Share

บทที่ 13

เดิมลู่เจาหลิงที่หลับไปเป็นครึ่งค่อนวันถึงฟื้นกำลังขึ้นมาเล็กน้อย แต่คราวนี้ก็ใช้จนหมด ทั้งยังเสียสมดุลไม่น้อย

ตอนนี้นางรู้สึกว่ามือของนางกำลังสั่น

จิ้นอ๋องกลับรู้สึกว่าตัวเองเริ่มดีขึ้นแล้ว

เขาส่งสัญญาณให้ชิงเฟิงถอยไป เอื้อมมือไปจับมือของลู่เจาหลิง เมื่อเขาก้มมองลงดู ก็ตระหนักว่าคอเสื้อของเขาถูกเปิดออกอีกครั้ง

“เจ้ากับข้าพบกันมาแล้วสองครั้ง เจ้าก็เปลื้องเสื้อข้าทั้งสองครั้ง” เขากล่าว

ลู่เจาหลิงหัวเราะ “ท่านคิดว่าข้าเต็มใจหรือ? ยังไม่ช่วยพยุงข้าลุกขึ้นอีก?”

ชิงเฟิงถอยห่างไปสองก้าว ก้มศีรษะลงเฝ้าอารักขา

แต่คุณหนูลู่พูดจาหยาบคายกับท่านอ๋องเสียจริง

จิ้นอ๋องพยุงนางลุกขึ้น ขณะที่เขากำลังจะปล่อยมือ ขาของลู่เจาหลิงก็อ่อนแรง เกือบจะล้มลงอีกครั้ง เขาก็รีบเอื้อมมือไปโอบเอวของนางไว้

เมื่อโอบนางเช่นนี้ ก็รู้สึกได้ถึงร่างกายของนางที่สั่นเทา

นี่เป็นสัญญาณของการหมดเรี่ยวแรง

เขาเม้มริมฝีปาก เข้าใจว่านางต้องใช้พละกำลังอย่างมากเพื่อช่วยเขา

แต่ว่า...

จิ้นอ๋องมองไปที่ไท่ซ่างหวงบนเตียงทันที

ในเมื่อเขายังไม่ตาย เป็นไปได้ไหมที่สามารถช่วยไท่ซ่างหวงฟื้นคืนมาได้?

“เจ้าก็สามารถช่วยไท่ซ่างหวงได้ใช่หรือไม่?”

“ไม่ได้”

ลู่เจาหลิงสกัดคำพูดของเขาทันที ทำลายความเพ้อฝันของเขา “เขาตายไปแล้ว”

กล่าวอย่างไม่มีความเกรงกลัวใดๆ

นั่นคือไท่ซ่างหวงเชียวนะ!

ชิงเฟิงอ้าปากค้าง เป็นเพราะนางเติบโตจากชนบทงั้นหรือ?

แววตาของจิ้นอ๋องดับหมอง เขาก็ตกใจเช่นกัน แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจคือ หากกล่าวเช่นนี้เท่ากับว่านางทำลายอาคมลับนั้นได้แล้ว?

“อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถตายอย่างสมบูรณ์ได้” ลู่เจาหลิงกล่าวเสริม “ท่านและเขาใช้อาคมลับชะตาร่วม มิอาจตัดขาดกันอย่างสมบูรณ์ได้”

จิ้นอ๋องฟังจนสับสน คนตายไปแล้ว ก็ยังมิอาจตายอย่างสมบูรณ์ได้?

“ช่วยพยุงข้าไปที่เตียงที”

จิ้นอ๋องช่วยพยุงนางไปที่เตียงของไท่ซ่างหวง “ชิงเฟิง ไปเฝ้าข้างนอก อย่าให้ใครเข้ามาได้”

"ขอรับ!"

ชิงเฟิงที่ตกตะลึงจนงุนงงรีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้ทั้งตำหนักหนิงโซ่วจมอยู่กับความโศกเศร้า ตกแต่งพระตำหนักไปด้วย ตอนที่ฮ่องเต้เสด็จจากไป พระองค์ทรงได้อนุญาตให้จิ้นอ๋องอยู่ในตำหนักตามลำพังกับไท่ซ่างหวง ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดเข้ามารบกวน

ลู่เจาหลิงมาที่ข้างเตียง มองที่พระพักตร์ของไท่ซ่างหวง แล้วมองไปรอบๆ

ดวงตาของนางกวาดไปที่ใบหน้าของจิ้นอ๋อง

พ่อลูกสองคนนี้ ถือว่าเติมเต็มซึ่งกันและกัน?

ไท่ซ่างหวงพอพระทัยที่จะสละพระชนม์ชีพให้จิ้นอ๋องสิบปี ส่วนจิ้นอ๋องก็ร่วมใช้อายุขัยของเขาร่วมกับพระองค์

คนหนึ่งคืออดีตฮ่องเต้ และอีกคนหนึ่งคือดวงราศีจักรพรรดิ ไอสีม่วงที่ท่วมท้น แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะเป็นราศีจักรพรรดิ แต่ก็ยังมีความแตกต่างกัน ดวงราศีจักรพรรดิของจิ้นอ๋องนั้นอยู่เหนือกว่าราศีจักรพรรดิอื่น

เพราะมีไอสีม่วงของเขาคอยปราบปราม พลังชีวิตของไท่ซ่างหวงจึงไม่ได้หายไปจนหมด ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง ถูกนางผนึกไว้ได้ทันเวลาในเมื่อครู่นี้

“เจ้าที่บอกว่าเขามิอาจตายได้อย่างสมบูรณ์ หมายความว่าอย่างไร?” จิ้นอ๋องถาม

“มีป้ายไม้หรือไม่?”

ลู่เจาหลิงไม่ตอบคำถามของเขา แต่กลับมองดูเขา

“ป้ายไม้เช่นไร?” จิ้นอ๋องขมวดคิ้ว

“ก็เหมือนกับป้ายวิญญาณเช่นนั้นแหล่ะ ถ้าเป็นไปได้ ขอที่เป็นไม้จินสื่อหนาน[1]”

จิ้นอ๋องไม่รู้ว่าทำไมนางถึงต้องการหาป้ายไม้ แต่เขาก็ยังคงตอบตกลงหลังจากมองไปที่ไท่ซ่างหวงที่นอนอยู่บนเตียง

"มี"

เขาส่งสารถึงชิงเฟิงไปนำมันมา

ในตำหนักหนิงโซ่ว มีไม้จินสื่อหนานมากมายเช่นฉากกันลม

แค่ลอกออกสักชิ้นก็ได้แล้ว

ในไม่ช้า ป้ายไม้ไม้จินสื่อหนานก็ถูกส่งถึงมือลู่เจาหลิง

ลู่เจาหลิงวางป้ายไม้ไว้บนหัวใจของไท่ซ่างหวง เหยียดนิ้วออก ดึงปิ่นปักผมออกมาแล้วปัก มีเลือดไหลออกมาจากปลายนิ้ว

นางกดนิ้วของนางไปที่กลางหน้าผากของไท่ซ่างหวง

“ลู่เจาหลิง!”

จิ้นอ๋องตกใจและคว้าแขนของนางไว้

เสด็จพ่อสวรรคตแล้ว จะมาทำให้พระศพท่านมีมลทินตามใจชอบได้ยังไง?

ลู่เจาหลิงเหลือบมองเขา "ปล่อยมือ ท่านยังอยากมีชีวิตอยู่อยู่ไหม?"

“เจ้าจะทำอะไร?” จิ้นอ๋องถามด้วยน้ำเสียงทุ่ม

ลู่เจาหลิงมองไปที่ไอสีม่วงจำนวนมากที่แผ่ออกมาจากตัวของเขา ทันใดนั้นมืออีกข้างของนางก็ช้อนขึ้น และคว้าตรงหน้าเขา

ดึงไอสีม่วงของเขาออกมา ไม่เช่นนั้นนางคงจะต้านไม่ไหวแล้ว

หลังจากที่จิ้นอ๋องเห็นนางทำท่าเช่นนั้น และกดอากาศที่ช้อนขึ้นมากดเข้าไปในระหว่างคิ้วของนาง

"เจ้ากำลังทำอะไร?"

แต่หลังจากที่ลู่เจาหลิงกระทำการดังกล่าว เขาก็เห็นว่าสีหน้าของนางดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

มันเหมือนกับการกลืนยาบำรุงชั้นดีลงไป

ลู่เจาหลิงผ่อนลมหายใจ สมแล้วที่เป็นหนึ่งในหมื่นของราศีจักรพรรดิ ไอสีม่วงนี้เป็นยาบำรุงสำหรับนางจริงๆ

“เมื่อครู่นี้ข้าได้เก็บพลังชีวิตครึ่งหนึ่งของไท่ซ่างหวง สามารถวางพลังชีวิตไว้บนป้ายไม้นี้ เพื่อมาแบกรับอาคมลับชะตาร่วมของพวกท่าน มันสามารถหลอกวิถีสวรรค์ แสร้งทำเป็นว่าเขายังไม่ตาย และท่านก็ไม่จำเป็นต้องตาย”

เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของไอสีม่วงนั้น ลู่เจาหลิงจึงใจดีอธิบายให้เขาฟัง

จิ้นอ๋องมีสีหน้าท่าทางตกใจ ประหลาดใจอย่างมาก

"ยังสามารถทำเช่นนี้ได้ด้วย?"

“ถ้าเป็นคนอื่นคงเป็นไปไม่ได้ ทั้งดวงชะตาของท่านและไท่ซ่างหวง และความสามารถของข้า ล้วนขาดอันใดอันหนึ่งไม่ได้”

ลู่เจาหลิงพูดสิ่งนี้อย่างภาคภูมิใจอย่างยิ่ง

จิ้นอ๋องไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน

“ปล่อยมือได้หรือยัง?”

“พลังชีวิตถูกวางไว้ในป้ายไม้นี้ ป้ายไม้นี้จะเป็นอย่างไร?”

จะเป็นอย่างไร? ลู่เจาหลิงคิดอยู่พักหนึ่ง "มันก็เทียบเท่ากับป้ายวิญญาณที่ประดิษฐานบรรพบุรุษจริงๆ? ถึงเวลานั้นสามารถนำไปวางยังสถานที่ที่พวกท่านประดิษฐานเครื่องหอมหลวงก็ได้แล้ว บางทีตอนที่ลูกหลานคนไหนไปกราบไหว้สักการะ มันอาจแสดงฤทธิ์เดช?"

ไม่รู้เพราะเหตุอะไร จิ้นอ๋องฟังประโยคท้ายของนางแล้วรู้สึกเหมือนเยาะเย้ยเล็กน้อย

เขาไม่เชื่อหรอก

จะมีเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?

แต่เขายังคงปล่อยมือออก

ลู่เจาหลิงกดนิ้วของนางบนกลางหน้าผากของไท่ซ่างหวง จากนั้นค่อยๆ ยกขึ้นมาแล้วเคลื่อนไปทางป้ายไม้ ราวกับว่ากำลังดึงเส้นอะไรบางอย่าง

พอถึงป้ายไม้ นางใช้นิ้วเขียนอักษรบนป้ายไม้

“ไท่ซ่างหวงชื่ออะไร?”

“โจวชางซี”

ลู่เจาหลิงถามเขาว่าเป็นตัวอักษรสองตัวไหน จิ้นอ๋องคิดอยู่ครู่หนึ่ง จับมือของนาง กุมนิ้วของนางแล้วเขียนไม่กี่ตัวอักษรบนป้ายไม้

ตำแหน่งตั้งป้ายวิญญาณของโจวชางซี

นั่นคือเขียนด้วยเลือดจากปลายนิ้วของนาง

ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อเขียนถึงลำดับขีดตัวสุดท้าย จิ้นอ๋องราวกับเห็นตัวอักษรเหล่านั้นเกิดแสงประกาย ราวกับว่าพวกมันถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีเงิน

"เรียบร้อยแล้ว"

เสียงของลู่เจาหลิงทำให้เขาได้สติกลับมา

“สถานที่ถวายเครื่องหอมหลวงของพวกท่าน...”

“ส่งไปที่วัดบรรพบุรุษเถอะ”

จิ้นอ๋องปล่อยมือของนาง หยิบป้ายวิญญาณขึ้นมา

ร่างกายของลู่เจาหลิงโซเซ หลังจากเขียนอักษรห้าคำนี้ ใบหน้าของนางก็กลับมาซีดลงอีกครั้ง

“ไว้ว่างๆ ก็หาโสมที่มีอายุ ตุ๋นกับน้ำแกงไก่ให้ข้าดื่ม...”

หลังจากที่ลู่เจาหลิงพูดจบ วิสัยทัศน์ของนางก็มืดลง และร่างของนางก็ทรุดลงบนเตียง

การล้มพับไปนี้ เกรงว่าจะล้มใส่ไท่ซ่างหวง

จิ้นอ๋องยื่นมือออกมาตวัดขึ้นมาทันที โอบเอวของนาง กอดนางถอยห่างออกมาสองก้าว

ในขณะนี้เขาก็ตระหนักได้ทันที เข่าของเขาที่ก่อนหน้านี้คุกเข่าจนเจ็บปวดรวดร้าวนั้น ซึ่งยากที่จะลุกขึ้นได้นั้น แต่ตอนนี้มันไม่เจ็บแล้ว ทั้งยังสามารถยืนและเดินได้?

ลู่เจาหลิงทำอะไรไปกันแน่?

“ท่านอ๋อง ฮ่องเต้เสด็จ!” เสียงของชิงเฟิงดังมาจากด้านนอก

แต่ฮ่องเต้เพิกเฉยต่อชิงเฟิง ในขณะที่เขาส่งเสียงก็ทรงเสด็จเข้าประตูแล้ว พอทอดพระเนตรไปก็ทรงเห็นจิ้นอ๋องที่โอบกอดสตรีนางหนึ่งอยู่

"พวกเจ้ากำลังทำอะไร?!"

-----------------------------------------

[1] ไม้จินสื่อหนาน ไม้ยืนต้นชนิดหนึ่งที่เนื้อไม้มีลวดลายเหมือนดิ้นทอง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status