั้งครรภ์ได้ นางจึงได้ยกท่านแม่ของข้าที่เป็นน้องสาวต่างมารดาขึ้นมาเป็นอี๋เหนียง เพื่อรักษาฐานะฮูหยินเอกของตนเอาไว้"ซ่งไป๋เซียวเอ่ยเล่าเส

  • สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง   ตอนที่ 10 || อาหารมื้อแรกในจวนสกุลซ่ง(ตรวจคำผิดแล้ว)

    ตอนที่ 10 || อาหารมื้อแรกในจวนสกุลซ่ง(ตรวจคำผิดแล้ว)บรรยากาศในเรือนของฮูหยินซ่งอบอุ่นและสงบเงียบ ต่างจากเรือนหลักโดยสิ้นเชิงหลังจากพูดคุยกันได้สักพัก ฮูหยินซ่งก็สั่งให้สาวใช้จัดสำรับอาหารเผื่อซ่งไป๋เซียวและหลินหลีฮวาด้วย"พวกเจ้าเพิ่งเดินทางมาไกล ต้องเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย นั่งพักก่อนเถอะ สำรับอาหารใกล้จะเสร็จแล้ว วันนี้กินข้าวกับแม่ใหญ่สักมื้อ" ฮูหยินซ่งเอ่ยชวนเรียบง่าย"ขอบพระคุณท่านแม่ใหญ่เจ้าค่ะ"อาหลีค้อมกายรับอย่างนอบน้อมไม่นานนัก บ่าวไพร่ก็นำสำรับอาหารมาจัดวางลงบนโต๊ะไม้เนื้อดีที่ตั้งอยู่กลางห้อง อาหารแต่ละจานถูกจัดวางเรียบร้อย ดูเรียบง่ายแต่พิถีพิถัน กลิ่นหอมของ ซุปไก่ตุ๋นยาจีน ลอยกรุ่น เคียงข้างด้วย เนื้อเป็ดรมควันชิ้นหนา ผัดผักรวมหลากสี และปลานึ่งซีอิ๊วที่ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนหลินหลีฮวาลอบมองอาหารตรงหน้าด้วยความเงียบงันต้องยอมรับว่าอาหารที่นี่ดูดีกว่าที่นางเคยกินในหมู่บ้านถงหลัวมากนัก แต่ถึงกระนั้น อาหารเหล่านี้ก็ยังเป็นเพียงอาหารธรรมดาของจวนสกุลซ่ง หาใช่อาหารชั้นสูงของราชสำนัก และยิ่งไม่ใกล้เคียงอาหารของเผ่าเจียง"มื้อนี้เป็นเพียงอาหารง่าย ๆ แต่ล้วนเป็นของสดใหม่ที่แม่ใหญ่ให้

  • สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง   ตอนที่ 12 || ท่านแต่งกับนางเพื่อประชดข้าใช่หรือไม่

    ตอนที่ 12 || ท่านแต่งกับนางเพื่อประชดข้าใช่หรือไม่หลังจากซ่งไป๋เซียวก้าวออกจากเรือนอันเล่อหลังเสร็จสิ้นการสนทนากับพี่ชาย แม้สีหน้าของเขาจะเรียบเฉยดังเดิม แต่ในดวงตากลับฉายแววเบื่อหน่ายและระอา"ไป๋ซั่วผู้นี้อายุตั้งเท่าไหร่แล้ว ยังทำตัวเป็นเด็กไปได้..." เขาพึมพำเบา ๆ บ่นให้กับพี่ชายที่ปีนี้อายุยี่สิบสอง ไม่พอ ยังเป็นถึงราชเลขาแล้วแท้ ๆ แต่กลับเอาแต่โวยวาย หากมีใครมาเห็นเข้า จะคิดอย่างไร...บ่นไปพลาง ก้าวเท้าเตรียมมุ่งหน้ากลับบ้านรองของตนเองไปพลาง แต่ทันทีที่ซ่งไป๋เซียวก้าวพ้นประตูเรือน ก็ต้องหยุดฝีเท้าเมื่อเห็นร่างของสตรีผู้หนึ่งยืนรออยู่เฉาหลิงเอ๋อสตรีที่เคยเป็นคนรักของเขาเมื่อสองปีก่อน และบัดนี้... นางกลายเป็นภรรยาของพี่ชายเขาไปแล้วซ่งไป๋เซียวขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาของเขาว่างเปล่าไร้อารมณ์ ดวงตาคมกริบจ้องมองนางอย่างเย็นชา"เจ้ามารอพบข้าทำไม?" น้ำเสียงของเขาเรียบเฉย ไม่แสดงความยินดีหรือโกรธเคืองแม้จะไม่ได้พบกันเกือบหนึ่งปีเฉาหลิงเอ๋อกัดริมฝีปากแน่น นางพยายามสงบใจ แต่เมื่อสบเข้ากับสายตาเย็นชาของเขา หัวใจของนางกลับปวดร้าวยิ่งนัก"ท่านกลับมาแล้วจริง ๆ" นางเอ่ยเบา ๆ"ใช่ ข้ากลับมาแล้ว

  • สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง   ตอนที่ 11 || พูดคุยตามประสาพี่น้อง

    ตอนที่ 11 || พูดคุยตามประสาพี่น้อง(ตรวจคำผิดแล้ว)หลังจากส่งอาหลีที่เรือนแล้ว ซ่งไป๋เซียวจึงตรงไปหาซ่งไป๋ซั่วทันที ขณะนี้เป็นเวลาปลายยามซวี แต่ภายในจวนสกุลซ่งกลับเงียบสงัด ทว่าภายในเรือนอันเล่อของคุณชายใหญ่ยังคงมีแสงไฟส่องสว่างตัดกับความมืดของราตรีซ่งไป๋เซียวก้าวเข้าไปในเรือนอย่างเงียบเชียบ บ่าวรับใช้ที่เฝ้าประตูเรือนอันเล่อเมื่อเห็นเขาก็รีบค้อมตัวทำความเคารพ ก่อนจะผลักบานประตูให้เปิดออก"ท่านราชเลขารออยู่ที่ห้องหนังสือ เชิญขอรับ ท่านหมอซ่ง"ซ่งไป๋เซียวไม่ตอบอะไร ทำเพียงก้าวเข้าไปอย่างไม่ลังเล ภายในห้องโถงตกแต่งเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายอำนาจ หนังสือและรายงานกองเป็นตั้งอยู่บนโต๊ะไม้สลักลวดลายดอกโบตั๋น เสียงพู่กันขูดกระดาษดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอบุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่เบื้องหน้า เขาอยู่ในชุดขุนนางเต็มยศสีดำขลับ คาดว่าหลังกลับจากวังหลวงก็ตรงเข้ามาทำงานต่อในห้องหนังสือเลย ไม่ได้แวะไปที่ใด คิ้วเรียวของคนผู้นี้ได้รูป สายตาคมกริบดุจคมดาบ แม้ไม่ได้เอ่ยวาจา แต่บรรยากาศรอบตัวเขากลับหนักอึ้งราวกับสามารถบดขยี้ผู้คนได้ในพริบตาคนผู้นี้คือ... ซ่งไป๋ซั่วราชเลขาหนุ่มวัยยี่สิบสองปี ผู้กุมอำนาจในราช

  • สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง   ตอนที่ 15|| ท่านหมอซ่งชื่นชมอาหลีในใจ

    ตอนที่ 15|| ท่านหมอซ่งชื่นชมอาหลีในใจกลางยามเฉิน ภายในโรงหมอหลวง ซ่งไป๋เซียวยังคงง่วนอยู่กับการจัดเรียงตำราแพทย์บนโต๊ะหนังสือขนาดใหญ่ แสงแดดอ่อนยามสายสาดผ่านหน้าต่างกระดาษสา ทาบลงบนเอกสารรายงานการรักษาผู้ป่วยที่กองสูงเป็นตั้ง เขาพลิกกระดาษอย่างแผ่วเบา สายตากวาดมองข้อมูลอย่างรวดเร็วแต่เพียงครู่เดียว เสียงฝีเท้าแผ่วเบาก็ดังขึ้นด้านหลัง ซ่งไป๋เซียวไม่ได้เงยหน้าขึ้น เขารู้ดีว่าเป็นผู้ใด"ท่านหมอซ่ง"เงาร่างของบุรุษในอาภรณ์สีกลมกลืนไปกับชาวบ้านทั่วไปปรากฏขึ้นตรงหน้าประตู เกาหานค้อมกายประสานมืออย่างนอบน้อม แววตาแน่วแน่และเคร่งขรึม"มีเรื่องใด?" ซ่งไป๋เซียวถามโดยไม่ละสายตาจากเอกสาร"ข้านำข่าวจากจวนมารายงานขอรับ"ซ่งไป๋เซียวเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าให้เกาหานรายงานต่อ"วันนี้สะใภ้ใหญ่เฉาเชิญฮูหยินรองไปพบที่เรือนฉางเล่อขอรับ"ทันทีที่ได้ยินชื่อ "เฉาหลิงเอ๋อ" มือที่ถือพู่กันของซ่งไป๋เซียวพลันหยุดชะงักไปเสี้ยววินาที ดวงตาที่เคยสงบนิ่งคล้ายฉายแววเย็นเยียบขึ้นโดยไม่รู้ตัว‘เฉาหลิงเอ๋อ...’หญิงผู้นี้มาพบอาหลี จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ล้วนไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเด็กสาวแน่"แล้วเป็นอย่างไรบ้าง?" น้ำเส

  • สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง   ตอนที่8|| นี่หรือพ่อสามี

    ตอนที่8|| นี่หรือพ่อสามีภายในห้องโถงใหญ่ของจวนเสนาบดีสกุลซ่ง บรรยากาศตึงเครียดจนแทบไม่มีผู้ใดกล้าหายใจแรง หลังจาก คนสนิทของใต้ซ่งผู้นำตระกูลในขณะนี้เข้าไปแจ้งกับนายท่านของเขาว่าบัดนี้ท่านหมอซ่งหรือคุณชายรองซ่งมาขอพบพร้อมกับฮูหยิน ไม่นานเขาก็อนุญาตให้บุตรชายคนรองของตนเองเข้าพบได้"ให้มันเข้ามา!"บุรุษหนุ่มใหญ่นั่งอยู่บนแท่นสูงเอ่ยออกไป ใบหน้าของเขามืดครึ้มดุจพายุคลั่ง ดวงตาเฉียบคมเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด บนโต๊ะไม้แกะสลักอันวิจิตรถูกปกคลุมไปด้วยเอกสารราชการที่ถูกเขวี้ยงทิ้งอย่างไม่ไยดี ด้านหลังบุรุษวัยสี่สิบปลาย ๆ ผู้มีตำแหน่งสูงส่ง แผ่นหลังตั้งตรงราวกับไม้สน แม้จะอายุไม่น้อยแต่ยังคงแข็งแกร่งและทรงอำนาจเสียงฝีเท้าดังขึ้นเมื่อซ่งไป๋เซียวก้าวเข้ามาในห้องโถง พร้อมกับ หลินหลีฮวา ที่เดินตามมาด้วยกิริยาสงบนิ่ง แม้จะต้องเผชิญกับสายตากดดันของขุนนางใหญ่แห่งแผ่นดิน แต่เด็กสาวเพียงค้อมศีรษะให้เล็กน้อย ก่อนจะคุกเข่าลงข้าง ๆ สามีของตนแต่ไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้เอ่ยสิ่งใด เสียงของซ่งป๋อเหยียนก็กระแทกก้องห้องโถง"เจ้าหายหัวไปสามเดือน! พอกลับมาเจ้ากลับพาเด็กสาวที่ใดก็ไม่รู้มาเป็นสะใภ้ของสกุลซ่ง!?"ซ่ง

  • สะใภ้รองสกุลซ่งผู้ถูกบิดาสามีชิงชัง   ตอนที่7|| เรือนอวี้หลันของพวกเรา

    ตอนที่7|| เรือนอวี้หลันของพวกเราทันทีที่ก้าวผ่านประตูใหญ่และเหล่าคนรับใช้ส่วนหนึ่งที่ตั้งแถวต้อนรับคุณชายรอง อาหลีก็กวาดสายตาสังเกตรอบข้างเงียบงัน นางสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่กว้างขวางของจวนแห่งนี้ เพราะจวนซ่งนี้ถูกสร้างขึ้นตามรูปแบบ เรือนสี่ประสาน หรือ ซื่อเหอย่วน (四合院) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมดินแดนจงหยวนของขุนนางชั้นสูง ภายในประกอบด้วยเรือนหลักและเรือนรองที่เชื่อมต่อกันล้อมรอบลานกว้างตรงกลางพื้นทางเดินปูด้วยหินแกรนิตสีเทาเรียบสนิท บรรยากาศสงบและเข้มขลัง เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปจะเห็นอาคารเรือนใหญ่ที่หลังคามุงกระเบื้องเขียวสลับฟ้า ตัดกับเชิงชายไม้ที่แกะสลักลวดลายเมฆมงคลอย่างวิจิตร เสาไม้ขนาดใหญ่ถูกสลักงดงาม ตัดกับคานไม้สีทองอร่าม แสดงถึงความมั่นคงของจวนขุนนางเสียงรองเท้าของบ่าวไพร่ที่สวมรองเท้าผ้าดังก้องบนพื้นหิน พวกเขาล้วนแต่งกายด้วยอาภรณ์เรียบง่าย แต่สะอาดสะอ้าน บ้างถือพัด บ้างถือถาดน้ำชาเดินสวนกันไปมาอย่างเป็นระเบียบ แต่พอพวกเขาแลเห็นคุณชายรองต่างก็ก้มศีรษะและโค้งกายทำความเคารพบ่าวไพร่จำนวนไม่น้อยลอบมองอาหลีด้วยความอยากรู้ ต่างพากันคาดเดาไปต่างๆ นานา บางคนอดใจไม่ไหวก็ถึงกับแอบไปสอบถาม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status