เจียงซุ่ยฮวน สุดยอดอัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ได้ข้ามภพมาสิงร่างองค์หญิงผู้กำลังตั้งครรภ์และถูกสั่งประหารชีวิต รูปโฉมงดงามถูกทำลายสิ้น ซ้ำยังถูกโยนทิ้งในป่าช้า! นางในชุดเปื้อนเลือด กลับคืนสู่เมืองหลวงอีกครา ขอหย่าขาดจากองค์ชายผู้ทรยศ และเปิดโปงใบหน้าที่แท้จริงของน้องสาวผู้ชั่วร้าย ประจานพ่อแม่ผู้ลำเอียง... เพื่อหาเงินเลี้ยงดูลูกน้อย นางเปิดร้านเสริมความงามแห่งแรกของเมืองหลวง ธุรกิจรุ่งเรือง เงินทองไหลมาเทมาดั่งสายธาร ยามที่นางยุ่งอยู่กับการทำมาหากินเลี้ยงลูก องค์ชายผู้ไม่เคยสนใจสตรีใด กลับค่อย ๆ เข้ามาใกล้ชิดนาง สามปีต่อมา โรคระบาดร้ายแรงอุบัติขึ้น นางจึงใช้วิชาแพทย์อันเป็นเลิศช่วยชีวิตผู้คนไว้มากมาย องค์ชายผู้ทรยศสำนึกผิด คุกเข่าขอขมา แต่กลับถูกองค์ชายผู้เป็นอาแทงทะลุร่างด้วยดาบเสียแล้ว "เห็นเด็กน้อยข้างกายนางหรือไม่? เขาเป็นลูกของข้า"
ดูเพิ่มเติมควันสีเทาลอยฟุ้งขึ้นมา ลูกประคำที่เฉียนจิงอี๋ปาออกไปยังคงสภาพสมบูรณ์ แต่กลับฝังลึกอยู่กลางหลุมใหญ่บนพื้นแค่ลูกประคำธรรมดา กลับสามารถก่อความเสียหายได้ถึงเพียงนี้ ต้องมีพลังภายในลึกล้ำถึงเพียงใดกันแน่สีหน้าของเจียงซุ่ยฮวนพลันเคร่งขรึม ขณะเดียวกัน เหล่าองครักษ์ลับที่ล้อมรถม้าอยู่ก็ล้วนตั้งท่าเตรียมพร้อมด้วยท่าทีตึงเครียดแต่ก่อนพวกเขาเคยได้ยินชื่อของเฉียนจิงอี๋มาบ้าง รู้เพียงว่าเขาเป็นทายาทของหอพนันซิ่งหลง เป็นผู้มีอุปนิสัยเงียบขรึม หาได้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนบ่อยนักกระทั่งได้พบกับตัวจริงในวันนี้ จึงรู้ว่าบุรุษผู้นี้...มิใช่คนธรรมดาแน่นอน“แม่นางผู้นี้ ข้าไร้เจตนาจะสร้างความลำบากแก่ท่าน เพียงแต่ในฐานะทายาทของหอพนันซิ่งหลง ข้าย่อมไม่อาจเพิกเฉยมองลูกค้าถูกลักพาตัวไปต่อหน้าต่อตา...ท่านว่าใช่หรือไม่?” เฉียนจิงอี๋ยิ้มละไม รอยยิ้มนั้นดูสุภาพอ่อนโยน หากแต่แฝงไว้ด้วยแรงกดดันจาง ๆ อย่างยากจะหยั่งถึงองครักษ์ลับทั้งหกยังคงเฝ้ารอบรถม้า หนึ่งในนั้นค่อย ๆ ถอยหลังออกไป แล้วอาศัยจังหวะชุลมุนลับหายไปในพริบตาเฉียนจิงอี๋เห็นดังนั้น จึงหัวเราะพลางถามว่า “หืม? ถึงกับต้องไปตามกำลังเสริมเชียวหรือ? หรื
ผู้คนที่อยู่ ณ ที่นั้นล้วนทราบดีว่า "เซียนพนัน" ผู้นั้นจงใจกลั่นแกล้งเจียงซุ่ยฮวนเป็นแน่ ทั้งที่ลูกเต๋ายังวางนิ่งอยู่ในถ้วย จะมีผู้ใดคาดเดาได้ถูกต้องเล่า?ขณะนั้นเอง เหล่าองครักษ์ลับทั้งหกก็เริ่มขยับเข้าใกล้ฉู่เฉินตัวปลอมอย่างช้า ๆ พวกเขาล้วนถอดชุดดำออกเสียแล้ว แลดูแทบไม่แตกต่างจากชาวบ้านทั่วไปเจียงซุ่ยฮวนยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบว่า “ตกลง”ทุกผู้คนถึงกับตะลึง แม้เจียงซุ่ยฮวนจะชนะมาหลายตา แต่หาได้มีผู้ใดเชื่อว่านางจะเดาแต้มลูกเต๋าได้ถูกต้องทุกเม็ด ครั้นแล้วจึงพร้อมใจกันวางเดิมพันทั้งหมดลงข้างเซียนพนันฉู่เฉินตัวปลอมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนวางถุงผ้าบนโต๊ะ แล้วเดิมพันข้างเซียนพนันเช่นกันหญิงสาวบนโต๊ะค่อย ๆ เขย่าถ้วยลูกเต๋า เจียงซุ่ยฮวนหลับตาลง ตั้งใจฟังเสียงที่เล็ดลอดออกมาจากในถ้วยโดยมิปล่อยให้จิตวอกแวกในยามนั้น เสียงรอบข้างพลันเลือนหาย สิ่งเดียวที่ดังสะท้อนอยู่ในโสตประสาทคือเสียง “กรุ๊งกริ๊ง กั๊กกั๊ก” ของลูกเต๋าอันแว่วไหวจนเมื่อลูกเต๋าสิ้นเสียงนิ่งลง เจียงซุ่ยฮวนจึงลืมตาขึ้นมาเซียนพนันแค่นหัวเราะเย็น เอื้อนเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ทายสิ ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าจะทายได้หรือไม่!”เจีย
ผู้คนรอบโต๊ะเมื่อเห็นว่าเซียนพนันลงเงินมากถึงเพียงนี้ ต่างคิดว่าเขาคงเริ่มจริงจังแล้ว จึงพากันวางเดิมพันตามครั้นทุกคนลงเงินเสร็จ เจียงซุ่ยฮวนกลับค่อย ๆ หยิบตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงออกมาวางบนโต๊ะอย่างไม่รีบร้อน“……”ทุกผู้คนถึงกับตะลึง โดยเฉพาะเซียนพนัน สีหน้าเขาราวกับกลืนของเสียเข้าไป เอ่ยด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “นี่เจ้าล้อข้าเล่นหรือ?”หญิงบนโต๊ะเองก็หน้าเจื่อนเล็กน้อย “คุณหนูเจ้าขา ที่นี่วางขั้นต่ำต้องหนึ่งพันตำลึงเจ้าค่ะ”“อ้อ ขอโทษด้วย” เจียงซุ่ยฮวนยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหยิบอีกใบมาวางซ้อน “เช่นนี้ใช้ได้หรือยัง?”เซียนพนันนั้นยืมเงินจากบ่อนมากถึงหมื่นตำลึง เพียงหวังเอาชนะเงินสองแสนของนาง กลับกลายเป็นนางวางแค่พันเดียว จนเขาอยากจะพลิกโต๊ะเสียให้ได้ทว่าผู้ใดจะสนใจความคิดของเขา? เจียงซุ่ยฮวนหาได้ใส่ใจ เพราะสิ่งที่นางต้องการคือเรียกความสนใจ หาใช่เดิมพันเพื่อชัยชนะอย่างเดียวและผลก็ไม่ผิดคาด นางชนะอีกคราหลายตาต่อมา บางครั้งนางวางเดิมพันทีละสองแสน บางครั้งก็เพียงแค่พันเดียว แต่ทุกครั้งนางล้วนชนะหมดส่วนเซียนพนันกลับเหมือนตกอยู่ในวังวนของความอาฆาต ยิ่งนางเลือกอย่างไร เขาก็เลือกตรงข้าม จนแพ
เมื่อเจียงซุ่ยฮวนกล่าวจบ เสียงหัวเราะเยาะก็ดังขึ้นรอบโต๊ะ“ฮ่า ๆ ๆ! ข้ารู้อยู่แล้วเชียวว่านางต้องเพี้ยนแน่ พวกเราลง ‘สูง’ กันหมด แต่นางกลับเลือก ‘ต่ำ’ เสียนี่!”ผู้หนึ่งชี้ไปยังชายที่ลงเงินเป็นคนแรก แล้วหันมาถามเจียงซุ่ยฮวนว่า “แม่นาง รู้หรือไม่ว่าท่านผู้นี้เป็นใคร?”เจียงซุ่ยฮวนเลิกคิ้วขึ้น เอ่ยเรียบ ๆ ว่า “แล้วเขาเป็นใครกันล่ะ”“เขาน่ะหรือ คือ ‘เซียนพนัน’ ประจำที่นี่เชียวนะ! ท่านผู้นี้แม่นยำยิ่ง ทายสิบหน ชนะไปถึงเจ็ด!”อีกคนที่มิได้ลงพนัน กล่าวเสริมว่า “ใช่แล้ว เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายในบ่อนนี้ ยังต้องตามเขาเลือกเลยแม่นาง ข้าเกรงว่าท่านควรไตร่ตรองให้ดี สองแสนตำลึงมิใช่น้อย ๆ”ชายที่ถูกเรียกว่าเซียนพนันจับจ้องตั๋วเงินเบื้องหน้าเจียงซุ่ยฮวนด้วยแววตาลุกวาว ราวกับเงินนั้นได้ตกในกำมือของตนเรียบร้อยแล้วครั้นได้ยินเสียงเตือนของคนอื่น ก็แค่นเสียงฮึดฮัด “เจ้าเองยังไม่ได้เดิมพัน อย่าสอด!”จากนั้นจึงหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ต่อเจียงซุ่ยฮวน “แม่นาง อย่าได้เชื่อคำพวกนั้น ข้าเองก็ใช่ว่าจะทายถูกเสมอ”“ท่านหากตามพวกเราเลือก ‘สูง’ ชนะขึ้นมาก็ได้เงินไม่มากเท่าไร แต่หากท่านเลือก ‘ต่ำ’ แล้วชนะ อย่าง
ชายตาตี่โน้มตัวลงมาด้วยความคาดหวัง “ว่ากระไร?”เจียงซุ่ยฮวนชกเข้าที่เบ้าตาซ้ายของเขาทันที ใช้เพียงห้าส่วนของพลังแต่ก็ตาเขียวช้ำเป็นวง ร้องลั่นพลางย่อตัวกุมตาชายหน้าแดงตะโกนด่า “นางหญิงชั่ว เจ้าคงอยากตายแล้วกระมัง!”เจียงซุ่ยฮวนกระชากคอเสื้อเขาขึ้นมาด้วยแววตาเด็ดขาด “ฟังให้ดี ข้ามาเพื่อตามหาคน ไม่นานก็จะไป”“หากพวกเจ้ายังคิดจะขัดขวางอีก อย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้าเจ้า”ชายผู้นั้นถึงกับสะดุ้งจากแรงอำนาจของนาง แต่ยังคงหัวเราะเยาะ “เจ้าก็แค่หญิงอ่อนแอ จะทำอะไรพวกข้าได้?”“บ่อนนี้คือบ่อนใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง แค่ข้าตะโกนคำเดียว บรรดายอดฝีมือทั้งหลายจะกรูออกมาทันที!”เจียงซุ่ยฮวนคลี่ยิ้มจาง ๆ “บ่อนใหญ่ที่สุดงั้นหรือ? เช่นนั้นคงได้กำไรมหาศาลต่อวันสินะ?”“แน่นอน!”“หากได้มากเพียงนั้น ภาษีที่ต้องส่งคงไม่น้อยพอ ๆ กันกระมัง? บังเอิญว่าข้ารู้จักกับเสนาบดีกรมคลังอยู่คนหนึ่ง ไม่รู้ว่าควรไปถามเขาดีหรือไม่ว่าบ่อนนี้จ่ายภาษีครบหรือเปล่า?”สีหน้าชายผู้นั้นซีดลงทันที ใครจะคิดว่าแม่นางผู้นี้รู้จักกับเสนาบดีกรมคลัง!แม้เขาจะเป็นแค่ผู้เฝ้าประตู แต่ก็รู้ดีว่าบ่อนของตนรับมือการตรวจสอบไม่ได้แน่ หากทางราช
คิดดูแล้ว ท่าทางท่านอาจารย์คงถูกสับเปลี่ยนตัวตั้งแต่อยู่ในวังหลวงเป็นแน่แท้เช่นนั้นแล้ว...อาจารย์ตัวจริงเล่า? ยามนี้จะอยู่ ณ แห่งหนใด?ไม่นานนัก องครักษ์เงาที่ออกตามจับก็กลับมาสองคน เจียงซุ่ยฮวนส่งเสี่ยวถังหยวนให้แม่นม แล้วหันมาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ว่าอย่างไร พวกเจ้าจับเขาได้หรือไม่?”องครักษ์ทั้งสองก้มหน้าด้วยความละอาย “เขามีวิชาตัวเบาที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก พวกกระหม่อมตามไปได้ไม่นานก็คลาดจากเงาของเขาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เจียงซุ่ยฮวนหาได้แปลกใจนัก หากคนผู้นี้สามารถปลอมตัวเป็นฉู่เฉินได้ ย่อมต้องเอาชนะฉู่เฉินได้ นั่นหมายความว่า ฝีมือย่อมเหนือกว่าอาจารย์ของนางเสียอีกคิดถึงตรงนี้ นางเริ่มรู้สึกหงุดหงิด บนโลกนี้ช่างมีผู้รู้วิชาแปลงโฉมมากเกินไปหรือไม่ เหตุใดจึงมีแต่คนอยากปลอมตัวเป็นผู้อื่น!แม้ตนจะระวังระไวอยู่แล้ว แต่ก็มิวายถูกหลอกอยู่ร่ำไปอาจารย์ของนางเฉลียวฉลาดนัก ใครเลยจะคิดว่าเขากลับตกเป็นเหยื่อเช่นกัน!เจียงซุ่ยฮวนแอบตัดสินไว้ในใจ นางจำต้องหาวิธีให้รู้ให้แน่ว่า คนข้างกายยังเป็นตัวจริงอยู่หรือไม่“พระชายา จะให้พวกกระหม่อมส่งคนออกตามหาเพิ่มเติมหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” องครักษ์คนหนึ่งเอ่ย
กู้จิ่นหาได้ตอบคำของเซียวกงกงไม่ เพียงเดินผ่านเขาไป พร้อมทอดเสียงเย็นชา “เจ้ารออยู่ข้างนอก”เซียวกงกงไม่กล้าพูดอันใดอีก จึงก้มหน้ารับคำ “พ่ะย่ะค่ะ”เขาโค้งหลังลงต่ำ และแอบชำเลืองมองแผ่นหลังขององค์ชายพลางคิดในใจ...ในทุกครั้งที่เมื่อองค์ชายเป่ยโม่เข้าเฝ้าไท่ซ่างหวงได้ไม่ทันไร ก็มักถูกขับไล่ออกมา ครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกันกระมังภายในตำหนัก ไท่ซ่างหวงยืนหันหลังให้กู้จิ่น กล่าวขึ้นอย่างสงบ “ดูท่าเจ้าอาฮวนคงบอกเจ้าแล้วสินะ”“อืม” กู้จิ่นตอบเสียงขรึม “นางบอกว่าเหตุที่พระองค์แสร้งเป็นบ้า...ก็เพื่อปกป้องข้า”ไท่ซ่างหวงทอดถอนใจแผ่วเบา “แท้จริงแล้วยังมีอีกเหตุหนึ่ง...เพียงแต่ข้าพูดไม่ออกต่อหน้านาง”“เหตุใดกัน?” ดวงตาของกู้จิ่นราวผืนน้ำต้องลม ราวคลื่นใต้ทะเลมืด ลึกล้ำจนยากหยั่ง“เพราะว่า...” เสียงของไท่ซ่างหวงเต็มไปด้วยความสำนึกและโทษตน “ข้า...ไร้หน้าจะมองเจ้าอีก”“ราชบัลลังก์นี้ แต่เดิมควรตกเป็นของเจ้า นี่คือสิ่งที่ข้ากับฮองเฮา มารดาของเจ้า ได้ตกลงกันไว้แล้ว”“แต่เมื่อนางจากไปอย่างกะทันหัน ข้าก็ทนรับมิได้ ในใจเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น เลยเผลอโทษเจ้า แล้วยังส่งบัลลังก์ให้พี่ของเจ้าอีก”“ใครเลย
กู้จิ่นยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “อาฮวน เราอยากเข้าเฝ้าไท่ซ่างหวงสักครา”เจียงซุ่ยฮวนย่อมรู้ว่าเขาต้องการไปพบไท่ซ่างหวง จึงตอบว่า “เชิญเถิด หม่อมฉันก็จะกลับไปหาท่านอาจารย์พอดี ท่านพูดคุยกับไท่ซ่างหวงให้ดีเถิด”ทั้งสองกล่าวลาต่อกันที่หน้าจวนองค์ชายเป่ยโม่ กู้จิ่นขึ้นรถมุ่งหน้าเข้าวัง ส่วนเจียงซุ่ยฮวนก็กลับจวนของตนครั้นถึงจวนแล้ว เจียงซุ่ยฮวนตรงไปยังห้องพักของฉู่เฉิน หน้าห้องมีองครักษ์เงาสองคนยืนเฝ้าอยู่ ครั้นเห็นนางมาก็กล่าวพร้อมกันว่า “คารวะพระชายา”เจียงซุ่ยฮวนชี้ไปยังห้อง “เขายังอยู่ข้างในหรือไม่?”“กราบทูลพระชายา อยู่พ่ะย่ะค่ะ”นางผลักประตูเข้าไป สิ่งที่เห็นคือหีบหลายใบเรียงอยู่บนพื้น แต่ละหีบล้วนเต็มไปด้วยทองคำและอัญมณีฉู่เฉินนั่งยอง ๆ อยู่ข้างหีบ กำลังถือถุงผ้าใบหนึ่ง แล้วหยิบทรัพย์สมบัติจากในหีบใส่ลงไปอย่างคล่องแคล่วหีบพวกนี้คงเป็นของที่เสวียหลิงนำมามอบให้นั่นเอง แต่ฉู่เฉินกำลังทำอันใดอยู่?เจียงซุ่ยฮวนขมวดคิ้ว ถามขึ้นว่า “ท่านอาจารย์ กำลังทำอะไรน่ะ?”ฉู่เฉินไม่แม้แต่จะเงยหน้า “ก็เก็บของน่ะสิ”“ของอยู่ในหีบดี ๆ แล้ว ท่านจะเอาไปใส่ถุงผ้าทำไมกัน?”“ของที่เขาให
“ใต้หล้าย่อมไม่มีผนังใดกันสายลมได้พ้น ต่อให้เราปกปิดดีเพียงใด ก็ยากจะรอดพ้นสายตาผู้คน หากมิใช่จะจับตัวแมงป่องพิษได้เสียก่อน” เสวียหลิงกำหมัดแน่น “ตราบใดที่เขากล้าแตะต้องเราอีกสักครั้ง ไม่ว่าอย่างไร เราจะจับเขาให้ได้!”กู้จิ่นมองสบตาที่แน่วแน่นั้น มิได้กล่าวสนับสนุนหรือขัดขวาง เพียงตอบว่า “เราเข้าใจแล้ว...เจ้ากลับเถิด”เสวียหลิงกับว่านเมิ่งเยียนจึงหันหลังเดินจากไป ก่อนออกประตูยังไม่ลืมสั่งบ่าวให้นำหีบของขวัญทั้งหลายไปส่งยังจวนของเจียงซุ่ยฮวนเจียงซุ่ยฮวนมองแผ่นหลังของทั้งคู่แล้วอดไม่ได้ที่จะถาม “เหตุใดท่านจึงไม่ห้ามเขาไว้?”กู้จิ่นกล่าวเสียงเคร่ง “เพราะเขาพูดถูก”“ฝ่าบาทย่อมรู้เรื่องการฟื้นของเขาในวันใดวันหนึ่งอยู่ดี เขาหลบไม่พ้น ดีกว่าเตรียมการเสียแต่เนิ่น ๆ” พระเนตรของกู้จิ่นลึกล้ำเยียบเย็น “ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของเขา เราได้แพร่ข่าวไปแล้วว่า ขณะอยู่บนเขานั้น เขามิได้ยินหรือเห็นสิ่งใด”“เช่นนี้ หากฮ่องเต้รู้ว่าเขาฟื้น ก็ไม่กล้าเสี่ยงจะฆ่าเขา กลับอาจจะชักชวนเขาใช้งานด้วยซ้ำ”เจียงซุ่ยฮวนรู้สึกชื่นชมวิสัยทัศน์ของกู้จิ่นนัก หากฮ่องเต้รับเสวียหลิงไว้ใช้งาน ก็ย่อมเป็นประโยชน์
ความคิดเห็น