Share

บทที่ 6

Author: อันชิงซิน
last update Last Updated: 2024-10-29 11:49:10
“ท่านลองดูก็ไม่มีอะไรเสียหาย”

พลันลู่เจาหลิงมองไป ก็เห็นป้ายหยกของเขาแล้ว

“อันนั้นก็แล้วกัน คุณภาพหยกพอใช้ได้”

หมอฝู่หยิบป้ายหยกของตัวเองขึ้นมาอย่างประหลาดใจ หลานชายเป็นคนมอบป้ายหยกชิ้นนี้ให้เขา คุณภาพหยกดีมาก นางถูกเลี้ยงดูที่บ้านนอกจนโต สามารถพูดออกมาอย่างใจเย็นว่าหยกชิ้นนี้แค่พอใช้ได้?

“ฝีมือการแพทย์ของท่านไม่เลว ตายไปทั้งเช่นนี้น่าเสียดาย” ลู่เจาหลิงกล่าวอีกครั้ง

หมอฝู่เผลอหัวเราะโดยไม่มีเสียง จากนั้นก็แกะป้ายหยกส่งให้ลู่เจาหลิง

ช่างเถอะ แม่นางคนนี้น่าสนใจ คิดเสียว่าปลอบใจนางหน่อยก็แล้วกัน นางดูเด็กกว่าหลานชายของเขาเสียอีก

“เชิญท่านนั่งลง”

ลู่เจาหลิงถือป้ายหยกด้วยมือซ้าย มือขวาขีดเขียนกลางอากาศ พลันก็กดนิ้วมือไปที่หน้าผากของเขา

ในสายตาของนาง ไอสีดำที่หมุนวนอยู่บนหน้าผากของหมอฝู่ราวกับจู่ๆ ก็มีชีวิต มันบิดไปมาดิ้นรนเหมือนกับไส้เดือนที่ได้รับความตกใจ

แต่มันถูกนิ้วมือของลู่เจาหลิงกดเอาไว้ ผ่านไปเพียงครู่เดียวก็ขยับไม่ได้แล้ว และเริ่มมาพันนิ้วมือของนางแทน

หมอฝู่รู้สึกได้ทันทีว่าศีรษะที่วิงเวียน และทั้งปวดทั้งหนักในช่วงที่ผ่านมา ผ่อนคลายลงในพริบตา

ความแตกต่างนี้ชัดเจนมาก จนทำให้เขาไม่สามารถมองข้าม

ลูเจาหลิงกดนิ้วมือลงบนป้ายหยกเบาๆ จากนั้นก็ขีดเขียนครั้งแล้วครั้งเล่า ไอสีดำเสี้ยวนั้นค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในป้ายหยก

นางวางป้ายหยกลงบนโต๊ะ

“ท่านดู”

สายตาหมอฝู่มองไปที่ป้ายหยกชิ้นนั้น

ทันใดนั้น แกร๊ก!

ป้ายหยกชิ้นนั้นแตกต่อหน้าต่อตาเขาทั้งเช่นนี้แล้ว!

ป้ายหยกที่สภาพดีในตอนแรก พริบตานั้นก็แตกเป็นชิ้นนับไม่ถ้วน ราวกับถูกตัดเป็นลายใยแมงมุม

“นี่!” หมอฝู่ตกใจ

เมื่อครู่ป้ายหยกชิ้นนี้อยู่ในมือเขายังดีๆ อยู่เลย พอส่งให้ลู่เจาหลิง นางแค่ถือไว้ในมือเบาๆ แล้ววางลงบนโต๊ะเบาๆ

ต่อให้เป็นนักสู้ที่มีกำลังภายในลึกล้ำ ก็ไม่สามารถทำเช่นนี้กระมัง?

“เรียบร้อย ท่านจะไม่ปวดหัวอีกแล้ว” ลู่เจาหลิงกล่าว

หมอฝู่เอื้อมมือออกไปลูบคลำหน้าผาก แต่ก่อนตอนที่ไม่กำเริบ หน้าผากก็มักจะปวดเป็นระยะๆ เมื่อกดลงไปยิ่งชัดเจน

ตอนนี้เขานวดอยู่ครู่หนึ่ง กลับไม่รู้สึกปวดจุกเช่นนั้นแล้วจริงๆ

เขาเงยหน้ามองลู่เจาหลิงฉับพลัน

ทั้งๆ ที่เป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบกว่าปี เขากลับมองเห็นความเยือกเย็นที่ไม่อาจคาดเดาของผู้ใหญ่บนสีหน้านาง

หมอฝู่ถามด้วยความตกใจ “คุณหนูลู่ เจ้าบอกว่าเมื่อครู่มันคืออะไรนะ?” ก็เขามองไม่เห็นนี่นา

“ไอมรณะ”

“ไอมรณะมาจากไหน?”

ลู่เจาหลิงเตือนเขา “จริงอยู่ที่บางคนเมื่อเข้าใกล้ช่วงสุดท้ายของอายุขัย ร่างกายจะเกิดไอมรณะขึ้นเอง แต่ของท่านไม่ใช่ ท่านลองคิดดูว่าก่อนที่จะปวดหัว เคยไปสถานที่แปลกๆ อะไรบ้าง หรือเคยสัมผัสของแปลกๆ อะไรบ้าง”

นางเริ่มเวียนศีรษะ และท้องก็เริ่มส่งเสียงร้องโครกครากแล้ว เมื่อครู่ดึงไอมรณะออกแค่เสี้ยวเดียว ก็ทำให้นางรู้สึกไร้เรี่ยวแรงและไม่มีชีวิตชีวาไปทั้งร่าง

ตอนนี้นางยังไม่ฟื้นฟู อ่อนแอมากจริงๆ

“ในเมื่อจิ้นอ๋องให้ท่านมา เช่นนั้นตอนนี้ข้าขอเป็นจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือหน่อยก็แล้วกัน รบกวนท่านให้ลู่หมิงเตรียมเรือนอีกหลังให้ข้า แล้วตุ๋นน้ำแกงไก่โสมมาสักชาม แล้วก็หาเด็กรับใช้ที่มีไหวพริบให้ข้าสักคน”

ลู่เจาหลิงกล่าวจบก็ฟุบลงบนโต๊ะอย่างไร้เรี่ยวแรงแล้ว

หมอฝู่ตกใจจนตะโกนเสียงดังทันที “ใต้เท้าลู่!”

ลู่หมิงรีบเข้ามา

“ท่านหมอฝู่ นางลูกทรพีของข้า…”

หมอฝู่ขัดคำพูดของเขา อ้าปากก็เป็นตำหนิเป็นชุด “ใต้เท้าลู่ให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ! คุณหนูลู่เป็นลูกสาวของท่านจริงหรือ? สกุลลู่ของท่านยากจนถึงขั้นไม่มีข้าวกินแล้วหรือ?”

ลู่หมิงตะลึงงัน “ไม่ใช่ขอรับ นี่เหตุใดท่านจึงพูดเช่นนี้?”

“ถ้าหากไม่ใช่ยากจนจนตระหนี่ถี่เหนียว ท่านลองดูว่าที่ให้คุณหนูลู่อยู่นี่มันเรียกว่าห้องหรือ? จิ้นอ๋องกำชับพวกเจ้าดูแลคนให้ดี นี่พวกเจ้าดูแลเช่นนี้หรือ? รอข้ากลับไปรายงานท่านอ๋อง ใต้เท้าลู่ ท่านแบกรับความโกรธของท่านอ๋องไหวหรือไม่?”

สีหน้าลู่หมิงเปลี่ยนฉับพลัน

“เปลี่ยนห้องให้คุณหนูลู่เดี๋ยวนี้ แล้วก็หาโสมอายุสามสิบปีมาตุ๋นน้ำแกงไก่ให้นาง และหาเด็กรับใช้ที่มีไหวพริบสักคนมาดูแลอย่างใกล้ชิด!”

หมอฝู่มองลู่เจาหลิงที่ฟุบอยู่บนโต๊ะ รู้สึกเวทนาแม่นางคนนี้เล็กน้อยจริงๆ

“ไว้ข้าจะมอบยาให้นาง นางบาดเจ็บสาหัส วัตถุดิบยาล้วนต้องเป็นของคุณภาพดีที่มีอายุ ค่ารักษาแพง ใต้เท้าลู่ต้องเตรียมเงินให้พร้อมเสียล่ะ!”

“ห้องนี้แค่เก็บกวาดนิดหน่อยก็อยู่ได้แล้ว เดิมทีในจวนก็ไม่มีห้องว่างเหลือแล้วนะเจ้าคะ” ลู่ฮูหยินกล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจที่นอกประตู

หมอฝู่พ่นลมออกจากจมูกอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณหนูลู่อีกท่านไม่ได้บาดเจ็บไม่ใช่หรือ? ถ้าหากไม่มีห้องจริงๆ ก็ให้พวกนางสองคนสลับกัน”

สีหน้าลู่เจาอวิ๋นเปลี่ยนฉับพลัน

จะให้นางยกเรือนฉี่เสียให้นาง?

“ท่านแม่!” ลู่เจาอวิ๋นกระตุกแขนเสื้อลู่ฮูหยิน

ลู่หมิงมองท่าทางของหมอฝู่ เข้าใจแล้วว่าวันนี้เขาจะยุ่งเรื่องนี้ให้ได้ จึงอดไม่ได้ที่จะหันไปเขม่นใส่ลู่ฮูหยินแวบหนึ่ง

ทั้งๆ ที่ในจวนยังมีเรือนหลังอื่น เหตุใดต้องให้ลู่เจาหลิงมาอยู่ห้องเก่าๆ ที่แม่นมอยู่ด้วย?

หากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป เขาขายหน้าแน่!

“ใครก็ได้ พาคุณหนูรองไปอยู่หอทิงหน่วน ฮูหยิน ยังไม่รีบไปสั่งให้ห้องครัวตุ๋นไก่ให้เจาหลิงอีก?”

ลู่ฮูหยินเห็นท่าทางที่โกรธจนหน้าบึ้งของลู่หมิง รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโวยวาย ทำได้เพียงกล้ำกลืนความโกรธ รับคำทีหนึ่ง แล้วหันไปกล่าวกับลู่เจาอวิ๋น “เจ้าประคองน้องสาวของเจ้าไป”

ลู่เจาอวิ๋นก็กัดฟันกรามแน่นเช่นกัน

หมอฝู่ยังไม่วางใจ ตามไปที่หอทิงหน่วนด้วย

นี่เป็นห้องอุ่น[1]ที่จวนสกุลลู่สร้างแยกออกมาทางทิศใต้ แม้ไม่ใหญ่นัก แต่ภายในได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามและสะดวกสบาย เปิดหน้าต่างก็สามารถมองเห็นสวนดอกไม้และต้นหญ้า นับว่าเป็นสถานที่ค่อนข้างดี

หลังจากลู่เจาอวิ๋นประคองลู่เจาหลิงถึงมาบนเตียง นางกล่าวอย่างแยกเขี้ยวยิงฟันข้างหูลู่เจาหลิง “เจ้าอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่วันหรอก”

ลู่เจาหลิงเหลือบมองนางแวบหนึ่งก็นอนลงบนเตียง หลับตาไม่ได้สนใจแล้ว

ในที่สุดนางก็สามารถนอนพักผ่อนเสียที

แต่ลู่เจาอวิ๋นยังยืนพูดพล่ามอยู่ที่ข้างๆ

“อย่าคิดว่าเจ้าตีสนิทกับจิ้นอ๋องสำเร็จ ข้าได้ยินมาว่าเขาเย็นชาไร้ความรู้สึก ไม่มีทางช่วยคนระหว่างทางและยังส่งกลับบ้าน เขายังไม่รู้ว่าจะจัดการเจ้าอย่างไรแน่นอน รอเขาคิดได้แล้ว เจ้าได้เจอดีแน่”

“แผลบนหัวของเจ้าเป็นฝีมือของใคร? คนพวกนั้นไม่ได้ทำอย่างอื่นกับเจ้าจริงๆ หรือ? หากเจ้าไม่พูด ถึงเวลามีคนเอาไปลือกันข้างนอก ที่บ้านก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้แล้วนะ”

“ไสหัวออกไป” ลู่เจาหลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

ลู่เจาอวิ๋นกัดฟันกระทืบเท้าก็วิ่งออกไปแล้ว

นางต้องลองไปหาข่าวดูว่า มันเกิดข้อผิดพลาดตรงไหนกันแน่!

จวนจิ้นอ๋อง

พ่อบ้านพาคนทั้งจวนมารอต้อนรับที่หน้าประตู

“ขอต้อนรับท่านอ๋องกลับเมืองหลวง!” พ่อบ้านมองจิ้นอ๋อง น้ำตาอุ่นๆ นองเต็มเบ้าหมดแล้ว

“ท่านอ๋อง!” หมัวมัวคนหนึ่งที่เกล้ามวยผมไว้อย่างพิถีพิถันเดินเข้ามาทั้งที่น้ำตาคลอเบ้า พร้อมกับเด็กรับใช้โตสองคนที่ท่าทางสุขุม

“ชิ่งหมัวมัว” จิ้นอ๋องมองนางแวบหนึ่ง แล้วเลื่อนสายตาไปที่เด็กรับใช้ทั้งสอง

เมื่อเห็นท่านอ๋องสังเกตเห็นพวกนางสองคน ชิ่งหมัวมัวปลื้มปีติเล็กน้อย หรือในสายตาท่านอ๋องสามารถมองเห็นผู้หญิงแล้ว?

นางรีบกล่าว “ท่านอ๋อง นี่คือเด็กรับใช้ทั้งสองคนที่บ่าวปลูกฝังเพื่อท่านโดยเฉพาะ ลำดับรุ่นชิงเหมือนชิงเฟิง ตั้งชื่อว่าชิงหลิงกับชิงอิน ต่อไปให้พวกนางคอยรับใช้ท่านเถิดเจ้าค่ะ”

ชิงหลิงกับชิงอินก้าวออกมาคำนับ “บ่าวคำนับท่านอ๋อง”

“เป็นวรยุทธ์หรือไม่?” จิ้นอ๋องถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“บ่าวช่ำชองกระบี่เจ้าค่ะ” ชิงหลิงกล่าว

“วิชาตัวเบาของบ่าวค่อนข้างดีเจ้าค่ะ” ชิงอินกล่าว

จิ้นอ๋องพยักหน้า “เก็บสัมภาระไปจวนสกุลลู่ ต่อไปพวกเจ้าคอยติดตามข้างกายคุณหนูรองลู่ก็แล้วกัน”

--------------------------------------------------

[1] ห้องอุ่น ห้องที่มีเตาผิง

Related chapters

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 7

    ชิ่งหมัวมัวงงงวย“ชิงเฟิง ให้คนส่งพวกนางไป บอกว่าเป็นเจตนารมณ์ของข้า”“ขอรับ!”ชิงหลิงกับชิงอินก็ตามเหตุการณ์ไม่ทันเช่นกัน แต่สิบปีมานี้พวกนางถูกปลูกฝังให้จงรักภักดีต่อจิ้นอ๋องมาโดยตลอด ต้องเชื่อฟังคำสั่งของจิ้นอ๋อง แม้งงงวยมาก แต่ก็ยังคำนับแล้วถอยออกไป เตรียมตัวไปจวนสกุลลู่จิ้นอ๋องลงจากรถม้า สองมือไพร่หลัง แหงนมองอักษรจวนจิ้นอ๋องสามตัวบนป้ายประตูด้วยสายตาที่คลุมเครือ พ่อบ้านกับชิ่งหมัวมัวมองขาของเขาอย่างอกสั่นขวัญแขวน“ท่านอ๋อง ขาของท่านเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”“เหมือนเดิม เดินช้าๆ ไม่กี่ก้าวไม่มีปัญหา” จิ้นอ๋องก้าวเข้าประตูใหญ่เช่นนั้นก็แสดงว่าไม่ดีขึ้น?พ่อบ้านกับชิงโมโม่สบตากันแวบหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ถอนหายใจเงียบๆ รีบเดินตามเข้าไปชิ่งหมัวมัวอดกลั้นอารมณ์ที่อยากเข้าไปประคองจิ้นอ๋อง และมองเขาอย่างปวดใจ นางเป็นคนเลี้ยงจิ้นอ๋องโตกับมือ นางปวดใจที่สุด“ท่านอ๋อง ชิงหลิงกับชิงอินรู้ความเชื่อฟัง ขยันรู้จักหน้าที่ของตัวเอง บ่าวกำลังคิดท่านยังไม่แต่งงาน อย่างไรก็ต้องมีคนดูแล เหตุใดจึงส่งพวกเขาออกไปแล้ว? คุณหนูรองจวนสกุลลู่มีอะไรไม่เหมาะสมอย่างนั้นหรือ?”ชิ่งหมัวมัวเข้าใจว่าคุณหนู

    Last Updated : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 8

    จิ้นอ๋องหัวเราะเบาๆ“ดูเหมือนหมอฝู่จะประทับใจในตัวนางมาก ตั้งแต่มาถึงก็ชมนางหลายครั้งแล้ว”“ข้าก็แค่พูดไปตามความจริง” หมอฝู่กล่าวลู่เจาหลิงก็ฉลาดจริงๆ นั้นแหละ“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง ข้าได้ส่งเด็กรับใช้ไปให้นางสองคนแล้ว ชิ่งหมัวมัวอบรมด้วยตัวเอง น่าจะละเอียดรอบคอบ”“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี”หมอฝู่โล่งอกอย่างที่คิด แต่แล้วก็นึกถึงอะไรบางอย่าง อดไม่ได้ที่จะมองจิ้นอ๋องอย่างคาดคะเน แววตาสั่นไหว“ท่านอ๋องกับคุณหนูลู่รู้จักกันได้อย่างไร? ท่านดูดีกับนางเป็นพิเศษเลยนะ”“นางบอกว่าสามารถช่วยข้า”คำพูดประโยคเดียวของจิ้นอ๋อง ปัดความคิดที่จะจุ้นเรื่องชาวบ้านของหมอฝู่ทิ้งไปในพริบตาสีหน้าเขาเคร่งขรึมขึ้นมาทันที“คุณหนูรู้อาการของร่างกายท่านได้อย่างไร?” ขณะกล่าว เขายังได้มองไปที่หน้าอกของจิ้นอ๋องเขาเห็นความแปลกประหลาดที่หน้าอกจิ้นอ๋องตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน แต่เขาก็หมดหนทาง ดังนั้นจิ้นอ๋องจึงตามหาหมอมีชื่อเสียงและผู้วิเศษมาโดยตลอด“นางบอกว่านางมองออก หมอฝู่เชื่อหรือไม่?”หมอฝู่นึกถึงเหตุการณ์ที่ลู่เจาหลิงช่วยเขาเมื่อครู่ สีหน้ายิ่งเคร่งขรึมแล้ว“ข้าไม่เชื่อไม่ได้”แต่ก็ชะงักไปครู่หน

    Last Updated : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 9

    ฮ่องเต้องค์ใดไม่ถือสาเมื่อมีคนว่าตัวเองแก่?ผู้ครอบครองแผ่นดิน กุมอำนาจสูงสุด สิ่งที่ต้องการมากกว่านั้นคือรักษาความอ่อนเยาว์และแข็งแรง อายุยืนร้อยปีฮ่องเต้เป็นรัชทายาทจนถึงอายุเกือบสี่สิบปี ไท่ซ่างหวงไม่สิ้นพระชนม์เสียที ไม่ง่ายเลยที่กว่าจะทรงประชวรจึงให้เขาขึ้นครองราชย์ จนถึงตอนนี้ก็เพิ่งจะผ่านไปสองปีเพิ่งครองราชย์ปีที่สอง ก็ได้ยินจิ้นอ๋องบอกว่าหน้าเขามีริ้วรอย ช่างเป็นการฆ่าคนด้วยคำพูดจริงๆดังนั้นเขาจึงไม่ชอบหน้าพระอนุชาคนเล็กคนนี้แล้ว ยิ่งโตยิ่งน่ารังเกียจ“ข้าอายุมากกว่าอาเยว่ยี่สิบปี ย่อมเป็นผู้ใหญ่กว่าเจ้าอยู่แล้ว” ฮ่องเต้ปลอบใจตัวเองพระสนมของเขาต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเขายังหนุ่ม ดูแล้วเหมือนอายุสามสิบต้นๆ อีกทั้งเขาอยู่บนพระแท่นบรรทมยังน่าเกรงขามมาก ฮึ่ม หากแต่ไม่คาดคิดว่าเจอกันก็ถูกจิ้นอ๋องทำร้ายจิตใจ เขาต้องอดกลั้นให้ได้“อืม เสด็จพี่ใกล้ห้าสิบแล้ว” จิ้นอ๋องกล่าวต่ออย่างเป็นธรรมชาติฮ่องเต้เกือบจะร้องไห้แล้ว“อาเยว่ รีบเข้ามา ลองเล่าให้ข้าฟังหน่อยว่าหลายปีนี้เจ้าไปไหน เจอเรื่องสนุกอะไรบ้าง ข้ามีงานติดตัวทั้งวัน แทบไม่ได้ออกจากวังหลวงแห่งนี้เลย คิดแล้วก็อิจฉาเจ

    Last Updated : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 10

    ฮ่องเต้หรี่ตามองเสิ่นเซียงจวิ้นแม้หลายปีมานี้ เขาเคยชินกับการขัดเจตนารมณ์ของจิ้นอ๋องทุกเรื่อง ขอแค่เป็นเรื่องที่จิ้นอ๋องไม่อยากทำหรือรู้สึกต่อต้าน เขาก็จะทำสิ่งที่ตรงกันข้าม แต่เห็นคุณหนูของอัครเสนาบดีเสิ่นอยากแต่งงานกับจิ้นอ๋องเช่นนี้ เขาก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อยอัครเสนาบดีเสิ่นจงรักภักดีต่อเขามาโดยตลอดตามหลักแล้ว ควรยกเสิ่นเซียงจวิ้นให้รัชทายาทหรือองค์ชายคนอื่น เช่นนี้ความสัมพันธ์จักรพรรดิกับขุนนางของพวกเขาจึงจะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นแต่อัครเสนาบดีเสิ่นกลับไม่ได้ปฏิเสธเรื่องที่ลูกสาวขอแต่งงานกับจิ้นอ๋อง? สิ่งนี้ส่งผลดีต่ออัครเสนาบดีเสิ่นอย่างไร?หรือว่าหลายปีนี้เขาแสร้งเป็นเสด็จพี่ที่แสนดีมาโดยตลอด ทำให้เสนาบดีเสิ่นเข้าใจผิด คิดว่าความสัมพันธ์พี่น้องระหว่างเขากับจิ้นอ๋องลึกซึ้งเสิ่นเซียงจวิ้นเป็นถึงสตรีผู้มากความสามารถที่มีชื่อเสียงของเมืองหลวง“ไม่มีหน้าออกจากบ้าน เจ้าสามารถปิดประตูไม่ออกมาได้” จิ้นอ๋องกล่าวด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ซี๊ดใจดำจริงๆเสิ่นเซียงจวิ้นตกใจจนลืมร้องไห้“ท่านอ๋อง?”ไทเฮาอดไม่ได้ที่จะถาม “จิ้นอ๋องอยากแต่งงานกับแม่นางบ้านใด? หรือว่าหลายปีนี้ได้พบกับหญิงงาม

    Last Updated : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 11

    สะเดาะเคราะห์?พระทัยของฮ่องเต้เต้นแรง เป็นเช่นนั้นไม่ได้ พระองค์ทรงไม่ต้องการให้ไท่ช่างหวงมีชีวิตอยู่จะเป็นอย่างไรถ้าสะเดาะเคราะห์จนสามารถต่อพระชนมพรรษาได้จริงๆ?ฮ่องเต้ตวาดทันที “ไร้สาระ! เจ้าที่เป็นถึงบุตรธิดาคนโตของอัครเสนาบดี สะเดาะเคราะห์อะไรกัน?”ไท่เฮาอดไม่ได้ที่จะทอดพระเนตรพระองค์ไม่สิ ฮ่องเต้จะทรงคัดค้านอย่างแข็งขันทำไมกัน?“ไสหัวไปให้พ้น!”จิ้นอ๋องระงับความโกรธของเขา ไท่ซ่างหวงประชวรหนักเยี่ยงนี้ คนเหล่านี้ยังกล้ามาพูดพล่อยๆ ที่นี่อีก!“อาเยว่ นาง... นาง...” ไท่ช่างหวงยื่นพระหัตถ์ที่สั่นเทาของพระองค์ออก ชี้ไปที่เสิ่นเซียงจวิ้นด้วยความยากลำบาก “สวรรค์บันดาล...”เพียงครึ่งประโยคดังกล่าว กลับทำให้เสิ่นเซียงจวิ้นเบิกบานใจ ไท่ช่างหวงคือมีพระประสงค์ให้จิ้นอ๋องแต่งงานกับนาง!“ไท่ซ่างหวงจะทรงมีพระชนมายุยืนยาวอย่างแน่นอนเพคะ”เสิ่นเซียงจวิ้นรู้ว่าในเวลานี้ยิ่งตัวนางสงบนิ่งไม่หวั่นไหวมากเพียงใด จิ้นอ๋องมีความกตัญญูต่อไท่ช่างหวง ขอเพียงเป็นพระดำรัสของไท่ซ่างหวง เขาจะต้องเชื่อฟังอย่างแน่นอนนางวางมือบนขอบเตียงด้วยความศรัทธาอย่างยิ่ง ก้มศีรษะลงคำนับบนหลังมือในขณะนี้ นางหว

    Last Updated : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 12

    ในตำหนักหนิงโซ่วหมอหลวงทุกคนคุกเข่าก้มศีรษะลงกับพื้นด้วยความสั่นเทา“ฝ่าบาท จิ้นอ๋อง ไท่ซ่างหวง...”"สิ้นพระชนม์แล้วพ่ะย่ะค่ะ"“พวกกระหม่อมไร้ความสามารถ!”บนเตียง พระหัตถ์ของไท่ซ่างหวงค่อยๆ วางลงเสิ่นเซียงจวิ้นก็คุกเข่าลงบนพื้นโดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเสียใจ เสียใจที่เข้ามาเกี่ยวพันในเวลานี้ใครจะรู้ว่าไท่ซ่างหวงจะสิ้นพระชนม์ในเวลานี้? นางคิดว่าอย่างน้อยพระองค์ยังสามารถประคับประคองได้อีกสักพัก!ไทเฮาทรงกันแสงอนาคตพระนางคงต้องเรียกแทนตัวเองว่าอัยเจีย[1]แล้ว?ฮ่องเต้ทรงปิดพระเนตรแน่น น้ำพระเนตรหยดหนึ่งก็ไหลลงมาจากหางพระเนตร“ข้า...ไม่มีเสด็จพ่อแล้ว”พระองค์ทรงยกชายเสื้อคลุมขึ้นแล้วคุกเข่าลงเสียงร้องไห้แผ่กังวาน ผู้คนในทั้งตำหนักหนิงโซ่วต่างคุกเข่าลงร่ำไห้จิ้นอ๋องมองไปที่ไท่ซ่างหวงที่ไร้ชีพอยู่บนเตียง รู้สึกเจ็บปวดทรมานยิ่งที่หัวเข่า กระดูกปวดจนชาขึ้นมาในเวลานี้เขาไม่สามารถยืนได้เลย“เสด็จพ่อ…” เสียงของจิ้นอ๋องเบามากไท่ซ่างหวงสิ้นพระชนม์ทั้งพระราชวังเริ่มแขวนด้วยผ้าสีขาวและโคมไฟสีขาวภายใต้พระราชโองการ ราชวงศ์ต้าโจวถูกสั่งห้ามจัดงานรื่นเริงห้ามง

    Last Updated : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 13

    เดิมลู่เจาหลิงที่หลับไปเป็นครึ่งค่อนวันถึงฟื้นกำลังขึ้นมาเล็กน้อย แต่คราวนี้ก็ใช้จนหมด ทั้งยังเสียสมดุลไม่น้อยตอนนี้นางรู้สึกว่ามือของนางกำลังสั่นจิ้นอ๋องกลับรู้สึกว่าตัวเองเริ่มดีขึ้นแล้วเขาส่งสัญญาณให้ชิงเฟิงถอยไป เอื้อมมือไปจับมือของลู่เจาหลิง เมื่อเขาก้มมองลงดู ก็ตระหนักว่าคอเสื้อของเขาถูกเปิดออกอีกครั้ง“เจ้ากับข้าพบกันมาแล้วสองครั้ง เจ้าก็เปลื้องเสื้อข้าทั้งสองครั้ง” เขากล่าวลู่เจาหลิงหัวเราะ “ท่านคิดว่าข้าเต็มใจหรือ? ยังไม่ช่วยพยุงข้าลุกขึ้นอีก?”ชิงเฟิงถอยห่างไปสองก้าว ก้มศีรษะลงเฝ้าอารักขาแต่คุณหนูลู่พูดจาหยาบคายกับท่านอ๋องเสียจริงจิ้นอ๋องพยุงนางลุกขึ้น ขณะที่เขากำลังจะปล่อยมือ ขาของลู่เจาหลิงก็อ่อนแรง เกือบจะล้มลงอีกครั้ง เขาก็รีบเอื้อมมือไปโอบเอวของนางไว้เมื่อโอบนางเช่นนี้ ก็รู้สึกได้ถึงร่างกายของนางที่สั่นเทานี่เป็นสัญญาณของการหมดเรี่ยวแรงเขาเม้มริมฝีปาก เข้าใจว่านางต้องใช้พละกำลังอย่างมากเพื่อช่วยเขาแต่ว่า...จิ้นอ๋องมองไปที่ไท่ซ่างหวงบนเตียงทันทีในเมื่อเขายังไม่ตาย เป็นไปได้ไหมที่สามารถช่วยไท่ซ่างหวงฟื้นคืนมาได้?“เจ้าก็สามารถช่วยไท่ซ่างหวงได้ใช่

    Last Updated : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 14

    นี่มันหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างยิ่ง!ไท่ซ่างหวงเพิ่งสิ้นพระชนม์ ศพยังมิคลายอุ่นเลย ทั้งยังนอนอยู่บนเตียงและจิ้นอ๋องกลับโอบกอดหญิงสาวอย่างสนิทสนมตรงหน้าเตียง!นี่มันกตัญญูเกินไปเสียจริง!แม้แต่ฮ่องเต้ที่ทรงพระราชปณิธานให้ไท่ซ่างหวงเข้าสู่แดนสุขาวดีโดยเร็ววัน ตอนนี้รู้สึกว่ามันไม่คุ้มสำหรับไท่ซ่างหวงเสด็จพ่อ นี่ก็คือโอรสน้อยที่ท่านทรงโปรด! ท่านรีบลืมตามาดูว่าเขากตัญญูแค่ไหน!ฮ่องเต้เสด็จไปออกพระราชโองการ จัดการเสร็จกับงานที่ต้องทำ พระองค์ก็เสด็จไปดูไท่เฮาที่สลบไป จากนั้นทรงคิดว่าควรเสด็จมาดูไท่ซ่างหวงอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าได้ทรงเห็นฉากตรงหน้านี้“โจวสือเยว่ เจ้าไม่กลัวว่าเสด็จพ่อจะตามไปพบเจ้าในกลางดึกหรือไง!”ฮ่องเต้ยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เมื่อเห็นว่าจิ้นอ๋องยังคงโอบหญิงสาวไว้ไม่ปล่อยมือ“เจ้าปล่อยนางลง ให้ข้าดูสิว่าเป็นหญิงผู้ใดที่ไร้ยางอาย กล้าที่จะถวายตัวมาโอบกอดเจ้าในเวลาและสถานที่เช่นนี้!”ความคิดแรกของฮ่องเต้คือ คนผู้นี้คือคนในวังหลังอีกทั้งเป็นฝ่ายริเริ่มที่จะอิงแอบแนบชิดซบอยู่ในอ้อมอกของจิ้นอ๋องท้ายที่สุดเท่าที่พระองค์รู้ จิ้นอ๋องมีนิสัยรักสันโดษมาตั้งแต่วัยเยาว์ ยิ่

    Last Updated : 2024-10-29

Latest chapter

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 100

    ลู่เจาอวิ๋นถูกพวกนางเยาะเย้ยจนหน้าแดง เบ้าตาก็เริ่มแดงแล้วฐานะของคนเหล่านี้ล้วนสูงกว่านาง และดูถูกนางมาโดยตลอด ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางเอาอกเอาใจท่านหญิงฉางหนิงกับเหอเหลียนซิน พวกนางล้วนไม่พอใจนางทั้งๆ ที่นางงดงามกว่าพวกนาง ความสามารถก็เหนือกว่าพวกนาง ชื่อเสียงก็ดีกว่าพวกนาง พวกนางกลับไม่ยอมดีกับนางล้วนเป็นผู้หญิงขึ้ริษยา!แต่ลู่เจาอวิ๋นก็ตีหน้าเศร้าเก่งต่อหน้าคนนอกนางสูดจมูกดังฟืด การแสดงออกบนใบหน้าทั้งน้อยใจและรู้สึกผิด โค้งคำนับพวกนางทีหนึ่ง“เจาอวิ๋นขออภัยทุกท่าน ณ ที่นี้ เพราะน้องหญิงคนนี้ของข้าเพิ่งกลับจากบ้านนอกจริงๆ ท่านพ่อท่านแม่อยากให้นางได้พบกับคุณหนูทุกท่านด้วยความรักและความตั้งใจ เพื่อที่นางจะได้เรียนรู้เรื่องมารยาทและทางโลกบ้าง ข้าจึงพานางมาด้วย”“แต่ข้าก็กลัวดูแลไม่ทั่วถึง จนปล่อยนางไปล่วงเกินทุกท่าน ดังนั้นจึงพาเจาหัวมาด้วยอีกคน ข้าคิดไม่ถึงว่านิสัยของนางจะเถื่อนเช่นนี้ กลับไปข้าจะรายงานท่านพ่อท่านแม่ ให้ท่านพ่อท่านแม่สั่งสอนให้ดีแน่นอน เจาอวิ๋นขอโทษทุกท่านอีกครั้ง”นางลดตัวเช่นนี้ และยังพูดได้ค่อนข้างจริงใจ ประกอบกับไม่ได้ล่วงเกินพวกนาง ต่อไปยังไม่รู้ว่าเหอเหลี

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 99

    เหอเหลียนซินเคยเจอสตรีที่ใจกล้าเช่นนี้และยังอวดดีกว่านางเสียเมื่อไร?ในสมองนางเต็มไปด้วยคำพูดเมื่อครู่ของนางนางถูกฮ่องเต้รับแล้วสกุลเหอสูงส่งกว่าราชวงศ์เหอเหลียนซินรู้แล้ว ถ้าหากคำพูดสองประโยคนี้ถูกเผยแพร่ออกไป นางเสียหน้าไม่ว่า พ่อนางต้องลงโทษนางคุกเข่าในศาลบรรพชนแน่!นางโมโหจนร่างกายสั่น พลันเลือดพลุ่งพล่าน ภาพตรงหน้ามืดดับ เป็นลมไปแล้ว“พี่เหอ!”เดิมทีลู่เจาอวิ๋นก็ควงแขนของนางไว้ จึงรีบพยุงนางขึ้นอย่างตื่นตระหนกเด็กรับใช้ทั้งสองของสกุลเหอเพิ่งหายตาลาย ก็มองเห็นคุณหนูของพวกนางเป็นลม จึงรีบเข้าไปพยุงเหอเหลียนซินโดยไม่มีเวลาสนใจลู่เจาหลิงแล้วกู้ฉิงเบิกตากว้าง ฝ่ามือมีเหงื่อเล็กน้อย นางมองไปทางลู่เจาหลิงมีคนตะโกนสิ่งที่นางคิดในใจออกมา…“นางยั่วคุณหนูเหอโมโหจนเป็นลมไปแล้ว!”ลู่เจาหลิงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนางถอนใจเบาๆ กล่าวชัดถ้อยชัดคำ “โทษข้าไม่ได้นะ คุณหนูเหอท่านนี้มีไฟในตับ ความชื้นหนัก มีอาการคลุ้มคลั่งเล็กน้อย วู่วามได้ง่าย อีกทั้งวันนี้หน้าผากนางหมองคล้ำ เห็นได้ชัดว่าตอนออกจากบ้านไปติดไออัปมงคลมา เดิมทีวันนี้ก็จะดวงซวยอยู่แล้ว”ปากที่เพิ่งหุบลงของทุกคน อ้ากว้า

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 98

    เดิมทีพ่อก็เป็นรองเสนาบดีกรมกลาโหม ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ ประกอบกับมีการแต่งงานนี้ เป็นการรวมกันของผู้มีอิทธิพลชัดๆในมุมมองของเหอเหลียนซิน แม้แต่ท่านหญิงฉางหนิงก็ต้องให้เกียรตินางสามส่วน นับประสาอะไรกับกู้ฉิงที่อยู่ตรงหน้า?“คุณหนูเหอ เกิดอะไรขึ้น?” มีคนก้าวออกมาอยากเป็นคนกลาง “เมื่อครู่ท่านหญิงกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแล้ว ถ้าหากนางออกมาพบว่าวุ่นวายเช่นนี้…”เมื่อได้ยินอีกฝ่ายยกเอาท่านหญิงฉางหนิงมาพูด ในที่สุดเหอเหลียนซินก็ไม่ได้หาเรื่องกู้ฉิงอีกนางถลึงตาใส่ลู่เจาหัวแวบหนึ่ง ปล่อยนางไปก่อนชั่วคราว อย่างไรเสียคนที่นางรังเกียจที่สุดในตอนนี้คือลู่เจาหลิง!นางเรียกเด็กรับใช้ทั้งสองของตัวเอง “พวกเจ้าไป ให้นางมาคุกเข่าขอโทษข้า!”“เจ้าค่ะ!”เด็กรับใช้ทั้งสองของนางพุ่งพรวดเข้าไปหาลู่เจาหลิงทันทีลู่เจาหัวอุทานอย่างขี้ขลาดทีหนึ่ง และกล่าวเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง “พี่หญิงรอง ท่านรีบหนีไป”ลู่เจาอวิ๋นรีบคว้ามือของเหอเหลียนซิน แสร้งห้ามปราม “พี่เหอ ท่านอย่าไปถือสานางเลย…” แต่ก็ไม่เห็นนางไปห้ามเด็กรับใช้สองคนนั้นแม้คนอื่นก็ไม่ชอบพฤติกรรมที่อวดดีของเหอเหลียนซิน แต่พวกนางไม่รู้จักลู่

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 97

    พวกลู่เจาหลิงไม่ถือว่ามาเร็วตอนนี้ในสวนมีคนไม่น้อยแล้วช่วงนี้เป็นปลายฤดูใบไม้ผลิ ไม่ร้อน เย็นสบาย สวนของจวนท่านหญิงปลูกดอกไม้มากมาย บานสะพรั่งสีสันงดงามแต่ตอนนี้ บนพุ่มดอกไม้ถูกประดับด้วยดอกผ้าไหมที่ผูกจากผ้าขาว  และต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ มีผ้าโปร่งสีขาวห้อยอยู่ ลอยไปตามสายลมเบาๆสีขาวเหล่านี้ บดบังความงามของดอกไม้ที่บานสะพรั่งเหล่านี้ นี่น่าจะเป็นเจตนาของท่านหญิงฉางหนิง อย่างไรเสีย ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ตรงพื้นที่โล่งกลางสวน มีโต๊ะยาวหลายตัวแบ่งตั้งเป็นสองฝั่ง บนโต๊ะมีพู่กัน น้ำหมึก และกระดาษวางอยู่ถัดจากต้นกล้วยหลายพุ่ม มีศาลาหนึ่งหลัง บนโต๊ะในศาลามีน้ำชาและผลไม้วางอยู่พื้นที่นี้มีเงาจากภูเขาจำลองและต้นไม้ที่อยู่ข้างหน้าสะท้อนลงมาพอดี แต่ยังพอมีช่องว่างให้แสงแดดเล็ดลอดเข้ามาอยู่บ้าง แสงสว่างเพียงพอ และไม่เย็นเกินไปข้างภูเขาจำลองมีถนนเล็กๆ หนึ่งเส้น เดินไปมีบ่อน้ำเล็กๆ ตอนนี้บนผิวของบ่อน้ำมีใบบัวที่เพิ่งงอกออกมาอยู่บ้าง แต่ยังไม่มีกิ่งก้านของดอกยื่นโผล่พ้นผิวน้ำเหล่าคุณหนูที่มาถึงก่อน จับกลุ่มกันตรงนี้สามตรงนั้นสอง มีคนกำลังชมดอกไม้ มีคนกำลังดื่มชา มีคนกำลังอ่านหนังส

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 96

    ลู่เจาหลิงไม่ทน หันไปพูดกับลู่เจาอวิ๋นอย่างเย็นชา “ลู่เจาอวิ๋น ถ้าไม่เข้าไปข้าจะไปแล้วนะ”“มาแล้ว” เดิมทีลู่เจาอวิ๋นก็ค่อยสังเกตการเคลื่อนไหวที่ประตูอยู่แล้ว เมื่อเห็นพวกนางสองคนถูกเด็กรับใช้ขวางไว้ นางยิ้มในใจ แต่เมื่อได้ยินว่าลู่เจาหลิงจะไปนางก็รีบมาทันที จะปล่อยให้ลู่เจาหลิงไปได้อย่างไร?“พี่เหอ นี่คือเจาหลิงน้องรองของข้า”นางควงแขนของเหอเหลียนซินไว้ พลางหันไปกล่าวกับลู่เจาหลิง “น้องรอง รีบเรียกพี่เหอเร็ว”เหอเหลียนซินมองไปทางลู่เจาหลิง สายตาเย็นชาเล็กน้อย“ข้าไม่กล้าให้ว่าที่พระชายาจิ้นอ๋องเรียกพี่หรอก”จิ้นอ๋องกลับเมืองหลวง ได้รับพระราชทานสมรส อีกฝ่ายเป็นเด็กบ้านนอกที่ถูกรับกลับมาจากชนบทข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้วทุกคนต่างตกใจมาก ไม่มีใครอยากเชื่อ ขณะเดียวกันก็อยากรู้มาก คุณหนูรองกู้เป็นคนอย่างไร โชคอะไรหล่นทับกันแน่ จึงได้รับความสนใจจากจิ้นอ๋องเหอเหลียนซินก็อยากรู้มากเช่นกันและตอนนี้นางได้เจอลู่เจาหลิงแล้ว หน้าตาเหมือนนางจิ้งจอกอย่างที่คิด เอาเป็นว่านางเห็นแล้วก็รังเกียจเลยลู่เจาเหลียงย่อมมองเจตนาร้ายที่เหอเหลียนซินมีต่อตัวเองออกนางก็ตอบกลับไปอย่างเร

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 95

    ชิวจวี๋ประคองลู่เจาอวิ๋นลงรถม้า ไม่ได้สนใจลู่เจาหัวกับลู่เจาหลิงอีกเลยหลังจากลู่เจาหัวลงรถม้า นางคิดแล้วคิดอีก ยื่นมือไปหาลู่เจาหลิง “พี่หญิงรอง ข้าประคองท่าน”“ไม่ต้อง”ลู่เจาหลิงกลับเลี่ยงผ่านมือของนาง ลงจากรถม้าเองลู่เจาหัวทำท่าเสียใจเล็กน้อย หลุบตาปกปิดสายตา“เจาอวิ๋น”มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากข้างหน้า แค่ฟังจากเสียงก็เต็มไปด้วยความมั่นใจลู่เจาอวิ๋นประหลาดใจมาก รีบเดินเข้าไปหา“พี่เหอ!”ลู่เจาหัวเห็นผู้มา สีหน้ากลับเปลี่ยนไป ร่างกายสั่นเล็กน้อย นางลืมไปได้อย่างไร ในโอกาสเช่นนี้ เหอเหลียนซินก็มาเช่นกันลู่เจาหลิงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไรนางมองไปทางผู้มาเห็นรถม้าของอีกฝ่ายก่อน รถม้าคันนั้นดูหรูหรากว่าของสกุลลู่มาก สตรีที่กำลังทักทายลู่เจาอวิ๋นอย่างอย่างสนิทสนม อายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปด ใบหน้าทรงไข่ห่าน คางแหลม หน้าตาค่อนข้างงามเพราะอยู่ระหว่างการไว้ทุกข์ การแต่งกายของนางก็เรียบๆ เช่นกัน สีขาวทั้งชุด มีเพียงปิ่นหยกกับดอกไม้ผ้าเล็กๆ ที่ประณีตไม่กี่ชิ้น สง่างามดั่งดอกบัวที่บริสุทธิ์นางพาเด็กรับใช้มาด้วยสองคน เสื้อของเด็กรับใช้เป็นสีขาวมีกิ่งดอกไม้สีน้ำตาลเล

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 94

    นางข่มความโกรธ “น้องหญิงรองหยุดได้แล้ว นี่เป็นถุงหอมที่ผู้อื่นมอบให้ข้า มันมีค่ามาก เครื่องหอมที่อยู่ข้างในก็หาซื้อตามข้างนอกไม่ได้”เครื่องหอมที่อยู่ข้างใน ท่านหญิงฉางหนิงเป็นคนให้นาง เป็นของขวัญที่ทูตต่างแดนนำมาถวายให้ท่านหญิงและองค์หญิงต่างๆ ในวังลู่เจาอวิ๋นได้เครื่องหอมมาแค่นี้ นางก็ภาคภูมิใจมาก ปกติแทบไม่เอาออกมาใช้ ในโอกาสอย่างวันนี้จึงจะยอมนำออกมาใช้ ลู่เจาหลิงกลับให้นางทิ้ง?“กลิ่นเหม็นมาก”ลู่เจาอวิ๋นอดกลั้นความโกรธ และยังคงฝืนยิ้ม คิดใจปลอบนาง “คนทั่วไปอาจจะไม่ชินกับกลิ่นเช่นนี้จริงๆ แต่นี่เป็นเครื่องบรรณาการจากทูตต่างแดน เป็นเครื่องหอมที่มีราคาแพงและหรูหรามาก น้องหญิงรอง ในเมื่อเจ้ามาถึงเมืองหลวงแล้ว เจ้าต้องพยายามปรับรสนิยมให้สูงขึ้น จะชอบแต่พวกเครื่องหอมคุณภาพต่ำไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกหัวเราะเยาะ”“ไร้สาระ”พลันลู่เจาหลิงยื่นมือออกไป กระชากถุงหอมบนกายนางลงมาฉับพลัน เลิกม่านรถก็โยนมันไปที่ข้างคนขับ“ไว้ตรงนั้นก่อน อีกเดี๋ยวเจ้าจะห้อยค่อยห้อย”นางทนไม่ไหวแน่ ถ้าต้องทนดมอยู่ในรถม้าที่แคบเล็กเช่นนี้ตลอดอีกทั้งเกรงว่าส่วนผสมของเครื่องหอมเหล่านี้ค่อนข้างแปลก มีผงกระดู

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 93

    ชิงเป่าร้อนใจแล้ว“พวกเราต้องตามคุณหนูไป คุณหนูของพวกเรายังบาดเจ็บอยู่!”ก่อนหน้านี้พวกนางเคยได้ยินท่านหมอฝู่กล่าว คุณหนูได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ที่จริงนับว่าอันตรายถึงชีวิต แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดนางยังสามารถรอดมาได้ชิงเป่าชิงอินก็เป็นคนฝึกยุทธ์เช่นกัน และเคยเห็นบาดแผลของลู่เจาอิง ย่อมรู้ว่าบาดแผลนั่นสาหัสเพียงใด“ข้าอยากพาเจ้าไปด้วยจริงๆ แต่รถม้าไม่พอนั่งแล้ว” ลู่เจาอวิ๋นก็หมดหนทาง นางกล่าวเหมือนเยาะเย้ยตัวเอง “ไม่ใช่ข้าหาเรื่องพวกเจ้า แต่รถม้าจวนเรามันไม่ใหญ่”ชิงเป่ากล่าวทันที “พวกเราเดินไปก็ได้”พวกนางสามารถใช้วิชาตัวเบา“พวกเจ้ามาจากจวนจิ้นอ๋อง น่าจะรู้จักท่านหญิงฉางหนิง ดังนั้นก็น่าจะรู้ว่าจวนท่านหญิงอยู่ที่ไหน ห่างจากที่นี่ไกลมาก ถ้าหากพวกเจ้าเดิน อย่างน้อยก็ต้องเดินครึ่งชั่วยาม”ลู่เจาอวิ๋นกล่าว “ถึงเวลาพวกเจ้ากับน้องหญิงรองไม่ได้เข้าจวนพร้อมกัน ผู้อื่นก็จะหัวเราะเยาะเช่นกัน”เช่นนั้นไม่เท่ากับทำให้ผู้อื่นรู้ว่า รถม้าของสกุลลู่เล็กมาก แม้แต่สาวใช้ก็ไม่พอเบียดหรือ?ชิงอินใจเย็นกว่า คิดวิธีที่เหมาะสมกว่าออก “พวกเราไปเช่ารถม้าไป”“รอพวกเจ้าหารถม้าได้มันก็ไม่ทันแล้ว แต่ว่าถ

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 92

    เที่ยวนี้เขาได้เห็นความสามารถของลู่เจาหลิงอีกครั้งชิงอินกอดกล่องในอ้อมแขนไว้ ยังรู้สึกเหมือนนี่ไม่ใช่เรื่องจริงเล็กน้อย ออกจากจวนเที่ยวเดียว คุณหนูก็หาเงินได้อีกห้าพันตำลึงแล้ว ห้าพันตำลึงเลยนะ!สกุลลู่นำเงินออกมาสามร้อยตำลึง ก็ปวดใจเหมือนถูกเฉือนเนื้อ พวกเขาจะคาดคิดได้อย่างไร คุณหนูอาศัยความสามารถของตัวเอง ก็สามารถหาเงินได้ห้าพันตำลึงแล้วนอกจากนี้ยังมีจี้หยกหนึ่งชิ้นกับโสมหนึ่งต้นด้วย แค่ของเหล่านี้ก็มีค่าหลายร้อยตำลึงตกลงสุกุลลู่รู้หรือไม่ว่าคุณหนูเป็นสมบัติลับอย่างไรครั้งนี้ชิงเป่าไม่ได้ตามออกมาด้วย แต่เฝ้าอยู่ที่หอทิงหน่วน นางดูจากเวลา ได้ไปนำอาหารเย็นกลับมาแล้ว ลู่เจาหลิงกลับมาก็ได้กินข้าวเลย“ชิงเป่าคำนวณเวลาได้พอดีเป๊ะ” นางชมไปประโยคหนึ่ง หลังจากนั้นกล่าว “ให้พวกเจ้าคนละห้าตำลึง กลับไปซื้อของที่ตัวเองชอบกิน”ให้เงินพวกนางอีกแล้ว!ชิงเป่าเบิกตากว้าง มองไปทางชิงอินด้วยสายตาตั้งคำถามชิงอินเงียบ แต่เปิดกล่องเหล่านั้นให้นางดู“คุณหนูเก่งจัง…” แม้แต่เสียงตกใจของชิงเป่าก็ลอยเล็กน้อยลู่เจาหลิงยิ้มแล้วยิ้มอีก “พอแล้ว กินข้าวเถอะ”หลังกินข้าว อาบน้ำเสร็จ นางก็กลับมาท

DMCA.com Protection Status