พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม

พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม

โดย:   เฟิ่งฉี่เทียนหมิง  ยังไม่จบ
ภาษา: Thai
goodnovel4goodnovel
10
2 การให้คะแนน. 2 ความคิดเห็น
40บท
695views
อ่าน
เพิ่มลงในห้องสมุด

แชร์:  

รายงาน
ภาพรวม
แค็ตตาล็อก
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป

เฉินสิงเจวี๋ยเป็นคุณชายในจวนอ๋องมาสิบกว่าปี ทว่าวันหนึ่งกลับถูกบอกว่าเขาคือตัวปลอม! อ๋องน้อยตัวจริงทำให้ยอดอาชาดีขององค์รัชทายาทตาย คนทั้งครอบครัวปกป้องเขา มองดูเฉินสิงเจวี๋ยถูกปรักปรำอย่างเย็นชา ถูกลงโทษเป็นทาสเลี้ยงม้าในโรงเลี้ยงม้าหลวงเจ็ดปี ภายหลัง ท่านอ๋องและพระชายาผู้สูงส่งขอร้องเขาทั้งน้ำตา “สิงเจวี๋ย พวกเราผิดไปแล้ว เจ้ากลับมาเถอะ!” ท่านหญิงผู้เป็นพี่สาวที่เอาแต่ใจมาทั้งชีวิตร้องไห้จนตาพร่าเลือน “น้องพี่ ขอร้องเจ้ามองดูพี่อีกสักครั้งเถอะ!” แม่ทัพยอดหญิงในดวงใจผู้ยิ่งใหญ่ก็สะอื้นไห้ ขอร้องเขาอย่างต่ำต้อย “สิงเจวี๋ย ขอร้องเจ้าละ พวกเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมดีหรือไม่?” ยามนั้นใส่ร้ายทรมานข้ามาตั้งเจ็ดปี บัดนี้ตัดสัมพันธ์กันแล้วพวกเจ้าจะร้องไห้ไปไย?

ดูเพิ่มเติม

บทล่าสุด

การดูตัวอย่างฟรี

บทที่ 1

แคว้นต้าเฉียน ช่วงเวลาเริ่มต้นฤดูหนาวลมหนาวพัดหวีดหวิว ลมเหนือพัดเข้าสู่โรงเลี้ยงม้าหลวงใบหญ้าคาไม่ต้านลม รอบด้านมีลมเล็ดรอด อากาศเช่นนี้ ขนาดม้ายังหนาวจนจามแต่บนตัวของเฉินสิงเจวี๋ยกลับสวมเพียงเสื้อผ้าตัวบาง สองเท้าเปลือยเปล่า ยืนให้อาหารม้าอยู่บนพื้นหิมะสองเท้าเย็นจนแดงเถือก กระทั่งเขียวม่วง เหน็บชาเขาเพิ่งเทอาหารม้าถังใหญ่ลงไป ผิวบวมแดงที่มือปริแตกทันที ทำให้มีเลือดไหลรินสหายที่อยู่ข้างกันทนดูไม่ได้ จึงยื่นยารักษาอาการบวมแดงให้เขาหนึ่งกล่อง “ใช้อย่างประหยัดละ ของนี่ราคาแพงไม่เบา ไม่ง่ายกว่าข้าจะนำมาจากที่บ้านได้ คงทำให้เจ้ารู้สึกดีขึ้นบ้าง”เฉินสิงเจวี๋ยกล่าว “ขอบคุณ”เขารับยามา แล้วเปิดกล่องดู จากนั้นโยนกลับไปที่สหายอีกครั้ง“ดูดีแค่เปลือกนอก เจ้าสิ่งนี้ใช้การไม่ได้ ไม่เป็นไร แผลเล็กน้อยแค่นี้ ข้ายังทนไหว”เขาฉีกสาบเสื้ออย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นนำมาพันมือแล้วทำงานต่อไปสหายทนดูไม่ได้ จึงถอนหายใจพร้อมกล่าว “ความจริงเจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้นี่? หากเจ้ายอมอ่อนข้อสักนิด ยอมรับผิด ด้วยความสามารถของเจ้า อย่างไรก็ไม่ตกต่ำถึงเพียงนี้หรอก?”เฉินสิงเจวี๋ยไม่ตอบพอดีกับขณะนี้ ...

หนังสือน่าสนใจจากยุคเดียวกัน

ความคิดเห็น

default avatar
Anurak Lee
สนุกครับอัพไวๆนะครับ
2025-01-29 22:35:35
0
default avatar
Witat Sri
ทำไมupช้ามาก
2025-01-28 02:45:49
0
40
บทที่ 1
แคว้นต้าเฉียน ช่วงเวลาเริ่มต้นฤดูหนาวลมหนาวพัดหวีดหวิว ลมเหนือพัดเข้าสู่โรงเลี้ยงม้าหลวงใบหญ้าคาไม่ต้านลม รอบด้านมีลมเล็ดรอด อากาศเช่นนี้ ขนาดม้ายังหนาวจนจามแต่บนตัวของเฉินสิงเจวี๋ยกลับสวมเพียงเสื้อผ้าตัวบาง สองเท้าเปลือยเปล่า ยืนให้อาหารม้าอยู่บนพื้นหิมะสองเท้าเย็นจนแดงเถือก กระทั่งเขียวม่วง เหน็บชาเขาเพิ่งเทอาหารม้าถังใหญ่ลงไป ผิวบวมแดงที่มือปริแตกทันที ทำให้มีเลือดไหลรินสหายที่อยู่ข้างกันทนดูไม่ได้ จึงยื่นยารักษาอาการบวมแดงให้เขาหนึ่งกล่อง “ใช้อย่างประหยัดละ ของนี่ราคาแพงไม่เบา ไม่ง่ายกว่าข้าจะนำมาจากที่บ้านได้ คงทำให้เจ้ารู้สึกดีขึ้นบ้าง”เฉินสิงเจวี๋ยกล่าว “ขอบคุณ”เขารับยามา แล้วเปิดกล่องดู จากนั้นโยนกลับไปที่สหายอีกครั้ง“ดูดีแค่เปลือกนอก เจ้าสิ่งนี้ใช้การไม่ได้ ไม่เป็นไร แผลเล็กน้อยแค่นี้ ข้ายังทนไหว”เขาฉีกสาบเสื้ออย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นนำมาพันมือแล้วทำงานต่อไปสหายทนดูไม่ได้ จึงถอนหายใจพร้อมกล่าว “ความจริงเจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้นี่? หากเจ้ายอมอ่อนข้อสักนิด ยอมรับผิด ด้วยความสามารถของเจ้า อย่างไรก็ไม่ตกต่ำถึงเพียงนี้หรอก?”เฉินสิงเจวี๋ยไม่ตอบพอดีกับขณะนี้
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 2
พระราชทานหรือ?เฉินสิงเจวี๋ยแค่นหัวเราะในใจหลัวเมิ่งอวิ๋นเห็นเขาไม่ขยับ จึงก้าวไปข้างหน้าพร้อมโน้มตัวลงเล็กน้อย“น้องเล็ก กลับไปกับพี่เถอะ”ขนตาเฉินสิงเจวี๋ยสั่นไหว กลับไปหรือ?หลายปีมานี้ เขารอมานานมาก เคยหวังว่าพี่สาวจะปรากฏตัวในโรงเลี้ยงม้าหลวงแล้วพาเขาออกไปทว่าเขารอคอยด้วยใจที่ร้อนรน จนกระทั่งยามได้ยินว่านางรักและเอ็นดูคุณชายจวนอ๋องตัวจริงอย่างไร จึงได้สิ้นหวังท้อแท้แล้วดังนั้นเฉินสิงเจวี๋ยจึงมองนางอย่างเย็นชา พร้อมก้มหน้าถอยหลัง “บ่าวเป็นคนต่ำต้อย ไม่กล้าแปดเปื้อนร่างกายล้ำค่าของคุณหนู อีกทั้งยังขอบพระทัยในความใจกว้างของฝ่าบาท”แม้คนตรงหน้ายังเป็นคนเดิม วาจาที่กล่าวออกมาก็จริงใจเหลือเกินแต่เมื่อหลัวเมิ่งอวิ๋นได้ยินกลับรู้สึกจุกอยู่ในอกหลัวเมิ่งอวิ๋นเริ่มรำคาญ แต่กลับต้องอดกลั้นไฟโกรธเอาไว้ “เจ้าทำความผิด ทุกคนก็ลงโทษเล็กน้อยเพื่อตักเตือนเท่านั้น เจ้าแค่เลี้ยงม้าอยู่ที่นี่เจ็ดปีเท่านั้นเอง ไม่มีใครบอกว่าเจ้าไม่ใช่คุณชายจวนอ๋องอีกต่อไป เหตุใดเจ้าจึงแทนตัวเองว่าบ่าว!”นี่เป็นน้องชายที่นางประคบประหงมมาสิบกว่าปี จะกลายเป็นบ่าวเลี้ยงม้าได้อย่างไร?แต่เฉินสิงเจวี๋ยรู้ส
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 3
ทว่านางเองก็เคยแสดงออกว่าไม่ชอบให้เฉินสิงเจวี๋ยติดตัวเองแจ แต่เขายังคงทำเช่นเดิมเฉินสิงเจวี๋ยชอบทำตัวติดนาง ทุกครั้งที่ออกไปเที่ยวมักจะนำของเล่นมากมายกลับมาเอาใจนางขอเพียงเป็นสิ่งที่ตัวนางมองหลายที หรือยิ้มเล็กน้อย เขาก็ดีใจราวกับได้ครอบครองใต้หล้าน่าเสียดายเวลาผันเปลี่ยนคนเราเปลี่ยนแปลง ไม่พบกันหลายปี ทั้งสองกลับได้มาพบกันในสถานการณ์เช่นนี้เขากลับทำเหมือนคนเคร่งขรึม ที่พูดมากแม้แต่คำเดียวก็เหมือนจะตายให้ได้มู่หรงเสวี่ยถอนหายใจ หัวใจอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกสีหน้ากลับมาเยือกเย็นสูงส่งอีกครั้ง “ข้าจะไปทางเดียวกับเจ้าพอดี อย่างไรเจ้าเดินทางไปพร้อมกับข้าสิ!”นางสั่งให้เฉินสิงเจวี๋ยขึ้นไปนั่งรถม้าด้านหลังเฉินสิงเจวี๋ยถอยหลังไปหนึ่งก้าว ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด มู่หรงเสวี่ยกลับไม่ให้เขาปฏิเสธ “ชายชาตรียืดงอได้ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เจ้าไม่หวงแหนร่างกายตัวเอง ก็น่าจะนึกถึงเหล่าไท่จวินที่รักเจ้าบ้าง!”น้ำเสียงนั่นช่างสูงส่งเหลือเกินเกรงว่าหากเฉินสิงเจวี๋ยยังไม่รู้จักกาลเทศะ นางจะโกรธแล้วจริง ๆเฉินสิงเจวี๋ยนึกถึงความรักที่เหล่าไท่จวินมีให้เขาตลอดสิบสามปีที่อยู่ในจวนอ๋องนึกถึงการได้ออ
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 4
เพียงประโยคเดียวดั่งมีดกรีดหัวใจพระชายาจิ้งหนานอ๋องนางจับมือเฉินสิงเจวี๋ยเอาไว้ เมื่อเห็นทหารสกุลมู่หรงด้านหลังเขา นึกถึงก่อนหน้านี้ตอนเมิ่งอวิ๋นไปหาสิงเจวี๋ยที่โรงเลี้ยงม้าหลวง ตอนกลับมาสีหน้าไม่สู้ดี จึงหันไปทำหน้าตึงใส่บุตรสาวที่อยู่ด้านข้าง“สิงเจวี๋ย พี่สาวเจ้าไม่ได้ตั้งใจ นางก็นิสัยไม่ดีเช่นนี้ เจ้าเองก็น่าจะรู้ แม่ได้ว่ากล่าวตักเตือนนางไปแล้ว ครั้งนี้เจ้ากลับมาแม่จะดีกับเจ้าแน่นอน จะไม่ปล่อยให้เจ้าเสียใจอีก เจ้ายังคงเป็นคุณชายสูงศักดิ์แห่งจวนอ๋อง”ท่าทางคำพูดของนางล้วนจริงใจ ดูแล้วเหมือนคิดถึงลูกชายคนนี้จริง ๆ แต่เฉินสิงเจวี๋ยกลับรู้สึกอึดอัด จึงเก็บมือกลับมาหลัวเมิ่งอวิ๋นที่อยู่ข้างกันทนดูต่อไปไม่ได้ จึงกล่าวอย่างโมโห “หลัวสิงเจวี๋ย เจ้าหมายความว่าอย่างไร? หลายปีมานี้ท่านแม่เป็นห่วงเจ้ามาตลอด เจ้าไม่รับน้ำใจยังไม่พอ นี่มันท่าทีอะไรของเจ้า?”“ให้เกียรติเจ้าแล้วยังไม่สำนึก! ใครอยากจะยอมรับน้องชายอย่างเจ้า? จวนจิ้งหนานอ๋องไม่มีคนอกตัญญูไม่สำนึกบุญคุณอย่างเจ้า ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี!”เฉินสิงเจวี๋ยมองนางอย่างเฉยเมย จากนั้นก้มหน้าแต่เมื่อพระชายาจิ้งหนานอ๋องได้ยิน กลับกรีดห
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 5
นางตำหนิลูกสาวเสร็จ ก็เอ่ยกับเฉินสิงเจวี๋ยอย่างอ่อนโยน “สิงเจวี๋ย พี่สาวเจ้าไม่ได้ตั้งใจ สิ่งที่นางกล่าวมามีเหตุผล ท่านปู่กับท่านย่าจะสะเทือนใจไม่ได้ หากเห็นเจ้าในสภาพนี้ เกิดพวกท่านร้อนใจขึ้นมา ไม่แน่อาจทำให้ร่างกายมีปัญหา เสื้อตัวนี้...”เฉินสิงเจวี๋ยหันมองหลัวเฟิงที่อยู่ข้างกายนาง แล้วพูดขัดขึ้น “เสื้อพวกนี้ตัวเล็กเกินไป ใส่ไม่ได้ บังไม่หมดขอรับ”พระชายาชะงักไปครู่หนึ่ง ถึงได้พบว่าเฉินสิงเจวี๋ยสูงกว่าหลัวเฟิงไปครึ่งหัว เสื้อผ้าที่นางตระเตรียมล้วนอิงจากหลัวเฟิงทว่าต่อให้เฉินสิงเจวี๋ยผ่ายผอม แต่เมื่อเขาสวมแล้วดูสั้นอย่างเห็นได้ชัด“แม่ละเลยเอง เจ้าตัวสูงกว่าน้องชายเจ้าแล้ว จู๋เซียง รีบไปนำเสื้อผ้าชุดใหม่ในเรือนข้าที่เตรียมไว้ให้ท่านอ๋องมาเร็ว”หลัวเมิ่งอวิ๋นรำคาญ “ท่านแม่ เขาเป็นทาสมาตั้งเจ็ดปี ทำไมถึงได้สำออยเช่นนี้? เสื้อผ้าเล็กก็ใส่ ๆ ไปก่อนเถิด เนื้อไม่ได้ขาดหายไปเสียหน่อย!”“ท่านแม่ พวกเรารีบไปพบท่านปู่กันเถอะ หากไม่ไป อีกเดี๋ยวท่านจะพักผ่อนแล้ว”ระหว่างที่พูด นางเตรียมจะดึงเฉินสิงเจวี๋ยเข้าไปเฉินสิงเจวี๋ยกลับไม่ขยับหลัวเมิ่งอวิ๋นโมโห “เจ้าทาสคนนี้...”“อาอวิ๋น!”พร
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 6
เฉินสิงเจวี๋ยพูดจบ ก็ไม่อาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย หันหลังจากไปร่างที่ซูบผอมนั่น ราวกับเพียงลมหนาวพัดก็ทำให้ล้มได้ทันทีทุกคนที่อยู่ตรงนั้นมองดูด้วยจิตใจสับสนแม้แต่หัวใจของมู่หรงเสวี่ยก็ยังมีความประหลาดรายล้อมหลัวเมิ่งอวิ๋นเห็นภาพนี้พอดี จึงระแวงขึ้นมาบ้างนางเดินเข้าไป แล้วโบกมือต่อหน้ามู่หรงเสวี่ย “ยังดูอีก? ลูกตาเจ้าแทบจะติดไปบนนั้นแล้ว ใช่สิ ทำไมวันนี้เจ้าถึงมาได้?”“ฝ่าบาทเป็นห่วงสุขภาพของท่านอ๋องผู้เฒ่ากับเหล่าไท่จวิน จึงให้ข้ามาดูสักหน่อย ข้าได้ต้นโสมพันปีจากข้างนอกต้นหนึ่ง นำมาให้ท่านอ๋องผู้เฒ่าใช้ได้พอดี!”มู่หรงเสวี่ยละสายตากลับมา คล้ายไม่ได้ยินความไม่พอใจของหลัวเมิ่งอวิ๋นแต่หลัวเมิ่งอวิ๋นกลับไม่พอใจการหลบเลี่ยงไม่ตอบของนาง ดวงตาจ้องเขม็งไปที่อีกฝ่าย สักครู่จึงเอ่ยถาม “ฮึ มีแต่ข้ออ้างเต็มปาก คงไม่ใช่เพราะได้ยินว่าเขากลับมาจากโรงเลี้ยงม้าหลวง จึงไปดักรอกลางทางแล้วหาข้ออ้างมาดูที่บ้านอีกหรอกนะ?”มู่หรงเสวี่ยนึกถึงภาพเมื่อครู่ที่เจอเฉินสิงเจวี๋ยข้างทาง จึงไม่ตอบนางหลัวเมิ่งอวิ๋นกลัวนางเปลี่ยนใจ จึงรีบซักไซ้ “เจ้าพูดสิ ตกลงเจ้าตั้งใจมารอรับเขาออกจากโรงเลี้ยงม้าหลวงใช่หร
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 7
เมื่อเฉินสิงเจวี๋ยใส่ยาเสร็จจึงเดินไปริมหน้าต่าง ได้พบกับร่างหนึ่งที่คุ้นเคยอย่างไม่คาดคิดคนผู้นั้นไม่ใช่เยว่ผิงคนสนิทของมู่หรงเสวี่ยหรือ?เมื่อก่อนตอนเขาอยากเข้าใกล้มู่หรงเสวี่ย มักเข้าไปตีสนิทกับอีกฝ่ายเห็นเพียงเขาเดินตามสาวใช้ของหลัวเมิ่งอวิ๋นที่นำทาง มายังเรือนของตัวเองขณะนี้ซงม่อได้ยินความเคลื่อนไหว จึงเดินมาริมหน้าต่าง “คุณชาย นั่นไม่ใช่รองแม่ทัพเยว่ ผู้ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพมู่หรงหรือขอรับ?”“รองแม่ทัพหรือ?”แม้แต่เขายังกลายเป็นรองแม่ทัพ แล้วตัวเองล่ะ?เฉินสิงเจวี๋ยกลับรู้สึกน่าขันยิ่งนัก เจ็ดปีผ่านไป เยว่ผิงได้กลายเป็นรองแม่ทัพที่เก่งกาจของมู่หรงเสวี่ย แต่เขามาทำอะไรที่นี่?ยังไม่ทันได้สติ เห็นเพียงเยว่ผิงประสานมือคารวะเขา เห็นเขาพูดบางอย่างกับสาวใช้แต่ไกล จากนั้นหันหลังจากไป คล้ายกับจงใจหลบเลี่ยงเฉินสิงเจวี๋ยขมวดคิ้วซงม่อรีบเข้าไปหาสาวใช้คนนั้น “เสี่ยวเยว่ นี่มันเรื่องอะไรกัน? รองแม่ทัพเยว่เข้ามาทำไมหรือ?”“เป็นแม่ทัพมู่หรงมอบยาทาสมุนไพรให้ด้วยตนเอง บอกว่าขับความเย็น เป็นผลดีกับมือของคุณชายมาก นี่เป็นสมุนไพรล้ำค่าที่แม่ทัพมู่หรงได้มาจากต่างเผ่า มีเพียงขวดเดียว
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 8
เฉินสิงเจวี๋ยหันมองหลัวเฟิงที่อยู่หลังพระชายาแวบหนึ่ง แล้วยิ้มเยาะตัวเองหลัวเฟิงทำหน้าตาน่าสงสารกลับยังต้องแสร้งทำใจกว้าง ช่างน่าขันยิ่งนักเป็นไปตามคาดพระชายาบังหลัวเฟิงเอาไว้ กังวลราวกับเฉินสิงเจวี๋ยจะเล่นงานเขาเฉินสิงเจวี๋ยถอนหายใจในอดีต นางเป็นมารดาของเขา อีกทั้งยังทำเช่นนี้ โดยการบังอยู่หน้าเขาเพื่อปกป้องเขาสีหน้าเฉินสิงเจวี๋ยเยือกเย็นกว่าเดิมมีเพียงท่านปู่ที่รู้ว่าเมื่อก่อนเขาชอบมู่หรงเสวี่ยมากเพียงใด หากครั้งนี้เขาบอกว่าต้องการแต่งงานกับมู่หรงเสวี่ย เช่นนั้นท่านปู่ต้องทำให้เขาสมหวังแน่นอน ดังนั้นเห็นได้ชัดว่าพระชายาและหลัวเฟิงคงกลัวเขาจะยืมมือท่านอ๋องผู้เฒ่าทำลายการแต่งงานของพวกเขาเฉินสิงเจวี๋ยส่ายหน้า “ท่านปู่อย่าพูดอีกเลย ตอนนี้ข้าไม่ชอบมู่หรงเสวี่ยแล้ว ใต้หล้ายิ่งใหญ่ แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา ไฉนจึงต้องตายอยู่บนต้นไม้เพียงต้นเดียว?”คำพูดเหล่านี้ ทำให้มู่หรงเสวี่ยที่เตรียมมาคารวะท่านอ๋องผู้เฒ่าตะลึงอยู่นอกประตูเห็นได้ชัดว่าท่านอ๋องผู้เฒ่าเองก็ตะลึงไม่น้อย“เจ้าคิดเช่นนี้หรือ? แต่เมื่อก่อนเจ้าบอกว่าจะแต่งกับนางให้ได้ ทว่ายามนี้...”“เรื่องราวผันเปลี่ยนตามกาลเ
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 9
มู่หรงเสวี่ยเข้าใจแล้วนางกลับไม่แสดงสีหน้าใด!“เรื่องการแต่งงานเป็นคำสั่งบิดามารดา รับการแนะนำจากแม่สื่อ การหมั้นหมายเกิดขึ้นจากสองตระกูล ไม่เคยเปลี่ยนแปลงด้วยปัจจัยที่ไม่อาจต้านทานได้”“หากไม่มีธุระใด ข้าขอตัวก่อน”มู่หรงเสวี่ยหันหลังอย่างสง่างามหลัวเฟิงมองดูแผ่นหลังของนางภายนอกมู่หรงเสวี่ยปลอบใจเขาว่าไม่ต้องคิดมาก แต่ความจริงนางไม่ได้ตอบเขาเลยว่าตกลงตัวนางเสียใจหรือไม่......หลังจากหลัวเมิ่งอวิ๋นออกจากหอไป่ซง นางก็ไปเปิดดูสาแหรกวงศ์ตระกูลของจวนอ๋องนางเปิดอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ไม่เชื่อคำพูดของเฉินสิงเจวี๋ยเพราะนางคิดว่าคำพูดที่อีกฝ่ายพูดออกมา ต้องการให้ทุกคนรู้สึกผิดเท่านั้นท่านพ่อจะให้เขาเปลี่ยนแซ่ได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้ แต่นางเปิดดูสาแหรกวงศ์ตระกูลนานขนาดนี้ กลับพบว่าไม่มีจริงๆหลัวเมิ่งอวิ๋นนั่งหมดแรงอยู่บนพื้น มือสั่นอย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วโยนสาแหรกไว้บนพื้นเป็นไปไม่ได้ แค่ม้าเหงื่อโลหิตตัวเดียวเท่านั้น จะเทียบกับมนุษย์ได้อย่างไร? เหตุใดจึงต้องลบชื่อของเฉินสิงเจวี๋ยออกไปจากสาแหรกวงศ์ตระกูลทว่าต่อให้ชื่อของเฉินสิงเจวี๋ยถูกลบทิ้ง ทุกคนก็รู้ดีว่าเขาเติบโตขึ้น
อ่านเพิ่มเติม
บทที่ 10
เฉินสิงเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่น ขณะนี้เขายังไม่เข้าใจความหมายประโยคนี้ของหลัวเฟิง“ไม่ใช่เจ้า แล้วเป็นคนอื่นงั้นหรือ? ยามนี้ข้าต้องทนเห็นเจ้าพาตัวต้นเหตุที่ออกมาชี้ความผิดข้าลอยหน้าลอยตาไปทั่ว แล้วยังไม่คิดบัญชีกับเจ้าถือว่าให้เกียรติเจ้า ถือว่าเห็นแก่หน้าท่านปู่ ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าเหตุใดข้าจึงไม่ลงมือกับเจ้า?”หลัวเฟิงหัวเราะเสียงดัง “เจ็ดปีแล้ว เจ้าเรียนรู้แค่หลงตัวเองหรอกหรือ? ยังคิดจะลงมือกับข้า? ตอนนี้เจ้ากลับมาต้องอยู่อย่างสำรวมไม่ใช่หรือ? เป็นแค่ลูกนอกคอกของบ่าวคนหนึ่งยังเพ้อฝันอยากใช้ชีวิตสุขสบายในจวนอ๋อง หากไม่ได้ครอบครัวข้าเลี้ยงเจ้าจนเติบใหญ่ ยังไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าจะไปขอทานอยู่หัวมุมไหนเลย!”“อีกอย่าง หากตาแก่นั่นตายไป จวนอ๋องก็เป็นของข้า เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ฮึ!”เดิมทีเฉินสิงเจวี๋ยไม่คิดถือสาคนจอมปลอมเช่นนี้ แต่เมื่อท่านปู่ที่เขารักถูกคนชั่วอย่างเจ้านี่ต่อว่าด่าทอ เขาจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป“เจ้าพูดจาลามปามท่านปู่ สมควรได้รับการสั่งสอน” เฉินสิงเจวี๋ยมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชาหลัวเฟิงยิ่งแค่นหัวเราะ “สั่งสอน? งั้นก็ต้องมาดูว่าใครจะสั่งสอนใคร! เจ้าขวางหูขวางตาข้ามานานแล้ว!”
อ่านเพิ่มเติม
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status