ที่ร้านภาพ The Brushstroke
เสียงกระดิ่งหน้าประตูดัง กริ๊ง กริ๊ง ขณะที่หญิงสาววัยกลางคนในชุดผ้าเนื้อดีสีเข้มที่ตัดเย็บอย่างพิถีพิถันก้าวเข้ามา ใบหน้าของเธอแต่งแต้มอย่างปราณีตเข้ากับผมลอนสีดำที่จัดเรียงอย่างไร้ที่ติ สายตาเธอกวาดมองรอบร้านพลางขาก้าวเป็นจังหวะดังก้องรอบห้อง ราวกับกำลังค้นหาสิ่งที่มีความหมายที่สุด“สวัสดีครับ คุณผู้หญิง” เลโอก้าวออกมาจากเคาน์เตอร์
“มีอะไรให้ผมแนะนำไหมครับ?แต่เหลือเวลาอีก 15 นาทีร้านจะปิด” เขากล่าวพลางเหลือบมองนาฬิกาข้อมือเธอหันมามองเขาด้วยดวงตาคมกริบ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ฉันกำลังมองหาภาพวาดที่เป็นชายหนุ่ม ราวกับหลุดออกมาจากนิยาย”
แต่สายตาของเธอหยุดที่ใบหน้าเลโอชั่วครู่ ก่อนจะหันกลับไปมองภาพวาดที่จัดแสดงอยู่รอบตัว “แต่ภาพพวกนี้... ไม่มีวิญญาณ ฉันต้องการอะไรมากกว่านั้น” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ทว่าเต็มไปด้วยความผิดหวัง “ฉันต้องการอะไรมากกว่านั้น ”
ในขณะนั้น อิมิลี่ ก้าวแหวกม่านจากห้องด้านหลังออกมา“สวัสดีค่ะ คุณอลิซซาเบธ มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ?” อิมิลี่ถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ เธอจำลูกค้าคนนี้ได้ดี อลิซซาเบธเป็นลูกค้าชั้นสูงของแกลเลอรีผู้มีรสนิยมและความต้องการที่เฉพาะเจาะจง"สวัสดี อิมิลี่" อลิซซาเบธเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเธอนุ่มนวลแต่แฝงไปด้วยอำนาจบนใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยสีสันจากเครื่องสำอางพรีเมี่ยม
"ฉันต้องการหาภาพวาดของชายหนุ่มที่มีชีวิต... มีวิญญาณ" เธอพูดพลางทอดสายตาไปยังภาพวาดรอบร้าน น้ำเสียงของเธอแน่วแน่ราวกับว่าคำขอนี้ไม่ได้เป็นเพียงการซื้อขาย แต่เป็นการแสวงหาบางสิ่งที่เธอโหยหาแววตาของอลิซซาเบธสะท้อนภาพในจินตนาการของเธอออกมาอย่างชัดเจน ขณะที่เสียงรองเท้าส้นสูงของเธอกระทบพื้นเป็นจังหวะ คลิก คลิก ก้องอยู่ในบรรยากาศที่เงียบสงบของร้าน
"และฉันยอมจ่ายเต็มราคา สำหรับภาพนั้น" เธอพูดต่อ พร้อมหยุดยืนตรงหน้าอิมิลี่ น้ำเสียงของเธอเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น ราวกับย้ำถึงความสำคัญของสิ่งที่เธอต้องการอย่างที่สุด
อิมิลี่ยิ้มรับด้วยความสุภาพ แต่ภายในใจกลับรู้สึกถึงแรงกดดันจากคำขอที่จริงจังของลูกค้าคนสำคัญ "ได้เลยค่ะ คุณอลิซซาเบธ ฉันจะหาภาพวาดที่ตรงตามที่คุณต้องการที่สุด และเมื่อได้ชิ้นงานนั้นแล้ว ฉันจะติดต่อส่งงานให้ค่ะ"
อลิซซาเบธพยักหน้าช้า ๆ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความคิดขณะหันไปมองภาพวาดที่ประดับอยู่รอบตัวอีกครั้ง ราวกับกำลังพิจารณาสิ่งที่เธอยังไม่ได้พบ
"งั้นฉันคงไม่มีอะไรแล้ว... แล้วเจอกันนะ อิมิลี่" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย แต่ยังแฝงไว้ด้วยมาดที่สง่างาม รอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏบนใบหน้า ก่อนที่เธอจะหมุนตัวอย่างนุ่มนวลและก้าวออกจากร้าน
เสียงรองเท้าส้นสูงของเธอกระทบกับพื้นของแกลเลอรีดัง คลิก คลิก จนเสียงนั้นจางหายไปหลังประตูที่ปิดลง
อิมิลี่และเลโอมองตามร่างของเธอจนลับไปจากสายตา ก่อนที่อิมิลี่จะหันกลับมามองเลโอ ใบหน้าของเธอแฝงความมุ่งมั่น
“คุณพร้อมหรือยังคะ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่จริงจัง
เลโอยิ้มเล็กน้อยก่อนพยักหน้า “ยินดีครับ”
อิมิลี่ยิ้มตอบ “งั้นเรามาต่อกันเลยค่ะ” เธอกล่าวพร้อมเดินนำเลโอไปยังห้องวาดด้านใน ทั้งสองเตรียมที่จะสร้างงานศิลปะที่อาจเป็นคำตอบสำหรับความต้องการที่ลึกซึ้งของอลิซซาเบธ อิมิลี่จ้องมองผืนผ้าใบตรงหน้า ภาพวาดของเลโอที่เธอได้แต่งแต้มค้างไว้วันก่อน ท่าทางของเธอดูจริงจัง ราวกับกำลังพยายามค้นหา "ชีวิต" และ "วิญญาณ" ที่อลิซซาเบธต้องการเห็น สมองของเธอครุ่นคิดถึงวิธีถ่ายทอดความรู้สึกที่จับต้องไม่ได้ให้ปรากฏบนผืนผ้าใบข้าง ๆ เธอ เลโอยืนอยู่ด้วยท่าทางสงบนิ่ง แววตาเขามองอิมิลี่ด้วยความเข้าใจ เขาเหลือบมองภาพวาดก่อนจะหันมามองเธอ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“คุณลองใช้หัวใจสื่ออารมณ์ในตัวผมสิครับ”
อิมิลี่ชะงัก หันมองเลโอด้วยความประหลาดใจ แต่คำพูดของเขากลับทำให้เธอเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง เธอหลับตาลงชั่วครู่ หายใจลึก และพยายามเชื่อมโยงกับตัวตนของเลโอ ผ่านแววตา รอยยิ้ม และท่าทางที่เขาแสดงออก
เลโอปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ด เผยให้เห็นแผ่นอกที่มีกล้ามเนื้อชัดเจน ผิวที่ตึงกระชับสะท้อนแสงไฟอ่อน ๆ ในห้อง เขาเอนตัวลงบนโซฟาที่บุด้วยผ้ากำมะหยี่นุ่ม เส้นสายของท่าทางเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่แฝงไปด้วยความผ่อนคลายราวกับเขาเกิดมาเพื่อเป็นแบบให้วาด
“เรามาเริ่มวาดภาพใหม่กัน” เลโอพูด น้ำเสียงนุ่มทุ้มของเขาแฝงไปด้วยเสน่ห์ ใบหน้าคมชัดของเขาหันมามองอิมิลี่ แววตาที่มีประกายความท้าทายเล็ก ๆ สบเข้ากับสายตาของเธอ
อิมิลี่รู้สึกถึงแรงกดดันและแรงบันดาลใจในเวลาเดียวกัน เธอจ้องมองเขาและสูดลมหายใจลึก เธอไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือภาพที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสร้างผลงานที่เต็มไปด้วย "ชีวิต" และ "วิญญาณ"
เธอหยิบพู่กันขึ้นมา พยายามรวบรวมสมาธิ ขณะที่ปลายพู่กันเริ่มสัมผัสกับผืนผ้าใบ สายตาของเธอจับจ้องไปยังแสงและเงาที่ตกกระทบกับกล้ามเนื้อของเขา ทุกเส้นสายถูกถ่ายทอดออกมาด้วยความตั้งใจ ใบหน้าคมของเขาเป็นจุดเด่นที่เธอใส่ใจในรายละเอียดที่สุด
“ดีมากค่ะ... อยู่ท่านี้สักครู่” อิมิลี่พูดเบา ๆ น้ำเสียงของเธอมีสมาธิเต็มที่ขณะที่สายตาจับจ้องไปยังเลโอที่นั่งเอนตัวอยู่บนโซฟา พู่กันในมือเริ่มเคลื่อนที่ไปบนผืนผ้าใบ ท่วงท่าของเลโอและแสงเงาที่ตกกระทบทำให้ภาพเริ่มมีมิติและชีวิตชีวาขึ้น
บรรยากาศในห้องเงียบสงบจนได้ยินเสียงแผ่วเบาของลมหายใจ จนกระทั่งเสียงสั่นเบา ๆ จากโทรศัพท์มือถือของอิมิลี่ทำลายความเงียบ เธอเหลือบมองหน้าจอเล็กน้อย เห็นข้อความจากเจมส์:
"คืนนี้ไม่ได้กลับนะ ดูแลตัวเองด้วย"
เธอหยุดชั่วครู่ ราวกับสมองกำลังประมวลผลข้อความนั้น แต่เพียงเสี้ยววินาที เธอเลือกที่ไม่ตอบสนองของข้อความนั้น สายตาของเธอกลับมาที่เลโอและภาพที่อยู่เบื้องหน้า
…….“ทุกอย่างดูดี แต่ขาดอะไรบางอย่าง...” อิมิลี่พึมพำกับตัวเองอย่างแผ่วเบา ขณะที่ดวงตาจับจ้องภาพวาดตรงหน้า แต่กลับยังรู้สึกว่ามันไม่สมบูรณ์ เธอเงยหน้ามองใบหน้าคมชัดของเลโอ ดวงตาของเธอเคลื่อนไล่ไปตามร่างกายของเขา รูปร่างที่สมบูรณ์แบบและมีเสน่ห์ แต่เธอยังไม่สามารถจับจุดที่ขาดไปได้
เลโอสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในสีหน้าของเธอ เขาลุกขึ้นจากโซฟาอย่างนุ่มนวล ก้าวเข้ามาหาอิมิลี่ ขณะที่เธอยังคงหลุบตามองภาพด้วยความครุ่นคิด มือของเขาจับมือเธออย่างแผ่วเบาแล้ววางลงบนแผ่นอกของเขา
“ลองสัมผัสดูสิครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก มีเสน่ห์เย้ายวน สายตาของเขาประสานกับดวงตาของอิมิลี่ที่ดูสับสน มือของเธอเคลื่อนไปบนแผงอกแน่นหนาของเขาอย่างช้า ๆ ราวกับถูกสะกด
ดวงตาแพรวพราวของเลโอส่งผ่านบางสิ่งราวกับต้องการสนองบางอย่างที่เธอขาดหาย ความใกล้ชิดนั้นทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังจะตกหลุมพราง เธอรีบดึงมือกลับและสูดลมหายใจลึกเพื่อเรียกสติ
“ฉันแต่งงานแล้ว...” เธอคิดในใจ ราวกับต้องเตือนตัวเองให้กลับมาสู่ความเป็นจริง
“เดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวเย็นคุณดีกว่า เย็นนี้” อิมิลี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริงผิดปกติ แท้จริงแล้วเธอพยายามทำลายบรรยากาศที่กำลังจะเลยเถิด เธอหมุนตัวกลับไปยังโต๊ะทำงาน หลบสายตาที่เลโอมองเธออย่างแรงกล้า
“เดี๋ยวเราค่อยกลับมาต่อกันใหม่ค่ะ” อิมิลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงพยายามควบคุมให้มั่นคง มือของเธอค่อย ๆ จัดเรียงพู่กันและอุปกรณ์วาดภาพลงบนโต๊ะ
ร่างกายของเธอสั่นระริกหัวใจเต้นแรงจนเธอรู้สึกถึงมันในอก ท่ามกลางบรรยากาศที่ดูเหมือนจะคุกรุ่นไปด้วยอำนาจภายในที่ซ่อนเร้น….พลบค่ำในบาร์แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ข้างๆร้านภาพวาดบรรยากาศที่อบอุ่น เสียงเพลงแจ๊สบรรเลงเบา ๆ จากมุมเวทีเติมเต็มบรรยากาศอันสบายใจ โต๊ะอาหารที่อิมิลี่และเลโอนั่งอยู่ถูกจัดอย่างเรียบง่ายแต่ดูมีสไตล์ แสงไฟอุ่น ๆ ส่องกระทบแก้วไวน์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเลโอนั่งฝั่งตรงข้ามของอิมิลี่ด้วยท่าทีผ่อนคลาย สายตาของเขาสำรวจบรรยากาศรอบตัว ก่อนจะกลับมาจดจ่อที่หญิงสาวตรงหน้า“ฉันว่าเคยเห็นคุณที่ไหนสักแห่งนะ” อิมิลี่พูดขึ้น หลังจากรออาหารที่สั่งถูกเสิร์ฟ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยเลโอเลิกคิ้วเล็กน้อยและยิ้มบาง “อาจจะใช่ครับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่สายตาที่เขาจ้องมองเธอแฝงไปด้วยความลึกลับ ราวกับเขากำลังซ่อนความลับบางอย่างไว้อิมิลี่จ้องนัยน์ตาเขาอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับพยายามอ่านความหมายในคำพูดของเขา แต่สุดท้ายเธอก็ยิ้มและส่ายหัวเบา ๆ “แต่ยังไงก็ช่างเถอะ”เธอยกแก้วไวน์ขึ้นมาชู พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ขอบคุณมาก ๆ สำหรับการมานั่งเป็นเพื่อนทานอาหารเย็นมื้อนี้ค่ะ”เลโอยิ้มยิ้มมุมปาก สายตาของเขามีแววขี้เล่นเล็กน้อย เขาหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาและชนกับแก้วของเธอเบา ๆ เสียงแก้วกระทบกันดังกังวานแผ่วเบา เขากล่า
“แอลซ่า” เจมส์เอ่ยชื่อเธอเบา ๆ ราวกับกลั่นออกมาจากส่วนลึกของหัวใจแต่น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความปรารถนาแอลซ่าหันกลับมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียก ดวงตาที่เป็นประกายของเธอจับจ้องเขา ราวกับรอฟังคำพูดต่อไป“ผมชอบคุณนะ แอลซ่า” เจมส์พูดออกมาแต่เสียงนั้นแผ่วเบาแต่หนักแน่นก่อนที่เธอจะตอบอะไร ริมฝีปากของเขาก็บดเบียดเข้ากับริมฝีปากบางของเธออย่างดูดดื่ม ความอ่อนโยนและความร้อนแรงผสมผสานกันในจุมพิตนั้น แอลซ่าหลับตาลง มือเลื่อนขึ้นมาวางบนบ่าของเจมส์ ก่อนจะดึงเขาเข้ามาใกล้ เธอดันลิ้นอุ่นแลกรสให้เจมส์ได้สัมผัสราวกับการตอบรับว่า เธอ ชอบเขาด้วยเช่นกันแอลซ่าค่อย ๆ เลื่อนมืออีกข้างไปจับแขนของเขา ดึงร่างเจมส์เคลื่อนเข้ามาในบ้าน เสียงประตู ปิดลง ปัง!แสงไฟจากโคมไฟหน้ารถ ส่องลอดเข้าผ่านม่านให้เห็นเพียงเงาลางๆแอลซ่าเลื่อนนิ้วเรียวปลดกระดุมเสื้อที่รัดให้ผ่อนคลายเผยเนินอกทีเต่งตูมในบราลูกไม้สีแดงนันย์ตาที่เร่าร้อนแห่งไฟราคะราวจะเขมือบชายหนุ่มที่ยืนสองขาอยู่เบื้องหน้า หัวใจของเจมส์เต้นแรงราวกับจะหลุดออกจากอก เมื่อนิ้วเรียวไถลเคลื่อนต่ำลูบท่อนเอ็นขึ้นลง เขาไม่เคยสัมผัส อารมณ์ความร้อนแรงแบบนี้ท่อนรักของเจมส์จา
ในห้องที่เงียบสงัด อิมิลี่ก้าวออกมาจากห้องอาบพร้อมผ้าขนหนูพันกาย เส้นผมชุ่ม หยดน้ำไหลลู่ลงมาปลายเส้นผมราวกับสายฝนที่เกาะปลายใบหญ้า ในมือของเธอถือนิตยสารเพลย์บอยของเจมส์ไว้ สายตาที่มองมันเต็มไปด้วยความไม่พอใจโดยไม่ปิดบัง เธอยกมันขึ้นเล็กน้อยก่อนจะโยนลงไปในถังขยะที่ตั้งอยู่มุมห้อง เสียงกระดาษกระทบกับถังโลหะ ดัง แกรก !เบาๆ แต่กลับดังก้องสะท้อนในห้องอันเงียบงันเธอหายใจออกแรงๆ คล้ายพยายามระบายความหงุดหงิด แล้วก้าวตรงไปยังโต๊ะที่วางโทรศัพท์มือถือไว้ เมื่อมีเสียงเรียกเข้าดังขึ้น“ตริ้ง ตริ้ง ตริ้ง…” อิมิลี่หยิบมือถือขึ้นมาดู เบอร์แปลกตาปรากฏบนหน้าจอ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนกดรับสาย“สวัสดีค่ะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ“หนูแอนค่ะ น้องสาวซ่าร่า… พี่อิมิลี่ใช่ไหมคะ?” น้ำเสียงของเด็กสาวสั่นเครือเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยความเร่งรีบ“ซ่าร่าอยู่ที่โรงพยาบาลเซนต์แมรี่ค่ะ! เธอถูกรถมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวเมื่อคืนก่อน ยังไม่ได้สติเลยค่ะ พี่จะมาเยี่ยมเธอได้ไหม?”คำพูดนั้นทำให้อิมิลี่รู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มือที่ถือโทรศัพท์สั่นเล็กน้อย“ว่าไงนะ ซ่าร่า...” เธอพึมพำกับตัวเอง แต่รีบรว
หลังจากเสร็จสิ้นการเยี่ยมซาร่าที่โรงพยาบาล อีมิลี่ก็เดินทางมายังงร้านภาพ The Brushstroke ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง แม้ภายนอกร้านจะดูอบอุ่นด้วยแสงไฟสีทองที่ส่องออกมาจากหน้าต่างบานใหญ่ แต่สำหรับเธอ มันแทบไม่อาจทำให้ความรู้สึกหนักในใจนั้นเบาบางลง มือเรียวของเธอผลักประตูไม้เก่าที่แฝงเสน่ห์อย่างมีศิลป์ สียงกระดิ่งเล็ก ๆ บนประตูดังขึ้นเบา ๆ คล้ายจะต้อนรับการมาถึงของเธอ เมื่อเธอก้าวเข้ามาในร้าน หัวใจเธอเหมือนหยุดเต้นชั่วขณะ เมื่อสายตาแรกจับจ้องไปที่ผู้หญิงสวมชุดผ้าไหมสีน้ำทะเลช่างเปล่งออร่าอันสง่างามเกินเอื้อม พลางเอ่ยชื่อเบาๆในลำคอ “คุณหญิง อลิซซาเบธ”ชุดผ้าไหมทีหรูหราที่ท่านผู้หญิงสวมนั้น เนื้อผ้าเรียบลื่นจับจีบอย่างประณีต ผมของเธอถูกจัดแต่งอย่างไร้ที่ติเธอยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางร้าน ทว่าดวงตาคมกริบกลับจ้องไปที่อิมิลี่เพียงผู้เดียว สายตานั้นเต็มไปด้วยความคาดหวังและมั่นใจ สะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกของผู้หญิงที่รู้ในสิ่งที่ต้องการและไม่ลังเลที่จะเรียกร้องมันอิมิลี่รู้สึกถึงแรงกดดันที่แผ่ซ่านในอากาศ การปรากฏตัวของคุณหญิงอลิซาเบธไม่ได้เปลี่ยนเพียงบรรยากาศในร้าน แต่ยังเหมือนเป็นสัญญาณว่า มีบางส
ที่หน้าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใน หัวหินบ่ายนี้อากาศอบอ้าวจนเหงื่อไหลซึมตามใบหน้า แต่ความร้อนกลับไม่ได้มาจากอุณหภูมิของอากาศ แต่เพราะกลุ่มลูกบ้านนับร้อยที่ยืนถือป้ายประท้วงแน่นขนัด สร้างแรงกดดันและพลังแห่งความไม่พอใจที่แผ่ซ่านไปทั่วหน้าอาคารกระจกสูงเสียงโห่ร้องและคำพูดเรียกร้องดังก้องบริเวณ"คืนเงินพวกเรามา!" “แสดงความรับผิดชอบ!”ลูคัส ชายหนุ่มวัย 35 ปี ยืนอยู่เบื้องหน้ากลุ่มผู้ชุมนุม เขาสวมเสื้อลายสก็อตที่พอดีกับร่างกายแข็งแรงและกางเกงยีนสีซีดที่บ่งบอกถึงความเรียบง่ายในแบบของเขา ใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ฉายแววเด็ดเดี่ยวและมั่นใจ เขาคือหัวเรี่ยวหัวแรงของกลุ่มผู้ประท้วง และทุกสายตาจับจ้องมาที่เขาราวกับรอคำพูดที่จะปลุกเร้าพลังลูคัสยกเอกสารในมือขึ้นเหนือศีรษะ ท่าทางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาสูดลมหายใจลึกก่อนจะเปล่งเสียงพูดที่ดังกังวาน"พวกเราจะไม่ยอมให้พวกเขาเลื่อนอีกต่อไป!"น้ำเสียงของเขาหนักแน่นจนทำให้เสียงของฝูงชนเงียบลงชั่วขณะ ทุกคนเงี่ยหูฟังคำพูดของเขาที่เต็มไปด้วยความจริงจัง"เราเดือดร้อนกันมากพอแล้ว ค่าเสียหายนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ พวกเขาต้องรับผิดชอบ!"เสียงปรบมือและโห่ร้อ
17.45 PM.ที่ร้านภาพ The Brushstrokeภายในร้านที่เงียบสงบ อิมิลี่ก้มมองนาฬิกาข้อมือของเธอ เวลานัดกับเลโอกำลังใกล้เข้ามา เธอถอนหายใจเบาๆ พลางพยายามรวบรวมสมาธิ ก่อนจะหยิบกระจกขนาดเล็กขึ้นมาเพื่อเช็กใบหน้าอย่างรวดเร็วเธอจัดปอยผมที่หลุดลุ่ยให้เข้าที่ ไล้มือปรับเสื้อผ้าและเสื้อคลุมให้เรียบร้อย จนมั่นใจในภาพลักษณ์ของตัวเอง เธอสูดลมหายใจลึก ก่อนหมุนตัวแหวกม่านหลังร้านออกมา ก้าวเดินเป็นจังหวะ เสียงรองเท้าส้นเตี้ยกระทบพื้นดังเบาๆ แล้วหยุดที่หน้าเคาน์เตอร์“ไม่ต้องล็อกร้านนะคะ เดี๋ยวพี่กลับมาทำงานต่อ” อิมิลี่พูดกับพนักงานสาวที่ยืนอยู่ด้วยน้ำเสียงสุภาพและเป็นกันเอง“และถ้าถึงเวลากลับ ก็ออกไปได้เลยค่ะ แค่นำป้ายปิดติดไว้หน้าประตูก็พอ” เธอพูดพลางยิ้มอ่อนโยน ส่งผ่านความใส่ใจพนักงานสาวพยักหน้ารับอย่างนอบน้อม “ได้ค่ะ คุณอิมิลี่”อิมิลี่ยิ้มตอบ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากร้าน เสียงระฆังเล็กๆ บนประตูดังขึ้นแผ่วเบาขณะที่เธอก้าวออกไป ท่ามกลางแสงไฟพลบค่ำที่ส่องประกายอ่อนๆ ทั่วถนน ลมเย็นพัดผ่านตัวเธอเบาๆ ทำให้เธอกระชับเสื้อคลุมให้แน่นขึ้น สายตาของเธอกวาดมองไปรอบๆ เพื่อซึมซับบรรยากาศเงียบสงบของพลบค่ำ เธอเดินต่
คอนโดหรูใจกลางเมืองตั้งตระหง่านท่ามกลางแสงสีแห่งค่ำคืน ลิฟท์แก้วโปร่งใสค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นไปอย่างนุ่มนวล อิมิลี่เงยหน้าขึ้นมองทิวทัศน์ที่แผ่กว้างออกไปสุดสายตา หัวใจเต้นเบาๆ กับความงดงาม ภาพเมืองกรุงเทพฯ ที่เปล่งประกายด้วยแสงไฟจากตึกระฟ้าและแสงไฟสีส้มของท้องถนนด้านล่างที่พาดไปมาติ้ง ! ประตูลิฟท์เปิดออกสู่รูฟท็อป ลมเย็นจากที่สูงพัดสัมผัสใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยน เธอก้าวออกมาพลางทอดสายตาไปรอบๆชื่นชมภาพเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ความสูงและแสงไฟเมื่อมองจากมุมนี้ทำให้ทุกอย่างดูเหมือนภาพในฝันเลโอที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เป็นไง ชอบไหมครับบนนี้” น้ำเสียงของเขาทำให้อิมิลี่เผลอยิ้มบางๆ ก่อนตอบว่า “บรรยากาศดีมากค่ะ” เธอพูดด้วยสายตาเป็นประกาย บรรยากาศรอบตัวเงียบสงบพอที่จะได้ยินเสียงลมและหัวใจของเธอเต้นเป็นจังหวะ อิมิลี่หันมามองเลโอด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณนะคะ ที่อยู่เป็นเพื่อนในค่ำนี้” น้ำเสียงของเธอนั้นราวกลั่นออกมาจากความรู้สึกที่จริงใจ เลโอยกยิ้มมุมปาก พลางพยักหน้าแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ยินดีครับ” คำพูดที่เรียบง่ายแต่หนักแน่นด้วยความหมายบนรูฟท็อบที่เต็มไปด้วย
เช้าตรู่ในห้องประชุมของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ หัวหิน บรรยากาศตึงเครียดจากปัญหาที่กำลังเผชิญ เสียง "โป๊ะ" ของหนังสือพิมพ์ที่ถูกวางลงบนโต๊ะประชุมด้วยความหงุดหงิดของผู้บริหารพลางชี้นิ้วไปที่หน้าหนังสือพิมพ์ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงกร้าว “ผู้ชายคนนี้คือใคร?”บนหน้า1ของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นชื่อดังปรากฏภาพของ ลูคัส ชายหนุ่มใบหน้า คมเข้ม “เขาคือหนึ่งในแกนนำผู้ประท้วงที่กำลังเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัท ครับ” เสียงของกรรมการบริษัทคนหนึ่งที่นั่งร่วมบนโต๊ะกล่าวขึ้น แต่ภาพนั้นไม่ได้หยุดแค่เขา สายตาของทุกคนในห้องประชุมกลับเหลือบไปมองอีกมุมของหน้าหนังสือพิมพ์ ภาพ แอลซ่า เลขาคนสนิทของเจ้าของบริษัท เธอกำลังคล้อง แขน ทนายเจมส์ไว้แน่น ชายหนุ่มผู้มีชื่อเสียงในวงการกฎหมาย แต่สิ่งที่สะดุดตากว่านั้นคือการยืนใกล้ชิดกันอย่างน่าสงสัย หน้าอกของแอลซ่าดูเหมือนแทบจะแนบชิดกับแขนของเจมส์จนปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพนี้ต้องการสร้างกระแสอะไรบางอย่าง และเหนือภาพนั้นคือพาดหัวข่าวที่หนาและใหญ่จนแทบจะทะลุออกมาจากกระดาษ"ทนายชื่อดังควงอดีตนางแบบเพลย์บอย! เลขาสาวที่หันหลังให้วงการเพื่อเข้าสู่
อิมิลี่รีบจัดแจงตัวเองด้วยความร้อนรน ความคิดในหัววิ่งพล่านดั่งเปลวไฟที่โหมกระพือ แม้เธอจะปิดประตูห้องของเลโออย่างแผ่วเบา แต่เสียงหัวใจที่เต้นระรัวกลับไม่อาจสงบลงได้ เมื่อออกจากห้อง เธอเร่งฝีเท้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยความกังวลพุ่งทะยานทุกย่างก้าวจนกระทั่งถึงหน้าร้าน The Brushstrokภาพตรงหน้าสร้างความตื่นตระหนกในทันที ประตูร้านที่ควรจะปิดกลับเปิดกว้างอย่างผิดปกติ ความเงียบแปลกประหลาดที่แทรกตัวแทนเสียงกระดิ่งต้อนรับที่มักดังเป็นประจำลิน หญิงสาวที่เพิ่งมาช่วยงานได้ไม่กี่วัน ยืนรออยู่ด้วยสีหน้าร้อนรน เมื่ออิมิลี่ปรากฏตัว เธอก็รีบกล่าวรายงานด้วยน้ำเสียงสั่นเทา "ดิฉันเข้ามาทำงานตอนเวลาเปิดร้าน แต่พอถึงร้าน ประตูก็เปิดค้างไว้แบบนี้ค่ะ แล้วพอสำรวจข้าวของ ภาพบางภาพก็หายไปค่ะ" คำพูดของลินเหมือนน้ำหนักก้อนใหญ่ที่กระแทกลงในใจของอิมิลี่เธอยืนอึ้งในความตกใจ ใจของเธอเหมือนถูกบีบด้วยมือที่มองไม่เห็น พลางกวาดสายตาไปรอบร้าน ภาพที่เคยประดับเรียงรายกลับหายไปในบางจุด บรรยากาศแห่งความสงบในร้านกลายเป็นความว่างเปล่าที่ชวนให้ใจหล่นวูบอิมิลี่ก้าวเข้าไปยังห้องหลังร้านด้วยหัวใจที่เต้นแรง ภาพบางภาพที่เคย
เช้าตรู่ในห้องประชุมของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ หัวหิน บรรยากาศตึงเครียดจากปัญหาที่กำลังเผชิญ เสียง "โป๊ะ" ของหนังสือพิมพ์ที่ถูกวางลงบนโต๊ะประชุมด้วยความหงุดหงิดของผู้บริหารพลางชี้นิ้วไปที่หน้าหนังสือพิมพ์ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงกร้าว “ผู้ชายคนนี้คือใคร?”บนหน้า1ของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นชื่อดังปรากฏภาพของ ลูคัส ชายหนุ่มใบหน้า คมเข้ม “เขาคือหนึ่งในแกนนำผู้ประท้วงที่กำลังเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัท ครับ” เสียงของกรรมการบริษัทคนหนึ่งที่นั่งร่วมบนโต๊ะกล่าวขึ้น แต่ภาพนั้นไม่ได้หยุดแค่เขา สายตาของทุกคนในห้องประชุมกลับเหลือบไปมองอีกมุมของหน้าหนังสือพิมพ์ ภาพ แอลซ่า เลขาคนสนิทของเจ้าของบริษัท เธอกำลังคล้อง แขน ทนายเจมส์ไว้แน่น ชายหนุ่มผู้มีชื่อเสียงในวงการกฎหมาย แต่สิ่งที่สะดุดตากว่านั้นคือการยืนใกล้ชิดกันอย่างน่าสงสัย หน้าอกของแอลซ่าดูเหมือนแทบจะแนบชิดกับแขนของเจมส์จนปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพนี้ต้องการสร้างกระแสอะไรบางอย่าง และเหนือภาพนั้นคือพาดหัวข่าวที่หนาและใหญ่จนแทบจะทะลุออกมาจากกระดาษ"ทนายชื่อดังควงอดีตนางแบบเพลย์บอย! เลขาสาวที่หันหลังให้วงการเพื่อเข้าสู่
คอนโดหรูใจกลางเมืองตั้งตระหง่านท่ามกลางแสงสีแห่งค่ำคืน ลิฟท์แก้วโปร่งใสค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นไปอย่างนุ่มนวล อิมิลี่เงยหน้าขึ้นมองทิวทัศน์ที่แผ่กว้างออกไปสุดสายตา หัวใจเต้นเบาๆ กับความงดงาม ภาพเมืองกรุงเทพฯ ที่เปล่งประกายด้วยแสงไฟจากตึกระฟ้าและแสงไฟสีส้มของท้องถนนด้านล่างที่พาดไปมาติ้ง ! ประตูลิฟท์เปิดออกสู่รูฟท็อป ลมเย็นจากที่สูงพัดสัมผัสใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยน เธอก้าวออกมาพลางทอดสายตาไปรอบๆชื่นชมภาพเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ความสูงและแสงไฟเมื่อมองจากมุมนี้ทำให้ทุกอย่างดูเหมือนภาพในฝันเลโอที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เป็นไง ชอบไหมครับบนนี้” น้ำเสียงของเขาทำให้อิมิลี่เผลอยิ้มบางๆ ก่อนตอบว่า “บรรยากาศดีมากค่ะ” เธอพูดด้วยสายตาเป็นประกาย บรรยากาศรอบตัวเงียบสงบพอที่จะได้ยินเสียงลมและหัวใจของเธอเต้นเป็นจังหวะ อิมิลี่หันมามองเลโอด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณนะคะ ที่อยู่เป็นเพื่อนในค่ำนี้” น้ำเสียงของเธอนั้นราวกลั่นออกมาจากความรู้สึกที่จริงใจ เลโอยกยิ้มมุมปาก พลางพยักหน้าแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ยินดีครับ” คำพูดที่เรียบง่ายแต่หนักแน่นด้วยความหมายบนรูฟท็อบที่เต็มไปด้วย
17.45 PM.ที่ร้านภาพ The Brushstrokeภายในร้านที่เงียบสงบ อิมิลี่ก้มมองนาฬิกาข้อมือของเธอ เวลานัดกับเลโอกำลังใกล้เข้ามา เธอถอนหายใจเบาๆ พลางพยายามรวบรวมสมาธิ ก่อนจะหยิบกระจกขนาดเล็กขึ้นมาเพื่อเช็กใบหน้าอย่างรวดเร็วเธอจัดปอยผมที่หลุดลุ่ยให้เข้าที่ ไล้มือปรับเสื้อผ้าและเสื้อคลุมให้เรียบร้อย จนมั่นใจในภาพลักษณ์ของตัวเอง เธอสูดลมหายใจลึก ก่อนหมุนตัวแหวกม่านหลังร้านออกมา ก้าวเดินเป็นจังหวะ เสียงรองเท้าส้นเตี้ยกระทบพื้นดังเบาๆ แล้วหยุดที่หน้าเคาน์เตอร์“ไม่ต้องล็อกร้านนะคะ เดี๋ยวพี่กลับมาทำงานต่อ” อิมิลี่พูดกับพนักงานสาวที่ยืนอยู่ด้วยน้ำเสียงสุภาพและเป็นกันเอง“และถ้าถึงเวลากลับ ก็ออกไปได้เลยค่ะ แค่นำป้ายปิดติดไว้หน้าประตูก็พอ” เธอพูดพลางยิ้มอ่อนโยน ส่งผ่านความใส่ใจพนักงานสาวพยักหน้ารับอย่างนอบน้อม “ได้ค่ะ คุณอิมิลี่”อิมิลี่ยิ้มตอบ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากร้าน เสียงระฆังเล็กๆ บนประตูดังขึ้นแผ่วเบาขณะที่เธอก้าวออกไป ท่ามกลางแสงไฟพลบค่ำที่ส่องประกายอ่อนๆ ทั่วถนน ลมเย็นพัดผ่านตัวเธอเบาๆ ทำให้เธอกระชับเสื้อคลุมให้แน่นขึ้น สายตาของเธอกวาดมองไปรอบๆ เพื่อซึมซับบรรยากาศเงียบสงบของพลบค่ำ เธอเดินต่
ที่หน้าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใน หัวหินบ่ายนี้อากาศอบอ้าวจนเหงื่อไหลซึมตามใบหน้า แต่ความร้อนกลับไม่ได้มาจากอุณหภูมิของอากาศ แต่เพราะกลุ่มลูกบ้านนับร้อยที่ยืนถือป้ายประท้วงแน่นขนัด สร้างแรงกดดันและพลังแห่งความไม่พอใจที่แผ่ซ่านไปทั่วหน้าอาคารกระจกสูงเสียงโห่ร้องและคำพูดเรียกร้องดังก้องบริเวณ"คืนเงินพวกเรามา!" “แสดงความรับผิดชอบ!”ลูคัส ชายหนุ่มวัย 35 ปี ยืนอยู่เบื้องหน้ากลุ่มผู้ชุมนุม เขาสวมเสื้อลายสก็อตที่พอดีกับร่างกายแข็งแรงและกางเกงยีนสีซีดที่บ่งบอกถึงความเรียบง่ายในแบบของเขา ใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ฉายแววเด็ดเดี่ยวและมั่นใจ เขาคือหัวเรี่ยวหัวแรงของกลุ่มผู้ประท้วง และทุกสายตาจับจ้องมาที่เขาราวกับรอคำพูดที่จะปลุกเร้าพลังลูคัสยกเอกสารในมือขึ้นเหนือศีรษะ ท่าทางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาสูดลมหายใจลึกก่อนจะเปล่งเสียงพูดที่ดังกังวาน"พวกเราจะไม่ยอมให้พวกเขาเลื่อนอีกต่อไป!"น้ำเสียงของเขาหนักแน่นจนทำให้เสียงของฝูงชนเงียบลงชั่วขณะ ทุกคนเงี่ยหูฟังคำพูดของเขาที่เต็มไปด้วยความจริงจัง"เราเดือดร้อนกันมากพอแล้ว ค่าเสียหายนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ พวกเขาต้องรับผิดชอบ!"เสียงปรบมือและโห่ร้อ
หลังจากเสร็จสิ้นการเยี่ยมซาร่าที่โรงพยาบาล อีมิลี่ก็เดินทางมายังงร้านภาพ The Brushstroke ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง แม้ภายนอกร้านจะดูอบอุ่นด้วยแสงไฟสีทองที่ส่องออกมาจากหน้าต่างบานใหญ่ แต่สำหรับเธอ มันแทบไม่อาจทำให้ความรู้สึกหนักในใจนั้นเบาบางลง มือเรียวของเธอผลักประตูไม้เก่าที่แฝงเสน่ห์อย่างมีศิลป์ สียงกระดิ่งเล็ก ๆ บนประตูดังขึ้นเบา ๆ คล้ายจะต้อนรับการมาถึงของเธอ เมื่อเธอก้าวเข้ามาในร้าน หัวใจเธอเหมือนหยุดเต้นชั่วขณะ เมื่อสายตาแรกจับจ้องไปที่ผู้หญิงสวมชุดผ้าไหมสีน้ำทะเลช่างเปล่งออร่าอันสง่างามเกินเอื้อม พลางเอ่ยชื่อเบาๆในลำคอ “คุณหญิง อลิซซาเบธ”ชุดผ้าไหมทีหรูหราที่ท่านผู้หญิงสวมนั้น เนื้อผ้าเรียบลื่นจับจีบอย่างประณีต ผมของเธอถูกจัดแต่งอย่างไร้ที่ติเธอยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางร้าน ทว่าดวงตาคมกริบกลับจ้องไปที่อิมิลี่เพียงผู้เดียว สายตานั้นเต็มไปด้วยความคาดหวังและมั่นใจ สะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกของผู้หญิงที่รู้ในสิ่งที่ต้องการและไม่ลังเลที่จะเรียกร้องมันอิมิลี่รู้สึกถึงแรงกดดันที่แผ่ซ่านในอากาศ การปรากฏตัวของคุณหญิงอลิซาเบธไม่ได้เปลี่ยนเพียงบรรยากาศในร้าน แต่ยังเหมือนเป็นสัญญาณว่า มีบางส
ในห้องที่เงียบสงัด อิมิลี่ก้าวออกมาจากห้องอาบพร้อมผ้าขนหนูพันกาย เส้นผมชุ่ม หยดน้ำไหลลู่ลงมาปลายเส้นผมราวกับสายฝนที่เกาะปลายใบหญ้า ในมือของเธอถือนิตยสารเพลย์บอยของเจมส์ไว้ สายตาที่มองมันเต็มไปด้วยความไม่พอใจโดยไม่ปิดบัง เธอยกมันขึ้นเล็กน้อยก่อนจะโยนลงไปในถังขยะที่ตั้งอยู่มุมห้อง เสียงกระดาษกระทบกับถังโลหะ ดัง แกรก !เบาๆ แต่กลับดังก้องสะท้อนในห้องอันเงียบงันเธอหายใจออกแรงๆ คล้ายพยายามระบายความหงุดหงิด แล้วก้าวตรงไปยังโต๊ะที่วางโทรศัพท์มือถือไว้ เมื่อมีเสียงเรียกเข้าดังขึ้น“ตริ้ง ตริ้ง ตริ้ง…” อิมิลี่หยิบมือถือขึ้นมาดู เบอร์แปลกตาปรากฏบนหน้าจอ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนกดรับสาย“สวัสดีค่ะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ“หนูแอนค่ะ น้องสาวซ่าร่า… พี่อิมิลี่ใช่ไหมคะ?” น้ำเสียงของเด็กสาวสั่นเครือเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยความเร่งรีบ“ซ่าร่าอยู่ที่โรงพยาบาลเซนต์แมรี่ค่ะ! เธอถูกรถมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวเมื่อคืนก่อน ยังไม่ได้สติเลยค่ะ พี่จะมาเยี่ยมเธอได้ไหม?”คำพูดนั้นทำให้อิมิลี่รู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มือที่ถือโทรศัพท์สั่นเล็กน้อย“ว่าไงนะ ซ่าร่า...” เธอพึมพำกับตัวเอง แต่รีบรว
“แอลซ่า” เจมส์เอ่ยชื่อเธอเบา ๆ ราวกับกลั่นออกมาจากส่วนลึกของหัวใจแต่น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความปรารถนาแอลซ่าหันกลับมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียก ดวงตาที่เป็นประกายของเธอจับจ้องเขา ราวกับรอฟังคำพูดต่อไป“ผมชอบคุณนะ แอลซ่า” เจมส์พูดออกมาแต่เสียงนั้นแผ่วเบาแต่หนักแน่นก่อนที่เธอจะตอบอะไร ริมฝีปากของเขาก็บดเบียดเข้ากับริมฝีปากบางของเธออย่างดูดดื่ม ความอ่อนโยนและความร้อนแรงผสมผสานกันในจุมพิตนั้น แอลซ่าหลับตาลง มือเลื่อนขึ้นมาวางบนบ่าของเจมส์ ก่อนจะดึงเขาเข้ามาใกล้ เธอดันลิ้นอุ่นแลกรสให้เจมส์ได้สัมผัสราวกับการตอบรับว่า เธอ ชอบเขาด้วยเช่นกันแอลซ่าค่อย ๆ เลื่อนมืออีกข้างไปจับแขนของเขา ดึงร่างเจมส์เคลื่อนเข้ามาในบ้าน เสียงประตู ปิดลง ปัง!แสงไฟจากโคมไฟหน้ารถ ส่องลอดเข้าผ่านม่านให้เห็นเพียงเงาลางๆแอลซ่าเลื่อนนิ้วเรียวปลดกระดุมเสื้อที่รัดให้ผ่อนคลายเผยเนินอกทีเต่งตูมในบราลูกไม้สีแดงนันย์ตาที่เร่าร้อนแห่งไฟราคะราวจะเขมือบชายหนุ่มที่ยืนสองขาอยู่เบื้องหน้า หัวใจของเจมส์เต้นแรงราวกับจะหลุดออกจากอก เมื่อนิ้วเรียวไถลเคลื่อนต่ำลูบท่อนเอ็นขึ้นลง เขาไม่เคยสัมผัส อารมณ์ความร้อนแรงแบบนี้ท่อนรักของเจมส์จา
พลบค่ำในบาร์แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ข้างๆร้านภาพวาดบรรยากาศที่อบอุ่น เสียงเพลงแจ๊สบรรเลงเบา ๆ จากมุมเวทีเติมเต็มบรรยากาศอันสบายใจ โต๊ะอาหารที่อิมิลี่และเลโอนั่งอยู่ถูกจัดอย่างเรียบง่ายแต่ดูมีสไตล์ แสงไฟอุ่น ๆ ส่องกระทบแก้วไวน์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเลโอนั่งฝั่งตรงข้ามของอิมิลี่ด้วยท่าทีผ่อนคลาย สายตาของเขาสำรวจบรรยากาศรอบตัว ก่อนจะกลับมาจดจ่อที่หญิงสาวตรงหน้า“ฉันว่าเคยเห็นคุณที่ไหนสักแห่งนะ” อิมิลี่พูดขึ้น หลังจากรออาหารที่สั่งถูกเสิร์ฟ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยเลโอเลิกคิ้วเล็กน้อยและยิ้มบาง “อาจจะใช่ครับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่สายตาที่เขาจ้องมองเธอแฝงไปด้วยความลึกลับ ราวกับเขากำลังซ่อนความลับบางอย่างไว้อิมิลี่จ้องนัยน์ตาเขาอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับพยายามอ่านความหมายในคำพูดของเขา แต่สุดท้ายเธอก็ยิ้มและส่ายหัวเบา ๆ “แต่ยังไงก็ช่างเถอะ”เธอยกแก้วไวน์ขึ้นมาชู พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ขอบคุณมาก ๆ สำหรับการมานั่งเป็นเพื่อนทานอาหารเย็นมื้อนี้ค่ะ”เลโอยิ้มยิ้มมุมปาก สายตาของเขามีแววขี้เล่นเล็กน้อย เขาหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาและชนกับแก้วของเธอเบา ๆ เสียงแก้วกระทบกันดังกังวานแผ่วเบา เขากล่า