เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นแต่เช้าตรู่ อิมิลี่ลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความเงียบและว่างเปล่าของของหมอนอีกใบที่เป็นของสามี แต่ สมองของเธอรีบประมวลผลอย่างรวดเร็วว่าวันนี้มีนัดสำคัญที่โรงพยาบาล เธอลุกจากเตียงแทบจะทันที เสื้อกันหนาวสีครีมถูกหยิบขึ้นมาสวมเพื่อป้องกันอากาศหนาวยามเช้าขณะที่เธอเตรียมตัวออกไป
ภายในห้องตรวจ บรรยากาศเงียบงันจนได้ยินเสียงแอร์ที่เป่าลมเย็นกระทบผนัง เสียงนั้นแม้จะเบา แต่กลับยิ่งทำให้ความรู้สึกอึดอัดในใจของอิมิลี่ชัดเจนขึ้น เธอนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ สองแขนโอบกอดตัวเองราวกับหาความอบอุ่นจากใครสักคน เสื้อกันหนาวสีเธอสวมดูจะไม่ช่วยป้องกันความหนาวเย็นที่แท้จริงนั้นเกิดขึ้นในจิตใจของเธอ
ดวงตาของอิมิลี่หลุบต่ำ มองมือตัวเองที่สั่นเล็กน้อย นิ้วเรียวขาวบีบกันแน่นจนข้อนิ้วขึ้นสีซีด ความคิดวิ่งวนอยู่ในหัวของเธอเป็นเสียงที่เธอไม่อาจกลบได้ ความเครียด ความกลัว และความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ผลักดันให้เธอกดตัวเองแน่นขึ้น
คุณหมอที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนเปล่งเสียงนุ่มนวลที่แฝงไว้ด้วยความจริงจังที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
“เดือนนี้ไข่ของคุณยังไม่ตก บางทีอาจเป็นเพราะความเครียดที่สะสมไว้”
คำพูดนั้นเหมือนพายุหิมะที่พัดโหมเข้ามาปะทะหัวใจของอิมิลี่ เธอนิ่งไปชั่วครู่ เธอก้มหน้าลงหลบสายตาของคุณหมอไปมองโต๊ะตรงหน้า ดวงตาคู่สวยที่เคยสว่างไสวดูหม่นหมองลงเหมือนแสงเทียนที่ริบหรี่
ภายในใจของเธอรู้สึกเหมือนห่าลูกเห็บถาโถมเข้ามาอีกครั้ง ความหวังที่เธอแบกไว้ในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาเหมือนจะถูกบดขยี้ไปพร้อมกับคำพูดนั้น เธอรู้ว่าความเครียดเป็นสิ่งที่ยากจะควบคุม แต่มันก็ยากยิ่งกว่าที่จะมองข้ามความผิดหวังที่ถาโถมเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะแท้จริงแล้วเธอเพิ่งผ่านการผ่าตัดครั้งใหญ่เพื่อแก้ไขท่อนำไข่ที่อุดตันทั้งสองข้าง เหตุการณ์นั้นเป็นเหมือนแสงแห่งความหวังที่เธอคิดว่าอาจช่วยให้ความฝันที่จะเป็นแม่คนเติมเต็มชีวิตคู่ที่ไม่สมบูรณ์แต่คำพูดของหมอในวันนี้กลับเป็นเหมือนเมฆหมอกดำทึบที่เข้ามาแทนที่
เธอกำมือไว้แน่นจนเล็บจิกลงในฝ่ามือ ราวกับพยายามหาหลักยึดเพื่อไม่ให้ความกังวลกลืนกินเธอไป แล้วเอ่ยถามคุณหมอด้วยน้ำเสียงที่เบา"งั้นฉันควรทำยังไงต่อไปดีคะ?"แววตาที่ราวกับกำลังถามไถ่ดวงชะตาของเธอมองตรงไปที่คุณหมอคุณหมอยกยิ้มมุม ราวว่ายังมีพอมีหนทางแก้ไข “เราอาจต้องให้เวลา และลองหาวิธีลดความเครียด เพื่อให้ร่างกายของคุณกลับมาทำงานตามปกติอีกครั้ง”คำพูดปลอบโยนของคุณหมอราวกับเสียงลมที่พัดผ่าน เธอได้ยินชัดเจน แต่กลับไม่สามารถซึมลึกเข้าไปถึงใจของอิมิลี่ได้เลย เธอนั่งนิ่งอยู่กับเก้าอี้ มือยังคงบีบกันแน่นใต้โต๊ะ
แต่ก่อนที่เธอจะทันตอบอะไร เสียงเคาะประตูดังขึ้นก๊อก ก๊อก
อิมิลี่สะดุ้ง เธอเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ตั้งตัว มองไปที่ประตู ขณะที่คุณหมอถอนหายใจเบา ๆ พร้อมกับหันไปทางต้นเสียง น้ำเสียงสุภาพของเขาดังขึ้น
“คุณเจมส์ เชิญเข้ามาได้ครับ”
เจมส์ซึ่งยืนรออยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้ามา ใบหน้าของเขามีคราบเหงื่อเกาะจากการเร่งรีบ แต่อยู่ในขณะเดียวกันเขาก็ดูเหมือนพยายามตั้งสติและเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่ต้องทำ
อิมิลี่หันมามองเขาแวบหนึ่ง แววตาของเธอฉายแววเคืองที่เธอพยายามกดเก็บไว้ รอยร้าวจากเรื่องเมื่อคืนยังไม่จางหาย เธอหลุบตาลงอีกครั้ง เลี่ยงที่จะสบตากับเขานานเกินไป
เจมส์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ผมขอโทษที่มาสาย... ผมพยายามรีบมาให้ทัน”
แต่คำพูดของเขาเหมือนผ่านเข้าไปในอากาศที่เย็นเฉียบ ไม่มีผลต่อกำแพงบาง ๆ ที่อิมิลี่สร้างขึ้นรอบตัวเธอในตอนนี้ เธอเอ่ยเสียงเรียบโดยไม่มองหน้าเขา “ไม่เป็นไรหรอก เราเริ่มได้เลยค่ะคุณหมอ”
คุณหมออธิบายต่อด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “เราต้องตรวจสอบคุณภาพของน้ำเชื้อเพื่อประเมินแนวทางการรักษาเพิ่มเติม ขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่นานครับ ผมจะให้เจ้าหน้าที่พาคุณไปที่ห้องเก็บตัวอย่าง”เจมส์พยักหน้ารับ แม้จะแสดงออกด้วยความสงบ แต่ภายในใจของเขาเองก็ปั่นป่วนเล็กน้อย เขาหันไปมองอิมิลี่อีกครั้ง หวังจะได้รับการยอมรับหรือกำลังใจจากเธอสักนิด แต่เธอยังคงนั่งนิ่งอยู่ในโลกของตัวเอง
เจ้าหน้าที่พยาบาลหญิงในชุดสีขาวสะอาดเดินเข้ามาในห้องด้วยรอยยิ้ม ที่พยายามจะปลอบประโลมบรรยากาศอันเคร่งเครียด เธอส่งสัญญาณให้เจมส์เดินตามออกไปยังห้องที่จัดเตรียมไว้เพื่อเก็บตัวอย่างน้ำเชื้อ
“เดี๋ยวคุณอิมิลี่นั่งรอก่อนนะครับ” คุณหมอยิ้มอ่อนโยนให้กับเธอพลางลุกขึ้นออกไปพร้อมกับพยาบาลทิ้งให้อิมิลี่นั่งรออยู่ในห้องคนเดียวเวลาผ่านไปไม่นาน แต่สำหรับอิมิลี่ มันกลับรู้สึกเหมือนชั่วนิรันดร์ สองแขนของเธอกอดตัวเองเบา ๆ ราวกับต้องการหาที่พึ่งพิงจากความกดดันที่เธอรู้สึกอยู่ ไม่นานนัก เจมส์เดินออกมาจากห้องเก็บตัวอย่างดวงตาเขามองหาอิมิลี่ทันที เธอนั่งอยู่เก้าอี้ตัวสุดท้ายมุมสุด สีหน้าของเธอยังดูตึงเครียด ดวงตาคู่สวยหม่นลงด้วยความน้อยใจเล็ก ๆ ที่เธอพยายามซ่อน แต่เจมส์สังเกตเห็นเขาก้าวเข้ามาใกล้ ย่อตัวเล็กน้อยเพื่อสบตาเธอ “คุณโอเคไหม อิมิลี่” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย
อิมิลี่เงยหน้าขึ้นมองเขา ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้ราบเรียบ “ก็ดีค่ะ”
เจมส์ยิ้ม ก่อนเอื้อมมือมาวางเบา ๆ บนไหล่ของเธอ “เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน คุณรู้ใช่ไหม”
คำพูดของเขาเรียบง่าย แต่หนักแน่นพอที่จะทำให้หัวใจที่เต็มไปด้วยความเครียดของอิมิลี่คลายลงชั่วคราว เธอพยักหน้าช้า ๆ แม้ยังมีความกังวลหลงเหลือ
เจมส์พูดต่อพร้อมกับเปลี่ยนโทนเสียงให้ผ่อนคลาย “เดี๋ยวเสร็จธุระที่นี่แล้ว ผมจะพาคุณไปทานข้าวนะ”
ความตั้งใจในน้ำเสียงของเขาทำให้อิมิลี่เริ่มรู้สึกสบายใจขึ้น ความผ่อนคลายเริ่มเข้ามาแทนที่ความตึงเครียด เธอเงยหน้า มองเขาด้วยสายตาที่เริ่มมีประกายของความหวัง เธอพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มอ่อนๆ
“ค่ะ”น้ำเสียงเบาๆ แม้จะไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น แต่ในใจลึก ๆ เธอรู้สึกว่าบางทีความรักและการอยู่เคียงข้างของเขา อาจเป็นกำลังใจสำคัญที่สุดในช่วงเวลานี้พลันเสียงเครื่องมือทางการแพทย์ดังแผ่วป็นพื้นหลัง คุณหมอเปิดประตูเข้ามาพร้อมแฟ้มผลตรวจในมือ สีหน้าของเขาดูผ่อนคลายและเปี่ยมไปด้วยความเป็นมิตร
“ผลออกมาแล้วครับ” คุณหมอยิ้มเล็กน้อยก่อนจะนั่งลง “น้ำเชื้อของคุณแข็งแรงดี ไม่มีอะไรต้องกังวล แต่ถ้าจะเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น ผมแนะนำให้เพิ่มการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง และถั่วประเภทต่าง ๆ เป็นประจำ จะช่วยสนับสนุนคุณภาพได้ดี”ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “ครับ หมอ ผมจะลองปรับเรื่องอาหารตามคำแนะนำ”
คุณหมอยิ้มอย่างพอใจ “ดีมากครับ สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ แค่ดูแลตัวเองให้สมดุลก็ช่วยได้มากแล้ว ไม่ต้องเครียดนะครับ พักผ่อนให้เพียงพอด้วย”
คำพูดของคุณหมอสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายขึ้นในห้องแม้ อิมิลี่จะยังมีความกังวลในดวงตาแต่ก็รู้สึกอุ่นใจเล็กน้อยจากความพยายามของสามีและคำแนะนำที่ดูเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความใส่ใจของคุณหมอ
ถ้าอ่านแล้วชอบ ถูกจริต ฝากกดติดตามเพิ่มเข้าคลังด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
ช่วงเวลานี้เจมส์กำลังพยายามที่จะพยุงสถานะของคำว่า "สามีที่ดี" ให้มั่นคงขึ้น เขาจับมืออิมิลี่อย่างนุ่มนวลเป็นระยะๆระหว่างขับรถเพื่อจะไปร้านอาหารอิตาเลียนสุดหรูที่เขาตั้งใจเลือกมาเพื่อปรับความสัมพันธ์ บรรยากาศภายในอบอุ่นด้วยแสงไฟโทนสีทอง โต๊ะที่ถูกจัดไว้อย่างพิถีพิถันมีผ้าเช็ดปากสีขาวสะอาดและจานอาหารที่วางอย่างลงตัว มันดูเหมือนเป็นคำแก้ตัวจากเจมส์ที่เขาพยายามทำให้ดีที่สุด แต่สำหรับอิมิลี่ บางทีสิ่งนี้อาจยังไม่เพียงพอที่จะเติมเต็มช่องว่างในหัวใจของเธอเมื่ออาหารถูกรินราดด้วยซอสและจัดเสิร์ฟลงบนโต๊ะ กลิ่นหอมเย้ายวนจากเมนูหลากหลายชนิดกระจายไปทั่วบริเวณ ภายในร้านอาหารที่ตกแต่งด้วยแสงไฟสีอ่อนชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่ก่อนที่เจมส์จะได้สัมผัสส้อมหรือลองชิมรสชาติของอาหาร เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นแทรกความเงียบเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้เขาชะงักไปชั่วขณะ "แอลซ่า" เขาเอ่ยชื่อเธอในลำคอเจมส์เหลือบมองอิมิลี่ที่นั่งอยู่ตรงข้าม เธอก้มหน้ามองจานของตัวเอง ราวกับพยายามแกล้งทำเป็นไม่สนใจ แต่เจมส์สังเกตเห็นรอยหม่นในดวงตาของเธอเขาลังเลเล็กน้อยก่อนลุกขึ้นจากโต๊ะ “อิมิลี่ เดี๋ย
แกรก ! เสียงของประตูเสื้อผ้าเปิดออกเบาๆ ดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบสงัดยามรุ่งสาง เจมส์ยืนอยู่หน้า ตู้เสื้อผ้าที่แง้มออก ครึ่งหนึ่งของใบหน้าเขาอยู่ในเงามืด ดวงตาเรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความลังเล มือของเขาหยิบเสื้อแจ็กเก็ตออกมาพร้อมกับกางเกงที่พับไว้อย่างเรียบร้อยแสงไฟที่ลอดมาจากหน้าต่างเผยให้เห็นเงาร่างของอิมิลี่ที่พลิกตัวอย่างรวดเร็ว ดวงตาเบิกกว้าง เธอสะดุ้งตื่นเมื่อเสียงนั้นปลุกเธอให้หลุดจากความหลับใหล“เจมส์... คุณกำลังจะไปไหนแต่เช้า” น้ำเสียงเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“ผมมีประชุมเช้า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่ก็ฟังดูเหนื่อยล้า “งานสำคัญ... คดีใหญ่ ผมต้องรีบไป อิมิลี่”ขณะที่เขากำลังติดกระดุมเสื้อและดวงตาเขาจับจ้องไปยังเสื้อแจ็กเก็ตที่แขวนอยู่ในมือคำพูดนั้นตรงไปตรงมา แต่กลับทิ้งความรู้สึกบางอย่างไว้ในอากาศ เสียงกุกกักของเข็มขัดที่เขารัดเอวเพิ่มความอึดอัดให้กับห้อง อิมิลี่มองตามเขา ดวงตาของเธอแสดงความลังเล แต่คำถามที่อยากเอ่ยกลับติดอยู่ในลำคอ“มันด่วนขนาดนั้นเลยเหรอ” เธอถามเบาๆ น้ำเสียงที่แฝงความกังวลและไม่เข้าใจ เจมส์หยุดมือชั่วขณะ ก่อนจะดึงเสื้อแจ็กเก็ตมาสวม ขยับไหล่เล็กน้อยให้เข้
บนตึกสูงที่ผนังกระจกใสรอบด้านเผยให้เห็นวิวทะเลอันกว้างไกล ซึ่งห่างจากเมืองหลวง ประมาณ 3 ชั่วโมงเจมส์นั่งร่วมประชุม ท่าทางสุขุมและจริงจังในฐานะทนายของบริษัทซึ่งกำลังหารือประเด็นสำคัญร่วมกับทีมผู้บริหารและฝ่ายกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินคดีฟ้องร้องบริษัทรับเหมาแห่งหนึ่ง …. “ตอนนี้บริษัท ของเราเสียหายอย่างหนัก ลูกค้ามากว่าครึ่งต้องการเงินคืน จากการผิดนัดการส่งมอบบ้านตามกำหนด และกำลังเป็นวงกว้าง เมื่อบ้านที่สร้างใช้วัสดุ ต่ำกว่ามาตรฐาน จนทำให้มีการพังถล่มลงมา จากพายุ ไม่กี่สัปดาห์ก่อน” หนึ่งในกรรมการของบริษัทพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่วิตกกังวล พลางเคาะนิ้วลงบนเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ ประกอบกับถาพถ่ายของบ้านที่พังถล่มลงมา ……... เมื่อการประชุมสิ้นสุดลง บรรยากาศเคร่งเครียดในห้องเริ่มผ่อนคลาย แอลซ่า เลขานุการของบริษัท เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับเอกสารในมือ เธอวางแฟ้มเอกสารลงตรงหน้าเขาและพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความกังวลเล็กน้อย“ คุณเจมส์ คะ นี่คือข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นประเด็นค่ะและ ฉันคิดว่าคุณเจมส์ควรไปดูสถานที่จริง เพื่อเข้าใจปัญหาให้ละเอียดขึ้น” แอลซ่าพูดด้วยน้ำเสียงสุภา
บนถนนที่ทอดตัวผ่านป่าและสวนเขียวชอุ่ม เสียงเครื่องยนต์ของรถยนต์หรูสีดำดังแผ่วเบาเหมือนกลมกลืนไปกับธรรมชาติรอบข้าง แอลซ่านั่งอยู่บนเบาะหนังข้างเจมส์ ท่าทางของเธอมั่นใจพลางชี้นิ้วไปยังทิศทางข้างหน้า "ใช้ทางนี้ดีกว่าค่ะ ทางลัดเข้าด้านหลังของโครงการ" น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความแน่ใจและผ่อนคลายเจมส์ปรายตามองไปตามทิศที่เธอบอก ก่อนพยักหน้าเบาๆ แล้วหมุนพวงมาลัยอย่างนุ่มนวล รถคันหรูเคลื่อนตัวเข้าสู่ถนนสายเล็กที่ราวกับถูกลืมเลือนจากกาลเวลา ทั้งสองข้างทางถูกปกคลุมด้วยร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ กิ่งก้านหนาแน่นปกคลุมเป็นอุโมงค์ แสงแดดลอดผ่านใบไม้ลงมาราวกับภาพวาดอันละเอียดอ่อน เสียงใบไม้กระทบกันแผ่วๆ กับสายลม ทำให้บรรยากาศดูเหมือนฉากในนิยายที่อบอุ่นและลึกลับในเวลาเดียวกันแต่ความสงบนั้นอยู่ได้ไม่นาน เสียง "ปึ้ง!" ดังสนั่นจากใต้ท้องรถทำให้ทุกอย่างชะงัก เจมส์รีบเหยียบเบรก สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที เขาหันมามองแอลซ่า ดวงตาเบิกกว้าง“ผมว่าเรามีปัญหาแล้วละครับ” เจมส์กล่าวเสียงหนักแน่นแต่เสียงสะท้อนถึงความกังวลพลางหักพวงมาลัยนำรถจอดเข้าข้างทางใต้เงาป่าทึบเขาเปิดประตูและก้าวลงจากรถทันที เสียงรอง
ที่ร้านภาพ The Brushstrokeเสียงกระดิ่งหน้าประตูดัง กริ๊ง กริ๊ง ขณะที่หญิงสาววัยกลางคนในชุดผ้าเนื้อดีสีเข้มที่ตัดเย็บอย่างพิถีพิถันก้าวเข้ามา ใบหน้าของเธอแต่งแต้มอย่างปราณีตเข้ากับผมลอนสีดำที่จัดเรียงอย่างไร้ที่ติ สายตาเธอกวาดมองรอบร้านพลางขาก้าวเป็นจังหวะดังก้องรอบห้อง ราวกับกำลังค้นหาสิ่งที่มีความหมายที่สุด“สวัสดีครับ คุณผู้หญิง” เลโอก้าวออกมาจากเคาน์เตอร์ “มีอะไรให้ผมแนะนำไหมครับ?แต่เหลือเวลาอีก 15 นาทีร้านจะปิด” เขากล่าวพลางเหลือบมองนาฬิกาข้อมือเธอหันมามองเขาด้วยดวงตาคมกริบ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ฉันกำลังมองหาภาพวาดที่เป็นชายหนุ่ม ราวกับหลุดออกมาจากนิยาย”แต่สายตาของเธอหยุดที่ใบหน้าเลโอชั่วครู่ ก่อนจะหันกลับไปมองภาพวาดที่จัดแสดงอยู่รอบตัว “แต่ภาพพวกนี้... ไม่มีวิญญาณ ฉันต้องการอะไรมากกว่านั้น” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ทว่าเต็มไปด้วยความผิดหวัง “ฉันต้องการอะไรมากกว่านั้น ”ในขณะนั้น อิมิลี่ ก้าวแหวกม่านจากห้องด้านหลังออกมา“สวัสดีค่ะ คุณอลิซซาเบธ มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ?” อิมิลี่ถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ เธอจำลูกค้าคนนี้ได้ดี อลิซซาเบธเป็นลูกค้าชั้นสูงของแ
พลบค่ำในบาร์แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ข้างๆร้านภาพวาดบรรยากาศที่อบอุ่น เสียงเพลงแจ๊สบรรเลงเบา ๆ จากมุมเวทีเติมเต็มบรรยากาศอันสบายใจ โต๊ะอาหารที่อิมิลี่และเลโอนั่งอยู่ถูกจัดอย่างเรียบง่ายแต่ดูมีสไตล์ แสงไฟอุ่น ๆ ส่องกระทบแก้วไวน์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเลโอนั่งฝั่งตรงข้ามของอิมิลี่ด้วยท่าทีผ่อนคลาย สายตาของเขาสำรวจบรรยากาศรอบตัว ก่อนจะกลับมาจดจ่อที่หญิงสาวตรงหน้า“ฉันว่าเคยเห็นคุณที่ไหนสักแห่งนะ” อิมิลี่พูดขึ้น หลังจากรออาหารที่สั่งถูกเสิร์ฟ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยเลโอเลิกคิ้วเล็กน้อยและยิ้มบาง “อาจจะใช่ครับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่สายตาที่เขาจ้องมองเธอแฝงไปด้วยความลึกลับ ราวกับเขากำลังซ่อนความลับบางอย่างไว้อิมิลี่จ้องนัยน์ตาเขาอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับพยายามอ่านความหมายในคำพูดของเขา แต่สุดท้ายเธอก็ยิ้มและส่ายหัวเบา ๆ “แต่ยังไงก็ช่างเถอะ”เธอยกแก้วไวน์ขึ้นมาชู พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ขอบคุณมาก ๆ สำหรับการมานั่งเป็นเพื่อนทานอาหารเย็นมื้อนี้ค่ะ”เลโอยิ้มยิ้มมุมปาก สายตาของเขามีแววขี้เล่นเล็กน้อย เขาหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาและชนกับแก้วของเธอเบา ๆ เสียงแก้วกระทบกันดังกังวานแผ่วเบา เขากล่า
“แอลซ่า” เจมส์เอ่ยชื่อเธอเบา ๆ ราวกับกลั่นออกมาจากส่วนลึกของหัวใจแต่น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความปรารถนาแอลซ่าหันกลับมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียก ดวงตาที่เป็นประกายของเธอจับจ้องเขา ราวกับรอฟังคำพูดต่อไป“ผมชอบคุณนะ แอลซ่า” เจมส์พูดออกมาแต่เสียงนั้นแผ่วเบาแต่หนักแน่นก่อนที่เธอจะตอบอะไร ริมฝีปากของเขาก็บดเบียดเข้ากับริมฝีปากบางของเธออย่างดูดดื่ม ความอ่อนโยนและความร้อนแรงผสมผสานกันในจุมพิตนั้น แอลซ่าหลับตาลง มือเลื่อนขึ้นมาวางบนบ่าของเจมส์ ก่อนจะดึงเขาเข้ามาใกล้ เธอดันลิ้นอุ่นแลกรสให้เจมส์ได้สัมผัสราวกับการตอบรับว่า เธอ ชอบเขาด้วยเช่นกันแอลซ่าค่อย ๆ เลื่อนมืออีกข้างไปจับแขนของเขา ดึงร่างเจมส์เคลื่อนเข้ามาในบ้าน เสียงประตู ปิดลง ปัง!แสงไฟจากโคมไฟหน้ารถ ส่องลอดเข้าผ่านม่านให้เห็นเพียงเงาลางๆแอลซ่าเลื่อนนิ้วเรียวปลดกระดุมเสื้อที่รัดให้ผ่อนคลายเผยเนินอกทีเต่งตูมในบราลูกไม้สีแดงนันย์ตาที่เร่าร้อนแห่งไฟราคะราวจะเขมือบชายหนุ่มที่ยืนสองขาอยู่เบื้องหน้า หัวใจของเจมส์เต้นแรงราวกับจะหลุดออกจากอก เมื่อนิ้วเรียวไถลเคลื่อนต่ำลูบท่อนเอ็นขึ้นลง เขาไม่เคยสัมผัส อารมณ์ความร้อนแรงแบบนี้ท่อนรักของเจมส์จา
ในห้องที่เงียบสงัด อิมิลี่ก้าวออกมาจากห้องอาบพร้อมผ้าขนหนูพันกาย เส้นผมชุ่ม หยดน้ำไหลลู่ลงมาปลายเส้นผมราวกับสายฝนที่เกาะปลายใบหญ้า ในมือของเธอถือนิตยสารเพลย์บอยของเจมส์ไว้ สายตาที่มองมันเต็มไปด้วยความไม่พอใจโดยไม่ปิดบัง เธอยกมันขึ้นเล็กน้อยก่อนจะโยนลงไปในถังขยะที่ตั้งอยู่มุมห้อง เสียงกระดาษกระทบกับถังโลหะ ดัง แกรก !เบาๆ แต่กลับดังก้องสะท้อนในห้องอันเงียบงันเธอหายใจออกแรงๆ คล้ายพยายามระบายความหงุดหงิด แล้วก้าวตรงไปยังโต๊ะที่วางโทรศัพท์มือถือไว้ เมื่อมีเสียงเรียกเข้าดังขึ้น“ตริ้ง ตริ้ง ตริ้ง…” อิมิลี่หยิบมือถือขึ้นมาดู เบอร์แปลกตาปรากฏบนหน้าจอ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนกดรับสาย“สวัสดีค่ะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ“หนูแอนค่ะ น้องสาวซ่าร่า… พี่อิมิลี่ใช่ไหมคะ?” น้ำเสียงของเด็กสาวสั่นเครือเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยความเร่งรีบ“ซ่าร่าอยู่ที่โรงพยาบาลเซนต์แมรี่ค่ะ! เธอถูกรถมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวเมื่อคืนก่อน ยังไม่ได้สติเลยค่ะ พี่จะมาเยี่ยมเธอได้ไหม?”คำพูดนั้นทำให้อิมิลี่รู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มือที่ถือโทรศัพท์สั่นเล็กน้อย“ว่าไงนะ ซ่าร่า...” เธอพึมพำกับตัวเอง แต่รีบรว
ยามสายของวันที่ท้องฟ้าปกคลุมด้วยเมฆหมอกสีเทาหม่น บรรยากาศรอบตัวของอิมิลี่ชวนให้อึดอัดราวสะท้อนความรู้สึกภายในจิตใจของเธอ อิมิลี่ก้าวออกจากคอนโดด้วยใบหน้าหมองคล้ำ แววตาเหนื่อยล้าจากค่ำคืนที่เธอนั้นแทบไม่ได้นอนเลยเสียงเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนไปมาบนท้องถนนประสานเข้ากับเสียงบีบแตรที่ดังระงม กลิ่นควันดำจากท่อไอเสียที่ลอยฟุ้งยิ่งทำให้ ทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวเธอดูยุ่งเหยิงและสับสนเกินกว่าที่จะรับไหว เมืองที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเชื่อว่าเป็น "สวรรค์" บัดนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นกรงขังที่บีบคั้นหัวใจ เธอรู้สึกราวกับติดอยู่ในโลกที่ไม่เหลือพื้นที่หายใจอิมิลี่ขยับสายกระเป๋าสะพายแน่นขึ้น ก้มหน้าก้าวเท้ายาวราวกับต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายรอบตัว ความรู้สึกที่ปั่นป่วนในใจทำให้เธอไม่อยากเงยหน้าขึ้นมองสิ่งใดอีกต่อไป สิ่งที่เธอคิดมีเพียงอย่างเดียว คือการไปถึงจุดหมายโดยเร็วที่สุดแม้หัวใจของเธอจะเต็มไปด้วยความกังวล แต่เธอก็รู้ดีว่าภารกิจในวันนี้สำคัญยิ่งนัก การเยี่ยมซาร่าและการหาทางช่วยเหลือเธอคือสิ่งที่เธอจะต้องทำให้ได้ ไม่ว่าจะต้องผ่านอุปสรรคอะไรก็ตาม……………………………………………อิมิลี่เร่งฝีเท้าตรงมายังห้องพักฟื้นอย
คืนที่มืดมิดปกคลุมทั่วทั้งคอนโดชั้นสูงใจกลางเมืองใหญ่ แสงไฟจากตึกระฟ้าและถนนที่ไม่เคยหลับใหลด้านล่างส่องประกายระยิบระยับเป็นเส้นสาย แต่กลับให้ความรู้สึกเยือกเย็นและเวิ้งว้างสำหรับอิมิลี่ ภายในห้องที่เงียบสงัด อิมิลี่นั่งพิงหัวเตียง มีเพียงแสงสลัวจากโคมไฟเล็กบนโต๊ะข้างเตียงที่สาดแสงอ่อนโยน ทิ้งเงาจางๆ ไว้บนผนัง ราวกับสะท้อนถึงความรู้สึกอ้างว้างในใจเธอเธอกอดเข่าตัวเองไว้แน่น ท่าทางที่ดูเหมือนสงบนิ่ง แต่ลึกลงไปในจิตใจกลับเต็มไปด้วย ความคิดวนเวียนเหมือนกระแสน้ำเชี่ยวในฤดูฝนที่ไม่หยุดพัก สายตาของเธอมองออกไปยังหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ที่ภายนอกนั้น เมืองทั้งเมืองดูมีชีวิตชีวาและการเคลื่อนไหวเบื้องล่างเต็มไปด้วยความคึกคักแต่สำหรับเธอ จากความสูงลิบนี้ ทุกอย่างกลับดูเหมือนฉากไกลโพ้น ราวกับว่าเธอถูกตัดขาดจากทุกสิ่ง อยู่เพียงลำพังในความเงียบอันหนาวเหน็บที่ล้อมรอบ รู้สึกเหมือนกำลังลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ.. เธอพยายามข่มตาหลับมาแล้วหลายชั่วโมง แต่ยิ่งพยายาม ความกังวลและความสับสนในใจก็ยิ่งตื่นตัว หัวใจของเธอเต้นแรง รัวเร็ว ไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกที่ไม่อาจระงับได้โอบล้อมเธอไว้ในยามค่ำคืนเสียงนาฬิกาที
อิมิลี่นิ่งค้างอยู่ในความเงียบ ราวกับเวลาในโลกของเธอหยุดลง มือของเธอกำโทรศัพท์แน่นจนแทบสั่น ขณะที่สายตาจ้องภาพบนหน้าจอในแอปเมสเซนเจอร์อย่างไม่ละสายตาหัวใจเธอเหมือนถูกบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออก ภาพของเจมส์ ผู้เป็นสามีของเธอ ยืนใกล้ชิดกับหญิงสาวคนหนึ่งอย่างสนิทสนม และใบหน้าของหญิงคนนั้นดูคุ้นตายิ่งนัก แต่ความสับสนทำให้เธอยังไม่สามารถเรียบเรียงความคิดออกมาได้ ว่า “หล่อนคือใคร”คำถามในแชตที่เพื่อน ๆ ส่งมา เป็นเหมือนคมมีดที่แทงซ้ำในจิตใจของเธอ"จริงไหม อิมิลี่?"“หล่อนเป็นใคร อิมิลี่?”ตัวอักษรเหล่านั้นก้องอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมา ความโกรธและความอับอายที่ราวกับพายุลูกใหญ่เคลื่อนด้วยความเร็วสูงซัดเข้าหา ไม่มีคำอธิบาย ไร้ซึ่งคำตอบ ในความเงียบและความอึดอัดรอบตัวกัดกินเธอ แล้วความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัว ว่า เธอจะต้องรู้ความจริงจากปากของเจมส์ เธอเลื่อนนิ้วอย่างหนักแน่น กดเบอร์โทรหาเขา ขณะเสียงหัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกมา ความรู้สึกของเธอสับสนอย่างท่วมท้น แต่เธอต้องการคำตอบ และต้องรู้ว่า ทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้นตรู๊ด ตรู๊ด... เสียงเรียกเข้าจากอิมิลี่ดังก้องในความเงียบในรถสปอร์ตคันหรู เจมส์ไม่ได้ยินเสียง
อิมิลี่รีบจัดแจงตัวเองด้วยความร้อนรน ความคิดในหัววิ่งพล่านดั่งเปลวไฟที่โหมกระพือ แม้เธอจะปิดประตูห้องของเลโออย่างแผ่วเบา แต่เสียงหัวใจที่เต้นระรัวกลับไม่อาจสงบลงได้ เมื่อออกจากห้อง เธอเร่งฝีเท้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยความกังวลพุ่งทะยานทุกย่างก้าวจนกระทั่งถึงหน้าร้าน The Brushstrokeภาพตรงหน้าสร้างความตื่นตระหนกในทันที ประตูร้านที่ควรจะปิดกลับเปิดกว้างอย่างผิดปกติ ความเงียบแปลกประหลาดที่แทรกตัวแทนเสียงกระดิ่งต้อนรับที่มักดังเป็นประจำลิน หญิงสาวที่เพิ่งมาช่วยงานได้ไม่กี่วัน ยืนรออยู่ด้วยสีหน้าร้อนรน เมื่ออิมิลี่ปรากฏตัว เธอก็รีบกล่าวรายงานด้วยน้ำเสียงสั่นเทา "ดิฉันเข้ามาทำงานตอนเวลาเปิดร้าน แต่พอถึงร้าน ประตูก็เปิดค้างไว้แบบนี้ค่ะ แล้วพอสำรวจข้าวของ ภาพบางภาพก็หายไปค่ะ" คำพูดของลินเหมือนน้ำหนักก้อนใหญ่ที่กระแทกลงในใจของอิมิลี่เธอยืนอึ้งในความตกใจ ใจของเธอเหมือนถูกบีบด้วยมือที่มองไม่เห็น พลางกวาดสายตาไปรอบร้าน ภาพที่เคยประดับเรียงรายกลับหายไปในบางจุด บรรยากาศแห่งความสงบในร้านกลายเป็นความว่างเปล่าที่ชวนให้ใจหล่นวูบอิมิลี่ก้าวเข้าไปยังห้องหลังร้านด้วยหัวใจที่เต้นแรง ภาพบางภาพที่เคย
เช้าตรู่ในห้องประชุมของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ หัวหิน บรรยากาศตึงเครียดจากปัญหาที่กำลังเผชิญ เสียง "โป๊ะ" ของหนังสือพิมพ์ที่ถูกวางลงบนโต๊ะประชุมด้วยความหงุดหงิดของผู้บริหารพลางชี้นิ้วไปที่หน้าหนังสือพิมพ์ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงกร้าว “ผู้ชายคนนี้คือใคร?”บนหน้า1ของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นชื่อดังปรากฏภาพของ ลูคัส ชายหนุ่มใบหน้า คมเข้ม “เขาคือหนึ่งในแกนนำผู้ประท้วงที่กำลังเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัท ครับ” เสียงของกรรมการบริษัทคนหนึ่งที่นั่งร่วมบนโต๊ะกล่าวขึ้น แต่ภาพนั้นไม่ได้หยุดแค่เขา สายตาของทุกคนในห้องประชุมกลับเหลือบไปมองอีกมุมของหน้าหนังสือพิมพ์ ภาพ แอลซ่า เลขาคนสนิทของเจ้าของบริษัท เธอกำลังคล้อง แขน ทนายเจมส์ไว้แน่น ชายหนุ่มผู้มีชื่อเสียงในวงการกฎหมาย แต่สิ่งที่สะดุดตากว่านั้นคือการยืนใกล้ชิดกันอย่างน่าสงสัย หน้าอกของแอลซ่าดูเหมือนแทบจะแนบชิดกับแขนของเจมส์จนปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพนี้ต้องการสร้างกระแสอะไรบางอย่าง และเหนือภาพนั้นคือพาดหัวข่าวที่หนาและใหญ่จนแทบจะทะลุออกมาจากกระดาษ"ทนายชื่อดังควงอดีตนางแบบเพลย์บอย! เลขาสาวที่หันหลังให้วงการเพื่อเข้าสู่
คอนโดหรูใจกลางเมืองตั้งตระหง่านท่ามกลางแสงสีแห่งค่ำคืน ลิฟท์แก้วโปร่งใสค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นไปอย่างนุ่มนวล อิมิลี่เงยหน้าขึ้นมองทิวทัศน์ที่แผ่กว้างออกไปสุดสายตา หัวใจเต้นเบาๆ กับความงดงาม ภาพเมืองกรุงเทพฯ ที่เปล่งประกายด้วยแสงไฟจากตึกระฟ้าและแสงไฟสีส้มของท้องถนนด้านล่างที่พาดไปมาติ้ง ! ประตูลิฟท์เปิดออกสู่รูฟท็อป ลมเย็นจากที่สูงพัดสัมผัสใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยน เธอก้าวออกมาพลางทอดสายตาไปรอบๆชื่นชมภาพเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ความสูงและแสงไฟเมื่อมองจากมุมนี้ทำให้ทุกอย่างดูเหมือนภาพในฝันเลโอที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เป็นไง ชอบไหมครับบนนี้” น้ำเสียงของเขาทำให้อิมิลี่เผลอยิ้มบางๆ ก่อนตอบว่า “บรรยากาศดีมากค่ะ” เธอพูดด้วยสายตาเป็นประกาย บรรยากาศรอบตัวเงียบสงบพอที่จะได้ยินเสียงลมและหัวใจของเธอเต้นเป็นจังหวะ อิมิลี่หันมามองเลโอด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณนะคะ ที่อยู่เป็นเพื่อนในค่ำนี้” น้ำเสียงของเธอนั้นราวกลั่นออกมาจากความรู้สึกที่จริงใจ เลโอยกยิ้มมุมปาก พลางพยักหน้าแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ยินดีครับ” คำพูดที่เรียบง่ายแต่หนักแน่นด้วยความหมายบนรูฟท็อบที่เต็มไปด้วย
17.45 PM.ที่ร้านภาพ The Brushstrokeภายในร้านที่เงียบสงบ อิมิลี่ก้มมองนาฬิกาข้อมือของเธอ เวลานัดกับเลโอกำลังใกล้เข้ามา เธอถอนหายใจเบาๆ พลางพยายามรวบรวมสมาธิ ก่อนจะหยิบกระจกขนาดเล็กขึ้นมาเพื่อเช็กใบหน้าอย่างรวดเร็วเธอจัดปอยผมที่หลุดลุ่ยให้เข้าที่ ไล้มือปรับเสื้อผ้าและเสื้อคลุมให้เรียบร้อย จนมั่นใจในภาพลักษณ์ของตัวเอง เธอสูดลมหายใจลึก ก่อนหมุนตัวแหวกม่านหลังร้านออกมา ก้าวเดินเป็นจังหวะ เสียงรองเท้าส้นเตี้ยกระทบพื้นดังเบาๆ แล้วหยุดที่หน้าเคาน์เตอร์“ไม่ต้องล็อกร้านนะคะ เดี๋ยวพี่กลับมาทำงานต่อ” อิมิลี่พูดกับพนักงานสาวที่ยืนอยู่ด้วยน้ำเสียงสุภาพและเป็นกันเอง“และถ้าถึงเวลากลับ ก็ออกไปได้เลยค่ะ แค่นำป้ายปิดติดไว้หน้าประตูก็พอ” เธอพูดพลางยิ้มอ่อนโยน ส่งผ่านความใส่ใจพนักงานสาวพยักหน้ารับอย่างนอบน้อม “ได้ค่ะ คุณอิมิลี่”อิมิลี่ยิ้มตอบ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากร้าน เสียงระฆังเล็กๆ บนประตูดังขึ้นแผ่วเบาขณะที่เธอก้าวออกไป ท่ามกลางแสงไฟพลบค่ำที่ส่องประกายอ่อนๆ ทั่วถนน ลมเย็นพัดผ่านตัวเธอเบาๆ ทำให้เธอกระชับเสื้อคลุมให้แน่นขึ้น สายตาของเธอกวาดมองไปรอบๆ เพื่อซึมซับบรรยากาศเงียบสงบของพลบค่ำ เธอเดินต่
ที่หน้าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใน หัวหินบ่ายนี้อากาศอบอ้าวจนเหงื่อไหลซึมตามใบหน้า แต่ความร้อนกลับไม่ได้มาจากอุณหภูมิของอากาศ แต่เพราะกลุ่มลูกบ้านนับร้อยที่ยืนถือป้ายประท้วงแน่นขนัด สร้างแรงกดดันและพลังแห่งความไม่พอใจที่แผ่ซ่านไปทั่วหน้าอาคารกระจกสูงเสียงโห่ร้องและคำพูดเรียกร้องดังก้องบริเวณ"คืนเงินพวกเรามา!" “แสดงความรับผิดชอบ!”ลูคัส ชายหนุ่มวัย 35 ปี ยืนอยู่เบื้องหน้ากลุ่มผู้ชุมนุม เขาสวมเสื้อลายสก็อตที่พอดีกับร่างกายแข็งแรงและกางเกงยีนสีซีดที่บ่งบอกถึงความเรียบง่ายในแบบของเขา ใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ฉายแววเด็ดเดี่ยวและมั่นใจ เขาคือหัวเรี่ยวหัวแรงของกลุ่มผู้ประท้วง และทุกสายตาจับจ้องมาที่เขาราวกับรอคำพูดที่จะปลุกเร้าพลังลูคัสยกเอกสารในมือขึ้นเหนือศีรษะ ท่าทางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาสูดลมหายใจลึกก่อนจะเปล่งเสียงพูดที่ดังกังวาน"พวกเราจะไม่ยอมให้พวกเขาเลื่อนอีกต่อไป!"น้ำเสียงของเขาหนักแน่นจนทำให้เสียงของฝูงชนเงียบลงชั่วขณะ ทุกคนเงี่ยหูฟังคำพูดของเขาที่เต็มไปด้วยความจริงจัง"เราเดือดร้อนกันมากพอแล้ว ค่าเสียหายนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ พวกเขาต้องรับผิดชอบ!"เสียงปรบมือและโห่ร้อ
หลังจากเสร็จสิ้นการเยี่ยมซาร่าที่โรงพยาบาล อีมิลี่ก็เดินทางมายังงร้านภาพ The Brushstroke ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง แม้ภายนอกร้านจะดูอบอุ่นด้วยแสงไฟสีทองที่ส่องออกมาจากหน้าต่างบานใหญ่ แต่สำหรับเธอ มันแทบไม่อาจทำให้ความรู้สึกหนักในใจนั้นเบาบางลง มือเรียวของเธอผลักประตูไม้เก่าที่แฝงเสน่ห์อย่างมีศิลป์ สียงกระดิ่งเล็ก ๆ บนประตูดังขึ้นเบา ๆ คล้ายจะต้อนรับการมาถึงของเธอ เมื่อเธอก้าวเข้ามาในร้าน หัวใจเธอเหมือนหยุดเต้นชั่วขณะ เมื่อสายตาแรกจับจ้องไปที่ผู้หญิงสวมชุดผ้าไหมสีน้ำทะเลช่างเปล่งออร่าอันสง่างามเกินเอื้อม พลางเอ่ยชื่อเบาๆในลำคอ “คุณหญิง อลิซซาเบธ”ชุดผ้าไหมทีหรูหราที่ท่านผู้หญิงสวมนั้น เนื้อผ้าเรียบลื่นจับจีบอย่างประณีต ผมของเธอถูกจัดแต่งอย่างไร้ที่ติเธอยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางร้าน ทว่าดวงตาคมกริบกลับจ้องไปที่อิมิลี่เพียงผู้เดียว สายตานั้นเต็มไปด้วยความคาดหวังและมั่นใจ สะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกของผู้หญิงที่รู้ในสิ่งที่ต้องการและไม่ลังเลที่จะเรียกร้องมันอิมิลี่รู้สึกถึงแรงกดดันที่แผ่ซ่านในอากาศ การปรากฏตัวของคุณหญิงอลิซาเบธไม่ได้เปลี่ยนเพียงบรรยากาศในร้าน แต่ยังเหมือนเป็นสัญญาณว่า มีบางส