ในค่ำคืนที่ดูเหมือนจะสง่างาม แต่กลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่าในจิตใจ อิมิลี่นั่งนิ่ง เธอทอดสายตามองจานที่ถูกจัดไว้สำหรับเจมส์ ซึ่งยังคงว่างเปล่าเหมือนกับความรู้สึกของเธอในตอนนี้
แสงเทียนบนโต๊ะดินเนอร์กระพริบไหวตามจังหวะลมเบาๆ ราวกับสะท้อนความไม่มั่นคงในหัวใจของเธอ แก้วไวน์ในมือยกขึ้นช้าๆ คล้ายจะกลบความเงียบที่รบกวนแต่เสียงของความโดดเดี่ยวกลับดังกว่าคำปลอบโยนของน้ำเมรัย แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับนอกหน้าต่างให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบหลอกลวง มันเป็นความงามที่เธอเคยวาดฝันถึงตอนเด็กๆ ว่าอยากใช้ชีวิตในเมืองกรุงที่ไม่เคยหลับใหล แต่ในตอนนี้ ความฝันนั้นกลับรู้สึกเย็นชาเหมือนกระจกหน้าต่างที่ปิดกั้นเธอจากโลกภายนอก เธอนั่งคิดถึงเจมส์ คนที่เธอเลือกแต่งงานด้วยเพราะฐานะและหน้าที่การงานที่มั่นคง ทนายที่เก่งกาจแต่ไม่เคยมีเวลาให้เธอในแบบที่เธอต้องการ ความรักของพวกเขาดูเหมือนจะถูกบดบังด้วยงานและความรับผิดชอบแม้กระทั่งเรื่องบนเตียงที่นับวันยิ่งจืดชืด เธอเฝ้าถามตัวเองว่า “นี่คือสิ่งที่ฉันเลือกแล้วจริงๆ หรือ?” เธอนั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมไว้อย่างประณีต แม้เธอจะรู้ดีว่าค่ำคืนนี้จะไม่มีใครนั่งตรงข้ามกับเธอ ไวน์ในแก้วเป็นสิ่งเดียวที่คอยปลอบใจในความโดดเดี่ยวนี้ ความหวังที่จะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นและสมบูรณ์กลับดูเหมือนจะเลือนลางขึ้นทุกที เธอกระดกแก้วไวน์ทรงสูงแล้ว มองไปยังจานที่ยังคงว่างเปล่าตรงหน้า ความฝันของเธอในการมีลูกเล็กๆ วิ่งเล่นในบ้าน และเสียงหัวเราะที่เติมเต็มบ้านให้มีชีวิตชีวา กลับกลายเป็นเพียงความทรงจำของสิ่งที่ยังไม่เคยเกิดขึ้น เธอกับเจมส์พยายามด้วยกันมาหลายปี เข้ารับการรักษาผู้มีบุตรยาก ทุ่มเทเวลา เงินทอง และกำลังใจ แต่ผลลัพธ์กลับยังคงเป็นความว่างเปล่า ความเงียบนี้เหมือนกำแพงที่กั้นระหว่างเธอกับชีวิตในฝันของตัวเอง เธอคิดถึงคำพูดปลอบใจของเจมส์ที่ให้กำลังใจเธอเสมอ แม้ว่าเขาจะพยายามอยู่เคียงข้างเธอ แต่ความจริงที่เขาแทบไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเพราะภาระงาน ก็ทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนยืนอยู่กลางทะเลทรายที่กว้างใหญ่ ไวน์ในแก้วพร่องลงเรื่อยๆ ขณะที่เธอปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในความคิดถึงสิ่งที่เธอสูญเสียและสิ่งที่ยังไม่ได้มา เธอถามตัวเองอีกครั้งว่า “ครอบครัวในฝันของฉันมันไกลเกินไปหรือเปล่า?” เธอพยายามหาคำตอบในแสงไฟระยิบระยับนอกหน้าต่าง แต่คำตอบกลับไม่ได้มาพร้อมกับแสงนั้น มีเพียงความเงียบที่สะท้อนความเจ็บปวดในหัวใจของเธอ. ที่บ้านของลูกค้ามหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพล บรรยากาศในค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยความหรูหราที่สะท้อนถึงฐานะและอำนาจ โต๊ะดินเนอร์ยาวเหยียดที่ทำจากไม้เนื้อดีถูกจัดวางไว้อย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา บนโต๊ะมีจานชามกระเบื้องเนื้อดีขอบทองคำที่จัดเรียงอย่างพิถีพิถัน พร้อมด้วยชุดช้อนส้อมเงินแท้ที่สะท้อนแสงไฟระยิบระยับจากโคมระย้าขนาดใหญ่เหนือศีรษะ อาหารที่เสิร์ฟบนโต๊ะเป็นเมนูที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีจากเชฟชื่อดัง กลิ่นหอมของซุปทรัฟเฟิลร้อนๆ และเนื้อวากิวที่ย่างจนได้ที่ ลอยมาแตะจมูก เจมส์นั่งอยู่ในที่ของเขา สูทเรียบหรูและท่าทีมั่นใจของเขากลมกลืนกับบรรยากาศรอบตัว เสียงพูดคุยของแขกในโต๊ะดินเนอร์ที่เปี่ยมไปด้วยเสียงแห่งความสำเร็จของหัวข้อทางธุรกิจ เจมส์ใช้เวลาค่ำคืนนี้ในอีกโลกหนึ่ง โลกที่แตกต่างจากบ้านของเขาและอิมิลี่โดยสิ้นเชิง “ขอบคุณครับสำหรับอาหารมื้อนี้” เจมส์กล่าวขอบคุณด้วยความสุภาพ น้ำเสียงของเขาชวนให้น่าเชื่อถือและมั่นใจ “ไม่เป็นไรเลยครับ คุณทนาย” มหาเศรษฐีเจ้าของบ้านกล่าวพลางยิ้มกว้าง “ทานเสร็จแล้วอยู่กันต่อเถอะครับ เดี๋ยวผมจะให้คนรถไปส่งคุณที่โรงแรม” เจมส์พยักหน้ารับคำด้วยท่าทีสุภาพ แต่ในใจเขายังคงคิดถึงงานและความรับผิดชอบที่ต้องจัดการ แต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็ปรับตัวเข้ากับบรรยากาศได้อย่างยอดเยี่ยม เขาเป็นคนที่รู้จักการวางตัวในสังคม มีเสน่ห์ในแบบที่ดึงดูดสายตาคนรอบข้าง แม้กระทั่งบรรดาสาวๆ ที่เดินเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มด้วยรอยยิ้ม เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบลงบนพื้นหินอ่อนเงางามเป็นจังหวะราวกับเสียงเปียโน เสียงนั้นดังก้องไปทั่วห้องอาหาร จนทุกคนในห้องเหมือนจะชะงักไปชั่วขณะ เสียงนั้นไม่ได้เป็นเพียงเสียงเดินธรรมดา แต่มันสื่อถึงความมั่นใจและอำนาจบางอย่างที่กำลังเคลื่อนใกล้เข้ามา เจมส์ที่กำลังจรดส้อมลงในจานอาหารหยุดชะงัก หูของเขาสัมผัสได้ถึงจังหวะการเดินที่แน่วแน่และมั่นคงของใครบางคน เขาเงยหน้าขึ้นจากจานอาหาร มองไปยังทิศทางของเสียงอย่างไม่ทันตั้งตัว ประตูห้องอาหารถูกผลักเปิดออก หญิงสาวคนหนึ่งก้าวเข้ามา ร่างของเธอดูสง่างามและเต็มไปด้วยพลังในทุกย่างก้าว รองเท้าส้นสูงสีดำมันวาวที่เธอสวมดูเหมือนจะสะท้อนแสงไฟจากโคมระย้าเหนือศีรษะ ราวกับกำลังประกาศการมาถึงของเธอในทุกจังหวะการก้าวเดิน พื้นหินอ่อนที่เงาวับสะท้อนเงาของเธอ ดวงตาของแขกหลายคนในห้องหันไปมองตามเสียงนั้นโดยไม่รู้ตัว สายตาของทุกคนถูกดึงดูดไปยังรูปร่างเพรียวบางของเธอ ที่มาพร้อมกับชุดที่ตัดเย็บอย่างพิถีพิถัน เธอไม่ได้เพียงแค่เดินเข้ามาในห้อง แต่ดูเหมือนจะครอบครองมันในทันที ความเงียบครอบคลุมห้องอาหารชั่วขณะ เมื่อเธอยืนอยู่กลางห้อง รอยยิ้ม ที่มุมปากของเธอเหมือนกับคำประกาศที่ไม่ได้เอ่ยออกมา เธอมีพลังบางอย่างที่สะกดสายตาทุกคู่ให้หยุดนิ่ง แม้กระทั่งเจมส์ที่ขึ้นชื่อเรื่องการวางตัวสุขุม ก็รู้สึกเหมือนลมหายใจของเขาหนักขึ้นเพียงเล็กน้อย เสียงรองเท้าที่หยุดนิ่งเมื่อเธอยืนตรงหน้ามหาเศรษฐีเจ้าของบ้าน “คนนี้ แอลซ่า เลขาผมครับ” มหาเศรษฐีกล่าวพลางผายมือแนะนำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “คุณทนาย มีอะไรต้องการติดต่อกับผมหลังจากนี้ ติดต่อผ่านแอลซ่าได้เลย” แอลซ่ายิ้มบางๆ แต่แววตาของเธอเปี่ยมไปด้วยพลังที่ยากจะมองข้าม เธอหันไปสบตาเจมส์ และในชั่วขณะนั้น ทั้งห้องดูเหมือนจะเงียบสงัดลงราวกับทุกอย่างหยุดนิ่ง “สวัสดีค่ะ คุณทนายเจมส์ ดิฉันพอจะทราบเรื่องของคุณคร่าวๆ แล้วค่ะ จากเจ้านายของฉัน ว่าคุณเป็นทนายที่เก่ง ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่หนักแน่น สายตาของเธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเจมส์ ราวกับว่าเธอกำลังสำรวจบางอย่างในตัวเขา เจมส์รู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดในสายตาคู่นั้น เขาพยายามรักษาความสุภาพและควบคุมตัวเอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าท่าทีของแอลซ่า และความมั่นใจที่ฉายออกมา ทำให้เขารู้สึกไม่เหมือนกับที่เขาเคยรู้สึกกับใครมาก่อน “ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณแอลซ่า” เจมส์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่มีความสุภาพและนอบน้อมเช่นเดียวกัน เขาพยายามหลบเลี่ยงความรู้สึกที่กำลังปะทุขึ้นในใจ ด้วยการยิ้มบางๆ อย่างมืออาชีพ บรรยากาศรอบตัวเหมือนหยุดนิ่งไปชั่วขณะเมื่อสายตาของแอลซ่าสบกับเจมส์ เธอยิ้มรับคำทักทายของเขาด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจ เต็มไปด้วยความเป็นมืออาชีพ แต่กลับแฝงไว้ด้วยเสน่ห์ที่ไม่อาจละเลยได้ “ดิฉันพร้อมจัดการทุกอย่างที่คุณทนายต้องการค่ะ” แอลซ่ากล่าวเสียงนุ่ม แต่หนักแน่นในความหมาย เธอส่งสายตาตรงไปยังเจมส์ ราวกับจะเน้นย้ำว่าเธอสามารถเป็นคนที่ไว้ใจได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดหรือการสร้างความสัมพันธ์ทางงานที่ทำร่วมกัน เจมส์รู้สึกถึงความมั่นคงในคำพูดและท่าทางของเธอ เขายิ้มตอบเล็กน้อย รักษามารยาทไว้ในทุกจังหวะ แต่ลึกๆ แล้วเขาสัมผัสได้ถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่ยากจะมองข้าม แม้เขาจะเป็นคนที่มักควบคุมตัวเองได้ดีในทุกสถานการณ์ แต่ครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป ขณะที่เขามองไปยังแอลซ่า เขารู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ใช่แค่เลขาธรรมดา แต่เธอเป็นคนที่มีความสามารถและความมั่นใจที่เปล่งประกายในแบบที่หาได้ยาก เธอไม่หวั่นไหวหรือเขินอาย แม้ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยแรงกดดันและความเป็นทางการ เจมส์พยายามดึงความคิดกลับมาสู่ความเป็นจริง เขาตระหนักดีว่าตอนนี้เขาคือทนายในงานเลี้ยงนี้ และทุกสายตาต่างจับจ้องอยู่ ไม่ใช่แค่ที่เขา แต่รวมถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างเขาและแอลซ่าด้วย หญิงสาวยิ้มรับคำตอบของเจมส์อีกครั้ง รอยยิ้มของเธอเหมือนเป็นภาพสะท้อนของความมั่นใจและความลึกลับที่ยากจะอ่านออก ก่อนที่เธอจะถอยหลังออกไป ท่าทางของเธอยังคงสง่างามในทุกจังหวะการเคลื่อนไหว แต่สายตาที่เธอส่งกลับมาก่อนจะเดินจากไปนั้น ทำให้เจมส์ชะงักไปชั่วขณะ มันไม่ได้มีเพียงความเป็นมิตรตามปกติ หากแต่แฝงไว้ด้วยบางสิ่งที่เขาไม่อาจนิยามได้ชัดเจน ความรู้สึกบางอย่างที่อาจเป็นทั้งความท้าทาย ความคาดหวัง หรือเพียงความสนใจที่ลอยอยู่ในอากาศ แม้เจมส์จะพยายามเบนความคิดกลับมาสู่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า งานที่เขาต้องทำ และเป้าหมายของการพบปะในคืนนี้ แต่ในใจลึกๆ เขากลับรู้สึกเหมือนมีบางอย่างเปลี่ยนไป การปรากฏตัวของแอลซ่าในคืนนี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ แต่ดูเหมือนจะเป็นบททดสอบใหม่ที่เขาอาจไม่ทันได้เตรียมตัวรับมือ เขาถามตัวเองในใจว่า “แววตานั้นหมายถึงอะไรกันแน่?” แต่คำตอบยังคงเลือนราง และเจมส์ก็รู้ดีว่าบางครั้ง คำถามเหล่านี้อาจไม่มีคำตอบที่ง่ายดาย ท่ามกลางเสียงพูดคุยในงานเลี้ยงและแสงไฟหรูหราที่สะท้อนบนโต๊ะอาหาร ความรู้สึกบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเขา ความรู้สึกที่เขาไม่ควรมี และอาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้…..เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นแต่เช้าตรู่ อิมิลี่ลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความเงียบและว่างเปล่าของของหมอนอีกใบที่เป็นของสามี แต่ สมองของเธอรีบประมวลผลอย่างรวดเร็วว่าวันนี้มีนัดสำคัญที่โรงพยาบาล เธอลุกจากเตียงแทบจะทันที เสื้อกันหนาวสีครีมถูกหยิบขึ้นมาสวมเพื่อป้องกันอากาศหนาวยามเช้าขณะที่เธอเตรียมตัวออกไปภายในห้องตรวจ บรรยากาศเงียบงันจนได้ยินเสียงแอร์ที่เป่าลมเย็นกระทบผนัง เสียงนั้นแม้จะเบา แต่กลับยิ่งทำให้ความรู้สึกอึดอัดในใจของอิมิลี่ชัดเจนขึ้น เธอนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ สองแขนโอบกอดตัวเองราวกับหาความอบอุ่นจากใครสักคน เสื้อกันหนาวสีเธอสวมดูจะไม่ช่วยป้องกันความหนาวเย็นที่แท้จริงนั้นเกิดขึ้นในจิตใจของเธอดวงตาของอิมิลี่หลุบต่ำ มองมือตัวเองที่สั่นเล็กน้อย นิ้วเรียวขาวบีบกันแน่นจนข้อนิ้วขึ้นสีซีด ความคิดวิ่งวนอยู่ในหัวของเธอเป็นเสียงที่เธอไม่อาจกลบได้ ความเครียด ความกลัว และความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ผลักดันให้เธอกดตัวเองแน่นขึ้นคุณหมอที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนเปล่งเสียงนุ่มนวลที่แฝงไว้ด้วยความจริงจังที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง“เดือนนี้ไข่ของคุณยังไม่ตก บางทีอาจเป็นเพราะความเครียดท
คอนโดหรูสูงตระหง่านตั้งอยู่ ใจกลางกรุงแสงนีออนหลากสีจากป้ายร้านค้าและผับบาร์ด้านล่างสะท้อนบนกระจกอาคาร ราวกับจะประกาศศักดาแห่งชีวิตที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความวุ่นวาย เสียงดนตรีและเสียงหัวเราะของผู้คนจากถนนเบื้องล่างคละเคล้ากันกลายเป็นซาวด์แทร็กแห่งย่านที่ไม่เคยเงียบสงบ แต่เมื่อขึ้นมาสู่ชั้นสูงของคอนโด ทุกสิ่งกลับเงียบงัน แสงไฟจากตึกสูงรอบข้างลอดผ่านม่านเนื้อบางในห้องนอนที่เงียบสนิท ห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบหรูด้วยโทนสีขาว ตรงข้ามกับแสงสีด้านล่างอย่าสิ้นเชิง มีเพียงแสงจากเทียนหอมส่งกลิ่นกุหลาบผสมน้ำหอมกลิ่นฟีโรโมนอบอวลทั่วห้องบนเตียงขนาดใหญ่ที่ปูด้วยผ้าเนื้อดีมันวาว ร่างชายหนุ่มคร่อมอยู่บนร่างหญิงสาว นั่นคือ อิมิลี่ ผู้เป็นภรรยาที่เปลือยกายอยู่ใต้ผ้าห่มเนื้อหรูหราซึ่งปกคลุมร่างขาวเพรียวเขาขยับตัวขึ้นลง ราวกับพยายามปลุกเร้าความรู้สึกที่เคยคุ้น แต่ท่อนชายของเขากลับไม่ตอบสนองตามที่ใจปรารถนา ท่ามกลางบรรยากาศที่น่าลุ้นระทึก มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ดังแทรกผ่านอากาศอย่างแผ่วเบา“เจมส์... คุณโอเคไหม?” เสียงของอีมิลี่ขาดความมั่นใจ เธอเอ่ยถามด้วยความพะวง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความห่ว
ติ้ง! ติ้ง! ติ้ง! เสียงแจ้งเตือนของมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกยังคงดังต่อเนื่อง ข้อความในเฟซบุ๊กที่เพื่อนๆส่งแสดงความยินดีในวันครบรอบวันแต่งงานของเธออย่างท้วมท้น อิมิลี่เลื่อนสายตามองหน้าจอหวังว่า เสียงที่ดังนั้นจะเป็นของสามีของเธอ แต่เมื่อเห็นรายชื่อที่ปรากฎกลับทำให้หัวใจเธอยิ่งหว้าเหว่ และอดคิดไม่ได้ ว่า “เจมส์คงลืมวันนี้ไปแล้วจริงๆ” อิมิลี่แต่งตัวด้วยเดรสเกาะอกยาวสีขาวที่พลิ้วไหวตามจังหวะการเคลื่อนไหวของเธอ ผืนผ้าสีขาวสะอาดช่วยขับผิวที่เนียนละเอียดและสว่างสดใสราวกับเธอเป็นภาพวาดที่หลุดออกมาจากกรอบ เส้นผมยาวสลวยถูกปล่อยลงอย่างอิสระ คล้ายสายลมที่โอบอุ้มเธอไว้เธอเดินไปหน้ากระจกบานใหญ่ในห้องนอน มองตัวเองเงียบ ๆ ราวกับตรวจสอบว่าภาพลักษณ์ของเธอสะท้อนความสงบที่เธอพยายามหาในหัวใจหรือไม่ เมื่อพอใจกับการแต่งกาย เธอหยิบกระเป๋าสะพายเล็กสีเบจที่เข้ากันพอดีกับชุด จากนั้นจึงก้าวออกจากห้องพักปลายเท้าของเธอแตะบนพื้นทางเดินของคอนโดที่เงียบสงบ เมื่อเธอเปิดประตูออกสู่ถนนในเมืองที่แสนคุ้นเคย สายลมอ่อน ๆ ยามเช้าพัดพากลิ่นกาแฟหอมกรุ่นจากร้านริมถนน เสียงหัวเราะและบทสนทนาของผู้คนทำให้บรรยากาศรอบตัวด
อิมิลี่จรดพู่กันลงบนผืนผ้าใบอีกครั้ง ความนุ่มนวลของสีที่ผสมอย่างพิถีพิถันแตะลงบนพื้นผ้าใบขาวราวกับดนตรีที่บรรเลงเบาๆ เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สลับสายตาจากจุดที่กำลังวาดไปยังชายหนุ่มที่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเล็กตรงหน้าแสงอ่อนจากหน้าต่างที่อยู่ข้างๆ ทาบไล้ร่างของเขา สร้างเงาอ่อนโยนที่ตกกระทบใบหน้าคมคาย ผมสีเข้มยุ่งเล็กน้อยแต่ดูมีเสน่ห์ ไหล่กว้างและท่าทางผ่อนคลายทำให้เขาดูเหมือนภาพวาดของชายหนุ่มที่หลุดออกมาจากยุคสมัยโรมัน แต่เป็นดวงตาคู่นั้นที่สะกดอิมิลี่ไว้ ดวงตาสีเข้มที่มองมาที่เธอเต็มไปด้วยความอบอุ่น นุ่มนวล และราวกับมองลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของเธอ“คุณวาดเก่งมากเลยนะ” เลโอเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน น้ำเสียงของเขาลึกและเป็นมิตร “เหมือนกับว่าคุณกำลังเล่าเรื่องราวบางอย่างผ่านภาพนี้”อิมิลี่ชะงักเล็กน้อยก่อนจะยกยิ้มอ่อน เธอหลบสายตาลงมองพู่กันในมือ “บางทีอาจจะใช่ค่ะ ฉันว่าภาพวาดมักจะสะท้อนอารมณ์ของคนวาด”เลโอนิ่งฟังคำตอบของอิมิลี่ ดวงตาสีเข้มของเขายังคงจับจ้องไปที่เธอด้วยความสนใจ ราวกับพยายามค้นหาความหมายที่ลึกซึ้งกว่าในคำพูดของเธอ“แล้วตอนนี้คุณกำลังรู้สึกยังไงล่ะ?” เขาถามเสียงนุ่ม ด
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นแต่เช้าตรู่ อิมิลี่ลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความเงียบและว่างเปล่าของของหมอนอีกใบที่เป็นของสามี แต่ สมองของเธอรีบประมวลผลอย่างรวดเร็วว่าวันนี้มีนัดสำคัญที่โรงพยาบาล เธอลุกจากเตียงแทบจะทันที เสื้อกันหนาวสีครีมถูกหยิบขึ้นมาสวมเพื่อป้องกันอากาศหนาวยามเช้าขณะที่เธอเตรียมตัวออกไปภายในห้องตรวจ บรรยากาศเงียบงันจนได้ยินเสียงแอร์ที่เป่าลมเย็นกระทบผนัง เสียงนั้นแม้จะเบา แต่กลับยิ่งทำให้ความรู้สึกอึดอัดในใจของอิมิลี่ชัดเจนขึ้น เธอนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ สองแขนโอบกอดตัวเองราวกับหาความอบอุ่นจากใครสักคน เสื้อกันหนาวสีเธอสวมดูจะไม่ช่วยป้องกันความหนาวเย็นที่แท้จริงนั้นเกิดขึ้นในจิตใจของเธอดวงตาของอิมิลี่หลุบต่ำ มองมือตัวเองที่สั่นเล็กน้อย นิ้วเรียวขาวบีบกันแน่นจนข้อนิ้วขึ้นสีซีด ความคิดวิ่งวนอยู่ในหัวของเธอเป็นเสียงที่เธอไม่อาจกลบได้ ความเครียด ความกลัว และความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ผลักดันให้เธอกดตัวเองแน่นขึ้นคุณหมอที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนเปล่งเสียงนุ่มนวลที่แฝงไว้ด้วยความจริงจังที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง“เดือนนี้ไข่ของคุณยังไม่ตก บางทีอาจเป็นเพราะความเครียดท
ในค่ำคืนที่ดูเหมือนจะสง่างาม แต่กลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่าในจิตใจ อิมิลี่นั่งนิ่ง เธอทอดสายตามองจานที่ถูกจัดไว้สำหรับเจมส์ ซึ่งยังคงว่างเปล่าเหมือนกับความรู้สึกของเธอในตอนนี้ แสงเทียนบนโต๊ะดินเนอร์กระพริบไหวตามจังหวะลมเบาๆ ราวกับสะท้อนความไม่มั่นคงในหัวใจของเธอ แก้วไวน์ในมือยกขึ้นช้าๆ คล้ายจะกลบความเงียบที่รบกวนแต่เสียงของความโดดเดี่ยวกลับดังกว่าคำปลอบโยนของน้ำเมรัย แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับนอกหน้าต่างให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบหลอกลวง มันเป็นความงามที่เธอเคยวาดฝันถึงตอนเด็กๆ ว่าอยากใช้ชีวิตในเมืองกรุงที่ไม่เคยหลับใหล แต่ในตอนนี้ ความฝันนั้นกลับรู้สึกเย็นชาเหมือนกระจกหน้าต่างที่ปิดกั้นเธอจากโลกภายนอก เธอนั่งคิดถึงเจมส์ คนที่เธอเลือกแต่งงานด้วยเพราะฐานะและหน้าที่การงานที่มั่นคง ทนายที่เก่งกาจแต่ไม่เคยมีเวลาให้เธอในแบบที่เธอต้องการ ความรักของพวกเขาดูเหมือนจะถูกบดบังด้วยงานและความรับผิดชอบแม้กระทั่งเรื่องบนเตียงที่นับวันยิ่งจืดชืด เธอเฝ้าถามตัวเองว่า “นี่คือสิ่งที่ฉันเลือกแล้วจริงๆ หรือ?” เธอนั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมไว้อย่างประณีต แม้เธอจะรู้ดีว่าค่ำคืนนี้จะไม่มีใครนั่งตรงข้
อิมิลี่จรดพู่กันลงบนผืนผ้าใบอีกครั้ง ความนุ่มนวลของสีที่ผสมอย่างพิถีพิถันแตะลงบนพื้นผ้าใบขาวราวกับดนตรีที่บรรเลงเบาๆ เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สลับสายตาจากจุดที่กำลังวาดไปยังชายหนุ่มที่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเล็กตรงหน้าแสงอ่อนจากหน้าต่างที่อยู่ข้างๆ ทาบไล้ร่างของเขา สร้างเงาอ่อนโยนที่ตกกระทบใบหน้าคมคาย ผมสีเข้มยุ่งเล็กน้อยแต่ดูมีเสน่ห์ ไหล่กว้างและท่าทางผ่อนคลายทำให้เขาดูเหมือนภาพวาดของชายหนุ่มที่หลุดออกมาจากยุคสมัยโรมัน แต่เป็นดวงตาคู่นั้นที่สะกดอิมิลี่ไว้ ดวงตาสีเข้มที่มองมาที่เธอเต็มไปด้วยความอบอุ่น นุ่มนวล และราวกับมองลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของเธอ“คุณวาดเก่งมากเลยนะ” เลโอเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน น้ำเสียงของเขาลึกและเป็นมิตร “เหมือนกับว่าคุณกำลังเล่าเรื่องราวบางอย่างผ่านภาพนี้”อิมิลี่ชะงักเล็กน้อยก่อนจะยกยิ้มอ่อน เธอหลบสายตาลงมองพู่กันในมือ “บางทีอาจจะใช่ค่ะ ฉันว่าภาพวาดมักจะสะท้อนอารมณ์ของคนวาด”เลโอนิ่งฟังคำตอบของอิมิลี่ ดวงตาสีเข้มของเขายังคงจับจ้องไปที่เธอด้วยความสนใจ ราวกับพยายามค้นหาความหมายที่ลึกซึ้งกว่าในคำพูดของเธอ“แล้วตอนนี้คุณกำลังรู้สึกยังไงล่ะ?” เขาถามเสียงนุ่ม ด
ติ้ง! ติ้ง! ติ้ง! เสียงแจ้งเตือนของมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกยังคงดังต่อเนื่อง ข้อความในเฟซบุ๊กที่เพื่อนๆส่งแสดงความยินดีในวันครบรอบวันแต่งงานของเธออย่างท้วมท้น อิมิลี่เลื่อนสายตามองหน้าจอหวังว่า เสียงที่ดังนั้นจะเป็นของสามีของเธอ แต่เมื่อเห็นรายชื่อที่ปรากฎกลับทำให้หัวใจเธอยิ่งหว้าเหว่ และอดคิดไม่ได้ ว่า “เจมส์คงลืมวันนี้ไปแล้วจริงๆ” อิมิลี่แต่งตัวด้วยเดรสเกาะอกยาวสีขาวที่พลิ้วไหวตามจังหวะการเคลื่อนไหวของเธอ ผืนผ้าสีขาวสะอาดช่วยขับผิวที่เนียนละเอียดและสว่างสดใสราวกับเธอเป็นภาพวาดที่หลุดออกมาจากกรอบ เส้นผมยาวสลวยถูกปล่อยลงอย่างอิสระ คล้ายสายลมที่โอบอุ้มเธอไว้เธอเดินไปหน้ากระจกบานใหญ่ในห้องนอน มองตัวเองเงียบ ๆ ราวกับตรวจสอบว่าภาพลักษณ์ของเธอสะท้อนความสงบที่เธอพยายามหาในหัวใจหรือไม่ เมื่อพอใจกับการแต่งกาย เธอหยิบกระเป๋าสะพายเล็กสีเบจที่เข้ากันพอดีกับชุด จากนั้นจึงก้าวออกจากห้องพักปลายเท้าของเธอแตะบนพื้นทางเดินของคอนโดที่เงียบสงบ เมื่อเธอเปิดประตูออกสู่ถนนในเมืองที่แสนคุ้นเคย สายลมอ่อน ๆ ยามเช้าพัดพากลิ่นกาแฟหอมกรุ่นจากร้านริมถนน เสียงหัวเราะและบทสนทนาของผู้คนทำให้บรรยากาศรอบตัวด
คอนโดหรูสูงตระหง่านตั้งอยู่ ใจกลางกรุงแสงนีออนหลากสีจากป้ายร้านค้าและผับบาร์ด้านล่างสะท้อนบนกระจกอาคาร ราวกับจะประกาศศักดาแห่งชีวิตที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความวุ่นวาย เสียงดนตรีและเสียงหัวเราะของผู้คนจากถนนเบื้องล่างคละเคล้ากันกลายเป็นซาวด์แทร็กแห่งย่านที่ไม่เคยเงียบสงบ แต่เมื่อขึ้นมาสู่ชั้นสูงของคอนโด ทุกสิ่งกลับเงียบงัน แสงไฟจากตึกสูงรอบข้างลอดผ่านม่านเนื้อบางในห้องนอนที่เงียบสนิท ห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบหรูด้วยโทนสีขาว ตรงข้ามกับแสงสีด้านล่างอย่าสิ้นเชิง มีเพียงแสงจากเทียนหอมส่งกลิ่นกุหลาบผสมน้ำหอมกลิ่นฟีโรโมนอบอวลทั่วห้องบนเตียงขนาดใหญ่ที่ปูด้วยผ้าเนื้อดีมันวาว ร่างชายหนุ่มคร่อมอยู่บนร่างหญิงสาว นั่นคือ อิมิลี่ ผู้เป็นภรรยาที่เปลือยกายอยู่ใต้ผ้าห่มเนื้อหรูหราซึ่งปกคลุมร่างขาวเพรียวเขาขยับตัวขึ้นลง ราวกับพยายามปลุกเร้าความรู้สึกที่เคยคุ้น แต่ท่อนชายของเขากลับไม่ตอบสนองตามที่ใจปรารถนา ท่ามกลางบรรยากาศที่น่าลุ้นระทึก มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ดังแทรกผ่านอากาศอย่างแผ่วเบา“เจมส์... คุณโอเคไหม?” เสียงของอีมิลี่ขาดความมั่นใจ เธอเอ่ยถามด้วยความพะวง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความห่ว