Share

บทที่ 4

Author: เฟิ่งฉี่เทียนหมิง
เพียงประโยคเดียวดั่งมีดกรีดหัวใจพระชายาจิ้งหนานอ๋อง

นางจับมือเฉินสิงเจวี๋ยเอาไว้ เมื่อเห็นทหารสกุลมู่หรงด้านหลังเขา นึกถึงก่อนหน้านี้ตอนเมิ่งอวิ๋นไปหาสิงเจวี๋ยที่โรงเลี้ยงม้า

หลวง ตอนกลับมาสีหน้าไม่สู้ดี จึงหันไปทำหน้าตึงใส่บุตรสาวที่อยู่ด้านข้าง

“สิงเจวี๋ย พี่สาวเจ้าไม่ได้ตั้งใจ นางก็นิสัยไม่ดีเช่นนี้ เจ้าเองก็น่าจะรู้ แม่ได้ว่ากล่าวตักเตือนนางไปแล้ว ครั้งนี้เจ้ากลับมาแม่จะดีกับเจ้าแน่นอน จะไม่ปล่อยให้เจ้าเสียใจอีก เจ้ายังคงเป็นคุณชายสูงศักดิ์แห่งจวนอ๋อง”

ท่าทางคำพูดของนางล้วนจริงใจ ดูแล้วเหมือนคิดถึงลูกชายคนนี้จริง ๆ แต่เฉินสิงเจวี๋ยกลับรู้สึกอึดอัด จึงเก็บมือกลับมา

หลัวเมิ่งอวิ๋นที่อยู่ข้างกันทนดูต่อไปไม่ได้ จึงกล่าวอย่างโมโห “หลัวสิงเจวี๋ย เจ้าหมายความว่าอย่างไร? หลายปีมานี้ท่านแม่เป็นห่วงเจ้ามาตลอด เจ้าไม่รับน้ำใจยังไม่พอ นี่มันท่าทีอะไรของเจ้า?”

“ให้เกียรติเจ้าแล้วยังไม่สำนึก! ใครอยากจะยอมรับน้องชายอย่างเจ้า? จวนจิ้งหนานอ๋องไม่มีคนอกตัญญูไม่สำนึกบุญคุณอย่างเจ้า ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี!”

เฉินสิงเจวี๋ยมองนางอย่างเฉยเมย จากนั้นก้มหน้า

แต่เมื่อพระชายาจิ้งหนานอ๋องได้ยิน กลับกรีดหัวใจทุกคำ

นี่เป็นลูกของนาง ลูกที่นางตั้งครรภ์สิบเดือนคลอดออกมา!

นางตำหนิหลัวเมิ่งอวิ๋น “พอแล้ว! สิงเจวี๋ยเพิ่งกลับมา เจ้าต่อว่าเขาเช่นนี้ทำไม?”

หลัวเมิ่งอวิ๋นทนดูสภาพจะตายไม่ตายแหล่ของเฉินสิงเจวี๋ยไม่ได้ จึงเอ่ยอย่างโมโห “ท่านแม่ ท่านดูสิ คนอื่นเขาไม่อยากกลับมาหรอก ท่าทางจะตายไม่ตายอย่างนั้น สีหน้าเฮงซวยอย่างนั้น อย่าได้ทำใส่เหล่าไท่จวินเชียว!”

“อีกอย่าง เฉินสิงเจวี๋ย เจ้าคงไม่เห็นว่าคำพูดของข้าเป็นคำล้อเล่นหรอกนะ ก่อนนี้ข้าเคยเตือนเจ้าแล้ว หากเจ้ายังทำท่าซังกะตายเช่นนี้อยู่ เจ้าก็รีบไสหัวกลับไปโรงเลี้ยงม้าหลวงของเจ้าซะ จวนอ๋องไม่เคยติดค้างอะไรเจ้าเลย!”

ไม่ติดค้าง? หากไม่ติดค้างจริง ๆ เช่นนั้นเหตุใดเขา เฉินสิงเจวี๋ย จึงต้องประจบพวกนางอีก?

เมื่อเห็นท่าทีของเฉินสิงเจวี๋ยยังคงเย็นชา พระชายาจิ้งหนานอ๋องเองก็ไม่สบายใจ นางจึงถลึงตาใส่บุตรสาว

“เจ็ดปีแล้ว สิงเจวี๋ยไม่คุ้นเคยอากาศหนาวไม่สบายจึงทำตัวเช่นนั้น เจ้าอย่าใช้นิสัยเดิมทำให้เขาตกใจ!”

หลัวเฟิงที่อยู่ข้างกันกลับทนไม่ไหว เขาเอ่ยอย่างริษยา “ท่านแม่ พี่หญิง พวกท่านอย่าโกรธเลย ต้องโทษข้า”

“ท่านพี่ หากข้าไม่กลับมาก็คงดี เจ็ดปีมานี้ข้ายึดตำแหน่งของท่านไป ท่านแม่ ท่านพ่อยังมีทุกสิ่งในจวนจิ้งหนานอ๋องควรเป็นของท่าน”

คำพูดนี้ช่างจริงใจ

แต่ว่า...

เฉินสิงเจวี๋ยกวาดตามองเขา

เจ้าหลัวเฟิงนี่ กลับเป็นเหมือนเมื่อเจ็ดปีก่อน ไม่เปลี่ยนเลยสักนิด

ยังชอบเสแสร้งดังเดิม

พูดอย่างจอมปลอม ดูเหมือนละอายใจ ทว่าแต่ละคำพูดล้วนกำลังโอ้อวดฐานะคุณชายของเขา!

สีหน้าเฉินสิงเจวี๋ยยังคงเรียบเฉย “คุณชายหลัวพูดผิดแล้ว ท่านเป็นคุณชายตัวจริงของจวนจิ้งหนานอ๋อง ข้าเป็นเพียงบ่าวคนหนึ่ง มิกล้าใฝ่สูงขอรับ”

คำพูดของเขาห่างเหินเย็นชา

ทำให้สีหน้าหลัวเฟิงแข็งค้าง

หลัวเมิ่งอวิ๋นที่อยู่ข้างกันทนดูไม่ได้

เจ้าเฉินสิงเจวี๋ยกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!

กล้าทำกับเฟิงเอ๋อร์ขนาดนี้!

นางถีบออกไปทันที “เฉินสิงเจวี๋ย เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร คู่ควรพูดกับเฟิงเอ๋อร์เช่นนี้หรือ หากไม่ใช่เพราะเจ้า เฟิงเอ๋อร์คงได้เสวยสุขในฐานะคุณชายใหญ่จวนอ๋องไปนานแล้ว เพราะเจ้ายึดตำแหน่งเฟิงเอ๋อร์ไป ทำให้เขาระหกระเหินอยู่ข้างนอกสิบกว่าปี เจ้ามีสิทธิ์อะไรไปชักสีหน้าใส่เขา!”

หลัวเมิ่งอวิ๋นถีบออกไปอย่างรุนแรง ทว่าเฉินสิงเจวี๋ยกลับหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย

นางถีบไปกลางอากาศ จนเกือบจะหกล้ม

เฉินสิงเจวี๋ยจับข้อเท้านางเอาไว้ น้ำเสียงเย็นเยือกราวน้ำค้าง “คุณหนูใหญ่หลัว ลงมือกับบ่าวอย่างข้า เกรงว่าคงทำให้มือท่านเปื้อน”

หลัวเมิ่งอวิ๋นหน้าซีด

“พอเถอะ กลับมาถึงก็โวยวายอะไรกัน? สิงเจวี๋ย ไม่ต้องสนใจพี่สาวเจ้า ข้าจะให้บ่าวพาเจ้าไปอาบน้ำแต่งตัว ท่านปู่ของเจ้ารอเจ้าอยู่นานแล้ว อีกเดี๋ยวตามแม่ไปคารวะพวกท่าน เจ้าเองก็ไม่ต้องกังวล เมื่อก่อนเป็นเช่นไร ตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น!”

สีหน้าเฉินสิงเจวี๋ยห่างเหิน เพียงยกมือขึ้นคารวะเบา ๆ จากนั้นตามบ่าวเข้าไป

ลึก ๆ เขารู้ดีว่าทุกสิ่งไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิม

เป็นไปตามคาด เรือนที่บ่าวคนนั้นพาเขาไปเป็นเพียงเรือนหลังเล็กที่อยู่ห่างไกล ไม่ใช่เรือนฉี่เจิ้งที่เขาเคยอาศัยก่อนหน้านี้

เรือนนั้นฤดูหนาวอบอุ่น ฤดูร้อนเย็นสบาย เป็นเรือนที่ดีที่สุดในจวนอ๋อง

ฤดูใบไม้ผลิที่ดอกไม้งามสะพรั่ง ฤดูร้อนที่หอมกลิ่นดอกบัว ดอกเบญจมาศ และน้ำค้างในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ล้วนเป็นสิ่งที่พระชายาคัดสรรให้เขาเป็นอย่างดี แต่น่าเสียดาย เมื่อหลัวเฟิงกลับมา อ้างว่าอยากพักฟื้นต้องการเรือนที่ดี จึงแย่งเรือนฉี่เจิ้งไปทันที

ทุกอย่างดูเหมือนความจริงและลวงตา น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่ใช่ของเขาแล้ว นึกถึงตอนนั้นที่ตัวเองไม่ยอมรับความจริง กระทั่งไม่พอใจคิดจะอาละวาดในจวนอ๋องให้เรื่องใหญ่โต เฉินสิงเจวี๋ยยิ้มเยาะตัวเอง

คนอื่นเป็นมังกรตัวจริง เขาเป็นตัวปลอม จะไปครอบครองสิ่งที่เป็นของนายที่แท้จริงได้อย่างไร?

“คุณชายเจวี๋ย ช้าชื่อซงม่อ คุณหนูใหญ่ให้ข้ามา ต่อไปบ่าวจะคอยรับใช้ท่านขอรับ”

ซงม่อน่ารักมีไหวพริบ ติดตามหลัวเมิ่งอวิ๋นมาตั้งแต่เด็ก เขารู้จักดีที่สุด

เขาพยักหน้า “ข้ารู้จักเจ้า ซงม่อ เมื่อก่อนเจ้าชอบเล่นกับแมวเปอร์เซียของข้าที่สุด!”

“คุณชาย เสียดายที่แมวเปอร์เซียหายไปแล้ว”

เฉินสิงเจวี๋ยถอนหายใจ ตั้งแต่หลัวเฟิงกลับมา สิ่งของที่เป็นของเขาก็น้อยลงเรื่อย ๆ

เขารู้ดีว่าเพราะอะไร แต่กลับทำอะไรไม่ได้

ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนกัน

เพียงแต่เขาไม่เข้าใจ ทำไมหลัวเมิ่งอวิ๋นถึงให้ซงม่อมารับใช้ตัวเอง

นึกถึงก่อนหน้านี้หลัวเมิ่งอวิ๋นเข้าใจผิดหลายครั้งว่าเขาอยากทำร้ายหลัวเฟิง คาดว่าเพียงแค่ส่งสายมาจับตาดูตัวเขาเท่านั้น เพื่อไม่ให้เขาลงมือทำร้ายหลัวเฟิง คนพวกนี้ป้องกันเขาตั้งแต่เขาเข้าประตูมาแล้ว

เรือนหลังเล็กในฤดูหนาวเปิดประตูเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด กลิ่นเหม็นอับฟุ้งกระจายไปทั่ว

เฉินสิงเจวี๋ยเองก็ไม่สนใจ

เพราะภายในห้องจุดถ่านไหมเงินเอาไว้ เรื่องผักชีโรยหน้าพวกเขากลับทำได้ดี

“คุณชาย บ่าวจะรับใช้ท่านอาบน้ำ ของพวกนี้เตรียมไว้แล้วขอรับ”

“พอเถอะ ข้าไม่ต้องให้เจ้ารับใช้ เจ้าออกไปเถอะ!”

ซงม่อยังอยากพูดบางอย่าง ทว่าเมื่อสบเข้ากับสายตาของเฉินสิงเจวี๋ยกลับลอบกลืนน้ำลาย สายตาของอีกฝ่ายช่างเย็นชายิ่งนัก กระทั่งทำให้รู้สึกลนลานอย่างบอกไม่ถูก

เขาจึงวางสิ่งของแต่ละอย่างให้เรียบร้อย “ได้ขอรับ คุณชาย บ่าวจะไปรออยู่ด้านนอก ท่านเสร็จแล้วเรียกบ่าวได้เลยขอรับ”

เฉินสิงเจวี๋ยชำระล้างกลิ่นเหม็นบนร่างกาย แล้วสวมชุดตัวบางอีกครั้ง

เขาพาซงม่อมาถึงหอไป่ซงของท่านอ๋องผู้เฒ่า

ทว่ายังไม่ทันได้เข้าไปกลับถูกหลัวเมิ่งอวิ๋นตำหนิ “นี่มันอะไรกัน? เสื้อผ้าเล่า?”

นางถลึงตาใส่ซงม่อ ซงม่อส่ายหน้า ไม่กล้าพูดจา

ดังนั้นนางจึงหันไปเล่นงานเฉินสิงเจวี๋ย “เจ้ายังมีน้ำหน้าสวมชุดเก่าขาดนี่มาอีกหรือ อยากให้ทุกคนสงสารเห็นใจเจ้าสินะ แล้วมาโทษว่าข้าไม่ได้ดูแลเจ้าให้ดีใช่หรือไม่?”

เฉินสิงเจวี๋ยยังไม่ทันได้พูดสิ่งใด นางก็กระชากเขาโดยไม่ยอมให้โต้แย้ง

คิดไม่ถึงว่าเฉินสิงเจวี๋ยเกือบจะหกล้ม

“เจ้ารันทดมากหรือ? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ท่านย่าสุขภาพไม่แข็งแรง ท่านปู่ยิ่งสะเทือนใจไม่ได้ วันนี้หากเจ้าทำให้พวกท่านเสียใจหรือดีใจเกินไปแล้วเกิดปัญหาใดขึ้นมา ข้าจะเอาชีวิตเจ้าแน่!”

“ซงม่อ พาเขาไปเปลี่ยนชุดที่ห้องรับรองด้านข้าง!”

“ข้าไม่เปลี่ยน!”

เฉินสิงเจวี๋ยกล่าวอย่างเย็นชา

หลัวเมิ่งอวิ๋นเห็นดังนั้น จึงยื่นมือไปกระชากเสื้อผ้าของเขา

“อาอวิ๋น เจ้าทำอะไร?”

ขณะนี้พระชายารีบพาพวกบ่าวเข้ามา นึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นภาพนี้

หลัวเมิ่งอวิ๋นโมโหอย่างหนัก “ท่านแม่ ท่านดูสิเข้าคะ พอเจ้าหมอนี่กลับมาก็จะสร้างเรื่องวุ่นวายให้คนอื่นทันที พวกเราส่งเสื้อไปให้เขาเลือกได้ตามใจสิบชุด มีทุกสิ่งอย่าง แต่เขากลับยังจะสวมเสื้อผ้าเก่านี่ไปคารวะพวกท่านปู่ นี่คิดจะหักหน้าพวกเรา จะทำให้พวกท่านปู่อกแตกตาย!”

พระชายาถึงไดเห็นว่าเสื้อผ้าของเฉินสิงเจวี๋ยยังคงเป็นชุดของโรงเลี้ยงม้าหลวง

“พอได้แล้ว!

Related chapters

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 5

    นางตำหนิลูกสาวเสร็จ ก็เอ่ยกับเฉินสิงเจวี๋ยอย่างอ่อนโยน “สิงเจวี๋ย พี่สาวเจ้าไม่ได้ตั้งใจ สิ่งที่นางกล่าวมามีเหตุผล ท่านปู่กับท่านย่าจะสะเทือนใจไม่ได้ หากเห็นเจ้าในสภาพนี้ เกิดพวกท่านร้อนใจขึ้นมา ไม่แน่อาจทำให้ร่างกายมีปัญหา เสื้อตัวนี้...”เฉินสิงเจวี๋ยหันมองหลัวเฟิงที่อยู่ข้างกายนาง แล้วพูดขัดขึ้น “เสื้อพวกนี้ตัวเล็กเกินไป ใส่ไม่ได้ บังไม่หมดขอรับ”พระชายาชะงักไปครู่หนึ่ง ถึงได้พบว่าเฉินสิงเจวี๋ยสูงกว่าหลัวเฟิงไปครึ่งหัว เสื้อผ้าที่นางตระเตรียมล้วนอิงจากหลัวเฟิงทว่าต่อให้เฉินสิงเจวี๋ยผ่ายผอม แต่เมื่อเขาสวมแล้วดูสั้นอย่างเห็นได้ชัด“แม่ละเลยเอง เจ้าตัวสูงกว่าน้องชายเจ้าแล้ว จู๋เซียง รีบไปนำเสื้อผ้าชุดใหม่ในเรือนข้าที่เตรียมไว้ให้ท่านอ๋องมาเร็ว”หลัวเมิ่งอวิ๋นรำคาญ “ท่านแม่ เขาเป็นทาสมาตั้งเจ็ดปี ทำไมถึงได้สำออยเช่นนี้? เสื้อผ้าเล็กก็ใส่ ๆ ไปก่อนเถิด เนื้อไม่ได้ขาดหายไปเสียหน่อย!”“ท่านแม่ พวกเรารีบไปพบท่านปู่กันเถอะ หากไม่ไป อีกเดี๋ยวท่านจะพักผ่อนแล้ว”ระหว่างที่พูด นางเตรียมจะดึงเฉินสิงเจวี๋ยเข้าไปเฉินสิงเจวี๋ยกลับไม่ขยับหลัวเมิ่งอวิ๋นโมโห “เจ้าทาสคนนี้...”“อาอวิ๋น!”พร

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 6

    เฉินสิงเจวี๋ยพูดจบ ก็ไม่อาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย หันหลังจากไปร่างที่ซูบผอมนั่น ราวกับเพียงลมหนาวพัดก็ทำให้ล้มได้ทันทีทุกคนที่อยู่ตรงนั้นมองดูด้วยจิตใจสับสนแม้แต่หัวใจของมู่หรงเสวี่ยก็ยังมีความประหลาดรายล้อมหลัวเมิ่งอวิ๋นเห็นภาพนี้พอดี จึงระแวงขึ้นมาบ้างนางเดินเข้าไป แล้วโบกมือต่อหน้ามู่หรงเสวี่ย “ยังดูอีก? ลูกตาเจ้าแทบจะติดไปบนนั้นแล้ว ใช่สิ ทำไมวันนี้เจ้าถึงมาได้?”“ฝ่าบาทเป็นห่วงสุขภาพของท่านอ๋องผู้เฒ่ากับเหล่าไท่จวิน จึงให้ข้ามาดูสักหน่อย ข้าได้ต้นโสมพันปีจากข้างนอกต้นหนึ่ง นำมาให้ท่านอ๋องผู้เฒ่าใช้ได้พอดี!”มู่หรงเสวี่ยละสายตากลับมา คล้ายไม่ได้ยินความไม่พอใจของหลัวเมิ่งอวิ๋นแต่หลัวเมิ่งอวิ๋นกลับไม่พอใจการหลบเลี่ยงไม่ตอบของนาง ดวงตาจ้องเขม็งไปที่อีกฝ่าย สักครู่จึงเอ่ยถาม “ฮึ มีแต่ข้ออ้างเต็มปาก คงไม่ใช่เพราะได้ยินว่าเขากลับมาจากโรงเลี้ยงม้าหลวง จึงไปดักรอกลางทางแล้วหาข้ออ้างมาดูที่บ้านอีกหรอกนะ?”มู่หรงเสวี่ยนึกถึงภาพเมื่อครู่ที่เจอเฉินสิงเจวี๋ยข้างทาง จึงไม่ตอบนางหลัวเมิ่งอวิ๋นกลัวนางเปลี่ยนใจ จึงรีบซักไซ้ “เจ้าพูดสิ ตกลงเจ้าตั้งใจมารอรับเขาออกจากโรงเลี้ยงม้าหลวงใช่หร

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 7

    เมื่อเฉินสิงเจวี๋ยใส่ยาเสร็จจึงเดินไปริมหน้าต่าง ได้พบกับร่างหนึ่งที่คุ้นเคยอย่างไม่คาดคิดคนผู้นั้นไม่ใช่เยว่ผิงคนสนิทของมู่หรงเสวี่ยหรือ?เมื่อก่อนตอนเขาอยากเข้าใกล้มู่หรงเสวี่ย มักเข้าไปตีสนิทกับอีกฝ่ายเห็นเพียงเขาเดินตามสาวใช้ของหลัวเมิ่งอวิ๋นที่นำทาง มายังเรือนของตัวเองขณะนี้ซงม่อได้ยินความเคลื่อนไหว จึงเดินมาริมหน้าต่าง “คุณชาย นั่นไม่ใช่รองแม่ทัพเยว่ ผู้ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพมู่หรงหรือขอรับ?”“รองแม่ทัพหรือ?”แม้แต่เขายังกลายเป็นรองแม่ทัพ แล้วตัวเองล่ะ?เฉินสิงเจวี๋ยกลับรู้สึกน่าขันยิ่งนัก เจ็ดปีผ่านไป เยว่ผิงได้กลายเป็นรองแม่ทัพที่เก่งกาจของมู่หรงเสวี่ย แต่เขามาทำอะไรที่นี่?ยังไม่ทันได้สติ เห็นเพียงเยว่ผิงประสานมือคารวะเขา เห็นเขาพูดบางอย่างกับสาวใช้แต่ไกล จากนั้นหันหลังจากไป คล้ายกับจงใจหลบเลี่ยงเฉินสิงเจวี๋ยขมวดคิ้วซงม่อรีบเข้าไปหาสาวใช้คนนั้น “เสี่ยวเยว่ นี่มันเรื่องอะไรกัน? รองแม่ทัพเยว่เข้ามาทำไมหรือ?”“เป็นแม่ทัพมู่หรงมอบยาทาสมุนไพรให้ด้วยตนเอง บอกว่าขับความเย็น เป็นผลดีกับมือของคุณชายมาก นี่เป็นสมุนไพรล้ำค่าที่แม่ทัพมู่หรงได้มาจากต่างเผ่า มีเพียงขวดเดียว

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 8

    เฉินสิงเจวี๋ยหันมองหลัวเฟิงที่อยู่หลังพระชายาแวบหนึ่ง แล้วยิ้มเยาะตัวเองหลัวเฟิงทำหน้าตาน่าสงสารกลับยังต้องแสร้งทำใจกว้าง ช่างน่าขันยิ่งนักเป็นไปตามคาดพระชายาบังหลัวเฟิงเอาไว้ กังวลราวกับเฉินสิงเจวี๋ยจะเล่นงานเขาเฉินสิงเจวี๋ยถอนหายใจในอดีต นางเป็นมารดาของเขา อีกทั้งยังทำเช่นนี้ โดยการบังอยู่หน้าเขาเพื่อปกป้องเขาสีหน้าเฉินสิงเจวี๋ยเยือกเย็นกว่าเดิมมีเพียงท่านปู่ที่รู้ว่าเมื่อก่อนเขาชอบมู่หรงเสวี่ยมากเพียงใด หากครั้งนี้เขาบอกว่าต้องการแต่งงานกับมู่หรงเสวี่ย เช่นนั้นท่านปู่ต้องทำให้เขาสมหวังแน่นอน ดังนั้นเห็นได้ชัดว่าพระชายาและหลัวเฟิงคงกลัวเขาจะยืมมือท่านอ๋องผู้เฒ่าทำลายการแต่งงานของพวกเขาเฉินสิงเจวี๋ยส่ายหน้า “ท่านปู่อย่าพูดอีกเลย ตอนนี้ข้าไม่ชอบมู่หรงเสวี่ยแล้ว ใต้หล้ายิ่งใหญ่ แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา ไฉนจึงต้องตายอยู่บนต้นไม้เพียงต้นเดียว?”คำพูดเหล่านี้ ทำให้มู่หรงเสวี่ยที่เตรียมมาคารวะท่านอ๋องผู้เฒ่าตะลึงอยู่นอกประตูเห็นได้ชัดว่าท่านอ๋องผู้เฒ่าเองก็ตะลึงไม่น้อย“เจ้าคิดเช่นนี้หรือ? แต่เมื่อก่อนเจ้าบอกว่าจะแต่งกับนางให้ได้ ทว่ายามนี้...”“เรื่องราวผันเปลี่ยนตามกาลเ

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 9

    มู่หรงเสวี่ยเข้าใจแล้วนางกลับไม่แสดงสีหน้าใด!“เรื่องการแต่งงานเป็นคำสั่งบิดามารดา รับการแนะนำจากแม่สื่อ การหมั้นหมายเกิดขึ้นจากสองตระกูล ไม่เคยเปลี่ยนแปลงด้วยปัจจัยที่ไม่อาจต้านทานได้”“หากไม่มีธุระใด ข้าขอตัวก่อน”มู่หรงเสวี่ยหันหลังอย่างสง่างามหลัวเฟิงมองดูแผ่นหลังของนางภายนอกมู่หรงเสวี่ยปลอบใจเขาว่าไม่ต้องคิดมาก แต่ความจริงนางไม่ได้ตอบเขาเลยว่าตกลงตัวนางเสียใจหรือไม่......หลังจากหลัวเมิ่งอวิ๋นออกจากหอไป่ซง นางก็ไปเปิดดูสาแหรกวงศ์ตระกูลของจวนอ๋องนางเปิดอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ไม่เชื่อคำพูดของเฉินสิงเจวี๋ยเพราะนางคิดว่าคำพูดที่อีกฝ่ายพูดออกมา ต้องการให้ทุกคนรู้สึกผิดเท่านั้นท่านพ่อจะให้เขาเปลี่ยนแซ่ได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้ แต่นางเปิดดูสาแหรกวงศ์ตระกูลนานขนาดนี้ กลับพบว่าไม่มีจริงๆหลัวเมิ่งอวิ๋นนั่งหมดแรงอยู่บนพื้น มือสั่นอย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วโยนสาแหรกไว้บนพื้นเป็นไปไม่ได้ แค่ม้าเหงื่อโลหิตตัวเดียวเท่านั้น จะเทียบกับมนุษย์ได้อย่างไร? เหตุใดจึงต้องลบชื่อของเฉินสิงเจวี๋ยออกไปจากสาแหรกวงศ์ตระกูลทว่าต่อให้ชื่อของเฉินสิงเจวี๋ยถูกลบทิ้ง ทุกคนก็รู้ดีว่าเขาเติบโตขึ้น

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 10

    เฉินสิงเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่น ขณะนี้เขายังไม่เข้าใจความหมายประโยคนี้ของหลัวเฟิง“ไม่ใช่เจ้า แล้วเป็นคนอื่นงั้นหรือ? ยามนี้ข้าต้องทนเห็นเจ้าพาตัวต้นเหตุที่ออกมาชี้ความผิดข้าลอยหน้าลอยตาไปทั่ว แล้วยังไม่คิดบัญชีกับเจ้าถือว่าให้เกียรติเจ้า ถือว่าเห็นแก่หน้าท่านปู่ ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าเหตุใดข้าจึงไม่ลงมือกับเจ้า?”หลัวเฟิงหัวเราะเสียงดัง “เจ็ดปีแล้ว เจ้าเรียนรู้แค่หลงตัวเองหรอกหรือ? ยังคิดจะลงมือกับข้า? ตอนนี้เจ้ากลับมาต้องอยู่อย่างสำรวมไม่ใช่หรือ? เป็นแค่ลูกนอกคอกของบ่าวคนหนึ่งยังเพ้อฝันอยากใช้ชีวิตสุขสบายในจวนอ๋อง หากไม่ได้ครอบครัวข้าเลี้ยงเจ้าจนเติบใหญ่ ยังไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าจะไปขอทานอยู่หัวมุมไหนเลย!”“อีกอย่าง หากตาแก่นั่นตายไป จวนอ๋องก็เป็นของข้า เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ฮึ!”เดิมทีเฉินสิงเจวี๋ยไม่คิดถือสาคนจอมปลอมเช่นนี้ แต่เมื่อท่านปู่ที่เขารักถูกคนชั่วอย่างเจ้านี่ต่อว่าด่าทอ เขาจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป“เจ้าพูดจาลามปามท่านปู่ สมควรได้รับการสั่งสอน” เฉินสิงเจวี๋ยมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชาหลัวเฟิงยิ่งแค่นหัวเราะ “สั่งสอน? งั้นก็ต้องมาดูว่าใครจะสั่งสอนใคร! เจ้าขวางหูขวางตาข้ามานานแล้ว!”

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 11

    “ในเมื่อไม่เกี่ยวข้องกับข้า ข้าก็ไปละ คุณหนูใหญ่เชิญตามสบาย!”การแสดงออกของเฉิงสิงเจวี๋ยเรียบเฉย หมุนกายกลับอย่างไม่ลังเลแล้ว“นี่ เจ้า เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ ข้าสั่งให้เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ เจ้าไม่ได้ยินหรือ?”แต่เฉินสิงเจวี๋ยไม่ได้สนใจนางเลย ร่างเงาหายไปต่อหน้านางอย่างรวดเร็วหลัวเมิ่งอวิ๋นก็หมดหนทาง ทำได้เพียงพาหลัวเฟิงกลับไปรักษาอย่างกระวนกระวาย“แค่กๆ ๆ”หลัวเฟิงที่ตกน้ำและถูกความหนาวเย็นกัดกินนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเผือด หมอเคยมาดูแล้ว หลัวเมิ่งอวิ๋นมองดูเขาอย่างปวดใจ“พี่หญิง ท่านพี่ยังโทษข้าอยู่ใช่หรือไม่? เขาถึงขั้นผลักข้าลงน้ำ ท่านดูสิ หน้าผากข้าเป็นแผลแล้ว!”เวลานี้เอง พระชายาพุ่งพรวดเข้ามาอย่างเร่งรีบพร้อมกับบ่าวรับใช้ “ลูกแม่ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”“ตายแล้ว นี่...มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? อากาศหนาวเช่นนี้ ร่างกายจะทนไหวได้อย่างไร?”ในแววตานางเต็มไปด้วยความปวดใจ!“ท่านแม่ เพราะท่านพี่ไม่ชอบข้า โทษที่ข้ากลับมา แย่งความรักของเขาไป ดังนั้นเขาจึงอยากให้ข้าตายใช่หรือไม่?”หลัวเฟิงกล่าวอย่างระมัดระวังด้วยท่าทีน้อยเนื้อต่ำใจ ทำให้หลัวเมิ่งอวิ๋นกับพระชายาทรมานจนแทบอยากควักห

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 12

    “วางใจเถอะ ถ้าหากฝ่าบาทจะตำหนิเขาหรือลงโทษเขา ถึงเวลาพวกเราค่อยทูลขอพระกรุณาแทนเขาต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท ฝ่าบาทจะเห็นแก่หน้าของท่านอ๋องผู้เฒ่า ไม่ลงโทษสถานหนักแน่นอน”หลัวเมิ่งอวิ๋นครุ่นคิด รู้สึกว่าที่มารดาพูดมีเหตุผลเช่นกัน จึงไม่ได้ห้ามปรามอีก เพียงแค่ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเมื่อถึงวันมะรืน หลัวเมิ่งอวิ๋นก็มาเรียกเฉินสิงเจวี๋ยเข้าวัง“ไม่ไป!”“นี่คือคำสั่งของท่านพ่อ เจ้าต้องไป ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับขัดพระบัญชา เจ้าได้รับความสำคัญจากท่านพ่อ นั่นเป็นบุญที่เจ้าทำมาหลายชาติ เจ้ากลับไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณและยังรู้จักขัดคำสั่งเขา เจ้ามันไม่รู้จักดีชั่ว วันนี้เจ้าอยากไปก็ต้องไป ไม่อยากไปก็ต้องไป”เฉินสิงเจวี๋ยมองนางอย่างเรียบเฉยแวบหนึ่ง โง่เขลานัก ถูกคนอื่นหลอกใช้แล้วยังมีหน้ามาได้ใจอีกทว่าทูตแคว้นเป่ย? มันก็คุ้มที่จะไปดูพวกเขามาทุกปี จะมีอะไรมากไปกว่าอยากรู้ว่าแคว้นต้าเฉียนมีของใหม่ๆ หรือจุดอ่อนอะไรหรือไม่ หลังจากนั้นก็คือการประลองบุ๋น บอกว่าประลองบุ๋น ที่จริงก็แค่อยากทำให้นักปราชญ์ของแคว้นต้าเฉียนอับอาย แสดงความแข็งแกร่งของพวกเขาหลายปีนี้ต้าเฉียนพ่ายแพ้มาโดยตลอด ต้องจ่ายค่าชด

Latest chapter

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 40  

    ท่ามกลางฝูงชนที่มามุงดู มีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ปีนั้นด้วยเช่นกัน จึงพากันส่งเสียงสนับสนุนออกมา พวกเขาล้วนเป็นบุตรหลานของตระกูลใหญ่ “ปีนั้น ตอนที่เฉินซื่อจื่อถูกม้าเหงื่อโลหิตเหยียบขาทั้งสองข้างจนหัก เลือดนองไปทั่วพื้น พอเห็นคนเข้าไปในคอกม้าก็คลานไปหาคนให้ช่วยเป็นพยานให้เขา ผลคือ…” “เฮ้อ อย่าพูดอีกเลย ตอนนั้นพวกเราส่วนใหญ่ล้วนเอาแต่เงียบ นับเป็นผู้ชมเลือดเย็นพวกนั้นเหมือนกันแหละ ไม่ได้ดีไม่กว่าแม่ทัพมู่หรงเท่าใดเลย” “นั่นสิ ผู้ใดก็คาดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะกลับกลายเป็นเช่นนี้ ทำให้คนต้องถอนใจจริงๆ!” คนทั้งหลายต่างมองไปที่รัศมีดุจยอดขุนพลผู้สยบใต้หล้าบนร่างของเฉินสิงเจวี๋ย จากนั้นก็พากันก้มศีรษะลง เพราะตอนนั้น พวกเขาก็เป็นหนึ่งในผู้ที่สนับสนุนการกระทำความผิดของคนร้าย จึงเกรงว่าเฉินสิงเจวี๋ยจะมาคิดบัญชีภายหลัง “ตอนนั้น เจ้าพูดว่าอย่างไร?” เฉินสิงเจวี๋ยจ้องมู่หรงเสวี่ยที่ราวกับบื้อใบ้ไปแล้ว กล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าบอกว่า ข้าเป็นคนฆ่าม้าเหงื่อโลหิต เป็นเจ้าเห็นเองกับตา ว่าข้า เฉินสิงเจวี๋ยผู้นี้สังหารมัน!” “ตอนนั้นมีคนมากมาย แต่กลับไม่มีใครช่วยพูดแทนข้าสักคน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเ

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 39  

    เพียงไม่กี่กระบวนท่า เฉินสิงเจวี๋ยก็คว้าข้อมือมู่หรงเสวี่ยไว้ได้ เขาเย้ยหยันว่า “เจ้ายังคิดว่าตนเองเป็นมู่หรงเสวี่ยคนนั้นอีกหรือ? ตัวเจ้าในตอนนี้ เป็นเพียงสตรีที่ถูกทอดทิ้งเท่านั้น!” “นับตั้งแต่เจ็ดปีก่อน ที่เจ้าช่วยเป็นพยานให้หลัวเฟิง กล่าวหาว่าข้าเป็นคนทำให้ม้าเหงื่อโลหิตตาย เจ้าก็หมดสิทธิ์มาเพ้อเจ้อไร้สาระต่อหน้าข้าตลอดกาลแล้ว ไสหัวไปซะ!” “เจ้าว่าอย่างไรนะ!” ดวงหน้าอันงดงามของมู่หรงเสวี่ยซีดเผือด ความไม่อยากเชื่อ ความเสียใจ ความตกใจ ความหวาดหวั่น อารมณ์อันหลากหลายจำนวนมากปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เย็นชาประดุจน้ำค้างแข็งอย่างหาได้ยาก หากเป็นเมื่อก่อน นางในลักษณะนี้เป็นสิ่งที่เฉินสิงเจวี๋ยใคร่ได้ยลนัก ทว่ายามนี้ แม้แต่ความรู้สึกอันน้อยนิดก็ไม่หลงเหลืออยู่แล้ว มู่หรงเสวี่ยที่เขารู้จัก ในตอนที่นางเอ่ยปากช่วยเป็นพยานให้หลัวเฟิงกล่าวหาเขาก็ได้ตายไปแล้ว ผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า เป็นเพียงท่านแม่ทัพมู่หรงของแคว้นต้าเฉียนเท่านั้น “เจ้าหูตึงหรือไง? ต้องให้ข้าทวนซ้ำให้เจ้าฟังอีกรอบหรือไม่?” มู่หรงเสวี่ยดึงเขาเข้าไป กล่าวอย่างจริงจังว่า “ท่านพูดอะไรนะ? ท่านบอกว่าข้าร่วมมือกับหลัวเฟิงเป็

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 38  

    เรือนด้านหลังของหอไต้ชุน มู่หรงเสวี่ยมาถึงประตูห้องอย่างเกรี้ยวกราด เมื่อเห็นเด็กรับใช้ที่อยู่หน้าประตูกำลังจะปิดประตูลง นางก็ผลักประตูออกทันที “หึ วันนี้ข้าไม่ได้มาหาเจ้า!” มู่หรงเสวี่ยบุกเข้าไปในห้องด้วยท่าทีหยิ่งผยองและแข็งกร้าว ทันทีที่กวาดตามอง นางก็พบเฉินสิงเจวี๋ยในทันที เฉินสิงเจวี๋ยกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ชมภาพที่อยู่ในม้วนกระดาษ ทันใดนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นมา “ท่านแม่ทัพมู่หรง เหตุใดจึงมาที่นี่ได้เล่า?” “เฉินสิงเจวี๋ย! เจ้าเมามายอยู่ในหอไต้ชุนสามวันสามคืน เจ้ายังรู้จักยางอายอยู่หรือไม่?” มู่หรงเสวี่ยขึ้นเสียงตำหนิเสียงทันที เฉินสิงเจวี๋ยตะลึงไป “ท่านแม่ทัพมู่หรง ท่านหมายความว่าอย่างไรกัน? เหตุใดจึงต้องตื่นเต้นเช่นนี้ มิสู้นั่งลงดื่มชาสักถ้วยก่อนเถอะ” “หมายความเยี่ยงไร? ในใจของเจ้าย่อมรู้ดี!” มู่หรงเสวี่ยยิ้มหยัน “ที่ข้ามาในวันนี้ มิได้มาเพื่อรำลึกความหลังกับเจ้า!” “ในเมื่อท่านแม่ทัพมู่หรงไม่คิดจะดื่มชา เช่นนั้น ก็ขอเชิญท่านออกไปเถิด!” เฉินสิงเจวี๋ยไล่แขก “ประการแรก ท่านไม่ใช่ภรรยาของข้า ประการที่สอง ท่านไม่ใช่มิตรสหายของข้า ท่านเป็นเพียงน้องสะใภ้ของข้

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 37  

    มู่หรงเสวี่ยพินิจใบหน้าที่เย้ายวนเปี่ยมเสน่ห์ของนาง และเมื่อเห็นร่องรอยนับไม่ถ้วนที่กระจายอยู่บนตัวนางชัด เพลิงโทสะภายในใจก็ยิ่งโหมกระหน่ำ แต่นางยังคงยับยั้งตนเองไว้ได้ ใบหน้าทั้งดวงเย็นชาดุจน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ “เจ้าไม่ต้องมาเล่นลูกไม้เช่นนี้กับข้า! พูดมา เป็นเจ้าที่ไปยั่วยวนสิงเจวี๋ยใช่หรือไม่?” ตู้หว่านฉิงตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็ปิดปากหัวเราะอย่างเบาๆ “ท่านแม่ทัพมู่หรงกล่าวสิ่งใดกันเจ้าคะ? ข้าจะไปยั่วยวนคุณชายเฉินได้อย่างไร?” “พวกบุรุษที่เข้ามาที่นี่ ล้วนมีสามขากันทั้งนั้น ข้าก็มิได้ใช้ไม้ไปไล่ตีหรือบีบบังคับให้พวกเขาเข้ามาสักหน่อย ท่านช่างเป็นสตรีในห้องหอที่ไม่รู้ประสานัก คงมิใช่ว่า ท่านแม่ทัพมู่หรงผู้ใช้ชีวิตท่ามกลางกลุ่มบุรุษทั้งวัน จะยังไม่เข้าใจอะไรเลยหรอกนะ? นี่มันไม่น่าเหลือเชื่อเกินไปหรือ?” “หึ! เจ้าเลิกเสแสร้งได้แล้ว! เหตุใดสิงเจวี๋ยจึงมาที่หอไต้ชุน? เหตุใดจึงไปต้องตาเจ้า? จะต้องเป็นเพราะเจ้าใช้ลูกไม้ยั่วยวนอะไรแน่!” มู่หรงเสวี่ยริษยาจนคลุ้มคลั่ง แค้นจนแทบอยากใช้ดาบนางฟันนาง! ตู้หว่านฉิงก็เก็บรอยยิ้มกลับไปเช่นกัน มองนางอย่างเย็นชา “ท่านแม่ทัพมู่หรง ท่านผิดแล้ว!

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 36  

    ตู้หว่านฉิงยินดีจนรีบลงจากเตียงมาคุกเข่าทันที “ขอบคุณคุณชายที่ประทานรางวัลเจ้าค่ะ!” หลังจากที่เฉินสิงเจวี๋ยไม่ออกจากหอไต้ชุนเป็นเวลาสามวัน คนรับใช้ของตระกูลมู่หรงที่อยู่ทางนั้นก็รีบส่งข่าวไปถึงมู่หรงเสวี่ยทันที “อะไรนะ? เจ้าบอกว่าเขาไปที่หอไต้ชุน รบรากันมาสามวันสามคืนแล้วยังไม่ยอมออกมา?” “ใช่เจ้าค่ะ แถมเขายังมอบจี้หยกชิ้นหนึ่งให้สตรีนางนั้นด้วย ตอนนี้สตรีนางนั้นลำพองยิ่งนัก คนของเรายังเห็นนางนำจี้หยกไปที่หอจิตรกรรมด้วย ต้องไปเอาภาพวาดแล้วแน่เจ้าค่ะ!” มู่หรงเสวี่ยโมโหจนขว้างปาข้าวของในห้องจนหมด “เจ้าเฉินสิงเจวี๋ยผู้นี้ ถึงกับไปสถานที่แบบนั้น แถมยังอยู่นานขนาดนั้นอีก ที่สำคัญที่สุด เขายังเอาจี้หยกของข้าไปมอบให้คนชั้นต่ำผู้หนึ่ง!” “คุณหนูเจ้าคะ ‘หงจ่างหน่วนชุน’ ผู้นั้น เป็นหญิงนางโลมที่โด่งดังที่สุดในเมืองหลวง เฉินสิงเจวี๋ยนั่นไปสถานที่ประเภทนั้น คงไปมั่วโลกีย์เป็นแน่ ในอนาคตเกรงว่า...เกรงว่าคงเข้าออกสถานที่แบบนั้นเป็นประจำเจ้าค่ะ!” “ท่านยังจะไปคิดถึงเขาอีกทำไมกันเจ้าคะ? เขาเป็นถึงขนาดนั้นแล้ว ยังมิสู้รีบแต่งงานกับคุณชายหลัวเฟิง… สองฝั่งเช่นนี้….” “หุบปาก!” สาวใช้ที่รับใ

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 35    

    เมื่อเฉินสิงเจวี๋ยออกจากวัง ก็ตรงดิ่งไประบายอารมณ์บางส่วนที่หอไต้ชุนอย่างไม่หยุดยั้งทันที หลายวันมานี้ เขาทนจนอึดอัดไปหมดแล้ว คนของจวนอ๋องพวกนั้น ทำให้เขารำคาญมากจริงๆ สามวัน! สามวันเต็มๆ! เขาไม่ได้ออกจากหอไต้ชุนด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่า สิบปีกว่าที่ผ่านมานั้นตนใช้ชีวิตอย่างเสียเปล่าจริงๆ และยิ่งคิดว่าในอดีต การที่ตนรักษาพรหมจรรย์ของตัวเองอย่างเข้มงวดเพื่อมู่หรงเสวี่ย ช่างเป็นเรื่องที่ไม่มีความจำเป็นแม้แต่น้อย ช่างโง่งมเหมือนกระบือนัก! ใต้ผ้าห่มไหมทองที่บางเบาราวปีกจักจั่น ตู้หว่านฉิงเผยสีหน้าอิ่มเอมออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ เสน่ห์อันเย้ายวนเหล่านั้น ทำให้ผู้คนปรารถนาจะหวนกลับไปเชยชมอีกครา นางนอนคว่ำอยู่ตรงนั้น ราวเหน็ดเหนื่อยมากจนไม่อาจไม่พัก เฉินสิงเจวี๋ยเชยคางของนางขึ้นมา พินิจริมฝีปากสีแดงชุ่มฉ่ำของนาง ในที่สุดก็ประทับจุมพิตลงไปอย่างหักห้ามใจไม่อยู่ คุณชายเจวี๋ย เหตุใดท่านยังชอบขบกัดไปทั่วเยี่ยงนี้อีกเล่าเจ้าคะ? “อย่างไรกัน? เจ้าไม่ชอบหรือ?” “ชอบสินะ!” เมื่อเฉินสิงเจวี๋ยมองใบหน้าเปล่งปลั่งที่แดงระเรื่อของตู้หว่านฉิง ก็รู้สึกหัวใจก็ว้าวุ่นขึ้นอย่างไม่อาจคว

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 34  

    เมื่อหลัวเฟิงเห็นเช่นนี้ ก็ได้แต่ก้มหน้าลง “ท่านแม่ ข้าก็ไม่ได้โทษพี่ชายขอรับ ล้วนเป็นข้าที่ไม่ระวังเอง ข้าไม่มีทางถือสาพี่ชายเด็ดขาด ขอแค่เขาขอโทษข้า ข้าก็ไม่เอาความเขาต่อแล้ว” “เด็กดี ทำให้เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรมแล้ว เจ้าจงรอก่อน ในงานเลี้ยงวันเกิด แม่จะต้องให้เขาขอโทษเจ้าแน่!” พระชายาเต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ นางรู้สึกว่าในใจของเฉินสิงเจวี๋ยยังมีนาง มารดาผู้นี้อยู่ ดังนั้นจะต้องเชื่อฟังคำพูดของตนแน่ ความอึดอัดต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า เป็นเพียงเพราะต้องการเรียกร้องความสนใจจากตนมิใช่หรือ? คาดว่าคงเป็นนิสัยตามธรรมชาติของเด็ก เพราะไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นเด็กที่ตนเลี้ยงดูมานานนับสิบปี จากเริ่มฝึกพูดส่งเสียงอ้อแอ้ จนกระทั่งก้าวแรกที่เขาก้าวเดิน ล้วนมีตนอยู่เป็นสักขีพยานด้วยตนเองทั้งสิ้น พระชายาถอนใจแรงอย่างโล่งอก แม้แต่สีหน้าก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว! หลัวเฟิงกัดฟัน เจ้าเฉินสิงเจวี๋ยที่สมควรตายนั่น ไปลอกภาพวาดดีๆ เช่นนี้มาตั้งแต่เมื่อใดกันนะ? ปล่อยให้มันทำสำเร็จอีกแล้ว! เดิมที่พวกเขามาที่นี่ ก็เพื่อจะจับมันกลับไป กระทั่งคิดจะตรวจสอบมัน แต่คาดไม่ถึงว่า…มันถึงกับพัฒนามาถึงจ

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 33  

    “เอาออกไปซะ เอาออกไป ผู้ใดเต็มใจจะดูภาพวาดที่น่าเกลียดเหมือนยันต์กันภูตผีพวกนั้น?” พระชายาโบกมืออย่างรำคาญ ทว่าคนที่อยู่ด้านข้างกลับรีบนำภาพวาดเข้ามา เดิมก็เพียงทำตามหน้าที่เท่านั้น พวกเขาจึงมิได้คาดหวังว่าภาพวาดนี้จะดีเพียงใด เพราะชื่อเสียงภายนอกของคุณชายเจวี๋ยก็เป็นที่รู้กันไปทั่ว แล้วจะไม่เลอะเทอะเละเทะเหมือนไก่เขี่ยได้อย่างไร? ทว่าเมื่อคลี่ออกมา ทุกคนในหอจิตรกรรมก็ล้วนตะลึงงันไปแล้ว เห็นขุนเขาเขียวขจีสูงตระหง่านอย่างยิ่งใหญ่งามสง่า ระหว่างขุนเขารายล้อมไปด้วยสายหมอก แลเห็นวิหคโผบินได้อย่างเลือนราง ณ หน้าผาสูงของภูเขา น้ำตกสายหนึ่งถั่งโถมลงมาราวเส้นไหมสีเงิน และที่บริเวณด้านข้างของหน้าผา มีกล้วยไม้อยู่ดอกหนึ่ง ใบของมันกำลังโบกพัดไปตามลม ตัวกล้วยไม้เองก็คล้ายกำลังกระซิบอย่างแผ่วเบา “นี่…” ทุกคนล้วนถูกภาพวาดชิ้นนี้ทำให้ตกตะลึงพรึงเพริดไปแล้ว แม้แต่หลัวเมิ่งอวิ๋นและพระชายา คนทั้งสองต่างลุกเดินมาดูอย่างอดไม่ได้ ในยามที่เห็นภาพวาดชิ้นนี้ พวกนางก็ตะลึงงันไปแล้วเช่นกัน “นี่…นี่เป็นเฉินสิงเจวี๋ยวาดอย่างนั้นหรือ?” หลัวเมิ่งอวิ๋นแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตนเอง ในภาพ ทุกฝีพู่กัน

  • พลิกชะตาคุณชายตัวปลอม   บทที่ 32  

    คนทั้งสามที่เดินมาถึงด้านหลังของเฉินสิงเจวี๋ยได้ยินคำพูดพวกนั้นเข้าพอดี จึงพากันเบิกตากว้าง พระชายายิ่งตื้นตันใจเป็นอย่างมาก นางคิดไม่ถึงว่า เด็กผู้นี้ ที่หลังจากกลับก็ทำตัวห่างเหินกับตนขึ้นมาก จนตนยังคิดจะลงโทษเขาด้วยเหตุนี้ ฉากหน้าดูดื้อรั้นไม่เชื่อฟัง ทว่าหัวใจทั้งดวงของเขากลับยังระลึกถึงตน กระทั่งวาดภาพเตรียมไว้ เพื่อมอบให้ตนเป็นของขวัญวันเกิดด้วย ในชั่วขณะนั้น หัวใจของพระชายาเจ็บปวดราวถูกมีดกรีด ความรู้สึกผิดกระแทกเข้ามาอย่างรวดเร็วและรุนแรง หลัวเมิ่งอวิ๋นกับหลัวเฟิงยิ่งมองหน้ากันอย่างทำสิ่งใดไม่ถูก หัวใจของหลัวเมิ่งอวิ๋นก็กระตุกขึ้นคราหนึ่งเช่นกัน นางก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่า เฉินสิงเจวี๋ยจะกตัญญูเช่นนี้แม้จะไม่ชำนาญการวาดภาพก็ยังระลึกถึงท่านแม่ และถึงกับวาดภาพไว้ล่วงหน้า เพื่อมอบเป็นของขวัญวันเกิดให้ท่านแม่ด้วย ความคิดเช่นนี้พิสูจน์ได้ว่า เขารักคนในครอบครัวมาก มิได้เลวร้ายอย่างที่เห็นภายนอก เช่นนั้นมุมมองต่างๆ ที่พวกเขาคิดเกี่ยวกับเฉินสิงเจวี๋ย จะเป็นการเข้าใจผิดหรือไม่? เมื่อเห็นพี่สาวและท่านแม่เริ่มเปลี่ยนทัศนคติต่อเฉินสิงเจวี๋ย หลัวเฟิงจึงกล่าวออกมาในเวลานั

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status