Share

บทที่ 14

นี่มันหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างยิ่ง!

ไท่ซ่างหวงเพิ่งสิ้นพระชนม์ ศพยังมิคลายอุ่นเลย ทั้งยังนอนอยู่บนเตียง

และจิ้นอ๋องกลับโอบกอดหญิงสาวอย่างสนิทสนมตรงหน้าเตียง!

นี่มันกตัญญูเกินไปเสียจริง!

แม้แต่ฮ่องเต้ที่ทรงพระราชปณิธานให้ไท่ซ่างหวงเข้าสู่แดนสุขาวดีโดยเร็ววัน ตอนนี้รู้สึกว่ามันไม่คุ้มสำหรับไท่ซ่างหวง

เสด็จพ่อ นี่ก็คือโอรสน้อยที่ท่านทรงโปรด! ท่านรีบลืมตามาดูว่าเขากตัญญูแค่ไหน!

ฮ่องเต้เสด็จไปออกพระราชโองการ จัดการเสร็จกับงานที่ต้องทำ พระองค์ก็เสด็จไปดูไท่เฮาที่สลบไป จากนั้นทรงคิดว่าควรเสด็จมาดูไท่ซ่างหวงอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าได้ทรงเห็นฉากตรงหน้านี้

“โจวสือเยว่ เจ้าไม่กลัวว่าเสด็จพ่อจะตามไปพบเจ้าในกลางดึกหรือไง!”

ฮ่องเต้ยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เมื่อเห็นว่าจิ้นอ๋องยังคงโอบหญิงสาวไว้ไม่ปล่อยมือ

“เจ้าปล่อยนางลง ให้ข้าดูสิว่าเป็นหญิงผู้ใดที่ไร้ยางอาย กล้าที่จะถวายตัวมาโอบกอดเจ้าในเวลาและสถานที่เช่นนี้!”

ความคิดแรกของฮ่องเต้คือ คนผู้นี้คือคนในวังหลัง

อีกทั้งเป็นฝ่ายริเริ่มที่จะอิงแอบแนบชิดซบอยู่ในอ้อมอกของจิ้นอ๋อง

ท้ายที่สุดเท่าที่พระองค์รู้ จิ้นอ๋องมีนิสัยรักสันโดษมาตั้งแต่วัยเยาว์ ยิ่งไม่สนิทชิดเชื้อกับสตรี

แม้ว่าจะทรงเกลียดจิ้นอ๋อง แต่ฮ่องเต้ก็ต้องยอมรับว่าจิ้นอ๋องไม่ใช่คนประเภทที่ทำเรื่องมิควรกับหญิงสตรีอย่างแน่นอน

ชิงเฟิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง ทั้งวิตกและทำอะไรไม่ถูก

ในเพลาเช่นนี้ ด้วยฐานะของคุณหนูลู่ นางไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเข้าวัง การมาปรากฏตัวที่นี่ ปล่อยให้ฮ่องเต้เห็นนาง จะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ต่อนางเลย

ถึงกระทั่งว่า มีโอกาสมากที่จะประทานความตายให้โดยตรง

สิ่งที่คุณหนูลู่กระทำในเมื่อครู่นี้ ก็กราบทูลฮ่องเต้ไม่ได้เป็นอันขาด เยี่ยงนี้แล้วก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเพราะเหตุอันใดนางถึงอยู่ที่นี่

ตอนนี้เป็นที่ประจักษ์ว่าคุณหนูลู่เป็นลมหมดสติไปแล้ว โชคดีที่ใบหน้าของนางซบอยู่ในอ้อมอกของท่านอ๋อง ฮ่องเต้ทรงมองเห็นได้เพียงด้านหลังศีรษะของนางเท่านั้น มองไม่เห็นใบหน้าของนาง

ชิงเฟิงมองดูท่านอ๋องอย่างประหม่า นี่ควรทำเช่นไรดี?

“นางเป็นใคร?” ฮ่องเต้หรี่ตาลงตามที่คาดไว้ ไม่สิ ไม่ว่าหญิงผู้นี้จะเป็นใคร นางก็ไม่สามารถปรากฏตัวที่นี่ได้ในเวลานี้!

เสื้อผ้าที่นางสวมไม่ใช่เสื้อผ้าของนางกำนัล และไม่ใช่เสื้อผ้าของเหล่านางในของวังหลังด้วย

“ไม่ว่านางเป็นใคร บุกเข้ามาในตำหนักหนิงโซว่กง สร้างความไม่สงบสุขต่อไท่ซ่างหวง นางล้วนมีความผิดมิอาจให้อภัยได้!”

ไท่ซ่างหวงเพิ่งสิ้นพระชนม์ ก็มีคนแปลกหน้าบุกเข้ามา ถ้าเกิดล่วงเกินวิญญาณของไท่ซ่างหวง นั่นเป็นการหมิ่นพระบรมอย่างแน่นอน โทษนี้ก็เพียงพอที่จะตัดหัวนางได้

“ทหาร...”

“คนได้ตายไปแล้ว ข้าให้ชิงเฟิงโยนออกไปก็จบเรื่องแล้ว” จิ้นอ๋องขัดจังหวะคำพูดของฮ่องเต้ “ชิงเฟิง”

ชิงเฟิงสะดุ้งอย่างฉับพลัน ก้าวไปข้างหน้า

“ข้าน้อยหามออกไปเอง!”

จิ้นอ๋องตอบรับ ยกคนในอ้อมอกขึ้น แล้ววางนางไว้บนไหล่ของชิงเฟิง “โยนนางออกไปเถอะ”

"ขอรับ!"

ชิงเฟิงรีบวิ่งออกไปโดยหามคนไว้ราวกับแบกกระสอบ

“หยุด!” ฮ่องเต้ทรงกริ้ว

“เดาว่าเป็นพวกหัวขโมย ถือโอกาสที่เสด็จพ่อสิ้นพระชนม์ไร้คนเฝ้าในห้องบรรทม อยากแอบเข้ามาขโมยของบางอย่าง” จิ้นอ๋องหยุดเขา

พระพักตร์ของฮ่องเต้ดุดัน อยากจะยกมือตบเขา

“โจวสือเยว่ เจ้าอยากลองฟังว่าเจ้ากำลังพูดอะไรอยู่หรือไม่? ที่แห่งนี้คือพระราชวัง โจรผู้ใดกันที่ไม่กลัวตายกล้าเข้ามาในตำหนักหนิงโซ่ว? หยุดคนของเจ้าซะ! ข้าอยากรู้ว่าเป็นใครกันที่กล้าหาญเยี่ยงนี้!”

“บางทีนางอาจเป็นแค่นางกำนัลชั้นต่ำ?” จิ้นอ๋องกล่าว ลงมืออย่างลับๆ ใช้นิ้วแตะจุดโจมตีองครักษ์ที่กำลังไล่ตามชิงเฟิง

“โอ้ย!” องครักษ์ที่ถูกกระแทกเข้าที่กระดูกเบ้าเข่าก็ล้มไปข้างหน้า ทำให้สหายสองคนล้มลงพร้อมกัน

ด้วยความล่าช้าดังกล่าว ชิงเฟิงก็หามคนวิ่งหนีไปอย่างไร้ร่องรอย

ฮ่องเต้โกรธเกรี้ยวจนดวงพระเนตรสีแดงก่ำ จ้องเขม็งใส่จิ้นอ๋อง

“สตรีผู้นั้นเป็นใคร โจวสือเยว่ ข้าไม่ได้ล้อเล่นกับเจ้านะ...”

“ฝ่าบาทไม่ได้ทรงเห็นหรือว่าผู้หญิงคนนั้นตายไปแล้ว? พระองค์ทรงเห็นว่านางเคลื่อนไหวหรือไม่?” จิ้นอ๋องขัดจังหวะเขาอย่างสงบโดยไม่สนใจความโกรธของเขาเลย

ฮ่องเต้เถียงไม่ออก

พระองค์นึกถึงสิ่งที่เพิ่งเห็น ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะซบอยู่ในอ้อมแขนของจิ้นอ๋องอย่างอ่อนปวกเปียก พระองค์ที่เป็นถึงฮ่องเต้ดุตวาดอย่างกริ้วโกรธ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ขยับนิ้วเลยด้วยซ้ำ ดูท่าจะตายไปแล้ว?

“นั่นไม่ใช่หมดสติหรอกรึ?” มันก็เป็นไปได้มิใช่หรือ? ฮ่องเต้รู้สึกว่าตัวเองเกือบจะถูกพาลงคูน้ำแล้ว

“ข้าจับนางได้แล้ว จะปล่อยให้นางแค่หมดสติได้อย่างไร?” จิ้นอ๋องยื่นมือที่วางไว้ด้านหลัง แล้วหยิบป้ายวิญญาณออกมา “เสด็จพี่ ดูอันนี้กันก่อนเถอะ”

จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่อง ทำให้ฮ่องเต้หยุดชะงัก

แต่พระองค์ก็ยังถูกดึงดูความสนใจได้สำเร็จ

เพราะป้ายวิญญาณจากไม้จินสื่อหนาน ทำให้พระเนตรของพระองค์เบิกกว้าง

“เจ้า...เจ้าทำสิ่งนี้ออกมาได้อย่างไร?”

“เสด็จพ่อเคยบอกข้าว่า เมื่อท่านจากไป หวังจะแกะสลักป้ายวิญญาณไปวางไว้ในวัดบรรพบุรุษ เพื่อจะได้คอยดูแลพระราชวังและเมืองหลวงได้ทุกวัน เพราะสุสานหลวงนั้นไกลเกินไปจริงๆ”

‘อืม เสด็จพ่อ ให้ท่านเป็นแพะรับบาปแล้วกัน แม้ว่าไม่ได้พูดก็จะถือว่าท่านเคยพูดแล้วกันนะ’

ฮ่องเต้ถลึงตา "ไร้สาระ!"

ไท่ซ่างหวงไม่อนุญาตให้ฝังไว้ในสุสานหลวง? ทำไมยังแกะสลักป้ายวิญญาณแผ่นเดียวนำไปตั้งบูชาที่วัดบรรพบุรุษ?

อีกทั้งยังเขียนป้ายวิญญาณของโจวชางซีที่เรียบง่ายไม่ประณีต! นี่ไม่ใช่การป่วนสนุกแล้วคืออะไร?

“นี่คือความปรารถนาของเสด็จพ่อ” จิ้นอ๋องพูดอย่างเรียบเฉย “หรือว่าเสด็จพี่จะไม่เห็นด้วยกับความปรารถนาสุดท้ายที่เรียบง่ายเช่นนี้ของเสด็จพ่อ?”

ความปรารถนาสุดท้ายก็ยกขึ้นมาพูดแล้ว!

ฮ่องเต้เถียงไม่ออกอีกครั้ง พระองค์ไม่ทรงเห็นด้วยได้อย่างไร?

มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ป้ายวิญญาณของไท่ซ่างหวงจะประดิษฐานอยู่ในวัดบรรพบุรุษนอกพระราชวัง

พระองค์ทอดพระเนตรไปที่จิ้นอ๋อง คิดว่านี่อาจเป็นเพราะความคิดถึงของจิ้นอ๋องที่ต้องการรักษาไว้ ท้ายที่สุดแล้ว วัดบรรพบุรุษก็อยู่ในเมืองหลวง จิ้นอ๋องก็ยังคงไปจุดธูปได้เป็นครั้งคราว

นอกเหนือจากนั้น ไม่มีอะไรอื่นที่เขาสามารถทำได้ จากนี้ไป สิ่งเดียวที่เหลือไว้สำหรับเขาคือป้ายวิญญาณของเสด็จพ่อ จะไม่มีเสด็จพ่อที่คอยปกป้องเขาอีกต่อไป!

ในราชวงศ์ต้าโจว ในที่สุดมีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นใหญ่ที่สุด!

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฮ่องเต้ก็รู้สึกดีมาก พระองค์รู้สึกว่าผู้หญิงร่างผอมเมื่อครู่นี้ และป้ายวิญญาณนี้ไม่ใช่เรื่องอะไรเลย

เมื่อมองดูจิ้นอ๋อง พระองค์รู้สึกพอพระทัยกับเขามากขึ้น

"ข้าเห็นด้วย"

ฮ่องเต้ตบไหล่จิ้นอ๋องแล้วตรัสว่า "ข้าจะฝากเรื่องนี้ให้เจ้าจัดการ"

พระองค์เหลือบมองป้ายวิญญาณ และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าอักษรบนนั้นมีแสงกะพริบ แต่เมื่อลองมองอีกครั้งก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ แล้ว

ฮ่องเต้ขยี้ตา

ทรงคิดว่าอาจเป็นว่าเขาตาพร่าชั่วขณะ

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปวัดบรรพบุรุษก่อนแล้วค่อยกลับมาเฝ้าศพ” จิ้นอ๋องหันมองไปที่ไท่ซ่างหวงบนเตียง ระงับความรู้สึกที่ขมขื่น

เสด็จพ่อ ขอให้ไปสู่สุคติ

“ไปเถอะ วางใจได้ ข้าจะทำพระราชพิธีของเสด็จพ่อให้สมกับพระเกียรติ”

จิ้นอ๋องมาถึงธรณีประตูแล้วหยุดอีกครั้ง

“เสด็จพี่ ก่อนที่เสด็จพ่อจะจากไป ท่านยังคงกังวลเกี่ยวกับงานแต่งงานของข้า”

เรื่องนี้ฮ่องเต้ก็ได้ยินเช่นกัน

“เสด็จพ่อมิใช่ตรัสว่าแม่นางจากตระกูลเสิ่นผู้นั้น…” ฮ่องเต้ทรงนึกคิดสิ่งที่ไท่ซ่างหวงพูดถึงเสิ่นเซียงจวิ้นว่าอะไรสักอย่าง? มีโชควาสนา? หรือว่าอะไร?

ดวงตาของจิ้นอ๋องเป็นประกาย กล่าวอย่างสงบ "อืม ดูเหมือนว่าเสด็จพ่อจะทรงต้องการให้ข้าแต่งงานกับแม่นางเสิ่น"

ทันใดนั้นพระทัยของฮ่องเต้ก็เต้นแรง

ถ้าเช่นนั้นมิอาจให้จิ้นอ๋องแต่งงานกับเสิ่นเซียงจวิ้นเด็ดขาด!

เสด็จพ่อคอยคิดแทนจิ้นอ๋องเท่านั้น หญิงที่เลือกให้เขาจึงต้องเป็นชายาที่มีประโยชน์ต่อเขามากที่สุด จะไม่มีวันปล่อยให้พวกเขาสมความปรารถนา!

“อาเยว่ แท้จริงแล้วเสด็จพ่ออยากให้เจ้าแต่งงานกับผู้หญิงที่เจ้าชอบจริงๆ ข้าเห็นว่าเจ้าก็ไม่ได้จะชอบเสิ่นเซียงจวิ้นเลยนะ”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status