“ฉันว่าเราควรแยกกันอยู่สักพักนะ ให้เวลาเป็นเครื่องตัดสินว่าเราจะไปต่อหรือพอแค่นี้...ในเมื่อคุณมีอีกคน” คำพูดนั้นราวกับปล่อยระเบิดลงกลางความสัมพันธ์ เจมส์ชะงัก มองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ เขารู้ว่าความจริงที่เขาเลือกปิดบังมาตลอดได้เปิดเผยออกมา “อิมิลี่...มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ” เขาพูดออกมาเสียงเบา ราวกับกำลังค้นหาคำแก้ตัวที่น่าเชื่อถือ เธอส่ายหน้า ยิ้มบาง ๆ ที่ไม่ได้เต็มไปด้วยความสุขอีกต่อไป “อย่าพยายามแก้ตัวเลยเจมส์ ฉันเหนื่อย...เหนื่อยกับการพยายามทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ในขณะที่คุณไม่ได้พยายามไปกับฉันเลย” เธอก้มลงหยิบกระเป๋าเดินทางใบโต หยุดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “ฉันอยากให้คุณใช้เวลาคิด ว่าคุณต้องการอะไรจริง ๆ... และฉันก็จะทำแบบเดียวกัน” เจมส์มองดูเธอเดินออกจากห้องไป ความรู้สึกผิดและความกลัวปะทุขึ้นในใจ แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้ นอกจากอยู่ในความเงียบที่เธอทิ้งไว้...
view moreเจมส์จ้องลูคัสเขม็ง ดวงตาแดงก่ำราวเปลวเพลิงที่พร้อมเผาผลาญทุกสิ่งรอบตัว ลมหายใจของเขากระชั้นถี่ ร่างสูงขยับเข้าประชิดจนลูคัสสัมผัสได้ถึงความร้อนจากร่างที่สั่นสะท้านด้วยแรงโทสะ“มึงจะเอายังไง?” เสียงของเจมส์แข็งกร้าว ราวกับจะท้าทายให้สถานการณ์ลุกลามลูคัสขบกรามแน่น ก่อนจะตัดสินใจผลักเจมส์ออกไปเต็มแรง ร่างนั้นเซถลาไปด้านหลัง แต่ยังไม่ทันตั้งตัว เจมส์ก็กระโจนกลับมาพร้อมหมัดที่พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของลูคัสเต็มแรง เสียงกระแทกดังสนั่น ริมฝีปากของลูคัสแตกเป็นทางยาว เลือดสีแดงสดไหลซึมออกมา เขายกหลังมือปาดมันออกอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะพุ่งสวนกลับด้วยหมัดอัดเข้าชายคางเจมส์อย่างจังเสียงร่างกระแทกพื้นดังสนั่น เจมส์นอนแน่นิ่งไปชั่วขณะก่อนจะดันร่างขึ้นอีกครั้ง"หยุดเถอะ! พอได้แล้ว!" อิมิลี่ร้องเสียงสั่นพลางถลันเข้ามาแทรกกลางระหว่างทั้งคู่ น้ำตาคลอเบ้าด้วยความหวาดหวั่นแต่เจมส์กลับไม่ฟัง เขาปัดมืออิมิลี่ออกอย่างแรงจนเธอเซถอยไป ราวกับแรงโกรธนั้นกำลังแผดเผาสติสัมปชัญญะของเขาจนมอดไหม้ ร่างเขาสั่นสะท้านเหมือนภูเขาไฟที่ปะทุอยู่ภายใน เขาเดินโซเซไปที่รถ กัดฟันแน่นจนกรามขึ้นสันนูน“เจมส์ ได้โปรด…” อิมิลี่อ้อนวอนเส
อิมิลี่ก้าวออกจากงานเลี้ยงพร้อมลูคัส สายลมยามค่ำคืนพัดวูบเข้ามาปะทะผิวกาย ความเย็นเยือกแทรกซึมจนเธอเผลอยกแขนกอดตัวเองไว้โดยไม่รู้ตัวลูคัสเหลือบมองเธอ ดวงตาเต็มไปด้วยความห่วงใย แม้ริมฝีปากจะปิดสนิทไม่เอ่ยคำใด แต่ท่าทางของเขากลับสื่อความรู้สึกออกมาอย่างชัดเจน เขาเลื่อนมือถอดเสื้อคลุมของตัวเองออก ก่อนจะวางลงบนไหล่ของเธออย่างแผ่วเบา“ขอบคุณค่ะ...” อิมิลี่พูดเสียงแผ่ว รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า แม้มันจะจางจนแทบมองไม่เห็น แต่ก็พอให้ลูคัสรับรู้ได้ว่าเธอรู้สึกขอบคุณจริง ๆแม้บ้านของอิมิลี่จะอยู่ไม่ไกลนัก แต่ลูคัสก็ยืนยันจะไปส่งให้ถึงที่พักอย่างปลอดภัยแต่ตลอดทางกลับบ้าน ภายในรถเงียบสนิทราวกับทุกอย่างหยุดนิ่ง มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ดังแผ่วเบา อิมิลี่นั่งนิ่ง ดวงตาจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย ทว่าสิ่งที่ไหลวนอยู่ในความคิดของเธอกลับวุ่นวายเสียจนไม่อาจหาจุดพักภาพของเลโอผุดขึ้นมาในความคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แววตาของเขาในวันนี้เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและความลึกลับ — แตกต่างจากวันแรกที่เธอเคยพบเขาโดยสิ้นเชิง ราวกับเป็นคนละคนความคิดวกกลับไปถึงเรื่องการหย่าร้างกับเจมส์ การฟ้องร้องที่กำลังจะ
บรรยากาศในห้องครัวอึดอัดเสียจนเหมือนอากาศรอบตัวหนาหนักขึ้นทุกขณะ อิมิลี่ยืนตัวแข็งทื่อ ใบหน้าพยายามเก็บซ่อนความรู้สึก แต่แววตากลับฟ้องชัดถึงความกระอักกระอ่วนที่เอ่อล้นออกมาความเงียบที่ปกคลุมถูกทำลายลงเมื่อเสียงเรียกดังขึ้นจากทางเดิน"อิมิลี่..."เธอหันไปตามเสียง ลูคัสปรากฏตัวขึ้น ดวงตาของเขามองข้ามเธอไปยังเลโอ ก่อนจะตวัดกลับมามองเธออีกครั้ง สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยกระวนกระวายที่ปิดไม่มิดลูคัสละสายตากลับมาที่เลโออีกครั้ง ก่อนจะหันกลับไปมองอิมิลี่ใหม่ สายตาของเขาไล่สลับไปมาระหว่างทั้งสองคนช้า ๆ ราวกับกับพยายามประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า แล้วเขาก็สัมผัสได้ถึงความตึงเครียดที่แผ่ซ่าน "เออ อิมิลี่..." ในที่สุดลูคัสจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย ราวกับกำลังพยายามจะทำให้บรรยากาศคลี่คลาย"นี่คือเลโอ... น้องชายผม"คำพูดนั้นทำให้ คิ้วของอิมิลี่ขยับชิดกันแน่น"น้องชาย?" เธอทวนคำเสียงแผ่ว ดวงตาฉายแววงุนงง"ใช่..." ลูคัสพยักหน้าเบา ๆ "เราจากกันตั้งแต่เลโออายุแค่สามขวบ เขาไปอยู่กับญาติที่ต่างประเทศ... เพื่อรักษาตัว"เพื่อรักษาตัว...หัวใจของอิมิลี่กระตุกวูบขึ้นมาทันที ราวกับคำพูด
อิมิลี่ก้าวลงจากรถแท็กซี่อย่างช้า ๆ ปล่อยให้เสียงประตูปิดลงตามหลัง ราวกับเป็นสัญญาณว่าทางเลือกของเธอได้ถูกตัดสินไปแล้ว "ปัง"เสียงของประตูนั้นช่างหนักแน่นกว่าที่ควรจะเป็น หรือบางทีอาจเป็นเพราะหัวใจของเธอที่เต้นแรงจนทุกอย่างรอบตัวดูชัดเจนเกินไปเธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ลมหายใจสะดุดติดอยู่กลางอก ดวงตาจ้องไปยังบ้านสีขาวหลังเดิม บ้านที่เคยเป็นเหมือนโลกทั้งใบของเธอ — โลกที่อบอวลด้วยเสียงหัวเราะ และความอบอุ่นที่โอบล้อมเธอไว้เสมอแสงไฟสีเหลืองนวลที่ส่องลอดผ่านผ้าม่านบาง ๆ เคยให้ความรู้สึกเชื้อเชิญและปลอดภัย ทว่าวันนี้กลับดูห่างเหินจนแปลกตา เสียงพูดคุยแว่วมาเบา ๆ ผสานไปกับเสียงหัวเราะที่ลอยมาตามสายลม เสียงเหล่านั้นควรทำให้เธอรู้สึกสบายใจ แต่กลับกลายเป็นเสียงที่ย้ำเตือนว่าเธอเป็นเพียงคนนอก — คนแปลกหน้าที่ยืนอยู่ผิดที่ผิดทางภาพเงาตะคุ่มของผู้คนเคลื่อนไหวไปมาอย่างมีชีวิตชีวา หากเป็นเมื่อก่อน เธอคงเดินเข้าไปร่วมวงด้วยรอยยิ้ม แต่ตอนนี้ ทุกอย่างดูราวกับกำลังดำเนินต่อไปโดยไม่มีเธอ... ในขณะที่เธอเองกลับยังติดอยู่กับความรู้สึกหนักอึ้งราวกับหินที่ถ่วงหัวใจสายตาของเธอหยุดลงที่ลูกโป่งสีพาสเทลที่ผูกประดับอ
ท้องฟ้ายามอัสดงเปล่งประกายด้วยสีส้มทอง ไล่เฉดสู่สีชมพูอมม่วงตัดกับขอบฟ้า ผืนทะเลกว้างใหญ่สะท้อนแสงระยิบระยับราวกับเกล็ดอัญมณีที่กระจัดกระจายทั่วพื้นน้ำอิมิลี่ยืนอยู่บนผืนทรายที่เย็นเฉียบ ปลายเท้าเปลือยเปล่าจมลงในเนื้อทรายนุ่มละเอียด สายลมพัดผ่านปลายผมของเธอเบา ๆ เส้นผมปลิวไหวตามแรงลม กลิ่นไอเค็มจากทะเลอบอวลอยู่ในอากาศ แทรกซึมเข้าไปในทุกลมหายใจเธอทอดสายตามองแสงสุดท้ายของวัน ดวงตาคู่นั้นฉายแววครุ่นคิด ความสับสนและบาดแผลในใจดูเหมือนจะเบาบางลงเมื่ออยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบเช่นนี้คลื่นซัดเข้าหาฝั่งเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คล้ายเสียงปลอบประโลมที่คอยกระซิบว่า... "เดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้น"เธอค่อย ๆ หยิบนามบัตรจากกระเป๋าสะพายขึ้นมา พลิกดูเบอร์โทรศัพท์ที่พิมพ์ตัวเลขไว้อย่างชัดเจน หัวใจเธอเต้นระรัว ราวกับพยายามเตือนเธอว่าหลังจากการตัดสินใจนี้ จะไม่มีวันหวนกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก นิ้วเรียวกดตัวเลขบนหน้าจอมือถือช้า ๆ ขณะที่เสียงคลื่นยังซัดสาดอยู่ไม่ขาดสายตรู๊ด... ตรู๊ด...“สวัสดีครับ ผมทนายสมศักดิ์ครับ” เสียงปลายสายทุ้มต่ำแต่หนักแน่นดังขึ้น“สวัสดีค่ะฉันอิมิลี่ค่ะ ดิฉันอยากปรึกษา คือ... คือ
กริ๊ง...เสียงกระดิ่งเล็กๆ เหนือประตูดังขึ้นเบาๆ เมื่ออิมิลี่ผลักประตูเข้าไปร้านของชำของป้ามาทาร์ กลิ่นขนมปังอบใหม่ลอยมากระทบจมูกทันที ตามมาด้วยกลิ่นแยมสับปะรสหอมหวานที่ยังคงอบอวลอยู่ทั่วร้าน ชวนให้หัวใจของอิมิลี่อบอุ่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด แม้วันนี้ เธอจะก้าวเข้ามาพร้อมหัวใจที่แบกความหนักแน่นและการตัดสินใจครั้งสำคัญ แต่ร้านเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความทรงจำแห่งนี้ ก็ยังเป็นพื้นที่ปลอบโยนหัวใจเธอได้เสมอ“สวัสดีจ้า อิมิลี่”เสียงอ่อนโยนของป้ามาทาร์ดังขึ้นทันทีจากหลังเคาน์เตอร์ รอยยิ้มอบอุ่นที่ประดับบนใบหน้าของป้าเหมือนดั่งทุกครั้ง ทำให้หัวใจอิมิลี่สั่นไหวไปกับความทรงจำเก่าๆ“สบายดีไหมจ๊ะ ไม่เห็นมาหลายวันแล้วนะ”“สวัสดีค่ะป้ามาทาร์... สบายดีค่ะ” เธอตอบพร้อมส่งยิ้มบางๆ กลับไป แต่ดวงตากลับเผลอเลื่อนไปหยุดที่นิตยสารเล่มเดิมที่เป็นดั่งหอกทิ่มแทงใจ มันยังคงวางอยู่ตรงมุมเดิมใกล้เคาน์เตอร์ แม้มันจะถูกพิมพ์ออกมาหลายสัปดาห์แล้ว แต่ภาพนั้นยังคงชัดเจนราวกับเพิ่งถูกพิมพ์ออกมาเมื่อวาน — ภาพของแอลซ่าและเจมส์เธอจ้องภาพนั้นนิ่งงัน ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุนไปชั่วขณะ อิมิลี่รีบกระพริบตา ดึงสติของตัวเองกลับมาอย่
หลังจากอิมิลี่หมกตัวอยู่ในห้องอาบเป็นเวลาหลายชั่วโมง ปล่อยให้สายน้ำเย็นเฉียบไหลผ่านร่าง เปรียบเสมือนอ้อมกอดสุดท้ายที่เธอเหลืออยู่ เธอหวังลึกๆ ว่า น้ำจะชะล้างทุกความเจ็บปวด ความเสียใจ และทุกความรู้สึกที่กัดกินหัวใจให้ค่อยๆ ไหลลงท่อไปพร้อมกับหยดน้ำผิวกายของเธอเย็นเฉียบ ดวงตาแดงก่ำจากการร้องไห้จนแทบไม่เหลือน้ำตา แต่ท่ามกลางความหม่นหมองนั้น กลับมีบางอย่างที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นั่นคือ ความแน่วแน่ที่ฉายชัดในแววตาเธอก้าวออกจากห้องอาบ ราวกับเป็นคนละคนกับตอนที่เดินเข้าไป ผู้หญิงที่เคยก้มหน้าอดทน รับความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถูกแทนที่ด้วยสายตาแข็งกร้าว และการตัดสินใจที่แน่วแน่จนไม่มีทางหวนกลับเพราะครั้งนี้ เธอจะเป็นฝ่ายเดินออกจากความเจ็บปวดด้วยตัวเอง ไม่ใช่ด้วยการรอคอยให้ใครเป็นคนบอกว่าพอได้แล้ว แต่เธอจะเป็นฝ่ายประกาศจุดจบของมันด้วยน้ำเสียงของเธอเองความสัมพันธ์ของเธอกับเจมส์ จะต้องจบลงที่ตรงนี้ และครั้งนี้จะไม่มีการยื้อ ไม่มีการอ้อนวอน ไม่มีการยอมให้ใครทำร้ายหัวใจของเธอได้อีกเธอจะเป็นฝ่ายยื่นฟ้องหย่าเจมส์ และจะไม่มีวันยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำอีกต่อไปเธอจ้องตัวเองอยู่หน้ากระจก มองลึกเข้าไปใ
"ติ๊ง" "ติ๊ง" เสียงข้อความมือถือดังถี่รัว.. ปลุกอิมิลี่ให้สะดุ้งตื่นจากความฝันอันว่างเปล่า เธอขยับตัวช้าๆ ดวงตาพร่ามัวกวาดมองไปรอบห้องที่เงียบงัน แล้วหยุดสายตาที่มือถือข้างเตียง เธอถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างอ่อนล้า ดันตัวเองลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ปล่อยให้ความเย็นของไม้เนื้อแข็งแทรกผ่านแผ่นหลัง มือเรียวเอื้อมไปหยิบมือถือขึ้นมา ทันทีที่ปลายนิ้วแตะหน้าจอ แสงไฟสว่างวาบขึ้นในความสลัวของเช้าตรู่ เธอหรี่ตาลงเล็กน้อยเพื่อปรับโฟกัส แต่เพียงเสี้ยววินาที ภาพที่ปรากฏบนจอ ทำให้เธอตื่นเต็มตาในทันที ภาพนั้น… เจมส์ ผู้ชายที่เป็น สามีตามกฎหมาย ของเธอ นอนเปลือยกายอยู่บนเตียงเดียวกับผู้หญิงอีกคน มือของเขาแนบอยู่บนผิวกายภาพกิจกรรมเร่าร้อนถูกบันทึกไว้ชัดเจน ตั้งแต่ปลายนิ้วที่ลากไล้ไปตามร่างกาย ริมฝีปากที่แนบจูบไปทั่วทุกจุด จนถึงเสียงครางกระสันที่ดังไม่ขาดสาย มันบาดลึกเข้าไปถึงกระดูก กลายเป็นมีดที่กรีดลงกลางใจ ไม่มีพื้นที่ให้จินตนาการ ไม่มีแม้แต่ช่องว่างให้เธอหลอกตัวเอง เพราะทุกอย่างถูกส่งมาอย่างจงใจ ส่งมาเพื่อปลุกเธอให้ตื่นจากความรักที่เธอเคยยึดมั่น อิมิลี่นิ่งงันไปชั่วขณะ ก่อนจะยกมือขึ้นกุมขมับ หัวใจเต
คลิก เสียงประตูปลดล็อกดังขึ้นท่ามกลางความเงียบแอลซ่า ผลักประตูเข้าไปในบ้านอย่างแผ่วเบา มืออีกข้างเอื้อมไปกดสวิตช์ไฟ แสงสีอุ่นสว่างขึ้นทันที เธอไม่รีรอแม้แต่วินาทีเดียว ร่างเพรียวเคลื่อนไหวอย่างมั่นใจ ตรงไปยัง ชั้นวางเครื่องดื่ม อย่างไม่ลังเล หยิบขวดวิสกี้ขึ้นมา ข้อมือหมุนเปิดฝาขวดด้วยท่าทางคุ้นเคย ราวกับนี่เป็นพิธีกรรมที่เธอทำอยู่เป็นประจำ ..คืนนี้… ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เธอต้องการเจมส์ก้าวตามเข้ามา ด้วยท่าทีอ่อนล้า ตรงไปยังโซฟาตัวใหญ่ ทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง เอนศีรษะพิงพนักพิงแล้วหลับตาลงเพียงชั่วครู่ เคลื่อนมือหนาขึ้นบีบนวดต้นคอเบา ๆ พยายามคลายความตึงเครียดที่ฝังลึกในกล้ามเนื้อ เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วปล่อยออกมาอย่างหนักหน่วง ราวกับพยายามปลดปล่อยความอึดอัดทั้งหมดออกไป"กรุ๊งกริ๊ง" "กรุ๊งกริ๊ง" เสียงน้ำแข็งกระทบกันในแก้วดังแผ่วเบา ท่ามกลางความเงียบงันของห้อง เจมส์ไม่แม้แต่จะปรายตามอง เขายังคงนั่งนิ่ง ศีรษะพิงพนักพิงเหมือนเดิม ดวงตาปิดลง มือข้างหนึ่งยังคงวางอยู่บนต้นคอที่เพิ่งนวดคลายความตึงเครียดเมื่อครู่ ……ในขณะนี้มือของแอลซ่าถือขวดวิสกี้มั่นคง ปากขวดเอียงเล็กน้อย เทของเห
คอนโดหรูสูงตระหง่านตั้งอยู่ ใจกลางกรุงแสงนีออนหลากสีจากป้ายร้านค้าและผับบาร์ด้านล่างสะท้อนบนกระจกอาคาร ราวกับจะประกาศศักดาแห่งชีวิตที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความวุ่นวาย เสียงดนตรีและเสียงหัวเราะของผู้คนจากถนนเบื้องล่างคละเคล้ากันกลายเป็นซาวด์แทร็กแห่งย่านที่ไม่เคยเงียบสงบ แต่เมื่อขึ้นมาสู่ชั้นสูงของคอนโด ทุกสิ่งกลับเงียบงัน แสงไฟจากตึกสูงรอบข้างลอดผ่านม่านเนื้อบางในห้องนอนที่เงียบสนิท ห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบหรูด้วยโทนสีขาว ตรงข้ามกับแสงสีด้านล่างอย่าสิ้นเชิง มีเพียงแสงจากเทียนหอมส่งกลิ่นกุหลาบผสมน้ำหอมกลิ่นฟีโรโมนอบอวลทั่วห้องบนเตียงขนาดใหญ่ที่ปูด้วยผ้าเนื้อดีมันวาว ร่างชายหนุ่มคร่อมอยู่บนร่างหญิงสาว นั่นคือ อิมิลี่ ผู้เป็นภรรยาที่เปลือยกายอยู่ใต้ผ้าห่มเนื้อหรูหราซึ่งปกคลุมร่างขาวเพรียวเขาขยับตัวขึ้นลง ราวกับพยายามปลุกเร้าความรู้สึกที่เคยคุ้น แต่ท่อนชายของเขากลับไม่ตอบสนองตามที่ใจปรารถนา ท่ามกลางบรรยากาศที่น่าลุ้นระทึก มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ดังแทรกผ่านอากาศอย่างแผ่วเบา“เจมส์... คุณโอเคไหม?” เสียงของอีมิลี่ขาดความมั่นใจ เธอเอ่ยถามด้วยความพะวง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความห่ว...
Mga Comments