“มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องเลือกคุณ!” หากจำไม่ผิด เด็กคนนี้ไม่ได้มีเชื้อสายเจ้า หล่อนเป็นเพียงหลานสาวของนายปราบลูกหนี้ของเขาเท่านั้น ซึ่งถ้าเทียบกับสิตาแล้ว ผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่เขาอยากจะได้ไปเป็นแม่ของลูก
View More“คุณโสก็สวยค่ะ เหมาะสมกับพี่คีมากด้วย งานแต่งของพวกคุณเอมอาจไม่ได้ไป ถ้ายังไงขออวยพรล่วงหน้าเลยก็แล้วกันนะคะ” เจ้าของเสียงหวานขานรับ ก่อนจะหันไปมองรักแรกของตัวเองนานร่วมนาที…”เอมขอให้พี่คีมีความสุขมากๆ นะคะ เอมเชื่อว่าคุณโสจะทำให้พี่คีมีความสุขค่ะ” ถ้าเพียงแต่เขายอมเปิดใจสักนิด บางทีอาจได้เห็นบางสิ่งจากดวงตาคู่สวยคู่นั้น ที่จนกระทั่งตอนนี้มันก็ยังจดจ้องอยู่ที่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ทั้งหมดนี้ทำให้เธอเหมือนได้ย้อนกลับไปมองดูตัวเองอีกครั้ง ตัวเองที่เคยตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ ก่อนที่ความเป็นจริงจะผลักให้เธอตื่นจากฝัน ตื่นขึ้นมาพบว่าเธอกับเขานั้นแตกต่างกันแค่ไหน แต่กับผู้หญิงตรงหน้านี้โชคดีกว่าเธอมากที่เกิดมามีพร้อมทุกสิ่ง จะเหลือก็แค่ต้องพยายามอีกสักนิด ทำให้พี่คีรักให้ได้ก็เท่านั้น! “ช่างเรื่องของพี่เถอะ ว่าแต่เอมเถอะ มั่นใจแล้วจริงๆ ใช่ไหม ว่าทั้งหมดนี้คือความรัก” เรื่องราวระหว่างเอมมิกากับผู้ชายคนนั้นเกิดขึ้นเร็วเกินไป นั่นเลยทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเป็นความรักอย่างที่เธอบอกจริงๆ เพราะหากไม่ใช่ความรัก เอมมิกาก็ยังพอมีโอกาสจบทุกสิ่ง และถ้าหากเธอเลือกแบบนั้น
หลังจากได้เมียกลับคืนมา กานต์ก็แทบไม่ยอมให้อีกฝ่ายคลาดสายตาไปไหน การกระทำนั้นเองที่มันทำให้เอมมิการู้สึกอึดอัดไม่น้อยสุดท้ายเมื่อทนไม่ไหวถึงได้ตัดสินใจเปิดอกพูดคุยกับเขาตรงๆ “เอมไปแค่ร้านกาแฟเอง พี่กานต์ไม่ต้องไปด้วยก็ได้” ทะเบียนสมรสก็ยอมจดด้วยแล้วแท้ๆ ไม่รู้จะกลัวเธอหนีไปไหนอีก “ก็พี่อยากไปด้วย” “เอมไม่หนีไปไหนแล้วค่ะ นี่พี่กานต์ไม่เชื่อใจเอมเหรอคะ” “ก็ได้ครับ แต่ห้าโมงต้องถึงบ้านนะ ไม่อย่างงั้นพี่จะออกไปรับด้วยตัวเองจริงๆ” หญิงสาวรับคำพร้อมรอยยิ้ม และไม่ลืมขยับไปจูบเบาๆ ที่แก้มสาก แทนคำขอบคุณที่เขาทำตัวน่ารักมากขึ้นไปทุกวัน แม้จะจดทะเบียนกันแล้ว หากแต่สิ่งที่กานต์หวังจะทำให้ภรรยานั้นกลับเป็นสิ่งที่สร้างความปวดหัวให้กับเขาไม่น้อย และถ้าไม่ใช่เพราะอยากเห็นเมียรักมีความสุขที่ได้สวมใส่ชุดเจ้าสาวสวยๆ ให้ตายเขาก็คงไม่มานั่งอยู่ที่นี่ตรงนี้ ต่อหน้าผู้เป็นป้าของเธอแน่! “แค่รักอย่างเดียวมันไม่ได้หรอกนะคะ ถึงยัยเอมจะเป็นหลาน แต่ดิฉันกับสามีก็เลี้ยงดูมาเป็นอย่างดีไม่ต่างอะไรกับลูกแท้ๆ ของตัวเองเลยสักนิด แล้วอยู
“นี่เมลต้องหางานใหม่อีกแล้วเหรอคะ เสียดายจัง!” อีกฝ่ายบ่นอุบอิบ ก่อนจะลอบยิ้มเมื่อเพื่อนสนิทยืนยันบางสิ่งกลับมาเบาๆ “ไว้ผมจะหางานที่เหมาะสมกับคุณให้ ต้องขอโทษคุณด้วยจริงๆ” เพราะเมียไม่ปลื้ม เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องขอร้องให้เพื่อยุติการทำหน้าที่พี่เลี้ยงของลูกเป็นการถาวรนับตั้งแต่วันนั้นที่เอมมิกาหนีไป ซึ่งอีกฝ่ายก็พร้อมที่จะเข้าใจถึงความจำเป็นของเขา “เมลจะยกโทษให้ ถ้าคุณตามหาน้องเอมให้เจอ ถ้าไม่เจอก็อย่าฝันเลย ว่าเมลจะยอมให้อภัย!” นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้สนทนากับอีกฝ่ายตามลำพัง ก่อนที่จะส่งเธอไปทำงานในสำนักงานของไร่ ซึ่งก็เหมือนว่าเมลจะชอบงานนั้นมากกว่างานพี่เลี้ยงเสียอีก! “นายครับ”เสียงเรียกจากคนสนิททำให้คนที่กำลังคิดอะไรเงียบๆ ตามลำพังเงยหน้าขึ้น ทันทีที่ได้เห็นสีหน้าของอีกฝ่าย ก็รู้ได้ทันทีว่างานที่เขาสั่งให้ไปทำนั้น คงจะล้มเหลวไม่เป็นท่าเหมือนทุกที “จ้างนักสืบเพิ่มอีก แพงแค่ไหนฉันก็พร้อมจ่าย!” ขอแค่ให้เขาได้เจอเมียอีกครั้ง ต่อให้ต้องเสียมากกว่านี้เขาก็พร้อมจ่ายอย่างไม่ลังเล ให้มันรู้กันไปเลยว่านักสืบพวกนั้นจะไร้ประสิทธิภาพถึ
ร่องรอยของคราบน้ำตาหยดแล้วหยดเล่ายังหลงเหลือให้ได้เห็น มันทำให้อดคิดไม่ได้เลยว่ากว่าจะข่มใจเขียนไอ้จดหมายบ้าๆ ฉบับนี้เสร็จ เมียเขาต้องเสียน้ำตาไปมากสักแค่ไหนกัน! แล้วเรื่องอะไรต้องมาบอกให้เขากับลูกแบ่งพื้นที่ว่างให้คนอื่น ในเมื่อที่ตรงนั้นมันเป็นของเธอ เธอเท่านั้นไม่ใช่ใครที่ไหนก็ได้! กานต์ใช้เวลาตลอดทั้งวันที่เหลือหมดไปกับการตามหาแม่ของลูกในสถานที่ที่คิดเอาเองว่าเธอน่าจะไป นี่ถ้าไม่ติดว่าเคยเห็นการปะทะคารมของเมียกับคุณหญิงนั่นในงานเลี้ยงมาก่อนเขาอาจจะบุกไปที่บ้านของหมอนั่นแล้ว สุดท้ายที่ทำได้ก็มีแค่ขอให้พี่สาวเมียช่วยสืบให้ ก่อนจะพบว่าเอมมิกาไม่ได้ไปอยู่กับหมอนั่น ‘เอมเขาก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ เวลารู้สึกอะไรมักจะไม่ค่อยพูดออกมา แม้แต่สิเองก็ยังไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าน้องต้องเจอกับอะไรบ้าง รบกวนคุณช่วยตามหายัยเอมให้เจอทีนะคะ ถึงตอนนั้นถ้าพวกคุณไม่รักน้องสาวของสิแล้วก็ไม่เป็นไร น้องแค่คนเดียวสิดูแลเองได้’ เป็นสิตาที่ตัดสินใจเอ่ยขึ้น หลังจากได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับน้องสาวของตัวเองจนจบ แน่นอนว่าพอได้รู้มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด ที่ปล่อย
ตีห้าไม่ขาดไม่เกิน คนที่ไม่ได้นอนเลยตลอดทั้งคืนก็ค่อยๆ ขยับลุก สิ่งแรกที่ทำคือไปเคาะประตูห้องพี่เลี้ยงเพื่อขอลูกคืน ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมส่งแกให้แต่โดยดี นั่นเลยทำให้เธอมีโอกาสได้จูบลาลูกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะต้องปล่อยแกไว้กับพ่อไปตลอดกาล “เป็นเด็กดีของพ่อกับย่าทวดนะปกป้อง แม่ขอโทษที่อยู่กับหนูไม่ได้” เธออยากอยู่กับลูก อยากอยู่กับเขาในทุกช่วงชีวิต แต่เพราะรู้ว่าตัวเองเป็นใคร จึงไม่กล้าแม้แต่จะคิดไปไกลเกินกว่านี้ มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอมั่นใจ นั่นคือลูกของเธอจะมีความสุขหากอยู่ที่นี่ แกจะมีพ่อที่พร้อมจะดูแล ซ้ำยังมีย่าทวดคอยปกป้องตามชื่อที่ท่านเป็นคนตั้งให้ตั้งแต่วันแรกที่รู้เพศ หญิงสาวใช้เวลาพักใหญ่ก่อนจะพาลูกกลับไปส่งคืนให้กับพี่เลี้ยงสาว ที่ในอนาคตอีกฝ่ายอาจมีโอกาสขยับไปเป็นอะไรที่มากกว่านั้น ดูได้จากที่หลายๆ คนที่เหมือนจะรักและเอ็นดูมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะคุณย่าของกานต์ ที่มักจะชวนอีกฝ่ายไปกินข้าวด้วยบ่อยๆ แต่เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องที่เธอให้ความสนใจเท่ากับเรื่องลูกชายเธอ ขอแค่อีกฝ่ายรักและพร้อมที่จะปกป้องแก เธอรับได้ทั้งนั้นถ้าหากอนาคตลูกเธอจะต้อ
เอมมิกาไม่ได้บอกเล่าถึงเงื่อนไขที่มีต่ออีกคนให้พ่อของลูกได้รับรู้ กานต์จึงคิดเอาเองว่าบางทีย่าของเขาอาจจะแค่โกรธ ไม่นานความรู้สึกเหล่านั้นก็คงบางเบาลงจึงไม่ได้เอะใจสงสัย ในขณะที่เอมมิกาเองก็ทำตัวเป็นปกติ ด้วยรู้ดีว่าเวลาที่จะได้อยู่กับพ่อของลูกนั้น เหลือน้อยลงทุกวัน… “วันนี้หนูทำอะไรบ้างครับ แล้วคนที่บ้านใหญ่มากวนใจรึเปล่า” เป็นเสียงเข้มที่ดังขึ้นอย่างอดห่วงไม่ไหว แม้จะรู้ดีว่าเนื้อแท้ของผู้เป็นย่านั้นไม่ใช่คนใจร้ายอะไรเลย แต่ก็ไม่อยากไว้ใจอยู่ดี “เอมอ่านหนังสือค่ะ ส่วนคุณย่าท่านไม่ได้ทำอะไร นอกจากให้คนเอาของพวกนี้มาให้” พอเห็นของที่ว่ากานต์ก็ถึงกับลอบยิ้ม เพราะแต่ละอย่างนั้นคือของบำรุงครรภ์แทบจะทั้งสิ้น ลองมาแบบนี้ดูท่าว่าเรื่องที่จะทำให้ย่ายอมใจอ่อน ให้อภัยกันคงไม่ยากอย่างที่คิด เขาก็แค่ต้องรอเวลาให้ท่านใจเย็นลงกว่านี้อีกนิดก็เท่านั้น… หลายเดือนต่อมา ตลอดหลายเดือนมานี้ทุกคนดูแลเธอเป็นอย่างดี ในขณะที่เธอเองก็มีความสุขทุกวันที่ได้อยู่ที่นี่ ตราบเท่าที่เขายังอยู่ตรงนี้ด้วยกัน ส่วนอดีตคนรักของเขานั้นถูกไล่ออกไปจากที่นี่ตั้
ความจริงที่ได้รับรู้หลังจากหมอถูกตามตัวมาดูอาการของคนที่อยู่ๆ ก็หมดสติไปนั้น สร้างความรู้สึกหลากหลายให้แก่ทุกคนในบ้านเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกานต์ ที่แทบไม่ยอมให้คนที่กำลัง ‘อุ้มท้อง’ ลูกของเขา ได้คาดสายตาไปไหนเลยสักนาทีเดียว“ไหนๆ แม่นี่ก็ตั้งท้องแล้ว ก็รอจนเด็กคลอด แล้วค่อยให้เงินสักก้อนไปก็แล้วกัน ยังไงเสีย ย่าจะไม่มีวันรับหลานสะใภ้ที่ปมหลังเต็มไปด้วยคำโกหกแบบนี้แน่!”คำกล่าวนี้เองที่มันทำให้คนฟังเจ็บจนพูดไม่ออกไปนานร่วมนาที แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต้องมานั่งฟังใครสักคนถากถางถึงความไม่เหมาะ จะต่างกันก็แค่ตัวละครกับสถานที่เท่านั้น แต่จะโทษใครได้นอกจากตัวของเธอเอง ที่เลือกเกิดไม่ได้ “เรื่องทั้งหมดคนผิดคือผม ถ้าย่าคิดอยากจะโกรธใครสักคน ก็ขอให้คนๆ นั้นเป็นผมเถอะครับ!” เป็นกานต์ที่เอ่ยขึ้นมาบ้าง ซึ่งถ้าว่ากันตามความจริงแล้ว เขาคือคนที่ทำทุกอย่าง ในขณะที่เอมมิกาเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในเกมเท่านั้น เธอไม่ได้ผิดอะไรเลยสักนิด เธอก็แค่ทำทุกอย่างเพื่อช่วยครอบครัวที่กำลังตกที่นั่งลำบาก เป็นเขาเองเสียมากกว่าที่เป็นคนเริ่มต้นทุกอย่าง! “กับแกย่าก็โกรธ แต่ย่าโกรธผู้หญ
“เขาเคยเป็นรักแรกของเอมค่ะ” แม้จะรู้เรื่องอยู่ก่อนแล้ว แต่พอได้มายินมันชัดๆ จากปากคนที่เพิ่งจะเดินตามมาสมทบ ก็เหมือนจะยิ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้นกว่าเดิมอยู่ดี “แต่พี่เป็นผัว เพราะฉะนั้นพี่ขอใช้สิทธิ์ที่มีสั่ง ว่าจากนี้ห้ามเอมไปเจอกับหมอนั่นอีก!” แค่วันนี้เท่านั้นที่เขาจะยอมให้ หลังจากวันนี้อย่าได้หวังเลยว่าเขาจะใจกว้างเหมือนอย่างวันนี้อีก ไม่มีวัน “ทีพี่กานต์ยังไปเจอกับอดีตคนรักได้เลย แบบนี้มันจะไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอคะ” คนได้ฟังยิ้มรับ ก่อนจะขยับเข้าไปโอบกอดคนแสนงอนจากด้านหลัง ราวกับต้องการจะง้องอน “ถ้างั้นพี่จะสั่งให้คนไล่ฐิตาภาออกเดี๋ยวนี้เลย โอเคไหม!” “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ค่ะ แค่อย่าปล่อยให้เขาเข้าใกล้เหมือนวันนี้อีกก็พอ เอมหวง” คำว่า ‘หวง’ ของเธอนั้นมีผลรุนแรงต่ออีกคนไม่น้อย แน่นอนว่าเขาไม่ได้ให้สิทธิ์หวงกับใครง่ายๆ เช่นกัน และเมื่อได้รับไปแล้ว เอมมิกาต้องอยู่หวงเขาไปทั้งชีวิต! ห้ามไปไหนทั้งนั้น! การที่จะเสาะหาโอกาสได้อยู่กับอดีตคนรักนั้นว่ายากแล้ว แต่การทำงานในแต่ละวันกลับยากยิ่ง
หลังจากใช้เวลาจัดการกับธุระที่กรุงเทพนานเกือบหกวัน ทั้งหมดก็พากันกลับ พร้อมฐิตาภาที่ขอติดสอยห้อยตามมาด้วย หากแต่การกลับมาในครั้งนี้ของเธอนั้น คือกลับมาในฐานะลูกน้องกินเงินเดือนคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่แม่เลี้ยงของกานต์อีกต่อไป “งานหนักแบบนั้น คุณฐิตาเธอจะทำไหวเหรอคะ” เป็นเอมมิกาที่เอ่ยถามขึ้น หลังจากทราบจากคนอื่นๆ ถึงงานแรกที่ผู้หญิงคนนั้นได้รับมอบหมายให้ไปทำ “ไม่ไหวก็ลาออกไป”เขาถือว่าเขาได้ช่วยเท่าที่พอจะช่วยได้ไปแล้ว ส่วนอีกฝ่ายจะไปรอดหรือไม่นั้น มันไม่ใช่เรื่องสำคัญที่เขาต้องไปใส่ใจเลยสักนิด หากเป็นบางสิ่งที่มันกำลังขัดหูขัดตาอยู่ตอนนี้ก็ว่าไปอย่าง “กางเกงที่ใส่มีสั้นกว่านี้อีกไหม พี่จะได้ขนไปเผาทีเดียว” คนได้ฟังถึงกลับหน้ามุ้ยเมื่อได้ยิน ก่อนจะพบว่าตัวการที่ทำให้เสื้อผ้าหลายชุดของเธอหายไปจากตู้เสื้อผ้าดูเหมือนจะอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด “สั้นที่ไหนกันคะ คนอื่นๆ เขาก็ใส่กันทั้งนั้น” อดีตคนรักของเขาสั้นกว่านี้อีก ไม่เห็นเขาจะว่าอะไรสักคำ “ใครอยากใส่ก็ใส่ไป แต่ต้องไปใช่คนของพี่…” เขาตอบก่อนจะขยับเข้ามาใกล้
“ให้เอมไปแทนได้ไหมคะ ตาไม่อยากไป! ตากับแดนเรารักกันคุณแม่ก็รู้!” เป็นเสียงของสิตา บุตรสาวเพียงคนเดียวของครอบครัว รุจินันท์ ที่เอ่ยขึ้นหลังจากได้ทราบเรื่องบางอย่างจากปากมารดาผู้ให้กำเนิด ที่ในวันนี้นางจนปัญญาจะปิดเรื่อง ‘บางอย่าง’ กับลูกแล้วจริงๆ ถึงได้ตัดสินใจสภาพทุกอย่างออกมา “รักแล้วมันกินเข้าไปได้ไหมห๊ะ! แกอย่าทำเสียเรื่องจะได้ไหมยัยตา ตอนนี้ครอบครัวของเรากำลังแย่ ดูหนี้สินที่พ่อแกทิ้งเอาไว้เสียก่อน อีกอย่างทางนั้นเองก็เขาบอกชัดเจนว่าต้องการแก ไม่ใช่ใครที่ไหนก็ได้!” ลองหาก ‘ทางนั้น’ ไม่ชี้ชัด ว่าคนที่ต้องการตัวคือบุตรสาวแท้ๆ ของนางแล้วล่ะก็ คุณบัวบุษยาคงยกหลานสาวของสามีผู้ลาลับให้ไปนานแล้ว ใครเลยจะอยากเห็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองไปเป็นนางบำเรอขัดหนี้ หนี้ที่นางกับลูกไม่ได้เป็นคนก่อ แต่ต้องเป็นฝ่ายชดใช้ เพราะสามีผู้ซึ่งเป็นเจ้าของหนี้ตัวจริงมาด่วนชิงตายไปเสียก่อนด้วยภาวะโรคหัวใจล้มเหลว ซึ่งหลังจากที่ไอ้แก่นั่นตายไปได้ไม่เท่าไหร่ เจ้าหนี้ก็ส่งคนบุกมาถึงบ้าน พร้อมเอกสารสำคัญหลายฉบับ นั่นเองที่มันทำให้นางได้รู้ความจริง ว่าที่ผ่านมารายได้จากการประกอบธุรกิจส่งออกผ้าไ...
Comments