เมื่อนางแบบชื่อดัง ต้องมาอยู่ในร่างของท่านหญิงผู้อ่อนโยน ที่ถูกสามีมองข้าม เมื่อเขาว่านางร้าจกาจ เช่นนั้นนางจะแสดงให้เขาได้เห็นว่าสตรีร้ายกาจที่แท้จริงเป็นเช่นไร
View More‘เมื่อผู้ใดร้ายมา ข้าจะร้ายกลับมากกว่าหลายเท่านัก’ ในภายหน้า นางต้องมีลูก หากนางมิเข้มแข็งพอแล้วจะปกป้องพวกเขาที่จะเกิดมาในอนาคตได้อย่างไรกันจะให้ฝากลมหายใจไว้ที่ผู้อื่นนั้นย่อมเป็นไปมิได้ ไม่มีผู้ใดหายใจแทนกันได้ แม้แต่สามีของนางเองก็มิอาจทำเช่นนั้นได้ สองมือตนเองเท่านั้นที่นางวางใจ และสองมือนี้ที่จะปกป้องคนที่รักจนกว่าลมหายใจของนางจะหมดลง‘ข้ารักพวกท่านทุกคน ครอบครัวของข้า’“เล่อเล่อ คิดอันใดอยู่หรือ”“เปล่าเจ้าค่ะ”ถงเหยียนเจี๋ยโอบกอดภรรยาจากทางด้านหลัง คางหนาวางบนไหล่มน มีหรือว่าเขาจะไม่รู้ว่าเวลานี้ภรรยากำลังคิดสิ่งใดในหัวมากมาย รวมถึงเรื่องของเขาที่ต้องสูญเสียน้องสาวเพียงคนเดียวไป ในคืนแรกนั้น ภรรยาโทษตัวนางเองว่าเพราะเขาแต่งงานกับนาง เรื่องเช่นนี้ถึงเกิดขึ้น กว่าที่เขาจะปลอบประโลมจนสงบลงได้ก็ใช้เวลานานกว่าสองชั่วยามการตายของม่งเหยาทำให้ใครหลายคนโทษตนเองว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องตาย แต่ไม่เลย หากน้องสาวของเขาจะหลบเลี่ยงเรื่องนี้ก็ย่อมทำได้ แต่นางเลือกที่จะก้าวเข้าสู่สนามรบด้วยตัวเอง ดังนั้น เขาและบิดาจึงไม่คิดที่จะโทษผู้ใดทั้งนั้น“เล่อเล่อ เราเป็นสามีภรรยากันจริ
สิบวันถัดมา ณ ตำหนักเก่าฮองเฮาจ้าวเหลียนร่างสูงนอนเหยียดยาวโดยรอบกายนั้นมีหินร้อนวางไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น ไอเย็นของโม่คังแม้จะถูกสกัดเอาไว้โดยผู้เป็นอาจารย์ แต่ยังมิใช่ว่าภายในของเขาจะกลับมาเป็นปกติ จนถึงเวลานี้ โม่คังยังไร้วี่แววจะรู้สึกตัว และสิ่งที่ทุกคนนั้นเป็นกังวลกว่าคือหากโม่คังตื่นขึ้นมาพบว่าหรู่อี้หายไปจะเกิดเรื่องใดขึ้นบ้างตอนนี้ ภายในตำหนักทุกห้องมีคนเจ็บที่ยังไร้ซึ่งสติกันแทบทุกคน ยกเว้นเพียงโม่ฟางเล่อที่ออกติดตามสามีเดินทางไปยังเกาะดอกเหมย เพื่อส่งร่างของถงม่งเหยาตามคำขอของจ้าวอวิ๋น การสูญเสียของสองพี่น้องสกุลจ้าวทำให้โม่เหยียนเฉาและจ้าวเหลียนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าสิ่งใดที่หลานชายขอมา เขายินดีที่จะมอบให้ทั้งสองสามีภรรยานั่งเฝ้าบุตรชายเพียงคนเดียว ตอนนี้ ผมของโม่คังจากดำสลวยกลับกลายเป็นขาวโพลนไปทั้งหัว ร่างกายที่เคยมีสีเลือด ตอนนี้ขาวซีดไร้สีสัน จ้าวเหลียนกุมมือของบุตรชายเอาไว้แนบอก นางไม่ปรารถนาสิ่งใดเลยในตอนนี้นอกจากการตื่นของโม่คัง“อี้เอ๋อร์”โม่เหยียนเฉาอยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ เมื่อคำแรกที่บุตรชายของเขาเอ่ยออกมาทั้งที่ดวงตายังปิดสนิทนั้นคือชื่อของคู่หมั้
จ้าวอวิ๋นคว้าร่างบางที่ล้มลงต่อหน้าเอาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะระเบิดพลังออกมาจนถึงขีดสุดด้วยอาการคลุ้มคลั่ง เสียงระเบิดยังเกิดขึ้นตามแรงอารมณ์ของชายหนุ่ม ทำให้ร่างของทหารฝ่ายตรงข้ามที่พุ่งเข้าหา แตกกระจายออก สิ้นใจในทันที ร่างสูงกอดร่างของหญิงสาวเอาไว้แน่น“ข้ารักท่าน จ้าวอวิ๋น ข้าระ…ระ…อึก!”“ข้ารักเจ้า ถงม่งเหยา ข้ารักเจ้า ได้ยินหรือไม่ เจ้าอย่าได้บังอาจทอดทิ้งข้าไปเช่นนี้ ม่งเอ๋อร์ อย่าทำกับข้าเยี่ยงนี้ อ๊ากกก!”ถงเหยียนเจี๋ยชาไปทั้งร่าง เมื่อได้ยินชื่อของน้องสาวเพียงคนเดียว ร่างสูงพุ่งเข้าหาหยางซานซินเสมือนคนเสียสติ เพราะคนเช่นหยางซานซินที่ทำให้เกิดเรื่องราวเหล่านี้ขึ้น มันพรากดวงใจของเขาไปเช่นนี้มิได้ น้ำตาของชายหนุ่มไหลเป็นทาง ยิ่งเมื่อนึกถึงอ้อมกอดและรอยยิ้มสดใสของผู้เป็นน้องสาว ยิ่งทำให้ถงเหยียนเจี๋ยเปรียบดั่งพยัคฆ์บาดเจ็บที่สู้จนตัวตายเลยทีเดียวหย่งฉีพุ่งเข้าสังหารทหารที่ยังหลงเหลืออยู่รอบกายของจ้าวอวิ๋นและร่างของหญิงสาวในอ้อมแขน ร่างสูงสั่นสะท้านไปจนถึงกระดูก เขาบกพร่องต่อหน้าที่จนได้ ปกป้องนายหญิงน้อยมิได้ เขาไม่สมควรมีลมหายใจอยู่ต่อไปเลยด้วยซ้ำจ้าวอวิ๋นพยายามโรยยาตามบาดแผลของ
“เจ้าจะยอมแพ้มิได้ โม่คัง เจ้าคือหนึ่งในสายเลือดสกุลจ้าว จงให้หัวใจนำพาพละกำลังในกาย เข้าใจหรือไม่ พี่อยู่ที่นี่แล้ว เจ้าจะต้องปลอดภัยน้องรัก พี่จะมิให้สิ่งใดพรากเจ้าไปจากพวกเราอีกแล้ว”ทุกถ้อยคำที่จ้าวอวิ๋นเอ่ยออกมานั้นเสมือนเสียงกระซิบอันไกลโพ้นสำหรับโม่คัง น้ำตาของบุรุษผู้เป็นนักรบไหลอาบสองแก้ม แม้จะมีลมหายใจกลับมาได้จากสิ่งที่หยางซานซินกระทำต่อเขาเมื่อสิบกว่าปีก่อนนั้น ก็ใช่ว่าร่างกายที่เห็นนี้จะเป็นปกติสมบรูณ์ไม่ และตอนนี้ มันกำลังส่งผลต่อตัวเขาในยามคับขัน“เพื่อข้า พี่คัง! ทำเพื่ออี้เอ๋อร์สักครั้งเถิด!”หรู่อี้ที่รับมืออยู่กับหยางซานซินตะโกนก้องเรียกสติของชายหนุ่ม จ้าวอวิ๋นขบกรามแน่น เขาทำได้เพียงกวัดแกว่งป้องกันทหารที่พยายามโจมตีเขา ซึ่งมันมิน่าเป็นห่วงเท่าหญิงสาวผู้ที่ปกป้องเขากับน้องชายในตอนนี้เลย ร่างของหรู่อี้โชกไปด้วยเลือด เสื้อผ้าขาดวิ่น แต่นางกลับมิปริปากร้องโอดครวญแม้แต่น้อย ทุกถ้อยคำมีเพียงโม่คังเท่านั้นถงม่งเหยาพยายามอย่างมากที่จะฝ่าวงล้อมศัตรูเข้าช่วยเหลือหรู่อี้ ทว่า ตัวนางเองยังตกอยู่กลางวงล้อมของศัตรูเช่นกัน น้ำตาแห่งความเจ็บปวดคลอหน่วยตาของใครหลายคน พวกเขาจะเก่ง
อุทยานหลวงโม่คังพร้อมด้วยชูถงยืนนิ่งมองไปยังบุรุษต่างวัยอีกสองคน ซึ่งมิได้มีแค่เท่าที่เห็น ทว่าเขาสองคนตกอยู่กลางวงล้อมของทหารกบฏนับสิบเลยทีเดียว ทั้งคู่ลอบสบตากันเป็นระยะ“เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด ชูถง ว่าคนอย่างเจ้ามันภักดีต่อโม่เหยียนเฉา ยากที่จะร่วมมือกับข้าหักหลังนายเจ้าได้”“แล้วอย่างไร…ที่ข้าช่วยเจ้าในวันนั้น ก็เพื่อให้มีวันนี้อย่างไรเล่า หากเจ้าตายไป แล้วใครจะพาข้ากลับเมืองหลวง…”ราชครูหลิวกำหมัดแน่น แต่ยังเงียบ มิเอ่ยสิ่งใดออกมา เขารู้มาโดยตลอดว่าชูถงมิได้ต้องการที่จะร่วมมือตั้งแต่แรก การที่ยอมให้ร่วมในขบวนการ เพียงเพราะเรื่องของบุตรสาวและหลานชายที่ตายไปแล้วเท่านั้น หากจะกำจัดเสนาบดีผู้นี้เสียก็ย่อมทำได้ แต่ด้วยเจียงไห่เป็นเมืองที่ญาติผู้พี่มีอำนาจ เขาจะลงมืออันใดย่อมมิมีทางรอดพ้นสายตาคนเช่นหลิวไห่เป็นแน่“ฮา ๆ ไหน ๆ วันนี้ ทุกอย่างก็กระจ่างชัดแล้ว หนี้แค้นทั้งหมดก็มาชำระกันให้เสร็จสิ้นเถิด”“กับข้าสินะ”ในที่สุด โม่คังก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเงียบเมื่อคำว่าหนี้แค้นหลุดออกจากปากของอีกฝ่าย เขาไม่สนว่า ตอนนี้ หยางซานซินจะจดจำได้หรือไม่ว่าแท้จริงเขาคือใคร สนเพียงแค่วันนี้จะชำ
เลือดสีดำคล้ำพุ่งออกจากปากของพี่น้องสกุลโม่ ทำให้จ้าวเหลียนและมู่ตานขยับเข้าประชิดร่างของสามีตนเองด้วยความเป็นห่วง เวลานี้กลับกลายเป็นพวกนางเสียเองที่ตกอยู่สภาวะเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด เวลาคับขันเช่นนี้ ผู้ทรยศคือองครักษ์และทหารในวัง ย่อมไม่แปลกที่พวกนางจะไร้คนปกป้องฉึก! ฉับ! “อ๊ากก!”เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของศัตรูเรียกสายตาคนทั้งสี่ให้หันมอง ร่างสูงตระหง่านของบุตรเขยสกุลโม่ยืนหน้านิ่งไร้ความรู้สึก ทุกก้าวของชายหนุ่มนั้นดูเยือกเย็นประหนึ่งน้ำแข็งจากแดนเหนือก็มิปาน อาวุธในมือที่กวัดแกว่งออกไปทุกครานั้นจะต้องได้ดื่มเลือดของศัตรูถงเหยียนเจี๋ยในเวลานี้ยากที่ใครจะคาดเดาว่าเขารู้สึกเช่นไร ด้วยข้างกายของชายหนุ่มนั้นไม่มีภรรยาอยู่เคียง ความเยือกเย็นของเขาน้อยคนที่จะได้เห็น ไอสังหารพวยพุ่งออกมาจนจิ้งอ๋องถึงกับถอยร่นไปด้านหลัง เลือดที่หยดตามปลายอาวุธเสมือนการข่มขวัญศัตรู ชายหนุ่มมิได้หันมองไปยังครอบครัวของพ่อตา แต่ดวงตาเย็นชาจ้องมองอยู่ที่จิ้งอ๋องแต่ผู้เดียว“ผู้ใดที่คิดทำให้ภรรยาของข้าเศร้าหมอง มันผู้นั้นไม่สมควรมีชีวิตอยู่บนโลกนี้”“ฮา ๆ ยามใดกันที่ข้าไปทำภรรยาของเจ้าเศร้าหมอง”จิ้งอ๋อ
นอกวังหลวง ณ หมู่บ้านอี้ฟึ่บ! ร่างในชุดดำเหินกายลงยังลานดินหน้ากระท่อมที่อยู่ห่างจากบ้านเรือนหลังอื่น ก่อนจะเร่งสาวเท้าเข้าไปด้านในด้วยอาการร้อนรน ทว่า คนด้านในกระท่อมกลับยังคงนิ่งเฉย“นายหญิง ข่าวจากองค์หญิงนั้นเงียบหายไปขอรับ ส่วนกองทัพของนางก็พ่ายแพ้หมดสิ้นแล้วขอรับ”มือบางกำแน่นวางอยู่บนโต๊ะน้ำชา ฟังการรายงานข่าวด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ทำให้คนที่ร่วมห้องอยู่ด้วยรับรู้ได้ถึงไอสังหารที่กำลังพวยพุ่งออกจากร่างบอบบางของผู้เป็นนาย แต่เขายังจำต้องรายงานเรื่องทั้งหมดต่อไป มิอาจหยุดได้หากไม่ได้รับอนุญาต และจนกว่าเขาจะรายงานทุกอย่างให้หมดสิ้น“ต่อให้นางตาย เจ้าก็ต้องได้ศพนางกลับมา ข้าจะรอนางอยู่ที่นี่”เอ่ยจบ ผู้เป็นนายก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนไปโดยไม่เอ่ยสิ่งใดออกมาอีก ชายชุดดำทำเพียงโค้งคำนับก่อนจะหมุนกายจากไปภายในห้อง ร่างระหงก้าวตรงไปนั่งยังเตียง มือบางขยุ้มผ้าปูที่นอนด้วยความเจ็บร้าวอยู่ในอก สามีอันเป็นที่รักทำร้ายนางเพียงคนเดียวนั้นก็นับว่าร้ายกาจแล้ว นี่ยังทำกับบุตรสาวเพียงคนเดียวของนางเพียงเพื่ออำนาจของตนอีก เขาไม่เคยสนใจเลยว่ากั๋วเชียงจะเจ็บปวดเพียงไรนางยอมเป็นพระชายาที่ตายแล้วในควา
ครั้งนี้มันกลับระเบิดเสียงดัง ทำให้มีบ้างที่ทหารอีกกลุ่มภายในโล่อื่นแตกกระจายกันออก มีทั้งบาดเจ็บมากน้อยตามแรงระเบิดที่ได้รับ จะมีเพียงโล่ที่ใช้ป้องกันผู้นำเท่านั้นที่ยังคงแข็งแกร่งอยู่ ส่วนทหารที่มิได้ยกโล่ทำการเตรียมลูกศรเพื่อยิงเปิดทางให้แก่กองทัพของตนเอง เสียงโล่หนากระแทกพื้นเป็นจังหวะเพื่อให้ทหารที่อยู่ในเกราะกำบังแต่ละคนทำตามอย่างพร้อมเพรียงหลิวเจินเจินไม่อยากที่จะเสียเวลานานไปกว่านี้ และสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังกระทำนั้นนางเข้าใจมันได้เป็นอย่างดี คนของตงกำลังตกเป็นรอง นางไม่อยากที่จะให้เกิดการพลิกหมากกระดานนี้ มือบางยกขึ้นส่งสัญญาณให้ทำตามแผนการขั้นต่อไป‘เจ้าคงลืมไปว่าบิดาข้า สามีข้า แม้แต่บุตรชายหญิงของข้าคือแม่ทัพ’ แม่ทัพหนุ่มผู้นี้ยังอ่อนประสบการณ์อยู่มาก แต่คงมีฝีมือเฉพาะตนอยู่มิน้อย ไม่เช่นนั้น ฮ่องเต้ตงคงมิคิดกำจัดโดยการส่งมาเช่นนี้เป็นแน่ หรือไม่ ชายหนุ่มผู้นี้ก็ต้องเกิดในสกุลที่เป็นปรปักษ์ต่อบัลลังก์สินะหลิวเจินเจินทำเพียงยืนมองเหล่าทหารต่างแคว้นที่ต้องเอาชีวิตมาสังเวยความต้องการของผู้เป็นนาย นางจะไม่ยอมยืนรอให้อีกฝ่ายตอบโต้ได้เป็นอันขาด หากจะว่านางโหดร้ายก็ไม่ผิด เพื่อปก
ชายชุดดำได้ส่งสัญญาณจากกำแพงเมืองให้กับกองทัพฝั่งตนรับรู้ ซึ่งดูเหมือนจะฉวยโอกาสในช่วงก่อนมีงานพิธีเฉลิมฉลองใหญ่ครั้งนี้ไม่กี่วันคอยส่งทหารมือดีที่สุดของแคว้น มิว่าจะเป็นแม่ทัพนายกอง แฝงตัวเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านและเมืองรอบ ๆ เพื่อรอจังหวะเหมาะสมบุกยึดเมืองหลวง โดยมีคนในของชีเป่ยคอยปูทางเอาไว้ให้กองทัพจากแคว้นตงเคลื่อนพลในทันทีเมื่อได้รับสัญญาณจากคนด้านใน ประตูเมืองทั้งสี่ด้านตอนนี้มีกำลังในการป้องน้อยนิด เพราะถูกเกณฑ์เข้าไปช่วยปกป้องประตูวังหลวง ทั้งยังเป็นทหารฝั่งกบฏมากกว่าครึ่งทำให้ง่ายต่อการบุกโจมตี“คุณหนูพวกมันเคลื่อนไหวแล้วขอรับ”“อืม…ลงมือได้ จำไว้ว่าให้พวกมันเข้าไปให้หมด ค่อยจัดการ”ร่างระหงในชุดเกราะยืนตระหง่านอยู่ท่ามกลางกองทัพสกุลหลิวและกองกำลังจากสกุลหลง โดยมีหลงเป่าร่วมเป็นผู้นำในครั้งนี้ด้วย เมื่อแมวน้อยพากันหมายจะมาขโมยปลาถึงในบ้าน ก็จำต้องจับแมวตัวอ้วนมาลงทัณฑ์“ท่านน้า ลำบากท่านแล้ว”“เป่าเอ๋อร์ เพื่อพี่น้องของเรา คำว่าลำบากนั้นมิใช่สิ่งที่มีอยู่ในใจของข้า”“ขอรับ”เมื่อกองทัพจากต่างแคว้นเข้าสู่ประตูเมืองทั้งสี่ด้านจนหมดทุกคนแล้ว ซึ่งดูจะง่ายดายเสียเหลือเกินในสายตาของผ
กลางดึก ณ ลานหินข้างริมธารคณะของโม่คังได้ตั้งกระโจมพัก ชายหนุ่มร่างสูงยืนคู่อยู่กับผู้ติดตามยังโขดหินข้างลำธาร สองมือไขว้หลัง ใบหน้าแหงนมองไปบนท้องฟ้าที่ไร้ซึ่งแสงดาว“ฝนกำลังจะตก ท่าทางจะหนักเอาการทีเดียว เจ้าช่วยบอกให้ทุกคนเตรียมข้าวของสำคัญเอาไว้ในรถม้าด้วยล่ะ”“ขอรับ”“งูอาจเริ่มออกล่าเหยื่อ ระวังหน่อยก็ดี”“หึ ๆ งูฝูงนี้คงอยากจบชีวิตกระมัง”“ไม่แน่เสมอไป ข้าแค่คาดเดา บางทีอาจถึงที่หมายของฝูงอสรพิษเสียก่อน และที่พวกมันจะออกมารัดเหยื่อเพื่อกลืนลงท้อง ตอนนี้อาจรอเวลาให้เราหลับใหลอย่างสุขใจไปก่อนก็เป็นได้”“เช่นนั้น เราก็หลับให้ยาว ๆ เสียหน่อยนะขอรับ ถึงที่หมายแล้วค่อยเผาดงงูเสียเลยทีเดียว”ชายหนุ่มทั้งสองพูดคุยอย่างมีความนัยต่อกัน เพราะเวลานี้ ทั้งคู่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่มิน้อย เมื่อถัดไป ณ ชั้นตื้น ๆ ของน้ำตก มีร่างขาวโพลนของสตรีกำลังแหวกว่าย หมุนกายไปมาท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแสงจากโคมไฟซึ่งวางอยู่บนโขดหินส่องรำไร นางมิเกรงกลัวสิ่งใดเลยหรืออย่างไรกัน ยามนี้ดึกมากแล้ว ซ้ำยังเป็นเวลาที่สัตว์อันตรายหลายชนิดออกหากิน“มิธรรมดาจริง ๆ”“ท่านเยว่คังไปพักก่อนจะดีกว่าขอรับ ป่านนี้ นาย...
Comments