Share

บทที่ 10

ฮ่องเต้หรี่ตามองเสิ่นเซียงจวิ้น

แม้หลายปีมานี้ เขาเคยชินกับการขัดเจตนารมณ์ของจิ้นอ๋องทุกเรื่อง ขอแค่เป็นเรื่องที่จิ้นอ๋องไม่อยากทำหรือรู้สึกต่อต้าน เขาก็จะทำสิ่งที่ตรงกันข้าม แต่เห็นคุณหนูของอัครเสนาบดีเสิ่นอยากแต่งงานกับจิ้นอ๋องเช่นนี้ เขาก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย

อัครเสนาบดีเสิ่นจงรักภักดีต่อเขามาโดยตลอด

ตามหลักแล้ว ควรยกเสิ่นเซียงจวิ้นให้รัชทายาทหรือองค์ชายคนอื่น เช่นนี้ความสัมพันธ์จักรพรรดิกับขุนนางของพวกเขาจึงจะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

แต่อัครเสนาบดีเสิ่นกลับไม่ได้ปฏิเสธเรื่องที่ลูกสาวขอแต่งงานกับจิ้นอ๋อง? สิ่งนี้ส่งผลดีต่ออัครเสนาบดีเสิ่นอย่างไร?

หรือว่าหลายปีนี้เขาแสร้งเป็นเสด็จพี่ที่แสนดีมาโดยตลอด ทำให้เสนาบดีเสิ่นเข้าใจผิด คิดว่าความสัมพันธ์พี่น้องระหว่างเขากับจิ้นอ๋องลึกซึ้ง

เสิ่นเซียงจวิ้นเป็นถึงสตรีผู้มากความสามารถที่มีชื่อเสียงของเมืองหลวง

“ไม่มีหน้าออกจากบ้าน เจ้าสามารถปิดประตูไม่ออกมาได้” จิ้นอ๋องกล่าวด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์

ซี๊ด

ใจดำจริงๆ

เสิ่นเซียงจวิ้นตกใจจนลืมร้องไห้

“ท่านอ๋อง?”

ไทเฮาอดไม่ได้ที่จะถาม “จิ้นอ๋องอยากแต่งงานกับแม่นางบ้านใด? หรือว่าหลายปีนี้ได้พบกับหญิงงามรู้ใจที่ข้างนอก?”

ทันทีที่เอ่ยปากก็นิยามคนที่จิ้นอ๋องจะแต่งงานด้วยเป็นผู้หญิงที่นอกลู่นอกทาง

คุณหนูที่ปกติของบ้านใดจะเป็นหญิงงามรู้ใจของผู้ชายกัน?

“ฝ่าบาท ไท่ซ่างหวงกระอักเลือดแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

พลันมีเสียงที่ร้อนรนดังมาจากข้างนอก ทำให้สีหน้าของพวกเขาทุกคนเปลี่ยนฉับพลัน

ในขณะเดียวกัน เมฆดำปกคลุมท้องฟ้า บรรยากาศมืดครึ้มลงในพริบตา ลักษณะเหมือนพายุฝนกำลังจะมา

อากาศที่เปลี่ยนฉับพลัน ทำให้ฮ่องเต้หวาดกลัวเล็กน้อย

ส่วนจิ้นอ๋องได้พุ่งพรวดออกไปอย่างฉับไวแล้ว

ชิงเฟิงที่เฝ้าอยู่ข้างนอกเห็นเขาเดินไวมาก รีบตามไปอย่างประหม่า พลางกล่าวเสียงเบา “ท่านอ๋อง ขาของท่าน…”

ปกติท่านอ๋องทำได้เพียงเดินช้าๆ และยังเดินมากไม่ได้ด้วย ไม่เช่นนั้นกระดูกขาจะเจ็บไปถึงหัวใจ ตอนนี้เขากลับเดินเร็วเช่นนี้!

“ไปเชิญท่านหมอฝู่!” จิ้นอ๋องออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“เร็ว ไปตำหนักหนิงโซ่ว!” ด้านหลัง ฮ่องเต้กับไทเฮาก็ตามออกมาอย่างร้อนใจเช่นกัน

เสิ่นเซียงจวิ้นลังเลครู่หนึ่ง กัดริมฝีปากล่างสองสามทีก็ตามไปด้วยเช่นกัน

ในตำหนักหนิงโซ่วของไท่ซ่างหวงมีกลิ่นยาที่เข้มข้นอบอวล นอกจากกลิ่นยายังมีกลิ่นเหม็นที่ไม่สามารถอธิบายสายหนึ่งอย่างคลุมเครือ

จู่ๆ เมื่อสองปีก่อนไท่ซ่างหวงก็ล้มป่วย หลังจากนั้นก็เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายมาโดยตลอด และสามารถออกจากห้องเป็นบางครั้ง แต่ก็เป็นลมเป็นครั้งคราวเช่นกัน แต่ช่วงนี้นอนติดเตียงลุกไม่ขึ้น

ร่างเงาของจิ้นอ๋องพุ่งเข้าไปตำหนักหนิงโซ่ว น้ำตาคนแก่ของขันทีเฒ่าฟู่กงกงไหลพรากทันที

“จิ้นอ๋อง จิ้นอ๋องกลับเมืองหลวงแล้ว!” เขาคุกเข่าให้จิ้นอ๋องทันที “บ่าวคำนับจิ้นอ๋อง”

“ฟู่กงกงไม่ต้องมากพิธี”

ขณะที่จิ้นอ๋องพูด ได้เดินไปถึงหน้าเตียงอย่างไวแล้ว

ไท่ซ่างหวงที่อยู่บนเตียงผมหงอกเต็มศีรษะ ผอมจนผิดรูปเล็กน้อย บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยจุดด่างดำแห่งวัย หายใจรวยริน

และบนผ้าห่มยังมีคราบเลือดติดอยู่หลายจุด

“เสด็จพ่อ!”

จิ้นอ๋องคุกเข่าลงข้างเตียง กุมมือของไท่ซ่างหวงไว้ ทันทีที่สัมผัสโดน เขาตกใจฉับพลัน มือของไท่ซ่างหวงเย็นเหมือนน้ำแข็ง

เที่ยวนี้ เพื่อที่จะตามหาหมอ เขาเดินทางไกลมาก รับจดหมายจากเมืองหลวงไม่ทัน รอจดหมายฉบับสุดท้ายส่งมาถึง กลับมาแล้วจึงจะรู้ว่าไท่ซ่างหวงได้ป่วยหนักจนเป็นเช่นนี้แล้ว

ฟู่กงกงกล่าวพลางเช็ดน้ำตา “ท่านอ๋อง ไท่ซ่างหวงเฝ้ารอท่านกลับมาโดยตลอด…”

เดิมทีเขายังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ตอนที่เห็นพวกไทเฮากับฮ่องเต้วิ่งเข้ามา ก็กล้ำกลืนคำพูดที่เหลือลงไปแล้ว

“เสด็จพ่อเป็นอย่างไรบ้าง? หมอหลวงล่ะ?”

ฮ่องเต้เข้ามาก็ถามด้วยน้ำเสียงตำหนิทันที สายตาของเขากวาดมองตำหนักหนิงโซ่ว เห็นเพียงนางกำนัลคุกเข่าอยู่บนพื้นสองสามคน แต่ละคนตาแดงก่ำ และเมื่อได้กลิ่นคาวเลือดที่ยังไม่จางหายไป ในก้นบึ้งหัวใจของเขาเริ่มตื่นเต้นแล้ว

ในที่สุดตาเฒ่านี่ก็จะตายแล้วหรือ?

ทันทีที่ไท่ซ่างหวงสวรรคต ราชอำนาจทั้งหมดจึงจะตกมาอยู่ในมือของเขาอย่างสมบูรณ์ จะไม่มีใครสามารถข่มเขาได้อีก เขาจึงจะเป็นฮ่องเต้ที่แท้จริง!

เขารอวันนี้มานานมากแล้ว!

“หมอหลวงล้วนกำลังหารือเรื่องใบสั่งยาที่ตำหนักข้างพ่ะย่ะค่ะ” ฟู่กงกงกล่าว

หมอหลวงหลายคนรีบวิ่งเข้ามาคุกเข่าบนพื้น

“ฝ่าบาท พวกกระหม่อมเกรงว่าไท่ซ่างหวงจะ…” หมอหลวงไม่กล้าเงยหน้า เสียงสั่นเครือ

ในช่วงสองปีนี้ พวกเขาทำได้เพียงบรรเทาอาการป่วยของไท่ซ่างหวง แต่สุดท้ายก็ไม่มีวิธีรักษา ตอนนี้ไท่ซ่างหวงเป็นตะเกียงที่ใกล้มอดดับแล้ว

“ทั้งๆ ที่เมื่อครึ่งเดือนก่อน ไท่ซ่างหวงยังมีชีวิตชีวาอยู่เลย และยังยืนหยัดเดินไปถึงวิหารบรรพชน!” ฮ่องเต้กล่าวอย่างเกรี้ยวกราด

เหตุใดแค่ครึ่งเดือนก็บอกว่าไม่ไหวแล้ว?

ไท่เฮาเริ่มร้องไห้ นางกระโจนไปที่ข้างเตียง อยากขยับเข้าไปใกล้ แต่จิ้นอ๋องคุกเข่าอยู่ที่หน้าเตียง นางจึงไม่สามารถเข้าไปใกล้

“พระองค์ลืมตาดูหม่อมฉันสิ…” นางสะอึกสะอื้น น้ำเสียงเหมือนกับว่าพวกเขายังเป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กันมาก

“ฝ่าบาท ตอนนั้นไท่ซ่างหวงยืนกรานไปวิหารบรรพชน พวกกระหม่อมก็พยายามเกลี้ยกล่อม วันนั้นไม่ใช่เพราะสุขภาพไท่ซ่างหวงดีขึ้น แต่เป็นเพราะฝืนพระวรกายที่ชวนประชวรหนักไปพ่ะย่ะค่ะ”

“ใช่พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท วันนั้นเมื่อครึ่งเดือนก่อน สายลมโหมกระหน่ำ ต่อมาก็ฝนตกฉับพลัน ไท่ซ่างหวงยังเป็นลมที่วิหารบรรพชนด้วย เกรงว่าเพราะรอบนั้น ทำให้ท่านผู้อาวุโสประชวรหนักยิ่งขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”

วันนั้นของเมื่อครึ่งเดือนก่อน อากาศแปลกมาก ท้องฟ้ามีเสียงฟ้าผ่าดังเป็นระยะ ในเมืองมีลมพายุโหมกระหน่ำ นกหินบินกระเจิง และยังมีหลายคนที่ถูกต้นไม้ล้มทับตาย

พูดถึงวันนั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังมีหลายคนที่รู้สึกกลัว

แต่วันนั้นไท่ซ่างหวงยืนกรานจะไปวิหารบรรพชน และยังสั่งไม่ให้คนตามเข้าไปในตำหนัก ถ้าหากไม่ใช่เพราะวันนั้นเสิ่นเซียงจวิ้นบอกจะไปคัดอักษรเพื่อขอพรให้ฮองเฮาและเดินผ่านพอดี ก็ไม่มีใครพบว่าไท่ซ่างหวงเป็นลมในตำหนัก

จิ้นอ๋องกุมมือไท่ซ่างหวงแน่น ถ่ายทอดกำลังภายในให้เงียบๆ ตาของเขาแดงเล็กน้อย  มองคนแก่ที่แก่จนไม่เหลือเค้าโครงของฮ่องเต้เมื่อสองสามปีก่อน

“เสด็จพ่อ กระหม่อมคืออาเยว่ กระหม่อมกลับมาแล้ว”

อาจเพราะมีกำลังภายในของเขา ไท่ซ่างหวงลืมตาอย่างยากลำบาก

“อา...อาเยว่ ราชวงศ์ต้าโจว กำลัง...กำลังจะวุ่นวาย…”

เสียงของไท่ซ่างหวงแหบและเบามาก มีเพียงจิ้นอ๋องที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ ได้ยิน ไทเฮากับฮ่องเต้อยากขยับเข้าไปฟัง แต่เห็นเพียงปากของเขาขยับเล็กน้อย

“เสด็จพ่อ ข้าจะหายาวิเศษมาให้ท่านแน่นอน!” ฮ่องเต้กล่าวอย่างร้อนใจ

“หุบปาก” จิ้นอ๋องตวาดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

ฮ่องเต้เบิกตากว้าง อยากกระโดดลุกขึ้น ถึงขั้นกล้าสั่งให้เขาหุบปาก? เขาตั้งใจขาดคำพูดไท่ซ่างหวง ไม่อยากให้เขาพูดอะไรกับจิ้นอ๋อง!

แต่ต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ เขาก็ไม่สามารถทำอย่างโจ่งแจ้งเกินไป

“อาเยว่ ข้าฝันเห็นเหล่าบรรพชนมาเข้าฝัน ชีพจรมังกรของต้าโจว ขาด ขาดแล้ว…อาเยว่ เจ้าสัญญากับข้า จะปกป้องต้าโจว…” ไท่ซ่างหวงพูดไม่ต่อเนื่อง

“ไท่ซ่างหวง ท่านจะไปทั้งเช่นนี้ไม่ได้นะ ท่านยังไม่ได้เห็นจิ้นอ๋องแต่งงานมีลูกเลย” ไท่เฮาเริ่มกล่าวอย่างร้อนใจ พลันสายตาหันไปเห็นเสิ่นเซียงจวิ้นที่อยู่ข้างนอก เรียกนางเข้ามาทันที “เซียงจวิ้นรีบเข้ามา!”

หัวใจของเสิ่นเซียงจวิ้นแทบโดดมาอยู่ที่คอแล้ว นี่คือโอกาสของนางกระมัง?

นางไม่มีเวลาสนใจเรื่องจรรยามารยาท รีบวิ่งเข้าไปทันที และถูกไทเฮากระชากไปที่ข้างเตียง

“ไท่ซ่างหวง นี่คือคุณหนูของอัครเสนาบดีเสิ่น ท่านยกนางให้จิ้นอ๋องแล้วใช่หรือไม่? ให้ฝ่าบาทประทานงานแต่งให้พวกเขาเดี๋ยวนี้ดีหรือไม่?”

พลันนางกดไหล่เสิ่นเซียงจวิ้น เสิ่นเซียวจวิ้นก็ถือโอกาสทิ้งตัวลงไป คุกเข่าลงข้างกายจิ้นอ๋อง

“จิ้นอ๋อง ต่อให้เป็นการแต่งงานสะเดาะเคราะห์ เซียงจวิ้นก็ไม่มีอะไรจะกล่าวเจ้าค่ะ!”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status