แชร์

บทที่ 15

ผู้เขียน: อันชิงซิน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 11:49:10
จิ้นอ๋องเลิกคิ้ว

“ข้าไม่ชอบเสิ่นเซียงจวิ้น แต่เสด็จพ่อคิดว่านางเป็นคนดี แต่งนางเข้าจวนอ๋องมาก็ใช่ว่าจะมิได้?”

“อย่างนั้นจะใช้ได้ที่ไหนเล่า?” ฮ่องเต้เกลี้ยกล่อมไม่ยอมหยุดด้วยเจตนาดี วางตัวเหมือนเป็นพี่ชายที่แสนดี “ข้าก็หวังว่าเจ้าจะแต่งงานกับสตรีที่เจ้าชอบด้วย”

“แต่ข้าไม่มีสตรีที่ข้าชอบ แต่งกับใครก็เหมือนกันมิใช่หรือ” จิ้นอ๋องพูดอีกครั้ง

พระทัยของฮ่องเต้เต้นผิดจังหวะ

เพราะจิ้นอ๋องได้ยินคำพูดสุดท้ายของไท่ซ่างหวงก่อนที่จะเสียชีวิต จึงตัดสินใจแน่วแน่ที่จะแต่งงานกับเสิ่นเซียงจวิ้นงั้นหรือ?

ยิ่งเขาอยากแต่งงานมากเท่าไร ฮ่องเต้ก็ยิ่งสงสัยว่ามีลับลมคมใน ยิ่งไม่ทรงเห็นด้วยมากขึ้นเท่านั้น

“ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ใช่เคยมาขอประทานงานสมรสหรอกรึ? นั่นไม่มีหญิงที่เจ้าชอบแล้วรึ?”

“เป็นสาวน้อยที่ข้าต้องใจระหว่างทาง นางมาจากชนบท ดูแปลกใหม่ดี เดิมทีข้าคิดว่าเสด็จพ่อพระวรกายไม่สู้ดี ข้าจึงอยากจะแต่งชายาสักคน เพื่อให้ท่านมีความสุข มิใช่ว่าจะชอบนาง”

จิ้นอ๋องดูเหน็บแนมเล็กน้อย ราวกับว่าเขาล้อเลียนฮ่องเต้ที่คิดว่าเขาหลงรักหญิงสาวแบบใด

น้ำเสียงของเขาเมื่อพูดถึงหญิงผู้นั้นไม่ได้จริงจัง ฟังดูแค่ทำเป็นเล่น

แต่เหตุผลที่จิ้นอ๋องให้ไว้ก็ทำให้ฮ่องเต้เชื่อในทันใด

รู้ว่าไท่ซ่างหวงประชวร ดังนั้นจึงอยากแต่งงานโดยเร็ว เพื่อที่ไท่ซ่างหวงจะมีได้ความสุข นั่นเป็นไปได้!

ฮ่องเต้ทรงเชื่อในทันที

และเมื่อได้ยินว่าสาวน้อยผู้นั้นมาจากชนบท ดูแปลกใหม่ พระทัยของฮ่องเต้ก็ยิ่งบ้าคลั่งมากขึ้นไปอีก

พระองค์กลัวอย่างยิ่งถ้าจิ้นอ๋องได้แต่งชายาของตระกูลที่มีอำนาจ!

เดิมทียังกังวลว่าจะจำต้องหาภรรยาที่เหมาะสมให้ แต่ตอนนี้เขากลับเลือกหญิงที่มาจากชนบทเอง?

ไม่มีอะไรจะดีเยี่ยมไปกว่านี้แล้ว!

ในเวลานี้ฮ่องเต้ไม่สนใจแม้แต่ไท่ซ่างหวงที่นอนอยู่ตรงนั้น ทรงถามอย่างตื่นเต้นทันทีว่า "เป็นบุตรีของตระกูลใด?"

จิ้นอ๋องขมวดคิ้ว บ่งบอกถึงความไม่เต็มใจปรากฏบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา

“ช่างเถอะ ตอนนี้เสด็จพ่อก็เสียไปแล้ว ข้าไม่อยากแต่งงานอีกแล้ว”

“ทำเช่นนั้นได้อย่างไร?” ฮ่องเต้ตรัสอย่างรีบร้อน “เมื่อครู่เสด็จพ่อยังเป็นห่วงงานมงคลของเจ้า ตอนนี้ช่วงต้นของการไว้ทุกข์จะประทานงานแต่งให้เจ้าก่อน เพื่อที่เสด็จพ่อจะได้จากไปอย่างสงบสุข”

ใช่ เป็นไปตามเช่นนี้

ก่อนหน้านี้จิ้นอ๋องไม่เต็มใจที่จะแต่งงาน ตอนนี้กลับมายังเมืองหลวงแล้ว ใครจะรู้ล่ะว่าเขาจะเลือกภรรยาที่มีอำนาจในภายหลังหรือไม่?

ถึงเพลานั้นจวนจิ้นอ๋องจะกลายเป็นหอกข้างแคร่สำหรับเขาอีกครั้ง

มิสู้ใช้ประโยชน์จากช่วงต้นของการไว้ทุกข์ให้แก่ไท่ซ่างหวง จัดเตรียมการแต่งงานให้เขาโดยเร็ววัน และใช้ความปรารถนาสุดท้ายของไท่ซ่างหวงเพื่อกดดันจิ้นอ๋อง

เมื่อคิดเยี่ยงนี้แล้ว ฮ่องเต้ก็เริ่มวิตกกังวล

ก่อนหน้านี้พระองค์ไม่ต้องการที่จะประทานงานแต่งให้กับจิ้นอ๋อง แต่ตอนนี้พระองค์แทบอดทนรนรอไม่ไหวที่จะออกราชโองการประทานงานแต่งให้เขาทันที

“เสด็จพ่อจากไปแล้ว การคัดเลือกชายา ข้าค่อยเลือกอย่างรอบคอบแล้วกัน” จิ้นอ๋องถอนหายใจ

“วันที่เจ็ดเสด็จพ่อยังจะเสด็จกลับมา ถึงเวลานั้นท่านได้ทราบว่าเจ้ามีคู่หมั้นคู่หมายแล้ว ท่านก็จากไปได้อย่างสงบสุข”

ฮ่องเต้เตือนปากเปียกปากแฉะด้วยความหวังดี “ไม่เช่นนั้น เจ้ากลับเมืองหลวงครั้งนี้ก็ตัวคนเดียวอีก ท่านจะวางใจได้อย่างไรกันเล่า?”

ดูเหมือนว่าจิ้นอ๋องจะถูกเกลี้ยกล่อมสำเร็จ

แต่เขาขมวดคิ้วอีกครั้ง รู้สึกรังเกียจอย่างยิ่ง "แม่นางผู้นั้น เป็นคนที่ข้าช่วยไว้ที่ตลาดอย่างไม่ตั้งใจจริงๆ"

พระ​เนตรของฮ่องเต้เปล่งประกาย และทรงถามอย่างฉับพลันว่า "เป็นบุตรสาวของตระกูลใดกัน?"

“ก็ไม่ใช่คนธรรมดา ข้าได้ยินมาว่านางเป็นบุตรีคนรองที่ใต้เท้าลู่ ลู่หมิง เลี้ยงไว้ในชนบทมาสิบปีแล้ว”

“ลู่หมิง?”

คนผู้นี้ฮ่องเต้คุ้นเคยนัก “ลู่อ้ายชิง[1]น่ะหรือ? เขายังมีบุตรีคนหนึ่งที่เลี้ยงในชนบทมาสิบปีด้วยหรือ? เป็นลูกคนรอง?”

เงื่อนไขของตระกูลลู่นั้นต่ำมากเมื่อเทียบกับจิ้นอ๋อง!

พอได้ยินฮ่องเต้แทบจะทรงพระสรวลออกมาเสียงดัง แต่เมื่อพระองค์มองเห็นไท่ซ่างหวงจากหางพระเนตร ความหนาวเย็นก็ไหลลงมาตามแผ่นหลังของพระองค์ จึงรีบกลั้นไว้โดยทันที

บุตรีของลู่หมิง อีกทั้งยังเป็นคนรอง ไม่ใช่บุตรีคนโตที่ถือกำเนิดจากภรรยาเอกด้วยซ้ำ

ด้วยสถานะนี้ การอยากเป็นชายาจิ้นอ๋อง เป็นเพียงเรื่องเพ้อเจ้อ!

แต่ตอนนี้ฮ่องเต้รู้สึกว่า นี่มันช่างยอดเยี่ยมเสียจริง!

หากจิ้นอ๋องแต่งงานกับชายาเช่นนี้ เขาจะมีความช่วยเหลือจากตระกูลแม่ภรรยาได้อย่างไร? ดีดีดี พระองค์ค่อนข้างพอพระทัย!

“ถ้าเช่นนั้นเมื่อครู่เจ้าเพิ่งขอประทานงานแต่ง นั่นหมายความว่าเจ้ามีใจที่จะแต่งงานกับหญิงผู้นั้น”

จิ้นอ๋องขมวดคิ้ว “ตอนนั้นข้าคิดว่าจะรีบพามาให้เสด็จพ่อดู ข้าได้บอกนางจริงๆ ว่าข้าหมายหมั้นนาง”

“เชื้อพระวงศ์อย่างเราต้องรักษาสัจจะ คำพูดต้องหนักแน่น พูดไปแล้วมิอาจทำลาย ไม่เช่นนั้นจะไม่เป็นผลดีต่อแม่นางผู้นั้น!”

ฮ่องเต้ทรงวิตกกังวล “จริงๆ นะ อาเยว่ ตอนนี้วิญญาณของเสด็จพ่ออาจยังวนเวียนอยู่ในพระราชวัง ท่านคงจะยังทรงได้เห็นอยู่ เจ้ามีความกตัญญูมาโดยตลอด เพื่อเห็นแก่เสด็จพ่อ เจ้าควรรีบไปหมั้นหมายสู่ขอเสียเถอะ?”

ฮ่องเต้ตรัสถามต่อว่า "บุตรคนรองของลู่อ้ายชิง มีนามว่าอะไร?"

“ดูเหมือนว่าจะชื่อ ลู่เจาหลิง?”

“ข้าจำได้ว่าบุตรีคนโตของตระกูลลู่ ชื่อว่าลู่เจาอวิ๋น แล้วหลิงคนนี้เล่า?”

“หลิงที่มาจากคำว่าหลิงเจี่ยว[1]”

“ดีๆ ข้าจะไปร่างพระราชโองการอภิเษกสมรสเดี๋ยวนี้!” ฮ่องเต้ทรงรีบร้อนอย่างยิ่ง รีบร้อนที่จะเสด็จจากไป กลัวว่าจิ้นอ๋องจะเปลี่ยนใจ ดังนั้นพระองค์จึงตรัสด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “อาเยว่ เพื่อเสด็จพ่อ!”

จิ้นอ๋องมองไปทางแผ่นหลังของเขาขณะที่เขารีบไปร่างพระราชโองการ แววตาจมปลักครุ่นคิด

เมื่อหันกลับมา เขาคุกเข่าลงต่อหน้าไท่ซ่างหวงอีกครั้ง

เสด็จพ่อ บางทีอาจมีคนสามารถช่วยลูกได้จริงๆ

ในไม่ช้า

พระราชโองการประทานงานแต่งของฮ่องเต้ถูกส่งออกจากพระราชวังโดยเน่ยซื่อ

จิ้นอ๋องหยุดเขาไว้นอกประตูพระราชวัง เมื่อตรวจดูพระราชโองการ เห็นว่าชื่อในนั้นถูกต้อง เขาจึงทรงมอบพระราชโอการให้แก่ผู้ถ่ายทอดพระราชโองการอีกครั้ง

"ไปเถอะ"

ไปเถอะ ไปส่งพระราชโองการที่จวนลู่เถอะ

และเขาถือป้ายวิญญาณของไท่ซ่างหวงไว้ ก็ต้องไปที่วัดบรรพบุรุษด้วยเช่นกัน

ลู่จ้าวหลิงตื่นขึ้นมาอีกครั้งและพบว่านางกลับมาที่หอทิงหน่วนแล้ว

นางจำสิ่งที่นางได้ยินตอนที่นางหมดสติไป

ในความเป็นจริง ตอนที่ฮ่องเต้เข้ามาในตำหนักหนิงโซ่ว นางก็ล้มพับอยู่ในอ้อมอกของจิ้นอ๋อง แต่นางก็ไม่ได้หมดสติไปโดยสิ้นเชิง นางจึงได้ยิน!

จิ้นอ๋องบอกว่านางเป็นหัวขโมย

ยังบอกว่านางได้ตายไปแล้ว

ให้ชิงเฟิงแบกนางออกไปทิ้ง

นางได้ยินสิ่งเหล่านี้ และพอถูกชิงเฟิงหามขึ้นไหล่แล้ว นางจึงหมดสติไปจริงๆ

ดีนัก จิ้นอ๋องเก่งมาก นี่ควรหักสิบแต้มหรือไม่?

ถ้าไม่ใช่เพราะไอสีม่วงของเขา นางคงทิ้งชีวิตของเขากลับเข้าไปในวังพญายมราชแล้ว!

นางถูกหาว่าเป็นหัวขโมยที่ตายไปแล้ว จิ้นอ๋องคือไม่มีความตั้งใจที่จะหมั้นหมายกับนางแล้ว?

"คุณหนู"

เสียงของสาวใช้ดังมาจากข้างนอก ประสาทรับเสียงของลู่จ้าวหลิงนั้นดีเยี่ยม ดูเหมือนว่าจะเป็นเสียงของคนที่ชื่อชิงอิน

นางจำได้ว่า ทั้งสองคือสาวใช้ที่จิ้นอ๋องมอบให้นาง

"เข้ามา"

ชิงอินเข้ามาพร้อมถาด เมื่อนางเห็นนางตื่นขึ้นมา นางก็รีบวางถาดลงบนโต๊ะ แล้วรีบเข้าไปช่วยพยุงนาง

“จวนอ๋องได้ส่งน้ำแกงยาบำรุงมา ท่านจะดื่มตอนร้อนๆ เลยไหมเจ้าคะ?”

ลู่จ้าวหลิงพยักหน้า "ดื่ม"

นอกเหนือจากสิ่งอื่นใด ตอนนี้นางต้องบำรุง บำรุงให้ดี

ร่างกายฟื้นตัวเท่านั้นถึงจะได้

หลังจากช่วยชีวิตของจิ้นอ๋องกลับมาได้ นางเสียดุลครั้งใหญ่

ชิงอินยกน้ำแกงมา แต่ลู่จ้าวหลิงไม่มีแรงแม้แต่จะถือช้อนได้ ดังนั้นจึงต้องให้นางป้อนให้

น้ำแกงนี้มีรสชาติของสมุนไพรหายากหลายชนิดอย่างแท้จริง

ลู่จ้าวหลิงดื่มน้ำแกงแล้วมองไปที่ชิงอิน

แววตาของนางเปล่งประกาย แต่นางก็ไม่รีบร้อนที่จะพูด นางขอดื่มน้ำแกงให้เสร็จก่อนแล้วค่อยพูด อย่าให้มันเสียเปล่า

หลังจากที่ดื่มน้ำแกงในถ้วยจนหมดหยดสุดท้าย นางถึงจะค่อยๆ เอ่ยคำพูด

“ช่วงนี้เจ้าฆ่าคนหรือ?”

มือของชิงหยินสั่นเทา ถ้วยหม้อดินเกือบหลุดมือ

“คุณหนู?” ทำไมถึงถามเช่นนี้เล่า?

----------------------------------------------------------

[1] หลิงเจี่ยว แปลว่า กระจับ

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 16

    ชิงอินและชิงหลินฝึกฝนเป็นเวลาสิบปี และรอคอยท่านอ๋องกลับมาอย่างใจจดใจจ่อ เพื่อจะได้ปรนนิบัติอยู่ข้างกายเขา ผลสุดท้ายเมื่อจิ้นอ๋องกลับมา พวกนางพบหน้ากันแล้ว หลังจากนั้นก็ถูกส่งไปยังจวนสกุลลู่หากจะบอกว่าในใจพวกนางไม่ผิดหวังเลยนั้นก็คงเป็นไปไม่ได้แต่พวกนางได้รับการสั่งสอนจากชิ่งหมัวมัว ในเมื่อมาแล้วก็ต้องทำงานให้ดี ดังนั้นเรื่องการดูแลลู่เจาหลิง พวกนางทั้งสองจึงไม่คิดจะลักไก่ชิงหลิงไปเตรียมน้ำร้อนให้ลู่เจาหลิงอาบน้ำส่วนชิงอินเป็นคนยกน้ำแกงบำรุงร่างกายเข้ามา และตอนที่ป้อนน้ำแกงให้ลู่เจาหลิงดื่มก็ระมัดระวังเช่นกันนางเอาแต่คิดอยู่ตลอด ว่าลู่เจาหลิงเข้ากับคนอื่นได้ง่าย หรือจะทรมานคนใช้อย่างพวกนางสองคนหรือไม่ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ ลู่เจาหลิงจะถามคำถามเช่นนี้กับนางช่วงนี้เจ้าฆ่าคนหรือ?“อย่ากังวลไป” ลู่เจาหลิงเอ่ยหลังชิงอินวางถ้วยน้ำแกงเรียบร้อย และก็ยืนอยู่หน้าเตียง “คุณหนูลู่คิดจะลงโทษชิงอินหรือเจ้าคะ?”ยอมรับแล้วหรือ?ลู่เจาหลิงเลิกคิ้วขึ้น และดูเหมือนว่าสาวใช้ที่จวนจิ้นอ๋องส่งมา จะยังมีความหยิ่งเล็กน้อย...ไม่คู่ควรแก่การโกหกหรือจะบอกว่า การยอมรับอยู่ตรงหน้านางก็ไม่ใช่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 17

    “ใช้น้ำล้างอย่างเดียวล้างไม่ออกหรอก กลับมา”ลู่เจาหลิงเรียกให้ชิงอินหยุดชิงอินจึงทำได้เพียงเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง“ยื่นมือออกมา”ชิงอินยื่นมือขวาไปตรงหน้านาง และมองนางอย่างไม่เข้าใจเห็นมือของลู่เจาหลิงคลุมอยู่บนมือของนางเบา ๆ ทันใดนั้นชิงอินก็รู้สึกว่ามือของตัวเองเย็นเล็กน้อยลู่เจาหลิงเคลื่อนมือออก และสะบัดมันเบา ๆ ชิงอินมองมือของตน รูม่านตาก็หดตัวลง เพราะในเวลานี้ นางเห็นชั้นฝุ่นสีดำเทาค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือและนิ้วมือของตนเองอย่างชัดเจนราวกับบนมือที่เปื้อนเถ้าถ่านจากหม้อก็มิปานแต่ก่อนหน้านี้มือของนางล้างสะอาดแล้วชัด ๆ!แถมนางยังเบิกตาโพลงและเห็นชั้นสีเทาดำนี้ซึมออกมาจากผิว!“เอาอ้ายเฉ่ากับใบทับทิมไปแช่น้ำ และล้างสามรอบ” ลู่เจาหลิงเอ่ยชิงอินรีบหมุนกายและวิ่งออกไปในทันทีเป็นเพราะรีบมาก จนตอนที่ออกไปเกือบจะชนเข้ากับชิงหลิงแล้ว“ชิงอิน เหตุใดถึงบุ่มบ่ามเยี่ยงนี้เล่า?” ชิงหลิงตกใจ พวกนางได้รับการสั่งสอนมาจากชิ่งหมัวมัว และไม่เคยบุ่มบ่ามเยี่ยงนี้มาก่อน เกิดอะไรขึ้นกับชิงอิน?นางเห็นมือที่ชิงอินยกขึ้นอีกครั้ง “เหตุใดมือของเข้าถึงสกปรกเยี่ยงนี้?”น้ำเสียงของชิงอินส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 18

    ไทเฮาทรงเอ็นดูเขามาแต่ไหนแต่ไร!“จิ้นอ๋องรังแกคนอื่นมากเกินไปแล้ว คนชั้นต่ำน้อยนั่นเป็นอนุของข้า และคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะแย่งไปแล้ว!”จูหมิงเฮ่ายิ่งคิดก็ยิ่งน่าโมโห เป็นถึงท่านอ๋องแท้ ๆ เหตุใดถึงได้แย่งผู้หญิงกับซื่อจื่อจวนโหวอย่างเขากัน?ชิงฝูโหวฮูหยินสงสารจนน้ำตาไหล เมื่อได้ยินก็เอ่ยโดยไม่คิดอะไร “ท่านโหว ดูสิเจ้าคะว่าเฮ่าเอ๋อร์ของพวกเราถูกรังแกจนมีสภาพเป็นเยี่ยงไรแล้ว? ท่านในฐานะที่เป็นพ่อหากไม่หนุนหลังเขา พวกเราแม่ลูกจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด?”แม้ชิงฝูโหวจะสงสารบุตรชาย แต่ก็ยังคงสับสนอยู่“หมิงเฮ่าไปแย่งผู้หญิงกลางถนนมาเป็นอนุ แบบนี้จะมีหน้ามีตาได้เยี่ยงไร? ยังหนุ่มอยู่แท้ ๆ แต่คนก็รู้จักกันหมดแล้วว่าเขาเอาอนุเข้ามาในจวน จนชื่อเสียงเสียหายหมดแล้ว!”อีกอย่างยังคงคิดจะไปแย่งกลับบ้านมาอย่างไร้ยางอายเช่นนั้น ได้ยินมาว่าแม่นางนั่นวิ่งหนีแล้ว เจ้าเด็กบ้านี่ยังพาคนไล่ล่าและสกัดกั้นไว้อีกนี่หมายความว่าเยี่ยงไร?หมายความว่าแม่นางนั่นเขาเป็นคนบังคับมา!เมื่อคิดถึงตรงนี้ ชิงฝูโหวก็หายใจเข้าลึก ๆ “เฮ่าเอ๋อร์ เจ้าบอกพ่อมาตามตรง แม่นางนั่นเจ้าไปแย่งมากจากที่ใด? นางเต็มใจที่จะกลับจวนโหวกับเจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 19

    ชิงอินชิงหลิงกำลังคิดจะพยุงลู่เจาหลิง แต่กลับได้ยินนางเอ่ย “กงกง ข้าบาดเจ็บสาหัส วิงเวียนศีรษะ หากคุกเข่าอาจเป็นลมได้ ขอยืนรับพระราชโองการแล้วกัน”“บังอาจ!” ลู่หมิงโมโหขึ้นมาในทันทีลู่เจาหลิงไม่มองเขาด้วยซ้ำ“หากเป็นลมแล้วคงรับพระราชโองการได้ไม่ดีนะเจ้าคะ” นางเอ่ยอย่างราบเรียบขุนนางถ่ายทอดพระราชโองการมองดูศีรษะที่พันไว้ของนาง จึงทำได้เพียงตอบตกลงแล้ว“เช่นนั้นคุณหนูรองลู่ก็ยืนรับพระราชโองการเถิด”เขาคลี่พระราชโองการสีทองอร่าม และอ่านออกมา“ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชา ได้ยินมาว่าบุตรสาวสายตรงคนที่สองของลู่หมิง ลู่เจาหลิง มีทั้งความประพฤติดีและรูปร่างหน้าตาที่งดงาม อีกทั้งยังสุภาพอ่อนโยน มีน้ำใจและจริงใจ... จึงอนุญาตให้พระอนุชาของข้า พระราชทานให้เป็นพระชายาจิ้นอ๋อง และเลือกวันมงคลเพื่อทำพิธีอภิเษกสมรส จบพระราชโองการ”เสียงของขุนนางถ่ายทอดพระราชโองการแหลมสูง น้ำเสียงก็ราบเรียบ และกำลังอ่านเนื้อหาของพระราชโองการต่อหน้าทุกคนในจวนสกุลลู่ทุกคนในจวนสกุลลู่ต่างตะลึงงันยิ่งลู่หมิงเกือบจะกระโดดขึ้นมาแล้วใบหน้าของลู่ฮูหยินบิดเบี้ยว ดวงตาลุกเป็นไฟ จ้องพระราชโองการนั้น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 20

    คนตระกูลลู่หน้าตาโดดเด่นกันทุกคน และแต่ละคนล้วนดูดีมากหนึ่งในนั้น ลู่เจาอวิ๋นเป็นคนที่สวยที่สุดนอกจากไม่กี่คนนี้ ยังมีหญิงสาวอีกสองนาง นางหนึ่งสง่างาม อีกนางหนึ่งมีเสน่ห์ ทั้งสองน่าจะเป็นอนุภรรยาของลู่หมิงได้ยินมาว่า ลู่หมิงยังมีบุตรชายอีกสองคน แต่ไปเรียนหนังสือที่สำนักบัณฑิตแล้วตอนที่จู่เลาหลิงมองพวกเขา พวกเขาก็มองลู่เจาหลิงเช่นกัน“นี่ ข้าคุยกับเจ้าอยู่นะ เจ้าหูหนวกหรือไง?” ลู่เจาเยว่เห็นว่าลู่เจาหลิงไม่สนใจนาง จึงโมโหจนหน้าแดงไปหมดลู่หมิงใบหน้าบูดบึ้งไม่พูดอะไร ดูแล้วเหมือนกำลังรอฟังอยู่ว่าลู่เจาหลิงจะตอบกลับเยี่ยงไรเขาตกใจแทบแย่!เดิมทีคิดว่าจิ้นอ๋องจะหาวิธีมาเล่นงานลู่เจาหลิง สุดท้ายกลับเป็นการพระราชทานสมรสเสียนี่!“เจ้าเป็นใคร?”ลู่เจาหลิงเหลือบมองไปทางลู่เจาเยว่“หากเจ้าไม่กลับมา ข้าก็ได้เป็นคุณหนูรองของตระกูลลู่ ข้าชื่อลู่เจาเยว่! พี่สาวข้าคือเมฆ ข้าคือพระจันทร์ พวกเราล้วนเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุดบนฟากฟ้า และเจ้านับว่าเป็นอะไร?”เมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนลู่เจาเยว่เพิ่งได้รับการแจ้งว่า ต่อไปนางจะเป็นคุณหนูสามแล้ว ทำเอาโมโหแทบระเบิดเด็กบ้าที่มาจากนอกเมืองมีสิทธ์อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 21

    ลู่เจาหลิงจะเป็นอาสะใภ้ของนาง?!พอลู่เจาอวิ๋นได้ยินที่นางเอ่ย ก็แทบจะเป็นลม“น้องรอง เจ้าไม่รู้สึกว่าแบบนี้มันวุ่นวายหรอกหรือ? ราชวงศ์ยิ่งให้ความสำคัญกับกฎระเบียบและสายเลือด จ้ากับข้าเป็นพี่น้องกัน แล้วจะแต่งงานกับลุงหลานได้เยี่ยงไร?”ลู่เจาอวิ๋นทบทวนตนเองอย่างรอบคอบในช่วงบ่ายเดิมทีชื่อเสียงในเมืองหลวงของนางคืออ่อนโยน สง่างาม สุภาพเรียบร้อย แถมยังดีดผีผาได้ไพเราะจับใจ งานเย็บปักถักร้อยก็ทำได้ดีเยี่ยมทว่าตั้งแต่ได้ยินข่าวว่าลู่เจาหลิงจะกลับมายังเมืองหลวง นางไม่รู้เพราะเหตุใดถึงรู้สึกตื่นตระหนก จนหลุดจากขอบเขต และคิดแค่จะขัดขวางไม่ให้ลู่เจาหลิงกลับมายังตระกูลลู่หากไม่ใช่เพราะนางเสียสติ และแสดงพฤติกรรมที่แย่ออกมา ก็คงไม่ถึงกับถูกลู่เจาหลิงตบหน้าลู่เจาหลิงกลับมายังตระกูลลู่ และจะขัดขวางไม่ได้แล้ว เช่นนั้นนางจะต้องใจเย็นลง แล้วค่อยวางแผนให้ดีในภายหลังเมื่อคิดในใจแบบนี้ ลู่เจาอวิ๋นก็ปรากฏรอยยิ้มที่อ่อนโยนออกมานางเอ่ยกับลู่เจาหลิง “เจ้าบอกว่าเจ้าไม่เคยรู้จักจิ้นอ๋องมาก่อน คิดดูแล้วก็คงไม่มีความรู้สึกต่อกัน ตอนนี้พระราชโองการให้พระราชทานสมรสเพิ่งออกมา ถือโอกาสตอนที่ยังไม่มีใครรู

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 22

    “พี่สาม ท่านหยุดพูดได้แล้วเจ้าค่ะ” เด็กสาวที่อยู่ข้างกายดึงแขนเสื้อของลู่เจาเยว่เบา ๆ นางมองใบหน้าสง่างามที่มีความกังวลอยู่เล็กน้อย แต่คำพูดของนางกลับทำให้ลู่เจาเยว่ยิ่งโมโหมากขึ้นเดิมทีเมื่อก่อนเรียกนางว่าพี่รอง แต่ตอนนี้กลับปรับตัวได้ไวมาก และเริ่มเรียกนางว่าพี่สามแล้ว! อีกอย่าง ต่อจากนี้ในบ้านจะมีคนที่กดอยู่บนศีรษะเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งแล้ว แถมคนคนนี้ยังมาจากนอกเมืองเสียด้วย!นี่ทำให้ลู่เจาเยว่ที่เดิมทีชอบโจมตีและชอบเอาชนะใจคนอื่นมาโดยตลอดโกรธมาก“เสี่ยวเยว่!” ลู่ฮูหยินจ้องไปที่นาง นายท่านเพิ่งบอกไปหยก ๆ ว่าไม่ควรเอ่ยถึงคุณหนูเสิ่นอีก และเหตุใดยังเอ่ยอีก?“ข้าอยู่ด้านนอกไม่เอ่ยถึงก็ได้แล้ว ตอนนี้ในบ้านไม่มีคนนอกเสียหน่อย นอกจากนาง!”ลุ่เจาเยว่ชี้นิ้วมาที่ลู่เจาหลิงลู่เจาหลิงมองนิ้วมือนั่นของนาง และมองดูกลุ่มควันสีเทาที่ลอยอยู่รอบใบหน้าของนางอีกครั้ง จากนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย“เห็นพวกเจ้าเอะอะอะไรก็บอกว่าข้ามาจากบ้านนอก ไม่เคยเรียนรู้มารยาท แต่การใช้นิ้วชี้ใส่พี่สาว ถือเป็นการสั่งสอนแบบใดหรือ?”คำพูดนี้ ทำให้ใบหน้าของลู่หมิงดำทะมึนแล้ว“เจาหลิง เจาอวิ๋นอายุมากกว่าเจ้า นางต่างหา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 23

    ความโมโหในอกของลู่หมิงแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้วนี่เขาไปรับตัวมารผจญอะไรกลับมาเนี่ย!ท่าทางแบบนี้จะใช้ใจแลกใจ ใช้เหตุผลแลกเหตุผลได้อย่างไร? เหตุผลก็บ้าแล้ว!ลู่หมิงกระทืบเท้า“ข้าคือพ่อเจ้า และเจ้าจะต้องเชื่อฟังข้า ไม่ว่าจะอย่างไรเจ้าจะแต่งงานกับจิ้นอ๋องไม่ได้!”ก่อนหน้านี้เขาหวั่นไหวเล็กน้อย แต่ตอนนี้คิดได้แล้ว ว่าเขาจะต้องยืนหยัดยืนอยู่ข้างองค์ชายรองกับฮ่องเต้ และไม่สามารถเข้าข้างจิ้นอ๋องได้!อีกอย่าง ลู่เจาหลิงแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา ก็เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าเป็นคนที่รับมือได้ยาก และยากจะควบคุม หากได้รับผลประโยชน์อันใดจริง ๆ นางจะต้องไม่คำนึงถึงตระกูลลู่อย่างแน่นอนสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เขาก็ไม่สามารถให้ลู่เจาหลิงปีนต้นไม้ใหญ่ และหลีกหนีจากการควบคุมได้เช่นกัน“ลู่เจาอวิ๋นกับองค์ชายรองกำหนดวันแต่งงานแล้วหรือเจ้าคะ?” ทันใดนั้นลู่เจาหลิงก็เอ่ยถามลู่หมิงตอบออกไปโดยไม่รู้ตัว “ยัง...”“เช่นนั้นพวกท่านสามารถไตร่ตรองให้นางยกเลิกงานแต่งได้เลย เพราะถึงอย่างไรข้าก็รับพระราชโองการมาแล้ว”เมื่อนางเอ่ยคำพูดนี้ก็ทำท่าให้ชิงอินและชิงหลิงมาพยุงนางให้ลูกขึ้นนางอยากจะกลับไปพักผ่อนแล้ว นางปวดหั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 100

    ลู่เจาอวิ๋นถูกพวกนางเยาะเย้ยจนหน้าแดง เบ้าตาก็เริ่มแดงแล้วฐานะของคนเหล่านี้ล้วนสูงกว่านาง และดูถูกนางมาโดยตลอด ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางเอาอกเอาใจท่านหญิงฉางหนิงกับเหอเหลียนซิน พวกนางล้วนไม่พอใจนางทั้งๆ ที่นางงดงามกว่าพวกนาง ความสามารถก็เหนือกว่าพวกนาง ชื่อเสียงก็ดีกว่าพวกนาง พวกนางกลับไม่ยอมดีกับนางล้วนเป็นผู้หญิงขึ้ริษยา!แต่ลู่เจาอวิ๋นก็ตีหน้าเศร้าเก่งต่อหน้าคนนอกนางสูดจมูกดังฟืด การแสดงออกบนใบหน้าทั้งน้อยใจและรู้สึกผิด โค้งคำนับพวกนางทีหนึ่ง“เจาอวิ๋นขออภัยทุกท่าน ณ ที่นี้ เพราะน้องหญิงคนนี้ของข้าเพิ่งกลับจากบ้านนอกจริงๆ ท่านพ่อท่านแม่อยากให้นางได้พบกับคุณหนูทุกท่านด้วยความรักและความตั้งใจ เพื่อที่นางจะได้เรียนรู้เรื่องมารยาทและทางโลกบ้าง ข้าจึงพานางมาด้วย”“แต่ข้าก็กลัวดูแลไม่ทั่วถึง จนปล่อยนางไปล่วงเกินทุกท่าน ดังนั้นจึงพาเจาหัวมาด้วยอีกคน ข้าคิดไม่ถึงว่านิสัยของนางจะเถื่อนเช่นนี้ กลับไปข้าจะรายงานท่านพ่อท่านแม่ ให้ท่านพ่อท่านแม่สั่งสอนให้ดีแน่นอน เจาอวิ๋นขอโทษทุกท่านอีกครั้ง”นางลดตัวเช่นนี้ และยังพูดได้ค่อนข้างจริงใจ ประกอบกับไม่ได้ล่วงเกินพวกนาง ต่อไปยังไม่รู้ว่าเหอเหลี

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 99

    เหอเหลียนซินเคยเจอสตรีที่ใจกล้าเช่นนี้และยังอวดดีกว่านางเสียเมื่อไร?ในสมองนางเต็มไปด้วยคำพูดเมื่อครู่ของนางนางถูกฮ่องเต้รับแล้วสกุลเหอสูงส่งกว่าราชวงศ์เหอเหลียนซินรู้แล้ว ถ้าหากคำพูดสองประโยคนี้ถูกเผยแพร่ออกไป นางเสียหน้าไม่ว่า พ่อนางต้องลงโทษนางคุกเข่าในศาลบรรพชนแน่!นางโมโหจนร่างกายสั่น พลันเลือดพลุ่งพล่าน ภาพตรงหน้ามืดดับ เป็นลมไปแล้ว“พี่เหอ!”เดิมทีลู่เจาอวิ๋นก็ควงแขนของนางไว้ จึงรีบพยุงนางขึ้นอย่างตื่นตระหนกเด็กรับใช้ทั้งสองของสกุลเหอเพิ่งหายตาลาย ก็มองเห็นคุณหนูของพวกนางเป็นลม จึงรีบเข้าไปพยุงเหอเหลียนซินโดยไม่มีเวลาสนใจลู่เจาหลิงแล้วกู้ฉิงเบิกตากว้าง ฝ่ามือมีเหงื่อเล็กน้อย นางมองไปทางลู่เจาหลิงมีคนตะโกนสิ่งที่นางคิดในใจออกมา…“นางยั่วคุณหนูเหอโมโหจนเป็นลมไปแล้ว!”ลู่เจาหลิงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนางถอนใจเบาๆ กล่าวชัดถ้อยชัดคำ “โทษข้าไม่ได้นะ คุณหนูเหอท่านนี้มีไฟในตับ ความชื้นหนัก มีอาการคลุ้มคลั่งเล็กน้อย วู่วามได้ง่าย อีกทั้งวันนี้หน้าผากนางหมองคล้ำ เห็นได้ชัดว่าตอนออกจากบ้านไปติดไออัปมงคลมา เดิมทีวันนี้ก็จะดวงซวยอยู่แล้ว”ปากที่เพิ่งหุบลงของทุกคน อ้ากว้า

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 98

    เดิมทีพ่อก็เป็นรองเสนาบดีกรมกลาโหม ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ ประกอบกับมีการแต่งงานนี้ เป็นการรวมกันของผู้มีอิทธิพลชัดๆในมุมมองของเหอเหลียนซิน แม้แต่ท่านหญิงฉางหนิงก็ต้องให้เกียรตินางสามส่วน นับประสาอะไรกับกู้ฉิงที่อยู่ตรงหน้า?“คุณหนูเหอ เกิดอะไรขึ้น?” มีคนก้าวออกมาอยากเป็นคนกลาง “เมื่อครู่ท่านหญิงกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแล้ว ถ้าหากนางออกมาพบว่าวุ่นวายเช่นนี้…”เมื่อได้ยินอีกฝ่ายยกเอาท่านหญิงฉางหนิงมาพูด ในที่สุดเหอเหลียนซินก็ไม่ได้หาเรื่องกู้ฉิงอีกนางถลึงตาใส่ลู่เจาหัวแวบหนึ่ง ปล่อยนางไปก่อนชั่วคราว อย่างไรเสียคนที่นางรังเกียจที่สุดในตอนนี้คือลู่เจาหลิง!นางเรียกเด็กรับใช้ทั้งสองของตัวเอง “พวกเจ้าไป ให้นางมาคุกเข่าขอโทษข้า!”“เจ้าค่ะ!”เด็กรับใช้ทั้งสองของนางพุ่งพรวดเข้าไปหาลู่เจาหลิงทันทีลู่เจาหัวอุทานอย่างขี้ขลาดทีหนึ่ง และกล่าวเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง “พี่หญิงรอง ท่านรีบหนีไป”ลู่เจาอวิ๋นรีบคว้ามือของเหอเหลียนซิน แสร้งห้ามปราม “พี่เหอ ท่านอย่าไปถือสานางเลย…” แต่ก็ไม่เห็นนางไปห้ามเด็กรับใช้สองคนนั้นแม้คนอื่นก็ไม่ชอบพฤติกรรมที่อวดดีของเหอเหลียนซิน แต่พวกนางไม่รู้จักลู่

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 97

    พวกลู่เจาหลิงไม่ถือว่ามาเร็วตอนนี้ในสวนมีคนไม่น้อยแล้วช่วงนี้เป็นปลายฤดูใบไม้ผลิ ไม่ร้อน เย็นสบาย สวนของจวนท่านหญิงปลูกดอกไม้มากมาย บานสะพรั่งสีสันงดงามแต่ตอนนี้ บนพุ่มดอกไม้ถูกประดับด้วยดอกผ้าไหมที่ผูกจากผ้าขาว  และต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ มีผ้าโปร่งสีขาวห้อยอยู่ ลอยไปตามสายลมเบาๆสีขาวเหล่านี้ บดบังความงามของดอกไม้ที่บานสะพรั่งเหล่านี้ นี่น่าจะเป็นเจตนาของท่านหญิงฉางหนิง อย่างไรเสีย ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ตรงพื้นที่โล่งกลางสวน มีโต๊ะยาวหลายตัวแบ่งตั้งเป็นสองฝั่ง บนโต๊ะมีพู่กัน น้ำหมึก และกระดาษวางอยู่ถัดจากต้นกล้วยหลายพุ่ม มีศาลาหนึ่งหลัง บนโต๊ะในศาลามีน้ำชาและผลไม้วางอยู่พื้นที่นี้มีเงาจากภูเขาจำลองและต้นไม้ที่อยู่ข้างหน้าสะท้อนลงมาพอดี แต่ยังพอมีช่องว่างให้แสงแดดเล็ดลอดเข้ามาอยู่บ้าง แสงสว่างเพียงพอ และไม่เย็นเกินไปข้างภูเขาจำลองมีถนนเล็กๆ หนึ่งเส้น เดินไปมีบ่อน้ำเล็กๆ ตอนนี้บนผิวของบ่อน้ำมีใบบัวที่เพิ่งงอกออกมาอยู่บ้าง แต่ยังไม่มีกิ่งก้านของดอกยื่นโผล่พ้นผิวน้ำเหล่าคุณหนูที่มาถึงก่อน จับกลุ่มกันตรงนี้สามตรงนั้นสอง มีคนกำลังชมดอกไม้ มีคนกำลังดื่มชา มีคนกำลังอ่านหนังส

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 96

    ลู่เจาหลิงไม่ทน หันไปพูดกับลู่เจาอวิ๋นอย่างเย็นชา “ลู่เจาอวิ๋น ถ้าไม่เข้าไปข้าจะไปแล้วนะ”“มาแล้ว” เดิมทีลู่เจาอวิ๋นก็ค่อยสังเกตการเคลื่อนไหวที่ประตูอยู่แล้ว เมื่อเห็นพวกนางสองคนถูกเด็กรับใช้ขวางไว้ นางยิ้มในใจ แต่เมื่อได้ยินว่าลู่เจาหลิงจะไปนางก็รีบมาทันที จะปล่อยให้ลู่เจาหลิงไปได้อย่างไร?“พี่เหอ นี่คือเจาหลิงน้องรองของข้า”นางควงแขนของเหอเหลียนซินไว้ พลางหันไปกล่าวกับลู่เจาหลิง “น้องรอง รีบเรียกพี่เหอเร็ว”เหอเหลียนซินมองไปทางลู่เจาหลิง สายตาเย็นชาเล็กน้อย“ข้าไม่กล้าให้ว่าที่พระชายาจิ้นอ๋องเรียกพี่หรอก”จิ้นอ๋องกลับเมืองหลวง ได้รับพระราชทานสมรส อีกฝ่ายเป็นเด็กบ้านนอกที่ถูกรับกลับมาจากชนบทข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้วทุกคนต่างตกใจมาก ไม่มีใครอยากเชื่อ ขณะเดียวกันก็อยากรู้มาก คุณหนูรองกู้เป็นคนอย่างไร โชคอะไรหล่นทับกันแน่ จึงได้รับความสนใจจากจิ้นอ๋องเหอเหลียนซินก็อยากรู้มากเช่นกันและตอนนี้นางได้เจอลู่เจาหลิงแล้ว หน้าตาเหมือนนางจิ้งจอกอย่างที่คิด เอาเป็นว่านางเห็นแล้วก็รังเกียจเลยลู่เจาเหลียงย่อมมองเจตนาร้ายที่เหอเหลียนซินมีต่อตัวเองออกนางก็ตอบกลับไปอย่างเร

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 95

    ชิวจวี๋ประคองลู่เจาอวิ๋นลงรถม้า ไม่ได้สนใจลู่เจาหัวกับลู่เจาหลิงอีกเลยหลังจากลู่เจาหัวลงรถม้า นางคิดแล้วคิดอีก ยื่นมือไปหาลู่เจาหลิง “พี่หญิงรอง ข้าประคองท่าน”“ไม่ต้อง”ลู่เจาหลิงกลับเลี่ยงผ่านมือของนาง ลงจากรถม้าเองลู่เจาหัวทำท่าเสียใจเล็กน้อย หลุบตาปกปิดสายตา“เจาอวิ๋น”มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากข้างหน้า แค่ฟังจากเสียงก็เต็มไปด้วยความมั่นใจลู่เจาอวิ๋นประหลาดใจมาก รีบเดินเข้าไปหา“พี่เหอ!”ลู่เจาหัวเห็นผู้มา สีหน้ากลับเปลี่ยนไป ร่างกายสั่นเล็กน้อย นางลืมไปได้อย่างไร ในโอกาสเช่นนี้ เหอเหลียนซินก็มาเช่นกันลู่เจาหลิงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไรนางมองไปทางผู้มาเห็นรถม้าของอีกฝ่ายก่อน รถม้าคันนั้นดูหรูหรากว่าของสกุลลู่มาก สตรีที่กำลังทักทายลู่เจาอวิ๋นอย่างอย่างสนิทสนม อายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปด ใบหน้าทรงไข่ห่าน คางแหลม หน้าตาค่อนข้างงามเพราะอยู่ระหว่างการไว้ทุกข์ การแต่งกายของนางก็เรียบๆ เช่นกัน สีขาวทั้งชุด มีเพียงปิ่นหยกกับดอกไม้ผ้าเล็กๆ ที่ประณีตไม่กี่ชิ้น สง่างามดั่งดอกบัวที่บริสุทธิ์นางพาเด็กรับใช้มาด้วยสองคน เสื้อของเด็กรับใช้เป็นสีขาวมีกิ่งดอกไม้สีน้ำตาลเล

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 94

    นางข่มความโกรธ “น้องหญิงรองหยุดได้แล้ว นี่เป็นถุงหอมที่ผู้อื่นมอบให้ข้า มันมีค่ามาก เครื่องหอมที่อยู่ข้างในก็หาซื้อตามข้างนอกไม่ได้”เครื่องหอมที่อยู่ข้างใน ท่านหญิงฉางหนิงเป็นคนให้นาง เป็นของขวัญที่ทูตต่างแดนนำมาถวายให้ท่านหญิงและองค์หญิงต่างๆ ในวังลู่เจาอวิ๋นได้เครื่องหอมมาแค่นี้ นางก็ภาคภูมิใจมาก ปกติแทบไม่เอาออกมาใช้ ในโอกาสอย่างวันนี้จึงจะยอมนำออกมาใช้ ลู่เจาหลิงกลับให้นางทิ้ง?“กลิ่นเหม็นมาก”ลู่เจาอวิ๋นอดกลั้นความโกรธ และยังคงฝืนยิ้ม คิดใจปลอบนาง “คนทั่วไปอาจจะไม่ชินกับกลิ่นเช่นนี้จริงๆ แต่นี่เป็นเครื่องบรรณาการจากทูตต่างแดน เป็นเครื่องหอมที่มีราคาแพงและหรูหรามาก น้องหญิงรอง ในเมื่อเจ้ามาถึงเมืองหลวงแล้ว เจ้าต้องพยายามปรับรสนิยมให้สูงขึ้น จะชอบแต่พวกเครื่องหอมคุณภาพต่ำไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกหัวเราะเยาะ”“ไร้สาระ”พลันลู่เจาหลิงยื่นมือออกไป กระชากถุงหอมบนกายนางลงมาฉับพลัน เลิกม่านรถก็โยนมันไปที่ข้างคนขับ“ไว้ตรงนั้นก่อน อีกเดี๋ยวเจ้าจะห้อยค่อยห้อย”นางทนไม่ไหวแน่ ถ้าต้องทนดมอยู่ในรถม้าที่แคบเล็กเช่นนี้ตลอดอีกทั้งเกรงว่าส่วนผสมของเครื่องหอมเหล่านี้ค่อนข้างแปลก มีผงกระดู

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 93

    ชิงเป่าร้อนใจแล้ว“พวกเราต้องตามคุณหนูไป คุณหนูของพวกเรายังบาดเจ็บอยู่!”ก่อนหน้านี้พวกนางเคยได้ยินท่านหมอฝู่กล่าว คุณหนูได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ที่จริงนับว่าอันตรายถึงชีวิต แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดนางยังสามารถรอดมาได้ชิงเป่าชิงอินก็เป็นคนฝึกยุทธ์เช่นกัน และเคยเห็นบาดแผลของลู่เจาอิง ย่อมรู้ว่าบาดแผลนั่นสาหัสเพียงใด“ข้าอยากพาเจ้าไปด้วยจริงๆ แต่รถม้าไม่พอนั่งแล้ว” ลู่เจาอวิ๋นก็หมดหนทาง นางกล่าวเหมือนเยาะเย้ยตัวเอง “ไม่ใช่ข้าหาเรื่องพวกเจ้า แต่รถม้าจวนเรามันไม่ใหญ่”ชิงเป่ากล่าวทันที “พวกเราเดินไปก็ได้”พวกนางสามารถใช้วิชาตัวเบา“พวกเจ้ามาจากจวนจิ้นอ๋อง น่าจะรู้จักท่านหญิงฉางหนิง ดังนั้นก็น่าจะรู้ว่าจวนท่านหญิงอยู่ที่ไหน ห่างจากที่นี่ไกลมาก ถ้าหากพวกเจ้าเดิน อย่างน้อยก็ต้องเดินครึ่งชั่วยาม”ลู่เจาอวิ๋นกล่าว “ถึงเวลาพวกเจ้ากับน้องหญิงรองไม่ได้เข้าจวนพร้อมกัน ผู้อื่นก็จะหัวเราะเยาะเช่นกัน”เช่นนั้นไม่เท่ากับทำให้ผู้อื่นรู้ว่า รถม้าของสกุลลู่เล็กมาก แม้แต่สาวใช้ก็ไม่พอเบียดหรือ?ชิงอินใจเย็นกว่า คิดวิธีที่เหมาะสมกว่าออก “พวกเราไปเช่ารถม้าไป”“รอพวกเจ้าหารถม้าได้มันก็ไม่ทันแล้ว แต่ว่าถ

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 92

    เที่ยวนี้เขาได้เห็นความสามารถของลู่เจาหลิงอีกครั้งชิงอินกอดกล่องในอ้อมแขนไว้ ยังรู้สึกเหมือนนี่ไม่ใช่เรื่องจริงเล็กน้อย ออกจากจวนเที่ยวเดียว คุณหนูก็หาเงินได้อีกห้าพันตำลึงแล้ว ห้าพันตำลึงเลยนะ!สกุลลู่นำเงินออกมาสามร้อยตำลึง ก็ปวดใจเหมือนถูกเฉือนเนื้อ พวกเขาจะคาดคิดได้อย่างไร คุณหนูอาศัยความสามารถของตัวเอง ก็สามารถหาเงินได้ห้าพันตำลึงแล้วนอกจากนี้ยังมีจี้หยกหนึ่งชิ้นกับโสมหนึ่งต้นด้วย แค่ของเหล่านี้ก็มีค่าหลายร้อยตำลึงตกลงสุกุลลู่รู้หรือไม่ว่าคุณหนูเป็นสมบัติลับอย่างไรครั้งนี้ชิงเป่าไม่ได้ตามออกมาด้วย แต่เฝ้าอยู่ที่หอทิงหน่วน นางดูจากเวลา ได้ไปนำอาหารเย็นกลับมาแล้ว ลู่เจาหลิงกลับมาก็ได้กินข้าวเลย“ชิงเป่าคำนวณเวลาได้พอดีเป๊ะ” นางชมไปประโยคหนึ่ง หลังจากนั้นกล่าว “ให้พวกเจ้าคนละห้าตำลึง กลับไปซื้อของที่ตัวเองชอบกิน”ให้เงินพวกนางอีกแล้ว!ชิงเป่าเบิกตากว้าง มองไปทางชิงอินด้วยสายตาตั้งคำถามชิงอินเงียบ แต่เปิดกล่องเหล่านั้นให้นางดู“คุณหนูเก่งจัง…” แม้แต่เสียงตกใจของชิงเป่าก็ลอยเล็กน้อยลู่เจาหลิงยิ้มแล้วยิ้มอีก “พอแล้ว กินข้าวเถอะ”หลังกินข้าว อาบน้ำเสร็จ นางก็กลับมาท

DMCA.com Protection Status