“แหมๆๆ ดูเจ้าทำหน้าเข้า แม่กากี น้องรักของพี่เพราะผลงานของเจ้าทีเดียว ทำให้องค์เหนือหัวพรหมทัตทรงพอพระทัยยิ่งนัก เร่งตามข้ามาที่ห้องเถิด ข้าตระเตรียมชุดทรงและเครื่องประดับถนิมพิมพาภรณ์เอาไว้ให้เจ้ามากมายนัก เจ้าชอบเพชรพลอยประดับสีใด รูปทรงลวดลายใด มาเลือกดูลองสวมใส่จนกว่าจะเหมาะใจเถิด เตรียมตัวเข้าพระราชพิธีอภิเษกวันนี้มิต้องฝึกมิต้องทำการใดทั้งนั้นแล้ว” ในน้ำเสียงนั้นตื่นเต้นดีอกดีใจอย่างเห็นได้ชัด “งานพระราชพิธี ผู้ใดอภิเษกกระไรเจ้าคะ พระสนมแก้ว” กากีสับสน พระสนมแก้วที่งามหยาดหยดอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งโสภาดังมีรัศมีเทพรอบกายด้วยเครื่องทองสุดอลังการ ยกมือทั้งสองข้างแตะแก้มกากีแล้วตอบ “แม่เด็กน้อยเอ๋ย จะงานกระไรได้เล่า ก็งานอภิเษกเราทั้งสองน่ะสิ ข้าเป็นพระมเหสีฝ่ายขวา ส่วนเจ้าเป็นพระมเหสีฝ่ายซ้าย ทรงมีรับสั่งให้จัดงานเร็วที่สุด อีกสามวันข้างหน้า น้องรักของข้า เราทั้งคู่และบุตรของเราที่จะมีในภายภาคหน้า จะมีโอกาสได้ขึ้นนั่งบัลลังค์แล้ว เจ้าดีใจหรือไม่เล่า กากีเอ๋ย” นางกากี แม้ทราบดีว่าเส้นเรื่องหลักนี้ กากีคนงามไม่มีทางได้ดำเนินไปตามความยิ่งใหญ่ในเส้นทางขอ
ในเพลานี้ทั่วทั้งกรุงพาราณสี ผู้คนต่างพากันตื่นเต้นยินดีและเฝ้ารองานใหญ่ของเมือง คืองานสมโภชอภิเษกพระมเหสีองค์ใหม่พร้อมกันถึงสองพระองค์ ประกาศจากในพระราชสำนักว่า หลังพิธีแต่งตั้งพระสนมแก้วและพระสนมกากี ผู้ที่ใครต่อใครล่ำลือกันว่างามเลิศล้ำในปฐพี จะมีการจัดงานสมโภชใหญ่ เจ็ดวันเจ็ดคืน มีการแสดง ร่ายรำ ดนตรีมีการเผาเทียนเล่นไฟ มีการละเล่นแบบต่างๆ และมีการจัดเลี้ยงข้าวปลาอาหารทั้งคาวหวาน ให้ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินทุกคนสามารถเข้ามาร่วมในงานที่น่ายินดีครั้งนี้ได้ ในขณะที่ภายในพระราชวัง กากีสนทนากับพระสนมแก้วถึงตอนหนึ่ง “นางกำนัลไร้นามไงคะ นางคนที่ข้าขอร้องให้เข้าไปเป็นสหายร่วมหอ ในคืนที่ถวายตัวสำเร็จ พระสนมแก้วจำไม่ได้หรือคะ” สีฝุ่นหรือกากีขมวดคิ้วถามอย่างงุนงง นอกจากนางจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว ดูเหมือนทุกคนจะจำสิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับนางกำนัลไม่มีบทคนนั้นไม่ได้เลย “เจ้าพูดกระไร กากี คืนนั้นข้าไปส่งเจ้าด้วยตนเอง ไม่เห็นมีนางกำนัลผู้ใดเข้าไปด้วยเจ้า ถวายตัวครั้งแรกๆ ใครมันจะหาญกล้าขอสหายร่วมหอร่วมเตียง บัดสีน่าอายอยู่ไม่ใช่น้อยสำหรับดรุณีแรกสาวเยี่ยงเจ้า เอ้า อย่ามัวแต
มานพหนุ่มร้อนวูบไปทั้งหน้า เมื่อรู้สึกว่าถูกสบประมาท “เป็นพระกรุณายิ่งนักที่เมตตาข้า หากแต่เรื่องคู่ครองนั้น บุรุษควรเป็นผู้เลือกสรรสตรีที่ต้องใจด้วยตนเอง แลเอาชนะใจ จึงเหมาะควรจะครอบครองนางได้ ข้าเชื่อเช่นนี้ อีกอย่าง ตามที่ปราชญ์ท่านว่าไว้ หญิงสาวนั้นควรเป็นสมบัติของชายหนุ่ม หากบุญวาสนาของข้ามีพอแล้วไซร้ สักวันหนึ่งข้าคงได้ครอบครองหญิงสาวที่ข้าหมายปอง ครอบครองนางทั้งกายและดวงใจ โดยความสมัครใจยินยอมของนางเอง โดยไม่ต้องอาศัยอำนาจไปบังคับขู่เข็ญ” พระเจ้าพรหมทัตเมื่อเห็นมานพหนุ่มมีอารมณ์หงุดหงิดขึ้นมายิ่งพอใจ เข้าใจว่าคู่สนทนาริษยาตน นึกอยากจะกระเซ้าให้หนักแรงขึ้นอีก “จริงอยู่ หญิงสาวคู่ควรเป็นสมบัติของชายหนุ่ม แต่กระนั้นหากชายแก่เช่นข้า ทำให้หญิงสาวพอใจในรสรักได้ ข้าว่าทั้งสองฝ่ายก็เหมาะควรเช่นกัน” ชายกลางคนก้มตัวเข้ามาใกล้ ลดเสียงเพียงกระซิบแผ่วแต่จงใจให้ได้ยินทุกคำ “เมื่อคืนก่อนตอนที่นางถวายตัว ทั้งใบหน้า ท่าทาง และเสียงของนาง จับใจข้ายิ่งนัก ข้าได้เชยความงามของนางอย่างตั้งอกตั้งใจ ทุกซอก ทุกมุม ทุกกระเบียด บนส่วนที่นุ่มที่สุด ลื่นที่สุดและลึกที่สุดในกายนาง เจ
ฝุ่นหรือพระมเหสีกากีศิริพิลาศตามท้องเรื่องนั้น แม้เมื่อสาย ตอนที่ยืนอยู่สูงบนระเบียงบัญชรหลวง ในอกใจก็ไหวหวั่น สายตามองหาแต่บุรุษผู้หนึ่งอยู่เสมอ หญิงสาวรู้ดีว่า นี่ไม่ใช่แค่เพียงความรู้สึกของตัวละครตามท้องเรื่องเท่านั้น เพราะในความเป็นจริง เธอก็ตกหลุมรักชายคนเดียวกันนี้ รักใคร่ใฝ่ปองมานานหลายปี ทั้งที่รู้ตัวดีว่าไม่มีวันสมหวัง ในโลกแห่งความเป็นจริง เขากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น ไม่เคยชายตามองเธอแม้สักครั้งเดียว และด้วยชะตาลิขิตตามท้องเรื่อง แม้ท่ามกลางฝูงชนมหาศาล โฉมงามกากีก็ยังสามารถมองเห็นบุรุษหนุ่มหนึ่งในดวงใจปรากฏเด่นงามท่ามกลางมหาชน ดั่งมีรัศมีกายสีแดงผ่องพรรณทอดสายตามองมาที่ตัวเธอด้วยความปรารถนาอาลัยรักอย่างไม่มีปิดบัง ทั้งสองทอดสายตามองกันและกันอยู่เช่นนั้น กระทั่งนวลแก้มและใบหน้าของกากีร้อนผ่าวดังอังไฟ ในอกร้อนเหมือนกองไฟกองใหญ่สุมอยู่ โฉมงามหยาดฟ้าหายใจติดขัดอยู่ตรงหน้าบัญชรหลวง ริมฝีปากฉ่ำงามเผยอหายใจถี่ แดงปลั่งดั่งลูกตำลึงสุก ซวดเซจนต้องยึดราวระเบียงไว้แน่น ไฟรักไฟปรารถนามันเป็นเช่นนี้เองหรือ สีฝุ่นคิด ก่อนนี้อ่านพบในหนังสือนิยาย ได้ยินแต่ในล
กากีหรือสีฝุ่นที่นอนร้อนรุ่มเพราะพิษรักแผดเผาอยู่ ยิ่งเมื่อได้ยินคำว่าตัดใจ คำเดียวกับที่แตงกวา เพื่อนสนิทในออฟฟิศเคยพูดไว้กับเธอในวันที่พี่นภจะประกาศแต่งงาน ก็ตื้อตันในลำคอขึ้นมาทันที น้ำตาร่วงเผาะลงบนหมอนจนเปียกเป็นดวง พระมเหสีรัตนมณีกระหยิ่มในใจ “โถ แม่คุณ จริงดั่งที่ข้าคิดสินะ ถ้าเช่นนั้นเจ้าอย่าได้หงอยเหงาเศร้าสร้อย ซุกตัวอยู่แต่ในห้องหับอับเก่าเช่นนี้เลย มาเถิด ข้าจะพาออกไปหายใจเอาอากาศพิสุทธิ์ภายนอกมาล้างจิตใจเศร้าหมองของเจ้า ที่วังนี้ยังมีอีกหลายที่หลายมุมนะ ที่เจ้ายังไม่เคยได้เห็น มีมุมดีๆ ที่เจ้าจะมองเห็นนครพาราณสีได้ทั้งเมือง อยู่ที่ระเบียงดาดฟ้า เชื่อข้าสิ เจ้าต้องชอบใจเป็นแน่” ในเพลาบ่ายคล้อย ระเบียงดาดฟ้าด้านหลบแดดของวัง ท้าวเวนไตยพญาครุฑในร่างมานพหนุ่มรูปงามทบทวนในใจ เดินวนเวียนอยู่รอบนอกอาคารพระราชวังกรุงพาราณสีอย่างใคร่ครวญ จนใกล้ถึงเวลาบ่ายคล้อยจึงเดินอ้อมทิศทางแดดไปตามที่พระมเหสีรัตนมณีได้เคยเอ่ยถึงไว้ มาดหมายเพียงได้เห็นโฉมแม่งามกากียอดปรารถนาอีกสักครั้ง ที่ระเบียงหินอ่อนด้านหลบแดดในยามบ่ายคล้อย ลมโชยพัดอ่อนสายลมพัดเย็นสบายตัว ก
เราตายแล้วขึ้นสวรรค์ หรือเราฝัน หรือเราเมายากันแน่นะ สีฝุ่นในร่างนางกากีโฉมงามจึงคิดและรู้สึกเช่นนี้ ในชั่วขณะที่ร่างบอบบางของเธอถูกกระชับแนบแน่นเข้ากับหนั่นกล้ามเนื้อหนาที่แผงอกเปลือยเปล่าอุ่นร้อนของท้าวเวนไตยที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกับพี่นภทุกประการ ปีกสีน้ำตาลแดงกางกระพืออยู่เหนือเมฆา เบื้องล่างนั้นเป็นทิวทัศน์ทุ่งหญ้าป่าเขา อันงดงามเกินพรรณนา “อึดใจเดียวเท่านั้น กากี ยอดปรารถนาของข้า ผ่านอีกเจ็ดหุบเขา เจ็ดมหาสมุทร ก็จะถึงสถานวิมานฉิมพลี อันจะกลายเป็นรังรักของเราสอง เพียงข้าเห็นเจ้าแวบแรก อกข้าก็ร้อนเหมือนไฟเผาแทบแดดิ้นสิ้นใจอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับหญิงใดมาก่อน เทพแห่งกามแผลงศรเพลิงใส่หัวใจข้าแน่แท้ วาสนาของข้า บุญเราคงสร้างร่วมกันมา เจ้ากับข้าจึงมีจิตปฏิพัทธ์ต่อกันแต่แรกพบเช่นนี้ ฟังเสียงหัวใจข้าสิกากี มันร่ำร้องว่าอย่างไร” ครุฑหนุ่มประคองศีรษะกากีแนบเข้ากับอกซ้ายของตน กลิ่นผิวกายเนื้อบุรุษแห่งหิมพานต์อุ่นฟุ้งหอมอวลอยู่ในโสตประสาทของกากีจนหน้ามืดตามัวไปหมด เสียงหัวใจชายหนุ่มดังหนักแน่นอยู่ข้างหู หัวใจของกากีเองก็เต้นรัวแทบจะโลดออกจากอกเช่นกัน ปากคอแม่งามแห้งปาก
"ตอนนี้ชีพจร ความดัน และค่าเลือดต่างๆที่เราตรวจไปเมื่อวานผลออกมาปกติดีแล้วครับ แต่เนื่องจากสมองได้รับความกระทบกระเทือนจากการผ่าตัดระบายเลือดที่คั่งทั้งในกะโหลกและปอด บวกกับผลจากยานำสลบ อาจทำให้คนไข้ยังนอนหลับยาว คงต้องให้ดูอาการที่แผนกไอซียูไปก่อนเพื่อความปลอดภัย เพราะมีอุปกรณ์กู้ชีพ พยาบาลและหมอคอยเฝ้าตลอดเวลา ไม่ทราบได้แจ้งญาติของคนไข้หรือยังครับ” เสียงใครบางคน นุ่ม ทุ้ม อบอุ่นดังแว่วอยู่ข้างหูของสีฝุ่น และคล้ายได้กลิ่นแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ และกลิ่นยาบางชนิดฉุนอวลอยู่ในจมูก “ค่ะ แจ้งแล้วค่ะ” คำตอบนั้นเจือสะอื้น เสียงที่สีฝุ่นคุ้นเคยนี่เอง แตงกวา เพื่อนคนเดียวในที่ทำงานของเธอ “แม่ของสีฝุ่นทราบเรื่องแล้ว กำลังเดินทางมาจากเชียงใหม่ค่ะ หมอคะ เพื่อนฉันไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมคะ เดี๋ยวถ้าเขาฟื้นเขาจะจำอะไรได้เหมือนเดิมไหมคะ สมองกระทบกระเทือนแบบนี้” “ตอนนี้ถือว่าปลอดภัยครับ แต่ผลหลังจากที่ฟื้น เราคงต้องรอดูกันอีกที หากมีปัญหาอะไรค่อยคิดกันทีละเปลาะนะครับ” ชายหนุ่มคนนั้นพูดตอบ เขาคงเป็นแพทย์เจ้าของไข้ที่ดูแลร่างของสีฝุ่นในโลกข้างนอกหนังสือนั้น “แล้ว คุณหมอคะ คุ
นางสกุณีที่จ้องมองอยู่รีบเติมน้ำสีม่วงจากเหยือกลงในจอกทองคำอีก “พระชายากากี เจ็บท้องใช่ไหมเจ้าคะ เป็นเรื่องปกติเจ้าค่ะ สกุณีพรหมจรรย์ที่ท้าวเวนไตยเคยพามาร่วมอภิรมย์สมสู่ด้วย ล้วนแล้วแต่เป็นเช่นนี้ในครั้งแรกๆ ก็ท่านเป็นถึงเจ้าเวหาแห่งหิมพานต์นี่เจ้าคะ อะไรๆก็ใหญ่โตโอ่โถงไปเสียหมด ข้าไม่เคยเห็นกระจะตานักหรอก แต่ก็ได้ยินบ่นกันทุกนาง ยิ่งถ้าเป็นร่างมนุษย์สตรีบอบบางอย่างพระชายากากีแล้วด้วย คงยิ่งเจ็บยิ่งชอกช้ำมาก ดื่มสมุนไพรโอสถทิพย์นี่เสียสิเจ้าคะ ช่วยให้อาการเจ็บท้องจากการร่วมประเวณีดีขึ้นได้ ข้าผสมเตรียมไว้ประจำ ตายจริง ผ้ารองนอนเปื้อนเลือดเสียด้วย มาเจ้าค่ะ ข้าจะรีบเปลี่ยนให้เดี๋ยวนี้” กากีรู้สึกเขินอายจนหน้าแดงซ่านเมื่อนึกถึงฉากอีโรติกวาบหวามกลางอากาศที่เธอกับพี่นภในร่างพญาครุฑหนุ่มเพิ่งผ่านมาหมาดๆ ความเจ็บระบมที่ส่วนสงวนยังคงแจ่มชัดว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นจริง ทว่าแม่นกสาวบริสุทธิ์นั่นกลับพูดถึงเครื่องเคราของบุรุษหนุ่มผู้เป็นเจ้านายได้อย่างไม่เคอะเขิน ดูท่าท้าวเวนไตยคงอุ้มสาวๆมาที่นี่บ่อยแน่ๆ หลังจากดื่มน้ำสีม่วงนั้น อาการเจ็บปวดหน่วงในท้องค่อยๆดีขึ้นจนรู้สึกได้ บ
แม่ของเธอยิ้มกว้าง ดวงตาสดชื่น ความสุขแผ่เต็มใบหน้าแม้ร่างกายจะซูบผอมหลังจากต้องเฝ้าไข้เธอมายาวนาน เอ่ยตอบน้ำตาคลอ “ให้อ้วนเป็นช้างแม่ก็เลี้ยงไหว ขอแค่ลูกแม่ปลอดภัย อย่าเป็นอะไรไปอีกก็พอแล้ว” แตงกวาถลามาถึงโรงพยาบาลเพียงเพื่อจะพบว่า โรงพยาบาลห้ามเยี่ยมเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 เธอจึงต้องนั่งอยู่ที่ด้านล่างของโรงพยาบาล แล้ววิดีโอคอลคุยกับเพื่อนรัก “แก สรุปเรื่องตอนนั้นที่แกกลับมาในร่างนางแบบวิกตอเรียซีเคร็ท น่ะ เรื่องจริง ฉันไม่ได้ฝัน ไม่ได้บ้าใช่ไหม” แตงกวาถาม หลังจากเห็นเพื่อนสบายดีแล้ว และกำลังกินเอแคล์รที่เธอซื้อมาฝากผู้ช่วยพยาบาลไปเยี่ยม “อืม แกไม่ได้บ้า แต่เรื่องแบบนี้ เล่าให้ใครฟังก็คงไม่มีใครเชื่อเนอะ ลืมๆไปเหอะ” สีฝุ่นพูดขณะเคี้ยวขนมตุ้ยๆ อาการหลังผ่าตัดเธอดีขึ้นอย่างรวดเร็วหมออนุญาตให้กินอาหารได้ตามปกติ นั่นคือข่าวดีที่สุดของเธอ “จะว่าไป แกเสียดายบ้างไหมวะ ที่ไม่ได้อยู่ในร่างสวยเริ่ดเหมือนนางฟ้าแบบนั้นแล้ว” เพื่อนสาวถามตาเคลิ้มๆ “ฉันยังอยากได้เลยแก สิบล้านค่าหมอผ่าไม่รู้จะพอไหมให้ได้สักครึ่งนั่น” สีฝุ่นตอบแบบไม่ลัง
ข้าจะรักษาเจ้าให้ได้กากี เจ้าอย่าเพิ่งหมดหวัง ข้าจะไม่ยอมแพ้ ข้ารักเจ้า ข้ารักลูกของเรา เจ้าห้ามตาย ข้าจะรักษาเจ้ากากี ได้ยินข้าไหม เจ้าต้องรอดให้ได้” กากีคลี่ยิ้ม คำรักนั้นอ่อนหวานนัก ช่างอบอุ่นและจริงใจยิ่ง เป็นความรู้สึกอิ่มเอิบเบิกบานคล้ายมีดอกไม้ทิพย์กลีบบอบบางกลิ่นหอมละมุนบานสะพรั่งอยู่ในอกตน นางคลี่ยิ้มก่อนเอ่ยประโยคสุดท้าย “ข้าก็รักเจ้า กาฬปักษี ข้ารักเจ้า” หลังจากนั้นร่างกายคล้ายถูกฉีกเป็นเสี่ยงๆ นางกระตุกเฮือก ไขว่คว้าเอามือหนานุ่มแสนอบอุ่นนั้นมาแนบที่ใบหน้าก่อนที่หยาดน้ำตาสุดท้ายจะไหลรินลงบนมือนั้น เป็นความอบอุ่นสุดท้ายก่อนชีพนางจะดับลง ฝ่ายนาฏกุเวร แบกดวงใจอันปวดร้าวเดินทางกลับพาราณสี ทุกข์โทมนัสด้วยความสิ้นหวัง กากี แม่งามเอ๋ย ยอดดวงใจพี่ นางในดวงใจที่เฝ้าถนอมรักไว้ใจดวงใจมาตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ว่าจะทำอย่างไรนางก็ไม่ยอมรับรัก แม้หักหาญราญเอากายนางเป็นเมีย ปรนนิบัตินางด้วยกามวิเศษ แม้หมายจะเชิดชูให้นางเป็นถึงมเหสีเอก นางก็กลับไม่สนใจ ซ้ำรังเกียจอย่างที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเคยรังเกียจ กล้ากระทั่งทำให้ตนเองพิการอัปลักษณ์เพื่อคนไร้
บรรดาเหล่าพลธนูทั้งนั้นที่มาด้วย เห็นกระจะตาแล้วว่ากากีกำลังท้องแก่จึงเกิดความเวทนา ต่างลังเลไม่กล้ายิง แต่เมื่อถูกสั่งซ้ำโดยหัวหน้านายกอง จึงได้แต่ฝืนยิงอย่างไม่เต็มใจนักกาฬปักษีด้วยความที่หูตาไว ได้ยินเสียงธนูแหวกอากาศก็รีบโอบกากีหลบซุกกับอกตน หันหลังรับลูกธนูแทนนางไปทุกดอก ธนูแต่ละดอกถูกยิงมาโดยไม่เต็มใจ จึงเข้าเป้าอย่างไม่แม่นยำนัก ถูกแขนขาเอาบ้าง ตกลงพื้นบ้าง ทว่าดอกหนึ่งปักทะลุเข้าที่แผ่นหลังตรงอกหมอกาฬปักษีจนเจ็บปลาบ จุกแน่นหายใจไม่เข้า ทรุดลงนั่งกับพื้นกากีกรีดร้อง ร่ำเรียกชื่อชายคนรักสะอึกสะอื้น พยายามคิดหาหนทางรักษากาฬปักษี แต่ก็คิดไม่ออก ได้แต่กอดร่างชายคนรักที่ใกล้จะหมดสติร้องไห้อยู่อย่างนั้น เคราะห์กรรมซ้ำซัด ครรภ์แก่นั้นถึงกำหนดคลอด พิษครรภ์ต่างสายพันธุ์ทำให้ธาตุไฟปั่นป่วนทั่วร่างกายของกากี แสบร้อนไปสิ้นทั้งภายในภายนอก ปวดหัวแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ลมหายใจร้อนผ่าว ดวงตาขาวเริ่มมีเส้นเลือดแตกหลายเป็นสีแดงฉาน หัวใจของนางอยู่ที่การช่วยคนรักเท่านั้น นางจึงฝืนร่างกาย วิ่งกลับขึ้นไปบนบ้าน คว้ามีดได้ ก็กลับลงมาใช้กำลังที่เหลือ ดันลูกธนูให้ทะลุออก แล้วตัด
ตอนนั้นเป็นเวลาเย็นย่ำ พระอาทิตย์กำลังทอแสงสุดท้าย พระเจ้านาฏกุเวรก็มาถึงอาศรมของหมอเทวดากาฬปักษี กำลังพลต่างโอบล้อมอยู่ห่างๆ ส่วนตัวคนธรรพ์ลงจากหลังม้าเดินเข้าไปคนเดียว กากีและกาฬปักษีได้ยินเสียงม้ามาแต่ไกล แต่ไม่ได้เอะใจว่าอาจเป็นผู้ที่นำอันตรายมาให้เข้าใจว่าเป็นผู้ทุกข์จะมาขอความช่วยเหลือรักษาโรค จึงไม่ได้หนีไปทางไหนได้แต่เตรียมหยูกยาอยู่ที่ชานหน้าบ้าน นาฏกุเวรเมื่อเห็นร่างตะคุ่มๆสวมชุดดำอยู่คู่กัน ร่างอรชรนั้น ต้องเป็นกากีไม่ผิดแน่ หัวใจแทบกระดอนออกมาจากอกด้วยความตื่นเต้น “กากี พี่มาแล้ว” นาฏกุเวรร้องเรียกเสียงสั่น กากีที่โพกผ้าคลุมหัวปิดใบหน้าอยู่ครึ่งหนึ่งเย็นวาบจากท้ายทอยไปถึงเท้า เพราะจำได้ดีว่านั่นคือเสียงใคร นางเงยหน้าขึ้นมองด้วยใจหวาดหวั่น กาฬปักษีเงยหน้าขึ้นดูด้วยดวงตาข้างที่ได้มาจากกากี เมื่อเห็นบุรุษรูปกายงามราวเทพบุตรลงมาจากสวรรค์ เสียงไพเราะอ่อนหวาน และเครื่องทรงทองอร่ามสว่างไสวไปหมดทั้งตัวก็นึกรู้ได้ทันที “พระเจ้านาฏกุเวรหรือนั่น” เขารำพึงพลางรีบดึงตัวกากีให้ถอยไปอยู่ด้านหลังตน พระเจ้านาฏกุเวรตวาด
แม้แต่ตัวนางกากีเองก็พลอยตื่นเต้นไปด้วยดั่งว่านี่เป็นประสบการณ์ทางเพศครั้งแรกของตน ตื่นใจ อ่อนหวาน หวั่นไหว ยิ่งเมื่อทั้งสองเริ่มช่วยกันเคลื่อนกายไหวโยก ขยับส่ายสับสะโพก เสือกท่อนเอ็นขนาดเขื่องเคลื่อนเข้า ออกในกายนาง แต่ละครั้งที่ดึงออกแทบถ่ายถอน ก่อนเหวี่ยงสับกระชับ เผียะลงมา ทำเอานางผวาใจแทบหยุดเต้น ปากแนบปาก นมแนบนม ท้องแนบท้อง ในอาณาเขตถ้ำทอง เสียงผิวเนื้อเปียกแฉะด้วยน้ำหล่อลื่นกระทบกันดั่งคนปรบมือถี่กระชั้น สองมือหนานุ่มเกาะยึดสะโพกอรชรไว้แน่น โถมร่างเข้าไปในกายนางครั้งแล้วครั้งเล่า ปทุมถันขาวปลั่งสว่างไสวเคลื่อนไหวกระเพื่อมเป็นจังหวะยิ่งเร้ากำหนัดให้พุ่งสูง เหงื่อกาฬไหลพลั่งดั่งจะขาดใจ หยาดเหงื่อร้อนฉ่าไหลหยดลงบนท้องน้อยของนางแน่งน้อยกากีที่กำลังผวาเฮือกฮุบความสุข วินาทีถัดจากนั้น หมอหนุ่มกาฬปักษีก็พาตนไปถึงที่สุดแห่งกาม คำรามครางในลำคอเสียงแหบพร่า ปล่อยน้ำรักขุ่นข้นเหนียวลื่นพุ่งเท้าเต็มท้องน้อยแม่โฉมงามร่างอรชรที่นอนระทวยอยู่เบื้องล่างตน ด้วยสัญชาตญาณประหลาดของสตรี กากีรู้สึกว่า การร่วมเสพสังวาสกับหมอกาฬปักษี หนุ่มน่ารักใจดีคนนี้ เป็นมากกว่า
นหนึ่งขณะฝนตกหนัก แม่งามกากีวิ่งออกไปเก็บกระจาดสมุนไพรที่ตากแห้งไว้ หมอหนุ่มกาฬปักษีก็แสร้งรีบตามออกไปบ้าง แสร้งลื่นล้มจนเสื้อผ้าเลอะเทอะดินโคลนและเปียกปอนน่าสงสาร กากีเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบวิ่งเข้าไปประคองขึ้น “จะวิ่งออกมาทำไมกัน สมุนไพรพวกนี้จะมีค่าเทียบเท่าเจ้าหรือก็หาไม่ มารีบเข้าอาศรมเถิด ข้าจะช่วยผลัดผ้าและเช็ดตัวให้” เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามาในหนังสือเล่มนี้ และเป็นครั้งแรกในชีวิตของสีฝุ่นเองด้วย ที่เป็นฝ่ายเปลื้องผ้าบุรุษ การที่ชายหนุ่มท่วงทีผึ่งผายสมส่วนยืนตระหง่านนิ่งอยู่ โดยที่เขาไม่อาจมองเห็นนางได้ กลับกลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น กากีค่อยๆเปลื้องผ้าโพกหัวและเสื้อสีดำสนิทดั่งขนนกกาออก ในแสงสว่างยามฝนตกพร่างพราวด้านนอก แสงตกกระทบนุ่มนวลมองเห็นรายละเอียดของผิวเนียนเรียบสวยสีน้ำผึ้ง ใต้เสื้อผ้าเหล่านี้ซ่อนปิดกล้ามเนื้อหน้าอกและต้นแขนเป็นลอนกล้ามกำยำชวนสัมผัส กลิ่นผิวเนื้อบุรุษโชยหอมคล้ายกลิ่นผ้าห่มตากแดดผสมกลิ่นไอน้ำ นางกายหอมพินิจดูอย่างพินิจพิจารณาโดยไม่ต้องกังวลสายตาของเขา ความรู้สึกอ่อนไหวทางกามารมณ์เริ่มบ่มขึ้น นางได้แต่กัดปากตนเองไว้ด้วยค
ทุกเย็นหลังกากีเช็ดหน้าตาเนื้อตัวแล้ว กาฬปักษีหมอหนุ่มใจดีจะนำเสื้อผ้าใหม่แห้งสะอาดมาให้ แล้วช่วยล้างแผลที่ต้นขาอย่างทะนุถนอม บางครั้งหากเผลอแตะต้องเนื้อต้นขาเธอแรงจนกากีสะดุ้ง เขาก็จะสะดุ้งไปด้วย หญิงสาวก็จะร้อนผ่าวแก้มแดงเรื่อ ดวงตามองเธอด้วยความห่วงใยอย่างที่เริ่มเห็นได้ชัดว่าต่างจากคนไข้อื่น แต่ก็ไม่เคยเอ่ยปากใดๆให้อึดอัด เธอเริ่มอุ่นวาบๆในใจเวลาเขาอยู่ใกล้ๆ ผู้ชายน่ารักเป็นอย่างนี้เอง เธอคิด โชคดีที่ความเป็นกึ่งเทพของกากีทำให้แผลของนางหายเร็ว และฟื้นคืนกำลังได้โดยง่าย กลิ่นกายและเรือนร่างกลับมาหอมรัญจวนใจอีกครั้ง รวมทั้งฤทธิ์ยวนกามาที่เหมือนฟีโรโมนแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ยากนักที่กาฬปักษีจะหักห้ามใจไม่ให้นึกคิด แต่เขาก็เก็บอาการตนไว้อย่างอดทน ความจริงแล้ว ชายหนุ่มชื่นชมกากีที่เป็นผู้รอบรู้น่าทึ่ง ไม่เกี่ยงความยากลำบาก ไม่รังเกียจบาดแผลหรือผู้ป่วยที่เป็นโรคน่ารังเกียจ ทั้งที่ตัวเองยังบาดเจ็บแต่ก็นึกถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ นิสัยใจคอเมื่ออยู่ใกล้ยิ่งรู้สึกสบายใจ เรื่องรูปโฉมโนมพรรณอันงามของนางนั้นแน่นอนว่างามเลิศพิภพ ในบางอิริยาบทที่เผลอตาไปมองก็ทำเอาอกใจเต้นไห
จนถึงสุดถนนที่เป็นชายป่า เมื่อก้าวพ้นหมู่บ้านออกไปแล้ว ดูเหมือนทุกอย่างที่ปั่นป่วนอยู่ก่อนหน้าก็สงบลง หญิงสาวรู้สึกโล่งใจที่กลับมาได้ยินเสียงนกร้อง และภาพต้นไม้ใบหญ้ารอบตัวชัดเจนไม่พร่าเลือนเหมือนเมื่อครู่ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นดูก็ยังเห็นชัดปกติ ลูบไล้ดูรูปร่างหน้าตาตนก็ยังเป็นนางกากีวิไลโฉม กลิ่นกายลึกล้ำหอมรื่น แปลกจัง ทำไมมันไม่เลือนไปเหมือนตอนแรกล่ะ หรือว่าสถานที่นี้อยู่นอกเหนือขอบเขตของเรื่องราวในหนังสือไปแล้ว เธอเลยปลอดภัยงั้นเหรอ หญิงสาวใช้เวลาเดินครุ่นคิดตามลำพังอยู่พักใหญ่ แต่คิดไม่ตกว่าจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง จนในที่สุดเธอก็คิดว่า ในเมื่อเนื้อเรื่องในหนังสือมาถึงตอนจบแล้ว ไม่มีตอนให้ไปต่อ หากจบชีวิตในโลกนี้ได้ อาจหลุดออกไปก็ได้ นึกแล้วก็มองหาคบไม้เหมาะๆ เจอกิ่งไม้ที่ทอดตัวขนานพื้นอยู่สูงไปราวสี่เมตรแล้วปีนขึ้นไปด้านบนปลดผ้าคลุมหน้าออกมัดเข้ากับคบไม้แล้วผูกคอตัวเอง เอามันง่ายๆแบบนี้แหละ หญิงสาวรูปโฉมงามสะคราญหายใจเข้าลึก รวบรวมพลังใจ เอาเถอะ ไม่เห็นมีใครเคยบอกเลยว่าถ้าตายในหนังสือนี่จะทำให้ตัวตนข้างนอกตายไปด้วย บางทีนี่อาจจะเป็น
หญิงสาวทั้งสอง นันทากับกากี ถูกพาวิ่งลงบันไดไปสู่ห้องใต้ดินก่อนพบประตูลูกกรงขนาดเล็กเชื่อมต่อเข้าไปในทางลับ ทหารองครักษ์สี่นายรีบวิ่งเข้าไปไขประตูบุรุษหนุ่มเจ้าเมืองไพศาลีสีหน้าเป็นทุกข์ ประคอง ใบหน้ากากีอย่างถนอม “กากีคนดีของพี่ ตอนนี้ข้าศึกตีเมืองไพศาลีแตกแล้ว พวกมันกำลังบุกยึดวัง พี่ทิ้งข้าราชบริพารและชาวเมืองไม่ได้ พี่นี้ไร้คุณสมบัติจะครองเจ้าแท้ แต่แม้ในช่วงเวลาอันน้อยนิดที่ได้รักและเป็นสวามีของเจ้า เป็นช่วงเวลาที่แสนวิเศษ ชาตินี้คุ้มแล้วที่ได้เกิดมา นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่พี่จะได้ตอบแทนและดูแลเจ้าให้พ้นจากอันตราย หากเจ้าจะจดจำพี่ มิต้องจดจำท้าวทศวงศ์เจ้าเมืองไพศาลี ให้จดจำบุรุษหนึ่งที่รักและภักดีต่อเจ้ายิ่งกว่าบุรุษคนใดในหล้า หากดวงวิญญาณพี่ยังรับรู้ได้ พี่ก็จะตามไปปกป้อง” แล้วก็หันไปหาเจ้าหญิงนันทาเทวีที่ตอนนี้ร้องไห้สะอึกสะอื้นหน้าแดงก่ำ “นันทาน้องรัก เจ้าจงหนีออกไปเสียกับกากี ตลอดชีวิตที่พี่มีเจ้าเป็นน้องรักมานี้ ดวงใจพี่มีแต่ความสุขสดใสแช่มชื่นเสมอสมดังชื่อของเจ้า จงไปอยู่ให้รอดแลใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแทนพี่ด้วยเถิด” นันทาเทวีส่ายหน้าสะอื้