เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นแต่เช้าตรู่ อิมิลี่ลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความเงียบและว่างเปล่าของของหมอนอีกใบที่เป็นของสามี แต่ สมองของเธอรีบประมวลผลอย่างรวดเร็วว่าวันนี้มีนัดสำคัญที่โรงพยาบาล เธอลุกจากเตียงแทบจะทันที เสื้อกันหนาวสีครีมถูกหยิบขึ้นมาสวมเพื่อป้องกันอากาศหนาวยามเช้าขณะที่เธอเตรียมตัวออกไป
ภายในห้องตรวจ บรรยากาศเงียบงันจนได้ยินเสียงแอร์ที่เป่าลมเย็นกระทบผนัง เสียงนั้นแม้จะเบา แต่กลับยิ่งทำให้ความรู้สึกอึดอัดในใจของอิมิลี่ชัดเจนขึ้น เธอนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ สองแขนโอบกอดตัวเองราวกับหาความอบอุ่นจากใครสักคน เสื้อกันหนาวสีเธอสวมดูจะไม่ช่วยป้องกันความหนาวเย็นที่แท้จริงนั้นเกิดขึ้นในจิตใจของเธอ
ดวงตาของอิมิลี่หลุบต่ำ มองมือตัวเองที่สั่นเล็กน้อย นิ้วเรียวขาวบีบกันแน่นจนข้อนิ้วขึ้นสีซีด ความคิดวิ่งวนอยู่ในหัวของเธอเป็นเสียงที่เธอไม่อาจกลบได้ ความเครียด ความกลัว และความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ผลักดันให้เธอกดตัวเองแน่นขึ้น
คุณหมอที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนเปล่งเสียงนุ่มนวลที่แฝงไว้ด้วยความจริงจังที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
“เดือนนี้ไข่ของคุณยังไม่ตก บางทีอาจเป็นเพราะความเครียดที่สะสมไว้”
คำพูดนั้นเหมือนพายุหิมะที่พัดโหมเข้ามาปะทะหัวใจของอิมิลี่ เธอนิ่งไปชั่วครู่ เธอก้มหน้าลงหลบสายตาของคุณหมอไปมองโต๊ะตรงหน้า ดวงตาคู่สวยที่เคยสว่างไสวดูหม่นหมองลงเหมือนแสงเทียนที่ริบหรี่
ภายในใจของเธอรู้สึกเหมือนห่าลูกเห็บถาโถมเข้ามาอีกครั้ง ความหวังที่เธอแบกไว้ในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาเหมือนจะถูกบดขยี้ไปพร้อมกับคำพูดนั้น เธอรู้ว่าความเครียดเป็นสิ่งที่ยากจะควบคุม แต่มันก็ยากยิ่งกว่าที่จะมองข้ามความผิดหวังที่ถาโถมเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะแท้จริงแล้วเธอเพิ่งผ่านการผ่าตัดครั้งใหญ่เพื่อแก้ไขท่อนำไข่ที่อุดตันทั้งสองข้าง เหตุการณ์นั้นเป็นเหมือนแสงแห่งความหวังที่เธอคิดว่าอาจช่วยให้ความฝันที่จะเป็นแม่คนเติมเต็มชีวิตคู่ที่ไม่สมบูรณ์แต่คำพูดของหมอในวันนี้กลับเป็นเหมือนเมฆหมอกดำทึบที่เข้ามาแทนที่
เธอกำมือไว้แน่นจนเล็บจิกลงในฝ่ามือ ราวกับพยายามหาหลักยึดเพื่อไม่ให้ความกังวลกลืนกินเธอไป แล้วเอ่ยถามคุณหมอด้วยน้ำเสียงที่เบา"งั้นฉันควรทำยังไงต่อไปดีคะ?"แววตาที่ราวกับกำลังถามไถ่ดวงชะตาของเธอมองตรงไปที่คุณหมอคุณหมอยกยิ้มมุม ราวว่ายังมีพอมีหนทางแก้ไข “เราอาจต้องให้เวลา และลองหาวิธีลดความเครียด เพื่อให้ร่างกายของคุณกลับมาทำงานตามปกติอีกครั้ง”คำพูดปลอบโยนของคุณหมอราวกับเสียงลมที่พัดผ่าน เธอได้ยินชัดเจน แต่กลับไม่สามารถซึมลึกเข้าไปถึงใจของอิมิลี่ได้เลย เธอนั่งนิ่งอยู่กับเก้าอี้ มือยังคงบีบกันแน่นใต้โต๊ะ
แต่ก่อนที่เธอจะทันตอบอะไร เสียงเคาะประตูดังขึ้นก๊อก ก๊อก
อิมิลี่สะดุ้ง เธอเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ตั้งตัว มองไปที่ประตู ขณะที่คุณหมอถอนหายใจเบา ๆ พร้อมกับหันไปทางต้นเสียง น้ำเสียงสุภาพของเขาดังขึ้น
“คุณเจมส์ เชิญเข้ามาได้ครับ”
เจมส์ซึ่งยืนรออยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้ามา ใบหน้าของเขามีคราบเหงื่อเกาะจากการเร่งรีบ แต่อยู่ในขณะเดียวกันเขาก็ดูเหมือนพยายามตั้งสติและเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่ต้องทำ
อิมิลี่หันมามองเขาแวบหนึ่ง แววตาของเธอฉายแววเคืองที่เธอพยายามกดเก็บไว้ รอยร้าวจากเรื่องเมื่อคืนยังไม่จางหาย เธอหลุบตาลงอีกครั้ง เลี่ยงที่จะสบตากับเขานานเกินไป
เจมส์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ผมขอโทษที่มาสาย... ผมพยายามรีบมาให้ทัน”
แต่คำพูดของเขาเหมือนผ่านเข้าไปในอากาศที่เย็นเฉียบ ไม่มีผลต่อกำแพงบาง ๆ ที่อิมิลี่สร้างขึ้นรอบตัวเธอในตอนนี้ เธอเอ่ยเสียงเรียบโดยไม่มองหน้าเขา “ไม่เป็นไรหรอก เราเริ่มได้เลยค่ะคุณหมอ”
คุณหมออธิบายต่อด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “เราต้องตรวจสอบคุณภาพของน้ำเชื้อเพื่อประเมินแนวทางการรักษาเพิ่มเติม ขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่นานครับ ผมจะให้เจ้าหน้าที่พาคุณไปที่ห้องเก็บตัวอย่าง”เจมส์พยักหน้ารับ แม้จะแสดงออกด้วยความสงบ แต่ภายในใจของเขาเองก็ปั่นป่วนเล็กน้อย เขาหันไปมองอิมิลี่อีกครั้ง หวังจะได้รับการยอมรับหรือกำลังใจจากเธอสักนิด แต่เธอยังคงนั่งนิ่งอยู่ในโลกของตัวเอง
เจ้าหน้าที่พยาบาลหญิงในชุดสีขาวสะอาดเดินเข้ามาในห้องด้วยรอยยิ้ม ที่พยายามจะปลอบประโลมบรรยากาศอันเคร่งเครียด เธอส่งสัญญาณให้เจมส์เดินตามออกไปยังห้องที่จัดเตรียมไว้เพื่อเก็บตัวอย่างน้ำเชื้อ
“เดี๋ยวคุณอิมิลี่นั่งรอก่อนนะครับ” คุณหมอยิ้มอ่อนโยนให้กับเธอพลางลุกขึ้นออกไปพร้อมกับพยาบาลทิ้งให้อิมิลี่นั่งรออยู่ในห้องคนเดียวเวลาผ่านไปไม่นาน แต่สำหรับอิมิลี่ มันกลับรู้สึกเหมือนชั่วนิรันดร์ สองแขนของเธอกอดตัวเองเบา ๆ ราวกับต้องการหาที่พึ่งพิงจากความกดดันที่เธอรู้สึกอยู่ ไม่นานนัก เจมส์เดินออกมาจากห้องเก็บตัวอย่างดวงตาเขามองหาอิมิลี่ทันที เธอนั่งอยู่เก้าอี้ตัวสุดท้ายมุมสุด สีหน้าของเธอยังดูตึงเครียด ดวงตาคู่สวยหม่นลงด้วยความน้อยใจเล็ก ๆ ที่เธอพยายามซ่อน แต่เจมส์สังเกตเห็นเขาก้าวเข้ามาใกล้ ย่อตัวเล็กน้อยเพื่อสบตาเธอ “คุณโอเคไหม อิมิลี่” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย
อิมิลี่เงยหน้าขึ้นมองเขา ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้ราบเรียบ “ก็ดีค่ะ”
เจมส์ยิ้ม ก่อนเอื้อมมือมาวางเบา ๆ บนไหล่ของเธอ “เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน คุณรู้ใช่ไหม”
คำพูดของเขาเรียบง่าย แต่หนักแน่นพอที่จะทำให้หัวใจที่เต็มไปด้วยความเครียดของอิมิลี่คลายลงชั่วคราว เธอพยักหน้าช้า ๆ แม้ยังมีความกังวลหลงเหลือ
เจมส์พูดต่อพร้อมกับเปลี่ยนโทนเสียงให้ผ่อนคลาย “เดี๋ยวเสร็จธุระที่นี่แล้ว ผมจะพาคุณไปทานข้าวนะ”
ความตั้งใจในน้ำเสียงของเขาทำให้อิมิลี่เริ่มรู้สึกสบายใจขึ้น ความผ่อนคลายเริ่มเข้ามาแทนที่ความตึงเครียด เธอเงยหน้า มองเขาด้วยสายตาที่เริ่มมีประกายของความหวัง เธอพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มอ่อนๆ
“ค่ะ”น้ำเสียงเบาๆ แม้จะไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น แต่ในใจลึก ๆ เธอรู้สึกว่าบางทีความรักและการอยู่เคียงข้างของเขา อาจเป็นกำลังใจสำคัญที่สุดในช่วงเวลานี้พลันเสียงเครื่องมือทางการแพทย์ดังแผ่วป็นพื้นหลัง คุณหมอเปิดประตูเข้ามาพร้อมแฟ้มผลตรวจในมือ สีหน้าของเขาดูผ่อนคลายและเปี่ยมไปด้วยความเป็นมิตร
“ผลออกมาแล้วครับ” คุณหมอยิ้มเล็กน้อยก่อนจะนั่งลง “น้ำเชื้อของคุณแข็งแรงดี ไม่มีอะไรต้องกังวล แต่ถ้าจะเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น ผมแนะนำให้เพิ่มการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง และถั่วประเภทต่าง ๆ เป็นประจำ จะช่วยสนับสนุนคุณภาพได้ดี”ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “ครับ หมอ ผมจะลองปรับเรื่องอาหารตามคำแนะนำ”
คุณหมอยิ้มอย่างพอใจ “ดีมากครับ สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ แค่ดูแลตัวเองให้สมดุลก็ช่วยได้มากแล้ว ไม่ต้องเครียดนะครับ พักผ่อนให้เพียงพอด้วย”
คำพูดของคุณหมอสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายขึ้นในห้องแม้ อิมิลี่จะยังมีความกังวลในดวงตาแต่ก็รู้สึกอุ่นใจเล็กน้อยจากความพยายามของสามีและคำแนะนำที่ดูเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความใส่ใจของคุณหมอ
ถ้าอ่านแล้วชอบ ถูกจริต ฝากกดติดตามเพิ่มเข้าคลังด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
คอนโดหรูสูงตระหง่านตั้งอยู่ ใจกลางกรุงแสงนีออนหลากสีจากป้ายร้านค้าและผับบาร์ด้านล่างสะท้อนบนกระจกอาคาร ราวกับจะประกาศศักดาแห่งชีวิตที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความวุ่นวาย เสียงดนตรีและเสียงหัวเราะของผู้คนจากถนนเบื้องล่างคละเคล้ากันกลายเป็นซาวด์แทร็กแห่งย่านที่ไม่เคยเงียบสงบ แต่เมื่อขึ้นมาสู่ชั้นสูงของคอนโด ทุกสิ่งกลับเงียบงัน แสงไฟจากตึกสูงรอบข้างลอดผ่านม่านเนื้อบางในห้องนอนที่เงียบสนิท ห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบหรูด้วยโทนสีขาว ตรงข้ามกับแสงสีด้านล่างอย่าสิ้นเชิง มีเพียงแสงจากเทียนหอมส่งกลิ่นกุหลาบผสมน้ำหอมกลิ่นฟีโรโมนอบอวลทั่วห้องบนเตียงขนาดใหญ่ที่ปูด้วยผ้าเนื้อดีมันวาว ร่างชายหนุ่มคร่อมอยู่บนร่างหญิงสาว นั่นคือ อิมิลี่ ผู้เป็นภรรยาที่เปลือยกายอยู่ใต้ผ้าห่มเนื้อหรูหราซึ่งปกคลุมร่างขาวเพรียวเขาขยับตัวขึ้นลง ราวกับพยายามปลุกเร้าความรู้สึกที่เคยคุ้น แต่ท่อนชายของเขากลับไม่ตอบสนองตามที่ใจปรารถนา ท่ามกลางบรรยากาศที่น่าลุ้นระทึก มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ดังแทรกผ่านอากาศอย่างแผ่วเบา“เจมส์... คุณโอเคไหม?” เสียงของอีมิลี่ขาดความมั่นใจ เธอเอ่ยถามด้วยความพะวง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความห่ว
ติ้ง! ติ้ง! ติ้ง! เสียงแจ้งเตือนของมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกยังคงดังต่อเนื่อง ข้อความในเฟซบุ๊กที่เพื่อนๆส่งแสดงความยินดีในวันครบรอบวันแต่งงานของเธออย่างท้วมท้น อิมิลี่เลื่อนสายตามองหน้าจอหวังว่า เสียงที่ดังนั้นจะเป็นของสามีของเธอ แต่เมื่อเห็นรายชื่อที่ปรากฎกลับทำให้หัวใจเธอยิ่งหว้าเหว่ และอดคิดไม่ได้ ว่า “เจมส์คงลืมวันนี้ไปแล้วจริงๆ” อิมิลี่แต่งตัวด้วยเดรสเกาะอกยาวสีขาวที่พลิ้วไหวตามจังหวะการเคลื่อนไหวของเธอ ผืนผ้าสีขาวสะอาดช่วยขับผิวที่เนียนละเอียดและสว่างสดใสราวกับเธอเป็นภาพวาดที่หลุดออกมาจากกรอบ เส้นผมยาวสลวยถูกปล่อยลงอย่างอิสระ คล้ายสายลมที่โอบอุ้มเธอไว้เธอเดินไปหน้ากระจกบานใหญ่ในห้องนอน มองตัวเองเงียบ ๆ ราวกับตรวจสอบว่าภาพลักษณ์ของเธอสะท้อนความสงบที่เธอพยายามหาในหัวใจหรือไม่ เมื่อพอใจกับการแต่งกาย เธอหยิบกระเป๋าสะพายเล็กสีเบจที่เข้ากันพอดีกับชุด จากนั้นจึงก้าวออกจากห้องพักปลายเท้าของเธอแตะบนพื้นทางเดินของคอนโดที่เงียบสงบ เมื่อเธอเปิดประตูออกสู่ถนนในเมืองที่แสนคุ้นเคย สายลมอ่อน ๆ ยามเช้าพัดพากลิ่นกาแฟหอมกรุ่นจากร้านริมถนน เสียงหัวเราะและบทสนทนาของผู้คนทำให้บรรยากาศรอบตัวด
อิมิลี่จรดพู่กันลงบนผืนผ้าใบอีกครั้ง ความนุ่มนวลของสีที่ผสมอย่างพิถีพิถันแตะลงบนพื้นผ้าใบขาวราวกับดนตรีที่บรรเลงเบาๆ เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สลับสายตาจากจุดที่กำลังวาดไปยังชายหนุ่มที่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเล็กตรงหน้าแสงอ่อนจากหน้าต่างที่อยู่ข้างๆ ทาบไล้ร่างของเขา สร้างเงาอ่อนโยนที่ตกกระทบใบหน้าคมคาย ผมสีเข้มยุ่งเล็กน้อยแต่ดูมีเสน่ห์ ไหล่กว้างและท่าทางผ่อนคลายทำให้เขาดูเหมือนภาพวาดของชายหนุ่มที่หลุดออกมาจากยุคสมัยโรมัน แต่เป็นดวงตาคู่นั้นที่สะกดอิมิลี่ไว้ ดวงตาสีเข้มที่มองมาที่เธอเต็มไปด้วยความอบอุ่น นุ่มนวล และราวกับมองลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของเธอ“คุณวาดเก่งมากเลยนะ” เลโอเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน น้ำเสียงของเขาลึกและเป็นมิตร “เหมือนกับว่าคุณกำลังเล่าเรื่องราวบางอย่างผ่านภาพนี้”อิมิลี่ชะงักเล็กน้อยก่อนจะยกยิ้มอ่อน เธอหลบสายตาลงมองพู่กันในมือ “บางทีอาจจะใช่ค่ะ ฉันว่าภาพวาดมักจะสะท้อนอารมณ์ของคนวาด”เลโอนิ่งฟังคำตอบของอิมิลี่ ดวงตาสีเข้มของเขายังคงจับจ้องไปที่เธอด้วยความสนใจ ราวกับพยายามค้นหาความหมายที่ลึกซึ้งกว่าในคำพูดของเธอ“แล้วตอนนี้คุณกำลังรู้สึกยังไงล่ะ?” เขาถามเสียงนุ่ม ด
ในค่ำคืนที่ดูเหมือนจะสง่างาม แต่กลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่าในจิตใจ อิมิลี่นั่งนิ่ง เธอทอดสายตามองจานที่ถูกจัดไว้สำหรับเจมส์ ซึ่งยังคงว่างเปล่าเหมือนกับความรู้สึกของเธอในตอนนี้ แสงเทียนบนโต๊ะดินเนอร์กระพริบไหวตามจังหวะลมเบาๆ ราวกับสะท้อนความไม่มั่นคงในหัวใจของเธอ แก้วไวน์ในมือยกขึ้นช้าๆ คล้ายจะกลบความเงียบที่รบกวนแต่เสียงของความโดดเดี่ยวกลับดังกว่าคำปลอบโยนของน้ำเมรัย แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับนอกหน้าต่างให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบหลอกลวง มันเป็นความงามที่เธอเคยวาดฝันถึงตอนเด็กๆ ว่าอยากใช้ชีวิตในเมืองกรุงที่ไม่เคยหลับใหล แต่ในตอนนี้ ความฝันนั้นกลับรู้สึกเย็นชาเหมือนกระจกหน้าต่างที่ปิดกั้นเธอจากโลกภายนอก เธอนั่งคิดถึงเจมส์ คนที่เธอเลือกแต่งงานด้วยเพราะฐานะและหน้าที่การงานที่มั่นคง ทนายที่เก่งกาจแต่ไม่เคยมีเวลาให้เธอในแบบที่เธอต้องการ ความรักของพวกเขาดูเหมือนจะถูกบดบังด้วยงานและความรับผิดชอบแม้กระทั่งเรื่องบนเตียงที่นับวันยิ่งจืดชืด เธอเฝ้าถามตัวเองว่า “นี่คือสิ่งที่ฉันเลือกแล้วจริงๆ หรือ?” เธอนั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมไว้อย่างประณีต แม้เธอจะรู้ดีว่าค่ำคืนนี้จะไม่มีใครนั่งตรงข้
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นแต่เช้าตรู่ อิมิลี่ลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความเงียบและว่างเปล่าของของหมอนอีกใบที่เป็นของสามี แต่ สมองของเธอรีบประมวลผลอย่างรวดเร็วว่าวันนี้มีนัดสำคัญที่โรงพยาบาล เธอลุกจากเตียงแทบจะทันที เสื้อกันหนาวสีครีมถูกหยิบขึ้นมาสวมเพื่อป้องกันอากาศหนาวยามเช้าขณะที่เธอเตรียมตัวออกไปภายในห้องตรวจ บรรยากาศเงียบงันจนได้ยินเสียงแอร์ที่เป่าลมเย็นกระทบผนัง เสียงนั้นแม้จะเบา แต่กลับยิ่งทำให้ความรู้สึกอึดอัดในใจของอิมิลี่ชัดเจนขึ้น เธอนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ สองแขนโอบกอดตัวเองราวกับหาความอบอุ่นจากใครสักคน เสื้อกันหนาวสีเธอสวมดูจะไม่ช่วยป้องกันความหนาวเย็นที่แท้จริงนั้นเกิดขึ้นในจิตใจของเธอดวงตาของอิมิลี่หลุบต่ำ มองมือตัวเองที่สั่นเล็กน้อย นิ้วเรียวขาวบีบกันแน่นจนข้อนิ้วขึ้นสีซีด ความคิดวิ่งวนอยู่ในหัวของเธอเป็นเสียงที่เธอไม่อาจกลบได้ ความเครียด ความกลัว และความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ผลักดันให้เธอกดตัวเองแน่นขึ้นคุณหมอที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนเปล่งเสียงนุ่มนวลที่แฝงไว้ด้วยความจริงจังที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง“เดือนนี้ไข่ของคุณยังไม่ตก บางทีอาจเป็นเพราะความเครียดท
ในค่ำคืนที่ดูเหมือนจะสง่างาม แต่กลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่าในจิตใจ อิมิลี่นั่งนิ่ง เธอทอดสายตามองจานที่ถูกจัดไว้สำหรับเจมส์ ซึ่งยังคงว่างเปล่าเหมือนกับความรู้สึกของเธอในตอนนี้ แสงเทียนบนโต๊ะดินเนอร์กระพริบไหวตามจังหวะลมเบาๆ ราวกับสะท้อนความไม่มั่นคงในหัวใจของเธอ แก้วไวน์ในมือยกขึ้นช้าๆ คล้ายจะกลบความเงียบที่รบกวนแต่เสียงของความโดดเดี่ยวกลับดังกว่าคำปลอบโยนของน้ำเมรัย แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับนอกหน้าต่างให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบหลอกลวง มันเป็นความงามที่เธอเคยวาดฝันถึงตอนเด็กๆ ว่าอยากใช้ชีวิตในเมืองกรุงที่ไม่เคยหลับใหล แต่ในตอนนี้ ความฝันนั้นกลับรู้สึกเย็นชาเหมือนกระจกหน้าต่างที่ปิดกั้นเธอจากโลกภายนอก เธอนั่งคิดถึงเจมส์ คนที่เธอเลือกแต่งงานด้วยเพราะฐานะและหน้าที่การงานที่มั่นคง ทนายที่เก่งกาจแต่ไม่เคยมีเวลาให้เธอในแบบที่เธอต้องการ ความรักของพวกเขาดูเหมือนจะถูกบดบังด้วยงานและความรับผิดชอบแม้กระทั่งเรื่องบนเตียงที่นับวันยิ่งจืดชืด เธอเฝ้าถามตัวเองว่า “นี่คือสิ่งที่ฉันเลือกแล้วจริงๆ หรือ?” เธอนั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมไว้อย่างประณีต แม้เธอจะรู้ดีว่าค่ำคืนนี้จะไม่มีใครนั่งตรงข้
อิมิลี่จรดพู่กันลงบนผืนผ้าใบอีกครั้ง ความนุ่มนวลของสีที่ผสมอย่างพิถีพิถันแตะลงบนพื้นผ้าใบขาวราวกับดนตรีที่บรรเลงเบาๆ เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สลับสายตาจากจุดที่กำลังวาดไปยังชายหนุ่มที่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเล็กตรงหน้าแสงอ่อนจากหน้าต่างที่อยู่ข้างๆ ทาบไล้ร่างของเขา สร้างเงาอ่อนโยนที่ตกกระทบใบหน้าคมคาย ผมสีเข้มยุ่งเล็กน้อยแต่ดูมีเสน่ห์ ไหล่กว้างและท่าทางผ่อนคลายทำให้เขาดูเหมือนภาพวาดของชายหนุ่มที่หลุดออกมาจากยุคสมัยโรมัน แต่เป็นดวงตาคู่นั้นที่สะกดอิมิลี่ไว้ ดวงตาสีเข้มที่มองมาที่เธอเต็มไปด้วยความอบอุ่น นุ่มนวล และราวกับมองลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของเธอ“คุณวาดเก่งมากเลยนะ” เลโอเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน น้ำเสียงของเขาลึกและเป็นมิตร “เหมือนกับว่าคุณกำลังเล่าเรื่องราวบางอย่างผ่านภาพนี้”อิมิลี่ชะงักเล็กน้อยก่อนจะยกยิ้มอ่อน เธอหลบสายตาลงมองพู่กันในมือ “บางทีอาจจะใช่ค่ะ ฉันว่าภาพวาดมักจะสะท้อนอารมณ์ของคนวาด”เลโอนิ่งฟังคำตอบของอิมิลี่ ดวงตาสีเข้มของเขายังคงจับจ้องไปที่เธอด้วยความสนใจ ราวกับพยายามค้นหาความหมายที่ลึกซึ้งกว่าในคำพูดของเธอ“แล้วตอนนี้คุณกำลังรู้สึกยังไงล่ะ?” เขาถามเสียงนุ่ม ด
ติ้ง! ติ้ง! ติ้ง! เสียงแจ้งเตือนของมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกยังคงดังต่อเนื่อง ข้อความในเฟซบุ๊กที่เพื่อนๆส่งแสดงความยินดีในวันครบรอบวันแต่งงานของเธออย่างท้วมท้น อิมิลี่เลื่อนสายตามองหน้าจอหวังว่า เสียงที่ดังนั้นจะเป็นของสามีของเธอ แต่เมื่อเห็นรายชื่อที่ปรากฎกลับทำให้หัวใจเธอยิ่งหว้าเหว่ และอดคิดไม่ได้ ว่า “เจมส์คงลืมวันนี้ไปแล้วจริงๆ” อิมิลี่แต่งตัวด้วยเดรสเกาะอกยาวสีขาวที่พลิ้วไหวตามจังหวะการเคลื่อนไหวของเธอ ผืนผ้าสีขาวสะอาดช่วยขับผิวที่เนียนละเอียดและสว่างสดใสราวกับเธอเป็นภาพวาดที่หลุดออกมาจากกรอบ เส้นผมยาวสลวยถูกปล่อยลงอย่างอิสระ คล้ายสายลมที่โอบอุ้มเธอไว้เธอเดินไปหน้ากระจกบานใหญ่ในห้องนอน มองตัวเองเงียบ ๆ ราวกับตรวจสอบว่าภาพลักษณ์ของเธอสะท้อนความสงบที่เธอพยายามหาในหัวใจหรือไม่ เมื่อพอใจกับการแต่งกาย เธอหยิบกระเป๋าสะพายเล็กสีเบจที่เข้ากันพอดีกับชุด จากนั้นจึงก้าวออกจากห้องพักปลายเท้าของเธอแตะบนพื้นทางเดินของคอนโดที่เงียบสงบ เมื่อเธอเปิดประตูออกสู่ถนนในเมืองที่แสนคุ้นเคย สายลมอ่อน ๆ ยามเช้าพัดพากลิ่นกาแฟหอมกรุ่นจากร้านริมถนน เสียงหัวเราะและบทสนทนาของผู้คนทำให้บรรยากาศรอบตัวด
คอนโดหรูสูงตระหง่านตั้งอยู่ ใจกลางกรุงแสงนีออนหลากสีจากป้ายร้านค้าและผับบาร์ด้านล่างสะท้อนบนกระจกอาคาร ราวกับจะประกาศศักดาแห่งชีวิตที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความวุ่นวาย เสียงดนตรีและเสียงหัวเราะของผู้คนจากถนนเบื้องล่างคละเคล้ากันกลายเป็นซาวด์แทร็กแห่งย่านที่ไม่เคยเงียบสงบ แต่เมื่อขึ้นมาสู่ชั้นสูงของคอนโด ทุกสิ่งกลับเงียบงัน แสงไฟจากตึกสูงรอบข้างลอดผ่านม่านเนื้อบางในห้องนอนที่เงียบสนิท ห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบหรูด้วยโทนสีขาว ตรงข้ามกับแสงสีด้านล่างอย่าสิ้นเชิง มีเพียงแสงจากเทียนหอมส่งกลิ่นกุหลาบผสมน้ำหอมกลิ่นฟีโรโมนอบอวลทั่วห้องบนเตียงขนาดใหญ่ที่ปูด้วยผ้าเนื้อดีมันวาว ร่างชายหนุ่มคร่อมอยู่บนร่างหญิงสาว นั่นคือ อิมิลี่ ผู้เป็นภรรยาที่เปลือยกายอยู่ใต้ผ้าห่มเนื้อหรูหราซึ่งปกคลุมร่างขาวเพรียวเขาขยับตัวขึ้นลง ราวกับพยายามปลุกเร้าความรู้สึกที่เคยคุ้น แต่ท่อนชายของเขากลับไม่ตอบสนองตามที่ใจปรารถนา ท่ามกลางบรรยากาศที่น่าลุ้นระทึก มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ดังแทรกผ่านอากาศอย่างแผ่วเบา“เจมส์... คุณโอเคไหม?” เสียงของอีมิลี่ขาดความมั่นใจ เธอเอ่ยถามด้วยความพะวง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความห่ว