อะ...อะไรกันเนี่ย! สีฝุ่นคิด ทั้งหมดนี่ มันอะไรกัน เธอพยายามโยนทิ้ง สะบัดมือขวาเพิ่งสลัดหนังสือออกแต่มันก็ไม่ยอมหลุดออกจากมือ ซ้ำยังเหมือนมือของตัวเองกำลังละลายผสานหลอมรวมเข้ากับมันอีก
ไอซ์ อี โค้ก ยาระยำอะไรสักอย่าง! ในแก้วเหล้านั่นแน่ๆที่ทำให้เธอเป็นแบบนั้น เธอกำลังประสาทหลอนเพราะยา ใครสักคนคงแกล้งเธออีกตามเคย สีฝุ่น นี่มันคือภาพหลอน มันไม่เคยเกิดขึ้นจริง ทั้งเรื่องจูบแรกในชีวิตที่ลานจอดรถนั่น เรื่องที่หล่นลงมาจนพี่ทศเป็นแบบนี้ แล้วก็หนังสือดูดมือนี่ด้วย
สีฝุ่นหายใจหอบถี่ เหนื่อย สิ้นเรี่ยวแรง ยอมแพ้ นอนนิ่งๆ หลับตาลงปล่อยในทุกอย่างหมุนคว้าง วูบวับลับหายลงในเสียงดนตรีลึกลับที่ดังเหมือนใกล้เข้ามาทุกที เหมือนร่วงหล่นลงในเปลไกว โยกไกวอ่อนโยนชวนง่วงนอน หญิงสาวร่างอวบรู้สึกเหมือนหลับยาวมานานหลายชั่วโมง ตอนที่เริ่มได้กลิ่นคล้ายกลิ่นกำยานไม้หอม และกลิ่นดอกการเวก ผสมผสานกับกลิ่นน้ำอบน้ำปรุงโบราณที่เคยได้กลิ่นตอนไปร่วมงานมงคลของบางบ้าน
หญิงสาวขยับพลิกตัวเบาๆ รู้สึกสบายใจเมื่อผิวเนื้อรับรู้ได้ถึงความเรียบลื่นนุ่มละมุนผิวของเนื้อผ้าที่ห่มคลุมกายไว้รวมถึงผ้าปูเตียงที่รองรับตัวเธออยู่ ก่อนที่จะเริ่มรู้สึกแปลกๆ
นี่มันสบายตัวเกินไปแล้ว มันสบายมาก สบาย เหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย!
คิดแล้วสีฝุ่นก็ลองขยับตัว ยกมือขึ้นลูบตัวไปมาเบาๆ เริ่มจากต้นแขน ไหล่ คอ และมาแตะที่หน้าอก ท้อง สะโพก ก้น เฮ้ยยยยยย! นี่เรานอนแก้ผ้านี่หว่า แม้จะมีผ้าห่มคลุมอยู่ก็เถอะ
พอนึกได้อย่างนั้นก็สะดุ้งลืมตาขึ้น แล้วก็ต้องสะดุ้งหนักกว่าเดิม เมื่อพบว่า ตนกำลังนอนอยู่ในมุ้งเตียงสี่เสาแบบโบราณ ที่โต๊ะหัวเตียงทั้งสองฝั่งมีโคมตะเกียงดวงน้อยจุดเรียงไว้ข้างละคู่พอให้เห็นแสงสว่างเรือง แสงนี้เป็นแสงสีโทนเดียวกันกับแสงที่หญิงสาวเห็นสว่างออกมาจากหนังสือตอนนั้น กลิ่นหอมอ่อนๆโชยมา น่าจะเป็นกลิ่นตะเกียงน้ำมันหอมแบบที่ใช้ในสปา เสียงเพลงพิณบรรเลงพลิ้วแผ่วดังมาจากด้านหน้าประตูที่มีม่านผ่ากั้นอีกชั้น
ว่าแต่ ที่นี่มันที่ไหนกัน พี่ทศ! โรงแรม! เวรละ หญิงสาวคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในใจอย่างรวดเร็วและเชื่อมโยงเรื่องอัตโนมัติในหัวทันทีตามประสาสาวนักอ่านนิยายสายมโน
หรือว่า... เหล้าแก้วนั้น เป็นพี่ทศงั้นเหรอ? ที่แอบผสมยาบางอย่างลงไป ทำให้เราเกิดภาพหลอนและหมดสติ หลังจากนั้นก็หลอกพามาโรงแรม เราถึงมาอยู่ในสภาพนี้ โอ๊ย ไม่อยากเชื่อเลย คนนิสัยดีๆน่ารักอย่างพี่ทศไม่น่าจะเป็นคนแบบนี้นี่นา เห็นอย่างงี้ ก็ไม่ได้ใจง่ายนะ!
ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่เธอก็คิดว่าต้องรีบหาเสื้อผ้าใส่แล้วหนีออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด สีฝุ่นพรวดพราดลุกขึ้นนั่งแต่แล้วก็รู้สึกได้ว่ามีใครคนหนึ่งนั่งแนบข้างๆตัว แล้วจับต้นแขนทั้งสองข้างกดหญิงสาวที่ยังไม่ทันได้ระวังตัวให้เอนนอนลงบนที่นอนอ่อนนุ่มอีกครั้ง
ในแสงสว่างวอมแวม ใบหน้าพี่ทศลอยมาในห้วงความคิด เธอกำลังนึกจะต่อว่าให้หนักและอาจจะชกหน้าแรงๆสักที แต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อชายคนนั้นคว้าผ้าห่มที่คลุมตัวเธออยู่โยนไปกองที่ปลายเท้า เผยผิวกายเนียนขาวผุดผ่องสว่างไสวท่ามกลางแสงไฟสลัว
รวดเร็วเกินกว่าจะตั้งตัว ชายผู้นั้นก็โถมร่างทับลงมาตัวบนเธอ และซุกใบหน้าเข้าที่ระหว่างอก กลิ่นยาสูบฉุนคลุ้งไปทั่ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกถึงสากหนวดเคราลากไปมาพร้อมเสียงงึมงำละล่ำละลัก “โอ หอม หอมเหลือเกิน แม่กากีของข้า นานเหลือเกินแล้วหนา ที่ข้ารอเชย”
เสียงนั่นคุ้นๆ คุ้นมาก แต่ไม่ใช่พี่ทศ!
หญิงสาวผลักไสร่างนั้นให้ห่างออกแล้วดูหน้าชัดๆ จริงด้วย! หูไม่ได้ฝาด ชายวัยกลางคนตรงหน้า ผมสีดอกเลา ใส่ผ้าเตี่ยวผืนเดียวนี่มัน...
“คุณเปี๊ยก! ไม่อยากจะเชื่อเลย นี่ฝุ่นก็หลงเคารพนับถือว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่มีความคิด ทำไมทำแบบนี้คะ” ชายกลางคนยิ้มหวาน ดวงตาเคลิบเคลิ้ม “ข้าทำเจ้ากลัวหรือกากี ไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวพี่จะประโลมเจ้าเอง”
หญิงสาวโมโหจนควันออกหู และขยะแขยงจนขนลุกไปหมดทั้งตัว “ไอ้แก่ตัณหากลับ ไปให้พ้น! อย่ามาแตะต้องฉันนะ”
เธอรวบรวมกำลังยกขาทั้งสองข้างขึ้นมาแล้วถีบขาคู่เข้าไปที่หน้าอกร่างนั้นสุดแรงเกิด
ชายกลางคนกระเด็นหวือหลุดออกจากเตียงสี่เสา ม่านบางขาดแคว่กออก ได้ยินเสียงกระแทกพื้นดังอั๊ก! ก่อนที่ประตูจากผนังทั้งสี่ด้านจะเปิดออกพร้อมกัน
หญิงสาวรีบคว้าผ้าที่ปลายเท้ามาพันกายไว้ทันพอดีตอนที่ชายในชุดทหารแบบโบราณจะเข้าประชิดเตียงสี่ด้าน แล้วยื่นปลายดาบขนาดใหญ่คมวาวชี้มาที่เธอพร้อมๆกัน!
ด้วยความตกใจ หญิงสาวนั่งนิ่งตกตะลึงตัวแข็งทื่อ ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่กำยำทั้งสี่สวมชุดทหาร โจงกระเบนสั้นแค่เข่า ผมตัดสั้นแสกกลางไว้หนวดยาวโง้ง ขลิบเล็มอย่างเรียบร้อย แววตาดวงหน้าจริงจังขึงขัง ท่าทางเอาเรื่อง แสงไฟจากตะเกียงส่องสะท้อนคมดาบแต่ละเล่มเป็นกระกายวาววับ บ่งบอกว่าอาวุธทุกชิ้นที่กำลังจี้จ่อที่คอเธออยู่นี้ล้วนและเป็นอาวุธจริง และเป็นอันตรายถึงชีวิต สีฝุ่นกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มือสองข้างยังกำผ้าห่มแพรเนื้อลื่นเย็นเฉียบปิดคลุมทรวงอกและร่างเปลือยเปล่าเอาไว้แน่น
“นะ... นี่มันเรื่องอะไรกัน” เธอครางปากคอสั่น สับสนไปหมด “ต้องเล่นใหญ่กันขนาดนี้เลยเหรอ”
เธอได้ยินเสียงผู้หญิงสองสามคนกระซิบกระซาบ “เป็นยังไงบ้างเพคะฝ่าบาท ลุกไหวไหมเพคะ”
“นางช่างบังอาจนัก ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ทำแบบนี้ได้ยังไง”
หลังจากนั้นเสียงกระแอมก็ดังขึ้น ชายวัยกลางคนที่เพิ่งหายมึนงงจากแรงถีบค่อยๆลุกขึ้นและเดินเข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นทำท่าให้ทหารลดอาวุธลง “เอาละๆ เก็บดาบเถอะ ใจเย็นๆกันหน่อยเถิด มิมีเรื่องกระไรถึงขั้นคอขาดบาดตาย”
ทหารองค์รักษ์ทั้งสี่นั่งลงคุกเข่ารอบพระแท่นบรรทมทั้งสี่ด้าน วางดาบลงข้างตัว รอรับฟังพระบัญชา
“ดรุณีแรกสาวไม่เคยต้องมือชาย ถวายตัวขึ้นแท่นบรรทมครั้งแรกก็ตระหนกตกใจมากไปหน่อยเท่านั้นเอง เกิดขึ้นได้ ข้าเจอมาเยอะ เอาเถอะน่า พวกเจ้าก็เหมือนกัน นางกำนัลพี่เลี้ยง จะโมโหโทโสไปไย อย่างไรวันนี้ข้าก็แต่งตั้งให้นางอยู่ในความดูแลของพวกเจ้าแล้ว เมตตาเอ็นดูนางเป็นน้องเป็นนุ่งเถิด ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าอบรมขัดเกลาเตรียมความพร้อม เรียนรู้เรื่องการถวายตัวครองเรือนเพิ่มอีกสักหน่อยก็แล้วกัน”
แล้วชายกลางคนในชุดผ้าเตี่ยวขาวผืนเดียว ใบหน้า ท่าทาง น้ำเสียงเหมือนกับเจ้านายใหญ่ของสีฝุ่นเปี๊ยบก็เดินเข้ามาใกล้อีกครั้ง ยิ้มหวานจนตาหยีทั้งที่เดินกุมบั้นเอวขาเขยกๆ “แม่คุณ แม่เนื้ออุ่น แม่กากีคนงามของข้า เด็กสาวแรกรุ่นอย่างเจ้าคงกังวลหวาดกลัวบุรุษสินะ ข้าเองก็รุ่มร่ามใจเร็วด่วนได้ไปสักหน่อย เอาเถิด คืนนี้ข้าจะให้เจ้าได้พักผ่อนเสียก่อน เอ้า ตามพระสนมพี่เลี้ยงเข้ามาสิ”
หญิงสาวผมยาวสยาย ผิวพรรณผุดผ่อง หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราคนหนึ่ง พนมมือค้อมศีรษะรับพระบัญชา ก่อนคลานเข่าถอยหลังออกประตูไป สีฝุ่นมองหน้าคนนั้นคนนี้ในห้องไปมาด้วยความงุนงง“ฝัน หรือหลอนนะเนี่ย” นี่มัน... เหมือนเธอหลงหลุดเข้ามาในละครย้อนยุคไม่มีผิด เธอยกมือขวาขึ้นมาแบดู รู้สึกสมจริงเหมือนจริงทุกอย่าง จึงกางมือออกตบหน้าตัวเองอย่างแรงครั้งหนึ่งจนแก้มสั่น หน้าชา แสบยิบๆ “โอ่ย เจ็บจริงนี่หว่า”
“ว้าย ตายแล้ว” เสียงหญิงคนหนึ่งที่นั่งร่วมในห้องนั้นดังขึ้น “พระสนมกากีทำร้ายตัวเองแล้ว”
ชายกลางคนรีบผละจากคนรอบตัวนั่งหมอบแหนอยู่ โผเข้ามาหาหญิงสาวที่ยังนั่งงุนงง ข้อมือทั้งสองข้างถูกรวบไว้ ดึงไปกอดแนบอกเหี่ยวฟีบของชายในร่างคุณเปี๊ยก เจ้านายเก่า
“โถๆๆ แม่คุณ โทษตัวเองไปไยเล่า คงเสียใจที่ดูแล ปรนนิบัติข้าได้ไม่ดีสินะ ไม่เอานะ อย่าลงโทษตัวเองไปเลย ผิวเนื้ออ่อนนุ่มบอบบางของเจ้า จะชอกช้ำเสียศรี สาวบริสุทธิ์ไม่เคยต้องมลทิน ซ้ำยังงามหยาดฟ้ามาดินอย่างเจ้า มีค่าควรเมือง ถนอมรักษาตัวเองไว้เถิดนะ ข้าเองก็ไม่ได้เจ็บกระไรนักหนา ดูสิ ขยับเคลื่อนไหวแข็งแรงดีเสียยิ่งกว่าเดิม อะ...โอยย แหะๆ ตรงบั้นเอวนี่เจ็บหน่อย มันกระแทกผนัง แต่ก็ช่างเถิด พรุ่งนี้ก็หาย เรี่ยวแรงกลับคืนเป็นปกติแล้ว” ว่าแล้วก็ยกมือเธอขึ้นจูบหอมดังฟอด
หญิงสาวงามสะคราญอีกคนคลานเข่าเข้ามา คนนี้อายุราว 20 ปี ผิวพรรณผุดผาด ผ้านุ่งผ้าห่มดูหรูหราสวยงามกว่าคนที่คลานออกไปเป็นอันมาก ซ้ำยังมีเครื่องประดับเครื่องทรงทองทั้งต่างหู สร้อย ปะวะหล่ำ กำไล ประดับเครื่องเพชรพลอยส่องสว่างแวววับจับตา “เอ้า พระสนมแก้ว ในฐานะสนมเอกที่รู้จักปรนนิบัติเอาใจข้าเป็นอย่างดี ต่อแต่นี้เจ้าเป็นพระสนมพี่เลี้ยงให้แม่กากีเขานะ สอนเรื่องครองเรือน เรื่องถวายตัวให้เขาหายกลัวเสียหน่อย นางกำนัลพี่เลี้ยง พวกเจ้าดูแลนางมาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ต่อแต่นี้ก็รับบัญชาพระสนมแก้วท่านด้วย ท่านปรารถนาเรียกหาสิ่งใดก็จัดหามาให้อย่าได้ขาดตกบกพร่อง” ว่าจบก็ดึงตัวสีฝุ่นทำท่าจะหอมที่แก้ม สีฝุ่นเบ้หน้าเหยเกเกร็งตัวแข็ง จะถีบอีกสักรอบก็เกรงใจดาบยักษ์สี่เล่มรอบเตียงนั่น เลยยอมให้หอมให้จบๆไป หญิงงามผมเกล้าสูงพร้อมเครื่องทรงทองคำสุดอลังการเหมือนนางเอกละครย้อนยุค ขยับขึ้นมานั่งข้างๆเธอ โอบแขนประคองไว้ แล้วนำผ้านุ่งอีกผืนมาพันตัวให้ “มาเถิด กากี แต่นี้เจ้าเป็นน้องพี่ เรากำลังจะมีผัวคนเดียวกันแล้ว พี่จะสอนเจ้าเองว่าจะดูแลผัวของเราอย่างไร มาเถิด ลุกขึ้น
มือเรียวงามประดับปะวะหล่ำกำไล แหวนเพชรพลอยทองวูบวับ เอื้อมมาจับข้อมือที่ปิดไว้ให้กางออก เนิกอกของกากีตูมตั้งปลั่งเต่งราวดอกบัวหลวงเพิ่งผุดพ้นน้ำ กลมงามบริสุทธิ์ ปลายถันแดงก่ำสีหมากสุกขนาดเพียงครึ่งเม็ดบัว “อย่าอาย อย่าขัด มือนี่อย่าปัดป้องผลักไส พระสนมโง่เท่านั้นที่จะผลักไสองค์กษัตริย์ออกจากตัวและทำให้ตัวเองตกอับ เจ้าต้องเอามือและแขนนี้ โอบองค์หรือแตะที่ต้นแขนท่าน อย่าได้วางตกกะปลกกะเปลี้ยบนที่นอนเหมือนท่อนไม้ ท่านเคลื่อนไปเชยชมเจ้าทางไหนก็โอนอ่อนตาม ไม่มีบุรุษใดนิยมสมเสพกับซากศพที่นอนนิ่งแข็ง หรือเอาแต่คร่ำครวญร้องไห้ จำเอาไว้” สีฝุ่นพยักหน้าหงึกหงัก แต่ก็รีบยกแขนกลับมาปิดหน้าอกอีกอยู่ดี จนมือเรียวงามคู่นั้น วางลงบนหัวเข่าของเธอ แล้วพยายามดึงแยกออก สีฝุ่นเห็นพระสนมแก้วเม้มปากกลั้นหัวเราะ ก่อนจะทำหน้าตาขึงขัง “นี่สำคัญนัก แม่คุณ ขาเจ้าต้องไม่หนีบเข้าหากันเยี่ยงนี้ ต้องยอมอ่อนกำลังให้พระองค์ท่านกางออก ให้สอดพระวรกายเข้าไปได้” “สะ...สอด” หญิงสาวที่นอนอยู่สะดุ้งเฮือก แม้อายุ 25 ย่าง 26 แต่เธอก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องเพศโดยตรง พอจะรู้หรอ
ดรุณีอรชร อกเต่ง สะโพกตึง เอวกิ่วคอด หน้าตาอ่อนเยาว์อ่อนเดียงสาเหมือนหยาดน้ำค้าง แต่เข้าใกล้แล้วเร่าร้อนเหมือนเปลวไฟ กลิ่นกายหอมหวานติดกายบุรุษที่แตะต้องตัวนางไปอีกเจ็ดวันเจ็ดคืน แน่แล้ว ตอนนี้เธอเป็นนางกากี ตอนต้นเรื่องเลยละ หลังจากที่กำเนิดในดอกบัว พระฤษีเก็บเอามาเลี้ยง แล้วพระเจ้าพรหมทัตขอนางมาชุบเลี้ยงทะนุถนอมจนเติบใหญ่ เริ่มกลายเป็นเด็กสาวแรกรุ่น แล้วก็จะเอาเด็กสาวมาทำเมีย อืมมม...เรื่องมันเป็นอย่างนี้เอง สีฝุ่นคิด แว้กกกกกก! ไม่ได้สิ จะมาเออออห่อหมกง่ายๆแบบนี้ไม่ด้ายยยยย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? นางกำนัลพี่เลี้ยงสามคนกลับเข้ามาในห้อง คนหนึ่งถือขันทองเหลือขนาดใหญ่มีผ้าผืนเล็กพาดอยู่เดินตามเข้ามาด้วย “ชำระร่างกายก่อนเข้าบรรทมเพคะ พระสนมกากี” นางกำนันคนที่เดินนำหน้าเอ่ยขึ้นพลางตรงเข้ามาเอื้อมมือจับปมผ้าที่หน้าอกกากีอีกครั้ง “ไม่ๆๆๆ ไม่ต้องแล้วค่ะ ฉันทำเองได้ แค่เช็ดตัวก็จบใช่ไหม พอกันที เวลาแค่ไม่ถึงชั่วโมง มีคนแปลกหน้าจะมาจับฉันแก้ผ้าครั้งที่สามเข้าไปแล้ว สมกับเป็นเรื่องกากีจริงๆ ” สีฝุ่นถอนหายใจ นางกำนัลพี่เลี้ยงสองคนแ
นางกายหอมคิด ทั้งหน้าอก สะโพก ตูมเต่งกลมไปหมด เอวก็คอดหยั่งกะมด แถมตรงนั้น... ก็เหมือนผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วด้วย หลังเสวยหรือเกือบจะเรียกว่าสวาปามอาหารมื้อเช้าไปจนเกลี้ยงสำรับ กากีก็ถูกจับแต่งตัวห่มผ้ามิดชิด เอาผ้าคลุมศีรษะ เดินออกจากห้องตน ออกไปข้างนอก ความหนาของผ้ามากพอจะทำให้คนภายนอกมองทะลุเข้ามาไม่ได้ แต่ตัวกากีเองนั้นดวงตาแนบอยู่กับผ้าจึงมองลอดออกไปได้ ในยามกลางวันแสงแดดทำให้ภาพความใหญ่โตโอ่อ่าอลังการของพระราชวังเมืองพาราณสีเด่นชัด งดงามไม่แพ้ภาพในจินตนาการตอนที่อ่านหนังสือ เพียงออกมาจากห้อง เธอก็ได้ยินเสียงดนตรีไพเราะ คล้ายเสียงพิณจีนผสมฮาร์ป ดังกังวานไปทั่ว “เสียงพิณเทวะของนาฏกุเวร ไพเราะยิ่งนัก” นางกำนัลนางหนึ่งที่ประคองด้านขวาเอ่ยขึ้น “จุ๊ๆ” นางกำนัลที่ประคองซ้ายทำเสียงดุห้าม “อย่าอึงไป พระสนมแก้วได้ยินเข้าได้หวายลงหลัง เป็นนางใน เอ่ยถึงบุรุษ ไม่งาม” นางด้านขวาค้อนควัก “แหม ก็มีกันอยู่เท่านี้ บุรุษอื่นใดจะเข้ามาในเขตพระราชฐานนี้หาได้ไม่ มีแต่จตุรงค์ราชองค์รักษ์ที่เฝ้าแหนพระเจ้าเหนือหัวเท่านั้น แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ล้วน
หญิงสาวกลั้นใจ ค่อยๆกางขาของตนออก หลับตา เบือนหน้าหนี อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ทำให้มันจบๆไปซะ เธอท่องราวกับเป็นคาถาที่จะปกป้องตนเองได้ กากีแม่หญิงงามใจหายวาบ ร้อนไปถึงก้น เมื่อรู้สึกได้ถึงบางสิ่งนุ่มหยุ่น พยายามเคลื่อนไหว ถูไถเลื่อนไปมาที่จุดกระสันหญิง และวนเวียนอยู่รอบปากทางเข้าสู่ช่องถ้ำนาง รู้สึกถึงแรงดันพยายามจะล่วงล้ำอยู่พักหนึ่ง แต่แล้วก็ได้ยินเสียงครางยาวอย่างผิดหวังของชายกลางคน วัตถุกึ่งแข็งกึ่งหยุ่นนั้นกลับย่อนยวบลงทันทีเหมือนฟองน้ำ ไม่อาจยื้อรั้งได้อีก ของเหลวขาวข้นขุ่นร้อนราดรดบนเนินสวาทที่มีไรขนอ่อนนุ่มปกคลุมบางเบาและยังราดรดต้นขาของเธออีก อะไรกันน่ะ ยังไม่ได้เข้าไปไม่ใช่เหรอ หรือว่า แบบนี้หรือเปล่านะ ที่เขาเรียกว่าล่มปากอ่าว เธอคิดวนไปวนมาอย่างสับสน แล้วนี่ฉันต้องทำยังไง พระเจ้าพรหมทัตเริ่มสะอึกสะอื้น หน้าตาแดงก่ำ กลิ่นสุรายังคลุ้งแรงในลมหายใจ “น่าขายหน้านัก ข้าหมายชมเจ้าให้สมที่อดใจรอเจ้าโตมานาน แต่พอถึงเวลากลับเป็นเช่นนี้ไปได้ น่าอับอายยิ่งนัก ต่อหน้าเจ้าที่เป็นนางแก้วของแผ่นดินแท้ๆ” กากีทำอะไรไม่ถูก จึงเอื้อมมื
ใครเลยจะรู้ว่าที่ตำหนักของพระสนมแก้ว มีห้องลับอยู่ห้องหนึ่ง ที่ใช้ซ่อนบรรดานางในรูปร่างหน้าตางดงามระดับหัวกะทิเอาไว้เกือบสิบคน แต่ละนางนั้นงามหมดจดหาที่ติไม่ได้ ผิวพรรณเนียนงามเปล่งปลั่ง แก้มมีสีเลือดฝาดเหมือนลูกพีช ริมฝีปากแดงชาด หากเป็นที่ที่หญิงสาวจากมา สีฝุ่นมองว่า สวยกว่านางเอก นางแบบ ดาราในโลกของเธอเป็นร้อยพันเท่า และที่สำคัญหญิงสาวเหล่านี้ไม่มีใครผ่านมีดหมอ แต่กลับสวยงามตามธรรมชาติ ดั่งผลไม้สุกปลั่งกลิ่นหอมหวนยวนยั่วน่าเชยชมลิ้มรสชาติยิ่งนัก แต่ละคนมีเพียงผ้าขาวผืนอ่อนบางผืนหนึ่งพันส่วนสงวนบนล่างเอาไว้หลวมๆ เปิดสองทรวงอกอิ่มปลั่งกลมเต่งเนียนงามอร้าอร่าม รวบเกล้าผมสูงพ้นต้นคอ ทุกนางกำลังตั้งหน้าตั้งตาขัดเนื้อตัวด้วยสมุนไพรสีแดงอมส้มบางอย่างกันอย่างขะมักเขม้น “นางพวกนี้ข้าให้คนตระเวนหามาปรนเปรอ พระเจ้าพรหมทัตจากทั่วพาราณสี ซื้อตัวมาบ้าง สมัครใจมาเองบ้าง ข้าเอามาฝึกสอนวิชากามปรนนิบัติ ให้ละความละอาย ให้รู้วิธีกระตุ้นกำหนัดเพื่อให้บุรุษพอใจ” พระสนมแก้ว เอียงคอพูดกับกากีเบาๆ “ทว่านอกจากตัวข้าเองแล้ว ส่งขึ้นไปถวายตัวอีกกี่คน พระองค์ก็ไม่ค่อยต้องพระทัยนัก บางคน
“ส่วนเนื้อที่ก้นนี้สำคัญนัก ต้องรองรับน้ำหนักและแรงกระแทกกระทั้นจากบุรุษ ต้องมีความนุ่มหยุ่น ชุ่มชื้นอยู่เสมอ กล้ามเนื้อต้องแข็งแรง เกร็ง และผ่อน รัดและคลายได้ดังใจสะโพกที่กลม ผาย งาม ดึงดูดมนุษย์เพศผู้ได้ดีไม่ต่างจากเนินอก แม้อยู่ใต้ผ้าผ่อน ก็มองเห็นรูปร่างของมันได้ บ่งบอกถึงการเป็นแม่พันธุ์ที่ดี แข็งแรง เหมาะแก่การปลูกเชื้อกำเนิดทายาท” ในท่านั้น กากีเห็นหญิงสาวที่เรียงรายในท่าเดียวกันสะดุ้งเฮือกขึ้น บ้างร้องคราง บ้างกัดฟัน บ้างเม้มปาก ไล่มาทีละคน แล้วเธอก็มองเห็น หญิงกลางคนอีกนางหนึ่ง ถือกระปุกยาไม้ขนาดเท่าแก้วน้ำ ในนั้นมีแท่งไม้เท่านิ้วมือ คอยแตะจุ่มลงในผงสีขาวนวล แล้วยกขึ้นเสียบสอดลงในช่องที่ซอกขาจนมิดด้าม หมุนเร็วๆแล้วดึงออก เมื่อเห็นใกล้ตัวเข้ามา กากีที่รู้ชะตากรรมตัวเองพยายามจะดิ้นหนี แต่ก็ถูกนางเอื้องผากดหัวเอาไว้ “อย่ากลัว อย่าขืนเกร็ง เจ้ายิ่งขืนจะยิ่งเจ็บ ยาสมุนไพรนี้จะทำให้ช่องกำเนิดเจ้าแข็งแรง กระชับ ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำหล่อเลี้ยงดุจน้ำหวานในเกสรดอกไม้ บุรุษใดได้สอดร่างใส่เข้าในเจ้าแล้วจะหลงใหลในรสสวาทไม่อยากละจากเจ้าไปไหน แต่ยานี้จะแสบนิดหน
“งามนักจริงหรือไม่เล่า กากี พ่อมานพรูปกายสูง อกกว้างใหญ่ไหล่โต กล้ามเนื้อหนั่นแน่นสมบูรณ์บ่งบอกพละกำลัง ใบหน้าคมคายองอาจสมบุรุษ อย่าว่าแต่นางในไม่มีผัว พระสนมมีผัวแล้วอย่างพวกเราก็ยังอดมองอย่างชื่นชมไม่ได้ แต่เรื่องแบบนี้ แอบไว้ในใจ ใครมันจะไปเห็น ทีพระเจ้าแผ่นดินยังมีหลายเมีย สตรีอย่างเราจะมีบุรุษแอบไว้ในอกในใจหลายคนบ้างก็ไม่เห็นจะเสียหาย ระวังกิริยาไม่ให้น่าเกลียดนักก็ไม่กระไรนักหรอก” พระสนมแก้วพูดพลางถอดเสื้อผ้ากากีออก เหลือเพียงผ้าแพรผืนบางพันท่อนล่างเพียงชิ้นเดียวเช่นเคย ก่อนเอนตัวเข้ามาใกล้กระซิบว่า “การมีบุรุษเก็บซ่อนไว้ในใจก็อาจจะมีประโยชน์กับเจ้าก็ได้นะกากี โดยเฉพาะในยามที่ต้องร่วมหอกับผัวชรา ที่เจ้าอาจยังไม่พร้อมเสพสังวาสด้วยทั้งกายและใจ เก็บไว้เป็นอุบายแก้เกมกามได้ชะงัดนัก จำคำข้าไว้ แล้วถึงเวลาเจ้าจะเข้าใจเอง” พระสนมแก้วยิ้มอย่างมีเลศนัย ที่บริเวณห้องฝึก วันนี้เด็กสาวงามพิลาศพิไลทั้งหมดรวมถึงนางอัปสรแปลงอย่างกากี ยืนอยู่เบื้องหน้าหุ่นจำลองร่างกายบุรุษในท่านอน หุ่นนี้ทำจากผ้าเนื้อละเอียดมันวาวสีดำสนิทตัดกับสีผิวเนื้อของบรรดาสาวๆ ยัดเส้นใย
หญิงสาวนั่งลงบนฟูกนุ่มเหนือพระแท่นบรรทม รู้สึกราวกับทั้งโลกถูกจับหมุนโยกโคลงเคลง แต่กลับไม่คลื่นไส้เวียนหัว หัวใจเต้นเร็ว ในตาพร่าเห็นแสงสีรอบตัวแปลกไป สวยงามแปลกประหลาด เสียงลมที่ผ่าเข้ามาทางหน้าต่างก็ไพเราะเสนาะหูอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทุกอย่างดูบิดเบี้ยว เลือนพร่า แต่กลับน่าสนุก หญิงสาวรู้สึกอยากระเบิดหัวเราะออกมาดังๆ ผิวเนื้อตัววูบวาบเหมือนมีพลังงานความร้อนวิ่งซ่าน ลูบตรงไหน แตะอะไรก็เพลิดเพลินไปหมด กลิ่นยาสมุนไพรคล้ายกลิ่นชาเข้มข้นระเหยออกมาทางลมหายใจ กลับมีกลิ่นแฝงคล้ายกลิ่นดิน กลิ่นเห็ดป่า โอ นี่ อย่าบอกนะว่าในเมืองไพศาลีนี่มียาอีด้วย เธอคิดแล้วหลับตาหัวเราะ “ยาสมุนไพรที่เจ้าดื่มไปนั้นเป็นยาบำรุงเลือดลม และผสมตัวยาพิเศษที่เป็นสูตรเฉพาะตามความเชื่อของเมืองเราเพื่อความเป็นมงคล มันมีสรรพคุณพิเศษที่ปรุงมาเพื่อหญิงสาวในคืนวันแต่งงาน เพื่อให้ละความหวาดกลัว และความกระดากอายในการทำหน้าที่ภรรยา โดยเฉพาะหญิงสาวบริสุทธิ์ที่ยังคงรักษาพรหมจรรย์บริสุทธิ์มาจนถึงวันที่ต้องมอบมันให้สามี” ใบหน้าของชายหนุ่มที่นั่งลงข้างๆดูคุ้นเคยแต่ก็แปลกไป นั่น
เคยมีผู้ใดผู้หนึ่งเคยกล่าวไว้เมื่อนานมาแล้ว ว่าถ้อยคำนินทาว่าร้ายนั้นแพร่ลามไวเช่นเดียวกับโรคระบาด เรื่องราวประสบการณ์ทางเพศของกากีนั้น ถูกขุดคุ้ยและแต่งเติมด้วยปากของผู้คนที่มีเจตนาร้ายด้วยตนเสียผลประโยชน์อยู่เดิมจนพิสดารเลวร้ายขึ้นทุกขณะ เรื่องราวมักลงเอยด้วยการโทษว่าเป็นความผิดของกากีที่ทำให้เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้น ชาวเมืองที่เคยอยู่กับอย่างสงบสุขกลับตกอยู่ในบรรยากาศอึมครึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับเทพกลั่นแกล้ง คงเป็นเทพที่ดลใจให้ฉางตี๋ จิตรกรเด็กหนุ่มของเรือสำเภาตระกูลเฉิน คิดกลวิธีที่จะเก็บภาพชุดไพ่ที่ตนวาดขึ้นให้อยู่คงทนยาวนาน ด้วยการหาสีผึ้งใสชั้นดีมาเคลือบภาพไพ่เอาไว้เพื่อกันน้ำกันชื้นกันเชื้อรา มันใช้งานได้ดีทีเดียว เพราะเมื่อเรือโจรสลัดสุลัยมาน อับปางล่มลงทะเลจนลูกเรือล้มตายเสียสิ้นแล้ว ไพ่หรรษาเจ้ากรรมนี้กลับลอยขึ้นเหนือผิวน้ำโดยไม่ได้รับความเสียหายใดๆทั้งสิ้น หนำซ้ำเทพเจ้าเล่ห์ผู้ชอบเล่นตลกกับชะตาของกากี ก็บันดาลให้กระแสน้ำทะเลค่อยๆพัดไพ่เหล่านี้ขึ้นสู่ชายฝั่งทะเลไพศาลีอย่างช้าๆ กระทั่งเช้ามืดวันหนึ่ง ชาวเมืองก็พบไพ่เจ้ากรรมเหล่า
“ท่านพี่เจ้าขา ท่านพี่ นางฟื้นแล้วเพคะ มาดูนางเร็วเข้า ตุ๊กตาปั้นของท่านพี่ นางฟื้นแล้วเจ้าค่ะ” เมื่อสายตาเริ่มโฟกัสสิ่งต่างๆได้ กากีก็พบว่าตนนอนอยู่ในห้องบรรทมที่ตกแต่งอย่างอบอุ่นน่ารัก และมีหน้าต่างเปิดให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก รอบแท่นที่นอนนั้นมีหญิงสาวนางกำนัลสองสามคน กำลังช่วยกันเช็ดมือให้เธออยู่ด้วยน้ำในขันลอยดอกไม้หลากสีกลิ่นหอมชื่นใจ เรื่องน่าตกใจที่สุดคือ หญิงสาวที่เจ้ากี้เจ้าการวิ่งไปวิ่งมาท่าทางคุ้นๆอยู่นั่น หน้าตาแบบนั้น เหมือนแตงกวาไม่มีผิด! “แตงกวา!” เธอร้องเรียก หน้าตาตื่น แล้วทุกคนในห้องนั้นก็หันมาหน้าตาตื่นเช่นเดียวกัน ากีรีบลุกทรงตัวนั่ง หิวและคอแห้งเป็นผง จนหน้ามืดตาลายเธอรีบคว้าเอาขันน้ำลอยดอกไม้ยกขึ้นดื่มอั๊กๆและเคี้ยวดอกไม้เข้าไปด้วย “ว้ายๆ นั่นมันน้ำล้างมือออออ” หญิงสาวที่เข้ามานั่งประกบข้างทีแรกจะดึงขันออก แต่ไปมากลายเป็นประคองขันช่วยให้น้ำไม่หกพลางหัวเราะเสียงสดใส “หิวมากละสินั่นแม่คุณ ถึงว่าสิ ตื่นมาตะโกนหาแตงกวาเสียงดังลั่นทีเดียว” ท้าวทศวงศ์ปราดเข้ามาในห้องบรรทมหน้าตาตื่น เมื่อเห็นว่ากากีต
ข้างฝ่ายกากี นางโฉมงามผู้ดวงชะตาตกอับถึงที่สุด รู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อเรือเล็กถูกพัดเข้ามาเกยชายฝั่งในช่วงยามสี่ก่อนรุ่งสาง หญิงสาวสะดุ้งเฮือก ลุกขึ้นมานั่งหอบหายใจสูดเอาอากาศเข้าปอด หลังจากยาผงขังวิญญาณหมดฤทธิ์ ร่างกายของเธอก็กลับฟื้นคืนทีละนิดมาตลอดเวลาที่หลับใหลมาบนเรือ เลือดลมเริ่มไหลเวียนตามปกติ กำลังวังชาเริ่มฟื้นคืนด้วยฤทธิ์ยาสมุนไพรที่ซินแสหวางปรุงให้กินมาตลอดสามวันก่อนหน้านี้ อาการบาดเจ็บและร่างกายที่บอบช้ำจากการถูกทารุณกรรมต่อเนื่อง ก็ฟื้นคืนกลับมาแข็งแรง แม้ไม่เท่าเดิม แต่ก็พอมีแรงปีนออกจากเรือและรีบหนี “เมื่อฮูหยินฟื้นแล้ว ให้รีบลงจากเรือและวิ่งหนีขึ้นฝั่งให้เร็วที่สุด ซุ่มซ่อนตัวไว้จนเช้า เพราะหากในขั้นตอนระหว่างนี้มีสิ่งใดขัดข้องไม่เป็นไปตามแผน สมุนโจรอาจเอะใจและติดตามไปทำร้ายเอาได้” กากีไม่ได้รับรู้ถึงหายนะภัยที่เกิดแก่เรือโจรสุลัยมาน เธอจึงยึดคำของซินแสหวาง โดยรีบเดินเท้าเข้าไปในผืนป่าเบื้องหน้าที่มืดมิด เพื่ออำพรางตนในความมืด ในเมื่อการรับรู้พร่าเลือน เธอจึงไม่แน่ใจว่าตัวเองลากสังขารเดินโซซัดโซเซเข้าไปในป่า ลึก ไกลแค่
พวกมันหยุดการทะเลาะเบาะแว้งไปชั่วขณะ รีบแหวกทางให้ซินแสหวางเข้ามาตรวจอาการนางในห้อง เมื่อปิดห้องสนิทแล้วซินแสหวางก็เข้ามาพะแมะตรวจสอบชีพจรของนาง แล้วแสร้งส่ายหน้า พูดเบาๆ “น่าเวทนาแท้ เพราะเสียงครึกโครมเมื่อครู่ ประกอบกับร่างกายที่ยังไม่แข็งแรง คงตกใจเกินขนาดจนชีพจรหยุดเต้นฉับพลันทันที เช่นเดียวกับลูกกระต่ายที่ตกใจเสียงของหมาป่าเห่ากระโชกจนดวงใจน้อยๆของมันแตกสลายไป” มหาโจรร่างยักษ์หน้าซีดเผือด มันรีบประคองร่างนางกายหอมขึ้นมากอดมือไม้สั่น มันรีบทำท่าห้ามซินแสหวางพูดอะไรต่อ เพราะรู้ดีว่า หากพวกลูกเรือข้างนอกรู้เข้า พวกมันจะต้องโกรธมาก และพากันเข้ามากลุ้มรุมดึงทึ้งเอาศพกากีออกไปชำเราอย่างสัตว์ป่าบ้าคลั่ง ชดเชยความโกรธแค้นที่มีมาตลอดหลายวัน และมันยอมให้กากี หญิงสาวคนเดียวในชีวิตที่มันต้องการถนอมรักไว้อย่างคนรักจริงๆ ถูกกระทำอย่างนั้นไม่ได้ ต่อให้สิ้นใจแล้วก็ตาม “หมอจีน เจ้าไม่ต้องพูดอะไร เล่นไปตามน้ำ ทำทีรักษานางไป เร็วเข้า” มันกระซิบกระซาบพลางชำเลืองมองไปด้านนอกที่กำลังตกตะลึง และพากันชะโงกมองเข้ามาข้างใน “ขยับถอยไป นางกากีได้ไข
กากีตาเบิกโต ประกายแห่งความหวังระยิบระยับขึ้นทันที “ออกจากเรือนี้ หนีไปจากที่นี่หรือ” นางว่าแล้วรีบรับจอกยาสมุนไพรเคี่ยวเข้มข้นมาดื่ม ความร้อน ขม ซ่านวิ่งวาบจากริมฝีปากสู่ลำคอจนถึงท้อง แต่เมื่อกลืนลงหมดท้องแล้วก็แช่มชื่นขึ้นทันที หลังจากนั้นซินแสหวางจึงค่อยลดเสียงลงและเล่าแผนการณ์หลบหนีที่เตรียมการมาเป็นอย่างดีแล้วให้นางฟัง เมื่อเล่าจบแล้วจึงย้ำ “หลังจากคืนที่สามแล้ว ข้าจะเข้ามาที่นี่ไม่ได้อีก แต่ช่วงเวลานั้นเป็นเวลาที่กระแสลมทะเลพัดเข้าฝั่ง ขอฮูหยินจงจำคำสั่งของข้าให้ดีอย่าให้ผิดพลาด เพราะหากถูกจับได้ เราทั้งสูงจะเป็นอันตรายถึงชีวิตทั้งคู่” หลังสำทับแผนการเป็นอย่างดีแล้ว ซินแสหวางก็ถือโอกาสเก็บรวบเศษผ้า กองผ้า ฟูกเก่าที่ขึ้นราราวกับแลปเพาะเชื้อโรค โยนออกนอกประตูไป ตอนนั้นเอง ที่ไพ่หรรษาที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นปรากฏขึ้นแก่สายตา และซินแสหวางก็นึกกระหยิ่มในใจ เมื่อคิดแผนการที่จะทำให้ตนรอดออกไปจากเรือลำนี้ไปได้ในคราวเดียวกันหลังเจ็ดวันตามข้อตกลงของเรือโจร ลูกเรือที่พากันตั้งตารอคอยจะเสพนางกากีตามลำดับอาวุโสต่างก็ร้อนใจเมื่อนางเกิดป่วยหนั
ไพ่ทั้งหมด 48 ใบถูกคว้าขึ้นมาเพื่อเอาอย่างท่าทาง วนเวียนอยู่อย่างนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับร่างกายล่ำสันมันวาวของมหาโจรสุลัยมานเป็นเครื่องจักรกลที่สร้างมาเพื่อเสพกามเมถุน ตัวมันเองเพียงพักกินข้าวกินน้ำ และงีบหลับเพียงช่วงสั้นๆ ก่อนลุกมาปลุกกากีเพื่อร่วมสังวาสหรือกระทำชำเราเอากับคนที่หมดแรงสลบไศลเพราะไม่ได้พักผ่อน ในวันที่ห้าที่หก กากีเมื่องัวเงียลืมตาขึ้นมาก็มักพบว่าตนถูกโยนร่างบิดไปมา ขย่มเขย่าในท่าต่างๆ บางครั้งก็สลบลงไปอีก บางครั้งก็ซ่านสุขไปตามการตอบสนองอัตโนมัติของร่างกาย และเริ่มเบลอ พร่าเลือนในการรับรู้ ไม่แน่ใจว่าตนเองเป็นใครมาจากไหนและมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร รู้สึกถึงการถูกฉกเลียดูดขบที่ปลายถัน การถูกบดขยี้เม็ดมณีในกลีบบุปผาแห่งชีวิต การเคลื่อนเข้าออกอย่างรุนแรงในถ้ำสวาท และการเต้นตุบเป็นจังหวะของบรรดาอสรพิษที่เลื้อยรอบโคนแท่งเนื้ออสรพิษดำ ในยามที่จอมโจรสุลัยมานถึงจุสุดยอดและหลั่งน้ำกามข้นเหนียวสัมผัสแสบร้อนราวเหล้าผสมพิษงู ทิ้งไว้ในท้องของเธอ กากีได้ดื่มน้ำบ้าง ส่วนอาหารกล้ำกลืนลงคอได้น้อยเต็มที ครั่นเนื้อครั่นตัว สะบัดร้อนหนาวเหมือนคนเป็นไข้ เจ็บปว
สีฝุ่นในร่างนางกากีสะดุ้งเฮือก ได้สติขึ้นมาอีกครั้ง กลิ่นเหม็นสาบเหงื่อบุรุษฉุนกึกปะทะจมูก เมื่อลืมตามองรอบตัวอีกครั้งเธอก็ใจหาย ห้องนอนมหาโจรสุลัยมาน อีกแล้วเหรอเนี่ย รู้สึกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง คับแค้นใจที่กลับหล่นมาอยู่ในหนังสือบ้าๆนี่อีกครั้ง เธอแน่นในอก น้ำตารินอาบสองแก้ม อุตส่าห์กลับโลกได้แล้วแท้ๆ อีกนิดเดียวก็จะถึงร่างตัวเองแล้ว ทำไมถึงยังต้องวกกลับมาที่นี่อีก แล้วนี่กลับมาทั้งทีจะโดดข้ามตอนให้พ้นๆเรือโจรไปสักหน่อยก็ไม่ได้ ต้องกลับมาส่วนที่แย่ที่สุดของเรื่องนี้อีกแล้วเหรอ นึกยังไม่ทันขาดคำ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก มหาโจรสุลัยมานจอมทัพเรือโจรเดินตรงเข้ามา มองเห็นกากีนั่งอยู่ก็หัวเราะชอบใจ “ตื่นแล้วหรือ แม่หญิงกากีเมียข้า” มันทรุดลงโผมาแนบข้างแทบจะเรียกว่าโจนเข้าใส่อย่างหมาตะกราม “คิดถึงรสรักข้าหรือยังเล่า ข้าคิดถึงเจ้าจนใจแทบขาดแล้ว” บุรุษนายโจรผู้นี้มีหลายสิ่งในตัวที่ชวนให้กากีหวาดกลัวและรังเกียจ แต่กระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ลักษณะความเป็นชายที่เข้มข้นเต็มเปี่ยมนั้น ก็กระตุ้นสัญชาตญาณทางเพศตามธรรมชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งความ
วินาทีที่มือนุ่มอุ่นคู่นั้นสัมผัสเท้าสีฝุ่น หญิงสาวในร่างกากีผู้งามล่มหล้ารู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าอ่อนจางที่นำพาความสดชื่นฉ่ำหัวใจวิ่งพล่านไปทั่วร่าง ห่างไกลจากกามารมณ์ แต่ทำให้อบอุ่นหัวใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และดูเหมือนว่าตั้งแต่เธออยู่ในร่างกากีมานี้ เขาน่าจะเป็นผู้ชายคนแรกที่เห็นใบหน้าเธอแล้วกลับสนใจเท้าเธอมากกว่า มือคู่นั้นที่สัมผัสเท้าและบาดแผลของเธออย่างอ่อนโยน ลื่นไหล ราบรื่นราวกับกำลังร่ายรำ ทำให้สีฝุ่นไม่อาจละสายตาจากเขาได้เลย แล้วจู่ๆ เธอก็เกิดนึกได้ขึ้นมาว่า เคยได้ยินเสียงของชายคนนี้มาจากที่ไหน ใช่แล้ว ตอนนั้นไง ตอนที่เธอกลับเข้าร่าง นอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาล เสียงผู้ชายคนนี้ หมอคนนี้แหละที่พูดคุยกับแม่และแตงกวา ตอนนั้นเธอลืมตาไม่ได้ ขยับตัวไม่ได้ แต่ก็จำเสียงเขาได้เป็นอย่างดี นี่แหละ หมอเจ้าของไข้ของเธอกับพี่ทศ! “ขอโทษนะคะคุณหมอ” สีฝุ่นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรงใจ “ครับ ว่าไงครับ” เขาตอบโดยยังไม่เงยหน้าจากบาดแผลที่กำลังเริ่มเย็บตรงหน้า จดจ่อราวกับศิลปินกำลังตั้งใจทำงานประณีตศิลป์ชิ้นเอก “คุณ ใช่คุณหมอที่ดูแลคนไข้ตกจากระเบ