Share

บทที่ 9

ฮ่องเต้องค์ใดไม่ถือสาเมื่อมีคนว่าตัวเองแก่?

ผู้ครอบครองแผ่นดิน กุมอำนาจสูงสุด สิ่งที่ต้องการมากกว่านั้นคือรักษาความอ่อนเยาว์และแข็งแรง อายุยืนร้อยปี

ฮ่องเต้เป็นรัชทายาทจนถึงอายุเกือบสี่สิบปี ไท่ซ่างหวงไม่สิ้นพระชนม์เสียที ไม่ง่ายเลยที่กว่าจะทรงประชวรจึงให้เขาขึ้นครองราชย์ จนถึงตอนนี้ก็เพิ่งจะผ่านไปสองปี

เพิ่งครองราชย์ปีที่สอง ก็ได้ยินจิ้นอ๋องบอกว่าหน้าเขามีริ้วรอย ช่างเป็นการฆ่าคนด้วยคำพูดจริงๆ

ดังนั้นเขาจึงไม่ชอบหน้าพระอนุชาคนเล็กคนนี้แล้ว ยิ่งโตยิ่งน่ารังเกียจ

“ข้าอายุมากกว่าอาเยว่ยี่สิบปี ย่อมเป็นผู้ใหญ่กว่าเจ้าอยู่แล้ว” ฮ่องเต้ปลอบใจตัวเอง

พระสนมของเขาต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเขายังหนุ่ม ดูแล้วเหมือนอายุสามสิบต้นๆ อีกทั้งเขาอยู่บนพระแท่นบรรทมยังน่าเกรงขามมาก ฮึ่ม หากแต่ไม่คาดคิดว่าเจอกันก็ถูกจิ้นอ๋องทำร้ายจิตใจ เขาต้องอดกลั้นให้ได้

“อืม เสด็จพี่ใกล้ห้าสิบแล้ว” จิ้นอ๋องกล่าวต่ออย่างเป็นธรรมชาติ

ฮ่องเต้เกือบจะร้องไห้แล้ว

“อาเยว่ รีบเข้ามา ลองเล่าให้ข้าฟังหน่อยว่าหลายปีนี้เจ้าไปไหน เจอเรื่องสนุกอะไรบ้าง ข้ามีงานติดตัวทั้งวัน แทบไม่ได้ออกจากวังหลวงแห่งนี้เลย คิดแล้วก็อิจฉาเจ้า อิสระไร้ข้อผูดมัด” ฮ่องเต้เรียกเขาเข้าห้องทรงอักษร

ตอนที่เขาก้าวข้ามธรณีประตู จิ้นอ๋องกล่าวอย่างเรียบเฉยประโยคหนึ่ง “เสด็จพี่ หยุดคุยเรื่องไร้สาระก่อน ช่วยประทานงานแต่งให้ข้าหน่อย”

“อุ๊ย!”

เท้าของฮ่องเต้เซไปทีหนึ่ง เกือบสะดุดธรณีประตูล้ม

เน่ยซื่อตกใจจนสะดุ้ง รีบเข้าไปประคอง “ฝ่าบาท!”

เมื่อฮ่องเต้ยืนมั่นคงแล้ว จิ้นอ๋องเดินมือไพล่หลังข้างหนึ่งเข้ามาอย่างสบายๆ พลางกวาดมองห้องทรงอักษรแวบหนึ่ง

“อาเยว่ เมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ? เหมือนว่าข้าหูฝาด? เจ้าบอกว่าขอพระราชทานงานแต่ง?”

“อืม เสด็จพี่ไม่ได้หูฝาด”

“ก่อนหน้านี้เจ้าเขียนจดหมายให้เสด็จพ่อ ก็ไหนบอกว่าเจ้าเที่ยวภูเขาชมแม่น้ำอยู่ข้างนอก แม้แต่ยุงตัวเมียสักตัวก็ไม่กัดเจ้าไม่ใช่หรือ?”

ไท่ซ่างหวงเป็นคนพูดคำพูดประโยคนี้ ไท่ซ่างหวงกังวลว่าชาตินี้ลูกชายคนเล็กจะไม่แต่งงาน อยู่อย่างโดดเดี่ยวจนแก่เฒ่ามาโดยตลอด

ในสมองจิ้นอ๋องมีใบหน้างามของลู่เจาหลิงปรากฏ พลันเผยอมุมปาก “ใช่ ใครจะรู้ว่าในเมืองหลวงมีจิ้งจอกน้อยเล่า”

ไม่ทันรู้จักกันก็กระโจนเข้ามาในอ้อมแขนทั้งเช่นนี้

เขาเป็นคนรักษาคำพูด ตอบตกลงว่าร่วมมือกันก็จะไม่กลับคำ

“จิ้งจอกน้อย?” ฮ่องเต้ก็ไม่โง่เช่นกัน ฟังจากคำพูดนี้ก็รู้ว่าเขาหมายถึงแม่นางที่ขอพระราชทานงานแต่ง “เป็นแม่นางบ้านใด?”

จิ้นอ๋องกำลังจะพูด มีเสียงตะโกนที่ลากห่างเสียงดังขึ้น “ไทเฮาเสด็จ!”

“เสด็จแม่มา?” ฮ่องเต้ลุกขึ้นยืน “คิดว่าเพราะได้ยินว่าเจ้ากลับมาแล้ว จึงตื่นเต้นดีใจกระมัง”

แววตาจิ้นอ๋องมืดลงเล็กน้อย

ไทเฮาพาเสิ่นเซียงจวิ้นเข้ามา สายตามองไปที่จิ้นอ๋องทันที

ครั้งก่อนที่เจอจิ้นอ๋อง เขายังเป็นเด็กน้อยที่อายุสิบกว่าปี

จิ้นอ๋องที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ ได้กลายเป็นผู้ใหญ่ที่รูปร่างสูงใหญ่และสุขุมสูงศักดิ์แล้ว เขายืนอยู่ที่ข้างๆ ฮ่องเต้ สูงกว่าฮ่องเต้ครึ่งศีรษะ ชุดผ้าแพรสีม่วงเข้มหนุนให้รอบตัวเขามีแต่กลิ่นอายอันสูงศักดิ์ ถึงกับทำให้ฮ่องเต้ที่สวมชุดมังกรดูจืดชืดธรรมดาไปเลย

น่าโมโหชะมัด!

“วันนี้ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวของนกกระจอกแต่เช้า มีเรื่องดีๆ จริงด้วย จิ้นอ๋องกลับมาแล้ว!” ไทเฮามองจิ้นอ๋อง พลางใช้ผ้าเช็ดหน้าแต้มหางตา แม้แต่เสียงก็สะอื้นเล็กน้อย “ช่วงก่อนข้ายังฝันเห็นเจ้าอยู่เลย หลังจากสะดุ้งตื่นก็กังวลจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ตอนนี้เห็นเจ้าสบายดี ข้าก็วางใจแล้ว”

นี่คือฝันเห็นเกิดเรื่องกับเขา?

ไทเฮายังคงเหมือนเมื่อก่อน ชอบหาโอกาสสาปแช่งเขาทุกวิถีทาง ทว่าสีหน้ากลับไร้ที่ติ ราวกับตื่นเต้นและดีใจมากที่เขากลับมาจริงๆ

“ไทเฮาโปรดวางใจ กระหม่อมจะรักษาตัวอย่างดี ไม่ให้ท่านเป็นห่วงแน่นอน” จิ้นอ๋องกล่าว

หลังจากเสิ่นจิ้นเดินเข้ามาคำนับก็ยืนอยู่ที่ข้างๆ นางมองจิ้นอ๋องจนเบ้าตาแดงเล็กน้อยแล้ว

จิ้นอ๋องในตอนนี้สะดุดตาเช่นนี้ หล่อเหลาเช่นนี้!

คิ้วกับตา และรูปหน้าของเขา มีอะไรที่ไม่ใช่ที่นางชื่นชอบที่สุด

เมื่อเห็นไทเฮาเจอจิ้นอ๋องก็ลืมนางแล้ว เสิ่นเซียงจวิ้นเดินออกมาหนึ่งก้าว คำนับจิ้นอ๋องอย่างอ่อนช้อยทีหนึ่ง และเสียงก็นุ่มนวล

“เสิ่นเซียงจวิ้นคำนับจิ้นอ๋อง”

ไทเฮาจึงจะนึกขึ้นได้ พลันสีหน้าจริงจัง กล่าวทันที “จิ้นอ๋องยังจำเซียงจวิ้นได้หรือไม่? คุณหนูของอัครเสนาบดีเสิ่น สมัยที่พวกเจ้ายังเด็ก ชอบเล่นด้วยกันจะตาย”

สายตาของจิ้นอ๋องมองหน้าเสิ่นเซียงจวิ้นอย่างเรียบเฉย

ฮ่องเต้มองไทเฮาแล้วมองเสิ่นเซียงจวิ้น ก็เข้าใจแล้วเช่นกัน

เรื่องที่คุณหนูสกุลเสิ่นปลื้มจิ้นอ๋องตั้งแต่เด็ก มันก็ไม่ใช่ความลับอะไรสำหรับเขา

“ข้าถือว่าเข้าใจแล้ว พวกเจ้าสองคนเข้าวังพร้อมกัน ก็เพราะเรื่องเดียวกันกระมัง?” ฮ่องเต้ยิ้มอย่างหยอกล้อ “เสด็จแม่ เมื่อครู่อาเยว่เพิ่งขอให้ข้ามีราชโองการประทานงานแต่งอยู่เลย”

ไทเฮากับเสิ่นเซียงจวิ้นตะลึงพร้อมกัน พลันมองไปทางจิ้นอ๋องอย่างตกใจ

“ราชโองการประทานงานแต่ง?” เสิ่นเซียงจวิ้นตกใจมาก นางไม่กล้าคิดว่าสิ่งแรกที่จิ้นอ๋องทำหลังจากกลับเมืองหลวง ก็คือขอนางแต่งงาน

แต่ถ้าหากไม่ใช่นาง แล้วยังจะเป็นใครได้อีก? หลายปีมานี้นางส่งคนไปหาข่าวของจิ้นอ๋องตลอด ทั้งๆ ที่บอกว่าข้างกายเขาไม่มีผู้หญิงนี่นา

“ตอนนี้ได้เจอคุณหนูเสิ่น ข้าถือว่านึกขึ้นได้แล้ว เมื่อก่อนหยวนเจินไต้ซือเคยดูดวงแต่งงานให้อาเยว่ ได้ทำนายวันเดือนปีเกิดของภรรยาที่ชะตากำหนด วันเดือนปีเกิดนั่น ก็คือวันเดือนปีเกิดของเจ้ากระมัง?” ฮ่องเต้ถามเสิ่นเซียงจวิ้น

ถูกต้อง ก็เพราะตอนนั้นมีเรื่องเช่นนี้ ดังนั้นแม้แต่ไท่ซ่างหวง และรวมถึงครอบครัวอัครเสนาบดีเสิ่น ต่างก็ยอมรับกันเงียบๆ ว่าจิ้นอ๋องกับเสิ่นเซียงจวิ้นจะเป็นคู่ที่ฟ้าดินสร้างมาให้คู่กัน

ไม่เช่นนั้น อัครเสนาบดีเสิ่นก็ไม่มีทางกั๊กลูกสาวไว้จนถึงอายุสิบหกปี ก็ยังไม่คุยเรื่องแต่งงานกับนาง

“ทูลฝ่าบาท วันเดือนปีเกิดที่หยวนเจินไต้ซือพูดในตอนนั้น เป็นของหม่อมฉันจริงๆ เพคะ หม่อมฉันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฝ่าบาทเพคะ”

เสิ่นเซียงจวิ้นคุกเข่าลงพื้นอย่างเด็ดขาดทันที สองมือแนบพื้น หน้าผากก็โน้มลงไป ทำท่าทางเหมือนกำลังรอฮ่องเต้ประทานงานแต่ง

เมื่อครู่นางกระวนกระวายใจแปลกๆ รู้สึกว่าดวงแต่งงานที่นางรอมาโดยตลอดจะเกิดข้อผิดพลาด ดังนั้นตอนนี้ไม่สนใจว่าจะขายหน้าหรือไม่ นางจะต้องขอราชโองการประทานแต่งงานฉบับนี้มาอยู่ในมือให้ได้ก่อน!

“สมัยที่เสิ่นเซียงจวิ้นยังเด็ก เอาแต่เดินตามจิ้นอ๋องต้อยๆ เรียกพี่อาเยว่ตลอด” ไทเฮาปิดปากหัวเราะเบาๆ “หลายปีนี้เอาแต่รอจิ้นอ๋องกลับเมืองหลวง ความจริงใจนั้นหายาก ฝ่าบาท ท่านต้องสงเคราะห์ดวงแต่งงานนี้นะ”

“ฮ่าๆ ข้าก็เห็นดีกับพวกเขาเช่นกัน ปีนี้อาเยว่ก็อายุไม่น้อยแล้ว เรื่องนี้จะรอช้าไม่ได้ ข้าจะประทานงานแต่งให้พวกเขาเดี๋ยวนี้…”

สีหน้าจิ้นอ๋องเย็นชา

“คนที่ข้าจะแต่งด้วยเป็นคนอื่น”

ร่างกายเสิ่นเซียงจวิ้นสั่นสะท้าน ในสมองก็วูบไปทีหนึ่ง

“จิ้นอ๋อง ครึ่งปีก่อนไท่ซ่างหวงเป็นคนอนุญาตให้ข้าเข้าจวนจิ้นอ๋อง” นางเงยหน้าขึ้น น้ำตาไหลพราก “หากท่านไม่เชื่อ ท่านสามารถลองถามท่านผู้อาวุโสได้”

จิ้นอ๋องขมวดคิ้ว

ไทเฮาแอบยิ้มในใจ “ข้าลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรนะ? นี่เป็นเรื่องจริง ตอนนั้นไท่ซ่างหวงเป็นลมในวิหารบรรพชน เสิ่นเซียงจวิ้นช่วยเขาไว้พอดี หลังจากไท่ซ่างหวงฟื้นก็บอกว่านางจิตใจบริสุทธิ์และดีงาม เป็นคนมีวาสนา จะยกนางให้เจ้าให้ได้”

เป็นเรื่องที่ไท่ซ่างหวงทำได้ลงจริงๆ

“หลังจากหม่อมฉันกลับไป ได้บอกเรื่องนี้กับท่านพ่อท่านแม่แล้ว แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่ามีแขกอยู่ในเหตุการณ์ จึงปล่อยให้พวกเขาได้ยินไปด้วย ปัจจุบันข่าวได้กระจายออกไปแล้วเพคะ” เสิ่นเซียงจวิ้นน้ำตาตกอีกรอบ “ถ้าหากท้ายที่สุดกลายเป็นเรื่องตลก เกรงว่าหม่อมฉันไม่มีหน้าออกจากบ้านแล้วเพคะ”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status