ดรุณีอรชร อกเต่ง สะโพกตึง เอวกิ่วคอด หน้าตาอ่อนเยาว์อ่อนเดียงสาเหมือนหยาดน้ำค้าง แต่เข้าใกล้แล้วเร่าร้อนเหมือนเปลวไฟ กลิ่นกายหอมหวานติดกายบุรุษที่แตะต้องตัวนางไปอีกเจ็ดวันเจ็ดคืน แน่แล้ว ตอนนี้เธอเป็นนางกากี ตอนต้นเรื่องเลยละ หลังจากที่กำเนิดในดอกบัว พระฤษีเก็บเอามาเลี้ยง แล้วพระเจ้าพรหมทัตขอนางมาชุบเลี้ยงทะนุถนอมจนเติบใหญ่ เริ่มกลายเป็นเด็กสาวแรกรุ่น แล้วก็จะเอาเด็กสาวมาทำเมีย
อืมมม...เรื่องมันเป็นอย่างนี้เอง สีฝุ่นคิดแว้กกกกกก! ไม่ได้สิ จะมาเออออห่อหมกง่ายๆแบบนี้ไม่ด้ายยยยย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
นางกำนัลพี่เลี้ยงสามคนกลับเข้ามาในห้อง คนหนึ่งถือขันทองเหลือขนาดใหญ่มีผ้าผืนเล็กพาดอยู่เดินตามเข้ามาด้วย “ชำระร่างกายก่อนเข้าบรรทมเพคะ พระสนมกากี” นางกำนันคนที่เดินนำหน้าเอ่ยขึ้นพลางตรงเข้ามาเอื้อมมือจับปมผ้าที่หน้าอกกากีอีกครั้ง
“ไม่ๆๆๆ ไม่ต้องแล้วค่ะ ฉันทำเองได้ แค่เช็ดตัวก็จบใช่ไหม พอกันที เวลาแค่ไม่ถึงชั่วโมง มีคนแปลกหน้าจะมาจับฉันแก้ผ้าครั้งที่สามเข้าไปแล้ว สมกับเป็นเรื่องกากีจริงๆ ” สีฝุ่นถอนหายใจ
นางกำนัลพี่เลี้ยงสองคนแรกค้อมตัวรับคำแล้วหันหลังเดินออกไปจากห้อง ในขณะที่คนที่ถือขันทองเหลืองบรรจุน้ำอุ่นลอยดอกมะลิกำลังวางขันลงที่พื้นช้าๆ
“นี่คุณ คุณบอกหน่อยสิว่านี่ไม่ใช่ความฝันหรือภาพหลอน ฉันหลุดมาอยู่ในมิติประหลาดอะไรกันแน่เนี่ย” หญิงสาวถามประชดอย่างปลงๆ ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ยินคำตอบ
ทว่า!
“คุณสีฝุ่นกำลังอยู่ในหนังสือนิทานคำกลอนเรื่องกากี ค่ะ ฉบับยอดนิยม พิมพ์แรกเสียด้วยนะคะ”
นางกำนัลพี่เลี้ยงสาวเงยหน้าสบตาสีฝุ่นพูดจริงจัง “ไม่ใช่ความฝันหรือภาพหลอนค่ะ”
หญิงสาวเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง “ดะ...เดี๋ยว ยังไงนะ คุณพูดอะไร”
“ถ้าตามเนื้อหาในหนังสือ ฉันเป็นตัวประกอบที่ไม่มีบทพูดหรือความสำคัญต่อตัวเรื่อง ดังนั้นการพูดกับฉันจะไม่ทำให้เนื้อเรื่องเสีย แต่ก็จะได้เพียงครู่เดียวเท่านั้นเพื่อให้เส้นเวลายังคงเดิมค่ะ” เธอว่าด้วยน้ำเสียงสงบราบเรียบ
หญิงสาวคิดตามเร็วจี๋ “อ่า สรุปคือคุณจะบอกว่า นี่คือในหนังสือเหรอคะ แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง จะออกไปได้ยังไง ออกไปโลกปกติน่ะ”
นางกำนัลพี่เลี้ยงชำเลืองไปทางประตู “ทุกคนเหมือนกันหมด เข้ามาทางหน้าแรก และจะออกไปได้อย่างปลอดภัยที่หน้าสุดท้าย หากคุณไม่อยากสูญหายไปที่นี่และกลับบ้านไม่ได้อีกคุณจำต้องดำเนินไปตามเนื้อเรื่อง อย่าบิดให้ผิดเพี้ยน แล้วจึงจะออกไปได้”
หลังนิ่งคิดตามอยู่แวบหนึ่ง สีฝุ่นก็โวยวายขึ้นอีกครั้ง “เฮ้ย! แต่นี่มันเรื่องกากีนะคะ ถ้าเล่นตามเนื้อเรื่อง ฉันต้อง...”นั่น” กับผู้ชายทั้งเรื่องเลยนะ กว่าจะจบเนี่ย แถมเวอร์ชั่นนี้ยังอ่านไม่จบด้วย จะไปรู้ได้ยังไงว่าเหมือนเวอร์ชั่นอื่นหรือเปล่า”
นางกำนัลพี่เลี้ยงดูร้อนรนมากขึ้น “บทของฉันมีแค่ในฉากนี้ เวลาหมด ต้องไปแล้วค่ะ ถ้าให้แนะนำ พรุ่งนี้คุณสีฝุ่นต้องขึ้นถวายงานให้กับพระเจ้าพรหมทัตตามท้องเรื่องให้สำเร็จ หากคุณต้องการกลับออกไปจริงๆ” ว่าแล้วนางกำนัลพี่เลี้ยงก็เร่งรีบออกไปจากห้อง ทิ้งให้หญิงสาวโฉมสคราญที่ความรู้สึกนึกคิดยังเป็นสาวคอลัมนิสต์ร่างอวบที่โดนบูลลี่มาเมื่อบ่าย ยืนวิงเวียนคล้ายจะเป็นลมอยู่ตามลำพัง
หมายความว่า ถ้าเราจะรอดออกไปจากที่นี่ได้ก็ต้อง...เริ่มด้วยการ...เปิดซิงกับคนอายุคราวพ่อ แถมหน้าเหมือนเจ้านายเก่า ในคืนพรุ่งนี้อย่างนั้นเหรอเนี่ย!
เช้าวันรุ่ง แสงอุษาสาดส่องลอดม่านโปร่ง สีทองนวลอาบไล้ผิวกายกากี นางกายหอมจนเปล่งประกายงดงามสุกปลั่งดั่งฉาบอาบไล้ด้วยผงทองคำบริสุทธิ์ร่างอรชรเท้าแขนเรียวงามค่อยยันตัวลุกขึ้น ตื่นตาตื่นใจกับรูปกายของตนที่สะท้อนอยู่บนบานคันฉ่องใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้างพระแท่นบรรจถรณ์ นั่นหรือเด็กสาวเพิ่งเข้าวัยมีระดูได้เพียงสามเดือน ผิวกาย รูปร่าง หน้าตา ดูอร้าอร่ามงดงามเกินวัยนัก ราวกับหญิงสาวที่เบ่งบานเต็มสาว ต่างแต่เพียงใบหน้าที่ยังดูอ่อนเยาว์
นางยกหลังหัตถ์ขึ้นลากไล้แตะต้องนวลปรางของตนแผ่วเบา ดวงเนตรยังจับค้างที่นางในเงาสะท้อนพลางเอ่ยขึ้นเบาๆว่า
“พอหลุดเข้ามาอยู่ในนิยายโบราณ คำบรรยายตอนไม่มีบทพูดมันก็เลยก็สวิงสวายเป็นภาษาเขียนนิยายไปหมดด้วยแบบนี้เลยเหรอวะ?”
“เจ้าค่ะ” เสียงดังขึ้นข้างๆพระแท่นทำเอาสีฝุ่นหรือนางกากีสะดุ้ง เมื่อก้มลงไปมองก็เห็นนางกำนัลแน่งน้อย หน้าตาน่าเอ็นดูคนที่ยกขันน้ำลอยดอกไม้มาให้เช็ดตัวก่อนนอนเมื่อคืนนี่เอง คราวนี้ก็มานั่งพับเพียบรอพร้อมกับขันน้ำลอยดอกไม้และผ้าผืนเล็กๆอีก
“เป็นเรื่องปกติเจ้าค่ะ คุณสีฝุ่น อยู่ในหนังสือ สำนวนที่ปรากฏก็ย่อมเป็นสำนวนเขียนเจ้าค่ะ” นางพูดได้เพียงเท่านั้น เสียงประตูด้านหน้าก็เปิดออก นางกำนัลอีกสองคนเดินเข้ามาในห้องพร้อมถาดสำรับที่มีถ้วยหลายถ้วยปิดฝาอยู่
กากีนี่ไฮโซขนาดต้องเสิร์ฟอาหารเช้าบนเตียงด้วยเหรอ? เธอคิด ยืดกรขึ้นเหนือเศียรเหยียดเอนไปมาบรรเทาอาการเมื่อยขบ
“พวกคุณ เอ๊ย! เจ้า ไม่ต้องยกอาหารเข้ามาถึงนี่ก็ได้ เดี๋ยวเอ่อ ข้า เดินไปกินเองที่ห้องอาหาร ห้องเครื่องน่ะ ก็ได้นะ จะได้เปลี่ยนบรรยากาศ ดูนั่นดูนี่บ้าง”
นางกำนัลทั้งสองทำท่าทางตกใจ “ไม่ได้นะเพคะพระสนม พระสนมกากีก็รู้ ว่าพระเจ้าเหนือหัวทรงกำชับหนักหนา ว่าไม่ให้พระสนมออกไปเตร็ดเตร่ให้ผู้ใดเห็นองค์ จนกว่าจะอภิเษกขึ้นเป็นพระสนมเอกฝ่ายซ้าย หลังถวายงานสำเร็จ มาเถิดเพคะ นี่สายมากแล้ว รีบเสวยพระกระยาหารจะได้เร่งไปเตรียมขึ้นถวายตัวใหม่”
ถวายตัว โอย ถวายตัวอีกแล้วทำไมมีแต่คนพูดแต่เรื่องถวายตัว ผู้หญิงเมืองนี้นี่มีหน้าที่แต่อย่างว่าอย่างนี้แบบเดียวเลยหรือไงนะ แล้วเหนือหัวนี่ไม่คิดทำการทำงานอย่างอื่นมั่งหรือไง คิดแต่จะหาเมีย นี่ถึงขนาดเอาเด็กผู้หญิงมาเลี้ยงขังไว้จนโต
เออ เอาเถอะ ไหนๆ ก็ไหนๆ กากีก็ยอมเล่นไปตามบท ถ้าต้องทำก็รีบทำให้มันจบๆไปเสีย
ว่าแล้วเธอก็เปิดสำรับกับข้าวที่นางกำนัลยกมาวางบนเตียง ประหลาดใจอีกรอบ ที่พบว่าในสำรับนั้นมีแต่ผัก ผลไม้ ดอกไม้สดหลากสีและน้ำดื่มสีอำพันอีกแก้ว ทำไมมีแต่ผักผลไม้ล่ะ พระสนมกากี รูปร่างหน้าตาเป๊ะขนาดนี้ยังต้องไดเอทอีกเหรอ
“ข้าว ปลา อาหาร ไข่ เนื้อ ไม่มีให้กินบ้างหรือไง ข้าวต้มก็ยังดี“ พระสนมใหม่รำพึงหน้าเศร้า ปกติมื้อเช้าเป็นมื้อหนักก่อนไปทำงานของเธอแท้ๆ
นางกำนัลทั้งสามมองหน้ากันไปมา “พระสนมกากีดูท่าจะไม่ใคร่สบาย จึงยังสับสน พระสนมกากีเดิมเป็นนางอัปสร จุติจากสวรรค์ลงมากำเนิดชาติเติบโตอยู่ในเกสรอุบล เป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งอัปสร เสวยได้แต่ผลไม้ ดอกไม้สด น้ำค้าง และน้ำผึ้งนี่เพคะ หากเสวยข้าว เสวยเนื้อ รัศมีกายแบบนางอัปสรอาจมีราคีก็เป็นได้ พระเจ้าพรหมทัตย้ำพวกเราให้ดูแลพระสนมในเรื่องนี้มาแต่น้อย”
กากีนิ่งไปนิดหนึ่งแล้วถอนหายใจ ก่อนจะหยิบดอกชมนาดจากชามกระเบื้องขึ้นมาดม แล้วลองเอาใส่ปากเคี้ยว เธอเบิกตากว้าง กลิ่นดอกชมนาดหวานหอมขึ้นไปบนหัว ร่างกายรู้สึกร้อนผ่าวเลือดลมไหลเวียนทั่วร่างมีกำลังวังชาขึ้นทันที รสชาติก็อร่อยหวานนุ่มละมุนลิ้นราวกับเบเกอรี่ร้านหรู
อย่างนี้เอง จริงด้วย กากีเป็นนางฟ้าที่ถูกเนรเทศลงมาใช้กรรมที่เมืองมนุษย์ ดำรงสถานะเป็นลูกครึ่งชาวสวรรค์กับชาวโลก ถึงว่าสิ โตเร็วชะมัด เพิ่งมีระดู แต่ทุกอย่างในร่างกายเป็นสาวหมดแล้ว
นางกายหอมคิด ทั้งหน้าอก สะโพก ตูมเต่งกลมไปหมด เอวก็คอดหยั่งกะมด แถมตรงนั้น... ก็เหมือนผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วด้วย หลังเสวยหรือเกือบจะเรียกว่าสวาปามอาหารมื้อเช้าไปจนเกลี้ยงสำรับ กากีก็ถูกจับแต่งตัวห่มผ้ามิดชิด เอาผ้าคลุมศีรษะ เดินออกจากห้องตน ออกไปข้างนอก ความหนาของผ้ามากพอจะทำให้คนภายนอกมองทะลุเข้ามาไม่ได้ แต่ตัวกากีเองนั้นดวงตาแนบอยู่กับผ้าจึงมองลอดออกไปได้ ในยามกลางวันแสงแดดทำให้ภาพความใหญ่โตโอ่อ่าอลังการของพระราชวังเมืองพาราณสีเด่นชัด งดงามไม่แพ้ภาพในจินตนาการตอนที่อ่านหนังสือ เพียงออกมาจากห้อง เธอก็ได้ยินเสียงดนตรีไพเราะ คล้ายเสียงพิณจีนผสมฮาร์ป ดังกังวานไปทั่ว “เสียงพิณเทวะของนาฏกุเวร ไพเราะยิ่งนัก” นางกำนัลนางหนึ่งที่ประคองด้านขวาเอ่ยขึ้น “จุ๊ๆ” นางกำนัลที่ประคองซ้ายทำเสียงดุห้าม “อย่าอึงไป พระสนมแก้วได้ยินเข้าได้หวายลงหลัง เป็นนางใน เอ่ยถึงบุรุษ ไม่งาม” นางด้านขวาค้อนควัก “แหม ก็มีกันอยู่เท่านี้ บุรุษอื่นใดจะเข้ามาในเขตพระราชฐานนี้หาได้ไม่ มีแต่จตุรงค์ราชองค์รักษ์ที่เฝ้าแหนพระเจ้าเหนือหัวเท่านั้น แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ล้วน
หญิงสาวกลั้นใจ ค่อยๆกางขาของตนออก หลับตา เบือนหน้าหนี อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ทำให้มันจบๆไปซะ เธอท่องราวกับเป็นคาถาที่จะปกป้องตนเองได้ กากีแม่หญิงงามใจหายวาบ ร้อนไปถึงก้น เมื่อรู้สึกได้ถึงบางสิ่งนุ่มหยุ่น พยายามเคลื่อนไหว ถูไถเลื่อนไปมาที่จุดกระสันหญิง และวนเวียนอยู่รอบปากทางเข้าสู่ช่องถ้ำนาง รู้สึกถึงแรงดันพยายามจะล่วงล้ำอยู่พักหนึ่ง แต่แล้วก็ได้ยินเสียงครางยาวอย่างผิดหวังของชายกลางคน วัตถุกึ่งแข็งกึ่งหยุ่นนั้นกลับย่อนยวบลงทันทีเหมือนฟองน้ำ ไม่อาจยื้อรั้งได้อีก ของเหลวขาวข้นขุ่นร้อนราดรดบนเนินสวาทที่มีไรขนอ่อนนุ่มปกคลุมบางเบาและยังราดรดต้นขาของเธออีก อะไรกันน่ะ ยังไม่ได้เข้าไปไม่ใช่เหรอ หรือว่า แบบนี้หรือเปล่านะ ที่เขาเรียกว่าล่มปากอ่าว เธอคิดวนไปวนมาอย่างสับสน แล้วนี่ฉันต้องทำยังไง พระเจ้าพรหมทัตเริ่มสะอึกสะอื้น หน้าตาแดงก่ำ กลิ่นสุรายังคลุ้งแรงในลมหายใจ “น่าขายหน้านัก ข้าหมายชมเจ้าให้สมที่อดใจรอเจ้าโตมานาน แต่พอถึงเวลากลับเป็นเช่นนี้ไปได้ น่าอับอายยิ่งนัก ต่อหน้าเจ้าที่เป็นนางแก้วของแผ่นดินแท้ๆ” กากีทำอะไรไม่ถูก จึงเอื้อมมื
ใครเลยจะรู้ว่าที่ตำหนักของพระสนมแก้ว มีห้องลับอยู่ห้องหนึ่ง ที่ใช้ซ่อนบรรดานางในรูปร่างหน้าตางดงามระดับหัวกะทิเอาไว้เกือบสิบคน แต่ละนางนั้นงามหมดจดหาที่ติไม่ได้ ผิวพรรณเนียนงามเปล่งปลั่ง แก้มมีสีเลือดฝาดเหมือนลูกพีช ริมฝีปากแดงชาด หากเป็นที่ที่หญิงสาวจากมา สีฝุ่นมองว่า สวยกว่านางเอก นางแบบ ดาราในโลกของเธอเป็นร้อยพันเท่า และที่สำคัญหญิงสาวเหล่านี้ไม่มีใครผ่านมีดหมอ แต่กลับสวยงามตามธรรมชาติ ดั่งผลไม้สุกปลั่งกลิ่นหอมหวนยวนยั่วน่าเชยชมลิ้มรสชาติยิ่งนัก แต่ละคนมีเพียงผ้าขาวผืนอ่อนบางผืนหนึ่งพันส่วนสงวนบนล่างเอาไว้หลวมๆ เปิดสองทรวงอกอิ่มปลั่งกลมเต่งเนียนงามอร้าอร่าม รวบเกล้าผมสูงพ้นต้นคอ ทุกนางกำลังตั้งหน้าตั้งตาขัดเนื้อตัวด้วยสมุนไพรสีแดงอมส้มบางอย่างกันอย่างขะมักเขม้น “นางพวกนี้ข้าให้คนตระเวนหามาปรนเปรอ พระเจ้าพรหมทัตจากทั่วพาราณสี ซื้อตัวมาบ้าง สมัครใจมาเองบ้าง ข้าเอามาฝึกสอนวิชากามปรนนิบัติ ให้ละความละอาย ให้รู้วิธีกระตุ้นกำหนัดเพื่อให้บุรุษพอใจ” พระสนมแก้ว เอียงคอพูดกับกากีเบาๆ “ทว่านอกจากตัวข้าเองแล้ว ส่งขึ้นไปถวายตัวอีกกี่คน พระองค์ก็ไม่ค่อยต้องพระทัยนัก บางคน
“ส่วนเนื้อที่ก้นนี้สำคัญนัก ต้องรองรับน้ำหนักและแรงกระแทกกระทั้นจากบุรุษ ต้องมีความนุ่มหยุ่น ชุ่มชื้นอยู่เสมอ กล้ามเนื้อต้องแข็งแรง เกร็ง และผ่อน รัดและคลายได้ดังใจสะโพกที่กลม ผาย งาม ดึงดูดมนุษย์เพศผู้ได้ดีไม่ต่างจากเนินอก แม้อยู่ใต้ผ้าผ่อน ก็มองเห็นรูปร่างของมันได้ บ่งบอกถึงการเป็นแม่พันธุ์ที่ดี แข็งแรง เหมาะแก่การปลูกเชื้อกำเนิดทายาท” ในท่านั้น กากีเห็นหญิงสาวที่เรียงรายในท่าเดียวกันสะดุ้งเฮือกขึ้น บ้างร้องคราง บ้างกัดฟัน บ้างเม้มปาก ไล่มาทีละคน แล้วเธอก็มองเห็น หญิงกลางคนอีกนางหนึ่ง ถือกระปุกยาไม้ขนาดเท่าแก้วน้ำ ในนั้นมีแท่งไม้เท่านิ้วมือ คอยแตะจุ่มลงในผงสีขาวนวล แล้วยกขึ้นเสียบสอดลงในช่องที่ซอกขาจนมิดด้าม หมุนเร็วๆแล้วดึงออก เมื่อเห็นใกล้ตัวเข้ามา กากีที่รู้ชะตากรรมตัวเองพยายามจะดิ้นหนี แต่ก็ถูกนางเอื้องผากดหัวเอาไว้ “อย่ากลัว อย่าขืนเกร็ง เจ้ายิ่งขืนจะยิ่งเจ็บ ยาสมุนไพรนี้จะทำให้ช่องกำเนิดเจ้าแข็งแรง กระชับ ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำหล่อเลี้ยงดุจน้ำหวานในเกสรดอกไม้ บุรุษใดได้สอดร่างใส่เข้าในเจ้าแล้วจะหลงใหลในรสสวาทไม่อยากละจากเจ้าไปไหน แต่ยานี้จะแสบนิดหน
“งามนักจริงหรือไม่เล่า กากี พ่อมานพรูปกายสูง อกกว้างใหญ่ไหล่โต กล้ามเนื้อหนั่นแน่นสมบูรณ์บ่งบอกพละกำลัง ใบหน้าคมคายองอาจสมบุรุษ อย่าว่าแต่นางในไม่มีผัว พระสนมมีผัวแล้วอย่างพวกเราก็ยังอดมองอย่างชื่นชมไม่ได้ แต่เรื่องแบบนี้ แอบไว้ในใจ ใครมันจะไปเห็น ทีพระเจ้าแผ่นดินยังมีหลายเมีย สตรีอย่างเราจะมีบุรุษแอบไว้ในอกในใจหลายคนบ้างก็ไม่เห็นจะเสียหาย ระวังกิริยาไม่ให้น่าเกลียดนักก็ไม่กระไรนักหรอก” พระสนมแก้วพูดพลางถอดเสื้อผ้ากากีออก เหลือเพียงผ้าแพรผืนบางพันท่อนล่างเพียงชิ้นเดียวเช่นเคย ก่อนเอนตัวเข้ามาใกล้กระซิบว่า “การมีบุรุษเก็บซ่อนไว้ในใจก็อาจจะมีประโยชน์กับเจ้าก็ได้นะกากี โดยเฉพาะในยามที่ต้องร่วมหอกับผัวชรา ที่เจ้าอาจยังไม่พร้อมเสพสังวาสด้วยทั้งกายและใจ เก็บไว้เป็นอุบายแก้เกมกามได้ชะงัดนัก จำคำข้าไว้ แล้วถึงเวลาเจ้าจะเข้าใจเอง” พระสนมแก้วยิ้มอย่างมีเลศนัย ที่บริเวณห้องฝึก วันนี้เด็กสาวงามพิลาศพิไลทั้งหมดรวมถึงนางอัปสรแปลงอย่างกากี ยืนอยู่เบื้องหน้าหุ่นจำลองร่างกายบุรุษในท่านอน หุ่นนี้ทำจากผ้าเนื้อละเอียดมันวาวสีดำสนิทตัดกับสีผิวเนื้อของบรรดาสาวๆ ยัดเส้นใย
กากีจ้องมองไม่วางตา ร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้าและร่างกาย ตกตะลึงพรึงเพริด กับภาพงามวิจิตรที่กระตุ้นความรู้สึกวาบหวามได้มากกว่าคลิปโป๊ที่เธอเคยเห็นในอินเตอร์เนตหลายเท่าตัวนัก หญิงสาวอีกสองสามคนที่อยู่ใกล้ๆร้องครางสุขสมไล่เลี่ยกัน แต่เผลอตัวทิ้งน้ำหนักจนไข่ปริแตก เหนียวเละ ข้นคาวเต็มซอกขา ต้องรีบลุกขึ้นเลี่ยงไปล้างตัว บางราย ร่อนส่ายสะบัดเอวรุนแรงจนไข่ไก่กลิ้งกระจายออกนอกเบาะไปไกล “เป็นอย่างไรเล่า พระสนมกากี เจ้าเรียนรู้สิ่งใดได้จากบทเรียนนี้บ้าง เห็นหรือไม่ ว่าสิ่งใดกันแน่ที่ปลุกกำหนัดบุรุษได้ดีที่สุด ดีถึงขนาดแม้จะปลุกกำหนัดสตรีด้วยกันก็ยังได้” พระสนมแก้วเอ่ยขึ้นข้างตัวกากี “เอื้องผากับพวกเจ้าอีกสองคนที่เรียงไข่เรียบร้อยแล้ว เข้ามาทางนี้” หญิงสูงศักดิ์ในเครื่องทรงงดงามเอ่ยขึ้นเสียงเรียบๆ กากี นางอัปสรจำแลงตื่นตระหนก เมื่อหญิงทั้งสามเข้าประกบแนบเนื้อทั้งด้านข้างและด้านหลัง นางเอื้องผากดสะโพกหญิงสาวลงจนกลีบเนื้อนางแนบกับเปลือกไข่ไก่ตรงตำแหน่งจุดกระสันพอดี “สอนนางให้เข้าใจความหฤหรรษ์ของกามรส นางต้องบรรลุที่สุดแห่งความพอใจเท่านั้น จึง
นางกำนัลหญิงสองนางยกถาดข้าวตอกดอกมะลิกองเล็กๆ และน้ำผึ้งชงเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นกากีกองทรุดอยู่กับพื้นหน้าตาซีดเซียว ก็ตกใจ รีบวางถาดเข้ามาประคอง “พระสนม พระสนมกากีเพคะ เจ็บไข้อันใด เดี๋ยวหม่อมฉันจะไปตามหมอหลวง...” ว่าแล้วนางกำนัลนางนั้นก็รีบออกไปจากห้อง ส่วนอีกนางทำท่าจะตามออกไป กากีรีบคว้าข้อมือนางไว้ “ไม่ เจ้าไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น” นางกำนัลคนนั้นทำสีหน้าประหลาดใจ “ตอบข้าก่อน เจ้ามีบทหรือไม่” กากีถามหายใจหอบเหนื่อย นางกำนัลแน่งน้อยคนนั้นส่ายหน้า “ไม่มีเจ้าค่ะ ตอนนี้ร่างกายคุณสีฝุ่นมีพลังงานเหลือน้อยแล้ว เพราะเริ่มออกห่างจากเนื้อเรื่อง เร่งดื่มน้ำผึ้งและรับดอกไม้หอมเถิดค่ะ อย่างน้อยจะได้มีเรี่ยวแรงพอไปถวายตัว ถ้าคืนนี้สำเร็จ ก็จะผ่านบทนี้ไปได้” หญิงสาวร่างสะคราญพยักหน้ารับ กวาดตามองข้าวตอกในถาด กวาดดอกมะลิใส่ปาก กำซาบกลิ่นรสหอมหวานและสัมผัสทิพย์ ชื่นใจ หายใจสะดวกขึ้นมาหน่อยหนึ่ง แล้วก็หันไปเห็นดอกกล้วยไม้ที่เสียบแซมผมนางกำนัลอยู่ ส่งกลิ่นหอมลึกล้ำยวนใจ กากีก็ถือวิสาสะ คว้ามาใส่ปากเคี้ยวด้วยเลยทีเดียว ก่อนรีบกระดกน้ำชงน้ำผึ้งตามไป
เสียงลมหายใจดังฟืดฟาดอยู่ครู่หนึ่ง นางรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวปลดแก้ผ้าเตี่ยวผืนจิ๋วออกจากร่าง ขาข้างที่อยู่ด้านบนกอดก่ายร่าง ท่อนเนื้อแก่นกลางบุรุษเพศเริ่มปรากฏแรงตึงขมึง จากอ่อนกะปลกกะเปลี้ย เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างแท่งท่อนชัดเจนขึ้น หนนี้พลาดไม่ได้แล้ว กากีคิด ใจหมายจะจู่โจมให้แล้วเรื่อง แต่ก็กังวลกลัวจะเสียเรื่องอีก หรือจะจับกด Women on top ไปเลยจะดีไหม พระเจ้าเหนือหัวจะหัวใจวายตายเสียก่อนสำเร็จหรือเปล่า ผู้หญิงสมัยโบราณขนาดนี้น่าจะไม่มีใครกล้าจัดหนักตั้งแต่ครั้งแรกๆขนาดนั้น แต่ก็ไม่... คิดได้เท่านั้นก็สะดุ้งเฮือก เมื่อร่างชายกลางคนขึ้นนาบทาบทับ ซุกไซ้ใบหน้าลงกับปทุมถันทั้งสองข้างรู้สึกถึงมือที่ลูบไล้เรื่อยลงไปถึงจุดสงวนอีกครั้ง หญิงสาวขยาดผวา ในขณะที่ชายกลางคนหอบหายใจแรงขึ้น “โอ ใจข้าจะขาดรอนเสียแล้วแม่คุณเอ๋ย ให้ข้าได้เชยให้ชื่นใจ ให้ข้าได้ โอ๊ะ!” เสียงอุทานนั้นทำเอากากีใจหายวาบ รีบผลักตัวพระเจ้าพรหมทัตลงข้างๆด้วยกลัวว่าจะซ้ำรอยเดิมอีก “อย่าเร่งร้อนนักเลยเพคะ ฝ่าบาท” กากีว่าพลางใช้ริมฝีปากฉ่ำหนานุ่มลื่นจุมพิตที่คางอย่างลูกหมาปร
หญิงสาวนั่งลงบนฟูกนุ่มเหนือพระแท่นบรรทม รู้สึกราวกับทั้งโลกถูกจับหมุนโยกโคลงเคลง แต่กลับไม่คลื่นไส้เวียนหัว หัวใจเต้นเร็ว ในตาพร่าเห็นแสงสีรอบตัวแปลกไป สวยงามแปลกประหลาด เสียงลมที่ผ่าเข้ามาทางหน้าต่างก็ไพเราะเสนาะหูอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทุกอย่างดูบิดเบี้ยว เลือนพร่า แต่กลับน่าสนุก หญิงสาวรู้สึกอยากระเบิดหัวเราะออกมาดังๆ ผิวเนื้อตัววูบวาบเหมือนมีพลังงานความร้อนวิ่งซ่าน ลูบตรงไหน แตะอะไรก็เพลิดเพลินไปหมด กลิ่นยาสมุนไพรคล้ายกลิ่นชาเข้มข้นระเหยออกมาทางลมหายใจ กลับมีกลิ่นแฝงคล้ายกลิ่นดิน กลิ่นเห็ดป่า โอ นี่ อย่าบอกนะว่าในเมืองไพศาลีนี่มียาอีด้วย เธอคิดแล้วหลับตาหัวเราะ “ยาสมุนไพรที่เจ้าดื่มไปนั้นเป็นยาบำรุงเลือดลม และผสมตัวยาพิเศษที่เป็นสูตรเฉพาะตามความเชื่อของเมืองเราเพื่อความเป็นมงคล มันมีสรรพคุณพิเศษที่ปรุงมาเพื่อหญิงสาวในคืนวันแต่งงาน เพื่อให้ละความหวาดกลัว และความกระดากอายในการทำหน้าที่ภรรยา โดยเฉพาะหญิงสาวบริสุทธิ์ที่ยังคงรักษาพรหมจรรย์บริสุทธิ์มาจนถึงวันที่ต้องมอบมันให้สามี” ใบหน้าของชายหนุ่มที่นั่งลงข้างๆดูคุ้นเคยแต่ก็แปลกไป นั่น
เคยมีผู้ใดผู้หนึ่งเคยกล่าวไว้เมื่อนานมาแล้ว ว่าถ้อยคำนินทาว่าร้ายนั้นแพร่ลามไวเช่นเดียวกับโรคระบาด เรื่องราวประสบการณ์ทางเพศของกากีนั้น ถูกขุดคุ้ยและแต่งเติมด้วยปากของผู้คนที่มีเจตนาร้ายด้วยตนเสียผลประโยชน์อยู่เดิมจนพิสดารเลวร้ายขึ้นทุกขณะ เรื่องราวมักลงเอยด้วยการโทษว่าเป็นความผิดของกากีที่ทำให้เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้น ชาวเมืองที่เคยอยู่กับอย่างสงบสุขกลับตกอยู่ในบรรยากาศอึมครึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับเทพกลั่นแกล้ง คงเป็นเทพที่ดลใจให้ฉางตี๋ จิตรกรเด็กหนุ่มของเรือสำเภาตระกูลเฉิน คิดกลวิธีที่จะเก็บภาพชุดไพ่ที่ตนวาดขึ้นให้อยู่คงทนยาวนาน ด้วยการหาสีผึ้งใสชั้นดีมาเคลือบภาพไพ่เอาไว้เพื่อกันน้ำกันชื้นกันเชื้อรา มันใช้งานได้ดีทีเดียว เพราะเมื่อเรือโจรสลัดสุลัยมาน อับปางล่มลงทะเลจนลูกเรือล้มตายเสียสิ้นแล้ว ไพ่หรรษาเจ้ากรรมนี้กลับลอยขึ้นเหนือผิวน้ำโดยไม่ได้รับความเสียหายใดๆทั้งสิ้น หนำซ้ำเทพเจ้าเล่ห์ผู้ชอบเล่นตลกกับชะตาของกากี ก็บันดาลให้กระแสน้ำทะเลค่อยๆพัดไพ่เหล่านี้ขึ้นสู่ชายฝั่งทะเลไพศาลีอย่างช้าๆ กระทั่งเช้ามืดวันหนึ่ง ชาวเมืองก็พบไพ่เจ้ากรรมเหล่า
“ท่านพี่เจ้าขา ท่านพี่ นางฟื้นแล้วเพคะ มาดูนางเร็วเข้า ตุ๊กตาปั้นของท่านพี่ นางฟื้นแล้วเจ้าค่ะ” เมื่อสายตาเริ่มโฟกัสสิ่งต่างๆได้ กากีก็พบว่าตนนอนอยู่ในห้องบรรทมที่ตกแต่งอย่างอบอุ่นน่ารัก และมีหน้าต่างเปิดให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก รอบแท่นที่นอนนั้นมีหญิงสาวนางกำนัลสองสามคน กำลังช่วยกันเช็ดมือให้เธออยู่ด้วยน้ำในขันลอยดอกไม้หลากสีกลิ่นหอมชื่นใจ เรื่องน่าตกใจที่สุดคือ หญิงสาวที่เจ้ากี้เจ้าการวิ่งไปวิ่งมาท่าทางคุ้นๆอยู่นั่น หน้าตาแบบนั้น เหมือนแตงกวาไม่มีผิด! “แตงกวา!” เธอร้องเรียก หน้าตาตื่น แล้วทุกคนในห้องนั้นก็หันมาหน้าตาตื่นเช่นเดียวกัน ากีรีบลุกทรงตัวนั่ง หิวและคอแห้งเป็นผง จนหน้ามืดตาลายเธอรีบคว้าเอาขันน้ำลอยดอกไม้ยกขึ้นดื่มอั๊กๆและเคี้ยวดอกไม้เข้าไปด้วย “ว้ายๆ นั่นมันน้ำล้างมือออออ” หญิงสาวที่เข้ามานั่งประกบข้างทีแรกจะดึงขันออก แต่ไปมากลายเป็นประคองขันช่วยให้น้ำไม่หกพลางหัวเราะเสียงสดใส “หิวมากละสินั่นแม่คุณ ถึงว่าสิ ตื่นมาตะโกนหาแตงกวาเสียงดังลั่นทีเดียว” ท้าวทศวงศ์ปราดเข้ามาในห้องบรรทมหน้าตาตื่น เมื่อเห็นว่ากากีต
ข้างฝ่ายกากี นางโฉมงามผู้ดวงชะตาตกอับถึงที่สุด รู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อเรือเล็กถูกพัดเข้ามาเกยชายฝั่งในช่วงยามสี่ก่อนรุ่งสาง หญิงสาวสะดุ้งเฮือก ลุกขึ้นมานั่งหอบหายใจสูดเอาอากาศเข้าปอด หลังจากยาผงขังวิญญาณหมดฤทธิ์ ร่างกายของเธอก็กลับฟื้นคืนทีละนิดมาตลอดเวลาที่หลับใหลมาบนเรือ เลือดลมเริ่มไหลเวียนตามปกติ กำลังวังชาเริ่มฟื้นคืนด้วยฤทธิ์ยาสมุนไพรที่ซินแสหวางปรุงให้กินมาตลอดสามวันก่อนหน้านี้ อาการบาดเจ็บและร่างกายที่บอบช้ำจากการถูกทารุณกรรมต่อเนื่อง ก็ฟื้นคืนกลับมาแข็งแรง แม้ไม่เท่าเดิม แต่ก็พอมีแรงปีนออกจากเรือและรีบหนี “เมื่อฮูหยินฟื้นแล้ว ให้รีบลงจากเรือและวิ่งหนีขึ้นฝั่งให้เร็วที่สุด ซุ่มซ่อนตัวไว้จนเช้า เพราะหากในขั้นตอนระหว่างนี้มีสิ่งใดขัดข้องไม่เป็นไปตามแผน สมุนโจรอาจเอะใจและติดตามไปทำร้ายเอาได้” กากีไม่ได้รับรู้ถึงหายนะภัยที่เกิดแก่เรือโจรสุลัยมาน เธอจึงยึดคำของซินแสหวาง โดยรีบเดินเท้าเข้าไปในผืนป่าเบื้องหน้าที่มืดมิด เพื่ออำพรางตนในความมืด ในเมื่อการรับรู้พร่าเลือน เธอจึงไม่แน่ใจว่าตัวเองลากสังขารเดินโซซัดโซเซเข้าไปในป่า ลึก ไกลแค่
พวกมันหยุดการทะเลาะเบาะแว้งไปชั่วขณะ รีบแหวกทางให้ซินแสหวางเข้ามาตรวจอาการนางในห้อง เมื่อปิดห้องสนิทแล้วซินแสหวางก็เข้ามาพะแมะตรวจสอบชีพจรของนาง แล้วแสร้งส่ายหน้า พูดเบาๆ “น่าเวทนาแท้ เพราะเสียงครึกโครมเมื่อครู่ ประกอบกับร่างกายที่ยังไม่แข็งแรง คงตกใจเกินขนาดจนชีพจรหยุดเต้นฉับพลันทันที เช่นเดียวกับลูกกระต่ายที่ตกใจเสียงของหมาป่าเห่ากระโชกจนดวงใจน้อยๆของมันแตกสลายไป” มหาโจรร่างยักษ์หน้าซีดเผือด มันรีบประคองร่างนางกายหอมขึ้นมากอดมือไม้สั่น มันรีบทำท่าห้ามซินแสหวางพูดอะไรต่อ เพราะรู้ดีว่า หากพวกลูกเรือข้างนอกรู้เข้า พวกมันจะต้องโกรธมาก และพากันเข้ามากลุ้มรุมดึงทึ้งเอาศพกากีออกไปชำเราอย่างสัตว์ป่าบ้าคลั่ง ชดเชยความโกรธแค้นที่มีมาตลอดหลายวัน และมันยอมให้กากี หญิงสาวคนเดียวในชีวิตที่มันต้องการถนอมรักไว้อย่างคนรักจริงๆ ถูกกระทำอย่างนั้นไม่ได้ ต่อให้สิ้นใจแล้วก็ตาม “หมอจีน เจ้าไม่ต้องพูดอะไร เล่นไปตามน้ำ ทำทีรักษานางไป เร็วเข้า” มันกระซิบกระซาบพลางชำเลืองมองไปด้านนอกที่กำลังตกตะลึง และพากันชะโงกมองเข้ามาข้างใน “ขยับถอยไป นางกากีได้ไข
กากีตาเบิกโต ประกายแห่งความหวังระยิบระยับขึ้นทันที “ออกจากเรือนี้ หนีไปจากที่นี่หรือ” นางว่าแล้วรีบรับจอกยาสมุนไพรเคี่ยวเข้มข้นมาดื่ม ความร้อน ขม ซ่านวิ่งวาบจากริมฝีปากสู่ลำคอจนถึงท้อง แต่เมื่อกลืนลงหมดท้องแล้วก็แช่มชื่นขึ้นทันที หลังจากนั้นซินแสหวางจึงค่อยลดเสียงลงและเล่าแผนการณ์หลบหนีที่เตรียมการมาเป็นอย่างดีแล้วให้นางฟัง เมื่อเล่าจบแล้วจึงย้ำ “หลังจากคืนที่สามแล้ว ข้าจะเข้ามาที่นี่ไม่ได้อีก แต่ช่วงเวลานั้นเป็นเวลาที่กระแสลมทะเลพัดเข้าฝั่ง ขอฮูหยินจงจำคำสั่งของข้าให้ดีอย่าให้ผิดพลาด เพราะหากถูกจับได้ เราทั้งสูงจะเป็นอันตรายถึงชีวิตทั้งคู่” หลังสำทับแผนการเป็นอย่างดีแล้ว ซินแสหวางก็ถือโอกาสเก็บรวบเศษผ้า กองผ้า ฟูกเก่าที่ขึ้นราราวกับแลปเพาะเชื้อโรค โยนออกนอกประตูไป ตอนนั้นเอง ที่ไพ่หรรษาที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นปรากฏขึ้นแก่สายตา และซินแสหวางก็นึกกระหยิ่มในใจ เมื่อคิดแผนการที่จะทำให้ตนรอดออกไปจากเรือลำนี้ไปได้ในคราวเดียวกันหลังเจ็ดวันตามข้อตกลงของเรือโจร ลูกเรือที่พากันตั้งตารอคอยจะเสพนางกากีตามลำดับอาวุโสต่างก็ร้อนใจเมื่อนางเกิดป่วยหนั
ไพ่ทั้งหมด 48 ใบถูกคว้าขึ้นมาเพื่อเอาอย่างท่าทาง วนเวียนอยู่อย่างนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับร่างกายล่ำสันมันวาวของมหาโจรสุลัยมานเป็นเครื่องจักรกลที่สร้างมาเพื่อเสพกามเมถุน ตัวมันเองเพียงพักกินข้าวกินน้ำ และงีบหลับเพียงช่วงสั้นๆ ก่อนลุกมาปลุกกากีเพื่อร่วมสังวาสหรือกระทำชำเราเอากับคนที่หมดแรงสลบไศลเพราะไม่ได้พักผ่อน ในวันที่ห้าที่หก กากีเมื่องัวเงียลืมตาขึ้นมาก็มักพบว่าตนถูกโยนร่างบิดไปมา ขย่มเขย่าในท่าต่างๆ บางครั้งก็สลบลงไปอีก บางครั้งก็ซ่านสุขไปตามการตอบสนองอัตโนมัติของร่างกาย และเริ่มเบลอ พร่าเลือนในการรับรู้ ไม่แน่ใจว่าตนเองเป็นใครมาจากไหนและมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร รู้สึกถึงการถูกฉกเลียดูดขบที่ปลายถัน การถูกบดขยี้เม็ดมณีในกลีบบุปผาแห่งชีวิต การเคลื่อนเข้าออกอย่างรุนแรงในถ้ำสวาท และการเต้นตุบเป็นจังหวะของบรรดาอสรพิษที่เลื้อยรอบโคนแท่งเนื้ออสรพิษดำ ในยามที่จอมโจรสุลัยมานถึงจุสุดยอดและหลั่งน้ำกามข้นเหนียวสัมผัสแสบร้อนราวเหล้าผสมพิษงู ทิ้งไว้ในท้องของเธอ กากีได้ดื่มน้ำบ้าง ส่วนอาหารกล้ำกลืนลงคอได้น้อยเต็มที ครั่นเนื้อครั่นตัว สะบัดร้อนหนาวเหมือนคนเป็นไข้ เจ็บปว
สีฝุ่นในร่างนางกากีสะดุ้งเฮือก ได้สติขึ้นมาอีกครั้ง กลิ่นเหม็นสาบเหงื่อบุรุษฉุนกึกปะทะจมูก เมื่อลืมตามองรอบตัวอีกครั้งเธอก็ใจหาย ห้องนอนมหาโจรสุลัยมาน อีกแล้วเหรอเนี่ย รู้สึกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง คับแค้นใจที่กลับหล่นมาอยู่ในหนังสือบ้าๆนี่อีกครั้ง เธอแน่นในอก น้ำตารินอาบสองแก้ม อุตส่าห์กลับโลกได้แล้วแท้ๆ อีกนิดเดียวก็จะถึงร่างตัวเองแล้ว ทำไมถึงยังต้องวกกลับมาที่นี่อีก แล้วนี่กลับมาทั้งทีจะโดดข้ามตอนให้พ้นๆเรือโจรไปสักหน่อยก็ไม่ได้ ต้องกลับมาส่วนที่แย่ที่สุดของเรื่องนี้อีกแล้วเหรอ นึกยังไม่ทันขาดคำ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก มหาโจรสุลัยมานจอมทัพเรือโจรเดินตรงเข้ามา มองเห็นกากีนั่งอยู่ก็หัวเราะชอบใจ “ตื่นแล้วหรือ แม่หญิงกากีเมียข้า” มันทรุดลงโผมาแนบข้างแทบจะเรียกว่าโจนเข้าใส่อย่างหมาตะกราม “คิดถึงรสรักข้าหรือยังเล่า ข้าคิดถึงเจ้าจนใจแทบขาดแล้ว” บุรุษนายโจรผู้นี้มีหลายสิ่งในตัวที่ชวนให้กากีหวาดกลัวและรังเกียจ แต่กระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ลักษณะความเป็นชายที่เข้มข้นเต็มเปี่ยมนั้น ก็กระตุ้นสัญชาตญาณทางเพศตามธรรมชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งความ
วินาทีที่มือนุ่มอุ่นคู่นั้นสัมผัสเท้าสีฝุ่น หญิงสาวในร่างกากีผู้งามล่มหล้ารู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าอ่อนจางที่นำพาความสดชื่นฉ่ำหัวใจวิ่งพล่านไปทั่วร่าง ห่างไกลจากกามารมณ์ แต่ทำให้อบอุ่นหัวใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และดูเหมือนว่าตั้งแต่เธออยู่ในร่างกากีมานี้ เขาน่าจะเป็นผู้ชายคนแรกที่เห็นใบหน้าเธอแล้วกลับสนใจเท้าเธอมากกว่า มือคู่นั้นที่สัมผัสเท้าและบาดแผลของเธออย่างอ่อนโยน ลื่นไหล ราบรื่นราวกับกำลังร่ายรำ ทำให้สีฝุ่นไม่อาจละสายตาจากเขาได้เลย แล้วจู่ๆ เธอก็เกิดนึกได้ขึ้นมาว่า เคยได้ยินเสียงของชายคนนี้มาจากที่ไหน ใช่แล้ว ตอนนั้นไง ตอนที่เธอกลับเข้าร่าง นอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาล เสียงผู้ชายคนนี้ หมอคนนี้แหละที่พูดคุยกับแม่และแตงกวา ตอนนั้นเธอลืมตาไม่ได้ ขยับตัวไม่ได้ แต่ก็จำเสียงเขาได้เป็นอย่างดี นี่แหละ หมอเจ้าของไข้ของเธอกับพี่ทศ! “ขอโทษนะคะคุณหมอ” สีฝุ่นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรงใจ “ครับ ว่าไงครับ” เขาตอบโดยยังไม่เงยหน้าจากบาดแผลที่กำลังเริ่มเย็บตรงหน้า จดจ่อราวกับศิลปินกำลังตั้งใจทำงานประณีตศิลป์ชิ้นเอก “คุณ ใช่คุณหมอที่ดูแลคนไข้ตกจากระเบ