Share

บทที่ 8

Author: อันชิงซิน
last update Last Updated: 2024-10-29 11:49:10
จิ้นอ๋องหัวเราะเบาๆ

“ดูเหมือนหมอฝู่จะประทับใจในตัวนางมาก ตั้งแต่มาถึงก็ชมนางหลายครั้งแล้ว”

“ข้าก็แค่พูดไปตามความจริง” หมอฝู่กล่าว

ลู่เจาหลิงก็ฉลาดจริงๆ นั้นแหละ

“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง ข้าได้ส่งเด็กรับใช้ไปให้นางสองคนแล้ว ชิ่งหมัวมัวอบรมด้วยตัวเอง น่าจะละเอียดรอบคอบ”

“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี”

หมอฝู่โล่งอกอย่างที่คิด แต่แล้วก็นึกถึงอะไรบางอย่าง อดไม่ได้ที่จะมองจิ้นอ๋องอย่างคาดคะเน แววตาสั่นไหว

“ท่านอ๋องกับคุณหนูลู่รู้จักกันได้อย่างไร? ท่านดูดีกับนางเป็นพิเศษเลยนะ”

“นางบอกว่าสามารถช่วยข้า”

คำพูดประโยคเดียวของจิ้นอ๋อง ปัดความคิดที่จะจุ้นเรื่องชาวบ้านของหมอฝู่ทิ้งไปในพริบตา

สีหน้าเขาเคร่งขรึมขึ้นมาทันที

“คุณหนูรู้อาการของร่างกายท่านได้อย่างไร?” ขณะกล่าว เขายังได้มองไปที่หน้าอกของจิ้นอ๋อง

เขาเห็นความแปลกประหลาดที่หน้าอกจิ้นอ๋องตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน แต่เขาก็หมดหนทาง ดังนั้นจิ้นอ๋องจึงตามหาหมอมีชื่อเสียงและผู้วิเศษมาโดยตลอด

“นางบอกว่านางมองออก หมอฝู่เชื่อหรือไม่?”

หมอฝู่นึกถึงเหตุการณ์ที่ลู่เจาหลิงช่วยเขาเมื่อครู่ สีหน้ายิ่งเคร่งขรึมแล้ว

“ข้าไม่เชื่อไม่ได้”

แต่ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาอดไม่ได้ที่จะกล่าว “เพียงแต่เรื่องนี้มันน่าตกใจเกินไป คุณหนูลู่ที่เป็นเด็กผู้หญิงอายุสิบหกปี และเติบโตที่บ้านนอก ไปเรียนความสามารถพวกนี้มาจากไหน?”

“นี่ก็เป็นเรื่องที่ข้าอยากรู้เช่นกัน”

จิ้นอ๋องลูบแหวนสีดำตรงนิ้วกลางข้างซ้ายเบาๆ

“ดูคุณหนูลู่ไม่ใช่คนชั่ว”

จิ้นอ๋องอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้ว เขาเหลือบมองหมอฝู่แวบหนึ่ง “หมอฝู่ก็อายุไม่น้อยแล้ว กลับยังพูดคำพูดที่ไร้เดียงสาเช่นนี้ออกมาได้”

คนคนหนึ่งจะชั่วหรือดี สามารถมองออกได้ในปราดเดียวหรือ?

ดูเหมือนฝีมือของแม่นางผู้นั้นไม่ธรรมดา สามารถชนะใจหมอฝู่ในพริบตา

“ข้ามีชีวิตมาหลายสิบปีแล้ว เคยมองคนไม่น้อย แววตาของคุณหนูลู่สุกใส ไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์แน่นอน” หมอฝู่กล่าว

จิ้นอ๋องก็ไม่ได้เถียงกับเขา เพียงแค่กล่าวอย่างแผ่วเบาหนึ่งประโยค

“ในเมื่อหมอฝู่ชอบนาง เช่นนั้นก็กลับไปเตรียมของขวัญดีๆ สักชิ้นเถอะ”

“เตรียมของขวัญ? ของขวัญอะไร?”

“ข้ากำลังจะหมั้นหมายกับคุณหนูลู่ท่านนั้น ท่านที่เป็นผู้อาวุโสไม่ต้องมอบของขวัญหรือ?”

“อะไรนะ? หมั้นหมาย?!”

ข้างนอก พ่อบ้านกับชิ่งหมัวมัวสบตากันแวบหนึ่ง

ดูสิ อีกรายแล้วที่โดนข่าวนี้ของท่านอ๋องสะเทือนจนร้องเสียงหลง

วังหลวง

ไทเฮากำลังพิงอยู่บนเก้าอี้เบาะนวม โดยข้างๆ มีขันทีปากแดงฟันขาวคนหนึ่งนั่งคุกเข่า กำลังนวดขาให้นางเบาๆ

มีคนวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ

“ทูลไทเฮา จิ้นอ๋องกลับเมืองหลวงแล้วเพคะ!”

ไทเฮาลุกพรวดขึ้นมานั่งทันที

“เจ้าว่าอะไรนะ? เหตุใดเขาจึงกลับเมืองหลวงกะทันหัน?”

“ไม่มีใครได้รับข่าวล่วงหน้า ตอนนี้จิ้นอ๋องกลับถึงจวนจิ้นอ๋องแล้ว คาดว่าอีกไม่นานก็จะเข้าวังเพคะ” นางกำนัลกล่าว

ไทเฮากัดฟัน “ไท่ซ่างหวงเรียกเขากลับเมืองหลวงแน่ ทั้งๆ ที่ให้คนจับตาดูเขาไว้แล้ว เหตุใดยังสามารถปล่อยให้เขาส่งจดหมายออกไปได้?”

ไท่ซ่างหวงป่วยหนัก นอนติดเตียงมาสองเดือนแล้ว หลายคนต่างกำลังรอข่าวการสิ้นพระชนม์ของเขาเงียบๆ ใครจะคาดคิดว่าจิ้นอ๋องจะกลับเมืองหลวงในเวลานี้

“จิ้นอ๋องกลับเมืองหลวงแล้วอย่างไร? แม้แต่ตาเฒ่าฝู่หย่วนก็ไม่สามารถรักษาไท่ซ่างหวง จิ้นอ๋องกลับมาก็เปล่าประโยชน์!”

ไทเฮาใจเย็นลงอีกครั้ง พลันสะบัดแขนเสื้อนั่งลงอย่างสุขุม “แต่ว่านะ จู่ๆ ข้าก็นึกขึ้นได้ เสิ่นเซียงจวิ้นปลื้มจิ้นอ๋องตั้งแต่เด็กไม่ใช่หรือ? ไป เรียกนางเข้าวัง ข้าจะลองถามเด็กนั่นดูว่าอยากเป็นพระชายาจิ้นอ๋องหรือไม่”

“เพคะ”

เสิ่นเซียงจวิ้น คุณหนูของอัครเสนาบดีเสิ่นปีนี้เพิ่งจะอายุสิบหกปี งดงามละเอียดลออ เดิมทีก็ควรคุยเรื่องแต่งงานแล้ว แต่นางเอาแต่รอจิ้นอ๋องมาโดยตลอด นี่เป็นเรื่องที่เกือบทั้งแวดวงชนชั้นสูงต่างก็รู้

สาเหตุหลักเพราะไทเฮาเคยรับปากอ้อมๆ ตอนนั้นไทเฮาเคยบอกเป็นนัยกับพวกเขาว่า รอจิ้นอ๋องกลับมาก็จะประทานงานแต่งให้พวกเขา

ดังนั้นทั้งครอบครัวอัครเสนาบดีเสิ่นก็เกือบยอมรับการแต่งงานนี้ทุกคน

เสิ่นเซียงจวิ้นได้ยินว่าไทเฮาเรียกพบ นางไม่กล้าละเลย รีบแต่งหน้าทำผมเข้าวังทันที

หลังจากเห็นนางกำนันที่นำทาง ก็ยัดถุงเงินเล็กๆ ใบหนึ่งให้นาง พลางกล่าวถามเสียงเบา “วันนี้ไทเฮาเรียกข้าคนเดียว หรือคุณหนูท่านอื่นก็มาด้วย?”

“เรียกคุณหนูเสิ่นคนเดียวเจ้าค่ะ” นางกำนัลคลำถุงเงินสองสามที คุณหนูเสิ่นใจกว้างเสมอ นางก็กล่าวเสริมอย่างเป็นงานอีกประโยค “ได้ยินมาว่าจิ้นอ๋องกลับเมืองหลวงแล้ว อีกเดี๋ยวน่าจะเข้าวังเช่นกัน ไทเฮาก็เรียกคุณหนูเสิ่นเข้าวังด้วยเหตุนี้เจ้าค่ะ”

“จิ้นอ๋องกลับมาแล้ว?”

เมื่อเสิ่นเซียงจวิ้นได้ยินข่าวนี้ ทั้งประหลาดใจและปลื้มปีติ และตื่นเต้นจนหน้าแดงในพริบตาแล้ว

เพราะจิ้นอ๋องจะเข้าวัง ไทเฮาจึงเรียกนางมา?

นึกถึงไทเฮาจับมือนางเมื่อหลายปีก่อน ชมว่านางงามดังบุปผาโฉมดั่งจันทรา นางกับจิ้นอ๋องเป็นคู่ที่ฟ้าดินสร้างมาเพื่อคู่กัน หัวใจของเสิ่นเซียงจวิ้นเริ่มเต้นตึกตัก

ไทเฮาจะประทานงานแต่งให้นางกระมัง?

ไม่เสียดายเวลาหลายปีที่นางทุ่มเทแรงกายแรงใจมอบของขวัญให้ไทเฮาในเทศกาลต่างๆ และเรียนรู้การชงชา การเย็บปักถักร้อยที่ไทเฮาทรงโปรด ไทเฮาโปรดปรานนางจริงๆ ด้วย

เสิ่นเซียงจวิ้นข่มความตื่นเต้นในใจ หลังจากเจอไทเฮา นางคำนับอย่างงดงาม

“หม่อมฉันถวายบังคมไทเฮา ขอทรงอายุยืนหมื่นปี หมื่นๆ ปีเพคะ”

“รีบลุกขึ้นเถิด” ไทเฮากวักมือ พลางมองเสิ่นเซียงจวิ้นตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ยิ้มเมตตา “ไม่ได้เจอกันหลายวัน คุณหนูสกุลเสิ่นงามขึ้นอีกแล้ว ราวกับดอกไม้ก็มิปาน”

เสิ่นเซียงจวิ้นก้มหน้าเล็กน้อย “ไทเฮาจึงจะเหมือนดอกไม้เพคะ งามหยาดเยิ้มล่มบ้านล่มเมืองดังดอกโบตั๋น”

“ฮ่าๆ ๆ เจ้าปากหวานจริงๆ เซียงจวิ้นปีนี้อายุสิบหกแล้วกระมัง? คิดว่าพ่อแม่ของเจ้าน่าจะร้อนใจแล้ว เด็กบ้านอื่นอายุเท่านี้ก็คุยเรื่องแต่งงานนานแล้ว”

เพราะเรื่องแต่งงานของนางจริงๆ!

แก้มเสิ่นเซียงจวิ้นร้อนผ่าว “ไทเฮา หม่อมฉันไม่รีบร้อนเพคะ”

“จะไม่รีบร้อนได้อย่างไร?” ไทเฮากวักมือให้นางเข้ามา พลันจับมือของนางไว้ “ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ จิ้นอ๋องกลับเมืองหลวงแล้ว ข้าจะลองถามเจตนาของเจ้าตอนนี้ อีกเดี๋ยวจะได้ไม่จับคู่ผิด”

“ไทเฮา…” เสิ่นเซียงจวิ้นก้มหน้าอย่างหน้าแดง “เซียงจวิ้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของไทเฮาเพคะ”

“ได้ ได้ เช่นนั้นข้าตัดสินใจให้เจ้าเดี๋ยวนี้ พวกเรารีบหมั้นหมายกับจิ้นอ๋องเสีย กันคนอื่นมาแย่งไปเสียก่อน”

“ทูลไทเฮา จิ้นอ๋องเข้าวังแล้วเพคะ!” นางกำนัลคนหนึ่งเข้ามารายงาน

เสิ่นเซียงจวิ้นเงยหน้าฉับพลัน ยากจะปกปิดความตื่นเต้น

เขาเข้าวังจริงๆ ด้วย

หัวใจนางผูกกับตัวเขามาแปดปีเต็มๆ! ชาตินี้นางจะแต่งงานกับเขาคนเดียว!

“เขาไปหาไท่ซ่างหวงหรือ?”

“ทูลไทเฮา จิ้นอ๋องไปที่ห้องทรงอักษรก่อนเพคะ”

ไทเฮาลุกขึ้นยืน จูงมือเสิ่นเซียงจวิ้น “ถือว่ายังจำเสด็จพี่ของเขาได้ พอดีเลย พวกเราก็ไปห้องทรงอักษร ให้ฝ่าบาททรงมีราชโองการประทานงานแต่งทันที”

นอกห้องทรงอักษร จิ้นอ๋องที่นั่งอยู่บนเสลี่ยงมองร่างเงาสีเหลืองสดที่ยืนอยู่หน้าประตู มุมปากเผยอขึ้นเล็กน้อย

ออกมาต้อนรับด้วย?

ฮ่องเต้เดินอย่างองอาจมาถึงตรงหน้าเขา พลันเรียกอย่างตื่นเต้น “อาเยว่ ในที่สุดเจ้าก็กลับมาเสียที! หลายปีมานี้ข้าคิดถึงเจ้าตลอด!”

“เสด็จพี่ ไม่เจอกันหลายปี ท่านดูแก่ขึ้นนะ บนใบหน้าเริ่มมีริ้วรอยแล้ว” จิ้นอ๋องส่ายศีรษะ พลางถอนหายใจ

พลันฮ่องเต้ชะงัก

Related chapters

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 9

    ฮ่องเต้องค์ใดไม่ถือสาเมื่อมีคนว่าตัวเองแก่?ผู้ครอบครองแผ่นดิน กุมอำนาจสูงสุด สิ่งที่ต้องการมากกว่านั้นคือรักษาความอ่อนเยาว์และแข็งแรง อายุยืนร้อยปีฮ่องเต้เป็นรัชทายาทจนถึงอายุเกือบสี่สิบปี ไท่ซ่างหวงไม่สิ้นพระชนม์เสียที ไม่ง่ายเลยที่กว่าจะทรงประชวรจึงให้เขาขึ้นครองราชย์ จนถึงตอนนี้ก็เพิ่งจะผ่านไปสองปีเพิ่งครองราชย์ปีที่สอง ก็ได้ยินจิ้นอ๋องบอกว่าหน้าเขามีริ้วรอย ช่างเป็นการฆ่าคนด้วยคำพูดจริงๆดังนั้นเขาจึงไม่ชอบหน้าพระอนุชาคนเล็กคนนี้แล้ว ยิ่งโตยิ่งน่ารังเกียจ“ข้าอายุมากกว่าอาเยว่ยี่สิบปี ย่อมเป็นผู้ใหญ่กว่าเจ้าอยู่แล้ว” ฮ่องเต้ปลอบใจตัวเองพระสนมของเขาต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเขายังหนุ่ม ดูแล้วเหมือนอายุสามสิบต้นๆ อีกทั้งเขาอยู่บนพระแท่นบรรทมยังน่าเกรงขามมาก ฮึ่ม หากแต่ไม่คาดคิดว่าเจอกันก็ถูกจิ้นอ๋องทำร้ายจิตใจ เขาต้องอดกลั้นให้ได้“อืม เสด็จพี่ใกล้ห้าสิบแล้ว” จิ้นอ๋องกล่าวต่ออย่างเป็นธรรมชาติฮ่องเต้เกือบจะร้องไห้แล้ว“อาเยว่ รีบเข้ามา ลองเล่าให้ข้าฟังหน่อยว่าหลายปีนี้เจ้าไปไหน เจอเรื่องสนุกอะไรบ้าง ข้ามีงานติดตัวทั้งวัน แทบไม่ได้ออกจากวังหลวงแห่งนี้เลย คิดแล้วก็อิจฉาเจ

    Last Updated : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 10

    ฮ่องเต้หรี่ตามองเสิ่นเซียงจวิ้นแม้หลายปีมานี้ เขาเคยชินกับการขัดเจตนารมณ์ของจิ้นอ๋องทุกเรื่อง ขอแค่เป็นเรื่องที่จิ้นอ๋องไม่อยากทำหรือรู้สึกต่อต้าน เขาก็จะทำสิ่งที่ตรงกันข้าม แต่เห็นคุณหนูของอัครเสนาบดีเสิ่นอยากแต่งงานกับจิ้นอ๋องเช่นนี้ เขาก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อยอัครเสนาบดีเสิ่นจงรักภักดีต่อเขามาโดยตลอดตามหลักแล้ว ควรยกเสิ่นเซียงจวิ้นให้รัชทายาทหรือองค์ชายคนอื่น เช่นนี้ความสัมพันธ์จักรพรรดิกับขุนนางของพวกเขาจึงจะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นแต่อัครเสนาบดีเสิ่นกลับไม่ได้ปฏิเสธเรื่องที่ลูกสาวขอแต่งงานกับจิ้นอ๋อง? สิ่งนี้ส่งผลดีต่ออัครเสนาบดีเสิ่นอย่างไร?หรือว่าหลายปีนี้เขาแสร้งเป็นเสด็จพี่ที่แสนดีมาโดยตลอด ทำให้เสนาบดีเสิ่นเข้าใจผิด คิดว่าความสัมพันธ์พี่น้องระหว่างเขากับจิ้นอ๋องลึกซึ้งเสิ่นเซียงจวิ้นเป็นถึงสตรีผู้มากความสามารถที่มีชื่อเสียงของเมืองหลวง“ไม่มีหน้าออกจากบ้าน เจ้าสามารถปิดประตูไม่ออกมาได้” จิ้นอ๋องกล่าวด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ซี๊ดใจดำจริงๆเสิ่นเซียงจวิ้นตกใจจนลืมร้องไห้“ท่านอ๋อง?”ไทเฮาอดไม่ได้ที่จะถาม “จิ้นอ๋องอยากแต่งงานกับแม่นางบ้านใด? หรือว่าหลายปีนี้ได้พบกับหญิงงาม

    Last Updated : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 11

    สะเดาะเคราะห์?พระทัยของฮ่องเต้เต้นแรง เป็นเช่นนั้นไม่ได้ พระองค์ทรงไม่ต้องการให้ไท่ช่างหวงมีชีวิตอยู่จะเป็นอย่างไรถ้าสะเดาะเคราะห์จนสามารถต่อพระชนมพรรษาได้จริงๆ?ฮ่องเต้ตวาดทันที “ไร้สาระ! เจ้าที่เป็นถึงบุตรธิดาคนโตของอัครเสนาบดี สะเดาะเคราะห์อะไรกัน?”ไท่เฮาอดไม่ได้ที่จะทอดพระเนตรพระองค์ไม่สิ ฮ่องเต้จะทรงคัดค้านอย่างแข็งขันทำไมกัน?“ไสหัวไปให้พ้น!”จิ้นอ๋องระงับความโกรธของเขา ไท่ซ่างหวงประชวรหนักเยี่ยงนี้ คนเหล่านี้ยังกล้ามาพูดพล่อยๆ ที่นี่อีก!“อาเยว่ นาง... นาง...” ไท่ช่างหวงยื่นพระหัตถ์ที่สั่นเทาของพระองค์ออก ชี้ไปที่เสิ่นเซียงจวิ้นด้วยความยากลำบาก “สวรรค์บันดาล...”เพียงครึ่งประโยคดังกล่าว กลับทำให้เสิ่นเซียงจวิ้นเบิกบานใจ ไท่ช่างหวงคือมีพระประสงค์ให้จิ้นอ๋องแต่งงานกับนาง!“ไท่ซ่างหวงจะทรงมีพระชนมายุยืนยาวอย่างแน่นอนเพคะ”เสิ่นเซียงจวิ้นรู้ว่าในเวลานี้ยิ่งตัวนางสงบนิ่งไม่หวั่นไหวมากเพียงใด จิ้นอ๋องมีความกตัญญูต่อไท่ช่างหวง ขอเพียงเป็นพระดำรัสของไท่ซ่างหวง เขาจะต้องเชื่อฟังอย่างแน่นอนนางวางมือบนขอบเตียงด้วยความศรัทธาอย่างยิ่ง ก้มศีรษะลงคำนับบนหลังมือในขณะนี้ นางหว

    Last Updated : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 12

    ในตำหนักหนิงโซ่วหมอหลวงทุกคนคุกเข่าก้มศีรษะลงกับพื้นด้วยความสั่นเทา“ฝ่าบาท จิ้นอ๋อง ไท่ซ่างหวง...”"สิ้นพระชนม์แล้วพ่ะย่ะค่ะ"“พวกกระหม่อมไร้ความสามารถ!”บนเตียง พระหัตถ์ของไท่ซ่างหวงค่อยๆ วางลงเสิ่นเซียงจวิ้นก็คุกเข่าลงบนพื้นโดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเสียใจ เสียใจที่เข้ามาเกี่ยวพันในเวลานี้ใครจะรู้ว่าไท่ซ่างหวงจะสิ้นพระชนม์ในเวลานี้? นางคิดว่าอย่างน้อยพระองค์ยังสามารถประคับประคองได้อีกสักพัก!ไทเฮาทรงกันแสงอนาคตพระนางคงต้องเรียกแทนตัวเองว่าอัยเจีย[1]แล้ว?ฮ่องเต้ทรงปิดพระเนตรแน่น น้ำพระเนตรหยดหนึ่งก็ไหลลงมาจากหางพระเนตร“ข้า...ไม่มีเสด็จพ่อแล้ว”พระองค์ทรงยกชายเสื้อคลุมขึ้นแล้วคุกเข่าลงเสียงร้องไห้แผ่กังวาน ผู้คนในทั้งตำหนักหนิงโซ่วต่างคุกเข่าลงร่ำไห้จิ้นอ๋องมองไปที่ไท่ซ่างหวงที่ไร้ชีพอยู่บนเตียง รู้สึกเจ็บปวดทรมานยิ่งที่หัวเข่า กระดูกปวดจนชาขึ้นมาในเวลานี้เขาไม่สามารถยืนได้เลย“เสด็จพ่อ…” เสียงของจิ้นอ๋องเบามากไท่ซ่างหวงสิ้นพระชนม์ทั้งพระราชวังเริ่มแขวนด้วยผ้าสีขาวและโคมไฟสีขาวภายใต้พระราชโองการ ราชวงศ์ต้าโจวถูกสั่งห้ามจัดงานรื่นเริงห้ามง

    Last Updated : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 13

    เดิมลู่เจาหลิงที่หลับไปเป็นครึ่งค่อนวันถึงฟื้นกำลังขึ้นมาเล็กน้อย แต่คราวนี้ก็ใช้จนหมด ทั้งยังเสียสมดุลไม่น้อยตอนนี้นางรู้สึกว่ามือของนางกำลังสั่นจิ้นอ๋องกลับรู้สึกว่าตัวเองเริ่มดีขึ้นแล้วเขาส่งสัญญาณให้ชิงเฟิงถอยไป เอื้อมมือไปจับมือของลู่เจาหลิง เมื่อเขาก้มมองลงดู ก็ตระหนักว่าคอเสื้อของเขาถูกเปิดออกอีกครั้ง“เจ้ากับข้าพบกันมาแล้วสองครั้ง เจ้าก็เปลื้องเสื้อข้าทั้งสองครั้ง” เขากล่าวลู่เจาหลิงหัวเราะ “ท่านคิดว่าข้าเต็มใจหรือ? ยังไม่ช่วยพยุงข้าลุกขึ้นอีก?”ชิงเฟิงถอยห่างไปสองก้าว ก้มศีรษะลงเฝ้าอารักขาแต่คุณหนูลู่พูดจาหยาบคายกับท่านอ๋องเสียจริงจิ้นอ๋องพยุงนางลุกขึ้น ขณะที่เขากำลังจะปล่อยมือ ขาของลู่เจาหลิงก็อ่อนแรง เกือบจะล้มลงอีกครั้ง เขาก็รีบเอื้อมมือไปโอบเอวของนางไว้เมื่อโอบนางเช่นนี้ ก็รู้สึกได้ถึงร่างกายของนางที่สั่นเทานี่เป็นสัญญาณของการหมดเรี่ยวแรงเขาเม้มริมฝีปาก เข้าใจว่านางต้องใช้พละกำลังอย่างมากเพื่อช่วยเขาแต่ว่า...จิ้นอ๋องมองไปที่ไท่ซ่างหวงบนเตียงทันทีในเมื่อเขายังไม่ตาย เป็นไปได้ไหมที่สามารถช่วยไท่ซ่างหวงฟื้นคืนมาได้?“เจ้าก็สามารถช่วยไท่ซ่างหวงได้ใช่

    Last Updated : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 14

    นี่มันหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างยิ่ง!ไท่ซ่างหวงเพิ่งสิ้นพระชนม์ ศพยังมิคลายอุ่นเลย ทั้งยังนอนอยู่บนเตียงและจิ้นอ๋องกลับโอบกอดหญิงสาวอย่างสนิทสนมตรงหน้าเตียง!นี่มันกตัญญูเกินไปเสียจริง!แม้แต่ฮ่องเต้ที่ทรงพระราชปณิธานให้ไท่ซ่างหวงเข้าสู่แดนสุขาวดีโดยเร็ววัน ตอนนี้รู้สึกว่ามันไม่คุ้มสำหรับไท่ซ่างหวงเสด็จพ่อ นี่ก็คือโอรสน้อยที่ท่านทรงโปรด! ท่านรีบลืมตามาดูว่าเขากตัญญูแค่ไหน!ฮ่องเต้เสด็จไปออกพระราชโองการ จัดการเสร็จกับงานที่ต้องทำ พระองค์ก็เสด็จไปดูไท่เฮาที่สลบไป จากนั้นทรงคิดว่าควรเสด็จมาดูไท่ซ่างหวงอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าได้ทรงเห็นฉากตรงหน้านี้“โจวสือเยว่ เจ้าไม่กลัวว่าเสด็จพ่อจะตามไปพบเจ้าในกลางดึกหรือไง!”ฮ่องเต้ยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เมื่อเห็นว่าจิ้นอ๋องยังคงโอบหญิงสาวไว้ไม่ปล่อยมือ“เจ้าปล่อยนางลง ให้ข้าดูสิว่าเป็นหญิงผู้ใดที่ไร้ยางอาย กล้าที่จะถวายตัวมาโอบกอดเจ้าในเวลาและสถานที่เช่นนี้!”ความคิดแรกของฮ่องเต้คือ คนผู้นี้คือคนในวังหลังอีกทั้งเป็นฝ่ายริเริ่มที่จะอิงแอบแนบชิดซบอยู่ในอ้อมอกของจิ้นอ๋องท้ายที่สุดเท่าที่พระองค์รู้ จิ้นอ๋องมีนิสัยรักสันโดษมาตั้งแต่วัยเยาว์ ยิ่

    Last Updated : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 15

    จิ้นอ๋องเลิกคิ้ว“ข้าไม่ชอบเสิ่นเซียงจวิ้น แต่เสด็จพ่อคิดว่านางเป็นคนดี แต่งนางเข้าจวนอ๋องมาก็ใช่ว่าจะมิได้?”“อย่างนั้นจะใช้ได้ที่ไหนเล่า?” ฮ่องเต้เกลี้ยกล่อมไม่ยอมหยุดด้วยเจตนาดี วางตัวเหมือนเป็นพี่ชายที่แสนดี “ข้าก็หวังว่าเจ้าจะแต่งงานกับสตรีที่เจ้าชอบด้วย”“แต่ข้าไม่มีสตรีที่ข้าชอบ แต่งกับใครก็เหมือนกันมิใช่หรือ” จิ้นอ๋องพูดอีกครั้งพระทัยของฮ่องเต้เต้นผิดจังหวะเพราะจิ้นอ๋องได้ยินคำพูดสุดท้ายของไท่ซ่างหวงก่อนที่จะเสียชีวิต จึงตัดสินใจแน่วแน่ที่จะแต่งงานกับเสิ่นเซียงจวิ้นงั้นหรือ?ยิ่งเขาอยากแต่งงานมากเท่าไร ฮ่องเต้ก็ยิ่งสงสัยว่ามีลับลมคมใน ยิ่งไม่ทรงเห็นด้วยมากขึ้นเท่านั้น“ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ใช่เคยมาขอประทานงานสมรสหรอกรึ? นั่นไม่มีหญิงที่เจ้าชอบแล้วรึ?”“เป็นสาวน้อยที่ข้าต้องใจระหว่างทาง นางมาจากชนบท ดูแปลกใหม่ดี เดิมทีข้าคิดว่าเสด็จพ่อพระวรกายไม่สู้ดี ข้าจึงอยากจะแต่งชายาสักคน เพื่อให้ท่านมีความสุข มิใช่ว่าจะชอบนาง”จิ้นอ๋องดูเหน็บแนมเล็กน้อย ราวกับว่าเขาล้อเลียนฮ่องเต้ที่คิดว่าเขาหลงรักหญิงสาวแบบใดน้ำเสียงของเขาเมื่อพูดถึงหญิงผู้นั้นไม่ได้จริงจัง ฟังดูแค่ทำเป็นเล่นแ

    Last Updated : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 16

    ชิงอินและชิงหลินฝึกฝนเป็นเวลาสิบปี และรอคอยท่านอ๋องกลับมาอย่างใจจดใจจ่อ เพื่อจะได้ปรนนิบัติอยู่ข้างกายเขา ผลสุดท้ายเมื่อจิ้นอ๋องกลับมา พวกนางพบหน้ากันแล้ว หลังจากนั้นก็ถูกส่งไปยังจวนสกุลลู่หากจะบอกว่าในใจพวกนางไม่ผิดหวังเลยนั้นก็คงเป็นไปไม่ได้แต่พวกนางได้รับการสั่งสอนจากชิ่งหมัวมัว ในเมื่อมาแล้วก็ต้องทำงานให้ดี ดังนั้นเรื่องการดูแลลู่เจาหลิง พวกนางทั้งสองจึงไม่คิดจะลักไก่ชิงหลิงไปเตรียมน้ำร้อนให้ลู่เจาหลิงอาบน้ำส่วนชิงอินเป็นคนยกน้ำแกงบำรุงร่างกายเข้ามา และตอนที่ป้อนน้ำแกงให้ลู่เจาหลิงดื่มก็ระมัดระวังเช่นกันนางเอาแต่คิดอยู่ตลอด ว่าลู่เจาหลิงเข้ากับคนอื่นได้ง่าย หรือจะทรมานคนใช้อย่างพวกนางสองคนหรือไม่ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ ลู่เจาหลิงจะถามคำถามเช่นนี้กับนางช่วงนี้เจ้าฆ่าคนหรือ?“อย่ากังวลไป” ลู่เจาหลิงเอ่ยหลังชิงอินวางถ้วยน้ำแกงเรียบร้อย และก็ยืนอยู่หน้าเตียง “คุณหนูลู่คิดจะลงโทษชิงอินหรือเจ้าคะ?”ยอมรับแล้วหรือ?ลู่เจาหลิงเลิกคิ้วขึ้น และดูเหมือนว่าสาวใช้ที่จวนจิ้นอ๋องส่งมา จะยังมีความหยิ่งเล็กน้อย...ไม่คู่ควรแก่การโกหกหรือจะบอกว่า การยอมรับอยู่ตรงหน้านางก็ไม่ใช่

    Last Updated : 2024-10-29

Latest chapter

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 100

    ลู่เจาอวิ๋นถูกพวกนางเยาะเย้ยจนหน้าแดง เบ้าตาก็เริ่มแดงแล้วฐานะของคนเหล่านี้ล้วนสูงกว่านาง และดูถูกนางมาโดยตลอด ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางเอาอกเอาใจท่านหญิงฉางหนิงกับเหอเหลียนซิน พวกนางล้วนไม่พอใจนางทั้งๆ ที่นางงดงามกว่าพวกนาง ความสามารถก็เหนือกว่าพวกนาง ชื่อเสียงก็ดีกว่าพวกนาง พวกนางกลับไม่ยอมดีกับนางล้วนเป็นผู้หญิงขึ้ริษยา!แต่ลู่เจาอวิ๋นก็ตีหน้าเศร้าเก่งต่อหน้าคนนอกนางสูดจมูกดังฟืด การแสดงออกบนใบหน้าทั้งน้อยใจและรู้สึกผิด โค้งคำนับพวกนางทีหนึ่ง“เจาอวิ๋นขออภัยทุกท่าน ณ ที่นี้ เพราะน้องหญิงคนนี้ของข้าเพิ่งกลับจากบ้านนอกจริงๆ ท่านพ่อท่านแม่อยากให้นางได้พบกับคุณหนูทุกท่านด้วยความรักและความตั้งใจ เพื่อที่นางจะได้เรียนรู้เรื่องมารยาทและทางโลกบ้าง ข้าจึงพานางมาด้วย”“แต่ข้าก็กลัวดูแลไม่ทั่วถึง จนปล่อยนางไปล่วงเกินทุกท่าน ดังนั้นจึงพาเจาหัวมาด้วยอีกคน ข้าคิดไม่ถึงว่านิสัยของนางจะเถื่อนเช่นนี้ กลับไปข้าจะรายงานท่านพ่อท่านแม่ ให้ท่านพ่อท่านแม่สั่งสอนให้ดีแน่นอน เจาอวิ๋นขอโทษทุกท่านอีกครั้ง”นางลดตัวเช่นนี้ และยังพูดได้ค่อนข้างจริงใจ ประกอบกับไม่ได้ล่วงเกินพวกนาง ต่อไปยังไม่รู้ว่าเหอเหลี

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 99

    เหอเหลียนซินเคยเจอสตรีที่ใจกล้าเช่นนี้และยังอวดดีกว่านางเสียเมื่อไร?ในสมองนางเต็มไปด้วยคำพูดเมื่อครู่ของนางนางถูกฮ่องเต้รับแล้วสกุลเหอสูงส่งกว่าราชวงศ์เหอเหลียนซินรู้แล้ว ถ้าหากคำพูดสองประโยคนี้ถูกเผยแพร่ออกไป นางเสียหน้าไม่ว่า พ่อนางต้องลงโทษนางคุกเข่าในศาลบรรพชนแน่!นางโมโหจนร่างกายสั่น พลันเลือดพลุ่งพล่าน ภาพตรงหน้ามืดดับ เป็นลมไปแล้ว“พี่เหอ!”เดิมทีลู่เจาอวิ๋นก็ควงแขนของนางไว้ จึงรีบพยุงนางขึ้นอย่างตื่นตระหนกเด็กรับใช้ทั้งสองของสกุลเหอเพิ่งหายตาลาย ก็มองเห็นคุณหนูของพวกนางเป็นลม จึงรีบเข้าไปพยุงเหอเหลียนซินโดยไม่มีเวลาสนใจลู่เจาหลิงแล้วกู้ฉิงเบิกตากว้าง ฝ่ามือมีเหงื่อเล็กน้อย นางมองไปทางลู่เจาหลิงมีคนตะโกนสิ่งที่นางคิดในใจออกมา…“นางยั่วคุณหนูเหอโมโหจนเป็นลมไปแล้ว!”ลู่เจาหลิงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนางถอนใจเบาๆ กล่าวชัดถ้อยชัดคำ “โทษข้าไม่ได้นะ คุณหนูเหอท่านนี้มีไฟในตับ ความชื้นหนัก มีอาการคลุ้มคลั่งเล็กน้อย วู่วามได้ง่าย อีกทั้งวันนี้หน้าผากนางหมองคล้ำ เห็นได้ชัดว่าตอนออกจากบ้านไปติดไออัปมงคลมา เดิมทีวันนี้ก็จะดวงซวยอยู่แล้ว”ปากที่เพิ่งหุบลงของทุกคน อ้ากว้า

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 98

    เดิมทีพ่อก็เป็นรองเสนาบดีกรมกลาโหม ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ ประกอบกับมีการแต่งงานนี้ เป็นการรวมกันของผู้มีอิทธิพลชัดๆในมุมมองของเหอเหลียนซิน แม้แต่ท่านหญิงฉางหนิงก็ต้องให้เกียรตินางสามส่วน นับประสาอะไรกับกู้ฉิงที่อยู่ตรงหน้า?“คุณหนูเหอ เกิดอะไรขึ้น?” มีคนก้าวออกมาอยากเป็นคนกลาง “เมื่อครู่ท่านหญิงกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแล้ว ถ้าหากนางออกมาพบว่าวุ่นวายเช่นนี้…”เมื่อได้ยินอีกฝ่ายยกเอาท่านหญิงฉางหนิงมาพูด ในที่สุดเหอเหลียนซินก็ไม่ได้หาเรื่องกู้ฉิงอีกนางถลึงตาใส่ลู่เจาหัวแวบหนึ่ง ปล่อยนางไปก่อนชั่วคราว อย่างไรเสียคนที่นางรังเกียจที่สุดในตอนนี้คือลู่เจาหลิง!นางเรียกเด็กรับใช้ทั้งสองของตัวเอง “พวกเจ้าไป ให้นางมาคุกเข่าขอโทษข้า!”“เจ้าค่ะ!”เด็กรับใช้ทั้งสองของนางพุ่งพรวดเข้าไปหาลู่เจาหลิงทันทีลู่เจาหัวอุทานอย่างขี้ขลาดทีหนึ่ง และกล่าวเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง “พี่หญิงรอง ท่านรีบหนีไป”ลู่เจาอวิ๋นรีบคว้ามือของเหอเหลียนซิน แสร้งห้ามปราม “พี่เหอ ท่านอย่าไปถือสานางเลย…” แต่ก็ไม่เห็นนางไปห้ามเด็กรับใช้สองคนนั้นแม้คนอื่นก็ไม่ชอบพฤติกรรมที่อวดดีของเหอเหลียนซิน แต่พวกนางไม่รู้จักลู่

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 97

    พวกลู่เจาหลิงไม่ถือว่ามาเร็วตอนนี้ในสวนมีคนไม่น้อยแล้วช่วงนี้เป็นปลายฤดูใบไม้ผลิ ไม่ร้อน เย็นสบาย สวนของจวนท่านหญิงปลูกดอกไม้มากมาย บานสะพรั่งสีสันงดงามแต่ตอนนี้ บนพุ่มดอกไม้ถูกประดับด้วยดอกผ้าไหมที่ผูกจากผ้าขาว  และต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ มีผ้าโปร่งสีขาวห้อยอยู่ ลอยไปตามสายลมเบาๆสีขาวเหล่านี้ บดบังความงามของดอกไม้ที่บานสะพรั่งเหล่านี้ นี่น่าจะเป็นเจตนาของท่านหญิงฉางหนิง อย่างไรเสีย ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ตรงพื้นที่โล่งกลางสวน มีโต๊ะยาวหลายตัวแบ่งตั้งเป็นสองฝั่ง บนโต๊ะมีพู่กัน น้ำหมึก และกระดาษวางอยู่ถัดจากต้นกล้วยหลายพุ่ม มีศาลาหนึ่งหลัง บนโต๊ะในศาลามีน้ำชาและผลไม้วางอยู่พื้นที่นี้มีเงาจากภูเขาจำลองและต้นไม้ที่อยู่ข้างหน้าสะท้อนลงมาพอดี แต่ยังพอมีช่องว่างให้แสงแดดเล็ดลอดเข้ามาอยู่บ้าง แสงสว่างเพียงพอ และไม่เย็นเกินไปข้างภูเขาจำลองมีถนนเล็กๆ หนึ่งเส้น เดินไปมีบ่อน้ำเล็กๆ ตอนนี้บนผิวของบ่อน้ำมีใบบัวที่เพิ่งงอกออกมาอยู่บ้าง แต่ยังไม่มีกิ่งก้านของดอกยื่นโผล่พ้นผิวน้ำเหล่าคุณหนูที่มาถึงก่อน จับกลุ่มกันตรงนี้สามตรงนั้นสอง มีคนกำลังชมดอกไม้ มีคนกำลังดื่มชา มีคนกำลังอ่านหนังส

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 96

    ลู่เจาหลิงไม่ทน หันไปพูดกับลู่เจาอวิ๋นอย่างเย็นชา “ลู่เจาอวิ๋น ถ้าไม่เข้าไปข้าจะไปแล้วนะ”“มาแล้ว” เดิมทีลู่เจาอวิ๋นก็ค่อยสังเกตการเคลื่อนไหวที่ประตูอยู่แล้ว เมื่อเห็นพวกนางสองคนถูกเด็กรับใช้ขวางไว้ นางยิ้มในใจ แต่เมื่อได้ยินว่าลู่เจาหลิงจะไปนางก็รีบมาทันที จะปล่อยให้ลู่เจาหลิงไปได้อย่างไร?“พี่เหอ นี่คือเจาหลิงน้องรองของข้า”นางควงแขนของเหอเหลียนซินไว้ พลางหันไปกล่าวกับลู่เจาหลิง “น้องรอง รีบเรียกพี่เหอเร็ว”เหอเหลียนซินมองไปทางลู่เจาหลิง สายตาเย็นชาเล็กน้อย“ข้าไม่กล้าให้ว่าที่พระชายาจิ้นอ๋องเรียกพี่หรอก”จิ้นอ๋องกลับเมืองหลวง ได้รับพระราชทานสมรส อีกฝ่ายเป็นเด็กบ้านนอกที่ถูกรับกลับมาจากชนบทข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้วทุกคนต่างตกใจมาก ไม่มีใครอยากเชื่อ ขณะเดียวกันก็อยากรู้มาก คุณหนูรองกู้เป็นคนอย่างไร โชคอะไรหล่นทับกันแน่ จึงได้รับความสนใจจากจิ้นอ๋องเหอเหลียนซินก็อยากรู้มากเช่นกันและตอนนี้นางได้เจอลู่เจาหลิงแล้ว หน้าตาเหมือนนางจิ้งจอกอย่างที่คิด เอาเป็นว่านางเห็นแล้วก็รังเกียจเลยลู่เจาเหลียงย่อมมองเจตนาร้ายที่เหอเหลียนซินมีต่อตัวเองออกนางก็ตอบกลับไปอย่างเร

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 95

    ชิวจวี๋ประคองลู่เจาอวิ๋นลงรถม้า ไม่ได้สนใจลู่เจาหัวกับลู่เจาหลิงอีกเลยหลังจากลู่เจาหัวลงรถม้า นางคิดแล้วคิดอีก ยื่นมือไปหาลู่เจาหลิง “พี่หญิงรอง ข้าประคองท่าน”“ไม่ต้อง”ลู่เจาหลิงกลับเลี่ยงผ่านมือของนาง ลงจากรถม้าเองลู่เจาหัวทำท่าเสียใจเล็กน้อย หลุบตาปกปิดสายตา“เจาอวิ๋น”มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากข้างหน้า แค่ฟังจากเสียงก็เต็มไปด้วยความมั่นใจลู่เจาอวิ๋นประหลาดใจมาก รีบเดินเข้าไปหา“พี่เหอ!”ลู่เจาหัวเห็นผู้มา สีหน้ากลับเปลี่ยนไป ร่างกายสั่นเล็กน้อย นางลืมไปได้อย่างไร ในโอกาสเช่นนี้ เหอเหลียนซินก็มาเช่นกันลู่เจาหลิงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไรนางมองไปทางผู้มาเห็นรถม้าของอีกฝ่ายก่อน รถม้าคันนั้นดูหรูหรากว่าของสกุลลู่มาก สตรีที่กำลังทักทายลู่เจาอวิ๋นอย่างอย่างสนิทสนม อายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปด ใบหน้าทรงไข่ห่าน คางแหลม หน้าตาค่อนข้างงามเพราะอยู่ระหว่างการไว้ทุกข์ การแต่งกายของนางก็เรียบๆ เช่นกัน สีขาวทั้งชุด มีเพียงปิ่นหยกกับดอกไม้ผ้าเล็กๆ ที่ประณีตไม่กี่ชิ้น สง่างามดั่งดอกบัวที่บริสุทธิ์นางพาเด็กรับใช้มาด้วยสองคน เสื้อของเด็กรับใช้เป็นสีขาวมีกิ่งดอกไม้สีน้ำตาลเล

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 94

    นางข่มความโกรธ “น้องหญิงรองหยุดได้แล้ว นี่เป็นถุงหอมที่ผู้อื่นมอบให้ข้า มันมีค่ามาก เครื่องหอมที่อยู่ข้างในก็หาซื้อตามข้างนอกไม่ได้”เครื่องหอมที่อยู่ข้างใน ท่านหญิงฉางหนิงเป็นคนให้นาง เป็นของขวัญที่ทูตต่างแดนนำมาถวายให้ท่านหญิงและองค์หญิงต่างๆ ในวังลู่เจาอวิ๋นได้เครื่องหอมมาแค่นี้ นางก็ภาคภูมิใจมาก ปกติแทบไม่เอาออกมาใช้ ในโอกาสอย่างวันนี้จึงจะยอมนำออกมาใช้ ลู่เจาหลิงกลับให้นางทิ้ง?“กลิ่นเหม็นมาก”ลู่เจาอวิ๋นอดกลั้นความโกรธ และยังคงฝืนยิ้ม คิดใจปลอบนาง “คนทั่วไปอาจจะไม่ชินกับกลิ่นเช่นนี้จริงๆ แต่นี่เป็นเครื่องบรรณาการจากทูตต่างแดน เป็นเครื่องหอมที่มีราคาแพงและหรูหรามาก น้องหญิงรอง ในเมื่อเจ้ามาถึงเมืองหลวงแล้ว เจ้าต้องพยายามปรับรสนิยมให้สูงขึ้น จะชอบแต่พวกเครื่องหอมคุณภาพต่ำไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกหัวเราะเยาะ”“ไร้สาระ”พลันลู่เจาหลิงยื่นมือออกไป กระชากถุงหอมบนกายนางลงมาฉับพลัน เลิกม่านรถก็โยนมันไปที่ข้างคนขับ“ไว้ตรงนั้นก่อน อีกเดี๋ยวเจ้าจะห้อยค่อยห้อย”นางทนไม่ไหวแน่ ถ้าต้องทนดมอยู่ในรถม้าที่แคบเล็กเช่นนี้ตลอดอีกทั้งเกรงว่าส่วนผสมของเครื่องหอมเหล่านี้ค่อนข้างแปลก มีผงกระดู

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 93

    ชิงเป่าร้อนใจแล้ว“พวกเราต้องตามคุณหนูไป คุณหนูของพวกเรายังบาดเจ็บอยู่!”ก่อนหน้านี้พวกนางเคยได้ยินท่านหมอฝู่กล่าว คุณหนูได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ที่จริงนับว่าอันตรายถึงชีวิต แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดนางยังสามารถรอดมาได้ชิงเป่าชิงอินก็เป็นคนฝึกยุทธ์เช่นกัน และเคยเห็นบาดแผลของลู่เจาอิง ย่อมรู้ว่าบาดแผลนั่นสาหัสเพียงใด“ข้าอยากพาเจ้าไปด้วยจริงๆ แต่รถม้าไม่พอนั่งแล้ว” ลู่เจาอวิ๋นก็หมดหนทาง นางกล่าวเหมือนเยาะเย้ยตัวเอง “ไม่ใช่ข้าหาเรื่องพวกเจ้า แต่รถม้าจวนเรามันไม่ใหญ่”ชิงเป่ากล่าวทันที “พวกเราเดินไปก็ได้”พวกนางสามารถใช้วิชาตัวเบา“พวกเจ้ามาจากจวนจิ้นอ๋อง น่าจะรู้จักท่านหญิงฉางหนิง ดังนั้นก็น่าจะรู้ว่าจวนท่านหญิงอยู่ที่ไหน ห่างจากที่นี่ไกลมาก ถ้าหากพวกเจ้าเดิน อย่างน้อยก็ต้องเดินครึ่งชั่วยาม”ลู่เจาอวิ๋นกล่าว “ถึงเวลาพวกเจ้ากับน้องหญิงรองไม่ได้เข้าจวนพร้อมกัน ผู้อื่นก็จะหัวเราะเยาะเช่นกัน”เช่นนั้นไม่เท่ากับทำให้ผู้อื่นรู้ว่า รถม้าของสกุลลู่เล็กมาก แม้แต่สาวใช้ก็ไม่พอเบียดหรือ?ชิงอินใจเย็นกว่า คิดวิธีที่เหมาะสมกว่าออก “พวกเราไปเช่ารถม้าไป”“รอพวกเจ้าหารถม้าได้มันก็ไม่ทันแล้ว แต่ว่าถ

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 92

    เที่ยวนี้เขาได้เห็นความสามารถของลู่เจาหลิงอีกครั้งชิงอินกอดกล่องในอ้อมแขนไว้ ยังรู้สึกเหมือนนี่ไม่ใช่เรื่องจริงเล็กน้อย ออกจากจวนเที่ยวเดียว คุณหนูก็หาเงินได้อีกห้าพันตำลึงแล้ว ห้าพันตำลึงเลยนะ!สกุลลู่นำเงินออกมาสามร้อยตำลึง ก็ปวดใจเหมือนถูกเฉือนเนื้อ พวกเขาจะคาดคิดได้อย่างไร คุณหนูอาศัยความสามารถของตัวเอง ก็สามารถหาเงินได้ห้าพันตำลึงแล้วนอกจากนี้ยังมีจี้หยกหนึ่งชิ้นกับโสมหนึ่งต้นด้วย แค่ของเหล่านี้ก็มีค่าหลายร้อยตำลึงตกลงสุกุลลู่รู้หรือไม่ว่าคุณหนูเป็นสมบัติลับอย่างไรครั้งนี้ชิงเป่าไม่ได้ตามออกมาด้วย แต่เฝ้าอยู่ที่หอทิงหน่วน นางดูจากเวลา ได้ไปนำอาหารเย็นกลับมาแล้ว ลู่เจาหลิงกลับมาก็ได้กินข้าวเลย“ชิงเป่าคำนวณเวลาได้พอดีเป๊ะ” นางชมไปประโยคหนึ่ง หลังจากนั้นกล่าว “ให้พวกเจ้าคนละห้าตำลึง กลับไปซื้อของที่ตัวเองชอบกิน”ให้เงินพวกนางอีกแล้ว!ชิงเป่าเบิกตากว้าง มองไปทางชิงอินด้วยสายตาตั้งคำถามชิงอินเงียบ แต่เปิดกล่องเหล่านั้นให้นางดู“คุณหนูเก่งจัง…” แม้แต่เสียงตกใจของชิงเป่าก็ลอยเล็กน้อยลู่เจาหลิงยิ้มแล้วยิ้มอีก “พอแล้ว กินข้าวเถอะ”หลังกินข้าว อาบน้ำเสร็จ นางก็กลับมาท

DMCA.com Protection Status