ใครเลยจะรู้ว่าที่ตำหนักของพระสนมแก้ว มีห้องลับอยู่ห้องหนึ่ง ที่ใช้ซ่อนบรรดานางในรูปร่างหน้าตางดงามระดับหัวกะทิเอาไว้เกือบสิบคน แต่ละนางนั้นงามหมดจดหาที่ติไม่ได้ ผิวพรรณเนียนงามเปล่งปลั่ง แก้มมีสีเลือดฝาดเหมือนลูกพีช ริมฝีปากแดงชาด หากเป็นที่ที่หญิงสาวจากมา สีฝุ่นมองว่า สวยกว่านางเอก นางแบบ ดาราในโลกของเธอเป็นร้อยพันเท่า และที่สำคัญหญิงสาวเหล่านี้ไม่มีใครผ่านมีดหมอ แต่กลับสวยงามตามธรรมชาติ ดั่งผลไม้สุกปลั่งกลิ่นหอมหวนยวนยั่วน่าเชยชมลิ้มรสชาติยิ่งนัก แต่ละคนมีเพียงผ้าขาวผืนอ่อนบางผืนหนึ่งพันส่วนสงวนบนล่างเอาไว้หลวมๆ เปิดสองทรวงอกอิ่มปลั่งกลมเต่งเนียนงามอร้าอร่าม รวบเกล้าผมสูงพ้นต้นคอ ทุกนางกำลังตั้งหน้าตั้งตาขัดเนื้อตัวด้วยสมุนไพรสีแดงอมส้มบางอย่างกันอย่างขะมักเขม้น “นางพวกนี้ข้าให้คนตระเวนหามาปรนเปรอ พระเจ้าพรหมทัตจากทั่วพาราณสี ซื้อตัวมาบ้าง สมัครใจมาเองบ้าง ข้าเอามาฝึกสอนวิชากามปรนนิบัติ ให้ละความละอาย ให้รู้วิธีกระตุ้นกำหนัดเพื่อให้บุรุษพอใจ” พระสนมแก้ว เอียงคอพูดกับกากีเบาๆ “ทว่านอกจากตัวข้าเองแล้ว ส่งขึ้นไปถวายตัวอีกกี่คน พระองค์ก็ไม่ค่อยต้องพระทัยนัก บางคน
“ส่วนเนื้อที่ก้นนี้สำคัญนัก ต้องรองรับน้ำหนักและแรงกระแทกกระทั้นจากบุรุษ ต้องมีความนุ่มหยุ่น ชุ่มชื้นอยู่เสมอ กล้ามเนื้อต้องแข็งแรง เกร็ง และผ่อน รัดและคลายได้ดังใจสะโพกที่กลม ผาย งาม ดึงดูดมนุษย์เพศผู้ได้ดีไม่ต่างจากเนินอก แม้อยู่ใต้ผ้าผ่อน ก็มองเห็นรูปร่างของมันได้ บ่งบอกถึงการเป็นแม่พันธุ์ที่ดี แข็งแรง เหมาะแก่การปลูกเชื้อกำเนิดทายาท” ในท่านั้น กากีเห็นหญิงสาวที่เรียงรายในท่าเดียวกันสะดุ้งเฮือกขึ้น บ้างร้องคราง บ้างกัดฟัน บ้างเม้มปาก ไล่มาทีละคน แล้วเธอก็มองเห็น หญิงกลางคนอีกนางหนึ่ง ถือกระปุกยาไม้ขนาดเท่าแก้วน้ำ ในนั้นมีแท่งไม้เท่านิ้วมือ คอยแตะจุ่มลงในผงสีขาวนวล แล้วยกขึ้นเสียบสอดลงในช่องที่ซอกขาจนมิดด้าม หมุนเร็วๆแล้วดึงออก เมื่อเห็นใกล้ตัวเข้ามา กากีที่รู้ชะตากรรมตัวเองพยายามจะดิ้นหนี แต่ก็ถูกนางเอื้องผากดหัวเอาไว้ “อย่ากลัว อย่าขืนเกร็ง เจ้ายิ่งขืนจะยิ่งเจ็บ ยาสมุนไพรนี้จะทำให้ช่องกำเนิดเจ้าแข็งแรง กระชับ ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำหล่อเลี้ยงดุจน้ำหวานในเกสรดอกไม้ บุรุษใดได้สอดร่างใส่เข้าในเจ้าแล้วจะหลงใหลในรสสวาทไม่อยากละจากเจ้าไปไหน แต่ยานี้จะแสบนิดหน
“งามนักจริงหรือไม่เล่า กากี พ่อมานพรูปกายสูง อกกว้างใหญ่ไหล่โต กล้ามเนื้อหนั่นแน่นสมบูรณ์บ่งบอกพละกำลัง ใบหน้าคมคายองอาจสมบุรุษ อย่าว่าแต่นางในไม่มีผัว พระสนมมีผัวแล้วอย่างพวกเราก็ยังอดมองอย่างชื่นชมไม่ได้ แต่เรื่องแบบนี้ แอบไว้ในใจ ใครมันจะไปเห็น ทีพระเจ้าแผ่นดินยังมีหลายเมีย สตรีอย่างเราจะมีบุรุษแอบไว้ในอกในใจหลายคนบ้างก็ไม่เห็นจะเสียหาย ระวังกิริยาไม่ให้น่าเกลียดนักก็ไม่กระไรนักหรอก” พระสนมแก้วพูดพลางถอดเสื้อผ้ากากีออก เหลือเพียงผ้าแพรผืนบางพันท่อนล่างเพียงชิ้นเดียวเช่นเคย ก่อนเอนตัวเข้ามาใกล้กระซิบว่า “การมีบุรุษเก็บซ่อนไว้ในใจก็อาจจะมีประโยชน์กับเจ้าก็ได้นะกากี โดยเฉพาะในยามที่ต้องร่วมหอกับผัวชรา ที่เจ้าอาจยังไม่พร้อมเสพสังวาสด้วยทั้งกายและใจ เก็บไว้เป็นอุบายแก้เกมกามได้ชะงัดนัก จำคำข้าไว้ แล้วถึงเวลาเจ้าจะเข้าใจเอง” พระสนมแก้วยิ้มอย่างมีเลศนัย ที่บริเวณห้องฝึก วันนี้เด็กสาวงามพิลาศพิไลทั้งหมดรวมถึงนางอัปสรแปลงอย่างกากี ยืนอยู่เบื้องหน้าหุ่นจำลองร่างกายบุรุษในท่านอน หุ่นนี้ทำจากผ้าเนื้อละเอียดมันวาวสีดำสนิทตัดกับสีผิวเนื้อของบรรดาสาวๆ ยัดเส้นใย
กากีจ้องมองไม่วางตา ร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้าและร่างกาย ตกตะลึงพรึงเพริด กับภาพงามวิจิตรที่กระตุ้นความรู้สึกวาบหวามได้มากกว่าคลิปโป๊ที่เธอเคยเห็นในอินเตอร์เนตหลายเท่าตัวนัก หญิงสาวอีกสองสามคนที่อยู่ใกล้ๆร้องครางสุขสมไล่เลี่ยกัน แต่เผลอตัวทิ้งน้ำหนักจนไข่ปริแตก เหนียวเละ ข้นคาวเต็มซอกขา ต้องรีบลุกขึ้นเลี่ยงไปล้างตัว บางราย ร่อนส่ายสะบัดเอวรุนแรงจนไข่ไก่กลิ้งกระจายออกนอกเบาะไปไกล “เป็นอย่างไรเล่า พระสนมกากี เจ้าเรียนรู้สิ่งใดได้จากบทเรียนนี้บ้าง เห็นหรือไม่ ว่าสิ่งใดกันแน่ที่ปลุกกำหนัดบุรุษได้ดีที่สุด ดีถึงขนาดแม้จะปลุกกำหนัดสตรีด้วยกันก็ยังได้” พระสนมแก้วเอ่ยขึ้นข้างตัวกากี “เอื้องผากับพวกเจ้าอีกสองคนที่เรียงไข่เรียบร้อยแล้ว เข้ามาทางนี้” หญิงสูงศักดิ์ในเครื่องทรงงดงามเอ่ยขึ้นเสียงเรียบๆ กากี นางอัปสรจำแลงตื่นตระหนก เมื่อหญิงทั้งสามเข้าประกบแนบเนื้อทั้งด้านข้างและด้านหลัง นางเอื้องผากดสะโพกหญิงสาวลงจนกลีบเนื้อนางแนบกับเปลือกไข่ไก่ตรงตำแหน่งจุดกระสันพอดี “สอนนางให้เข้าใจความหฤหรรษ์ของกามรส นางต้องบรรลุที่สุดแห่งความพอใจเท่านั้น จึง
นางกำนัลหญิงสองนางยกถาดข้าวตอกดอกมะลิกองเล็กๆ และน้ำผึ้งชงเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นกากีกองทรุดอยู่กับพื้นหน้าตาซีดเซียว ก็ตกใจ รีบวางถาดเข้ามาประคอง “พระสนม พระสนมกากีเพคะ เจ็บไข้อันใด เดี๋ยวหม่อมฉันจะไปตามหมอหลวง...” ว่าแล้วนางกำนัลนางนั้นก็รีบออกไปจากห้อง ส่วนอีกนางทำท่าจะตามออกไป กากีรีบคว้าข้อมือนางไว้ “ไม่ เจ้าไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น” นางกำนัลคนนั้นทำสีหน้าประหลาดใจ “ตอบข้าก่อน เจ้ามีบทหรือไม่” กากีถามหายใจหอบเหนื่อย นางกำนัลแน่งน้อยคนนั้นส่ายหน้า “ไม่มีเจ้าค่ะ ตอนนี้ร่างกายคุณสีฝุ่นมีพลังงานเหลือน้อยแล้ว เพราะเริ่มออกห่างจากเนื้อเรื่อง เร่งดื่มน้ำผึ้งและรับดอกไม้หอมเถิดค่ะ อย่างน้อยจะได้มีเรี่ยวแรงพอไปถวายตัว ถ้าคืนนี้สำเร็จ ก็จะผ่านบทนี้ไปได้” หญิงสาวร่างสะคราญพยักหน้ารับ กวาดตามองข้าวตอกในถาด กวาดดอกมะลิใส่ปาก กำซาบกลิ่นรสหอมหวานและสัมผัสทิพย์ ชื่นใจ หายใจสะดวกขึ้นมาหน่อยหนึ่ง แล้วก็หันไปเห็นดอกกล้วยไม้ที่เสียบแซมผมนางกำนัลอยู่ ส่งกลิ่นหอมลึกล้ำยวนใจ กากีก็ถือวิสาสะ คว้ามาใส่ปากเคี้ยวด้วยเลยทีเดียว ก่อนรีบกระดกน้ำชงน้ำผึ้งตามไป
เสียงลมหายใจดังฟืดฟาดอยู่ครู่หนึ่ง นางรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวปลดแก้ผ้าเตี่ยวผืนจิ๋วออกจากร่าง ขาข้างที่อยู่ด้านบนกอดก่ายร่าง ท่อนเนื้อแก่นกลางบุรุษเพศเริ่มปรากฏแรงตึงขมึง จากอ่อนกะปลกกะเปลี้ย เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างแท่งท่อนชัดเจนขึ้น หนนี้พลาดไม่ได้แล้ว กากีคิด ใจหมายจะจู่โจมให้แล้วเรื่อง แต่ก็กังวลกลัวจะเสียเรื่องอีก หรือจะจับกด Women on top ไปเลยจะดีไหม พระเจ้าเหนือหัวจะหัวใจวายตายเสียก่อนสำเร็จหรือเปล่า ผู้หญิงสมัยโบราณขนาดนี้น่าจะไม่มีใครกล้าจัดหนักตั้งแต่ครั้งแรกๆขนาดนั้น แต่ก็ไม่... คิดได้เท่านั้นก็สะดุ้งเฮือก เมื่อร่างชายกลางคนขึ้นนาบทาบทับ ซุกไซ้ใบหน้าลงกับปทุมถันทั้งสองข้างรู้สึกถึงมือที่ลูบไล้เรื่อยลงไปถึงจุดสงวนอีกครั้ง หญิงสาวขยาดผวา ในขณะที่ชายกลางคนหอบหายใจแรงขึ้น “โอ ใจข้าจะขาดรอนเสียแล้วแม่คุณเอ๋ย ให้ข้าได้เชยให้ชื่นใจ ให้ข้าได้ โอ๊ะ!” เสียงอุทานนั้นทำเอากากีใจหายวาบ รีบผลักตัวพระเจ้าพรหมทัตลงข้างๆด้วยกลัวว่าจะซ้ำรอยเดิมอีก “อย่าเร่งร้อนนักเลยเพคะ ฝ่าบาท” กากีว่าพลางใช้ริมฝีปากฉ่ำหนานุ่มลื่นจุมพิตที่คางอย่างลูกหมาปร
“อาห์... กากีของข้า ไม่ไหวแล้ว ขอให้ข้าได้เข้าไปบ้างเถิด”พระเจ้าพรหมทัตรูดดึงองค์กำเนิดขนาดค่อนคืบของตนออกมาจากริมฝีปากนางกำนัลกากีจนดังผลัวะ ก่อนลนลานเลื่อนตัวกลับลงไปด้านล่าง แยกขานางออก แตะดุ้นกำเนิดเข้ากับเนินสวาทอุ่นร้อนเปียกฉ่ำของนาง ขยับเพียงเล็กน้อย องค์กำเนิดชายทั้งท่อนแท่งก็แทงไถลเลื่อนเสียบเข้าไปในที่ทางอย่างเหมาะเจาะรวดเร็ว นางกำนัลสาวหวีดร้องเบาๆในลำคอแล้วยกมือปิดปากปิดหน้าตนไว้ด้วยความอับอาย ขาทั้งสองกางออกกว้างสั่นระริก คิ้วขมวดยุ่ง ทั้งตึงแน่เจ็บเสียวระคนจนอกแทบระเบิด เยื่อพรหมจารีฉีกขาดแสบปลาบ แต่เมื่อเอวของพระเจ้าพรหมทัตเริ่มขยับเข้าออกเพื่อเสพให้สมกระสันต์ ความเจ็บก็เริ่มบรรเทาลง กลายเป็นความหฤหรรษ์ โลกทั้งโลกโยกไกวไปมาตามจังหวะเสือกกายกระชับของบุรุษ คับแน่นเหมือนจะปริแตกแต่ก็ไม่แตกไม่ร้าว บวมแดงเหมือนช้ำแต่ก็ไม่เจ็บปวด พระเจ้าพรหมทัตเสพนางอย่างสุดกำลัง ตื่นตาตื่นใจกับภาพงามอลังการพิสดารตรงหน้า เทพธิดาที่กำลังปลดเปลื้องความใคร่ด้วยสองดรรชนี นางหายใจหอบถี่ ปลายถันแดงก่ำ รูดนิ้วงามเรียวยาวของนางเข้าออกในช่องสวาทอย่างเปี่ยมกำหนัด กา
“แหมๆๆ ดูเจ้าทำหน้าเข้า แม่กากี น้องรักของพี่เพราะผลงานของเจ้าทีเดียว ทำให้องค์เหนือหัวพรหมทัตทรงพอพระทัยยิ่งนัก เร่งตามข้ามาที่ห้องเถิด ข้าตระเตรียมชุดทรงและเครื่องประดับถนิมพิมพาภรณ์เอาไว้ให้เจ้ามากมายนัก เจ้าชอบเพชรพลอยประดับสีใด รูปทรงลวดลายใด มาเลือกดูลองสวมใส่จนกว่าจะเหมาะใจเถิด เตรียมตัวเข้าพระราชพิธีอภิเษกวันนี้มิต้องฝึกมิต้องทำการใดทั้งนั้นแล้ว” ในน้ำเสียงนั้นตื่นเต้นดีอกดีใจอย่างเห็นได้ชัด “งานพระราชพิธี ผู้ใดอภิเษกกระไรเจ้าคะ พระสนมแก้ว” กากีสับสน พระสนมแก้วที่งามหยาดหยดอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งโสภาดังมีรัศมีเทพรอบกายด้วยเครื่องทองสุดอลังการ ยกมือทั้งสองข้างแตะแก้มกากีแล้วตอบ “แม่เด็กน้อยเอ๋ย จะงานกระไรได้เล่า ก็งานอภิเษกเราทั้งสองน่ะสิ ข้าเป็นพระมเหสีฝ่ายขวา ส่วนเจ้าเป็นพระมเหสีฝ่ายซ้าย ทรงมีรับสั่งให้จัดงานเร็วที่สุด อีกสามวันข้างหน้า น้องรักของข้า เราทั้งคู่และบุตรของเราที่จะมีในภายภาคหน้า จะมีโอกาสได้ขึ้นนั่งบัลลังค์แล้ว เจ้าดีใจหรือไม่เล่า กากีเอ๋ย” นางกากี แม้ทราบดีว่าเส้นเรื่องหลักนี้ กากีคนงามไม่มีทางได้ดำเนินไปตามความยิ่งใหญ่ในเส้นทางขอ
แม่ของเธอยิ้มกว้าง ดวงตาสดชื่น ความสุขแผ่เต็มใบหน้าแม้ร่างกายจะซูบผอมหลังจากต้องเฝ้าไข้เธอมายาวนาน เอ่ยตอบน้ำตาคลอ “ให้อ้วนเป็นช้างแม่ก็เลี้ยงไหว ขอแค่ลูกแม่ปลอดภัย อย่าเป็นอะไรไปอีกก็พอแล้ว” แตงกวาถลามาถึงโรงพยาบาลเพียงเพื่อจะพบว่า โรงพยาบาลห้ามเยี่ยมเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 เธอจึงต้องนั่งอยู่ที่ด้านล่างของโรงพยาบาล แล้ววิดีโอคอลคุยกับเพื่อนรัก “แก สรุปเรื่องตอนนั้นที่แกกลับมาในร่างนางแบบวิกตอเรียซีเคร็ท น่ะ เรื่องจริง ฉันไม่ได้ฝัน ไม่ได้บ้าใช่ไหม” แตงกวาถาม หลังจากเห็นเพื่อนสบายดีแล้ว และกำลังกินเอแคล์รที่เธอซื้อมาฝากผู้ช่วยพยาบาลไปเยี่ยม “อืม แกไม่ได้บ้า แต่เรื่องแบบนี้ เล่าให้ใครฟังก็คงไม่มีใครเชื่อเนอะ ลืมๆไปเหอะ” สีฝุ่นพูดขณะเคี้ยวขนมตุ้ยๆ อาการหลังผ่าตัดเธอดีขึ้นอย่างรวดเร็วหมออนุญาตให้กินอาหารได้ตามปกติ นั่นคือข่าวดีที่สุดของเธอ “จะว่าไป แกเสียดายบ้างไหมวะ ที่ไม่ได้อยู่ในร่างสวยเริ่ดเหมือนนางฟ้าแบบนั้นแล้ว” เพื่อนสาวถามตาเคลิ้มๆ “ฉันยังอยากได้เลยแก สิบล้านค่าหมอผ่าไม่รู้จะพอไหมให้ได้สักครึ่งนั่น” สีฝุ่นตอบแบบไม่ลัง
ข้าจะรักษาเจ้าให้ได้กากี เจ้าอย่าเพิ่งหมดหวัง ข้าจะไม่ยอมแพ้ ข้ารักเจ้า ข้ารักลูกของเรา เจ้าห้ามตาย ข้าจะรักษาเจ้ากากี ได้ยินข้าไหม เจ้าต้องรอดให้ได้” กากีคลี่ยิ้ม คำรักนั้นอ่อนหวานนัก ช่างอบอุ่นและจริงใจยิ่ง เป็นความรู้สึกอิ่มเอิบเบิกบานคล้ายมีดอกไม้ทิพย์กลีบบอบบางกลิ่นหอมละมุนบานสะพรั่งอยู่ในอกตน นางคลี่ยิ้มก่อนเอ่ยประโยคสุดท้าย “ข้าก็รักเจ้า กาฬปักษี ข้ารักเจ้า” หลังจากนั้นร่างกายคล้ายถูกฉีกเป็นเสี่ยงๆ นางกระตุกเฮือก ไขว่คว้าเอามือหนานุ่มแสนอบอุ่นนั้นมาแนบที่ใบหน้าก่อนที่หยาดน้ำตาสุดท้ายจะไหลรินลงบนมือนั้น เป็นความอบอุ่นสุดท้ายก่อนชีพนางจะดับลง ฝ่ายนาฏกุเวร แบกดวงใจอันปวดร้าวเดินทางกลับพาราณสี ทุกข์โทมนัสด้วยความสิ้นหวัง กากี แม่งามเอ๋ย ยอดดวงใจพี่ นางในดวงใจที่เฝ้าถนอมรักไว้ใจดวงใจมาตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ว่าจะทำอย่างไรนางก็ไม่ยอมรับรัก แม้หักหาญราญเอากายนางเป็นเมีย ปรนนิบัตินางด้วยกามวิเศษ แม้หมายจะเชิดชูให้นางเป็นถึงมเหสีเอก นางก็กลับไม่สนใจ ซ้ำรังเกียจอย่างที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเคยรังเกียจ กล้ากระทั่งทำให้ตนเองพิการอัปลักษณ์เพื่อคนไร้
บรรดาเหล่าพลธนูทั้งนั้นที่มาด้วย เห็นกระจะตาแล้วว่ากากีกำลังท้องแก่จึงเกิดความเวทนา ต่างลังเลไม่กล้ายิง แต่เมื่อถูกสั่งซ้ำโดยหัวหน้านายกอง จึงได้แต่ฝืนยิงอย่างไม่เต็มใจนักกาฬปักษีด้วยความที่หูตาไว ได้ยินเสียงธนูแหวกอากาศก็รีบโอบกากีหลบซุกกับอกตน หันหลังรับลูกธนูแทนนางไปทุกดอก ธนูแต่ละดอกถูกยิงมาโดยไม่เต็มใจ จึงเข้าเป้าอย่างไม่แม่นยำนัก ถูกแขนขาเอาบ้าง ตกลงพื้นบ้าง ทว่าดอกหนึ่งปักทะลุเข้าที่แผ่นหลังตรงอกหมอกาฬปักษีจนเจ็บปลาบ จุกแน่นหายใจไม่เข้า ทรุดลงนั่งกับพื้นกากีกรีดร้อง ร่ำเรียกชื่อชายคนรักสะอึกสะอื้น พยายามคิดหาหนทางรักษากาฬปักษี แต่ก็คิดไม่ออก ได้แต่กอดร่างชายคนรักที่ใกล้จะหมดสติร้องไห้อยู่อย่างนั้น เคราะห์กรรมซ้ำซัด ครรภ์แก่นั้นถึงกำหนดคลอด พิษครรภ์ต่างสายพันธุ์ทำให้ธาตุไฟปั่นป่วนทั่วร่างกายของกากี แสบร้อนไปสิ้นทั้งภายในภายนอก ปวดหัวแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ลมหายใจร้อนผ่าว ดวงตาขาวเริ่มมีเส้นเลือดแตกหลายเป็นสีแดงฉาน หัวใจของนางอยู่ที่การช่วยคนรักเท่านั้น นางจึงฝืนร่างกาย วิ่งกลับขึ้นไปบนบ้าน คว้ามีดได้ ก็กลับลงมาใช้กำลังที่เหลือ ดันลูกธนูให้ทะลุออก แล้วตัด
ตอนนั้นเป็นเวลาเย็นย่ำ พระอาทิตย์กำลังทอแสงสุดท้าย พระเจ้านาฏกุเวรก็มาถึงอาศรมของหมอเทวดากาฬปักษี กำลังพลต่างโอบล้อมอยู่ห่างๆ ส่วนตัวคนธรรพ์ลงจากหลังม้าเดินเข้าไปคนเดียว กากีและกาฬปักษีได้ยินเสียงม้ามาแต่ไกล แต่ไม่ได้เอะใจว่าอาจเป็นผู้ที่นำอันตรายมาให้เข้าใจว่าเป็นผู้ทุกข์จะมาขอความช่วยเหลือรักษาโรค จึงไม่ได้หนีไปทางไหนได้แต่เตรียมหยูกยาอยู่ที่ชานหน้าบ้าน นาฏกุเวรเมื่อเห็นร่างตะคุ่มๆสวมชุดดำอยู่คู่กัน ร่างอรชรนั้น ต้องเป็นกากีไม่ผิดแน่ หัวใจแทบกระดอนออกมาจากอกด้วยความตื่นเต้น “กากี พี่มาแล้ว” นาฏกุเวรร้องเรียกเสียงสั่น กากีที่โพกผ้าคลุมหัวปิดใบหน้าอยู่ครึ่งหนึ่งเย็นวาบจากท้ายทอยไปถึงเท้า เพราะจำได้ดีว่านั่นคือเสียงใคร นางเงยหน้าขึ้นมองด้วยใจหวาดหวั่น กาฬปักษีเงยหน้าขึ้นดูด้วยดวงตาข้างที่ได้มาจากกากี เมื่อเห็นบุรุษรูปกายงามราวเทพบุตรลงมาจากสวรรค์ เสียงไพเราะอ่อนหวาน และเครื่องทรงทองอร่ามสว่างไสวไปหมดทั้งตัวก็นึกรู้ได้ทันที “พระเจ้านาฏกุเวรหรือนั่น” เขารำพึงพลางรีบดึงตัวกากีให้ถอยไปอยู่ด้านหลังตน พระเจ้านาฏกุเวรตวาด
แม้แต่ตัวนางกากีเองก็พลอยตื่นเต้นไปด้วยดั่งว่านี่เป็นประสบการณ์ทางเพศครั้งแรกของตน ตื่นใจ อ่อนหวาน หวั่นไหว ยิ่งเมื่อทั้งสองเริ่มช่วยกันเคลื่อนกายไหวโยก ขยับส่ายสับสะโพก เสือกท่อนเอ็นขนาดเขื่องเคลื่อนเข้า ออกในกายนาง แต่ละครั้งที่ดึงออกแทบถ่ายถอน ก่อนเหวี่ยงสับกระชับ เผียะลงมา ทำเอานางผวาใจแทบหยุดเต้น ปากแนบปาก นมแนบนม ท้องแนบท้อง ในอาณาเขตถ้ำทอง เสียงผิวเนื้อเปียกแฉะด้วยน้ำหล่อลื่นกระทบกันดั่งคนปรบมือถี่กระชั้น สองมือหนานุ่มเกาะยึดสะโพกอรชรไว้แน่น โถมร่างเข้าไปในกายนางครั้งแล้วครั้งเล่า ปทุมถันขาวปลั่งสว่างไสวเคลื่อนไหวกระเพื่อมเป็นจังหวะยิ่งเร้ากำหนัดให้พุ่งสูง เหงื่อกาฬไหลพลั่งดั่งจะขาดใจ หยาดเหงื่อร้อนฉ่าไหลหยดลงบนท้องน้อยของนางแน่งน้อยกากีที่กำลังผวาเฮือกฮุบความสุข วินาทีถัดจากนั้น หมอหนุ่มกาฬปักษีก็พาตนไปถึงที่สุดแห่งกาม คำรามครางในลำคอเสียงแหบพร่า ปล่อยน้ำรักขุ่นข้นเหนียวลื่นพุ่งเท้าเต็มท้องน้อยแม่โฉมงามร่างอรชรที่นอนระทวยอยู่เบื้องล่างตน ด้วยสัญชาตญาณประหลาดของสตรี กากีรู้สึกว่า การร่วมเสพสังวาสกับหมอกาฬปักษี หนุ่มน่ารักใจดีคนนี้ เป็นมากกว่า
นหนึ่งขณะฝนตกหนัก แม่งามกากีวิ่งออกไปเก็บกระจาดสมุนไพรที่ตากแห้งไว้ หมอหนุ่มกาฬปักษีก็แสร้งรีบตามออกไปบ้าง แสร้งลื่นล้มจนเสื้อผ้าเลอะเทอะดินโคลนและเปียกปอนน่าสงสาร กากีเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบวิ่งเข้าไปประคองขึ้น “จะวิ่งออกมาทำไมกัน สมุนไพรพวกนี้จะมีค่าเทียบเท่าเจ้าหรือก็หาไม่ มารีบเข้าอาศรมเถิด ข้าจะช่วยผลัดผ้าและเช็ดตัวให้” เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามาในหนังสือเล่มนี้ และเป็นครั้งแรกในชีวิตของสีฝุ่นเองด้วย ที่เป็นฝ่ายเปลื้องผ้าบุรุษ การที่ชายหนุ่มท่วงทีผึ่งผายสมส่วนยืนตระหง่านนิ่งอยู่ โดยที่เขาไม่อาจมองเห็นนางได้ กลับกลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น กากีค่อยๆเปลื้องผ้าโพกหัวและเสื้อสีดำสนิทดั่งขนนกกาออก ในแสงสว่างยามฝนตกพร่างพราวด้านนอก แสงตกกระทบนุ่มนวลมองเห็นรายละเอียดของผิวเนียนเรียบสวยสีน้ำผึ้ง ใต้เสื้อผ้าเหล่านี้ซ่อนปิดกล้ามเนื้อหน้าอกและต้นแขนเป็นลอนกล้ามกำยำชวนสัมผัส กลิ่นผิวเนื้อบุรุษโชยหอมคล้ายกลิ่นผ้าห่มตากแดดผสมกลิ่นไอน้ำ นางกายหอมพินิจดูอย่างพินิจพิจารณาโดยไม่ต้องกังวลสายตาของเขา ความรู้สึกอ่อนไหวทางกามารมณ์เริ่มบ่มขึ้น นางได้แต่กัดปากตนเองไว้ด้วยค
ทุกเย็นหลังกากีเช็ดหน้าตาเนื้อตัวแล้ว กาฬปักษีหมอหนุ่มใจดีจะนำเสื้อผ้าใหม่แห้งสะอาดมาให้ แล้วช่วยล้างแผลที่ต้นขาอย่างทะนุถนอม บางครั้งหากเผลอแตะต้องเนื้อต้นขาเธอแรงจนกากีสะดุ้ง เขาก็จะสะดุ้งไปด้วย หญิงสาวก็จะร้อนผ่าวแก้มแดงเรื่อ ดวงตามองเธอด้วยความห่วงใยอย่างที่เริ่มเห็นได้ชัดว่าต่างจากคนไข้อื่น แต่ก็ไม่เคยเอ่ยปากใดๆให้อึดอัด เธอเริ่มอุ่นวาบๆในใจเวลาเขาอยู่ใกล้ๆ ผู้ชายน่ารักเป็นอย่างนี้เอง เธอคิด โชคดีที่ความเป็นกึ่งเทพของกากีทำให้แผลของนางหายเร็ว และฟื้นคืนกำลังได้โดยง่าย กลิ่นกายและเรือนร่างกลับมาหอมรัญจวนใจอีกครั้ง รวมทั้งฤทธิ์ยวนกามาที่เหมือนฟีโรโมนแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ยากนักที่กาฬปักษีจะหักห้ามใจไม่ให้นึกคิด แต่เขาก็เก็บอาการตนไว้อย่างอดทน ความจริงแล้ว ชายหนุ่มชื่นชมกากีที่เป็นผู้รอบรู้น่าทึ่ง ไม่เกี่ยงความยากลำบาก ไม่รังเกียจบาดแผลหรือผู้ป่วยที่เป็นโรคน่ารังเกียจ ทั้งที่ตัวเองยังบาดเจ็บแต่ก็นึกถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ นิสัยใจคอเมื่ออยู่ใกล้ยิ่งรู้สึกสบายใจ เรื่องรูปโฉมโนมพรรณอันงามของนางนั้นแน่นอนว่างามเลิศพิภพ ในบางอิริยาบทที่เผลอตาไปมองก็ทำเอาอกใจเต้นไห
จนถึงสุดถนนที่เป็นชายป่า เมื่อก้าวพ้นหมู่บ้านออกไปแล้ว ดูเหมือนทุกอย่างที่ปั่นป่วนอยู่ก่อนหน้าก็สงบลง หญิงสาวรู้สึกโล่งใจที่กลับมาได้ยินเสียงนกร้อง และภาพต้นไม้ใบหญ้ารอบตัวชัดเจนไม่พร่าเลือนเหมือนเมื่อครู่ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นดูก็ยังเห็นชัดปกติ ลูบไล้ดูรูปร่างหน้าตาตนก็ยังเป็นนางกากีวิไลโฉม กลิ่นกายลึกล้ำหอมรื่น แปลกจัง ทำไมมันไม่เลือนไปเหมือนตอนแรกล่ะ หรือว่าสถานที่นี้อยู่นอกเหนือขอบเขตของเรื่องราวในหนังสือไปแล้ว เธอเลยปลอดภัยงั้นเหรอ หญิงสาวใช้เวลาเดินครุ่นคิดตามลำพังอยู่พักใหญ่ แต่คิดไม่ตกว่าจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง จนในที่สุดเธอก็คิดว่า ในเมื่อเนื้อเรื่องในหนังสือมาถึงตอนจบแล้ว ไม่มีตอนให้ไปต่อ หากจบชีวิตในโลกนี้ได้ อาจหลุดออกไปก็ได้ นึกแล้วก็มองหาคบไม้เหมาะๆ เจอกิ่งไม้ที่ทอดตัวขนานพื้นอยู่สูงไปราวสี่เมตรแล้วปีนขึ้นไปด้านบนปลดผ้าคลุมหน้าออกมัดเข้ากับคบไม้แล้วผูกคอตัวเอง เอามันง่ายๆแบบนี้แหละ หญิงสาวรูปโฉมงามสะคราญหายใจเข้าลึก รวบรวมพลังใจ เอาเถอะ ไม่เห็นมีใครเคยบอกเลยว่าถ้าตายในหนังสือนี่จะทำให้ตัวตนข้างนอกตายไปด้วย บางทีนี่อาจจะเป็น
หญิงสาวทั้งสอง นันทากับกากี ถูกพาวิ่งลงบันไดไปสู่ห้องใต้ดินก่อนพบประตูลูกกรงขนาดเล็กเชื่อมต่อเข้าไปในทางลับ ทหารองครักษ์สี่นายรีบวิ่งเข้าไปไขประตูบุรุษหนุ่มเจ้าเมืองไพศาลีสีหน้าเป็นทุกข์ ประคอง ใบหน้ากากีอย่างถนอม “กากีคนดีของพี่ ตอนนี้ข้าศึกตีเมืองไพศาลีแตกแล้ว พวกมันกำลังบุกยึดวัง พี่ทิ้งข้าราชบริพารและชาวเมืองไม่ได้ พี่นี้ไร้คุณสมบัติจะครองเจ้าแท้ แต่แม้ในช่วงเวลาอันน้อยนิดที่ได้รักและเป็นสวามีของเจ้า เป็นช่วงเวลาที่แสนวิเศษ ชาตินี้คุ้มแล้วที่ได้เกิดมา นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่พี่จะได้ตอบแทนและดูแลเจ้าให้พ้นจากอันตราย หากเจ้าจะจดจำพี่ มิต้องจดจำท้าวทศวงศ์เจ้าเมืองไพศาลี ให้จดจำบุรุษหนึ่งที่รักและภักดีต่อเจ้ายิ่งกว่าบุรุษคนใดในหล้า หากดวงวิญญาณพี่ยังรับรู้ได้ พี่ก็จะตามไปปกป้อง” แล้วก็หันไปหาเจ้าหญิงนันทาเทวีที่ตอนนี้ร้องไห้สะอึกสะอื้นหน้าแดงก่ำ “นันทาน้องรัก เจ้าจงหนีออกไปเสียกับกากี ตลอดชีวิตที่พี่มีเจ้าเป็นน้องรักมานี้ ดวงใจพี่มีแต่ความสุขสดใสแช่มชื่นเสมอสมดังชื่อของเจ้า จงไปอยู่ให้รอดแลใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแทนพี่ด้วยเถิด” นันทาเทวีส่ายหน้าสะอื้