สีฝุ่นสาวอวบกองบรรณาธิการนิตยสาร ได้รับงานให้ไปศึกษาวรรณคดีกากี แต่วันนี้มีแต่เรื่องวุ่นๆ ทั้งโดนเพื่อนร่วมงานบูลลี่จนอับอาย รุ่นพี่คนที่แอบรักมานานกำลังจะประกาศแต่งงานคืนนี้ แต่รุ่นพี่อีกคนก็จะต้องมาสารภาพรักคืนนี้เลยด้วยเนี่ยนะ ยังซวยไม่จบ ดันตกลงมาจากระเบียง ไปเกิดใหม่กลายเป็นนางกากีในหนังสือวรรณคดีโบราณเฉยเลย!! แล้วนี่ได้ยินมาว่า ต้องมีสามีตั้งหลายคนไม่ใช่เหรอ >< ทั้งพระเจ้าพรหมทัต พญาครุฑเวนไตย นาฏกุเวรคนธรรพ์ นาสำเภาจีนเฉิงอี้เฟิง มหาโจรสุลัยมาน แล้วยังท้าวทศวงศ์อีก กี่คนเข้าไปแล้วเนี่ย หมดรึยัง!!
Lihat lebih banyakหลังรถออกไปแล้ว สีฝุ่นก็เดินตรงเข้าไปในตึกบริษัท และแม้แต่ในเสื้อผ้ามอซอ เนื้อตัวมอม และปิดทับด้วยหน้ากากอนามัยเช่นนั้น ความงามอย่างนางในวรรณคดีของกากีก็ดึงดูดสายตาทุกคู่ให้มองมาที่เธอ แบบที่สีฝุ่นเองไม่เคยได้รับมาก่อน ทั้งกิริยาอาการเคลื่อนไหว ผิวพรรณ ดวงตา อีกทั้งกลิ่นที่หอมอบอวลเป็นธรรมชาติเย้ายวนยิ่งกว่าน้ำหอมแบรนด์เกรดดี เธอเดินตรงไปที่โต๊ะประชาสัมพันธ์แล้วพูดด้วยความเคยชิน “แนน ต่อสายแตงกวาให้พี่หน่อยค่ะ” เด็กสาวประชาสัมพันธ์เงยหน้ามองสีฝุ่นเต็มตาแล้วก็ค้างอยู่สองสามวินาทีก่อนได้สติถามว่า “คะ เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะคะ” สีฝุ่นนึกได้รีบเปลี่ยนน้ำเสียงทันที “ขอโทษค่ะ รบกวนต่อสายคุณแตงกวาแผนกสำนักพิมพ์ให้หน่อยค่ะ เป็นลูกค้าที่นัดไว้น่ะค่ะ เดี๋ยว ไปรอตรงโซฟาโน้นนะคะ” รอไม่นานนัก สีฝุ่นก็เห็นแตงกวาเพื่อนรักของเธอ เดินตรงจากลิฟต์ จ้ำเท้ามาหา หญิงสาวในร่างโฉมงามตกยากเต็มตื้นด้วยความรู้สึกอุ่นใจจนน้ำตารื้น เธอดีใจ รีบลุกขึ้นยืนกวักมือเรียก ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเดินมาหยุดตรงหน้าด้วยสีหน้าแปลกๆ “เอ่อ ไม่ทราบว่าใช่คุณไหมคะที่ตามแตงกวาลง
ในเวลาเพียงไม่นานตั้งแต่ที่สีฝุ่นหล่นลงมาอยู่ในหนังสือเล่มนี้ เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นทำให้หญิงสาวได้ผ่านประสบการณ์ที่เข้มข้น ทุลักทุเล และเหลือเชื่อมากเสียจนเธอเองก็ไม่คิดว่าใครจะเคยจินตนาการถึง ตั้งแต่การถวายตัวต่อพระเจ้าเหนือหัวพรหมทัต การเข้าคอร์สอบรมปรนนิบัติบุรุษ ถูกครุฑลักตัวไปเมืองหิมพานต์ ได้อยู่กับผู้ชายที่เธอรัก หรืออย่างน้อยที่สุดก็เข้าใจว่าตัวเองรัก ถูกปฏิบัติอย่างทารุณโหดร้ายเหมือนเป็นวัตถุทางเพศ มาเจอผู้ชายกะล่อนที่ล่อลวงผู้หญิงด้วยคำหวานและใบหน้าหล่อเหลาซ้ำยังมีมนต์คาถา ถูกตราหน้าว่าเป็นหญิงแพศยา ถูกลอยแพ ขึ้นไปอยู่บนเรือสำเภาจีน ถูกฉุดคร่ามาอยู่บนเรือโจร แม้ร่างกายและความเป็นนางกากีที่ดูเหมือนจะมีระบบควบคุมอัตโนมัติติดมากับร่าง ทำให้สามารถสลับโหมดไปเสพสังวาสกับผู้ชายมากหน้าหลายตาโดยปล่อยตัวปล่อยใจได้อย่างอิสระมีความสุขสมโดยไม่ได้มีความรู้สึกทางศีลธรรมหรือการต่อต้านของจิตวิญญาณสีฝุ่นมารบกวนมากนักแต่บางสิ่งที่อธิบายได้ยากยิ่งก็ก่อตัวขึ้นและทำให้เธอกระอักกระอ่วนใจ สีฝุ่นที่ตอนนี้อยู่ในภวังค์เคลิบเคลิ้มกึ่งหลับกึ่งตื่น เริ่มรู้สึกคล้าย
ยอมเป็นเมียข้าดีๆ ข้าจะถนอมเจ้าเท่าที่จะทำได้ และประกาศว่าเจ้าเป็นเมีย ลูกน้องข้าจะไม่ยุ่งกับเจ้าอย่างน้อยเจ็ดวันตามกฎของเรือโจรสุลัยมาน หรือหากเจ้าดึงดันจะขัดขืน ข้าก็จะขืนใจเจ้าสำเร็จอยู่ดี แต่ช่องสวาทของเจ้าจะฉีกขาดเลือดตกใน แลข้าก็จะต้องโยนเจ้าออกไปให้ลูกเรือทั้งลำรุมโทรมเจ้าทุกช่องทางที่พวกมันจะเอาลำเนื้อเหม็นอับของพวกมันเสียบแทงเจ้าในทุกร่องทุกรูที่เสียบแทงได้ เจ้าจะขาดใจตายในไม่ถึงชั่วยาม แลพวกมันก็จะชำเราศพของเจ้าต่อจนพอใจ เช่นเดียวกับสตรีทุกคนที่เราเคยฉุดคร่าเอามาได้ ข้าเดาว่าเจ้าคงไม่โง่นักดอกจริงหรือไม่ ฮ่า” คราวนี้หญิงสาวขนลุกทั้งตัว และแม้ไม่เต็มใจนางก็ฝืนตัวเองลดการดิ้นรนขัดขืนลง และยอมให้จอมโจรดึงมือตนไปรวบรอบแท่งเนื้อปีศาจสีดำกำยำขรุขระนั้นพลางคิดในใจว่า พวกผู้ชายนี่มันเป็นบ้าอะไรกันไปหมดถึงชอบให้ผู้หญิงเอามือไปจับดุ้นตัวเองก่อนเผด็จศึก ท่อนเนื้อใหญ่หนาจนกำมือเล็กๆบอบบางกำไม่รอบ ซ้ำเส้นเลือดปูดโปนราวอสรพิษเลื้อยรัดรอบอยู่ เต้นตุบตับร้อนระอุอยู่ในมือ ราวกับมันมีชีวิตจิตใจของตัวเอง ส่วนปลายแท่งบุรุษเริ่มมีน้ำหยาดใสเหนียวลื่นออกมาหล่อเลี้ยงส่งกลิ
หลังขึ้นเรือโจรสลัดแล้ว แม่งามกากีถูกมหาโจรสุลัยมานลากตัวแยกข้าไปในห้องหนึ่งบนเรือที่ถูกกันไว้เป็นสัดส่วนคร่าวๆ ในขณะที่ซินแสหวางและสมุนไพรห่อใหญ่ที่พกมาด้วยถูกพาตัวไปอีกฟากของเรือเพื่อช่วยดูลูกเรือโจรที่ป่วยและบาดเจ็บจากการต่อสู้ ในห้องเล็กๆที่กากีถูกมือขนาดยักษ์ผลักดันตัวเข้าไปนั้น เป็นห้องที่กั้นด้วยแผ่นไม้ตีเป็นกระดานหยาบๆปะทับไปมา มีฟูกนอนที่มีเสื้อผ้าและข้าวของกองระเกะระกะอยู่ตรงกลาง กลิ่นอาหารเก่าและกลิ่นสุราอับเปรี้ยวโชยฟุ้งอยู่ในนั้น “เอ้า พวกเอ็งจัดการแบ่งสมบัติและอาหารกันตามสัดส่วน ของจากเรือสำเภาลำนี้ ใครอยากได้อะไรก็เอาไป ข้าไม่เอาอะไรทั้งนั้น ข้าจะอยู่กับเมียข้า ใครอย่าเสือกเท้าเข้ามารบกวนเด็ดขาด” เสียงออกคำสั่งนั้นดังกัมปนาท หลังจบเสียง ด้านนอกก็เอะอะเฮโลดีใจ ค้นอาหารและสินค้ากันอย่างสนุกสนาน หญิงสาวใจร่วงวูบเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูลงกลอนแน่นหนาอยู่ด้านหลังหนาวไปถึงหัวใจยิ่งเมื่อตระหนักว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นต่อไป เธอเอาแต่ยืนภาวนา ขอให้ร่างกายและจิตใจของตนเป็นกากีเสียให้เต็มตัว ไม่ให้มีส่วนเสี้ยวของสีฝุ่น ชายหนุ่มร่างยักษ์
“พวกเราจะปกป้องฮูหยิน เราจะสู้จนตัวตาย ปกป้องนายหญิงกากี อย่าให้ใครชิงตัวนายหญิงได้” หญิงสาวที่ตลอดทั้งชีวิต ไม่เคยได้รับความรู้สึกห่วงใยจากคนจำนวนมากขนาดนี้มาก่อนตื้นตันใจขึ้นมาจนน้ำตาร่วง พูดอะไรไม่ออกอยู่พักใหญ่ ฉินอี้เฟิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าปวดร้าว เศร้าใจที่ตนทำอะไรไม่ได้เลย “กากี เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เลย ข้าเป็นสามีของเจ้า ข้าย่อมต้องมีหน้าที่ปกป้องเจ้าจนกว่าตัวจะตาย นายโจร ข้าเชื่อว่าท่านก็มีคุณธรรมในแบบของท่าน ได้โปรดละเว้นเมีย และลูกเรือของข้า เอาชีวิตของข้าไปแทนนางเถิด ตายเพื่อแลกกับคนที่รัก ข้าไม่เสียดายเลย” นายน้อย นายน้อยเฉิน ลูกเรือหลายคนกรูกันจะเข้ามาช่วย ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งเข้าปักกลางอกลูกเรือที่วิ่งนำหน้า พร้อมดาบขนาดใหญ่จากฝักดาบของนายโจรสุลัยมานตวัดรวดเร็วมีจ่อประชิดที่ลำคอขาวสะอาดของนายสำเภาหนุ่ม เสียงร้องเรียกกันอลหม่านให้ลูกเรือถอยระคนกับเสียงหัวเราะชอบใจของเหล่าโจร “จะเอาอย่างนั้นก็ได้” สุลัยมานพูดพลางหัวร่อ แล้วพูดต่อด้วยพลังเสียงดังกัมปนาท เมฆที่เพิ่งเคลื่อนมาบดบังแสงอาทิตย์ยิ่งทำให้ร่างนายโจรที่ตัวใ
ดวงตาของนายโจรที่จ้องมองเข้าไปในภาพวาดนั้นลุกโพลงด้วยความตื่นเต้น อกใจดิ้นโครมครามในอกราวจะขาดใจตายเสียให้ได้ ยิ่งเพ่งยิ่งเหมือนหญิงงามร่างอรชรดั่งอัปสรนั้น กำลังเคลื่อนไหวหายใจเข้าออกระทดระทวยร่ำร้องเรียกหาอยู่ตรงหน้า ยิ่งเมื่อแนบภาพกับจมูกสูดดมกลิ่น ก็ราวกับแนบจมูกตนเข้ากับเนื้อนาง ทั้งซอกถัน บั้นเอว หอมรัญจวนใจอะไรปานนี้หนอ ฝีมือวาดภาพของฉางตี๋ก็ไร้ที่ติราวกับภาพมีชีวิต “นางอยู่ที่ใด รีบไปนำตัวมาให้ข้าเดี๋ยวนี้” นายเรือโจรคำรามเสียงทุ้มต่ำในลำคอตาไม่ละไปจากภาพนั้น “ท่านนายโจรขอรับ” เฉิงอี้เฟิงก้าวออกมาเผชิญหน้าอย่างใจเย็น “อย่าได้ใส่ใจเลยขอรับ ภาพนั้นก็คงเป็นเพียงภาพวาดนางในจินตนาการของเด็กชายที่เพิ่งเข้าวัยหนุ่ม หาได้มีมูลสำคัญอันใดไม่” นายเรือโจรแสยะยิ้มใต้ผ้าคลุมหน้า “ข้าเป็นผู้เสพภาพวาด ข้ารู้ดี เจ้าเด็กนี่เป็นนักวาดภาพเหมือน มิใช่พวกนักวาดภาพตามจินตนาการ หากไม่มีต้นแบบจะเขียนขึ้นมาเองได้ไฉน หมึกที่เขียนนี้ก็ยังสดใหม่ ซ้ำกลิ่นที่ติดอยู่นี่ก็ยังบอกความจริงกับข้ามากกว่าถ้อยคำโกหก นางในภาพนี้มีตัวตนและต้องอยู่บนเรือนี่ ไปเอาตัวนางมาเดี๋ยวนี้ หาก
ในยามรุ่งสาง แสงอุษาเรื่อเรืองอ่อนแตะเส้นขอบฟ้า ขณะที่ร่างนางกากียังหลับสนิทเคียงข้างมิตรรักร่วมเตียงเคียงหมอนอย่างนายสำเภาแสนสุภาพเฉินอี้เฟิง จิตวิญญาณของสีฝุ่นเป็นร่างเลือนรางคล้ายควันสีขาวก็พลันลุกขึ้นนั่งแยกออกจากกายหยาบ ออกเดินย่ำไปทั่วห้องพักนั้นอย่างงุนงงสงสัย ดั่งเหยียบย่างอยู่บนเส้นแบ่งของความจริงกับความฝัน ความรับรู้และไม่รับรู้ สีฝุ่นในร่างเดิมคือหญิงสาวร่างอวบจัด สวมชุดผู้ป่วยแขนสั้น กางเกงขายาวสีเขียวอ่อนผมหน้าม้า ยืนอยู่ต่อหน้ากระจกเงาบานใหญ่ที่กากีเพิ่งสวมตู้โตว์มาโพสท่าเล่นเมื่อตอนหัวค่ำ เสียง...ใช่ เสียงอีกแล้ว ดูเหมือนสิ่งที่จะสื่อสารเชื่อมโยงระหว่างตัวเธอกับโลกทั้งสองใบนี้คือเสียงของอะไรสักอย่าง จากเสียงแหลมเล็กที่ระบุแน่ชัดไม่ได้ เริ่มค่อยๆชัดขึ้น “ฝุ่น...ไป” เสียงนั้น เป็นเสียงแม่แน่แท้ กระซิบกระซาบอยู่ใกล้ๆ “แม่ แม่จ๋า แม่อยู่ไหน” สีฝุ่นพยายามตามหาชะโงกหน้าเข้าไปใกล้กระจกเงาบานใหญ่ ตามประสบการณ์ที่เคยดูละครไทยมา หลายเรื่องข้ามมิติผ่านกระจกเงานี่แหละ ว่าเสียงกลับลอยมาจากทิศทางอื่น โถกำยานขนาดใหญ่ที่ตั้งข้
โดยไพ่พิเศษที่ว่านั้นจะเป็นไพ่ที่มีภาพวาดประกอบเป็นท่าทางต่างๆในการร่วมเพศ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วชายหนุ่มไม่เคยเห็นไพ่เช่นนั้นปรากฏที่ใดมาก่อน เขาจึงมีความคิดนึกสนุกขึ้นมา “กากี เจ้าอย่าว่าข้าอุตริวิตถารเลยนะ แต่ข้ามีความปรารถนาตั้งแต่อ่านหนังสือเล่มนี้ครั้งแรกเมื่อนานมาแล้ว ว่าใคร่จะได้เห็นและเป็นเจ้าของไพ่หรรษานี้ เคยคิดฝันเอาว่า เมื่อข้ามีฮูหยินแล้วก็ใคร่จะทดลองทำไพ่นี้ขึ้นมาเองเพื่อเพิ่มความสำราญระหว่างกัน” กากีหัวเราะ นึกในใจว่าชายหนุ่มยุคไหนสมัยไหนก็เหมือนกันสินะ ชอบดูภาพ ดูคลิปวาบหวิวในเวลาส่วนตัว “หมายความว่าเจ้าต้องการจะเขียนภาพการร่วมรักท่าทางต่างๆของเราเก็บไว้อย่างนั้นหรือ งั้นก็ตามใจเจ้าเถิด ใครจะไปว่ากระไรได้ เรื่องส่วนตัวอย่างนั้นข้าไม่ก้าวก่ายหรอก” “เจ้าเข้าใจถูกอยู่ครึ่งเดียวน่ะสิ” เฉินอี้เฟิงพูดด้วยท่าทางเกรงใจ ก่อนอธิบายเพิ่มว่า ตัวเขาเองนั้นนิยมชมชอบเสพชมภาพวาดภาพเขียนลายเส้น ทั้งทิวทัศน์และภาพเหมือนต่างๆ และตระกูลของเขาเองก็ได้สนับสนุนชุบเลี้ยงศิลปินเขียนภาพเพื่อการกุศล อยู่เสมอ แต่ไม่ได้มีฝีไม้ลายมือในการวาดภาพเอาเสียเลย จึงเป็น
ทั้งที่เมื่อครู่ฟาดฟันกันราวจะรบชิงเมือง แต่เมื่อนอนแนบกายกันและสบตากันในระยะประชิดเช่นนี้ซ้ำชายหนุ่มยังอมยิ้มจ้องหน้าด้วยแล้ว จู่ๆกากีก็เกิดกระดากอายขึ้นมา จนต้องควานหาผ้ารีบคลี่ออกปิดคลุมกายไว้ เฉินอี้เฟิงนายน้อยแสนอ่อนโยนหัวเราะเอ็นดู “เขินอะไรกันเล่าแม่นาง ไม่ต้องอายกระไรแล้ว ตอนนี้เราถือเป็นผัวเมียกันอย่างสมบูรณ์ เจ้าเป็นฮูหยินของข้าแล้ว เมื่อได้กลับเมือง ข้าจะจัดพิธีแต่งงานให้สมกับกำเนิดมหัศจรรย์และความงามหยาดสวรรค์ของเจ้า ไม่ให้น้อยหน้าใคร” เมื่อคนข้างกายพูดถึงอนาคต กากีก็คิดตามอยู่ครู่หนึ่งทอดถอนหายใจด้วยความรู้สึกปลงๆ เธอรู้ดีว่าตามเนื้อเรื่องแล้ว เธอไม่มีทางจะได้ร่วมเรือลำนี้ไปได้จนตลอดรอดฝั่ง แต่ดูเหมือนถึงอย่างไรเธอก็ยังคงไม่อาจเปลี่ยนแปลงหรือกำหนดตัวแปรอะไรในนิยายเล่มนี้ได้มากนัก จึงยอมรับสภาพและไม่โต้แย้งอะไรอีก หลังจากคืนนั้น เช้ามา นายน้อยเฉินอี้เฟิง ได้ตรวจตราดูเสื้อผ้าชุดบุรุษเนื้อผ้าเบาสบายมิดชิด มาดัดแปลงให้เล็กลง เพื่อนำมาให้กากีสวมใส่ ให้นางสวมหมวกใบเล็กๆที่มีผ้าบางคลุมหน้า พานางออกมาด้านหน้าห้องพัก แล้วประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ต่
บทนำเพียงปลายนิ้วไล้แผ่วผ่าน กากี นางกายหอมที่ยังหลับใหลไม่ได้สติด้วยพิษไข้ก็สะดุ้งสะท้านไปทั้งตัว นวลผิวที่เคยขาวผุดผ่องละมุนละไม บอบบาง ชวนทะนุถนอม บัดนี้เต็มไปด้วยฟกช้ำจ้ำเขียว บางแห่งขีดข่วนฉีกขาดเห็นรอยเลือดซิบนั่นแค่เท่าที่เห็นจากภายนอก ใต้ผ้าผ่อนที่มองไม่เห็นนั่นจะอีกสักเท่าไหร่ คนธรรพ์หนุ่มคิด ร่องรอยของความเจ็บปวดพรายพราวไปทั่วร่าง น้ำตาหญิงสาวไหลหยดลงบนหมอนเป็นเม็ดใส ระยับราวเม็ดมณี ลาดไหล่สะท้านสะเทือนตามแรงสะอื้นนาฏกุเวรสั่นไปทั้งตัว ทั้งปวดร้าว เจ็บแค้น สงสารจนใจแทบขาดกากีเอ๋ย แก้วตาของพี่ เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย ตั้งแต่พระเจ้าพรหมทัตทูลขอทารกในดอกบัวจากพระดาบส มาถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูจนเติบโต ผลิบานเต็มสาว หอมงามสะพรั่ง งามอย่างที่นางสวรรค์องค์ไหนก็ไม่อาจเทียบเทียมได้ เนื้อนวลบอบบางน่าถนอมอย่างนี้ ทำไมต้องมาเจอคนเลวทรามกระทำเยี่ยงนี้ เพราะใจยึดมั่นกตัญญูต่อพระเจ้าพรหมทัตที่รักบูชายิ่งกว่าบิดาบังเกิดเกล้าเท่านั้นหรอก ทำให้นาฏกุเวรเพียรพยายามหักห้ามใจตนเองเสมอมาทั้งที่เพลิงเสน่หาแผดเผาหัวใจแทบมอดไหม้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็ต้องข่มไว้ ถ้อยนิดคำน้อยไม่เคยเอ่ยให้น้องระ...
Komen