ผลท้อสวรรค์สูญหาย นางเซียนน้อยจึงถูกลงโทษให้ลงมาอยู่บนโลกมนุษย์ แต่นางดันพกเมล็ดพันธ์ผลท้อติดมือมาด้วยนี่สิ!! แนะนำตัวละคร มู่เหยาจี เซียนน้อยเหยาจีผู้มีพลังวิญญาณแห่งเทพพฤกษา นางมีความสามารถในการเพาะปลูกและได้เป็นผู้ดูแลสวนท้อสวรรค์เพียงหนึ่งเดียว มู่สี่เสิน ผีเสื้อเกล็ดแก้วหนุ่มน้อยทูตสวรรค์ผู้ซื่อสัตย์ เขายอมรับโทษพร้อมกับเหยาจี ติดตามเหยาจีลงมาแดนมนุษย์ในฐานะพี่ชายแท้ๆ หลวนหลง เซียนหนุ่มผู้บ่มเพาะพลังเทพมังกร ผู้โชคดีที่จะได้รับผลท้อสวรรค์คนสุดท้ายในรอบ 3,000 ปี แต่เขาต้องพลาดโอกาสงาม เพราะท้อสวรรค์ของเขาถูกช่วงชิงไปโดยเซียนน้อยเหยาจี มหาเทพฮ่าวเทียน หนึ่งในสามมหาเทพผู้ปกครองสูงสุดบนแดนสวรรค์ ดูแลสรรพสิ่ง ดิน น้ำ ลม ไฟ สุริยัน จันทรา มหาเทพมู่ซี หนึ่งในสามมหาเทพผู้ปกครอง ดูแลเหล่ามวลพฤกษานานาพรรณ มหาเทพสิงเทียน หนึ่งในสามมหาเทพผู้ปกครอง ดูแลสรรพสัตว์และสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
Voir plusวันต่อๆ มามู่สี่เสินและมู่เหยาจีก็ได้เรือขนาดใหญ่ลำใหม่จากการช่วยเหลือของหัวหน้าหมู่บ้านเกาโหลวมา 2 ลำ พวกเขาจึงคืนเรือสองลำเดิมรวมทั้งแพให้กับเกาโหลวไป “เรือสองลำนี้เราบรรจุผลไม้ได้ถึง 160 ตะกร้าเลยทีเดียวขอรับ ครั้งนี้การทยอยเอาผลไม้ทั้งหมดออกจากเกาะลอยคงเสร็จเร็วกว่าเก่า”“พวกเจ้าปลูกต้นท้อเอาไว้อีก 200 กว่าต้นมิใช่หรือ ข้าว่าคงจะใช้เวลา 3 เดือนดังเดิมนั่นล่ะ นอกจากเรือแล้วเจ้าอยากได้สิ่งใดบ้าง ข้าจะได้เตรียมการหาซื้อไว้ให้ตั้งแต่เนิ่นๆ"“ข้าวสารขอรับ แล้วก็ผ้า หากลมหนาวมาเยือนอีกครั้งข้าไม่มั่นใจว่าเกาะลอยจะพาเราไปที่ใดอีก และยังไม่รู้ว่าจะนานเท่าใดมันจึงจะยอมเคลื่อนตัวอีกครั้ง เสบียงอาหารของใช้จำเป็นอะไรเพิ่มเติมจากนี้ข้าจะให้เหยาจีจดมาส่งให้ท่านเอง”ระหว่างที่เกาโหลวกับมู่สี่เสินกำลังสนทนากันอยู่ ร่างสามร่างของอู๋ฉ่าง นางลู่และอู๋หนิง ก็เดินถือตะเกียงฝ่าความมืดตรงเข้ามาบริเวณเรือที่รับส่งสินค้า“คุณชายคุณหนู เราสามคนมาขอบคุณพวกท่านขอรับ” อู๋ฉ่างเป็นคนนำภรรยาและบุตรสาวคุกเข่าลงกับพื้นโขกศีรษะคำนับสองพี่น้องด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจ“พี่ชาย พี่สาว!! ท่านลุกขึ้นก่อน! ไม่เห็นต้องทำ
ได้ยินเช่นนี้ทั้งมู่สี่เสินและมู่เหยาจีต่างก็ดีใจกันมาก ครั้งนี้โชคดีที่เกาะลอยยอมเคลื่อนที่มาที่เกาะจิงเหมิน พวกเขาจำเป็นต้องสะสมเสบียงอาหารไว้ให้มากกว่าเดิม ป้องกันการขาดแคลนในอนาคตหากว่าเกาะลอยเคลื่อนตัวไปอยู่กลางมหาสมุทรที่ห่างไกลอีกครั้ง“ดีเลยเจ้าค่ะ อีกครึ่งเดือนผลท้อบนเกาะก็น่าจะพร้อมเก็บเกี่ยวแล้ว เราจะได้เอาพวกมันมาขายด้วย”“ผลท้อ? ผลท้อหน้าตาเป็นอย่างไรหรือหลานสาว"“ก็ลูกสีแดงๆ ขนาดประมาณเท่านี้อย่างไรเจ้าคะ” มู่เหยาจีทำมือกะขนาดให้เกาโหลวดู“นั่นมันผิงกั่ว (แอปเปิ้ล) ไม่ใช่หรือ? ก็ไหนพวกเจ้าว่าบนเกาะลอยไม่มีผิงกั่วอย่างไรเล่า?"“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ไม่ใช่ผิงกั่ว ดอก ผล ใบและกิ่งท้อล้วนเป็นสิ่งที่เป็นมงคลทั้งสิ้นท่านอาเกาไม่รู้เรื่องนี้หรือเจ้าคะ”เกาโหลวกับชาวบ้านขมวดคิ้วพยายามคิดถึงผลไม้ดังกล่าว แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีผู้ใดเคยได้ยินชื่อหรือสรรพคุณที่ดีงามของผลไม้ชนิดนี้มาก่อนเลยสักคนเดียว“เอาไว้ข้าข้ามไปแผ่นดินใหญ่แล้วจะลองถามคนที่นั่นดู บางทีอาจเป็นผลไม้ทางเหนือที่เมืองหยุนไห่ของพวกเราไม่เคยรู้จักก็เป็นได้”มู่สี่เสินและมู่เหยาจีตาเป็นประกายขึ้นมาทันที หากผลท้อไม่มีปลูกที่เม
หลายวันต่อมาสองพี่น้องก็ทำงานร่วมกันได้ตามปกติ มู่เหยาจียังเสนอตัวจะเย็บชุดต่อกันให้กับมู่สี่เสินบ้าง แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธเสียงแข็ง“ให้ข้าใส่ชุดน่าเกลียดเช่นนั้น ข้ายอมแก้ผ้าเดินรอบเกาะยังจะดีเสียกว่า!!”“ท่านมันปากเสีย! ดี แก้ผ้าเดินไปเลย อยู่กับลิงมากท่านก็จะเหมือนลิงเข้าไปทุกทีแล้ว จริงสินะพวกมันก็ไม่ใส่เสื้อผ้าเช่นกันนี่นา!” มู่เหยาจีบ่นไปเรื่อยเปื่อย แต่ลิงน้อยพากันล้มตัวลงนอนแผ่หลาไปกับพื้นกันเป็นแถว พอตั้งสติได้พวกมันก็เข้าไปรุมดึงเสื้อผ้าของมู่สี่เสินคล้ายกำลังประท้วงว่าพวกมันก็อยากใส่เสื้อผ้าเช่นกัน“เหยาจี พวกมันฟังเรารู้เรื่องทุกอย่างเลยใช่ไหมนี่!! เจ้ามาช่วยข้าด้วย!!” มู่สี่เสินส่งเสียงขอความช่วยเหลือจากน้องสาวไป มือก็ปัดป้องต่อสู้กับลิงไป“ลิงน้อย อย่าเสียมารยาทกับพี่ชายสิ พวกเจ้าไม่ใช่มนุษย์ไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อผ้า เจ้าดูเอาเถิดเขาน่าเกลียดถึงเพียงนั้นพวกเจ้ายังอยากได้เสื้อผ้าจากเขาอีกหรือ?” ฝูงลิงสิบกว่าตัวหยุดชะงักลงทันใด พวกมันกระโดดลงจากร่างของมู่สี่เสินมายืนอยู่ตรงกลางระหว่างคนทั้งสอง หันมองซ้ายทีขวาที แล้วก็เบ้หน้าทำปากเบี้ยว เสื้อผ้าของมนุษย์สองคนนี้ไม่น่าสวมใส
ชั่วพริบตาเดียวเวลาก็ล่วงผ่านไปนานถึง 3 ปี“พี่สี่เสิน ข้าชักอยากให้เกาะลอยเคลื่อนที่บ้างเสียแล้วล่ะ ข้าวสารกับแป้งของเราหมดไปตั้งแต่เมื่อ 6 เดือนก่อนแล้ว ข้ากินแต่ผลไม้ กับพวกกุ้งปลาจนหน้าข้าจะยาวเป็นกุ้งอยู่แล้วเจ้าค่ะ”มู่สี่เสินพรวนดินใต้ต้นท้อที่เติบโตและกำลังออกผลเล็กๆ มากมายต่อไปโดยที่ไม่ได้หันมามองน้องสาว“อีกไม่นานเจ้าก็จะมีผลท้อกินแล้ว พวกมันโตเร็วและมากมายถึงเพียงนี้เจ้ากินได้อีกนานหายเบื่อแน่นอนเหยาจี”“เราอยู่กันแค่สองคน ต่อให้เด็ดลงมาแจกจ่ายให้สัตว์ทั้งเกาะกินด้วยอย่างไรก็กินไม่หมด ข้าอยากขายผลท้อจัง อยากรู้ว่าหัวหน้าหมู่บ้านเกาโหลวจะคิดราคาให้พวกเราเท่าใด”ในที่สุดมู่สี่เสินก็หยุดมือจากการทำงาน ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงใช้ฝ่ามือหนาปัดฝุ่นที่เลอะเสื้อผ้าออก ยามนี้มู่สี่เสินเป็นชายหนุ่มวัย 17 ปีแล้ว เขาตัวสูงใหญ่จนเสื้อผ้าที่เคยใส่สั้นเต่อมาถึงหน้าแข้ง แขนเสื้อก็ดูคล้ายจะหดสั้นลงจนดูน่าขัน “ข้าก็คิดถึงคนในหมู่บ้านจิงไห่เช่นกัน เสียดายที่ครั้งนั้นข้าเลือกซื้อเสบียงอาหารแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อเรือกลับมา ไม่เช่นนั้นข้าจะพาเจ้าพายเรือออกไปท่องเที่ยวนอกเกาะบ้าง”“ต่อให้เราซื้
เกาะลอย“พี่สี่เสิน หมดฤดูหนาวมาพักใหญ่แล้วแต่เกาะลอยยังไม่มีวี่แววว่าจะเคลื่อนตัวไปทางอื่นเลย” “เอ้า!! ก่อนหน้านี้ก็เป็นเจ้าไม่ใช่หรือที่บอกว่าอยากอยู่ที่นี่นานๆ ที่นี่งดงาม บรรยากาศดีอะไรต่อมิอะไรสารพัด มาทีนี้เกิดอยากจะออกไปท่องเที่ยวอีกแล้วหรือไร”“เปล่าซะหน่อย ข้าก็แค่พูดขึ้นมาเฉยๆ เท่านั้นเจ้าค่ะ เป็นแบบนี้ก็ดีเช่นกันพวกเราจะได้มีเวลาเพาะปลูกต้นท้อได้”“ใช่ ข้าก็คิดว่าถึงเวลาที่เราจะเริ่มปลูกกันเสียที ข้าหยุดงานมานานจนชักจะติดนิสัยขี้เกียจแล้วล่ะ”“แล้วเราจะเริ่มกันอย่างไรดี จอบก็มีแค่สองอัน เรามีเครื่องมืออะไรอีกนะ ข้าไปค้นดูก่อน” เด็กสาวกล่าวจบก็วิ่งไปทางหลังเรือน แบกจอบ กระบุงใส่ดินและคราดมาอีก 1 อันอย่างทุลักทุเล“ก็คงต้องเริ่มจากถางหญ้า เราทำเป็นตัวอย่างให้สัตว์เหล่านั้นดูสักระยะ ข้าเชื่อว่าเดี๋ยวพวกมันก็เข้าใจว่าเรากำลังคิดทำสิ่งใด”“ท่านอย่าเอาเปรียบสัตว์น่ารักเหล่าเด็ดขาด! ครั้งนี้เราสองคนไม่ต้องขนส่งผลไม้ออกไปขายมีเวลาว่างมากมาย ก็ต้องช่วยพวกมันให้สุดกำลัง” มู่เหยาจีเป็นเดือดเป็นแค้นแทนสัตว์ตัวเล็กๆ ของนางยิ่งนัก คราวก่อนตั้งแต่รู้ว่าพวกมันเก็บผลไม้ได้ มู่สี่เสินก็ใช้
ลานฝึกยุทธ์จวนสกุลอ๋าว“วันนี้ข้าขอให้ท่านย่าเรียกทุกคนมาก็เพราะข้าจะแนะนำพวกเขาให้ทุกคนรู้จัก สหายข้าเวยวั่งซู ซินหรูอี้ ส่วนฝูซีและหูกุ้ยที่ยืนอยู่ด้วยทุกคนก็คงรู้จักกันดีอยู่แล้ว”“นี่มันเรื่องอะไรกันหลวนหลง แค่เจ้ามีสหายใหม่นี่นะ! ถึงกับต้องให้ผู้นำตระกูลเรียกรวมพลเชียวหรือ!” อ๋าวซีเค่อสบถเสียงดัง กระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างแรง“หากท่านลุงรองไม่เหนื่อยเกินไปก็อดทนรออีกสักครู่เถิดขอรับ หรือถ้านั่งไม่ไหวก็ขอให้พี่รองพาท่านกลับไปพักผ่อนก่อนก็ได้”“เพ่ย!! ข้ายังไม่แก่ขนาดนั้น! เจ้ามีอะไรก็รีบว่ามา! หวังว่าคงไม่ใช่คิดอยากพาคนเข้ามาขอพักอาศัยสุ่มสี่สุ่มห้าก็แล้วกัน” อ๋าวซีเค่อมองดูเวยวั่งซูกับซินหรูอี้ที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าราคาถูกตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าด้วยสายตาเหยียดหยามอ๋าวหลวนหลงเริ่มต้นโดยให้เวยวั่งซูและซินหรูอี้เล่าถึงสถานการณ์ของผู้ฝึกตนที่อยู่ภายนอกออกมาก่อน เป็นเพราะเมืองหลงเทียนมีตระกูลอ๋าวเป็นตระกูลใหญ่อันดับหนึ่ง อีกตระกูลที่บูชาเทพและมีผู้ฝึกตนอยู่ในสกุลก็คือสกุลกัวบ้านเดิมของฮูหยินผู้เฒ่ากัว คนในเมืองหลงเทียนและพื้นที่โดยรอบจึงไม่ค่อยมีคนมาก่อความวุ่นวาย ชาวเมืองก็ไม่ได้ให้คว
เวยวั่งซูกับซินหรูอี้เดินทางมาถึงจวนตระกูลอ๋าวแล้วก็ต้องทำตาโต เฉพาะกำแพงหน้าจวนตระกูลอ๋าวก็ครอบครองพื้นที่ยาวตลอดถนนสายหนึ่งในเมืองหลงเทียนได้แล้ว พื้นที่ด้านหลังจวนยังมีภูเขาเล็กๆ อยู่อีกหนึ่งลูก ซึ่งน่าจะอยู่ในอาณาเขตของตระกูลอ๋าวที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลงเทียนอย่างแน่นอนในคราวแรกคนเฝ้าประตูทำสีหน้ารังเกียจพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อซินหรูอี้แจ้งความประสงค์ว่าจะมาขอพบคุณชายสี่อ๋าวหลวนหลง บุรุษวัยกลางคนก็รีบเชื้อเชิญให้ไปรอด้านในโดยที่มีเด็กหนุ่มอีกคนรีบวิ่งไปแจ้งกับคุณชายสี่ทันที“อ๋าวหลวนหลงผู้นี้เป็นคุณชายสี่แต่ได้รับความเกรงใจไม่น้อย ข้าว่าเขาก็คือท่านเซียนหลวนหลงไม่ผิดตัวแน่แล้วล่ะหรูอี้ สกุลใหญ่เช่นนี้อย่างไรคงไม่ได้ความสำคัญกับคุณชายลำดับหลังๆ ถึงเพียงนี้หรอกหากไม่เป็นเพราะคนผู้นั้นมีความสามารถสูงพอ”เวยวั่งซูกล่าวจบก็ต้องขมวดคิ้วมองหน้าสตรีข้างกายด้วยความฉงน เพราะเวลานี้ซินหรูอี้กำลังปิดปากหัวเราะจนตาปิดพร้อมกับชี้ไม้ชี้มือไปยังทิศทางหนึ่ง“เป็นท่านนี่เองวั่งซู” อ๋าวหลวนหลงคนเดิมไม่มีสหายนอกจวน เขามั่นใจเต็มที่ว่าคนที่มาขอพบย่อมเป็นเซียนคนใดคนหนึ่งที่ลงจากแดนสวรรค์มาพร้อ
อ๋าวซีเค่อและอ๋าวหลวนตงสองพ่อลูกเจ้าปัญหาไม่กล้าท้วงติงอะไรสักประโยค แม้ว่าจะมีข้อสงสัยในตัวอ๋าวหลวนหลงอยู่หลายประการ แต่สิ่งที่เด็กหนุ่มกำลังทำทุกอย่างมันล้วนแล้วแต่เป็นผลดีกับสกุลอ๋าว รวมทั้งสองพ่อลูกก็ได้เห็นตำราฉบับซ่อมแซมที่อ๋าวหลวนหลงแก้ไขมันด้วยตาตนเอง“หลวนหลง เรื่องสมบัติในศาลเทพมังกรเราก็ได้รู้กันแล้วว่าเป็นตำรายุทธ์ แล้วเรื่องที่จะสอนให้ทายาทคนอื่นๆ รู้วิธีการโคจรลมปราณเล่า เจ้าจะเริ่มสอนเลยดีหรือไม่”พี่น้องทุกคนได้ยินคำถามของคุณชายสามอ๋าวหลวนกังแล้วก็หูผึ่งขึ้นมาทันที เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีการพูดถึงการสอนพี่น้องคนอื่นๆ ในบ้านสายหลัก“ในศาลเทพมังกรไม่ได้มีเพียงวิชายุทธ์ขอรับพี่สาม ด้านในยังมีบันทึกการบำเพ็ญเพียรที่ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษหลายคน ในนั้นได้บ่งบอกระดับชั้นของผู้ฝึกตนว่ามีการแบ่งแยกเป็น ขั้นผู้ใช้ปราณ ขั้นสร้างรากฐาน ขั้นควบคุมปราณ ขั้นก่อกำเนิด และยังมีระดับขั้นที่สูงกว่านี้อีก” อ๋าวหลวนหลงยังไม่ได้สำรวจตำราทุกเล่มภายในศาลเทพมังกร แต่ที่ตนเห็นยังไม่มีบันทึกเล่มใดที่กล่าวถึงการฝึกฝนไปถึงระดับชั้นเซียนเลยสักเล่มคาดเดาว่าบรรพบุรุษสกุลอ๋าวที่ริเริ่มสะสมตำราเหล่าน
หลังจากดีใจกันพอเป็นพิธีแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็คิดจะเข้าไปสำรวจด้านในของศาลเทพมังกร “หลวนเซี่ย หลวนหลงตามย่าเข้าไปด้านในก่อน” อ๋าวซีห่าวถึงกับหน้าถอดสี การที่มารดาไม่เรียกคนตามลำดับอาวุโสก็ทำให้ตนรู้สึกเสียหน้าไม่น้อย แต่นั่นก็บุตรชายแท้ๆ ผิดแผกไปก็แค่มีอ๋าวหลวนหลงได้ตามไปอีกคนเท่านั้นเพียงแค่ผลักประตูให้เปิดกว้างขึ้นแต่ยังไม่ทันก้าวขาเข้าไปในห้อง กลิ่นเหม็นอับชื้นพิกลก็พุ่งมาปะทะใบหน้าของคนทั้งสามเข้าอย่างจังจนฮูหยินผู้เฒ่ากัวถึงกับต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดจมูกเอาไว้ แม้ว่าศาลเทพมังกรจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีแต่ก็ทำได้เพียงภายนอก เครื่องเรือนรวมทั้งผนังห้องที่ทำจากไม้ภายในล้วนแล้วแต่ผุพังจากความชื้นที่ผ่านฝนย่ำลมหนาวเยือนไม่เคยเจอแสงแดดมายาวนาน ภายในห้องขนาดใหญ่มีชั้นหนังสือและชุดโต๊ะเก้าอี้สำหรับอ่านเขียนตำรา มองอย่างไรก็คือห้องหนังสือดีๆ นี่เอง เพียงแต่เป็นห้องหนังสือที่กว้างขวางมีโต๊ะเก้าอี้อยู่หลายชุด คล้ายว่าเป็นห้องหนังสือส่วนรวมประจำตระกูลอ๋าวในอดีตหาใช่ห้องส่วนตัวไม่ขณะที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกับอ๋าวหลวนเซี่ยเอาแต่ตื่นตาตื่นใจกับสมบัติล้ำค่าที่คาดว่าจะเป็นตำรายุทธ์ มรดกตกทอดที่
วิมานแก้ว แดนสวรรค์มหาเทพ 3 องค์ผู้เป็นใหญ่ที่สุดปกครองสวรรค์ร่วมกันประทับอยู่บนบัลลังก์เหม่อมองไปยังเหล่าทวยเทพและเซียนสวรรค์นับหมื่นด้วยสายตาเรียบนิ่งด้านชา มีเพียงบางครั้งที่รู้สึกตัวก็จะพยายามโบกมือและส่งยิ้มให้กับเทพและเซียนบนแดนสวรรค์เป็นระยะวันนี้พวกเขาทั้งสามมารวมตัวกันที่วิมานแก้วที่ประทับของมหาเทพมู่ซี สตรีเพียงหนึ่งเดียวในมหาเทพทั้งสาม ผู้เป็นเจ้านายแห่งมวลพฤกษานานาพรรณ ด้วยเหตุที่ว่าท้อสวรรค์ที่จะสุกทุก 3,000 ปี ได้สุกงอมเต็มที่ เซียนสวรรค์นับหมื่นจึงมารวมตัวกันเพื่อรอรับส่วนผลไม้แห่งอายุวัฒนะนี้“ต้นท้อออกผลกี่ผลกันเล่าคราวนี้ท่านมหาเทพมู่ซี” มหาเทพฮ่าวเทียนผู้เป็นนายแห่งสรรพสิ่ง ควบคุมสุริยัน จันทรา ดิน น้ำ ลมไฟ เริ่มตั้งคำถามด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย“ได้ยินว่า คราวนี้มีถึง 384 ผลเลยทีเดียว ทั้งยังสามารถขยายพันธุ์เพิ่มขึ้นได้อีกถึง 3 ต้น อีก 3.000 ปี พอพวกมันสุกพร้อมกันก็คงจะมีมากกว่านี้อีกไม่น้อย” มหาเทพมู่ซีเปิดเผยสีหน้าลำบากใจออกมาท้อสวรรค์เป็นผลไม้ในดินแดนเทพที่เคยเป็นที่ต้องการของมนุษย์ที่ต้องการเพิ่มอายุขัยมาช้านาน แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว บัดนี้แดนสวรร...
Commentaires