Share

บทที่ 6

“ท่านลองดูก็ไม่มีอะไรเสียหาย”

พลันลู่เจาหลิงมองไป ก็เห็นป้ายหยกของเขาแล้ว

“อันนั้นก็แล้วกัน คุณภาพหยกพอใช้ได้”

หมอฝู่หยิบป้ายหยกของตัวเองขึ้นมาอย่างประหลาดใจ หลานชายเป็นคนมอบป้ายหยกชิ้นนี้ให้เขา คุณภาพหยกดีมาก นางถูกเลี้ยงดูที่บ้านนอกจนโต สามารถพูดออกมาอย่างใจเย็นว่าหยกชิ้นนี้แค่พอใช้ได้?

“ฝีมือการแพทย์ของท่านไม่เลว ตายไปทั้งเช่นนี้น่าเสียดาย” ลู่เจาหลิงกล่าวอีกครั้ง

หมอฝู่เผลอหัวเราะโดยไม่มีเสียง จากนั้นก็แกะป้ายหยกส่งให้ลู่เจาหลิง

ช่างเถอะ แม่นางคนนี้น่าสนใจ คิดเสียว่าปลอบใจนางหน่อยก็แล้วกัน นางดูเด็กกว่าหลานชายของเขาเสียอีก

“เชิญท่านนั่งลง”

ลู่เจาหลิงถือป้ายหยกด้วยมือซ้าย มือขวาขีดเขียนกลางอากาศ พลันก็กดนิ้วมือไปที่หน้าผากของเขา

ในสายตาของนาง ไอสีดำที่หมุนวนอยู่บนหน้าผากของหมอฝู่ราวกับจู่ๆ ก็มีชีวิต มันบิดไปมาดิ้นรนเหมือนกับไส้เดือนที่ได้รับความตกใจ

แต่มันถูกนิ้วมือของลู่เจาหลิงกดเอาไว้ ผ่านไปเพียงครู่เดียวก็ขยับไม่ได้แล้ว และเริ่มมาพันนิ้วมือของนางแทน

หมอฝู่รู้สึกได้ทันทีว่าศีรษะที่วิงเวียน และทั้งปวดทั้งหนักในช่วงที่ผ่านมา ผ่อนคลายลงในพริบตา

ความแตกต่างนี้ชัดเจนมาก จนทำให้เขาไม่สามารถมองข้าม

ลูเจาหลิงกดนิ้วมือลงบนป้ายหยกเบาๆ จากนั้นก็ขีดเขียนครั้งแล้วครั้งเล่า ไอสีดำเสี้ยวนั้นค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในป้ายหยก

นางวางป้ายหยกลงบนโต๊ะ

“ท่านดู”

สายตาหมอฝู่มองไปที่ป้ายหยกชิ้นนั้น

ทันใดนั้น แกร๊ก!

ป้ายหยกชิ้นนั้นแตกต่อหน้าต่อตาเขาทั้งเช่นนี้แล้ว!

ป้ายหยกที่สภาพดีในตอนแรก พริบตานั้นก็แตกเป็นชิ้นนับไม่ถ้วน ราวกับถูกตัดเป็นลายใยแมงมุม

“นี่!” หมอฝู่ตกใจ

เมื่อครู่ป้ายหยกชิ้นนี้อยู่ในมือเขายังดีๆ อยู่เลย พอส่งให้ลู่เจาหลิง นางแค่ถือไว้ในมือเบาๆ แล้ววางลงบนโต๊ะเบาๆ

ต่อให้เป็นนักสู้ที่มีกำลังภายในลึกล้ำ ก็ไม่สามารถทำเช่นนี้กระมัง?

“เรียบร้อย ท่านจะไม่ปวดหัวอีกแล้ว” ลู่เจาหลิงกล่าว

หมอฝู่เอื้อมมือออกไปลูบคลำหน้าผาก แต่ก่อนตอนที่ไม่กำเริบ หน้าผากก็มักจะปวดเป็นระยะๆ เมื่อกดลงไปยิ่งชัดเจน

ตอนนี้เขานวดอยู่ครู่หนึ่ง กลับไม่รู้สึกปวดจุกเช่นนั้นแล้วจริงๆ

เขาเงยหน้ามองลู่เจาหลิงฉับพลัน

ทั้งๆ ที่เป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบกว่าปี เขากลับมองเห็นความเยือกเย็นที่ไม่อาจคาดเดาของผู้ใหญ่บนสีหน้านาง

หมอฝู่ถามด้วยความตกใจ “คุณหนูลู่ เจ้าบอกว่าเมื่อครู่มันคืออะไรนะ?” ก็เขามองไม่เห็นนี่นา

“ไอมรณะ”

“ไอมรณะมาจากไหน?”

ลู่เจาหลิงเตือนเขา “จริงอยู่ที่บางคนเมื่อเข้าใกล้ช่วงสุดท้ายของอายุขัย ร่างกายจะเกิดไอมรณะขึ้นเอง แต่ของท่านไม่ใช่ ท่านลองคิดดูว่าก่อนที่จะปวดหัว เคยไปสถานที่แปลกๆ อะไรบ้าง หรือเคยสัมผัสของแปลกๆ อะไรบ้าง”

นางเริ่มเวียนศีรษะ และท้องก็เริ่มส่งเสียงร้องโครกครากแล้ว เมื่อครู่ดึงไอมรณะออกแค่เสี้ยวเดียว ก็ทำให้นางรู้สึกไร้เรี่ยวแรงและไม่มีชีวิตชีวาไปทั้งร่าง

ตอนนี้นางยังไม่ฟื้นฟู อ่อนแอมากจริงๆ

“ในเมื่อจิ้นอ๋องให้ท่านมา เช่นนั้นตอนนี้ข้าขอเป็นจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือหน่อยก็แล้วกัน รบกวนท่านให้ลู่หมิงเตรียมเรือนอีกหลังให้ข้า แล้วตุ๋นน้ำแกงไก่โสมมาสักชาม แล้วก็หาเด็กรับใช้ที่มีไหวพริบให้ข้าสักคน”

ลู่เจาหลิงกล่าวจบก็ฟุบลงบนโต๊ะอย่างไร้เรี่ยวแรงแล้ว

หมอฝู่ตกใจจนตะโกนเสียงดังทันที “ใต้เท้าลู่!”

ลู่หมิงรีบเข้ามา

“ท่านหมอฝู่ นางลูกทรพีของข้า…”

หมอฝู่ขัดคำพูดของเขา อ้าปากก็เป็นตำหนิเป็นชุด “ใต้เท้าลู่ให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ! คุณหนูลู่เป็นลูกสาวของท่านจริงหรือ? สกุลลู่ของท่านยากจนถึงขั้นไม่มีข้าวกินแล้วหรือ?”

ลู่หมิงตะลึงงัน “ไม่ใช่ขอรับ นี่เหตุใดท่านจึงพูดเช่นนี้?”

“ถ้าหากไม่ใช่ยากจนจนตระหนี่ถี่เหนียว ท่านลองดูว่าที่ให้คุณหนูลู่อยู่นี่มันเรียกว่าห้องหรือ? จิ้นอ๋องกำชับพวกเจ้าดูแลคนให้ดี นี่พวกเจ้าดูแลเช่นนี้หรือ? รอข้ากลับไปรายงานท่านอ๋อง ใต้เท้าลู่ ท่านแบกรับความโกรธของท่านอ๋องไหวหรือไม่?”

สีหน้าลู่หมิงเปลี่ยนฉับพลัน

“เปลี่ยนห้องให้คุณหนูลู่เดี๋ยวนี้ แล้วก็หาโสมอายุสามสิบปีมาตุ๋นน้ำแกงไก่ให้นาง และหาเด็กรับใช้ที่มีไหวพริบสักคนมาดูแลอย่างใกล้ชิด!”

หมอฝู่มองลู่เจาหลิงที่ฟุบอยู่บนโต๊ะ รู้สึกเวทนาแม่นางคนนี้เล็กน้อยจริงๆ

“ไว้ข้าจะมอบยาให้นาง นางบาดเจ็บสาหัส วัตถุดิบยาล้วนต้องเป็นของคุณภาพดีที่มีอายุ ค่ารักษาแพง ใต้เท้าลู่ต้องเตรียมเงินให้พร้อมเสียล่ะ!”

“ห้องนี้แค่เก็บกวาดนิดหน่อยก็อยู่ได้แล้ว เดิมทีในจวนก็ไม่มีห้องว่างเหลือแล้วนะเจ้าคะ” ลู่ฮูหยินกล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจที่นอกประตู

หมอฝู่พ่นลมออกจากจมูกอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณหนูลู่อีกท่านไม่ได้บาดเจ็บไม่ใช่หรือ? ถ้าหากไม่มีห้องจริงๆ ก็ให้พวกนางสองคนสลับกัน”

สีหน้าลู่เจาอวิ๋นเปลี่ยนฉับพลัน

จะให้นางยกเรือนฉี่เสียให้นาง?

“ท่านแม่!” ลู่เจาอวิ๋นกระตุกแขนเสื้อลู่ฮูหยิน

ลู่หมิงมองท่าทางของหมอฝู่ เข้าใจแล้วว่าวันนี้เขาจะยุ่งเรื่องนี้ให้ได้ จึงอดไม่ได้ที่จะหันไปเขม่นใส่ลู่ฮูหยินแวบหนึ่ง

ทั้งๆ ที่ในจวนยังมีเรือนหลังอื่น เหตุใดต้องให้ลู่เจาหลิงมาอยู่ห้องเก่าๆ ที่แม่นมอยู่ด้วย?

หากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป เขาขายหน้าแน่!

“ใครก็ได้ พาคุณหนูรองไปอยู่หอทิงหน่วน ฮูหยิน ยังไม่รีบไปสั่งให้ห้องครัวตุ๋นไก่ให้เจาหลิงอีก?”

ลู่ฮูหยินเห็นท่าทางที่โกรธจนหน้าบึ้งของลู่หมิง รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโวยวาย ทำได้เพียงกล้ำกลืนความโกรธ รับคำทีหนึ่ง แล้วหันไปกล่าวกับลู่เจาอวิ๋น “เจ้าประคองน้องสาวของเจ้าไป”

ลู่เจาอวิ๋นก็กัดฟันกรามแน่นเช่นกัน

หมอฝู่ยังไม่วางใจ ตามไปที่หอทิงหน่วนด้วย

นี่เป็นห้องอุ่น[1]ที่จวนสกุลลู่สร้างแยกออกมาทางทิศใต้ แม้ไม่ใหญ่นัก แต่ภายในได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามและสะดวกสบาย เปิดหน้าต่างก็สามารถมองเห็นสวนดอกไม้และต้นหญ้า นับว่าเป็นสถานที่ค่อนข้างดี

หลังจากลู่เจาอวิ๋นประคองลู่เจาหลิงถึงมาบนเตียง นางกล่าวอย่างแยกเขี้ยวยิงฟันข้างหูลู่เจาหลิง “เจ้าอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่วันหรอก”

ลู่เจาหลิงเหลือบมองนางแวบหนึ่งก็นอนลงบนเตียง หลับตาไม่ได้สนใจแล้ว

ในที่สุดนางก็สามารถนอนพักผ่อนเสียที

แต่ลู่เจาอวิ๋นยังยืนพูดพล่ามอยู่ที่ข้างๆ

“อย่าคิดว่าเจ้าตีสนิทกับจิ้นอ๋องสำเร็จ ข้าได้ยินมาว่าเขาเย็นชาไร้ความรู้สึก ไม่มีทางช่วยคนระหว่างทางและยังส่งกลับบ้าน เขายังไม่รู้ว่าจะจัดการเจ้าอย่างไรแน่นอน รอเขาคิดได้แล้ว เจ้าได้เจอดีแน่”

“แผลบนหัวของเจ้าเป็นฝีมือของใคร? คนพวกนั้นไม่ได้ทำอย่างอื่นกับเจ้าจริงๆ หรือ? หากเจ้าไม่พูด ถึงเวลามีคนเอาไปลือกันข้างนอก ที่บ้านก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้แล้วนะ”

“ไสหัวออกไป” ลู่เจาหลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

ลู่เจาอวิ๋นกัดฟันกระทืบเท้าก็วิ่งออกไปแล้ว

นางต้องลองไปหาข่าวดูว่า มันเกิดข้อผิดพลาดตรงไหนกันแน่!

จวนจิ้นอ๋อง

พ่อบ้านพาคนทั้งจวนมารอต้อนรับที่หน้าประตู

“ขอต้อนรับท่านอ๋องกลับเมืองหลวง!” พ่อบ้านมองจิ้นอ๋อง น้ำตาอุ่นๆ นองเต็มเบ้าหมดแล้ว

“ท่านอ๋อง!” หมัวมัวคนหนึ่งที่เกล้ามวยผมไว้อย่างพิถีพิถันเดินเข้ามาทั้งที่น้ำตาคลอเบ้า พร้อมกับเด็กรับใช้โตสองคนที่ท่าทางสุขุม

“ชิ่งหมัวมัว” จิ้นอ๋องมองนางแวบหนึ่ง แล้วเลื่อนสายตาไปที่เด็กรับใช้ทั้งสอง

เมื่อเห็นท่านอ๋องสังเกตเห็นพวกนางสองคน ชิ่งหมัวมัวปลื้มปีติเล็กน้อย หรือในสายตาท่านอ๋องสามารถมองเห็นผู้หญิงแล้ว?

นางรีบกล่าว “ท่านอ๋อง นี่คือเด็กรับใช้ทั้งสองคนที่บ่าวปลูกฝังเพื่อท่านโดยเฉพาะ ลำดับรุ่นชิงเหมือนชิงเฟิง ตั้งชื่อว่าชิงหลิงกับชิงอิน ต่อไปให้พวกนางคอยรับใช้ท่านเถิดเจ้าค่ะ”

ชิงหลิงกับชิงอินก้าวออกมาคำนับ “บ่าวคำนับท่านอ๋อง”

“เป็นวรยุทธ์หรือไม่?” จิ้นอ๋องถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“บ่าวช่ำชองกระบี่เจ้าค่ะ” ชิงหลิงกล่าว

“วิชาตัวเบาของบ่าวค่อนข้างดีเจ้าค่ะ” ชิงอินกล่าว

จิ้นอ๋องพยักหน้า “เก็บสัมภาระไปจวนสกุลลู่ ต่อไปพวกเจ้าคอยติดตามข้างกายคุณหนูรองลู่ก็แล้วกัน”

--------------------------------------------------

[1] ห้องอุ่น ห้องที่มีเตาผิง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status