แชร์

บทที่ 17

ผู้เขียน: อันชิงซิน
“ใช้น้ำล้างอย่างเดียวล้างไม่ออกหรอก กลับมา”

ลู่เจาหลิงเรียกให้ชิงอินหยุด

ชิงอินจึงทำได้เพียงเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง

“ยื่นมือออกมา”

ชิงอินยื่นมือขวาไปตรงหน้านาง และมองนางอย่างไม่เข้าใจ

เห็นมือของลู่เจาหลิงคลุมอยู่บนมือของนางเบา ๆ

ทันใดนั้นชิงอินก็รู้สึกว่ามือของตัวเองเย็นเล็กน้อย

ลู่เจาหลิงเคลื่อนมือออก และสะบัดมันเบา ๆ

ชิงอินมองมือของตน รูม่านตาก็หดตัวลง เพราะในเวลานี้ นางเห็นชั้นฝุ่นสีดำเทาค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือและนิ้วมือของตนเองอย่างชัดเจน

ราวกับบนมือที่เปื้อนเถ้าถ่านจากหม้อก็มิปาน

แต่ก่อนหน้านี้มือของนางล้างสะอาดแล้วชัด ๆ!

แถมนางยังเบิกตาโพลงและเห็นชั้นสีเทาดำนี้ซึมออกมาจากผิว!

“เอาอ้ายเฉ่ากับใบทับทิมไปแช่น้ำ และล้างสามรอบ” ลู่เจาหลิงเอ่ย

ชิงอินรีบหมุนกายและวิ่งออกไปในทันที

เป็นเพราะรีบมาก จนตอนที่ออกไปเกือบจะชนเข้ากับชิงหลิงแล้ว

“ชิงอิน เหตุใดถึงบุ่มบ่ามเยี่ยงนี้เล่า?” ชิงหลิงตกใจ พวกนางได้รับการสั่งสอนมาจากชิ่งหมัวมัว และไม่เคยบุ่มบ่ามเยี่ยงนี้มาก่อน เกิดอะไรขึ้นกับชิงอิน?

นางเห็นมือที่ชิงอินยกขึ้นอีกครั้ง “เหตุใดมือของเข้าถึงสกปรกเยี่ยงนี้?”

น้ำเสียงของชิงอินสั่นเล็กน้อย “ข้า...ข้าไปล้างมือก่อนนะ!”

นางยกมือขึ้น หากตอนนี้นางไม่ล้างมือให้สะอาด ตัวนางเองคงทำอะไรไม่ได้แล้ว!

ชิงหลิงเห็นนางวิ่งออกไปอย่างรีบร้อน และเดินเข้ามาด้วยความงุนงง

“คุณหนูลู่เจ้าคะ ชิงอินนาง...”

“แค่มือสกปรกเท่านั้นเอง” ลู่เจาหลิงเอนตัวลงบนเตียงอย่างอ่อนแรง “มีอะไรหรือ?”

“ข้าน้อยเตรียมน้ำร้อนไว้เรียบร้อยแล้ว คุณหนูลู่ต้องการจะอาบเลยหรือไม่เจ้าคะ?”

ลู่เจาหลิงรีบลุกขึ้นนั่งในทันที

“ต้องการอยู่แล้ว”

ชิงหลิงพยุงนางไปอาบน้ำ

ส่วนชิงอินไปที่ห้องครัวเพื่อจะขออ้ายเฉ่าและใบทับทิมกลับเจอเข้ากับปัญหา

สาวใช้ในครัวกรอกตาใส่นางติดต่อกันอยู่หลายครั้ง

“ตอนนี้ใครมีเวลามาหาของเล่นนี่ให้เจ้ากัน? พวกข้ายุ่งจะตาย!”

เมื่อหันหน้าไป นางก็หัวเราะเยาะพลางเอ่ยกับคนที่อยู่ด้านข้าง “ไม่รู้ว่าทาสป่าสองนางนี้มาจากที่ใด ตนเองเป็นข้ารับใช้เหมือนกัน และยังจะวิ่งมาอวดดีต่อหน้าพวกเราอีก เมื่อกี้คนนั้นเพิ่งจะมาต้มน้ำร้อนหม้อใหญ่ไป คนนี้ก็มาหาใบทับทิมอะไรนั่นอีก”

“จริงด้วย พวกเรารับใช้เจ้านายที่แท้จริงก็ยุ่งจะแย่ และยังจะต้องมาทำงานให้พวกนางสองคนนี้อีก ถุย”

ชิงอินสีหน้าดูเย็นชาในทันที

ตอนชิงเฟิงส่งพวกนางเข้ามา เขาชี้ทางให้พวกนางตรงไปยังหอทิงหน่วนเลย ส่วนพ่อบ้านของจวนสกุลลู่รู้แค่ว่าชิงเฟิงเป็นองค์รักษ์ของจิ้นอ๋อง แต่สาวใช้สองนางนี้ เขาก็ไม่ค่อยรู้เท่าใดนัก ว่าจิ้นอ๋องส่งมาสอดส่องลู่เจาหลิงหรือว่ามาดูแลนางชั่วคราวกันแน่

ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้เอ่ยอะไรกับเหล่าคนใช้เท่าใดนัก เพียงแค่บอกว่ามีสาวใช้จากด้านนอกมาที่หอทิงหน่วนสองนางเท่านั้น

คนที่อยู่หลังครัวพวกนี้ จึงไม่รู้จริง ๆ ว่าพวกนางเป็นคนที่จิ้นอ๋องส่งมา

“พวกเจ้าก็บอกข้ามาสิว่าไปเด็ดใบทับทิมได้จากที่ใด ข้าจะไปเด็ดเอง” ชิงอินเอ่ย

ผู้คนในเมืองหลวงต้าโจวนิยมปลูกทับทิม เพราะทับทิมมีความหมายว่ายิ่งมีบุตรมากยิ่งมีความสุขมาก โดยเฉพาะบ้านที่มีฐานะดี บ้านของขุนนางหรือผู้ที่มีอำนาจ ยิ่งไม่ขาดแคลนเลย

ส่วนสิ่งของอย่างอ้ายเฉ่านี้ ปกติในจวนมักจะมีเตรียมไว้บ้าง เพราะในหน้าร้อนทุกคนจะเอามาสุมไฟเพื่อไล่ยุง หากในจวนมีฮูหยินและผู้หญิงที่เป็นหวัดก็จะสามารถนำมาต้มน้ำเช็ดตัวได้

ดังนั้นของทั้งสองอย่างนี้จึงหาได้ไม่ยาก

“จวนออกจะใหญ่ขนาดนี้ ก็ไปหาเอาเองสิ หรือว่ายังต้องการให้พวกข้าวางงานที่อยู่ในมือและไปเด็ดให้เจ้ากัน?” สาวใช้เอ่ย

ฮูหยินและคุณหนูเห็นได้ชัดว่าไม่ชอบคุณหนูรอง คนที่มาจากนอกเมืองหลวงนั่น จะมีสถานะอะไรได้? ยิ่งไปกว่านั้นสองนางนี้แค่มาปรนนิบัตินางชั่วคราวเท่านั้น

“ใบทับทิมข้าเด็ดเองก็ได้ งั้นอ้ายเฉ่าอยู่ที่ใดเล่า?” ชิงอินระงับความโกรธเอาไว้

ที่นี่คือจวนสกุลลู่

ความจริงพวกนางเองก็ยังไม่รู้ ว่าท่านอ๋องให้พวกนางติดตามลู่เจาหลิงตลอดไปเลย หรือว่าแค่ดูแลนางช่วงที่นางได้รับบาดเจ็บนี้เท่านั้น และพอถึงตอนนั้นก็ยังจะสามารถกลับจวนจิ้นอ๋องได้

“อ้ายเฉามีกลิ่นไม่ใช่หรือ? เจ้าลองดมดู กลิ่นอยู่ที่ใดอ้ายเฉ่าก็อยู่ที่นั่น” สาวใช้ผลักนางออก “หลีกไป ฮูหยินและคุณหนูของพวกข้าต้องการจะกินรังนก อย่าทำให้เสียเรื่อง!”

ได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่ถูกคุณหนูรองตบไปหนึ่งที โกรธจนร้องไห้ กินอะไรไม่ลงเลยทั้งวัน น่าสงสารเสียจริง

ชิงอินกัดฟันกรอด

นางหมุนกายไปที่สวนดอกไม้ ไม่นานก็เจอต้นทับทิม นางจึงเด็ดกิ่งและใบมานิดหน่อย ส่วนอ้ายเฉ่านางหาเอาก็ได้แล้ว!

ด้วยประสบการณ์ ปกติจะอยู่ในห้องเก็บอุปกรณ์ที่ติดกับห้องครัว

เมื่อนางพบอ้ายเฉ่าแล้ว ก็กลับมาที่หอทิงหน่วน ใช้ทั้งสองอย่างแช่น้ำ ล้างไปรอบหนึ่งแล้ว ชั้นสีดำเทานั่นก็ยังล้างไม่หมด

ต้องล้างสามรอบถึงจะถือว่าล้างสะอาดแล้ว

ชิงอินตกใจมาก ต้องล้างสามรอบจริง ๆ ด้วย!

ก่อนหน้านี้นางลองใช้น้ำสะอาดล้างหนึ่งรอบแล้ว ก็ยังล้างไม่ออก

เมื่อรอให้ลู่เจาหลิงอาบน้ำเสร็จ ชิงอินก็เข้าไปช่วยเช็ดผม อารมณ์ซับซ้อนมาก หลายครั้งแล้วที่ปากขยับแต่ไม่รู้ว่าควรจะถามอะไรดี

บาดแผลที่ด้านหลังศีรษะของนาง ตอนที่นางเช็ดผมก็พบว่าดีขึ้นมาแล้ว

เดิมทีพวกนางคิดว่านางบาดเจ็บหนักขนาดนี้ คงไม่สะดวกสระผม แต่ลู่เจาหลิงยืนกราน ชิงหลิงจึงทำได้เพียงสระผมให้นางด้วยความระมัดระวังจนสะอาดเท่านั้น

อีกด้านนั้น จิ้นอ๋องนำป้ายวิญญาณของไท่ซ่างหวงไปวางไว้บนโต๊ะบูชาในวิหารบรรพบุรุษ

เขาคุกเข่าลงและกระแทกศีรษะ มองไปที่ป้ายวิญญาณนั่น ก็นึกถึงลู่เจาหลิงอีกครั้ง เขาทนไม่ได้จจึงเอ่ยเสียงเบาออกมา

“เสด็จพ่อ แม่นางที่ท่านเห็นเมื่อครั้งก่อนชื่อว่าลู่เจาหลิง ลูกต้องการหมั้นหมายกับนาง ท่านเห็นด้วยใช่หรือไม่พะยะค่ะ?”

เมื่อสิ้นสุดเสียง ก็เห็นป้ายวิญญาณชิ้นนั่นจู่ ๆ มีเสียงดังกุกกัก และตกลงมา

จิ้นอ๋องตกตะลึง

ในนี้ไม่มีลมนี่

เขาลุกขึ้นยืนและประคองป้ายวิญญาณให้เข้าที่

“ป้ายวิญญาณของท่านนับว่าลูกสะใภ้ช่วยเขียนให้ และวางมันไว้ที่นี่ ซึ่งใกล้กับพระราชวังและจวนจิ้นอ๋องมาก ท่านดีใจหรือไม่พะยะค่ะ?”

กุกกัก!

ป้ายวิญญาณชิ้นนั้นตกลงมาอีกครั้ง

จิ้นอ๋องขมวดคิ้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เขาให้คนสร้างฐานไว้แล้ว และตอนที่วางมันลงบนโต๊ะบูชาก็มั่นคงมากอย่างเห็นได้ชัด!

เขาประคองป้ายวิญญาณขึ้นมาอีกครั้ง และครั้งนี้ยังลองขยับดู มันมั่นคงจริง ๆ

“ท่านอยากให้ข้าแต่งงานกับบุตรสาวของเสนาบดีเสิ่น แต่ข้าไม่ได้สนใจแม่นางนั่น ไม่แต่งแล้ว ร่างกายนี้ของข้าท่านก็รู้ดี แค่เกรงว่าจะไม่มีทายาท ดังนั้นจะสนมหรือภรรยารองอะไรก็ช่าง ข้าไม่อยากได้ทั้งนั้น”

เขายังไม่ทันได้เอ่ยจบเลย ครั้งที่สาม กุกกัก!

ป้ายวิญญาณนั่นตกลงมาอีกครั้ง และกระแทกกับโต๊ะอย่างแรง

จิ้นอ๋องชาไปทั้งตัวแล้ว

เขาประคองป้ายวิญญาณขึ้นมา ครั้งนี้ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก หมุนกายและเดินออกไปจากวิหารบรรพบุรุษแล้ว

ภายหลัง ท่ามกลางกลิ่นหอมของธูป ป้ายวิญญาณของไท่ซ่างหวงก็อยู่บนนั้นอย่างเงียบสงบ

จวนชิงฝูโหว

ซื่อจื่อจูหมิงเฮ่าเพิ่งฟื้นขึ้นมาก็ตะโกนร้องเสียงดัง

“นางชั้นต่ำนั่น! กล้าดีอย่างไรมาตีซื่อจื่ออย่างข้า โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บ!”

ชิงฝูโหวกับฮูหยินล้วนอยู่หน้าเตียง และมองดูเขาด้วยความสงสาร

“ลูกเอ๋ย เจ้าอย่าขยับ เพิ่งใส่ยาไปนะ อย่าถูมันสิ”

“คนชั้นต่ำน้อยนั่น จับนางกลับมาให้ข้า ข้ายากจะเฆี่ยนนางร้อยแปดสิบแส้ เปลืองผ้านางออกแล้วเฆี่ยน!”

จูหมิงเฮ่ายิ่งร้องก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว เจ็บจนเขาร้องออกมา แต่ภายในใจกลับเกลียดชังลู่เจาหลิงแล้ว

“ยังมีจิ้นอ๋อง!” เขาหันหน้ามองชิงฝูโหว “ท่านพ่อ ท่านช่วยพาข้าเข้าวังไปหาไทเฮาที บอกนางว่าข้าถูกจิ้นอ๋องรังแก และขอให้นางช่วยเป็นผู้ตัดสินใจให้ข้า!”
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Waranya Chaiwan
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 18

    ไทเฮาทรงเอ็นดูเขามาแต่ไหนแต่ไร!“จิ้นอ๋องรังแกคนอื่นมากเกินไปแล้ว คนชั้นต่ำน้อยนั่นเป็นอนุของข้า และคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะแย่งไปแล้ว!”จูหมิงเฮ่ายิ่งคิดก็ยิ่งน่าโมโห เป็นถึงท่านอ๋องแท้ ๆ เหตุใดถึงได้แย่งผู้หญิงกับซื่อจื่อจวนโหวอย่างเขากัน?ชิงฝูโหวฮูหยินสงสารจนน้ำตาไหล เมื่อได้ยินก็เอ่ยโดยไม่คิดอะไร “ท่านโหว ดูสิเจ้าคะว่าเฮ่าเอ๋อร์ของพวกเราถูกรังแกจนมีสภาพเป็นเยี่ยงไรแล้ว? ท่านในฐานะที่เป็นพ่อหากไม่หนุนหลังเขา พวกเราแม่ลูกจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด?”แม้ชิงฝูโหวจะสงสารบุตรชาย แต่ก็ยังคงสับสนอยู่“หมิงเฮ่าไปแย่งผู้หญิงกลางถนนมาเป็นอนุ แบบนี้จะมีหน้ามีตาได้เยี่ยงไร? ยังหนุ่มอยู่แท้ ๆ แต่คนก็รู้จักกันหมดแล้วว่าเขาเอาอนุเข้ามาในจวน จนชื่อเสียงเสียหายหมดแล้ว!”อีกอย่างยังคงคิดจะไปแย่งกลับบ้านมาอย่างไร้ยางอายเช่นนั้น ได้ยินมาว่าแม่นางนั่นวิ่งหนีแล้ว เจ้าเด็กบ้านี่ยังพาคนไล่ล่าและสกัดกั้นไว้อีกนี่หมายความว่าเยี่ยงไร?หมายความว่าแม่นางนั่นเขาเป็นคนบังคับมา!เมื่อคิดถึงตรงนี้ ชิงฝูโหวก็หายใจเข้าลึก ๆ “เฮ่าเอ๋อร์ เจ้าบอกพ่อมาตามตรง แม่นางนั่นเจ้าไปแย่งมากจากที่ใด? นางเต็มใจที่จะกลับจวนโหวกับเจ

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 19

    ชิงอินชิงหลิงกำลังคิดจะพยุงลู่เจาหลิง แต่กลับได้ยินนางเอ่ย “กงกง ข้าบาดเจ็บสาหัส วิงเวียนศีรษะ หากคุกเข่าอาจเป็นลมได้ ขอยืนรับพระราชโองการแล้วกัน”“บังอาจ!” ลู่หมิงโมโหขึ้นมาในทันทีลู่เจาหลิงไม่มองเขาด้วยซ้ำ“หากเป็นลมแล้วคงรับพระราชโองการได้ไม่ดีนะเจ้าคะ” นางเอ่ยอย่างราบเรียบขุนนางถ่ายทอดพระราชโองการมองดูศีรษะที่พันไว้ของนาง จึงทำได้เพียงตอบตกลงแล้ว“เช่นนั้นคุณหนูรองลู่ก็ยืนรับพระราชโองการเถิด”เขาคลี่พระราชโองการสีทองอร่าม และอ่านออกมา“ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชา ได้ยินมาว่าบุตรสาวสายตรงคนที่สองของลู่หมิง ลู่เจาหลิง มีทั้งความประพฤติดีและรูปร่างหน้าตาที่งดงาม อีกทั้งยังสุภาพอ่อนโยน มีน้ำใจและจริงใจ... จึงอนุญาตให้พระอนุชาของข้า พระราชทานให้เป็นพระชายาจิ้นอ๋อง และเลือกวันมงคลเพื่อทำพิธีอภิเษกสมรส จบพระราชโองการ”เสียงของขุนนางถ่ายทอดพระราชโองการแหลมสูง น้ำเสียงก็ราบเรียบ และกำลังอ่านเนื้อหาของพระราชโองการต่อหน้าทุกคนในจวนสกุลลู่ทุกคนในจวนสกุลลู่ต่างตะลึงงันยิ่งลู่หมิงเกือบจะกระโดดขึ้นมาแล้วใบหน้าของลู่ฮูหยินบิดเบี้ยว ดวงตาลุกเป็นไฟ จ้องพระราชโองการนั้น

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 20

    คนตระกูลลู่หน้าตาโดดเด่นกันทุกคน และแต่ละคนล้วนดูดีมากหนึ่งในนั้น ลู่เจาอวิ๋นเป็นคนที่สวยที่สุดนอกจากไม่กี่คนนี้ ยังมีหญิงสาวอีกสองนาง นางหนึ่งสง่างาม อีกนางหนึ่งมีเสน่ห์ ทั้งสองน่าจะเป็นอนุภรรยาของลู่หมิงได้ยินมาว่า ลู่หมิงยังมีบุตรชายอีกสองคน แต่ไปเรียนหนังสือที่สำนักบัณฑิตแล้วตอนที่จู่เลาหลิงมองพวกเขา พวกเขาก็มองลู่เจาหลิงเช่นกัน“นี่ ข้าคุยกับเจ้าอยู่นะ เจ้าหูหนวกหรือไง?” ลู่เจาเยว่เห็นว่าลู่เจาหลิงไม่สนใจนาง จึงโมโหจนหน้าแดงไปหมดลู่หมิงใบหน้าบูดบึ้งไม่พูดอะไร ดูแล้วเหมือนกำลังรอฟังอยู่ว่าลู่เจาหลิงจะตอบกลับเยี่ยงไรเขาตกใจแทบแย่!เดิมทีคิดว่าจิ้นอ๋องจะหาวิธีมาเล่นงานลู่เจาหลิง สุดท้ายกลับเป็นการพระราชทานสมรสเสียนี่!“เจ้าเป็นใคร?”ลู่เจาหลิงเหลือบมองไปทางลู่เจาเยว่“หากเจ้าไม่กลับมา ข้าก็ได้เป็นคุณหนูรองของตระกูลลู่ ข้าชื่อลู่เจาเยว่! พี่สาวข้าคือเมฆ ข้าคือพระจันทร์ พวกเราล้วนเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุดบนฟากฟ้า และเจ้านับว่าเป็นอะไร?”เมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนลู่เจาเยว่เพิ่งได้รับการแจ้งว่า ต่อไปนางจะเป็นคุณหนูสามแล้ว ทำเอาโมโหแทบระเบิดเด็กบ้าที่มาจากนอกเมืองมีสิทธ์อ

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 21

    ลู่เจาหลิงจะเป็นอาสะใภ้ของนาง?!พอลู่เจาอวิ๋นได้ยินที่นางเอ่ย ก็แทบจะเป็นลม“น้องรอง เจ้าไม่รู้สึกว่าแบบนี้มันวุ่นวายหรอกหรือ? ราชวงศ์ยิ่งให้ความสำคัญกับกฎระเบียบและสายเลือด จ้ากับข้าเป็นพี่น้องกัน แล้วจะแต่งงานกับลุงหลานได้เยี่ยงไร?”ลู่เจาอวิ๋นทบทวนตนเองอย่างรอบคอบในช่วงบ่ายเดิมทีชื่อเสียงในเมืองหลวงของนางคืออ่อนโยน สง่างาม สุภาพเรียบร้อย แถมยังดีดผีผาได้ไพเราะจับใจ งานเย็บปักถักร้อยก็ทำได้ดีเยี่ยมทว่าตั้งแต่ได้ยินข่าวว่าลู่เจาหลิงจะกลับมายังเมืองหลวง นางไม่รู้เพราะเหตุใดถึงรู้สึกตื่นตระหนก จนหลุดจากขอบเขต และคิดแค่จะขัดขวางไม่ให้ลู่เจาหลิงกลับมายังตระกูลลู่หากไม่ใช่เพราะนางเสียสติ และแสดงพฤติกรรมที่แย่ออกมา ก็คงไม่ถึงกับถูกลู่เจาหลิงตบหน้าลู่เจาหลิงกลับมายังตระกูลลู่ และจะขัดขวางไม่ได้แล้ว เช่นนั้นนางจะต้องใจเย็นลง แล้วค่อยวางแผนให้ดีในภายหลังเมื่อคิดในใจแบบนี้ ลู่เจาอวิ๋นก็ปรากฏรอยยิ้มที่อ่อนโยนออกมานางเอ่ยกับลู่เจาหลิง “เจ้าบอกว่าเจ้าไม่เคยรู้จักจิ้นอ๋องมาก่อน คิดดูแล้วก็คงไม่มีความรู้สึกต่อกัน ตอนนี้พระราชโองการให้พระราชทานสมรสเพิ่งออกมา ถือโอกาสตอนที่ยังไม่มีใครรู

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 22

    “พี่สาม ท่านหยุดพูดได้แล้วเจ้าค่ะ” เด็กสาวที่อยู่ข้างกายดึงแขนเสื้อของลู่เจาเยว่เบา ๆ นางมองใบหน้าสง่างามที่มีความกังวลอยู่เล็กน้อย แต่คำพูดของนางกลับทำให้ลู่เจาเยว่ยิ่งโมโหมากขึ้นเดิมทีเมื่อก่อนเรียกนางว่าพี่รอง แต่ตอนนี้กลับปรับตัวได้ไวมาก และเริ่มเรียกนางว่าพี่สามแล้ว! อีกอย่าง ต่อจากนี้ในบ้านจะมีคนที่กดอยู่บนศีรษะเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งแล้ว แถมคนคนนี้ยังมาจากนอกเมืองเสียด้วย!นี่ทำให้ลู่เจาเยว่ที่เดิมทีชอบโจมตีและชอบเอาชนะใจคนอื่นมาโดยตลอดโกรธมาก“เสี่ยวเยว่!” ลู่ฮูหยินจ้องไปที่นาง นายท่านเพิ่งบอกไปหยก ๆ ว่าไม่ควรเอ่ยถึงคุณหนูเสิ่นอีก และเหตุใดยังเอ่ยอีก?“ข้าอยู่ด้านนอกไม่เอ่ยถึงก็ได้แล้ว ตอนนี้ในบ้านไม่มีคนนอกเสียหน่อย นอกจากนาง!”ลุ่เจาเยว่ชี้นิ้วมาที่ลู่เจาหลิงลู่เจาหลิงมองนิ้วมือนั่นของนาง และมองดูกลุ่มควันสีเทาที่ลอยอยู่รอบใบหน้าของนางอีกครั้ง จากนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย“เห็นพวกเจ้าเอะอะอะไรก็บอกว่าข้ามาจากบ้านนอก ไม่เคยเรียนรู้มารยาท แต่การใช้นิ้วชี้ใส่พี่สาว ถือเป็นการสั่งสอนแบบใดหรือ?”คำพูดนี้ ทำให้ใบหน้าของลู่หมิงดำทะมึนแล้ว“เจาหลิง เจาอวิ๋นอายุมากกว่าเจ้า นางต่างหา

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 23

    ความโมโหในอกของลู่หมิงแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้วนี่เขาไปรับตัวมารผจญอะไรกลับมาเนี่ย!ท่าทางแบบนี้จะใช้ใจแลกใจ ใช้เหตุผลแลกเหตุผลได้อย่างไร? เหตุผลก็บ้าแล้ว!ลู่หมิงกระทืบเท้า“ข้าคือพ่อเจ้า และเจ้าจะต้องเชื่อฟังข้า ไม่ว่าจะอย่างไรเจ้าจะแต่งงานกับจิ้นอ๋องไม่ได้!”ก่อนหน้านี้เขาหวั่นไหวเล็กน้อย แต่ตอนนี้คิดได้แล้ว ว่าเขาจะต้องยืนหยัดยืนอยู่ข้างองค์ชายรองกับฮ่องเต้ และไม่สามารถเข้าข้างจิ้นอ๋องได้!อีกอย่าง ลู่เจาหลิงแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา ก็เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าเป็นคนที่รับมือได้ยาก และยากจะควบคุม หากได้รับผลประโยชน์อันใดจริง ๆ นางจะต้องไม่คำนึงถึงตระกูลลู่อย่างแน่นอนสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เขาก็ไม่สามารถให้ลู่เจาหลิงปีนต้นไม้ใหญ่ และหลีกหนีจากการควบคุมได้เช่นกัน“ลู่เจาอวิ๋นกับองค์ชายรองกำหนดวันแต่งงานแล้วหรือเจ้าคะ?” ทันใดนั้นลู่เจาหลิงก็เอ่ยถามลู่หมิงตอบออกไปโดยไม่รู้ตัว “ยัง...”“เช่นนั้นพวกท่านสามารถไตร่ตรองให้นางยกเลิกงานแต่งได้เลย เพราะถึงอย่างไรข้าก็รับพระราชโองการมาแล้ว”เมื่อนางเอ่ยคำพูดนี้ก็ทำท่าให้ชิงอินและชิงหลิงมาพยุงนางให้ลูกขึ้นนางอยากจะกลับไปพักผ่อนแล้ว นางปวดหั

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 24

    ลู่เจาหลิงนอนหลับจนถึงตะวันโด่งฟ้าเมื่อนางตื่นขึ้นมา ก็มีห่อผ้าชิ้นหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะแล้วอาจจะรู้สึกว่ามันสกปรก ด้านล่างจึงปูด้วยผ้าผืนหนึ่งไว้ก่อนด้วยนางรู้สึกคุ้นตาอยู่เล็กน้อย และนึกอยู่ครู่หนึ่งจึงจะคิดขึ้นมาได้ ว่านี้คือห่อผ้าที่ ‘นาง’ พกกลับมาจากบ้านนอกเมื่อตระกูลลู่ส่งคนไปรับที่นอกเมือง ลู่ผู้น่าสงสารจึงเก็บข้าวของได้เพียงห่อผ้าชิ้นเดียว แถมยังต้องปิดบังคนในตระกูลลู่จากนอกเมืองพวกนั้นและซ่อนมันไว้อีกแต่ตอนที่กลับมายังเมืองหลวงและเจอโจรปล้น ห่อผ้านี้ก็หายไปแล้ว“คุณหนู ห่อผ้านี้ท่านอ๋องเป็นคนให้ข้านำกลับมาเจ้าค่ะ” ชิงอินเอ่ยลู่เจาหลิงประหลาดใจ “เขาถึงกับยังมีเวลาว่างไปช่วยข้าเก็บห่อผ้าอย่างนั้นหรือ?”อีกอย่าง หาเจอได้อย่างไรกัน? เพราะแม้แต่นางเองยังคิดไม่ออกเลยว่าห่อผ้านี้หายไปอยู่ที่ใดทว่าเมื่อวานนางคิดไว้แล้ว ว่ารอให้ร่างกายดีขึ้นอีกสักหนึ่งค่อยคำนวณหาตำแหน่งของห่อผ้านั้น แต่ตอนนี้กลับไม่ต้องเสียแรงทำเรื่องนั้นแล้ว“ท่านอ๋องบอกว่า ห่อผ้านี้ถูกนำกลับมาจากเส้นทางในภูเขาที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงมากนักเจ้าค่ะ” ชิงอินเอ่ยลู่เจาหลิงลุกขึ้นยืนและเดินมาที่โต๊ะ พลางแก

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 25

    พวกนางไม่วางใจยิ่งไปกว่านั้น ตราบใดที่หลังจากนี้ลู่เจาหลิงแต่งงานกับท่านอ๋อง พวกนางก็ยังสามารถติดตามนางไปที่จวนจิ้นอ๋องได้ทั้งสองคนนำสัญญาทาสที่รับกลับมา ส่งมันให้กับมือของลู่เจาหลิงลู่เจาหลิงมองไปที่ใบหน้าที่แตกต่างไปจากเมื่อวานอย่างชัดเจนของพวกนาง พลางยิ้มน้อย ๆ ออกมาแล้วเก็บสัญญาทาสเอาไว้“เช่นนั้นนับจากนี้ พวกเจ้าก็มาติดตามข้าเถิด”นับตั้งแต่ที่พวกนางตัดสินใจจะติดตามนางด้วยความสมัครใจ ไอมรณะที่อยู่บนใบหน้าของพวกนางก็พลันมลายไปจนสิ้นลู่เจาหลิงไม่ได้บอกพวกนาง ว่าหากยังอยู่ที่จวนจิ้นอ๋อง ไม่เกินครึ่งเดือนพวกนางทั้งสองคนจะตายตกตามกันในใจของชิงอินและชิงหลิงรู้สึกโล่งอกที่จริงพวกนางก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ในชั่วขณะที่ส่งสัญญาทาสของตนเองให้ไปนั้น พวกนางรู้สึกโล่งใจไปพร้อมกันราวกับฝุ่นผงได้ถูกสะบัดออกไปอย่างไรอย่างนั้นลู่เจาหลิงสำทับกับชิงหลิงว่า “เจ้าต้องเปลี่ยนชื่อ ตัวอักษรหลิงนี้ ขัดแย้งกับดวงชะตาของเจ้า”ชิงหลิงตกตะลึงไปชั่วครู่เรื่องที่พวกนางเลือกลู่เจาหลิงโดยสมัครใจนั้น นางรู้สึกพึงใจอยู่บางส่วน ดังนั้นจึงไม่ลังเลที่จะพูดกับให้นางมากขึ้น“เจ้ามักจะป่วยหนักทุก ๆ ส

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 100

    ลู่เจาอวิ๋นถูกพวกนางเยาะเย้ยจนหน้าแดง เบ้าตาก็เริ่มแดงแล้วฐานะของคนเหล่านี้ล้วนสูงกว่านาง และดูถูกนางมาโดยตลอด ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางเอาอกเอาใจท่านหญิงฉางหนิงกับเหอเหลียนซิน พวกนางล้วนไม่พอใจนางทั้งๆ ที่นางงดงามกว่าพวกนาง ความสามารถก็เหนือกว่าพวกนาง ชื่อเสียงก็ดีกว่าพวกนาง พวกนางกลับไม่ยอมดีกับนางล้วนเป็นผู้หญิงขึ้ริษยา!แต่ลู่เจาอวิ๋นก็ตีหน้าเศร้าเก่งต่อหน้าคนนอกนางสูดจมูกดังฟืด การแสดงออกบนใบหน้าทั้งน้อยใจและรู้สึกผิด โค้งคำนับพวกนางทีหนึ่ง“เจาอวิ๋นขออภัยทุกท่าน ณ ที่นี้ เพราะน้องหญิงคนนี้ของข้าเพิ่งกลับจากบ้านนอกจริงๆ ท่านพ่อท่านแม่อยากให้นางได้พบกับคุณหนูทุกท่านด้วยความรักและความตั้งใจ เพื่อที่นางจะได้เรียนรู้เรื่องมารยาทและทางโลกบ้าง ข้าจึงพานางมาด้วย”“แต่ข้าก็กลัวดูแลไม่ทั่วถึง จนปล่อยนางไปล่วงเกินทุกท่าน ดังนั้นจึงพาเจาหัวมาด้วยอีกคน ข้าคิดไม่ถึงว่านิสัยของนางจะเถื่อนเช่นนี้ กลับไปข้าจะรายงานท่านพ่อท่านแม่ ให้ท่านพ่อท่านแม่สั่งสอนให้ดีแน่นอน เจาอวิ๋นขอโทษทุกท่านอีกครั้ง”นางลดตัวเช่นนี้ และยังพูดได้ค่อนข้างจริงใจ ประกอบกับไม่ได้ล่วงเกินพวกนาง ต่อไปยังไม่รู้ว่าเหอเหลี

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 99

    เหอเหลียนซินเคยเจอสตรีที่ใจกล้าเช่นนี้และยังอวดดีกว่านางเสียเมื่อไร?ในสมองนางเต็มไปด้วยคำพูดเมื่อครู่ของนางนางถูกฮ่องเต้รับแล้วสกุลเหอสูงส่งกว่าราชวงศ์เหอเหลียนซินรู้แล้ว ถ้าหากคำพูดสองประโยคนี้ถูกเผยแพร่ออกไป นางเสียหน้าไม่ว่า พ่อนางต้องลงโทษนางคุกเข่าในศาลบรรพชนแน่!นางโมโหจนร่างกายสั่น พลันเลือดพลุ่งพล่าน ภาพตรงหน้ามืดดับ เป็นลมไปแล้ว“พี่เหอ!”เดิมทีลู่เจาอวิ๋นก็ควงแขนของนางไว้ จึงรีบพยุงนางขึ้นอย่างตื่นตระหนกเด็กรับใช้ทั้งสองของสกุลเหอเพิ่งหายตาลาย ก็มองเห็นคุณหนูของพวกนางเป็นลม จึงรีบเข้าไปพยุงเหอเหลียนซินโดยไม่มีเวลาสนใจลู่เจาหลิงแล้วกู้ฉิงเบิกตากว้าง ฝ่ามือมีเหงื่อเล็กน้อย นางมองไปทางลู่เจาหลิงมีคนตะโกนสิ่งที่นางคิดในใจออกมา…“นางยั่วคุณหนูเหอโมโหจนเป็นลมไปแล้ว!”ลู่เจาหลิงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนางถอนใจเบาๆ กล่าวชัดถ้อยชัดคำ “โทษข้าไม่ได้นะ คุณหนูเหอท่านนี้มีไฟในตับ ความชื้นหนัก มีอาการคลุ้มคลั่งเล็กน้อย วู่วามได้ง่าย อีกทั้งวันนี้หน้าผากนางหมองคล้ำ เห็นได้ชัดว่าตอนออกจากบ้านไปติดไออัปมงคลมา เดิมทีวันนี้ก็จะดวงซวยอยู่แล้ว”ปากที่เพิ่งหุบลงของทุกคน อ้ากว้า

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 98

    เดิมทีพ่อก็เป็นรองเสนาบดีกรมกลาโหม ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ ประกอบกับมีการแต่งงานนี้ เป็นการรวมกันของผู้มีอิทธิพลชัดๆในมุมมองของเหอเหลียนซิน แม้แต่ท่านหญิงฉางหนิงก็ต้องให้เกียรตินางสามส่วน นับประสาอะไรกับกู้ฉิงที่อยู่ตรงหน้า?“คุณหนูเหอ เกิดอะไรขึ้น?” มีคนก้าวออกมาอยากเป็นคนกลาง “เมื่อครู่ท่านหญิงกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแล้ว ถ้าหากนางออกมาพบว่าวุ่นวายเช่นนี้…”เมื่อได้ยินอีกฝ่ายยกเอาท่านหญิงฉางหนิงมาพูด ในที่สุดเหอเหลียนซินก็ไม่ได้หาเรื่องกู้ฉิงอีกนางถลึงตาใส่ลู่เจาหัวแวบหนึ่ง ปล่อยนางไปก่อนชั่วคราว อย่างไรเสียคนที่นางรังเกียจที่สุดในตอนนี้คือลู่เจาหลิง!นางเรียกเด็กรับใช้ทั้งสองของตัวเอง “พวกเจ้าไป ให้นางมาคุกเข่าขอโทษข้า!”“เจ้าค่ะ!”เด็กรับใช้ทั้งสองของนางพุ่งพรวดเข้าไปหาลู่เจาหลิงทันทีลู่เจาหัวอุทานอย่างขี้ขลาดทีหนึ่ง และกล่าวเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง “พี่หญิงรอง ท่านรีบหนีไป”ลู่เจาอวิ๋นรีบคว้ามือของเหอเหลียนซิน แสร้งห้ามปราม “พี่เหอ ท่านอย่าไปถือสานางเลย…” แต่ก็ไม่เห็นนางไปห้ามเด็กรับใช้สองคนนั้นแม้คนอื่นก็ไม่ชอบพฤติกรรมที่อวดดีของเหอเหลียนซิน แต่พวกนางไม่รู้จักลู่

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 97

    พวกลู่เจาหลิงไม่ถือว่ามาเร็วตอนนี้ในสวนมีคนไม่น้อยแล้วช่วงนี้เป็นปลายฤดูใบไม้ผลิ ไม่ร้อน เย็นสบาย สวนของจวนท่านหญิงปลูกดอกไม้มากมาย บานสะพรั่งสีสันงดงามแต่ตอนนี้ บนพุ่มดอกไม้ถูกประดับด้วยดอกผ้าไหมที่ผูกจากผ้าขาว  และต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ มีผ้าโปร่งสีขาวห้อยอยู่ ลอยไปตามสายลมเบาๆสีขาวเหล่านี้ บดบังความงามของดอกไม้ที่บานสะพรั่งเหล่านี้ นี่น่าจะเป็นเจตนาของท่านหญิงฉางหนิง อย่างไรเสีย ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ตรงพื้นที่โล่งกลางสวน มีโต๊ะยาวหลายตัวแบ่งตั้งเป็นสองฝั่ง บนโต๊ะมีพู่กัน น้ำหมึก และกระดาษวางอยู่ถัดจากต้นกล้วยหลายพุ่ม มีศาลาหนึ่งหลัง บนโต๊ะในศาลามีน้ำชาและผลไม้วางอยู่พื้นที่นี้มีเงาจากภูเขาจำลองและต้นไม้ที่อยู่ข้างหน้าสะท้อนลงมาพอดี แต่ยังพอมีช่องว่างให้แสงแดดเล็ดลอดเข้ามาอยู่บ้าง แสงสว่างเพียงพอ และไม่เย็นเกินไปข้างภูเขาจำลองมีถนนเล็กๆ หนึ่งเส้น เดินไปมีบ่อน้ำเล็กๆ ตอนนี้บนผิวของบ่อน้ำมีใบบัวที่เพิ่งงอกออกมาอยู่บ้าง แต่ยังไม่มีกิ่งก้านของดอกยื่นโผล่พ้นผิวน้ำเหล่าคุณหนูที่มาถึงก่อน จับกลุ่มกันตรงนี้สามตรงนั้นสอง มีคนกำลังชมดอกไม้ มีคนกำลังดื่มชา มีคนกำลังอ่านหนังส

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 96

    ลู่เจาหลิงไม่ทน หันไปพูดกับลู่เจาอวิ๋นอย่างเย็นชา “ลู่เจาอวิ๋น ถ้าไม่เข้าไปข้าจะไปแล้วนะ”“มาแล้ว” เดิมทีลู่เจาอวิ๋นก็ค่อยสังเกตการเคลื่อนไหวที่ประตูอยู่แล้ว เมื่อเห็นพวกนางสองคนถูกเด็กรับใช้ขวางไว้ นางยิ้มในใจ แต่เมื่อได้ยินว่าลู่เจาหลิงจะไปนางก็รีบมาทันที จะปล่อยให้ลู่เจาหลิงไปได้อย่างไร?“พี่เหอ นี่คือเจาหลิงน้องรองของข้า”นางควงแขนของเหอเหลียนซินไว้ พลางหันไปกล่าวกับลู่เจาหลิง “น้องรอง รีบเรียกพี่เหอเร็ว”เหอเหลียนซินมองไปทางลู่เจาหลิง สายตาเย็นชาเล็กน้อย“ข้าไม่กล้าให้ว่าที่พระชายาจิ้นอ๋องเรียกพี่หรอก”จิ้นอ๋องกลับเมืองหลวง ได้รับพระราชทานสมรส อีกฝ่ายเป็นเด็กบ้านนอกที่ถูกรับกลับมาจากชนบทข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้วทุกคนต่างตกใจมาก ไม่มีใครอยากเชื่อ ขณะเดียวกันก็อยากรู้มาก คุณหนูรองกู้เป็นคนอย่างไร โชคอะไรหล่นทับกันแน่ จึงได้รับความสนใจจากจิ้นอ๋องเหอเหลียนซินก็อยากรู้มากเช่นกันและตอนนี้นางได้เจอลู่เจาหลิงแล้ว หน้าตาเหมือนนางจิ้งจอกอย่างที่คิด เอาเป็นว่านางเห็นแล้วก็รังเกียจเลยลู่เจาเหลียงย่อมมองเจตนาร้ายที่เหอเหลียนซินมีต่อตัวเองออกนางก็ตอบกลับไปอย่างเร

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 95

    ชิวจวี๋ประคองลู่เจาอวิ๋นลงรถม้า ไม่ได้สนใจลู่เจาหัวกับลู่เจาหลิงอีกเลยหลังจากลู่เจาหัวลงรถม้า นางคิดแล้วคิดอีก ยื่นมือไปหาลู่เจาหลิง “พี่หญิงรอง ข้าประคองท่าน”“ไม่ต้อง”ลู่เจาหลิงกลับเลี่ยงผ่านมือของนาง ลงจากรถม้าเองลู่เจาหัวทำท่าเสียใจเล็กน้อย หลุบตาปกปิดสายตา“เจาอวิ๋น”มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากข้างหน้า แค่ฟังจากเสียงก็เต็มไปด้วยความมั่นใจลู่เจาอวิ๋นประหลาดใจมาก รีบเดินเข้าไปหา“พี่เหอ!”ลู่เจาหัวเห็นผู้มา สีหน้ากลับเปลี่ยนไป ร่างกายสั่นเล็กน้อย นางลืมไปได้อย่างไร ในโอกาสเช่นนี้ เหอเหลียนซินก็มาเช่นกันลู่เจาหลิงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไรนางมองไปทางผู้มาเห็นรถม้าของอีกฝ่ายก่อน รถม้าคันนั้นดูหรูหรากว่าของสกุลลู่มาก สตรีที่กำลังทักทายลู่เจาอวิ๋นอย่างอย่างสนิทสนม อายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปด ใบหน้าทรงไข่ห่าน คางแหลม หน้าตาค่อนข้างงามเพราะอยู่ระหว่างการไว้ทุกข์ การแต่งกายของนางก็เรียบๆ เช่นกัน สีขาวทั้งชุด มีเพียงปิ่นหยกกับดอกไม้ผ้าเล็กๆ ที่ประณีตไม่กี่ชิ้น สง่างามดั่งดอกบัวที่บริสุทธิ์นางพาเด็กรับใช้มาด้วยสองคน เสื้อของเด็กรับใช้เป็นสีขาวมีกิ่งดอกไม้สีน้ำตาลเล

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 94

    นางข่มความโกรธ “น้องหญิงรองหยุดได้แล้ว นี่เป็นถุงหอมที่ผู้อื่นมอบให้ข้า มันมีค่ามาก เครื่องหอมที่อยู่ข้างในก็หาซื้อตามข้างนอกไม่ได้”เครื่องหอมที่อยู่ข้างใน ท่านหญิงฉางหนิงเป็นคนให้นาง เป็นของขวัญที่ทูตต่างแดนนำมาถวายให้ท่านหญิงและองค์หญิงต่างๆ ในวังลู่เจาอวิ๋นได้เครื่องหอมมาแค่นี้ นางก็ภาคภูมิใจมาก ปกติแทบไม่เอาออกมาใช้ ในโอกาสอย่างวันนี้จึงจะยอมนำออกมาใช้ ลู่เจาหลิงกลับให้นางทิ้ง?“กลิ่นเหม็นมาก”ลู่เจาอวิ๋นอดกลั้นความโกรธ และยังคงฝืนยิ้ม คิดใจปลอบนาง “คนทั่วไปอาจจะไม่ชินกับกลิ่นเช่นนี้จริงๆ แต่นี่เป็นเครื่องบรรณาการจากทูตต่างแดน เป็นเครื่องหอมที่มีราคาแพงและหรูหรามาก น้องหญิงรอง ในเมื่อเจ้ามาถึงเมืองหลวงแล้ว เจ้าต้องพยายามปรับรสนิยมให้สูงขึ้น จะชอบแต่พวกเครื่องหอมคุณภาพต่ำไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกหัวเราะเยาะ”“ไร้สาระ”พลันลู่เจาหลิงยื่นมือออกไป กระชากถุงหอมบนกายนางลงมาฉับพลัน เลิกม่านรถก็โยนมันไปที่ข้างคนขับ“ไว้ตรงนั้นก่อน อีกเดี๋ยวเจ้าจะห้อยค่อยห้อย”นางทนไม่ไหวแน่ ถ้าต้องทนดมอยู่ในรถม้าที่แคบเล็กเช่นนี้ตลอดอีกทั้งเกรงว่าส่วนผสมของเครื่องหอมเหล่านี้ค่อนข้างแปลก มีผงกระดู

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 93

    ชิงเป่าร้อนใจแล้ว“พวกเราต้องตามคุณหนูไป คุณหนูของพวกเรายังบาดเจ็บอยู่!”ก่อนหน้านี้พวกนางเคยได้ยินท่านหมอฝู่กล่าว คุณหนูได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ที่จริงนับว่าอันตรายถึงชีวิต แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดนางยังสามารถรอดมาได้ชิงเป่าชิงอินก็เป็นคนฝึกยุทธ์เช่นกัน และเคยเห็นบาดแผลของลู่เจาอิง ย่อมรู้ว่าบาดแผลนั่นสาหัสเพียงใด“ข้าอยากพาเจ้าไปด้วยจริงๆ แต่รถม้าไม่พอนั่งแล้ว” ลู่เจาอวิ๋นก็หมดหนทาง นางกล่าวเหมือนเยาะเย้ยตัวเอง “ไม่ใช่ข้าหาเรื่องพวกเจ้า แต่รถม้าจวนเรามันไม่ใหญ่”ชิงเป่ากล่าวทันที “พวกเราเดินไปก็ได้”พวกนางสามารถใช้วิชาตัวเบา“พวกเจ้ามาจากจวนจิ้นอ๋อง น่าจะรู้จักท่านหญิงฉางหนิง ดังนั้นก็น่าจะรู้ว่าจวนท่านหญิงอยู่ที่ไหน ห่างจากที่นี่ไกลมาก ถ้าหากพวกเจ้าเดิน อย่างน้อยก็ต้องเดินครึ่งชั่วยาม”ลู่เจาอวิ๋นกล่าว “ถึงเวลาพวกเจ้ากับน้องหญิงรองไม่ได้เข้าจวนพร้อมกัน ผู้อื่นก็จะหัวเราะเยาะเช่นกัน”เช่นนั้นไม่เท่ากับทำให้ผู้อื่นรู้ว่า รถม้าของสกุลลู่เล็กมาก แม้แต่สาวใช้ก็ไม่พอเบียดหรือ?ชิงอินใจเย็นกว่า คิดวิธีที่เหมาะสมกว่าออก “พวกเราไปเช่ารถม้าไป”“รอพวกเจ้าหารถม้าได้มันก็ไม่ทันแล้ว แต่ว่าถ

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 92

    เที่ยวนี้เขาได้เห็นความสามารถของลู่เจาหลิงอีกครั้งชิงอินกอดกล่องในอ้อมแขนไว้ ยังรู้สึกเหมือนนี่ไม่ใช่เรื่องจริงเล็กน้อย ออกจากจวนเที่ยวเดียว คุณหนูก็หาเงินได้อีกห้าพันตำลึงแล้ว ห้าพันตำลึงเลยนะ!สกุลลู่นำเงินออกมาสามร้อยตำลึง ก็ปวดใจเหมือนถูกเฉือนเนื้อ พวกเขาจะคาดคิดได้อย่างไร คุณหนูอาศัยความสามารถของตัวเอง ก็สามารถหาเงินได้ห้าพันตำลึงแล้วนอกจากนี้ยังมีจี้หยกหนึ่งชิ้นกับโสมหนึ่งต้นด้วย แค่ของเหล่านี้ก็มีค่าหลายร้อยตำลึงตกลงสุกุลลู่รู้หรือไม่ว่าคุณหนูเป็นสมบัติลับอย่างไรครั้งนี้ชิงเป่าไม่ได้ตามออกมาด้วย แต่เฝ้าอยู่ที่หอทิงหน่วน นางดูจากเวลา ได้ไปนำอาหารเย็นกลับมาแล้ว ลู่เจาหลิงกลับมาก็ได้กินข้าวเลย“ชิงเป่าคำนวณเวลาได้พอดีเป๊ะ” นางชมไปประโยคหนึ่ง หลังจากนั้นกล่าว “ให้พวกเจ้าคนละห้าตำลึง กลับไปซื้อของที่ตัวเองชอบกิน”ให้เงินพวกนางอีกแล้ว!ชิงเป่าเบิกตากว้าง มองไปทางชิงอินด้วยสายตาตั้งคำถามชิงอินเงียบ แต่เปิดกล่องเหล่านั้นให้นางดู“คุณหนูเก่งจัง…” แม้แต่เสียงตกใจของชิงเป่าก็ลอยเล็กน้อยลู่เจาหลิงยิ้มแล้วยิ้มอีก “พอแล้ว กินข้าวเถอะ”หลังกินข้าว อาบน้ำเสร็จ นางก็กลับมาท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status