Share

บทที่ 11

สะเดาะเคราะห์?

พระทัยของฮ่องเต้เต้นแรง เป็นเช่นนั้นไม่ได้ พระองค์ทรงไม่ต้องการให้ไท่ช่างหวงมีชีวิตอยู่

จะเป็นอย่างไรถ้าสะเดาะเคราะห์จนสามารถต่อพระชนมพรรษาได้จริงๆ?

ฮ่องเต้ตวาดทันที “ไร้สาระ! เจ้าที่เป็นถึงบุตรธิดาคนโตของอัครเสนาบดี สะเดาะเคราะห์อะไรกัน?”

ไท่เฮาอดไม่ได้ที่จะทอดพระเนตรพระองค์

ไม่สิ ฮ่องเต้จะทรงคัดค้านอย่างแข็งขันทำไมกัน?

“ไสหัวไปให้พ้น!”

จิ้นอ๋องระงับความโกรธของเขา ไท่ซ่างหวงประชวรหนักเยี่ยงนี้ คนเหล่านี้ยังกล้ามาพูดพล่อยๆ ที่นี่อีก!

“อาเยว่ นาง... นาง...” ไท่ช่างหวงยื่นพระหัตถ์ที่สั่นเทาของพระองค์ออก ชี้ไปที่เสิ่นเซียงจวิ้นด้วยความยากลำบาก “สวรรค์บันดาล...”

เพียงครึ่งประโยคดังกล่าว กลับทำให้เสิ่นเซียงจวิ้นเบิกบานใจ ไท่ช่างหวงคือมีพระประสงค์ให้จิ้นอ๋องแต่งงานกับนาง!

“ไท่ซ่างหวงจะทรงมีพระชนมายุยืนยาวอย่างแน่นอนเพคะ”

เสิ่นเซียงจวิ้นรู้ว่าในเวลานี้ยิ่งตัวนางสงบนิ่งไม่หวั่นไหวมากเพียงใด จิ้นอ๋องมีความกตัญญูต่อไท่ช่างหวง ขอเพียงเป็นพระดำรัสของไท่ซ่างหวง เขาจะต้องเชื่อฟังอย่างแน่นอน

นางวางมือบนขอบเตียงด้วยความศรัทธาอย่างยิ่ง ก้มศีรษะลงคำนับบนหลังมือ

ในขณะนี้ นางหวังอย่างยิ่งว่าไท่ช่างหวงจะมีชีวิตต่อไป!

ไท่ช่างหวงทรงจับมือของเขา แล้วเคลื่อนไปทางเสิ่นเซียงจวิ้น แม้ว่าการเคลื่อนไหวจะยากลำบาก แต่ทุกคนในที่นั้นก็เข้าใจพระประสงค์ของพระองค์

พระองค์ต้องการให้จิ้นอ๋องจับมือของเสิ่นเซียงจวิ้น นั่นหมายความว่าต้องการให้พวกเขาครองคู่กันอย่างชัดเจน

จิ้นอ๋องจับมือพระองค์ไว้แน่นแล้วพูดว่า "เสด็จพ่อ โปรดถนอมกำลังวังชา ลูกจะไปพาคนๆ หนึ่งเข้าวัง!"

จากมือที่เย็นลงเรื่อยๆ และแววตาที่อ่อนแรงกว่าเดิม เขามองเห็นถึงพลังชีวิตของไท่ซ่างหวงที่ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว

หมอหลวงคุกเข่าเต็มพระตำหนัก แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรสักคำ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พวกเขาจนปัญญาแล้วกับพระประชวรของไท่ซ่างหวง

“ฮ่องเต้” ไท่ช่างหวงทรงจับมือพระองค์ไว้แน่น ราวกับแสงสายัณห์ของตะวันรอน ทรงทอดพระเนตรไปที่ฮ่องเต้ “เจ้าสัญญากับข้า จะไม่ทำร้ายอาเยว่เด็ดขาด”

พระทัยของฮ่องเต้สะดุ้งอีกครั้ง

ทุกคนในตำหนักต่างฟังอยู่ แม้ว่าจะไม่มีใคร ในเวลานี้พระองค์เองก็ไม่กล้าที่จะตรัสว่าไม่

“เสด็จพ่อ ข้าเป็นพี่ชาย ปกป้องน้องจะยิ่งไม่ว่า ไหนเลยจะทำร้ายอาเยว่ได้?”

หนังพระเนตรของไท่ซ่างหวงห้อยลงอีกครั้ง "หากเจ้าทำ ข้าจะไม่ให้อภัยเจ้า..."

พระส6รเสียงของพระองค์ค่อยๆ ลดลงอีกครั้ง และพระพักตร์ของพระองค์ก็ซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าผู้ใดก็สามารถมองออก

“ชิงเฟิง!”

ทันใดนั้นจิ้นอ๋องก็ตะโกนว่า "ไปพาคุณหนูรองลู่มา!"

"ขอรับ!"

แม้แต่โรคประหลาดของเขา ลู่เจาหลิงก็ยังกล่าวว่าสามารถรักษาให้หายขาดได้ บางทีนางอาจจะรักษาไท่ซ่างหวงได้?

ในขณะนี้ จิ้นอ๋องไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมีความคิดเช่นนี้ แต่เขาต้องพยายามตราบเท่าที่ยังมีโอกาส

“เสด็จพ่อ?” ในเวลานี้ฮ่องเต้ไม่สนใจว่าคุณหนูรองลู่เป็นผู้ใด พระองค์ในฐานะโอรสสวรรค์ ก็ทรงเห็นพระพักตร์ของไท่ซ่างหวงไม่สู้ดีทันที

“หมอหลวง! เร็วเข้า ช่วยเสด็จพ่อของข้าเร็ว!”

ในขณะนี้ ฮ่องเต้ก็ตื่นตระหนกเช่นกัน และมีความตื่นตระหนกที่ไม่อาจหยุดยั้งได้

แม้ว่าพระองค์จะทรงปรารถนาให้เสด็จพ่อสิ้นพระชนม์ไปโดยเร็ว เพื่อที่พระองค์จะได้ครองบัลลังก์ต่อ เป็นฮ่องเต้ที่แท้จริง มิใช่ว่าไม่ว่าเรื่องอันใดก็จะต้องรับฟังความคิดเห็นของไท่ช่างหวงก่อนที่จะตัดสินพระทัย หากทรงทำอะไรผิดพลาดก็ยังต้องถูกไท่ซ่างหวงดุ แต่เมื่อช่วงเวลานี้มาถึงจริงๆ พระองค์ก็ทรงกลัวว่าจะไม่มีใครเป็นหลักประกันของพระองค์อีกในภายภาคหน้า

แม้ว่าไท่ช่างหวงจะดุพระองค์ คอยกดดันพระองค์อยู่เสมอ แต่หากมีสิ่งใดที่พระองค์มิอาจจัดการได้จริงๆ ไท่ช่างหวงจะทรงดุในส่วนที่ควร แต่ก็ยังทรงสอนและช่วยเหลือพระองค์

ภายนอก พระองค์ก็ยังคงเป็นฮ่องเต้ที่ทรงพระปรีชาในการปกครองแว่นแคว้น

หมอหลวงรีบล้อมเข้ามา

จิ้นอ๋องรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว ในเวลานี้เขาทำได้เพียงถอยออกไป กำหมัดแน่น คอยเฝ้าดูหมอหลวงช่วยชีวิตไท่ช่างหวง

ชิงเฟิงเพิ่งได้รับคำสั่ง ก็รีบออกจากพระราชวังแล้วไปที่จวนลู่โดยเร็ว

ลู่เจาหลิงยังคงหลับอยู่

นางเพิ่งเกิดใหม่ และช่วยหมอฝู่ขจัดพลังความตาย นางรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก

หลังจากที่ชิงหลิงกับชิงอินถูกส่งมา ก็ยังมิได้พบหน้ากับนางเลย สาวใช้ทั้งสองจึงเฝ้าอยู่ที่ลานบ้าน ไม่ยอมให้ใครผู้ใดจากตระกูลลู่เข้ามารบกวนการนอนหลับของลู่เจาหลิง

พวกนางรู้อยู่แล้วว่า คุณหนูลู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หมอฝู่ได้ตรวจอาการและให้ยาแก่นางแล้ว และยังกำชับว่าให้นางพักผ่อนให้ดี หากไม่มีไข้ก็อย่าได้รบกวนนางถ้า

ลู่เจาหลิงสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที

นางลืมตาขึ้น พยุงตัวลุกจากเตียง เดินเท้าเปล่าไปที่หน้าต่าง เปิดหน้าต่างออก มองดูท้องฟ้าอันมืดครื้มข้างนอกแล้วพึมพำ

“ไอสีม่วงดับสลาย”

ในขณะนี้ ลมเมฆาปั่นป่วนเล็กน้อย โชคชะตาที่ชนปะทะ สถานการณ์ความวุ่นวายปรากฏชัด

ลู่เจาหลิงขมวดคิ้ว รู้สึกเศร้าเล็กน้อย

นางสามารถมีชีวิตใหม่ได้ แต่ตอนนี้นางพบว่าชะตากรรมของราชวงศ์ต้าโจวนี้ไม่มั่นคง

นางเกลียดสงครามและความวุ่นวายมากที่สุด

“คุณหนูลู่!”

ด้วยสถานการณ์ที่ฉุกเฉิน ชิงเฟิงจึงหลีกเลี่ยงทหารองครักษ์ของจวนลู่โดยตรง และแอบเข้าไปในหอทิงหน่วนอย่างเงียบๆ

ทันทีที่กระโดดเข้าไปในลานบ้าน ชิงหลิง ชิงอินก็หยุดเขาทันที แต่เมื่อเห็นว่าเป็นชิงเฟิง พวกนางก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

ชิงเฟิงเงยหน้าขึ้นมองและเห็นลู่เจาหลิงยืนอยู่ข้างหน้าต่าง และพูดอย่างเร่งรีบว่า "ท่านอ๋องสั่งให้ชิงเฟิงมาเชิญคุณหนูลู่เข้าวังขอรับ"

อันที่จริงชิงเฟิงไม่เข้าใจ ไท่ซ่างหวงทรงประชวรหนัก หมอหลวงจำนวนมากก็มิอาจทำอะไรได้ เชิญตัวคุณหนูลู่จะทำอะไรได้? ตัวนางเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย

ชิงหลิงและชิงอินก็เงยหน้าขึ้นมองเช่นกัน พวกนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณหนูลู่ได้ตื่นขึ้นแล้ว ทั้งยังยืนอยู่ตรงหน้าต่างที่เปิดอยู่ และไม่รู้เลยว่านางยืนอยู่ที่นั่นนานแค่ไหนแล้ว

“ขอคุณหนูลู่โปรดรีบเปลี่ยนอาภรณ์และตามชิงเฟิงเข้าวังโดยเร็วด้วยเถิด” ชิงเฟิงเร่งเร้าอีกครั้ง

แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุอันใด แต่ท่านอ๋องคงมีเหตุผลของท่านเป็นแน่ และสิ่งเดียวที่เขาทำได้คือเชื่อฟังปฏิบัติตามคำสั่ง

ลู่เจาหลิงถามว่า "เพราะมีคนในวังกำลังจะตายใช่หรือไม่?"

ชิงเฟิงสะดุ้งตกใจ นางรู้ได้อย่างไร?

นางเป็นนังหนูบ้านนอกที่เพิ่งกลับเข้าเมืองหลวงไม่ใช่หรือ?

“คือไท่ซ่างหวง...”

ชิงเฟิงพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจึงปิดปากของเขาอย่างรวดเร็ว เรื่องเช่นนี้ไฉนเขาถึงพูดออกไปได้เล่า?

“ข้าไปกับเจ้าแล้วกัน” ท้ายที่สุดแล้ว นางไม่ต้องการให้โลกที่เกิดใหม่ไม่สงบสุข ไม่เช่นนั้นนางคงไม่สบายใจ

ลู่เจาหลิงสวมรองเท้าปักแล้วเดินออกมา

ชิงหลิงและชิงอินรีบเข้าไปพยุงนาง "บ่าวชิงหลิง ชิงอิน จิ้นอ๋องส่งพวกบ่าวมารับใช้คุณหนูเจ้าค่ะ"

“ตระกูลลู่ไม่ได้ส่งใครมารึ?” ลู่เจาหลิงมองไปที่พวกนางทีละคน

“เรียนคุณหนู ไม่มีเจ้าค่ะ”

สกุลลู่ช่างดีเสียจริง

“คุณหนูลู่ปีนข้ามกำแพงได้หรือไม่? ถ้าไปทางประตูหลัก ยังไม่รู้เลยว่าต้องเสียเวลานานเพียงใด”

ลู่เจาหลิงยื่นมือออกไปหาชิงเฟิง “ได้ ตอนนี้ข้าปีนไม่ไหว เจ้าช่วยข้าที”

แม้ว่าจะเป็นเพียงคำแนะนำของเขา แต่มันไม่แปลกไปเสียหน่อยหรือที่นางปรับตัวเร็วเช่นนี้ ทั้งยังตอบอย่างเป็นธรรมชาติเช่นนี้ด้วย?

ชิงเฟิงกล่าวขอล่วงเกิน แล้วพาลู่เจาหลิงใช้วิชาตัวเบาเหินข้ามไป ขึ้นรถม้าโดยตรง และขับรถม้าไปที่พระราชวังทันที

รถม้าวิ่งอย่างเร็วพลัน ต้านทานสายลม ใช้ความเร็วที่เร็วสุดมุ่งสู่พระราชวัง

“คุณหนูลู่ ถึงแล้ว”

ชิงเฟิงเปิดม่าน เอื้อมมือออกไปจะช่วยพยุงนางลงจากรถม้า

ลู่เจาหลิงลงจากรถม้า มองไปที่พระราชวังที่ยิ่งใหญ่อลังการนี้ นางเม้มริมฝีปาก

“คุณหนูลู่ โปรดรอสักครู่...”

"ไม่ต้องแล้ว"

ลู่เจาหลิงมองดูท้องฟ้าเหนือพระราชวัง มองดูไอสีม่วงที่กระทู้ลอยหายไป

“พระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว”

“อะไรนะ?” ชิงเฟิงได้ยินสองคำนี้ไม่ชัดเจน

ลู่เจาหลิงหยุดไปชั่วขณะ และพูดขึ้นว่า "สายไปแล้ว ไท่ช่างหวงสิ้นพระชนม์แล้ว"

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status