คอนโดหรูสูงตระหง่านตั้งอยู่ ใจกลางกรุงแสงนีออนหลากสีจากป้ายร้านค้าและผับบาร์ด้านล่างสะท้อนบนกระจกอาคาร ราวกับจะประกาศศักดาแห่งชีวิตที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความวุ่นวาย เสียงดนตรีและเสียงหัวเราะของผู้คนจากถนนเบื้องล่างคละเคล้ากันกลายเป็นซาวด์แทร็กแห่งย่านที่ไม่เคยเงียบสงบ
แต่เมื่อขึ้นมาสู่ชั้นสูงของคอนโด ทุกสิ่งกลับเงียบงัน แสงไฟจากตึกสูงรอบข้างลอดผ่านม่านเนื้อบางในห้องนอนที่เงียบสนิท ห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบหรูด้วยโทนสีขาว ตรงข้ามกับแสงสีด้านล่างอย่าสิ้นเชิง มีเพียงแสงจากเทียนหอมส่งกลิ่นกุหลาบผสมน้ำหอมกลิ่นฟีโรโมนอบอวลทั่วห้องบนเตียงขนาดใหญ่ที่ปูด้วยผ้าเนื้อดีมันวาว ร่างชายหนุ่มคร่อมอยู่บนร่างหญิงสาว นั่นคือ อิมิลี่ ผู้เป็นภรรยาที่เปลือยกายอยู่ใต้ผ้าห่มเนื้อหรูหราซึ่งปกคลุมร่างขาวเพรียว เขาขยับตัวขึ้นลง ราวกับพยายามปลุกเร้าความรู้สึกที่เคยคุ้น แต่ท่อนชายของเขากลับไม่ตอบสนองตามที่ใจปรารถนา ท่ามกลางบรรยากาศที่น่าลุ้นระทึก มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ดังแทรกผ่านอากาศอย่างแผ่วเบา “เจมส์... คุณโอเคไหม?” เสียงของอีมิลี่ขาดความมั่นใจ เธอเอ่ยถามด้วยความพะวง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความห่วงใย เจมส์หยุดนิ่งไปชั่วขณะเมื่อได้ยินคำถามจากภรรยา ก่อนจะพลิกตัวลงจากเธอ เขานอนหงายบนเตียงและหลับตา ถอนหายใจหนักๆ “ผมขอโทษ...” เขากล่าวเบาๆ ราวกับไม่ต้องการให้เสียงนั้นหลุดออกมา อีมิลี่ขยับตัว ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่าง แล้วเคลื่อนนิ้วเรียวจับมือของเจมส์เบาๆ “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก เราแค่...เหนื่อยใช่ไหม? ทั้งคุณและฉัน” เจมส์ไม่ได้ตอบในทันที เขาลืมตาขึ้น มองเพดานสีขาวที่ตอนนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นกำแพงที่กดทับความรู้สึกในใจ “แต่ผมไม่รู้...” เขาลุกขึ้นจากเตียงราวกับต้องการเวลาสักครู่ เสียงเท้าที่กระทบกับพื้นห้องสะท้อนก้องในความเงียบเขาเดินตรงไปยังประตูห้องอาบ อิมิลี่เลื่อนสายตาตามแผ่นหลังของเขาที่หายลับเข้าไปในห้องอาบน้ำได้ยินเสียง ประตูที่ปิดลงดัง "ปัง" เบา ๆ แววตาของเธอเต็มไปด้วยคำถามที่ไร้คำตอบ เจมส์ยืนจ้องมอง ร่างกายหนุ่มแน่นที่เปลือยเปล่าสะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ ในสมองเขายังหมกมุ่นอยู่กับภารกิจรักที่ไม่เสร็จสิ้น เสียงน้ำจากฝักบัวดังเป็นจังหวะเหมือนเสียงสะท้อนของความคิดในหัวที่ยังหมกมุ่น เขาโยกร่างชายไปใต้สายน้ำเย็นที่ไหลริน ปล่อยให้มันชโลมร่างกายและหวังว่าจะชำระล้างความเร่าร้อนในจิตใจ แต่ถึงแม้น้ำจะเย็นเพียงใด มันกลับไม่อาจเติมเต็มช่องว่างความต้องการในหัวใจเขาได้… เจมส์ปิดเปลือกตา หายใจลึก พลางปล่อยมือไปตามสัญชาตญาณที่คุ้นเคย ท่อนที่หวงแหนที่เขาจับแน่นนั้นเคยเป็นสิ่งที่เขาภูมิใจ แต่ค่ำคืนนี้กลับไม่เหมือนเดิม เขาพยายามนึกถึงภาพอย่างและบางคนที่ร้อนแรงเพื่อสนองความรู้สึก เคลื่อนมือซ้ายหยิบนิตยสารปลุกใจชายที่เขาแอบไว้ใช้สำเร็จอารมณ์ เสียงน้ำยังคงดังต่อเนื่อง เจมส์ขยับมือขึ้นลงอย่างเชื่องช้าจินตนาการและสลับมองภาพเล่มนั้นไปมาเขาจินตาการถึงบางอย่างที่น่าตื่นเต้นราวกับสงครามที่มัดแน่นนักโทษสาวพลางเคลื่อนมือขึ้นลงบนท่อนเอ็นที่ขึ้นลำอย่างเร้าใจตามเสียงของน้ำที่ไหลแรง กลบเสียงหนุ่มที่ร้องลั่นเมื่อน้ำชายพุ่งจนสำเร็จกาม หลังจากเสร็จกิจชำระร่างแล้วเจมส์ก้าวออกจากห้องอาบ เขาเหลือบมองไปที่เตียง เห็นอิมิลี่นอนอย่างไม่ขยับ เปลือกตาเธอปิดสนิท ร่างของเธอขดตัวเล็กน้อยใต้ผ้าห่ม ใบหน้าเธอดูสงบเมื่อเธอได้พักผ่อน เขาเดินเข้าไปใกล้ช้า ๆ ราวกับกลัวจะปลุกเธอ ดวงตาของเขาไล่สำรวจใบหน้าที่คุ้นเคยแต่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเศร้าที่เขาไม่เคยสังเกตมาก่อน เจมส์ค่อยๆนั่งลงข้างเธอ เอื้อมมือไปเกลี่ยเส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้าเธอเบา ๆ ก่อนจะก้มตัวลง เคลื่อนริมฝีปากจูบหน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา …… แสงแดดลอดผ่านม่านบางเบากระทบใบหน้าของเอมิลี่ เธอพลิกตัวบนเตียงขาวนวล เศษผ้าห่มสีขาวพันตัวอย่างหลวม ๆ มือที่เหยียดไปด้านข้างเพื่อหาความอบอุ่นของเจมส์กลับพบเพียงความว่างเปล่า เธอค่อย ๆ เปิดตาขึ้นช้า ๆ หัวใจเต้นแผ่วเบาเมื่อมองเห็นพื้นที่ข้างว่างเปล่า เจมส์จากไปอีกแล้ว...แต่เช้าตรู่เหมือนเดิม สายตาของเธอเหลือบไปเห็นกระดาษโน้ตใบเล็กที่วางไว้บนโต๊ะหัวเตียง ลายมือของเจมส์ยังคงคุ้นตาและเรียบร้อย “วันนี้มีงานด่วนแต่เช้า อาจต้องนอนค้าง… ดูแลตัวเองด้วยนะ” เอมิลี่ถอนหายใจยาว โน้ตใบนั้นช่างเหมือนกับทุกครั้งข้อความที่อ้างถึงงาน ข้อความที่บอกว่าเขาจะกลับดึก หรือไม่ก็อาจจะไม่กลับเลย สายตาเลื่อนผ่านกรอบรูปที่บรรจุภาพถ่ายงานแต่งงานของเธอและเจมส์ ภาพในวันนั้นเธอสวมชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดบริสุทธิ์ ในอ้อมแขนของเจมส์ที่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ความสุขในวันนั้นยังตราตรึงอยู่ในใจเธอ วันนี้…ครบรอบ 10 ปีของการแต่งงานของเธอและเจมส์เธอควรจะรู้สึกยินดีแต่กลับมีบางสิ่งที่กดทับหัวใจของเธอไว้ซึ่งเธอพยายามหาคำตอบ… เธอใช้นิ้วลูบเบา ๆ บนกรอบรูป ความอบอุ่นในรอยยิ้มของพวกเขาในวันนั้นช่างแตกต่างจากความเงียบเหงาในวันนี้ เอมิลี่รู้ดีว่าเจมส์ไม่ใช่คนเลวร้าย เขาเป็นผู้ชายที่รับผิดชอบและทุ่มเทกับงานอย่างเต็มที่ แต่ความรักที่เธอเคยรู้สึกชัดเจนในทุกวัน กลับดูเหมือนจางลงเรื่อย ๆ เธอวางกรอบรูปไว้บนตัก นัยน์ตาแววเศร้าเล็กน้อย ก่อนจะหลับตา สูดลมหายใจลึกเพื่อพยายามควบคุมความรู้สึกทั้งหมด เสียงถอนหายใจยาวเบา ๆ ดังขึ้นในห้องที่เงียบสนิท เธอค่อยๆคลายมือจากกรอบรูปแล้ว วางมันลงบนโต๊ะใกล้ตัวเหมือนกับการวางความทรงจำที่ไว้ชั่วคราว เธอยืดตัว ขึ้น ฝีเท้าของเธอเดินอย่างช้า ๆ และมั่นคง เธอเปิดประตูห้องน้ำ กลิ่นสบู่จาง ๆ และเสียงน้ำไหลกลายเป็นจังหวะที่ช่วยปลบรรเทาความเหนื่อยล้าจากใจ แม้ในความสงบนั้น เธอปล่อยน้ำอุ่นไหลผ่านตัว เคลิ้มไปกับสายน้ำที่ไหลผ่านร่างใช้สบู่เคลื่อนไปทั่วเรือนร่างที่เปลี่ยวเหงา ในวันครบรอบแต่งงานที่แสนหดหู่ สายน้ำชโลมร่างที่โหยหา ให้คลายอารมณ์ที่ค้างเมื่อคืนที่ผ่านพลางหลับตาเคลื่อนนิ้วเรียวไล้ทุกจุดไวต่อการสัมผัสตามแรงตัณหาที่เธอต้องการ เสียงน้ำกระทบร่างแรงขึ้นราวว่าเธอกำลังปลดเปลื้องความเร่าร้อนให้เป็นรางวัลแก่ตัวเองในวันครบรอบวันแต่งงาน ที่แสน โดดเดี่ยวและเปลี่ยวใจติ้ง! ติ้ง! ติ้ง! เสียงแจ้งเตือนของมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกยังคงดังต่อเนื่อง ข้อความในเฟซบุ๊กที่เพื่อนๆส่งแสดงความยินดีในวันครบรอบวันแต่งงานของเธออย่างท้วมท้น อิมิลี่เลื่อนสายตามองหน้าจอหวังว่า เสียงที่ดังนั้นจะเป็นของสามีของเธอ แต่เมื่อเห็นรายชื่อที่ปรากฎกลับทำให้หัวใจเธอยิ่งหว้าเหว่ และอดคิดไม่ได้ ว่า “เจมส์คงลืมวันนี้ไปแล้วจริงๆ” อิมิลี่แต่งตัวด้วยเดรสเกาะอกยาวสีขาวที่พลิ้วไหวตามจังหวะการเคลื่อนไหวของเธอ ผืนผ้าสีขาวสะอาดช่วยขับผิวที่เนียนละเอียดและสว่างสดใสราวกับเธอเป็นภาพวาดที่หลุดออกมาจากกรอบ เส้นผมยาวสลวยถูกปล่อยลงอย่างอิสระ คล้ายสายลมที่โอบอุ้มเธอไว้เธอเดินไปหน้ากระจกบานใหญ่ในห้องนอน มองตัวเองเงียบ ๆ ราวกับตรวจสอบว่าภาพลักษณ์ของเธอสะท้อนความสงบที่เธอพยายามหาในหัวใจหรือไม่ เมื่อพอใจกับการแต่งกาย เธอหยิบกระเป๋าสะพายเล็กสีเบจที่เข้ากันพอดีกับชุด จากนั้นจึงก้าวออกจากห้องพักปลายเท้าของเธอแตะบนพื้นทางเดินของคอนโดที่เงียบสงบ เมื่อเธอเปิดประตูออกสู่ถนนในเมืองที่แสนคุ้นเคย สายลมอ่อน ๆ ยามเช้าพัดพากลิ่นกาแฟหอมกรุ่นจากร้านริมถนน เสียงหัวเราะและบทสนทนาของผู้คนทำให้บรรยากาศรอบตัวด
อิมิลี่จรดพู่กันลงบนผืนผ้าใบอีกครั้ง ความนุ่มนวลของสีที่ผสมอย่างพิถีพิถันแตะลงบนพื้นผ้าใบขาวราวกับดนตรีที่บรรเลงเบาๆ เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สลับสายตาจากจุดที่กำลังวาดไปยังชายหนุ่มที่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเล็กตรงหน้าแสงอ่อนจากหน้าต่างที่อยู่ข้างๆ ทาบไล้ร่างของเขา สร้างเงาอ่อนโยนที่ตกกระทบใบหน้าคมคาย ผมสีเข้มยุ่งเล็กน้อยแต่ดูมีเสน่ห์ ไหล่กว้างและท่าทางผ่อนคลายทำให้เขาดูเหมือนภาพวาดของชายหนุ่มที่หลุดออกมาจากยุคสมัยโรมัน แต่เป็นดวงตาคู่นั้นที่สะกดอิมิลี่ไว้ ดวงตาสีเข้มที่มองมาที่เธอเต็มไปด้วยความอบอุ่น นุ่มนวล และราวกับมองลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของเธอ“คุณวาดเก่งมากเลยนะ” เลโอเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน น้ำเสียงของเขาลึกและเป็นมิตร “เหมือนกับว่าคุณกำลังเล่าเรื่องราวบางอย่างผ่านภาพนี้”อิมิลี่ชะงักเล็กน้อยก่อนจะยกยิ้มอ่อน เธอหลบสายตาลงมองพู่กันในมือ “บางทีอาจจะใช่ค่ะ ฉันว่าภาพวาดมักจะสะท้อนอารมณ์ของคนวาด”เลโอนิ่งฟังคำตอบของอิมิลี่ ดวงตาสีเข้มของเขายังคงจับจ้องไปที่เธอด้วยความสนใจ ราวกับพยายามค้นหาความหมายที่ลึกซึ้งกว่าในคำพูดของเธอ“แล้วตอนนี้คุณกำลังรู้สึกยังไงล่ะ?” เขาถามเสียงนุ่ม ด
ในค่ำคืนที่ดูเหมือนจะสง่างาม แต่กลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่าในจิตใจ อิมิลี่นั่งนิ่ง เธอทอดสายตามองจานที่ถูกจัดไว้สำหรับเจมส์ ซึ่งยังคงว่างเปล่าเหมือนกับความรู้สึกของเธอในตอนนี้ แสงเทียนบนโต๊ะดินเนอร์กระพริบไหวตามจังหวะลมเบาๆ ราวกับสะท้อนความไม่มั่นคงในหัวใจของเธอ แก้วไวน์ในมือยกขึ้นช้าๆ คล้ายจะกลบความเงียบที่รบกวนแต่เสียงของความโดดเดี่ยวกลับดังกว่าคำปลอบโยนของน้ำเมรัย แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับนอกหน้าต่างให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบหลอกลวง มันเป็นความงามที่เธอเคยวาดฝันถึงตอนเด็กๆ ว่าอยากใช้ชีวิตในเมืองกรุงที่ไม่เคยหลับใหล แต่ในตอนนี้ ความฝันนั้นกลับรู้สึกเย็นชาเหมือนกระจกหน้าต่างที่ปิดกั้นเธอจากโลกภายนอก เธอนั่งคิดถึงเจมส์ คนที่เธอเลือกแต่งงานด้วยเพราะฐานะและหน้าที่การงานที่มั่นคง ทนายที่เก่งกาจแต่ไม่เคยมีเวลาให้เธอในแบบที่เธอต้องการ ความรักของพวกเขาดูเหมือนจะถูกบดบังด้วยงานและความรับผิดชอบแม้กระทั่งเรื่องบนเตียงที่นับวันยิ่งจืดชืด เธอเฝ้าถามตัวเองว่า “นี่คือสิ่งที่ฉันเลือกแล้วจริงๆ หรือ?” เธอนั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมไว้อย่างประณีต แม้เธอจะรู้ดีว่าค่ำคืนนี้จะไม่มีใครนั่งตรงข้
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นแต่เช้าตรู่ อิมิลี่ลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความเงียบและว่างเปล่าของของหมอนอีกใบที่เป็นของสามี แต่ สมองของเธอรีบประมวลผลอย่างรวดเร็วว่าวันนี้มีนัดสำคัญที่โรงพยาบาล เธอลุกจากเตียงแทบจะทันที เสื้อกันหนาวสีครีมถูกหยิบขึ้นมาสวมเพื่อป้องกันอากาศหนาวยามเช้าขณะที่เธอเตรียมตัวออกไปภายในห้องตรวจ บรรยากาศเงียบงันจนได้ยินเสียงแอร์ที่เป่าลมเย็นกระทบผนัง เสียงนั้นแม้จะเบา แต่กลับยิ่งทำให้ความรู้สึกอึดอัดในใจของอิมิลี่ชัดเจนขึ้น เธอนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ สองแขนโอบกอดตัวเองราวกับหาความอบอุ่นจากใครสักคน เสื้อกันหนาวสีเธอสวมดูจะไม่ช่วยป้องกันความหนาวเย็นที่แท้จริงนั้นเกิดขึ้นในจิตใจของเธอดวงตาของอิมิลี่หลุบต่ำ มองมือตัวเองที่สั่นเล็กน้อย นิ้วเรียวขาวบีบกันแน่นจนข้อนิ้วขึ้นสีซีด ความคิดวิ่งวนอยู่ในหัวของเธอเป็นเสียงที่เธอไม่อาจกลบได้ ความเครียด ความกลัว และความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ผลักดันให้เธอกดตัวเองแน่นขึ้นคุณหมอที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนเปล่งเสียงนุ่มนวลที่แฝงไว้ด้วยความจริงจังที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง“เดือนนี้ไข่ของคุณยังไม่ตก บางทีอาจเป็นเพราะความเครียดที
ช่วงเวลานี้เจมส์กำลังพยายามที่จะพยุงสถานะของคำว่า "สามีที่ดี" ให้มั่นคงขึ้น เขาจับมืออิมิลี่อย่างนุ่มนวลเป็นระยะๆระหว่างขับรถเพื่อจะไปร้านอาหารอิตาเลียนสุดหรูที่เขาตั้งใจเลือกมาเพื่อปรับความสัมพันธ์ บรรยากาศภายในอบอุ่นด้วยแสงไฟโทนสีทอง โต๊ะที่ถูกจัดไว้อย่างพิถีพิถันมีผ้าเช็ดปากสีขาวสะอาดและจานอาหารที่วางอย่างลงตัว มันดูเหมือนเป็นคำแก้ตัวจากเจมส์ที่เขาพยายามทำให้ดีที่สุด แต่สำหรับอิมิลี่ บางทีสิ่งนี้อาจยังไม่เพียงพอที่จะเติมเต็มช่องว่างในหัวใจของเธอเมื่ออาหารถูกรินราดด้วยซอสและจัดเสิร์ฟลงบนโต๊ะ กลิ่นหอมเย้ายวนจากเมนูหลากหลายชนิดกระจายไปทั่วบริเวณ ภายในร้านอาหารที่ตกแต่งด้วยแสงไฟสีอ่อนชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่ก่อนที่เจมส์จะได้สัมผัสส้อมหรือลองชิมรสชาติของอาหาร เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นแทรกความเงียบเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้เขาชะงักไปชั่วขณะ "แอลซ่า" เขาเอ่ยชื่อเธอในลำคอเจมส์เหลือบมองอิมิลี่ที่นั่งอยู่ตรงข้าม เธอก้มหน้ามองจานของตัวเอง ราวกับพยายามแกล้งทำเป็นไม่สนใจ แต่เจมส์สังเกตเห็นรอยหม่นในดวงตาของเธอเขาลังเลเล็กน้อยก่อนลุกขึ้นจากโต๊ะ “อิมิลี่ เดี๋ย
แกรก ! เสียงของประตูเสื้อผ้าเปิดออกเบาๆ ดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบสงัดยามรุ่งสาง เจมส์ยืนอยู่หน้า ตู้เสื้อผ้าที่แง้มออก ครึ่งหนึ่งของใบหน้าเขาอยู่ในเงามืด ดวงตาเรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความลังเล มือของเขาหยิบเสื้อแจ็กเก็ตออกมาพร้อมกับกางเกงที่พับไว้อย่างเรียบร้อยแสงไฟที่ลอดมาจากหน้าต่างเผยให้เห็นเงาร่างของอิมิลี่ที่พลิกตัวอย่างรวดเร็ว ดวงตาเบิกกว้าง เธอสะดุ้งตื่นเมื่อเสียงนั้นปลุกเธอให้หลุดจากความหลับใหล“เจมส์... คุณกำลังจะไปไหนแต่เช้า” น้ำเสียงเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“ผมมีประชุมเช้า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่ก็ฟังดูเหนื่อยล้า “งานสำคัญ... คดีใหญ่ ผมต้องรีบไป อิมิลี่”ขณะที่เขากำลังติดกระดุมเสื้อและดวงตาเขาจับจ้องไปยังเสื้อแจ็กเก็ตที่แขวนอยู่ในมือคำพูดนั้นตรงไปตรงมา แต่กลับทิ้งความรู้สึกบางอย่างไว้ในอากาศ เสียงกุกกักของเข็มขัดที่เขารัดเอวเพิ่มความอึดอัดให้กับห้อง อิมิลี่มองตามเขา ดวงตาของเธอแสดงความลังเล แต่คำถามที่อยากเอ่ยกลับติดอยู่ในลำคอ“มันด่วนขนาดนั้นเลยเหรอ” เธอถามเบาๆ น้ำเสียงที่แฝงความกังวลและไม่เข้าใจ เจมส์หยุดมือชั่วขณะ ก่อนจะดึงเสื้อแจ็กเก็ตมาสวม ขยับไหล่เล็กน้อยให้เข้
บนตึกสูงที่ผนังกระจกใสรอบด้านเผยให้เห็นวิวทะเลอันกว้างไกล ซึ่งห่างจากเมืองหลวง ประมาณ 3 ชั่วโมงเจมส์นั่งร่วมประชุม ท่าทางสุขุมและจริงจังในฐานะทนายของบริษัทซึ่งกำลังหารือประเด็นสำคัญร่วมกับทีมผู้บริหารและฝ่ายกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินคดีฟ้องร้องบริษัทรับเหมาแห่งหนึ่ง …. “ตอนนี้บริษัท ของเราเสียหายอย่างหนัก ลูกค้ามากว่าครึ่งต้องการเงินคืน จากการผิดนัดการส่งมอบบ้านตามกำหนด และกำลังเป็นวงกว้าง เมื่อบ้านที่สร้างใช้วัสดุ ต่ำกว่ามาตรฐาน จนทำให้มีการพังถล่มลงมา จากพายุ ไม่กี่สัปดาห์ก่อน” หนึ่งในกรรมการของบริษัทพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่วิตกกังวล พลางเคาะนิ้วลงบนเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ ประกอบกับถาพถ่ายของบ้านที่พังถล่มลงมา ……... เมื่อการประชุมสิ้นสุดลง บรรยากาศเคร่งเครียดในห้องเริ่มผ่อนคลาย แอลซ่า เลขานุการของบริษัท เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับเอกสารในมือ เธอวางแฟ้มเอกสารลงตรงหน้าเขาและพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความกังวลเล็กน้อย“ คุณเจมส์ คะ นี่คือข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นประเด็นค่ะและ ฉันคิดว่าคุณเจมส์ควรไปดูสถานที่จริง เพื่อเข้าใจปัญหาให้ละเอียดขึ้น” แอลซ่าพูดด้วยน้ำเสียงสุภา
บนถนนที่ทอดตัวผ่านป่าและสวนเขียวชอุ่ม เสียงเครื่องยนต์ของรถยนต์หรูสีดำดังแผ่วเบาเหมือนกลมกลืนไปกับธรรมชาติรอบข้าง แอลซ่านั่งอยู่บนเบาะหนังข้างเจมส์ ท่าทางของเธอมั่นใจพลางชี้นิ้วไปยังทิศทางข้างหน้า "ใช้ทางนี้ดีกว่าค่ะ ทางลัดเข้าด้านหลังของโครงการ" น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความแน่ใจและผ่อนคลายเจมส์ปรายตามองไปตามทิศที่เธอบอก ก่อนพยักหน้าเบาๆ แล้วหมุนพวงมาลัยอย่างนุ่มนวล รถคันหรูเคลื่อนตัวเข้าสู่ถนนสายเล็กที่ราวกับถูกลืมเลือนจากกาลเวลา ทั้งสองข้างทางถูกปกคลุมด้วยร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ กิ่งก้านหนาแน่นปกคลุมเป็นอุโมงค์ แสงแดดลอดผ่านใบไม้ลงมาราวกับภาพวาดอันละเอียดอ่อน เสียงใบไม้กระทบกันแผ่วๆ กับสายลม ทำให้บรรยากาศดูเหมือนฉากในนิยายที่อบอุ่นและลึกลับในเวลาเดียวกันแต่ความสงบนั้นอยู่ได้ไม่นาน เสียง "ปึ้ง!" ดังสนั่นจากใต้ท้องรถทำให้ทุกอย่างชะงัก เจมส์รีบเหยียบเบรก สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที เขาหันมามองแอลซ่า ดวงตาเบิกกว้าง“ผมว่าเรามีปัญหาแล้วละครับ” เจมส์กล่าวเสียงหนักแน่นแต่เสียงสะท้อนถึงความกังวลพลางหักพวงมาลัยนำรถจอดเข้าข้างทางใต้เงาป่าทึบเขาเปิดประตูและก้าวลงจากรถทันที เสียงรอง
แม้ในใจของเจมส์จะยังคงพร่ำบอกให้ตัวเองมีความหวัง เพื่อเริ่มต้นใหม่กับอิมิลี่อีกครั้งและยอมรับบุตรในครรภ์ แต่ลึก ๆ แล้วเขาก็รู้ดีว่ามันแทบจะไม่มีหวังเลยสักนิด เพราะสายตาของเธอที่มองเขาในวันนี้นั้น...ช่างว่างเปล่าและเย็นชาเกินกว่าจะหวนคืนได้ แต่ถึงกระนั้น ความค้างคาใจในบางเรื่องก็ทำให้เขาอยู่เฉยไม่ได้ เท้าของเจมส์ยังคงกดลงบนคันเร่ง เส้นทางข้างหน้าเลือนรางในม่านหมอก แต่ในอกของเขากลับร้อนรุ่มดั่งเปลวเพลิงมือที่กุมพวงมาลัยสั่นเล็กน้อย แม้เขาจะพยายามทำให้ตัวเองสงบที่สุด แต่หัวใจที่เต้นระรัวกลับไม่ยอมเชื่อฟังทันทีที่รถจอดเทียบ ฟ้ายังไม่ทันสางดี เจมส์ก้าวลงจากรถอย่างเร่งร้อน เขาเดินไปยืนหน้าประตูบ้านด้วยหัวใจที่เต้นโครมคราม ปลายนิ้วจิ้มกริ่งด้วยแรงที่มากกว่าปกติติ๊ง...ต๊อง... ติ่งต้อง...เสียงกริ่งดังก้องไปทั่วบ้าน ความเงียบงันแผ่ปกคลุมอยู่ครู่หนึ่งก่อนเสียงฝีเท้าลากครืดคราดไปตามพื้นดังขึ้นคลิก...ประตูแง้มเปิดออก เผยให้เห็นแอลซ่าในชุดนอนยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาเธอปรือปรอยด้วยอาการสะลึมสะลือ แต่ทันทีที่เห็นใบหน้าของเจมส์ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันทีเจมส์ไม่พูดอะไรทั้งนั้น เขาแทรกตัวผ่านประตูอ
เจมส์จ้องลูคัสเขม็ง ดวงตาแดงก่ำราวเปลวเพลิงที่พร้อมเผาผลาญทุกสิ่งรอบตัว ลมหายใจของเขากระชั้นถี่ ร่างสูงขยับเข้าประชิดจนลูคัสสัมผัสได้ถึงความร้อนจากร่างที่สั่นสะท้านด้วยแรงโทสะ“มึงจะเอายังไง?” เสียงของเจมส์แข็งกร้าว ราวกับจะท้าทายให้สถานการณ์ลุกลามลูคัสขบกรามแน่น ก่อนจะตัดสินใจผลักเจมส์ออกไปเต็มแรง ร่างนั้นเซถลาไปด้านหลัง แต่ยังไม่ทันตั้งตัว เจมส์ก็กระโจนกลับมาพร้อมหมัดที่พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของลูคัสเต็มแรง เสียงกระแทกดังสนั่น ริมฝีปากของลูคัสแตกเป็นทางยาว เลือดสีแดงสดไหลซึมออกมา เขายกหลังมือปาดมันออกอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะพุ่งสวนกลับด้วยหมัดอัดเข้าชายคางเจมส์อย่างจังเสียงร่างกระแทกพื้นดังสนั่น เจมส์นอนแน่นิ่งไปชั่วขณะก่อนจะดันร่างขึ้นอีกครั้ง"หยุดเถอะ! พอได้แล้ว!" อิมิลี่ร้องเสียงสั่นพลางถลันเข้ามาแทรกกลางระหว่างทั้งคู่ น้ำตาคลอเบ้าด้วยความหวาดหวั่นแต่เจมส์กลับไม่ฟัง เขาปัดมืออิมิลี่ออกอย่างแรงจนเธอเซถอยไป ราวกับแรงโกรธนั้นกำลังแผดเผาสติสัมปชัญญะของเขาจนมอดไหม้ ร่างเขาสั่นสะท้านเหมือนภูเขาไฟที่ปะทุอยู่ภายใน เขาเดินโซเซไปที่รถ กัดฟันแน่นจนกรามขึ้นสันนูน“เจมส์ ได้โปรด…” อิมิลี่อ้อนวอนเส
อิมิลี่ก้าวออกจากงานเลี้ยงพร้อมลูคัส สายลมยามค่ำคืนพัดวูบเข้ามาปะทะผิวกาย ความเย็นเยือกแทรกซึมจนเธอเผลอยกแขนกอดตัวเองไว้โดยไม่รู้ตัวลูคัสเหลือบมองเธอ ดวงตาเต็มไปด้วยความห่วงใย แม้ริมฝีปากจะปิดสนิทไม่เอ่ยคำใด แต่ท่าทางของเขากลับสื่อความรู้สึกออกมาอย่างชัดเจน เขาเลื่อนมือถอดเสื้อคลุมของตัวเองออก ก่อนจะวางลงบนไหล่ของเธออย่างแผ่วเบา“ขอบคุณค่ะ...” อิมิลี่พูดเสียงแผ่ว รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า แม้มันจะจางจนแทบมองไม่เห็น แต่ก็พอให้ลูคัสรับรู้ได้ว่าเธอรู้สึกขอบคุณจริง ๆแม้บ้านของอิมิลี่จะอยู่ไม่ไกลนัก แต่ลูคัสก็ยืนยันจะไปส่งให้ถึงที่พักอย่างปลอดภัยแต่ตลอดทางกลับบ้าน ภายในรถเงียบสนิทราวกับทุกอย่างหยุดนิ่ง มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ดังแผ่วเบา อิมิลี่นั่งนิ่ง ดวงตาจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย ทว่าสิ่งที่ไหลวนอยู่ในความคิดของเธอกลับวุ่นวายเสียจนไม่อาจหาจุดพักภาพของเลโอผุดขึ้นมาในความคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แววตาของเขาในวันนี้เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและความลึกลับ — แตกต่างจากวันแรกที่เธอเคยพบเขาโดยสิ้นเชิง ราวกับเป็นคนละคนความคิดวกกลับไปถึงเรื่องการหย่าร้างกับเจมส์ การฟ้องร้องที่กำลังจะ
บรรยากาศในห้องครัวอึดอัดเสียจนเหมือนอากาศรอบตัวหนาหนักขึ้นทุกขณะ อิมิลี่ยืนตัวแข็งทื่อ ใบหน้าพยายามเก็บซ่อนความรู้สึก แต่แววตากลับฟ้องชัดถึงความกระอักกระอ่วนที่เอ่อล้นออกมาความเงียบที่ปกคลุมถูกทำลายลงเมื่อเสียงเรียกดังขึ้นจากทางเดิน"อิมิลี่..."เธอหันไปตามเสียง ลูคัสปรากฏตัวขึ้น ดวงตาของเขามองข้ามเธอไปยังเลโอ ก่อนจะตวัดกลับมามองเธออีกครั้ง สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยกระวนกระวายที่ปิดไม่มิดลูคัสละสายตากลับมาที่เลโออีกครั้ง ก่อนจะหันกลับไปมองอิมิลี่ใหม่ สายตาของเขาไล่สลับไปมาระหว่างทั้งสองคนช้า ๆ ราวกับกับพยายามประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า แล้วเขาก็สัมผัสได้ถึงความตึงเครียดที่แผ่ซ่าน "เออ อิมิลี่..." ในที่สุดลูคัสจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย ราวกับกำลังพยายามจะทำให้บรรยากาศคลี่คลาย"นี่คือเลโอ... น้องชายผม"คำพูดนั้นทำให้ คิ้วของอิมิลี่ขยับชิดกันแน่น"น้องชาย?" เธอทวนคำเสียงแผ่ว ดวงตาฉายแววงุนงง"ใช่..." ลูคัสพยักหน้าเบา ๆ "เราจากกันตั้งแต่เลโออายุแค่สามขวบ เขาไปอยู่กับญาติที่ต่างประเทศ... เพื่อรักษาตัว"เพื่อรักษาตัว...หัวใจของอิมิลี่กระตุกวูบขึ้นมาทันที ราวกับคำพูด
อิมิลี่ก้าวลงจากรถแท็กซี่อย่างช้า ๆ ปล่อยให้เสียงประตูปิดลงตามหลัง ราวกับเป็นสัญญาณว่าทางเลือกของเธอได้ถูกตัดสินไปแล้ว "ปัง"เสียงของประตูนั้นช่างหนักแน่นกว่าที่ควรจะเป็น หรือบางทีอาจเป็นเพราะหัวใจของเธอที่เต้นแรงจนทุกอย่างรอบตัวดูชัดเจนเกินไปเธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ลมหายใจสะดุดติดอยู่กลางอก ดวงตาจ้องไปยังบ้านสีขาวหลังเดิม บ้านที่เคยเป็นเหมือนโลกทั้งใบของเธอ — โลกที่อบอวลด้วยเสียงหัวเราะ และความอบอุ่นที่โอบล้อมเธอไว้เสมอแสงไฟสีเหลืองนวลที่ส่องลอดผ่านผ้าม่านบาง ๆ เคยให้ความรู้สึกเชื้อเชิญและปลอดภัย ทว่าวันนี้กลับดูห่างเหินจนแปลกตา เสียงพูดคุยแว่วมาเบา ๆ ผสานไปกับเสียงหัวเราะที่ลอยมาตามสายลม เสียงเหล่านั้นควรทำให้เธอรู้สึกสบายใจ แต่กลับกลายเป็นเสียงที่ย้ำเตือนว่าเธอเป็นเพียงคนนอก — คนแปลกหน้าที่ยืนอยู่ผิดที่ผิดทางภาพเงาตะคุ่มของผู้คนเคลื่อนไหวไปมาอย่างมีชีวิตชีวา หากเป็นเมื่อก่อน เธอคงเดินเข้าไปร่วมวงด้วยรอยยิ้ม แต่ตอนนี้ ทุกอย่างดูราวกับกำลังดำเนินต่อไปโดยไม่มีเธอ... ในขณะที่เธอเองกลับยังติดอยู่กับความรู้สึกหนักอึ้งราวกับหินที่ถ่วงหัวใจสายตาของเธอหยุดลงที่ลูกโป่งสีพาสเทลที่ผูกประดับอ
ท้องฟ้ายามอัสดงเปล่งประกายด้วยสีส้มทอง ไล่เฉดสู่สีชมพูอมม่วงตัดกับขอบฟ้า ผืนทะเลกว้างใหญ่สะท้อนแสงระยิบระยับราวกับเกล็ดอัญมณีที่กระจัดกระจายทั่วพื้นน้ำอิมิลี่ยืนอยู่บนผืนทรายที่เย็นเฉียบ ปลายเท้าเปลือยเปล่าจมลงในเนื้อทรายนุ่มละเอียด สายลมพัดผ่านปลายผมของเธอเบา ๆ เส้นผมปลิวไหวตามแรงลม กลิ่นไอเค็มจากทะเลอบอวลอยู่ในอากาศ แทรกซึมเข้าไปในทุกลมหายใจเธอทอดสายตามองแสงสุดท้ายของวัน ดวงตาคู่นั้นฉายแววครุ่นคิด ความสับสนและบาดแผลในใจดูเหมือนจะเบาบางลงเมื่ออยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบเช่นนี้คลื่นซัดเข้าหาฝั่งเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คล้ายเสียงปลอบประโลมที่คอยกระซิบว่า... "เดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้น"เธอค่อย ๆ หยิบนามบัตรจากกระเป๋าสะพายขึ้นมา พลิกดูเบอร์โทรศัพท์ที่พิมพ์ตัวเลขไว้อย่างชัดเจน หัวใจเธอเต้นระรัว ราวกับพยายามเตือนเธอว่าหลังจากการตัดสินใจนี้ จะไม่มีวันหวนกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก นิ้วเรียวกดตัวเลขบนหน้าจอมือถือช้า ๆ ขณะที่เสียงคลื่นยังซัดสาดอยู่ไม่ขาดสายตรู๊ด... ตรู๊ด...“สวัสดีครับ ผมทนายสมศักดิ์ครับ” เสียงปลายสายทุ้มต่ำแต่หนักแน่นดังขึ้น“สวัสดีค่ะฉันอิมิลี่ค่ะ ดิฉันอยากปรึกษา คือ... คือ
กริ๊ง...เสียงกระดิ่งเล็กๆ เหนือประตูดังขึ้นเบาๆ เมื่ออิมิลี่ผลักประตูเข้าไปร้านของชำของป้ามาทาร์ กลิ่นขนมปังอบใหม่ลอยมากระทบจมูกทันที ตามมาด้วยกลิ่นแยมสับปะรสหอมหวานที่ยังคงอบอวลอยู่ทั่วร้าน ชวนให้หัวใจของอิมิลี่อบอุ่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด แม้วันนี้ เธอจะก้าวเข้ามาพร้อมหัวใจที่แบกความหนักแน่นและการตัดสินใจครั้งสำคัญ แต่ร้านเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความทรงจำแห่งนี้ ก็ยังเป็นพื้นที่ปลอบโยนหัวใจเธอได้เสมอ“สวัสดีจ้า อิมิลี่”เสียงอ่อนโยนของป้ามาทาร์ดังขึ้นทันทีจากหลังเคาน์เตอร์ รอยยิ้มอบอุ่นที่ประดับบนใบหน้าของป้าเหมือนดั่งทุกครั้ง ทำให้หัวใจอิมิลี่สั่นไหวไปกับความทรงจำเก่าๆ“สบายดีไหมจ๊ะ ไม่เห็นมาหลายวันแล้วนะ”“สวัสดีค่ะป้ามาทาร์... สบายดีค่ะ” เธอตอบพร้อมส่งยิ้มบางๆ กลับไป แต่ดวงตากลับเผลอเลื่อนไปหยุดที่นิตยสารเล่มเดิมที่เป็นดั่งหอกทิ่มแทงใจ มันยังคงวางอยู่ตรงมุมเดิมใกล้เคาน์เตอร์ แม้มันจะถูกพิมพ์ออกมาหลายสัปดาห์แล้ว แต่ภาพนั้นยังคงชัดเจนราวกับเพิ่งถูกพิมพ์ออกมาเมื่อวาน — ภาพของแอลซ่าและเจมส์เธอจ้องภาพนั้นนิ่งงัน ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุนไปชั่วขณะ อิมิลี่รีบกระพริบตา ดึงสติของตัวเองกลับมาอย่
หลังจากอิมิลี่หมกตัวอยู่ในห้องอาบเป็นเวลาหลายชั่วโมง ปล่อยให้สายน้ำเย็นเฉียบไหลผ่านร่าง เปรียบเสมือนอ้อมกอดสุดท้ายที่เธอเหลืออยู่ เธอหวังลึกๆ ว่า น้ำจะชะล้างทุกความเจ็บปวด ความเสียใจ และทุกความรู้สึกที่กัดกินหัวใจให้ค่อยๆ ไหลลงท่อไปพร้อมกับหยดน้ำผิวกายของเธอเย็นเฉียบ ดวงตาแดงก่ำจากการร้องไห้จนแทบไม่เหลือน้ำตา แต่ท่ามกลางความหม่นหมองนั้น กลับมีบางอย่างที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นั่นคือ ความแน่วแน่ที่ฉายชัดในแววตาเธอก้าวออกจากห้องอาบ ราวกับเป็นคนละคนกับตอนที่เดินเข้าไป ผู้หญิงที่เคยก้มหน้าอดทน รับความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถูกแทนที่ด้วยสายตาแข็งกร้าว และการตัดสินใจที่แน่วแน่จนไม่มีทางหวนกลับเพราะครั้งนี้ เธอจะเป็นฝ่ายเดินออกจากความเจ็บปวดด้วยตัวเอง ไม่ใช่ด้วยการรอคอยให้ใครเป็นคนบอกว่าพอได้แล้ว แต่เธอจะเป็นฝ่ายประกาศจุดจบของมันด้วยน้ำเสียงของเธอเองความสัมพันธ์ของเธอกับเจมส์ จะต้องจบลงที่ตรงนี้ และครั้งนี้จะไม่มีการยื้อ ไม่มีการอ้อนวอน ไม่มีการยอมให้ใครทำร้ายหัวใจของเธอได้อีกเธอจะเป็นฝ่ายยื่นฟ้องหย่าเจมส์ และจะไม่มีวันยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำอีกต่อไปเธอจ้องตัวเองอยู่หน้ากระจก มองลึกเข้าไปใ
"ติ๊ง" "ติ๊ง" เสียงข้อความมือถือดังถี่รัว.. ปลุกอิมิลี่ให้สะดุ้งตื่นจากความฝันอันว่างเปล่า เธอขยับตัวช้าๆ ดวงตาพร่ามัวกวาดมองไปรอบห้องที่เงียบงัน แล้วหยุดสายตาที่มือถือข้างเตียง เธอถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างอ่อนล้า ดันตัวเองลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ปล่อยให้ความเย็นของไม้เนื้อแข็งแทรกผ่านแผ่นหลัง มือเรียวเอื้อมไปหยิบมือถือขึ้นมา ทันทีที่ปลายนิ้วแตะหน้าจอ แสงไฟสว่างวาบขึ้นในความสลัวของเช้าตรู่ เธอหรี่ตาลงเล็กน้อยเพื่อปรับโฟกัส แต่เพียงเสี้ยววินาที ภาพที่ปรากฏบนจอ ทำให้เธอตื่นเต็มตาในทันที ภาพนั้น… เจมส์ ผู้ชายที่เป็น สามีตามกฎหมาย ของเธอ นอนเปลือยกายอยู่บนเตียงเดียวกับผู้หญิงอีกคน มือของเขาแนบอยู่บนผิวกายภาพกิจกรรมเร่าร้อนถูกบันทึกไว้ชัดเจน ตั้งแต่ปลายนิ้วที่ลากไล้ไปตามร่างกาย ริมฝีปากที่แนบจูบไปทั่วทุกจุด จนถึงเสียงครางกระสันที่ดังไม่ขาดสาย มันบาดลึกเข้าไปถึงกระดูก กลายเป็นมีดที่กรีดลงกลางใจ ไม่มีพื้นที่ให้จินตนาการ ไม่มีแม้แต่ช่องว่างให้เธอหลอกตัวเอง เพราะทุกอย่างถูกส่งมาอย่างจงใจ ส่งมาเพื่อปลุกเธอให้ตื่นจากความรักที่เธอเคยยึดมั่น อิมิลี่นิ่งงันไปชั่วขณะ ก่อนจะยกมือขึ้นกุมขมับ หัวใจเต