“ฉันว่าเราควรแยกกันอยู่สักพักนะ ให้เวลาเป็นเครื่องตัดสินว่าเราจะไปต่อหรือพอแค่นี้...ในเมื่อคุณมีอีกคน” คำพูดนั้นราวกับปล่อยระเบิดลงกลางความสัมพันธ์ เจมส์ชะงัก มองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ เขารู้ว่าความจริงที่เขาเลือกปิดบังมาตลอดได้เปิดเผยออกมา “อิมิลี่...มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ” เขาพูดออกมาเสียงเบา ราวกับกำลังค้นหาคำแก้ตัวที่น่าเชื่อถือ เธอส่ายหน้า ยิ้มบาง ๆ ที่ไม่ได้เต็มไปด้วยความสุขอีกต่อไป “อย่าพยายามแก้ตัวเลยเจมส์ ฉันเหนื่อย...เหนื่อยกับการพยายามทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ในขณะที่คุณไม่ได้พยายามไปกับฉันเลย” เธอก้มลงหยิบกระเป๋าเดินทางใบโต หยุดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “ฉันอยากให้คุณใช้เวลาคิด ว่าคุณต้องการอะไรจริง ๆ... และฉันก็จะทำแบบเดียวกัน” เจมส์มองดูเธอเดินออกจากห้องไป ความรู้สึกผิดและความกลัวปะทุขึ้นในใจ แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้ นอกจากอยู่ในความเงียบที่เธอทิ้งไว้...
View Moreอิมิลี่จ้องลูคัสนิ่ง แววตาเธอเต็มไปด้วยคำถามที่ยังรอคำตอบ แต่เขาเงียบ เงียบจนหัวใจเธอแทบได้ยินเสียงตัวเองเต้นเธอค่อย ๆ เลื่อนสายตาไปยังลังไม้ที่ตั้งเรียงรายอยู่ข้างหลัง กล่องพวกนั้นพร้อมจะถูกขนย้ายในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า บางอย่างในท่าทางของลูคัส... ทำให้เธอรู้ มันไม่ใช่แค่การขนของธรรมดาทันใดนั้น ลูคัสเหลียวไป ลูกน้องของเขาเดินออกมาจากมุมเงามืด ใบหน้าตึงเครียด น้ำเสียงเร่งรีบ“ลูคัส... สายของเรารายงานว่า มีสายสืบซุ่มอยู่ใกล้ท่าเรือ เราอาจต้องเปลี่ยนแผน”ลูคัสพยักหน้าเพียงเล็กน้อย แต่ อิมิลี่ได้ยินทุกอย่างชัดเจน แม้เขาจะยังไม่พูดตรง ๆ แต่เธอเข้าใจแล้ว ว่าเขากำลังพาตัวเองเข้าไปในธุรกิจที่อันตราย... และมันจริงกว่าที่เธอเคยกลัว“เธอต้องกลับไปนะ อิมิลี่ อย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้เลย” ลูคัสพูดขึ้นในที่สุด เสียงของเขาไม่ใช่การไล่... แต่เป็นการปกป้องอิมิลี่ขยับเข้าไปเพียงก้าวเดียว แววตาแข็งกร้าวกว่าเดิม “คุณเคยสัญญาแล้วไม่ใช่เหรอ... ว่าจะไม่กลับไปยุ่งกับธุรกิจพวกนี้อีก”เขาเงียบไปอึดใจ แล้วเบือนสายตาหนี คำตอบของเขาคือความเงียบ และมันเจ็บยิ่งกว่าคำพูดใด“คุณต้องกลับไปนะ อยู่ห่าง
เช้ามืด... ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่างดี มีเพียงแสงจางๆ ที่เรื่อราวหมอกสีเงินพาดผ่านขอบฟ้าอิมิลี่ลืมตาตื่นทั้งที่แทบไม่ได้หลับตลอดคืน ความอึดอัดในอกเหมือนสิ่งที่ตอกย้ำไม่หยุด เธอเดิน ออกมายังระเบียง สูดลมหายใจลึกๆ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอากาศชื้นของยามเช้า บรรยากาศทั้งหมดยังคงเงียบสนิทสายตาเธอมองไปยังร้านอุปกรณ์ตกปลาที่อยู่หัวมุมถนน ที่นั่น... ที่ที่ เขา อยู่แม้จะไม่มีแสงใดเปิดอยู่ เธอกลับรู้สึกได้ถึงแรงบางอย่างที่ฉุดใจให้จ้องมองไม่วางตา ความรู้สึกเป็นห่วงลูคัสยังไม่เคยจาง ยิ่งรู้ว่าเขากำลังก้าวเข้าสู่โลกที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง เธอยิ่งรู้สึกเหมือนถูกบีบด้วยมือที่มองไม่เห็นอิมิลี่เหลียวมองไปรอบตัวอีกครั้ง ทุกอย่างยังนิ่งสนิท ไม่มีผู้คน ไม่มีเสียงรถ ไม่แม้แต่เสียงนกร้อง — เหมือนทั้งโลกยังหลับใหล ยกเว้นเธอในความเงียบนั้น เธอตัดสินใจ...มือเรียวหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาสวมอย่างรวดเร็ว ใส่รองเท้า แล้วรีบก้าวออกประตูไปอย่างเงียบเชียบ หัวใจเต้นแรงในอก ไม่รู้ว่าเพราะกลัว หรือเพราะกล้าจนเกินควรเธอกำลังมุ่งหน้าไปยัง แอลฟิชชิ่งช็อป ไม่ใช่เพราะคิดว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ — แต่เพราะเธอไม่อาจทนอยู่นิ่งเฉยอีกต
แม้พระอาทิตย์จะสาดแสงสีส้มทองละเลียดขอบฟ้า แต่ทะเลในวันนี้กลับนิ่งเงียบผิดปกติ เงียบเสียจนเหมือนธรรมชาติกำลังกลั้นหายใจ ราวกับมันรู้… ว่ากำลังจะมีบางอย่างเกิดขึ้นอิมิลี่ไม่ยอมละสายตาจากเส้นทางที่เธอคุ้นเคย เธอเดินช้า ๆ ด้วยความมุ่งมั่น มุ่งหน้าไปยัง แอลฟิชชิ่งช้อป — ร้านของลูคัส ร้านที่เพิ่งเปิดเผยความจริงอันน่าตกตะลึง… จากปากของลินแต่ทันทีที่เธอไปถึง บรรยากาศที่หน้าร้านกลับบอกเป็นอย่างอื่นปิดทำการ — เงียบ… ว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่แสงไฟลอดออกจากภายใน ป้ายชื่อร้านสั่นไหวเบา ๆ ไปตามแรงลมทะเล แต่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลยอิมิลี่ยืนชะเง้อมองอยู่นาน สายตากวาดหาลูคัส… หรือใครก็ตามที่เธอจะถามได้ แต่กลับไม่มีแม้เงาเคลื่อนไหวเธอไม่รู้เลยว่า... ด้านหลังร้าน ลูคัสกำลังควบคุมการขนส่งลอตใหญ่ของไวน์เถื่อนและสุราหนีภาษี เสียงไม้กระทบไม้ดังเบา ๆ คล้ายจะกลืนหายไปกับเสียงคลื่นยามเย็น แววตาของเขานิ่งเฉียบ ท่าทางเยือกเย็น ราวกับชายที่เคยชินกับการทำสิ่งผิด... จนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอิมิลี่ขยับตัวอีกนิด เธอสังเกตเห็นชายแปลกหน้า 2–3 คนยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน พวกเขาไม่ได้มองมาทางเธอโดยตรง.
อิมิลี่ก้าวเท้ายาวเร่งรีบไปตามถนนเลียบทะเล ลมเย็นพัดปะทะหน้า แต่ไม่อาจดับไฟในใจเธอได้ เสียงฝีเท้าดังไล่หลังมาเร็วกว่าคลื่นกระแทกฝั่ง“อิมิลี่! หยุดก่อน!” เสียงของเลโอแทรกเข้ามาในความว่างเปล่ารอบตัวเธอได้ยิน... แต่กลับเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น แผลกระสุนที่ต้นแขนยังไม่หายดี เธอประคองแขนข้างนั้นไว้แน่น ความเจ็บปวดแผ่ซ่าน... แต่ไม่เจ็บเท่าหัวใจที่เหมือนถูกแทงซ้ำ“อิมิลี่! หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงเข้มและเร่งร้อนแล้วเขาก็ตามทัน มือของเลโอคว้าหาแขนของเธอ—แขนที่ยังมีผ้าพันแผลพันอยู่“โอ๊ย!” เธอร้องออกมาอย่างห้ามไม่ทัน ใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บเลโอผงะ สีหน้าตื่นตระหนก “ขอโทษ... ผม... ผมไม่ได้ตั้งใจ! เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?”เธอเบือนหน้าหนี หลุบตาต่ำ พยายามกลั้นใจไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดลอด แต่หยดน้ำตาก็เริ่มไหลช้าๆ อย่างไม่อาจห้ามได้ ปลายนิ้วเธอสั่นเครือขณะกำชายเสื้อแน่นราวกับยึดเกาะสุดท้ายไว้ไม่ให้ใจแตกสลายแล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นสบตาเขา แววตาคู่นั้นราวกับทะเลคลั่ง เต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่สะสมมานานจนแทบระเบิดออกมา ความเงียบรอบตัวหนาวเยียบ บรรยากาศแน่นตึงทุกอย่างนิ่งงัน เหมือนโลกหยุดหมุนในวินาทีนั้นเสียงของเ
ภายในสำนักงานทนายความในห้องของ ทนายสมศักดิ์ บรรยากาศเย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศตัดกับความร้อนรนที่ก่อตัวขึ้นในใจ อิมิลี่เธอนั่งตรงข้ามทนาย สนทนากันได้สักพัก ความกดดันที่เคยบีบรัดเริ่มคลายลง ลมหายใจที่เคยติดขัดค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ แต่ถึงกระนั้น ลึกลงไปในใจ... มันกลับไม่สงบตามร่างกายเธอเอื้อมมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพาย ปลายนิ้วสัมผัสกับแผ่นกระดาษยับยู่ยี่—เบอร์โทรของแอลซ่ามันไม่ใช่กระดาษธรรมดา มันผ่านเหตุการณ์ที่เธออยากลืม... วันที่ถูก หญิงสองคนทำร้าย เบอร์นี้เคยหล่นกระแทกพื้นเช่นเดียวกับตัวเธอ แต่เธอเก็บมันขึ้นมา เพราะมันคือ จิ๊กซอว์อีกหนึ่งตัวของความจริงแต่เมื่อปลายนิ้วสัมผัสกองเอกสารและข้อมูลอื่นๆ ภาพบางอย่างก็พุ่งทะลวงเข้ามาในหัว ราวกับกระสุนแห่งอดีตที่ยิงทะลุความทรงจำร่างของเธอสะดุด...ภาพของเจมส์—อดีตสามีภาพใบหน้าที่บิดเบี้ยวไปด้วยโทสะ มือหนาของเขากระชากเธอจน มือถือหลุดจากมือ กระแทกลงบนพื้นแข็งเสียงมันร่วงดัง "เพล้ง!" ยังดังก้องอยู่ในความทรงจำ แต่ในตอนนั้น เธอไม่มีแม้แต่เสี้ยววินาทีที่จะก้มลงเก็บ...เธอลืมมันไปเลย...มือของเธอที่สัมผัสเอกสารหลักฐานเริ่มสั่นเล็กน้อย ดวงตาไ
บรรยากาศในห้องประชุมใหญ่ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เคร่งขรึมกว่าทุกครั้ง ทุกคนจ้องไปที่เอกสารกองโตตรงหน้า เสียงสนทนาเกี่ยวกับหัวข้อการฟ้องร้องค่าเสียหายจากลูกบ้านดังขึ้นเป็นระยะ เพื่อเตรียมรับมือก่อนถึงวันพิจารณาคดีที่กำลังใกล้เข้ามาหัวหน้าฝ่ายกฎหมายขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงจริงจัง ทุกคำพูดของเขาถูกจดบันทึกไว้เป็นหลักฐานเพื่อใช้ในชั้นศาล แต่ในมุมหนึ่งของห้องประชุม…เจมส์และแอลซ่าแทบไม่ได้ยินอะไรเลยพวกเขานั่งตัวตรง หน้าตาเรียบนิ่งเหมือนคนมีสมาธิ แต่ภายในใจกลับปั่นป่วนราวกับพายุโหมกระหน่ำเสียงโทรศัพท์สั่นถี่ในกระเป๋า การแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาไม่หยุด โลกออนไลน์… กำลังเดือดดาลแอลซ่ารู้สึกถึงแรงกดดันรอบตัวมันหนักจนแทบหายใจไม่ออก เสียงเอกสารที่พลิกไปมา… เสียงข้อโต้แย้งที่ถกเถียงกัน… ทุกคำพูดแทรกเข้ามาในหูเธอ ราวกับเป็น เสียงของสังคมด้านนอก เสียงของคนทั้งโลก… ที่กำลังขุดลึกถึงอดีตของเธออดีต… ที่เธอพยายามก้าวข้ามมาโดยตลอด อดีต… ที่เธอทำทุกอย่างเพื่อให้มีที่ยืนในสังคมจนถึงวันนี้แต่ตอนนี้... เธอกำลังทำลายทุกอย่างลงด้วยมือของตัวเอง เพียงเพราะความลุ่มหลงมัวเมาที่กลืนกินสติ สิ่งที่เธอเคยสร้าง
สายลมกรรโชกแรงพัดป้ายชื่อ สำนักงานทนายความสมศักดิ์ ให้สั่นไหวไปมา เสียงโลหะเสียดสีกันแผ่วเบา กลิ่นฝนฟุ้งกระจาย อากาศหนักอึ้งราวกับพายุที่กำลังใกล้เข้ามา เมฆครึ้มปกคลุมฟ้า สีเทาหม่นทาบทับบรรยากาศปอยผมบางเส้นปลิวตวัดผ่านแก้มของ อิมิลี่ แต่เธอแทบไม่ใส่ใจ ดวงตาสีเข้มจ้องเข็มนาฬิกาบนข้อมือที่ขยับเข้าใกล้ สิบโมง ทุกที แม้ภายนอกจะดูสงบนิ่ง ทว่าภายในใจของเธอคล้ายมีพายุหมุนอยู่ตลอดเวลาเธอสูดลมหายใจลึก พยายามข่มอาการประหม่า… ทุกอย่างต้องจบในวันนี้มือเรียวเอื้อมไปผลักประตูกริ๊ง…เสียงกระดิ่งดังขึ้นแผ่วเบา ทว่าในความเงียบของสำนักงาน เสียงนั้นกลับดังก้องอยู่ในใจเธอ หัวใจของอิมิลี่เต้นกระหน่ำจนแทบจะได้ยินชัดเจนภายในสำนักงานนั้นเย็นเยียบ หญิงวัยกลางคนใบหน้าตึงเงยหน้าขึ้นทันทีที่เธอก้าวเข้ามา ไม่มีแววประหลาดใจในสายตา… ราวกับเธอถูกคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว“สวัสดีค่ะ ดิฉันอิมิลี่ นัดกับทนายไว้ตอนสิบโมง”เสียงของเธอมั่นคง แต่ฝ่ามือที่กำแน่นข้างลำตัวกลับเผยความสั่นไหวที่เธอพยายามเก็บงำสายตาของพนักงานนิ่งเฉียบ มองเธอราวกับกำลังมองทะลุผ่านทุกเกราะกำบัง ทุกบาดแผลที่เธอแบกรับไว้ ความเจ็บปวดที่ถูกซุกซ่อนไว้ใ
แม้ในใจของเจมส์จะยังคงพร่ำบอกให้ตัวเองมีความหวัง เพื่อเริ่มต้นใหม่กับอิมิลี่อีกครั้งและยอมรับบุตรในครรภ์ แต่ลึก ๆ แล้วเขาก็รู้ดีว่ามันแทบจะไม่มีหวังเลยสักนิด เพราะสายตาของเธอที่มองเขาในวันนี้นั้น...ช่างว่างเปล่าและเย็นชาเกินกว่าจะหวนคืนได้ แต่ถึงกระนั้น ความค้างคาใจในบางเรื่องก็ทำให้เขาอยู่เฉยไม่ได้ เท้าของเจมส์ยังคงกดลงบนคันเร่ง เส้นทางข้างหน้าเลือนรางในม่านหมอก แต่ในอกของเขากลับร้อนรุ่มดั่งเปลวเพลิงมือที่กุมพวงมาลัยสั่นเล็กน้อย แม้เขาจะพยายามทำให้ตัวเองสงบที่สุด แต่หัวใจที่เต้นระรัวกลับไม่ยอมเชื่อฟังทันทีที่รถจอดเทียบ ฟ้ายังไม่ทันสางดี เจมส์ก้าวลงจากรถอย่างเร่งร้อน เขาเดินไปยืนหน้าประตูบ้านด้วยหัวใจที่เต้นโครมคราม ปลายนิ้วจิ้มกริ่งด้วยแรงที่มากกว่าปกติติ๊ง...ต๊อง... ติ่งต้อง...เสียงกริ่งดังก้องไปทั่วบ้าน ความเงียบงันแผ่ปกคลุมอยู่ครู่หนึ่งก่อนเสียงฝีเท้าลากครืดคราดไปตามพื้นดังขึ้นคลิก...ประตูแง้มเปิดออก เผยให้เห็นแอลซ่าในชุดนอนยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาเธอปรือปรอยด้วยอาการสะลึมสะลือ แต่ทันทีที่เห็นใบหน้าของเจมส์ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันทีเจมส์ไม่พูดอะไรทั้งนั้น เขาแทรกตัวผ่านประตูอ
เจมส์จ้องลูคัสเขม็ง ดวงตาแดงก่ำราวเปลวเพลิงที่พร้อมเผาผลาญทุกสิ่งรอบตัว ลมหายใจของเขากระชั้นถี่ ร่างสูงขยับเข้าประชิดจนลูคัสสัมผัสได้ถึงความร้อนจากร่างที่สั่นสะท้านด้วยแรงโทสะ“มึงจะเอายังไง?” เสียงของเจมส์แข็งกร้าว ราวกับจะท้าทายให้สถานการณ์ลุกลามลูคัสขบกรามแน่น ก่อนจะตัดสินใจผลักเจมส์ออกไปเต็มแรง ร่างนั้นเซถลาไปด้านหลัง แต่ยังไม่ทันตั้งตัว เจมส์ก็กระโจนกลับมาพร้อมหมัดที่พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของลูคัสเต็มแรง เสียงกระแทกดังสนั่น ริมฝีปากของลูคัสแตกเป็นทางยาว เลือดสีแดงสดไหลซึมออกมา เขายกหลังมือปาดมันออกอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะพุ่งสวนกลับด้วยหมัดอัดเข้าชายคางเจมส์อย่างจังเสียงร่างกระแทกพื้นดังสนั่น เจมส์นอนแน่นิ่งไปชั่วขณะก่อนจะดันร่างขึ้นอีกครั้ง"หยุดเถอะ! พอได้แล้ว!" อิมิลี่ร้องเสียงสั่นพลางถลันเข้ามาแทรกกลางระหว่างทั้งคู่ น้ำตาคลอเบ้าด้วยความหวาดหวั่นแต่เจมส์กลับไม่ฟัง เขาปัดมืออิมิลี่ออกอย่างแรงจนเธอเซถอยไป ราวกับแรงโกรธนั้นกำลังแผดเผาสติสัมปชัญญะของเขาจนมอดไหม้ ร่างเขาสั่นสะท้านเหมือนภูเขาไฟที่ปะทุอยู่ภายใน เขาเดินโซเซไปที่รถ กัดฟันแน่นจนกรามขึ้นสันนูน“เจมส์ ได้โปรด…” อิมิลี่อ้อนวอนเส
คอนโดหรูสูงตระหง่านตั้งอยู่ ใจกลางกรุงแสงนีออนหลากสีจากป้ายร้านค้าและผับบาร์ด้านล่างสะท้อนบนกระจกอาคาร ราวกับจะประกาศศักดาแห่งชีวิตที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความวุ่นวาย เสียงดนตรีและเสียงหัวเราะของผู้คนจากถนนเบื้องล่างคละเคล้ากันกลายเป็นซาวด์แทร็กแห่งย่านที่ไม่เคยเงียบสงบ แต่เมื่อขึ้นมาสู่ชั้นสูงของคอนโด ทุกสิ่งกลับเงียบงัน แสงไฟจากตึกสูงรอบข้างลอดผ่านม่านเนื้อบางในห้องนอนที่เงียบสนิท ห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบหรูด้วยโทนสีขาว ตรงข้ามกับแสงสีด้านล่างอย่าสิ้นเชิง มีเพียงแสงจากเทียนหอมส่งกลิ่นกุหลาบผสมน้ำหอมกลิ่นฟีโรโมนอบอวลทั่วห้องบนเตียงขนาดใหญ่ที่ปูด้วยผ้าเนื้อดีมันวาว ร่างชายหนุ่มคร่อมอยู่บนร่างหญิงสาว นั่นคือ อิมิลี่ ผู้เป็นภรรยาที่เปลือยกายอยู่ใต้ผ้าห่มเนื้อหรูหราซึ่งปกคลุมร่างขาวเพรียวเขาขยับตัวขึ้นลง ราวกับพยายามปลุกเร้าความรู้สึกที่เคยคุ้น แต่ท่อนชายของเขากลับไม่ตอบสนองตามที่ใจปรารถนา ท่ามกลางบรรยากาศที่น่าลุ้นระทึก มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ดังแทรกผ่านอากาศอย่างแผ่วเบา“เจมส์... คุณโอเคไหม?” เสียงของอีมิลี่ขาดความมั่นใจ เธอเอ่ยถามด้วยความพะวง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความห่ว...
Comments