สีฝุ่นกัดริมฝีปากตัวเองไว้พยายามไม่ร้องไห้ออกมา คนที่ไม่อยากให้ใกล้ก็กลับเข้ามาใกล้ คนที่หมายปองในใจกลับไกลห่างออกไปสุดขอบฟ้า เกินที่เธอจะเอื้อมถึงได้อีก
เหงื่อออกชุ่มเต็มตัว มือข้างเปียกไปด้วยเหงื่อ กำราวระเบียงเหล็กเย็นเฉียบมันวาวเอาไว้แน่น มืออีกข้างของเธอยังกำหนังสือชุ่มเบียร์ของเจ้านาย รู้สึกอยากอาเจียนเต็มที
เธอมองออกไปนอกระเบียงสูงระดับเอว ยื่นหน้าออกไปจะสูดหายใจ แต่ก็ถูกดึงตัวไว้ “ฝุ่นระวัง เดี๋ยวหล่น”
กำลังที่ดึงตัวกลับนั้นไม่มาก แต่ด้วยสีฝุ่น สาวร่างท้วมมีอาการมึนงง ทรงตัวไม่ดีอยู่ก่อนแล้วจึงกลายเป็นเซถลาจนล้มหงายก้นกระแทกนั่งกองอยู่ที่พื้น พร้อมๆกับพี่ทศที่พยายามประคับประคองสุดกำลัง
ครืนนนนน...
เสียงฟ้าดังคำรามดังสนั่น สีฝุ่นมองออกไปนอกระเบียง บนฟ้ามีเมฆขนาดใหญ่เคลื่อนตัวลงต่ำเป็นแผ่นหนากว้าง เห็นเส้นสายฟ้าวิ่งแวบวาบไปมาน่าหวาดหวั่น ลมไม่รู้ที่มาเริ่มพัดแรงขึ้นจนเธอต้องหยีตาหลบผงฝุ่นที่ปลิวฟุ้งไปทั่ว
“ฝุ่น ลุกไหวไหม” ชายหนุ่มพยายามประคองเธอลุกขึ้น แต่ดูเหมือนกำลังแขนของเขาจะสู้น้ำหนักตัวหญิงสาวไม่ไหว “ฝุ่น เอางี้ดีกว่า ฝุ่นนั่งตรงนี้ก่อนนะ รอแป๊บเดียว เดี๋ยวพี่ลงไปเอารถวนขึ้นมารับ”
พี่ทศช่วยประคองกึ่งลากเธอไปนั่งพิงระเบียงลานจอดรถ จุดที่น่าจะปลอดภัยพอ มีสีหน้าวิตกกังวล “ถ้าไม่ไหวจริงๆแวะหาหมอที่โรงพยาบาลก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่พาไป”
ตอนนี้หญิงสาววิงเวียน คลื่นเหียน จนทำอะไรไม่ถูก พื้นลานจอดรถโยกเยกโอนเอนไปมาราวกับพื้นเรือในมหาสมุทรท่ามกลางพายุ สะบัดหัวไปมาหลายครั้ง ใบหน้าของชายหนุ่มรุ่นพี่ที่กำลังเป็นห่วงเธอแยกร่างลอยหมุนวนอยู่ตรงหน้าเจ็ดแปดหน้าเห็นจะได้ แถมตอนนี้ เธอยังเห็นเขาสวมเครื่องศีรษะคล้ายมงกุฎทองคำลายกนกโบราณเหมือนในละครย้อนยุคอีกด้วย
สีฝุ่นลืมตาโพลงด้วยความประหลาดใจ เธอยื่นมือเข้าไปที่ใบหน้าของพี่ทศ แตะเบาๆเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ใช่ภาพหลอน ยื่นมืออีกข้างออกไปแปะที่แก้มอีกข้างของเขา ดึงเข้ามาใกล้ๆ หยีตาแล้วยื่นหน้าเข้าไปเพ่งใกล้ๆอีก เชี่ยละ! นี่เราประสาทหลอนอีกแล้วเหรอ นี่มันมงกุฎทองคำฝังพลอยแท้ๆ พี่ทศใส่มงกุฏทอง!
ใบหน้าของทั้งสองอยู่ใกล้กันเพียงไม่กี่เซนติเมตร จนเธอได้กลิ่นหอมอ่อนๆคล้ายวานิลลาหรือน้ำยารีดผ้าโชยขึ้นมาพร้อมกับไอร้อนจากอกเสื้อของเขา กว่าจะนึกได้ก็ดูเหมือนจะช้าเกินไปเสียแล้ว
ชายหนุ่มรุ่นพี่โอบรอบศีรษะของเธอจากด้านหลังแล้วดึงเข้าหาอีกเพียงนิดเดียว ริมฝีปากอุ่นชื้นของทั้งคู่ก็ประกบเข้าหากัน เขาลิ้มรสริมฝีปากเธออย่างสุภาพ อ่อนหวาน สูดกลิ่นใบหน้าและลมหายใจของเธออย่างหลงใหล
สีฝุ่นยังมึนงง ใช้เวลาอีกหลายวินาทีกว่าจะรับรู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น เธอรีบผลักตัวเขาอย่างแรงจนผงะหงายหลังแล้วรีบยันหลังไต่ผนังราวระเบียงลุกขึ้นยืน หายใจหอบเหนื่อย “ข...ขอโทษค่ะ แต่ฝุ่น...ฝุ่น...”
ฟ้าแลบสว่างไสวราวกลางวัน พอดับลง สีฝุ่นเหมือนมองเห็นแสงเรืองๆสว่างวาบขึ้นจากจุดหนึ่งที่พื้นข้างตัว เมื่อหันไปมองก็เห็นเป็นหนังสือนิทานคำกลอน กากี สุดหวงของเจ้านาย เธอจึงรีบก้มลงเก็บขึ้นมา
พอลุกยืนขึ้น หญิงสาวผงะถอยหลังจนหลังติดราวจับระเบียง ชายหนุ่มที่เพิ่งประทับริมฝีปากไว้ก็ลุกขึ้น ผวาเข้ามาหา ประคองไว้อีก กระวนกระวาย ละล่ำละลัก
“ฝุ่น พี่ขอโทษ อย่าโกรธพี่เลยนะ พี่ชอบฝุ่น พี่ชอบฝุ่นมากๆ ชอบมานานแล้ว วันนี้พี่ตั้งใจ...” ท้ายประโยคนั้นถูกกลบไปด้วยเสียงฟ้าผ่าดังกัมปนาทจนหูแทบดับ
พื้นที่ยืนอยู่สั่นสะเทือนเหมือนแผ่นดินไหว สีฝุ่นเสียการทรงตัวเหมือนถูกเหวี่ยงหมุนหวือไปในอากาศ ลมพัดฝุ่นผงกระจายฟุ้ง ตามองอะไรไม่เห็นอีก ได้ยินเสียงเรียกชื่อของเธอแว่วๆแทรกอยู่ในเสียงลม
ก่อนความรู้สึกต่อมา ร่วงคว้างแหวกผ่านม่านอากาศที่มองไม่เห็น ในหูได้ยินเสียงดนตรีประหลาดคล้ายเสียงพิณจีน ผสมฮาร์ป แต่ท่วงทำนองนั้นคุ้นหู ไพเราะอ่อนหวาน
ร่างของเธอถูกอัดกระแทกอย่างแรงด้วยกำลังปะทะราวรถพุ่งชน ทุกอย่างหยุดนิ่ง ชาหนึบ รวดร้าวไปทั่งทั้งร่าง ในหูได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวแรง คลอด้วยเสียงดนตรีลึกลับที่ไม่อาจหาที่มาได้
ท้องฟ้าเบื้องบนยังเต็มไปด้วยกลุ่มเมฆดำประหลาดหนาทึบแผ่วงกว้าง เคลื่อนตัวลงต่ำจนรู้สึกได้ว่าหากเพียงเอื้อมมือออกไปก็จะสัมผัสถึง มีสายฟ้าพุ่งแปลบปลาบราวคลุ้มคลั่งเกรี้ยวกราดอยู่ในนั้น
อากาศร้อนอับชื้น หญิงสาวรู้สึกถึงพื้นปูนที่สัมผัสแผ่นหลัง แข็ง หยาบ เหมือนมันยังโยกคลอนด้วยเลือดเนื้อที่มองไม่เห็น
เธอใช้เวลาอีกนานหลายวินาทีกว่าจะค่อยๆรับรู้ว่า ร่างร่วงหล่นลงมาจากราวระเบียงลานจอดรถชั้นสองที่ยืนอยู่เมื่อครู่ ศีรษะของเธอกระแทกเข้ากับบางอย่าง ที่แข็ง แต่ก็นุ่มหยุ่นกว่าพื้นปูนเบื้องล่าง
มือขวาของเธอยังกำหนังสือนิทานคำกลอนเรื่องกากีไว้แน่นจนเกร็งสั่น กลิ่นเบียร์โชยฉุน แต่นั่นก็ไม่ชัดเท่ากลิ่นวานิลลาในน้ำยาปรับผ้านุ่นที่โชยฟุ้งขึ้นเต็มจมูก พี่ทศ!
สีฝุ่นตระหนักรู้อย่างเชื่องช้าด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าเธอหล่นลงมากระแทกพื้นโดยศีรษะปลอดภัยดีทุกประการเพราะอะไร!
พี่ทศรองรับเธอไว้เท่าที่เขาจะทำได้ ปกป้องไม่ให้หญิงสาวบุบสลาย แต่ตัวเขาเองกลับแน่นิ่งไม่ไหวติง สีฝุ่นหายใจเข้าออกอย่างยากลำบาก “พี่...พี่ทศ”
แสงสว่างวาบจากฟ้าสว่างขึ้นอีกครั้งก่อนดับไปอย่างรวดเร็ว แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้สีฝุ่นเห็นสิ่งที่เธอไม่อยากเห็น
ร่างของชายหนุ่มรุ่นพี่ที่รองศีรษะเธออยู่ แน่นิ่ง ดวงตาลืมค้างจ้องมองเธอ กระอักไอเลือดสดๆออกมาทั้งทางปากและจมูก น้ำตาไหลคลอตา ศีรษะของเขาพาดอยู่ตรงขอบสันของแนวถนนปูนด้านล่างนั้นมีเลือดไหลนองกระจายออกมาจากส่วนที่มองไม่เห็น
สีฝุ่นตกใจเหมือนฟ้าผ่าลงกลางหัว ร้องตะโกนลั่น “พี่ทศ พี่ ได้ยินฝุ่นไหม อย่าเป็นอะไรนะพี่”
หญิงสาวพยายามทรงตัวลุกขึ้นแต่ก็แทบขยับไม่ได้ ปวดร้าวราวกับแตกหักย่อยยับไปทั้งตัว ในท้องและในอกยังร้อนวูบวาบเหมือนไฟอัง เหมือนถูกสารพิษ
“ช่วยด้วย ช่วยด้วยยยย!” เธอพยายามร้องตะโกนและเริ่มสะอื้นลึกๆในอก “พี่ทศ อย่าเป็นอะไรนะคะ ฝุ่นไม่ได้ตั้งใจ”
ตอนนั้นเองเสียงดนตรีประหลาดก็ดังขึ้นอีก ชัดเจนขึ้นจนเหมือนเสียงนั้นดังมาจากที่ใกล้ๆ มือข้างขวาที่กำหนังสืออยู่ ร้อนขึ้นราวกับมันกำลังลุกไหม้เป็นเปลวไฟ มีแสงสว่างเรื่อเรืองสีเหลืองนวลโอบล้อมหุ้มห่อหนังสือเอาไว้
อะ...อะไรกันเนี่ย! สีฝุ่นคิด ทั้งหมดนี่ มันอะไรกัน เธอพยายามโยนทิ้ง สะบัดมือขวาเพิ่งสลัดหนังสือออกแต่มันก็ไม่ยอมหลุดออกจากมือ ซ้ำยังเหมือนมือของตัวเองกำลังละลายผสานหลอมรวมเข้ากับมันอีก ไอซ์ อี โค้ก ยาระยำอะไรสักอย่าง! ในแก้วเหล้านั่นแน่ๆที่ทำให้เธอเป็นแบบนั้น เธอกำลังประสาทหลอนเพราะยา ใครสักคนคงแกล้งเธออีกตามเคย สีฝุ่น นี่มันคือภาพหลอน มันไม่เคยเกิดขึ้นจริง ทั้งเรื่องจูบแรกในชีวิตที่ลานจอดรถนั่น เรื่องที่หล่นลงมาจนพี่ทศเป็นแบบนี้ แล้วก็หนังสือดูดมือนี่ด้วย สีฝุ่นหายใจหอบถี่ เหนื่อย สิ้นเรี่ยวแรง ยอมแพ้ นอนนิ่งๆ หลับตาลงปล่อยในทุกอย่างหมุนคว้าง วูบวับลับหายลงในเสียงดนตรีลึกลับที่ดังเหมือนใกล้เข้ามาทุกที เหมือนร่วงหล่นลงในเปลไกว โยกไกวอ่อนโยนชวนง่วงนอน หญิงสาวร่างอวบรู้สึกเหมือนหลับยาวมานานหลายชั่วโมง ตอนที่เริ่มได้กลิ่นคล้ายกลิ่นกำยานไม้หอม และกลิ่นดอกการเวก ผสมผสานกับกลิ่นน้ำอบน้ำปรุงโบราณที่เคยได้กลิ่นตอนไปร่วมงานมงคลของบางบ้าน หญิงสาวขยับพลิกตัวเบาๆ รู้สึกสบายใจเมื่อผิวเนื้อรับรู้ได้ถึงความเรียบลื่นนุ่มละมุนผิวของเนื้อผ้าที่ห่มคลุมกายไว้รวมถึงผ้าป
หญิงสาวงามสะคราญอีกคนคลานเข่าเข้ามา คนนี้อายุราว 20 ปี ผิวพรรณผุดผาด ผ้านุ่งผ้าห่มดูหรูหราสวยงามกว่าคนที่คลานออกไปเป็นอันมาก ซ้ำยังมีเครื่องประดับเครื่องทรงทองทั้งต่างหู สร้อย ปะวะหล่ำ กำไล ประดับเครื่องเพชรพลอยส่องสว่างแวววับจับตา “เอ้า พระสนมแก้ว ในฐานะสนมเอกที่รู้จักปรนนิบัติเอาใจข้าเป็นอย่างดี ต่อแต่นี้เจ้าเป็นพระสนมพี่เลี้ยงให้แม่กากีเขานะ สอนเรื่องครองเรือน เรื่องถวายตัวให้เขาหายกลัวเสียหน่อย นางกำนัลพี่เลี้ยง พวกเจ้าดูแลนางมาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ต่อแต่นี้ก็รับบัญชาพระสนมแก้วท่านด้วย ท่านปรารถนาเรียกหาสิ่งใดก็จัดหามาให้อย่าได้ขาดตกบกพร่อง” ว่าจบก็ดึงตัวสีฝุ่นทำท่าจะหอมที่แก้ม สีฝุ่นเบ้หน้าเหยเกเกร็งตัวแข็ง จะถีบอีกสักรอบก็เกรงใจดาบยักษ์สี่เล่มรอบเตียงนั่น เลยยอมให้หอมให้จบๆไป หญิงงามผมเกล้าสูงพร้อมเครื่องทรงทองคำสุดอลังการเหมือนนางเอกละครย้อนยุค ขยับขึ้นมานั่งข้างๆเธอ โอบแขนประคองไว้ แล้วนำผ้านุ่งอีกผืนมาพันตัวให้ “มาเถิด กากี แต่นี้เจ้าเป็นน้องพี่ เรากำลังจะมีผัวคนเดียวกันแล้ว พี่จะสอนเจ้าเองว่าจะดูแลผัวของเราอย่างไร มาเถิด ลุกขึ้น
มือเรียวงามประดับปะวะหล่ำกำไล แหวนเพชรพลอยทองวูบวับ เอื้อมมาจับข้อมือที่ปิดไว้ให้กางออก เนิกอกของกากีตูมตั้งปลั่งเต่งราวดอกบัวหลวงเพิ่งผุดพ้นน้ำ กลมงามบริสุทธิ์ ปลายถันแดงก่ำสีหมากสุกขนาดเพียงครึ่งเม็ดบัว “อย่าอาย อย่าขัด มือนี่อย่าปัดป้องผลักไส พระสนมโง่เท่านั้นที่จะผลักไสองค์กษัตริย์ออกจากตัวและทำให้ตัวเองตกอับ เจ้าต้องเอามือและแขนนี้ โอบองค์หรือแตะที่ต้นแขนท่าน อย่าได้วางตกกะปลกกะเปลี้ยบนที่นอนเหมือนท่อนไม้ ท่านเคลื่อนไปเชยชมเจ้าทางไหนก็โอนอ่อนตาม ไม่มีบุรุษใดนิยมสมเสพกับซากศพที่นอนนิ่งแข็ง หรือเอาแต่คร่ำครวญร้องไห้ จำเอาไว้” สีฝุ่นพยักหน้าหงึกหงัก แต่ก็รีบยกแขนกลับมาปิดหน้าอกอีกอยู่ดี จนมือเรียวงามคู่นั้น วางลงบนหัวเข่าของเธอ แล้วพยายามดึงแยกออก สีฝุ่นเห็นพระสนมแก้วเม้มปากกลั้นหัวเราะ ก่อนจะทำหน้าตาขึงขัง “นี่สำคัญนัก แม่คุณ ขาเจ้าต้องไม่หนีบเข้าหากันเยี่ยงนี้ ต้องยอมอ่อนกำลังให้พระองค์ท่านกางออก ให้สอดพระวรกายเข้าไปได้” “สะ...สอด” หญิงสาวที่นอนอยู่สะดุ้งเฮือก แม้อายุ 25 ย่าง 26 แต่เธอก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องเพศโดยตรง พอจะรู้หรอ
ดรุณีอรชร อกเต่ง สะโพกตึง เอวกิ่วคอด หน้าตาอ่อนเยาว์อ่อนเดียงสาเหมือนหยาดน้ำค้าง แต่เข้าใกล้แล้วเร่าร้อนเหมือนเปลวไฟ กลิ่นกายหอมหวานติดกายบุรุษที่แตะต้องตัวนางไปอีกเจ็ดวันเจ็ดคืน แน่แล้ว ตอนนี้เธอเป็นนางกากี ตอนต้นเรื่องเลยละ หลังจากที่กำเนิดในดอกบัว พระฤษีเก็บเอามาเลี้ยง แล้วพระเจ้าพรหมทัตขอนางมาชุบเลี้ยงทะนุถนอมจนเติบใหญ่ เริ่มกลายเป็นเด็กสาวแรกรุ่น แล้วก็จะเอาเด็กสาวมาทำเมีย อืมมม...เรื่องมันเป็นอย่างนี้เอง สีฝุ่นคิด แว้กกกกกก! ไม่ได้สิ จะมาเออออห่อหมกง่ายๆแบบนี้ไม่ด้ายยยยย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? นางกำนัลพี่เลี้ยงสามคนกลับเข้ามาในห้อง คนหนึ่งถือขันทองเหลือขนาดใหญ่มีผ้าผืนเล็กพาดอยู่เดินตามเข้ามาด้วย “ชำระร่างกายก่อนเข้าบรรทมเพคะ พระสนมกากี” นางกำนันคนที่เดินนำหน้าเอ่ยขึ้นพลางตรงเข้ามาเอื้อมมือจับปมผ้าที่หน้าอกกากีอีกครั้ง “ไม่ๆๆๆ ไม่ต้องแล้วค่ะ ฉันทำเองได้ แค่เช็ดตัวก็จบใช่ไหม พอกันที เวลาแค่ไม่ถึงชั่วโมง มีคนแปลกหน้าจะมาจับฉันแก้ผ้าครั้งที่สามเข้าไปแล้ว สมกับเป็นเรื่องกากีจริงๆ ” สีฝุ่นถอนหายใจ นางกำนัลพี่เลี้ยงสองคนแ
นางกายหอมคิด ทั้งหน้าอก สะโพก ตูมเต่งกลมไปหมด เอวก็คอดหยั่งกะมด แถมตรงนั้น... ก็เหมือนผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วด้วย หลังเสวยหรือเกือบจะเรียกว่าสวาปามอาหารมื้อเช้าไปจนเกลี้ยงสำรับ กากีก็ถูกจับแต่งตัวห่มผ้ามิดชิด เอาผ้าคลุมศีรษะ เดินออกจากห้องตน ออกไปข้างนอก ความหนาของผ้ามากพอจะทำให้คนภายนอกมองทะลุเข้ามาไม่ได้ แต่ตัวกากีเองนั้นดวงตาแนบอยู่กับผ้าจึงมองลอดออกไปได้ ในยามกลางวันแสงแดดทำให้ภาพความใหญ่โตโอ่อ่าอลังการของพระราชวังเมืองพาราณสีเด่นชัด งดงามไม่แพ้ภาพในจินตนาการตอนที่อ่านหนังสือ เพียงออกมาจากห้อง เธอก็ได้ยินเสียงดนตรีไพเราะ คล้ายเสียงพิณจีนผสมฮาร์ป ดังกังวานไปทั่ว “เสียงพิณเทวะของนาฏกุเวร ไพเราะยิ่งนัก” นางกำนัลนางหนึ่งที่ประคองด้านขวาเอ่ยขึ้น “จุ๊ๆ” นางกำนัลที่ประคองซ้ายทำเสียงดุห้าม “อย่าอึงไป พระสนมแก้วได้ยินเข้าได้หวายลงหลัง เป็นนางใน เอ่ยถึงบุรุษ ไม่งาม” นางด้านขวาค้อนควัก “แหม ก็มีกันอยู่เท่านี้ บุรุษอื่นใดจะเข้ามาในเขตพระราชฐานนี้หาได้ไม่ มีแต่จตุรงค์ราชองค์รักษ์ที่เฝ้าแหนพระเจ้าเหนือหัวเท่านั้น แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ล้วน
หญิงสาวกลั้นใจ ค่อยๆกางขาของตนออก หลับตา เบือนหน้าหนี อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ทำให้มันจบๆไปซะ เธอท่องราวกับเป็นคาถาที่จะปกป้องตนเองได้ กากีแม่หญิงงามใจหายวาบ ร้อนไปถึงก้น เมื่อรู้สึกได้ถึงบางสิ่งนุ่มหยุ่น พยายามเคลื่อนไหว ถูไถเลื่อนไปมาที่จุดกระสันหญิง และวนเวียนอยู่รอบปากทางเข้าสู่ช่องถ้ำนาง รู้สึกถึงแรงดันพยายามจะล่วงล้ำอยู่พักหนึ่ง แต่แล้วก็ได้ยินเสียงครางยาวอย่างผิดหวังของชายกลางคน วัตถุกึ่งแข็งกึ่งหยุ่นนั้นกลับย่อนยวบลงทันทีเหมือนฟองน้ำ ไม่อาจยื้อรั้งได้อีก ของเหลวขาวข้นขุ่นร้อนราดรดบนเนินสวาทที่มีไรขนอ่อนนุ่มปกคลุมบางเบาและยังราดรดต้นขาของเธออีก อะไรกันน่ะ ยังไม่ได้เข้าไปไม่ใช่เหรอ หรือว่า แบบนี้หรือเปล่านะ ที่เขาเรียกว่าล่มปากอ่าว เธอคิดวนไปวนมาอย่างสับสน แล้วนี่ฉันต้องทำยังไง พระเจ้าพรหมทัตเริ่มสะอึกสะอื้น หน้าตาแดงก่ำ กลิ่นสุรายังคลุ้งแรงในลมหายใจ “น่าขายหน้านัก ข้าหมายชมเจ้าให้สมที่อดใจรอเจ้าโตมานาน แต่พอถึงเวลากลับเป็นเช่นนี้ไปได้ น่าอับอายยิ่งนัก ต่อหน้าเจ้าที่เป็นนางแก้วของแผ่นดินแท้ๆ” กากีทำอะไรไม่ถูก จึงเอื้อมมื
ใครเลยจะรู้ว่าที่ตำหนักของพระสนมแก้ว มีห้องลับอยู่ห้องหนึ่ง ที่ใช้ซ่อนบรรดานางในรูปร่างหน้าตางดงามระดับหัวกะทิเอาไว้เกือบสิบคน แต่ละนางนั้นงามหมดจดหาที่ติไม่ได้ ผิวพรรณเนียนงามเปล่งปลั่ง แก้มมีสีเลือดฝาดเหมือนลูกพีช ริมฝีปากแดงชาด หากเป็นที่ที่หญิงสาวจากมา สีฝุ่นมองว่า สวยกว่านางเอก นางแบบ ดาราในโลกของเธอเป็นร้อยพันเท่า และที่สำคัญหญิงสาวเหล่านี้ไม่มีใครผ่านมีดหมอ แต่กลับสวยงามตามธรรมชาติ ดั่งผลไม้สุกปลั่งกลิ่นหอมหวนยวนยั่วน่าเชยชมลิ้มรสชาติยิ่งนัก แต่ละคนมีเพียงผ้าขาวผืนอ่อนบางผืนหนึ่งพันส่วนสงวนบนล่างเอาไว้หลวมๆ เปิดสองทรวงอกอิ่มปลั่งกลมเต่งเนียนงามอร้าอร่าม รวบเกล้าผมสูงพ้นต้นคอ ทุกนางกำลังตั้งหน้าตั้งตาขัดเนื้อตัวด้วยสมุนไพรสีแดงอมส้มบางอย่างกันอย่างขะมักเขม้น “นางพวกนี้ข้าให้คนตระเวนหามาปรนเปรอ พระเจ้าพรหมทัตจากทั่วพาราณสี ซื้อตัวมาบ้าง สมัครใจมาเองบ้าง ข้าเอามาฝึกสอนวิชากามปรนนิบัติ ให้ละความละอาย ให้รู้วิธีกระตุ้นกำหนัดเพื่อให้บุรุษพอใจ” พระสนมแก้ว เอียงคอพูดกับกากีเบาๆ “ทว่านอกจากตัวข้าเองแล้ว ส่งขึ้นไปถวายตัวอีกกี่คน พระองค์ก็ไม่ค่อยต้องพระทัยนัก บางคน
“ส่วนเนื้อที่ก้นนี้สำคัญนัก ต้องรองรับน้ำหนักและแรงกระแทกกระทั้นจากบุรุษ ต้องมีความนุ่มหยุ่น ชุ่มชื้นอยู่เสมอ กล้ามเนื้อต้องแข็งแรง เกร็ง และผ่อน รัดและคลายได้ดังใจสะโพกที่กลม ผาย งาม ดึงดูดมนุษย์เพศผู้ได้ดีไม่ต่างจากเนินอก แม้อยู่ใต้ผ้าผ่อน ก็มองเห็นรูปร่างของมันได้ บ่งบอกถึงการเป็นแม่พันธุ์ที่ดี แข็งแรง เหมาะแก่การปลูกเชื้อกำเนิดทายาท” ในท่านั้น กากีเห็นหญิงสาวที่เรียงรายในท่าเดียวกันสะดุ้งเฮือกขึ้น บ้างร้องคราง บ้างกัดฟัน บ้างเม้มปาก ไล่มาทีละคน แล้วเธอก็มองเห็น หญิงกลางคนอีกนางหนึ่ง ถือกระปุกยาไม้ขนาดเท่าแก้วน้ำ ในนั้นมีแท่งไม้เท่านิ้วมือ คอยแตะจุ่มลงในผงสีขาวนวล แล้วยกขึ้นเสียบสอดลงในช่องที่ซอกขาจนมิดด้าม หมุนเร็วๆแล้วดึงออก เมื่อเห็นใกล้ตัวเข้ามา กากีที่รู้ชะตากรรมตัวเองพยายามจะดิ้นหนี แต่ก็ถูกนางเอื้องผากดหัวเอาไว้ “อย่ากลัว อย่าขืนเกร็ง เจ้ายิ่งขืนจะยิ่งเจ็บ ยาสมุนไพรนี้จะทำให้ช่องกำเนิดเจ้าแข็งแรง กระชับ ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำหล่อเลี้ยงดุจน้ำหวานในเกสรดอกไม้ บุรุษใดได้สอดร่างใส่เข้าในเจ้าแล้วจะหลงใหลในรสสวาทไม่อยากละจากเจ้าไปไหน แต่ยานี้จะแสบนิดหน
ซินแสหวางว่าต่อ “เมื่อถูกนำมาคืนแล้ว นางก็ถูกจับมัดที่แพเสี่ยงทาย ลอยออกทะเลมาเพื่อทดสอบบุญญาธิการว่าจะยังคู่ควรรับใช้พระเจ้าเหนือหัวพรหมทัตหรือไม่ จนแพของนางลอยมาพบเรือเราเข้า” “สามีขับไสไล่ทิ้งลงทะเล ถ้าอย่างนี้ก็ถือว่านางเป็นหญิงม่ายน่ะสิ” พ่อบ้านกวงร้องด้วยความตกใจ “แบบนี้ยิ่งไม่เหมาะจะอยู่บนเรือเรา ดรุณีสาวแรกรุ่นไม่มีสามี ไม่มีเจ้าของ ยิ่งงามสะคราญกิริยาอาการและกลิ่นผิวกายนางยวนกามาเช่นนี้มากลุ่มบนเรือท่ามกลางบุรุษกลัดมันจำนวนมาก วันใดเกิดคนบนเรืออดรนทนไม่ได้ขึ้นมา มีหวังได้เกิดศึกชิงนาง ฆ่าฟันกันจนเรือแตกแน่ๆ” ต่างคนต่างมองหน้ากันท่ามกลางเสียงคลื่นกระทบเรือและลมทะเลแผ่วผ่านเป็นระยะๆ ในห้องนอนเฉินอี้เฟิง สีฝุ่นในร่างกากีกำลังตื่นตาตื่นใจกับชั้นหนังสือของนายสำเภาหนุ่มรูปงาม “หนังสือเยอะมาก นายสำเภา ท่านเป็นนักอ่านหรือคะ ข้าก็ชอบอ่านเหมือนกัน” ชายหนุ่มยิ้ม “เรียกข้าว่าอี้เฟิงเถิด เราสนิทกันแล้ว” กากีชำเลืองตามามองนิดหนึ่งแล้วหันกลับไปอมยิ้มคนเดียว อันที่จริงหนุ่มสไตล์ตี๋ขาวสูง หล่อสะอาดสง่า สุภาพ น่ารัก ขี้เล่นแบบนี้ ถ้าไ
บนเรือไม่มีสตรีอื่นอีกนอกจากกากี ดังนั้นการจะช่วยเหลือนางอย่างพิถีพิถันเช่นเดียวกับที่กากีเคยได้รับมาจากนางกำนัลพี่เลี้ยงหรือนางรับใช้ย่อมเป็นไปไม่ได้ ถึงกระนั้นเรื่องการดูแลรักษากากีกลับเป็นเรื่องที่ไม่ได้ทำให้เฉินอี้เฟิงลำบากใจแต่อย่างใด กลับดูยินดีปรีดาร่าเริงยิ่งนัก หลังส่งให้ลูกเรือไปช่วยกันหาอาหาร น้ำ และผลไม้ มาเตรียมไว้ให้นางแล้ว เขารีบสั่งไปช่วยลูกเรือค้นหาเสื้อผ้าอาภรณ์ในหีบสินค้าที่อาจติดมาเพื่อค้าขาย ได้ผ้าไหมจีนเนื้อดีและผ้าฝ้ายทอละเอียดเนียนนุ่ม สีสันสวยงามหลากหลายมาให้กากีไว้ผลัดใส่หลายพับวางไว้ให้นางที่ข้างม่าน พร้อมชามใบใหญ่ใส่น้ำอุ่นและผ้าผืนเล็กๆอีกผืนวางให้ “รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเช็ดเนื้อเช็ดตัวเสียเถิดแม่นาง สวมเสื้อผ้าเปียกชุ่มน้ำทะเลเช่นนั้นนานนักจะเจ็บไข้เอาได้ ข้าไม่มีชุดสตรีบนเรือเลย แต่ก็เลือกผ้าพับงามๆมาให้เจ้าแล้ว เจ้าลองเลือกใช้ห่มพันกายดูเถิด เข็มกลัดก็มีไว้ให้พร้อมแล้ว” แสงที่ส่องมาจากหลังม่านอวดให้เห็นสรีระเปลือยเปล่าของนางทาบทับอยู่บนเนื้อผ้า สรีระของนางที่ควรนูนก็นูนเต่ง ที่ควรเว้าก็เว้าคอด แขนขาเรียวกลมกล
ผิวกายที่ต้องกระทบแสงแดดสว่างเจิดจ้าเรืองรองฉ่ำน้ำราวกับไข่มุกทะเลกลางมหาสมุทร เส้นผมตรงดำขลับเงางามเหมือนเส้นไหมยาวสยาย คิ้วงามเป็นรูปโค้งน้อยๆรับกับรูปตา ดวงตาเรียวโตงามดั่งลูกกวางหางตาช้อยเชิดเหมือนวาด แพงอนตาหนางอนงาม จมูกโด่งงอนจิ้มลิ้มพริ้มเพรา สองปรางแดงปลั่งดั่งผลท้อจีน แลปากอวบอิ่มสีชมพูสดนั้นอีกเล่า ไม่ต้องพูดถึงเรือนร่างงดงามทุกสัดส่วน ถันแลสะโพกกลมกลึงดั่งปั้น เอวคอดกิ่ว ยิ่งกายนางเมื่อกระทบละอองน้ำทะเลจนอาภรณ์สีขาวเปียกฉ่ำแนบเนื้อเช่นนั้น กลิ่นกายหอมหวลยวนกามาของแม่งามแน่งน้อยกากีก็ยิ่งขจรขจายไปไกลจนได้กลิ่นกันทั่วทั้งเรือ ทั้งลูกเรือนายเรือทั้งหลายต่างก็พากันวิ่งมาเกาะกราบเรือข้างนั้นจนเรือเอียงกะเท่เร่ไปข้างหนึ่ง หากเรือมิได้บรรทุกสินค้ามาด้วยจนเพียบเต็มลำเรือ แลอับเฉาท้องเรือหลายตัวคอยช่วยถ่วงน้ำหนัก เรือสำเภาจีนลำนี้คงพลิกคว่ำล่มลงไปแล้วเพราะพิษความงามของกากีแน่แท้ “เอ้า วิปลาสกันไปหมดแล้วหรือ ไต้ก๋งอยู่ไหนนี่” พ่อบ้านกวงที่เพิ่งหายจากอาการตกตะลึงรีบร้องเรียก ไต้ก๋งที่ก็มายืนเนียนจ้องนางโฉมงามอยู่ในหมู่ลูกเรือได้ยินเสียง
แม่เงือกน้อยรีบส่ายหน้า “ตายไม่ได้ค่ะ พี่สีฝุ่นตายไม่ได้” เธอว่า เสียงหวาน “อีกไม่นานก็จะพบเรือสำเภาแล้ว กระแสน้ำเปลี่ยนทิศนิดหน่อยเท่านั้นเอง สีฝุ่นอึ้งจนพูดแทบไม่ออก อะไรเนี่ย ในเรื่องกากีมีเงือกด้วยเหรอ แปลกไปแล้ว ต่อให้เป็นนิยายแฟนตาซีแบบนี้ก็เถอะ จะว่าเป็นตัวละครไร้บท ก็ไร้บทเสียจนไม่เคยปรากฏในเรื่องเลยด้วยซ้ำมั้ง แม่เงือกสาวยิ้มให้สีฝุ่นจนยาหยี ดูร่าเริงสดใสและท่าทางตื่นเต้นนิดๆ เธอขยับมานั่งใกล้ๆสีฝุ่นห้อยส่วนหางปลาบานใหญ่สีขาวเหมือนหางปลาทองลงจุ่มน้ำ สะบัดเล่นจนน้ำกระจายเป็นวง “ทำไมล่ะ ทำไมถึงตายไม่ได้ ยังไงเสีย คนที่มาที่นี่ก็มีแต่สองทาง คือออกไปทางหน้าสุดท้าย หรือไม่ก็หายไป มันก็เท่านั้นนี่” สีฝุ่น น้องเงือกน้อยแก้มแดงอมยิ้ม “พี่สีฝุ่นเล่นเป็นนางกากีได้เก่ง และฉลาดกว่าคนอื่นๆที่เคยหลุดเข้ามาที่นี่เยอะเลยค่ะ หนูละลุ้นระทึกทุกตอนเลย ตอนที่พานางกำนัลไร้นามเข้าไปร่วมหอด้วยอีกคนนี่แบบ โอ้โห คิดได้ไงเนี่ย เพราะงั้นพี่สีฝุ่นห้ามตายนะคะ หนูเป็นแฟนคลับนิยายกากี แอบฟังพวกมนุษย์ตัวประกอบไม่มีบทพูดเรื่องเล่าของพี่มานานแล้ว เมื่
“ขอบคุณพี่เอื้องผาที่เมตตานำสารนี้มาบอกข้า แต่หากมีโอกาสฝากไปบอกเขาด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ ว่าข้าไม่ต้องการให้เขาช่วย และไม่ต้องการให้เข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องใดๆของตัวข้าอีกแล้ว” ทว่า นาฏกุเวรเองก็ไม่มีโอกาสเช่นนั้น เนื่องจากรุ่งเช้าต่อมา นางกากีก็ถูกลากตัวจากที่นอน และจับผลัดผ้าเป็นชุดนุ่งขาวห่มขาวเพื่อเข้าพิธีกรรมเสี่ยงทายตามความเชื่อ ใครบางคนว่า เวลาของพิธีกรรมถูกเลื่อนให้เร็วที่สุดเพราะมีข่าวระแคะระคายว่าจะมีคนมาชิงตัวช่วยกากีนั่นเอง และเมื่อแดดแรกของวันมาถึง กากีก็ถูกจับขึ้นไปนั่งกลางแพไม้ที่มีเสาหลักอยู่ตรงกลางแพ และให้นั่งกอดเสา มัดมือติดกับเสาเอาไว้ ท่ามกลางสายตาชาวเมืองพาราณสีที่พากันมามุงดูชะตากรรมอันน่าเวทนาของอดีตพระมเหสีแน่นขนัดเต็มริมชายหาด เสียงพูดคุยอุทานเซ็งแซ่ถึงความงามเหนือคำพรรณนาของนางกากี แม้ไร้เครื่องประดับตกแต่งใดๆก็ยังงามผุดผ่องราวหยาดจากสวรรค์ ผิวพรรณส่องสว่างเรืองรองวาวฉ่ำดั่งประกายไข่มุก คิ้วได้รูปเป็นดั่งมงกุฎพักตรา เหนือดวงตาลูกกวางน้อย ขนตางอนหนาพลิกพลิ้ว ปากอวบอิ่มเม้มแล้วคลายออก อกตึงปลั่ง เอวคอด สะโพกกลมผาย เรียวขางามกลม
เมื่อเนื้อเรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว สีฝุ่นในร่างนางกากีผู้เลอโฉม ระทมตรมทุกข์เสียจนไม่มีแก่ใจจะสนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัวเสียแล้ว รักแรกรักแท้ที่เธอเฝ้าถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูในหัวใจมาหลายปี ในโลกของเธอนอกจากเขาจะไม่เคยชายตามอง เขายังประกาศแต่งงานกับคนอื่นไปโดยแทบไม่เคยเห็นว่าเธอมีตัวตน อุตส่าห์ได้มาสมหวังสมรักกันที่นี่ ในโลกแฟนตาซีเรื่องกากีนี้ ก็มีอันต้องพลัดพรากจากกันไปตามท้องเรื่องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีก สีฝุ่นหัวใจสลาย หมดจิตหมดใจจะดิ้นรนต่อสู้อะไรเพื่อตัวเองอีก มันคงถูกต้องแล้ว มันคงเป็นเช่นนั้น คนที่แพ้อย่างเธอ ไม่ว่าจะอยู่โลกไหนก็ไม่มีวันได้สมรัก ไม่มีวันได้อยู่กับคนที่รัก แม้จะสวยเลิศเลอเฟอร์เฟคไร้ที่ติ อย่างนางกากีเนื้อหอม ไม่มีทางหาข้ออ้างอะไรได้อีกแล้ว เสียงหึ่งๆของผู้คนพูดคุยดังรอบตัวเธอขณะนั่งเท้าแขนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กับพื้นท้องพระโรง น้ำตาร่วงหล่นลงบนพื้นพรมผ้าทอสีแดงเลื่อมทองลวดลายวิจิตรจนเปียกเป็นหย่อมๆ เลือนรางคล้ายเหนือหัวพรหมทัตเข้ามาประกองกายให้ลุกขึ้น แต่ก็ถูก ใครว่าอะไรบ้างก็ไม่ได้ยินชัดถนัดนักในเวลาอย่างนี้ แต่การณ์ก
ว่าแล้วพญาครุฑหนุ่มก็เริ่มฉุดกระชากลากแขนนางไปยังทางออกวิมาน ส่วนกากีผู้เลอโฉมตอนนี้ดวงใจบอบช้ำยับเยินจากถ้อยคำที่กรีดแทงเหล่านั้นจนแทบสิ้นเรี่ยวแรง ทิ้งตัวลงกอดขาสวามียอดรักเอาไว้แน่น สัญชาตญาณของคนที่กำลังจะสูญเสียทำให้เธอไม่คิดถึงทางออกอื่นอีก นอกจากจะยื้อรั้งช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันให้นานที่สุด “พี่นภคนดี ท้าวเวนไตยยอดรัก สวามีแห่งข้า หากท่านโกรธแค้นข้าถึงเพียงนั้น สู้ฉีกเนื้อเถือหนังข้าเสียให้ตายลงตอนนี้เลยยังจะดีเสียกว่า ข้ายอมตาย ยอมตายด้วยน้ำมือของคนที่รักบูชาที่สุด ยอมตายอยู่ในวิมานที่เราเคยได้สร้างรังรักร่วมกันนี้ ดีกว่าให้กลับไปอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ข้าชังจนไม่หมายเห็นหน้าค่าตากันอีก” นางสะอื้นตัวโยน ต้นแขนแดงก่ำเป็นรอยนิ้วและรอยเล็บจิก บุรุษหนุ่มแห่งหิมพานต์ก้มลงหมายจะสะบัดขาไล่นางออกให้พ้น แต่เมื่อได้สบตา เห็นใบหน้างามแช่มช้อยเศร้าสร้อย น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม ดวงตากลมโตสุกใสดั่งลูกกวางน้อยหรี่แสงลง แผงขนตางอนงามชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำตา สองปรางแดงก่ำด้วยช้ำชอกใจ ปากสั่นระริก เหงื่อนางไหลซึมไปทั่งร่างด้วยความหวาดกลัว องค์เวนไตยก็หัวใจอ่อนยวบลงทันที
นางวิหครับใช้เอื้อมมือมาประคองมือของกากีให้เข้ามาแนบกับท้องของตน มีความเคลื่อนไหวเบาบางของบางสิ่งอยู่ในนั้น อาจไม่ถึงกับเหมือนเด็กเตะ หรือตัวอะไรดิ้น แต่เธอก็รับรู้ได้ สกุณีมีครรภ์แล้วจริงๆ “โอรสของคีตเทพเจ้าค่ะ ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ได้ฝัน ท้าวเวนไตยก็ไม่เชื่อ เทวะมาอุ้มข้าไปร่วมสมจริงๆ ซ้ำยังมอบโอรสเทพให้ข้าอุ้มท้องด้วย ชาติกำเนิดของบุตรข้าไม่ใช่ลูกนกทั่วไป คงไม่อยากเติบโตในเปลือกไข่ จึงกำเนิดในครรภ์ข้าเป็นตัวอ่อนรอกำเนิด ข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าจะคลอดและเลี้ยงเขาให้ต่างจากลูกปักษีอย่างไร แต่ข้ารักลูกข้าเหลือเกิน” ใบหน้ายิ้มแย้มของนางทำให้กากีอดเอ็นดูไม่ได้ โถ แม่เด็กน้อยเอ๋ย ซื่อแท้ๆ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว กากีจึงยังไม่กล้าเล่าว่า บุตรในครรภ์ของนางเป็นบุตรของนาฏกุเวรคนธรรพ์จอมเจ้าเล่ห์ ที่ถึงแม้จะเป็นลูกครึ่งเทวะ และมีเวทย์มนต์กลคาถามากมาย แต่ก็หาใช่คีตเทพตัวจริงจากสวรรค์ดั่งที่นางเข้าใจ ซ้ำยังเพียงใช้นางสกุณีเป็นทางผ่านเพื่อให้เข้ามาถึงตัวกากีได้ หญิงสาวผู้เลอโฉมยิ้มเอ็นดู “บุตรของเจ้าช่างมีบุญแท้ ได้มาเป็นลูกของแม่สกุณีน่ารักเช่นเจ้า ต่อไปขอให้เขาได
ในเช้าวันที่พญาครุฑหนุ่มร่างกำยำท้าวเวนไตยผู้เป็นใหญ่แห่งหิมพานต์บินออกจากวิมานฉิมพลีไปในรุ่ง มิทันถึงราตรีสีฝุ่นหรือในร่างแม่งามกากี หญิงสาวเลอโฉมหยาดฟ้าด้วยชาติกำเนิดกึ่งเทพธิดาก็ได้ประจักษ์แก่ใจตน ว่าเนื้อเรื่องทางพาราณสีได้ดำเนินไปตามครรลองของมันแล้วโดยเธอไม่อาจแก้ไขสิ่งใดได้ ชะตากรรมตามท้องเรื่องทำให้เธอตกที่นั่งลำบากอย่างยากจะหาทางแก้ไขเสียแล้ว หญิงสาวนั่งทอดสายตาเหม่อมองออกไปยังทิวทัศน์ด้านนอก ป่าหิมพานต์ที่งดงามวิจิตร แลไกลสุดลูกหูลูกตาแสงสีประหลาดสวยสดในยามสนธยา ท้องฟ้าเป็นสีแดงส้ม ตกกระทบระยิบผิวน้ำของมหาสมุทรที่ไกลออกไปแต่ยังพอมองเห็น นี่คงเป็นวันสุดท้ายแล้วที่เธอจะได้อยู่ชื่นชมที่นี่ ผนังห้องนอนส่วนทึบที่บุด้วยวัตถุประหลาดสีขาวเหลื่อมลายรุ้ง ตอนนั้นสะท้อนเหลื่อมรุ้งวาววามเจือส้มทองมากขึ้น พี่นภของสีฝุ่น... ธอครวญในใจ แม้ใจหนึ่งจะนึกทำใจเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าเรื่องต้องมาถึงตอนนี้ ต้องตัดใจเพื่อให้เธอได้มีโอกาสออกไปจากหนังสือนิทานคำกลอนกากีได้อย่างปลอดภัย และมีโอกาสได้กลับไปเริ่มต้นใหม่ในโลกที่เธอจากมา แต่การจะตัดใจห่างจากเขาทั้งที่เคยได้ใกล้ชิดสนิทเส