Share

บทที่ 15

จิ้นอ๋องเลิกคิ้ว

“ข้าไม่ชอบเสิ่นเซียงจวิ้น แต่เสด็จพ่อคิดว่านางเป็นคนดี แต่งนางเข้าจวนอ๋องมาก็ใช่ว่าจะมิได้?”

“อย่างนั้นจะใช้ได้ที่ไหนเล่า?” ฮ่องเต้เกลี้ยกล่อมไม่ยอมหยุดด้วยเจตนาดี วางตัวเหมือนเป็นพี่ชายที่แสนดี “ข้าก็หวังว่าเจ้าจะแต่งงานกับสตรีที่เจ้าชอบด้วย”

“แต่ข้าไม่มีสตรีที่ข้าชอบ แต่งกับใครก็เหมือนกันมิใช่หรือ” จิ้นอ๋องพูดอีกครั้ง

พระทัยของฮ่องเต้เต้นผิดจังหวะ

เพราะจิ้นอ๋องได้ยินคำพูดสุดท้ายของไท่ซ่างหวงก่อนที่จะเสียชีวิต จึงตัดสินใจแน่วแน่ที่จะแต่งงานกับเสิ่นเซียงจวิ้นงั้นหรือ?

ยิ่งเขาอยากแต่งงานมากเท่าไร ฮ่องเต้ก็ยิ่งสงสัยว่ามีลับลมคมใน ยิ่งไม่ทรงเห็นด้วยมากขึ้นเท่านั้น

“ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ใช่เคยมาขอประทานงานสมรสหรอกรึ? นั่นไม่มีหญิงที่เจ้าชอบแล้วรึ?”

“เป็นสาวน้อยที่ข้าต้องใจระหว่างทาง นางมาจากชนบท ดูแปลกใหม่ดี เดิมทีข้าคิดว่าเสด็จพ่อพระวรกายไม่สู้ดี ข้าจึงอยากจะแต่งชายาสักคน เพื่อให้ท่านมีความสุข มิใช่ว่าจะชอบนาง”

จิ้นอ๋องดูเหน็บแนมเล็กน้อย ราวกับว่าเขาล้อเลียนฮ่องเต้ที่คิดว่าเขาหลงรักหญิงสาวแบบใด

น้ำเสียงของเขาเมื่อพูดถึงหญิงผู้นั้นไม่ได้จริงจัง ฟังดูแค่ทำเป็นเล่น

แต่เหตุผลที่จิ้นอ๋องให้ไว้ก็ทำให้ฮ่องเต้เชื่อในทันใด

รู้ว่าไท่ซ่างหวงประชวร ดังนั้นจึงอยากแต่งงานโดยเร็ว เพื่อที่ไท่ซ่างหวงจะมีได้ความสุข นั่นเป็นไปได้!

ฮ่องเต้ทรงเชื่อในทันที

และเมื่อได้ยินว่าสาวน้อยผู้นั้นมาจากชนบท ดูแปลกใหม่ พระทัยของฮ่องเต้ก็ยิ่งบ้าคลั่งมากขึ้นไปอีก

พระองค์กลัวอย่างยิ่งถ้าจิ้นอ๋องได้แต่งชายาของตระกูลที่มีอำนาจ!

เดิมทียังกังวลว่าจะจำต้องหาภรรยาที่เหมาะสมให้ แต่ตอนนี้เขากลับเลือกหญิงที่มาจากชนบทเอง?

ไม่มีอะไรจะดีเยี่ยมไปกว่านี้แล้ว!

ในเวลานี้ฮ่องเต้ไม่สนใจแม้แต่ไท่ซ่างหวงที่นอนอยู่ตรงนั้น ทรงถามอย่างตื่นเต้นทันทีว่า "เป็นบุตรีของตระกูลใด?"

จิ้นอ๋องขมวดคิ้ว บ่งบอกถึงความไม่เต็มใจปรากฏบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา

“ช่างเถอะ ตอนนี้เสด็จพ่อก็เสียไปแล้ว ข้าไม่อยากแต่งงานอีกแล้ว”

“ทำเช่นนั้นได้อย่างไร?” ฮ่องเต้ตรัสอย่างรีบร้อน “เมื่อครู่เสด็จพ่อยังเป็นห่วงงานมงคลของเจ้า ตอนนี้ช่วงต้นของการไว้ทุกข์จะประทานงานแต่งให้เจ้าก่อน เพื่อที่เสด็จพ่อจะได้จากไปอย่างสงบสุข”

ใช่ เป็นไปตามเช่นนี้

ก่อนหน้านี้จิ้นอ๋องไม่เต็มใจที่จะแต่งงาน ตอนนี้กลับมายังเมืองหลวงแล้ว ใครจะรู้ล่ะว่าเขาจะเลือกภรรยาที่มีอำนาจในภายหลังหรือไม่?

ถึงเพลานั้นจวนจิ้นอ๋องจะกลายเป็นหอกข้างแคร่สำหรับเขาอีกครั้ง

มิสู้ใช้ประโยชน์จากช่วงต้นของการไว้ทุกข์ให้แก่ไท่ซ่างหวง จัดเตรียมการแต่งงานให้เขาโดยเร็ววัน และใช้ความปรารถนาสุดท้ายของไท่ซ่างหวงเพื่อกดดันจิ้นอ๋อง

เมื่อคิดเยี่ยงนี้แล้ว ฮ่องเต้ก็เริ่มวิตกกังวล

ก่อนหน้านี้พระองค์ไม่ต้องการที่จะประทานงานแต่งให้กับจิ้นอ๋อง แต่ตอนนี้พระองค์แทบอดทนรนรอไม่ไหวที่จะออกราชโองการประทานงานแต่งให้เขาทันที

“เสด็จพ่อจากไปแล้ว การคัดเลือกชายา ข้าค่อยเลือกอย่างรอบคอบแล้วกัน” จิ้นอ๋องถอนหายใจ

“วันที่เจ็ดเสด็จพ่อยังจะเสด็จกลับมา ถึงเวลานั้นท่านได้ทราบว่าเจ้ามีคู่หมั้นคู่หมายแล้ว ท่านก็จากไปได้อย่างสงบสุข”

ฮ่องเต้เตือนปากเปียกปากแฉะด้วยความหวังดี “ไม่เช่นนั้น เจ้ากลับเมืองหลวงครั้งนี้ก็ตัวคนเดียวอีก ท่านจะวางใจได้อย่างไรกันเล่า?”

ดูเหมือนว่าจิ้นอ๋องจะถูกเกลี้ยกล่อมสำเร็จ

แต่เขาขมวดคิ้วอีกครั้ง รู้สึกรังเกียจอย่างยิ่ง "แม่นางผู้นั้น เป็นคนที่ข้าช่วยไว้ที่ตลาดอย่างไม่ตั้งใจจริงๆ"

พระ​เนตรของฮ่องเต้เปล่งประกาย และทรงถามอย่างฉับพลันว่า "เป็นบุตรสาวของตระกูลใดกัน?"

“ก็ไม่ใช่คนธรรมดา ข้าได้ยินมาว่านางเป็นบุตรีคนรองที่ใต้เท้าลู่ ลู่หมิง เลี้ยงไว้ในชนบทมาสิบปีแล้ว”

“ลู่หมิง?”

คนผู้นี้ฮ่องเต้คุ้นเคยนัก “ลู่อ้ายชิง[1]น่ะหรือ? เขายังมีบุตรีคนหนึ่งที่เลี้ยงในชนบทมาสิบปีด้วยหรือ? เป็นลูกคนรอง?”

เงื่อนไขของตระกูลลู่นั้นต่ำมากเมื่อเทียบกับจิ้นอ๋อง!

พอได้ยินฮ่องเต้แทบจะทรงพระสรวลออกมาเสียงดัง แต่เมื่อพระองค์มองเห็นไท่ซ่างหวงจากหางพระเนตร ความหนาวเย็นก็ไหลลงมาตามแผ่นหลังของพระองค์ จึงรีบกลั้นไว้โดยทันที

บุตรีของลู่หมิง อีกทั้งยังเป็นคนรอง ไม่ใช่บุตรีคนโตที่ถือกำเนิดจากภรรยาเอกด้วยซ้ำ

ด้วยสถานะนี้ การอยากเป็นชายาจิ้นอ๋อง เป็นเพียงเรื่องเพ้อเจ้อ!

แต่ตอนนี้ฮ่องเต้รู้สึกว่า นี่มันช่างยอดเยี่ยมเสียจริง!

หากจิ้นอ๋องแต่งงานกับชายาเช่นนี้ เขาจะมีความช่วยเหลือจากตระกูลแม่ภรรยาได้อย่างไร? ดีดีดี พระองค์ค่อนข้างพอพระทัย!

“ถ้าเช่นนั้นเมื่อครู่เจ้าเพิ่งขอประทานงานแต่ง นั่นหมายความว่าเจ้ามีใจที่จะแต่งงานกับหญิงผู้นั้น”

จิ้นอ๋องขมวดคิ้ว “ตอนนั้นข้าคิดว่าจะรีบพามาให้เสด็จพ่อดู ข้าได้บอกนางจริงๆ ว่าข้าหมายหมั้นนาง”

“เชื้อพระวงศ์อย่างเราต้องรักษาสัจจะ คำพูดต้องหนักแน่น พูดไปแล้วมิอาจทำลาย ไม่เช่นนั้นจะไม่เป็นผลดีต่อแม่นางผู้นั้น!”

ฮ่องเต้ทรงวิตกกังวล “จริงๆ นะ อาเยว่ ตอนนี้วิญญาณของเสด็จพ่ออาจยังวนเวียนอยู่ในพระราชวัง ท่านคงจะยังทรงได้เห็นอยู่ เจ้ามีความกตัญญูมาโดยตลอด เพื่อเห็นแก่เสด็จพ่อ เจ้าควรรีบไปหมั้นหมายสู่ขอเสียเถอะ?”

ฮ่องเต้ตรัสถามต่อว่า "บุตรคนรองของลู่อ้ายชิง มีนามว่าอะไร?"

“ดูเหมือนว่าจะชื่อ ลู่เจาหลิง?”

“ข้าจำได้ว่าบุตรีคนโตของตระกูลลู่ ชื่อว่าลู่เจาอวิ๋น แล้วหลิงคนนี้เล่า?”

“หลิงที่มาจากคำว่าหลิงเจี่ยว[1]”

“ดีๆ ข้าจะไปร่างพระราชโองการอภิเษกสมรสเดี๋ยวนี้!” ฮ่องเต้ทรงรีบร้อนอย่างยิ่ง รีบร้อนที่จะเสด็จจากไป กลัวว่าจิ้นอ๋องจะเปลี่ยนใจ ดังนั้นพระองค์จึงตรัสด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “อาเยว่ เพื่อเสด็จพ่อ!”

จิ้นอ๋องมองไปทางแผ่นหลังของเขาขณะที่เขารีบไปร่างพระราชโองการ แววตาจมปลักครุ่นคิด

เมื่อหันกลับมา เขาคุกเข่าลงต่อหน้าไท่ซ่างหวงอีกครั้ง

เสด็จพ่อ บางทีอาจมีคนสามารถช่วยลูกได้จริงๆ

ในไม่ช้า

พระราชโองการประทานงานแต่งของฮ่องเต้ถูกส่งออกจากพระราชวังโดยเน่ยซื่อ

จิ้นอ๋องหยุดเขาไว้นอกประตูพระราชวัง เมื่อตรวจดูพระราชโองการ เห็นว่าชื่อในนั้นถูกต้อง เขาจึงทรงมอบพระราชโอการให้แก่ผู้ถ่ายทอดพระราชโองการอีกครั้ง

"ไปเถอะ"

ไปเถอะ ไปส่งพระราชโองการที่จวนลู่เถอะ

และเขาถือป้ายวิญญาณของไท่ซ่างหวงไว้ ก็ต้องไปที่วัดบรรพบุรุษด้วยเช่นกัน

ลู่จ้าวหลิงตื่นขึ้นมาอีกครั้งและพบว่านางกลับมาที่หอทิงหน่วนแล้ว

นางจำสิ่งที่นางได้ยินตอนที่นางหมดสติไป

ในความเป็นจริง ตอนที่ฮ่องเต้เข้ามาในตำหนักหนิงโซ่ว นางก็ล้มพับอยู่ในอ้อมอกของจิ้นอ๋อง แต่นางก็ไม่ได้หมดสติไปโดยสิ้นเชิง นางจึงได้ยิน!

จิ้นอ๋องบอกว่านางเป็นหัวขโมย

ยังบอกว่านางได้ตายไปแล้ว

ให้ชิงเฟิงแบกนางออกไปทิ้ง

นางได้ยินสิ่งเหล่านี้ และพอถูกชิงเฟิงหามขึ้นไหล่แล้ว นางจึงหมดสติไปจริงๆ

ดีนัก จิ้นอ๋องเก่งมาก นี่ควรหักสิบแต้มหรือไม่?

ถ้าไม่ใช่เพราะไอสีม่วงของเขา นางคงทิ้งชีวิตของเขากลับเข้าไปในวังพญายมราชแล้ว!

นางถูกหาว่าเป็นหัวขโมยที่ตายไปแล้ว จิ้นอ๋องคือไม่มีความตั้งใจที่จะหมั้นหมายกับนางแล้ว?

"คุณหนู"

เสียงของสาวใช้ดังมาจากข้างนอก ประสาทรับเสียงของลู่จ้าวหลิงนั้นดีเยี่ยม ดูเหมือนว่าจะเป็นเสียงของคนที่ชื่อชิงอิน

นางจำได้ว่า ทั้งสองคือสาวใช้ที่จิ้นอ๋องมอบให้นาง

"เข้ามา"

ชิงอินเข้ามาพร้อมถาด เมื่อนางเห็นนางตื่นขึ้นมา นางก็รีบวางถาดลงบนโต๊ะ แล้วรีบเข้าไปช่วยพยุงนาง

“จวนอ๋องได้ส่งน้ำแกงยาบำรุงมา ท่านจะดื่มตอนร้อนๆ เลยไหมเจ้าคะ?”

ลู่จ้าวหลิงพยักหน้า "ดื่ม"

นอกเหนือจากสิ่งอื่นใด ตอนนี้นางต้องบำรุง บำรุงให้ดี

ร่างกายฟื้นตัวเท่านั้นถึงจะได้

หลังจากช่วยชีวิตของจิ้นอ๋องกลับมาได้ นางเสียดุลครั้งใหญ่

ชิงอินยกน้ำแกงมา แต่ลู่จ้าวหลิงไม่มีแรงแม้แต่จะถือช้อนได้ ดังนั้นจึงต้องให้นางป้อนให้

น้ำแกงนี้มีรสชาติของสมุนไพรหายากหลายชนิดอย่างแท้จริง

ลู่จ้าวหลิงดื่มน้ำแกงแล้วมองไปที่ชิงอิน

แววตาของนางเปล่งประกาย แต่นางก็ไม่รีบร้อนที่จะพูด นางขอดื่มน้ำแกงให้เสร็จก่อนแล้วค่อยพูด อย่าให้มันเสียเปล่า

หลังจากที่ดื่มน้ำแกงในถ้วยจนหมดหยดสุดท้าย นางถึงจะค่อยๆ เอ่ยคำพูด

“ช่วงนี้เจ้าฆ่าคนหรือ?”

มือของชิงหยินสั่นเทา ถ้วยหม้อดินเกือบหลุดมือ

“คุณหนู?” ทำไมถึงถามเช่นนี้เล่า?

----------------------------------------------------------

[1] หลิงเจี่ยว แปลว่า กระจับ

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status