เมื่อสตรีเช่นข้าขโมยดวงจ้าวมังกร

เมื่อสตรีเช่นข้าขโมยดวงจ้าวมังกร

last updateLast Updated : 2024-11-18
By:  อิ่น เยว่  Updated just now
Language: Thai
goodnovel18goodnovel
Not enough ratings
28Chapters
188views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
Leave your review on App

อวี้เสวี่ยหนิง หญิงสาวผู้ที่ไม่ศรัทธาถึงเทพเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ จนกระทั่งโชคชะตาของนางต้องมาพบเจอกับหลงอวี่ มังกรหนุ่มผู้เย็นชาและไร้รัก เพราะนางดันไปขโมยดวงชะตาของเขาโดยไม่ตั้งใจ เรื่องราวโรแมนติกเหนือจินตนาการนี้ เต็มไปด้วยการต่อสู้เพื่อชะตาชีวิต ความรักที่ผสานความขัดแย้ง ความแค้น และความลึกซึ้งของตัวละครทั้งสอง จะพาผู้อ่านเข้าสู่โลกแห่งเทพเซียน มังกร และการสละทุกสิ่งเพื่อความรักที่ยืนยาวชั่วนิรันดร์

View More

Latest chapter

Free Preview

ลิขิตบนเส้นขนาน

มีตำนานเล่าขานสืบต่อกันว่าพื้นดินแต่ละทิศและมหาสมุทรแต่ละแห่งนั้นจะมีมังกรสถิตอยู่ ซึ่งมังกรแต่ละตัวนั้นจะมี “หินดวงชะตาแห่งชีวิต” ซึ่งเป็นดั่งขุมพลังและหัวใจแห่งชีวิตอมตะว่ากันว่าหินนี้ไม่เพียงเป็นแหล่งที่มาของพลัง แต่ยังเป็นดั่งหัวใจดวงที่สอง ซึ่งหากสูญเสียมันไปก็หมายถึงการสิ้นสุดของอำนาจและชีวิตอมตะของมังกรแต่ละตนสำหรับเหล่ามังกรแล้วการปกป้องหินดวงชะตานั้นเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง มังกรแต่ละตัวมักจะซ่อนหินนี้ไว้ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องอย่างแน่นหนา ไม่ให้ผู้ใดเข้าถึงได้ เพราะหากผู้ใดได้ครอบครองหินนี้ พวกเขาเหล่านั้นก็จะได้รับพลังอำนาจเกินมนุษย์ รวมถึงความสามารถในการควบคุมธาตุประจำตัวของมังกรนั้นๆ อีกด้วยณ กลางดินแดนทิศตะวันตกอันเงียบสงบ ชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางหมอกหนาที่ลอยคลุมป่า รูปร่างของเขาสง่างามดั่งเทพเซียน ผิวขาวดุจหยกเนื้อดีที่ตัดกับเสื้อคลุมสีฟ้าเข้มที่เขาสวม ใบหน้าคมคายดั่งรูปสลัก บริสุทธิ์ไร้ตำหนิ ริมฝีปากบางเม้มสนิทที่สามารถตรึงผู้ที่พบเห็นให้ต้องจ้องมองอย่างละสายตาไม่ได้เส้นผมยาวสีดำขลับ ดุจน้ำหมึกไหลผ่านบ่ากว้าง เสริมความงดงามที่ลึกลับ หากใครได้พบสบตา

Interesting books of the same period

Comments

No Comments
28 Chapters

ลิขิตบนเส้นขนาน

มีตำนานเล่าขานสืบต่อกันว่าพื้นดินแต่ละทิศและมหาสมุทรแต่ละแห่งนั้นจะมีมังกรสถิตอยู่ ซึ่งมังกรแต่ละตัวนั้นจะมี “หินดวงชะตาแห่งชีวิต” ซึ่งเป็นดั่งขุมพลังและหัวใจแห่งชีวิตอมตะว่ากันว่าหินนี้ไม่เพียงเป็นแหล่งที่มาของพลัง แต่ยังเป็นดั่งหัวใจดวงที่สอง ซึ่งหากสูญเสียมันไปก็หมายถึงการสิ้นสุดของอำนาจและชีวิตอมตะของมังกรแต่ละตนสำหรับเหล่ามังกรแล้วการปกป้องหินดวงชะตานั้นเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง มังกรแต่ละตัวมักจะซ่อนหินนี้ไว้ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องอย่างแน่นหนา ไม่ให้ผู้ใดเข้าถึงได้ เพราะหากผู้ใดได้ครอบครองหินนี้ พวกเขาเหล่านั้นก็จะได้รับพลังอำนาจเกินมนุษย์ รวมถึงความสามารถในการควบคุมธาตุประจำตัวของมังกรนั้นๆ อีกด้วยณ กลางดินแดนทิศตะวันตกอันเงียบสงบ ชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางหมอกหนาที่ลอยคลุมป่า รูปร่างของเขาสง่างามดั่งเทพเซียน ผิวขาวดุจหยกเนื้อดีที่ตัดกับเสื้อคลุมสีฟ้าเข้มที่เขาสวม ใบหน้าคมคายดั่งรูปสลัก บริสุทธิ์ไร้ตำหนิ ริมฝีปากบางเม้มสนิทที่สามารถตรึงผู้ที่พบเห็นให้ต้องจ้องมองอย่างละสายตาไม่ได้เส้นผมยาวสีดำขลับ ดุจน้ำหมึกไหลผ่านบ่ากว้าง เสริมความงดงามที่ลึกลับ หากใครได้พบสบตา
Read more

พลังทลาย

เสียงของหญิงสาวลอยเคว้งอยู่ในอากาศ นางสะบัดความคิดนั้นออกไปแล้วก้มลงมองปลาสีเงินสีทองที่กำลังขยับตัวไปมาในถังน้ำอย่างสงบนิ่ง ปลาสองตัวนี้ถูกเตรียมไว้เพื่อใช้ในพิธีบวงสรวงเทพวารี เป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีและความเจริญรุ่งเรืองของหมู่บ้าน เมื่อพิธีสิ้นสุด ปลาสองสีนี้จะถูกปล่อยลงแม่น้ำ เป็นการส่งสาส์นไปยังเทพวารีให้ช่วยคุ้มครองน้ำและความอุดมสมบูรณ์ในฤดูกาลข้างหน้าแต่ในใจของอวี้เสวี่ยหนิง นางหาได้เชื่อในอำนาจของเทพวารีที่ชาวบ้านกราบไหว้ไม่ ชีวิตที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดในฐานะบุตรสาวคนโตของเจ้าเมืองทำให้นางรู้สึกเบื่อหน่าย ยิ่งได้เห็นพิธีกรรมที่ซ้ำซากก็ยิ่งรู้สึกว่าตนถูกกักขังอยู่ในขนบประเพณี “กะอีแค่ปล่อยปลาลงน้ำ จะช่วยอะไรได้งั้นหรือ?” ความคิดเชิงเย้ยหยันแทรกเข้ามาในใจ ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะขยับเข้าใกล้ถังน้ำแล้วหยิบจับปลาสีเงินขึ้นมาพินิจพิจารณา ดวงตาสีอำพันเป็นประกายแฝงความซุกซนขณะมองดูปลาสีเงินที่ขยับไปมาบนฝ่ามือของนาง ขณะนั้นเอง เสียงที่นุ่มนวลของ “หลินจื่อเฟย” สหายสนิทที่คอยตามนางอยู่เสมอก็ดังขึ้น“อาหนิง เจ้าควรทำตามหลักพิธีบ้างอย่าดื้อให้มันมากนัก พิธีนี้สำคัญต่อชาวบ้านมากนะ” หลินจ
Read more

ท้าทาย 1/2

เมื่ออวี้เสวี่ยหนิงกลับมาถึงจวนของเจ้าเมือง ความเงียบสงบก็ถูกทำลายด้วยเสียงหัวเราะและคำพูดเย้ยหยันจาก “ฮูหยินอวี้” แม่เลี้ยงของนางและ “อวี้เถียนเถียน” ลูกสาวของฮูหยินอวี้หรือเป็นน้องสาวต่างมารดานั่นเอง ทั้งสองจงใจกล่าวคำกระทบกระเทียบหวังจะให้อวี้เสวี่ยหนิงรู้สึกต่ำต้อยกับเขาบ้าง แต่หญิงสาวเพียงมองกลับด้วยสายตาเฉยชา พลางยิ้มหยันในใจ "ไม่เคยเข็ดกันเลยนะคนพวกนี้" อวี้เสวี่ยหนิงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย คนพวกนี้ช่างจ้อไม่รู้จักหยุด มีหรือที่นางจะยอมปล่อยให้ถ้อยคำเหล่านั้นเข้ามากระทบจิตใจได้ง่ายเช่นนี้ฮูหยินอวี้เหลือบตามองลูกสาวอย่างรู้กัน ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเสแสร้งว่า “หนิงเอ๋อร์ เจ้าไปทำอะไรมาถึงได้มีสภาพเช่นนี้? มอมแมมเชียว ช่างไม่สมศักดิ์ศรีบุตรสาวของท่านเจ้าเมืองเลยสักนิด”อวี้เถียนเถียนรีบเสริมด้วยน้ำเสียงหยามเหยียด “ได้ยินมาว่าท่านทำพิธีพังพินาศไปหมด ข้าอยากรู้จริงว่าท่านพี่หญิงทำอันใด ข้าขอความกรุณาจากพี่ช่วยเล่าให้ฟังได้ไหม?”“แบบนี้ไงล่ะ!” อวี้เสวี่ยหนิงยกกาน้ำชาร้อนที่บ่าวกำลังนำเข้ามา และเทลงบนหัวของอวี้เถียนเถียนทันที“ร้อน! ท่านแม่! ช่วยด้วย พี่หญิงรังแกข้า!” อวี้เถ
Read more

ท้าทาย 2/2

เช้าวันหนึ่ง อวี้เสวี่ยหนิงจำใจเดินออกมาในตัวเมืองตามคำขอของบิดา ใจจริงนางไม่ได้อยากมา แต่เมื่อบิดาอ้อนวอนให้นางมาช่วยชาวบ้านที่กำลังเผชิญกับภัยแล้ง หวังให้เกิดความสมานฉันท์ระหว่างนางกับพวกเขา หญิงสาวจึงยอมทำตามอย่างไม่เต็มใจเมื่อมาถึงอวี้เสวี่ยหนิงก็พยายามเขาหาชาวบ้าน หวังว่าจะทำให้ชาวบ้านรู้สึกสบายใจขึ้นบ้างนางเดินเข้าไปถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกับผู้คน หวังจะช่วยแบ่งเบาภาระหรือหาทางออกให้พวกเขา แต่ทันทีที่ชาวบ้านเห็นหญิงสาวก็พลันพากันถอยหนี บางคนหลบสายตา บางคนเร่งเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว “อวี้เสวี่ยหนิง นางมาทำอะไรอีก?” ชาวบ้านต่างพากันจ้องมองนางด้วยสายตาหวาดระแวงราวกับนางเป็นปีศาจที่อาจทำลายสิ่งใดที่ขวางหน้าทันใดนั้นเอง นางก็เดินไปชนแผงขายผลไม้โดยไม่ตั้งใจ ทำให้ผลไม้หล่นกระจัดกระจาย แม่ค้าร้องออกมาอย่างตกใจ รีบก้มเก็บผลไม้ด้วยใบหน้าตื่นตระหนก "โอ๊ย! แม่นางอวี้! ขอร้องหล่ะอย่าเข้าใกล้ร้านของข้าอีกเลย พังสิ้นไปหมดแล้ว!"หลังคำพูดของแม่ค้าชาวบ้านที่ยืนอยู่รอบๆ ต่างขยับถอยห่างขึ้นไปอีก อวี้เสวี่ยหนิงคือตัวปัญหาที่ไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยว แม้จะเป็นบุตรสาวเจ้าเมือง แต่ชาวบ้านต่างปฏิบัติกับน
Read more

เขาหลงซาน

อวี้เสวี่ยหนิงยืนจัดข้าวของเตรียมพร้อมกับหันไปมองหลินจื่อเฟยที่ยืนอยู่ข้างกัน แต่ตอนนี้สหายของนางดูอึดอัดเล็กน้อย มองไปรอบๆ ราวกับกำลังหาทางเลี่ยงอย่างไรอย่างนั้น“อาเฟย ไปกับข้าเถอะ ข้าไม่อยากไปคนเดียว”หลินจื่อเฟยชะงักนิดหน่อย ก่อนจะสบตาและแสร้งถอนหายใจเสียงเบา “อาหนิง ข้าพึ่งนึกได้ว่าข้ายังต้องเตรียมของอีกหลายอย่างนะ… เสบียงหรืออุปกรณ์ก็ยังไม่ครบเลย”อวี้เสวี่ยหนิงแอบขำเล็กน้อย เพราะเห็นความกังวลที่ร่างบางพยายามซ่อนแต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็ซ่อนไม่มิด“เจ้ากลัวผีล่ะสิ หลินจื่อเฟย?” อวี้เสวี่ยหนิงยิ้มอย่างรู้ทัน หลินจื่อเฟยสะดุ้งเล็กน้อย รีบหัวเราะกลบเกลื่อน พลางกอดอกและทำหน้าครุ่นคิด “ใครว่าข้ากลัว ข้าก็แค่…ไม่ชอบอากาศหนาว ในป่าอากาศหนาวจะตายไป เจ้าไม่หนาวหรือสหาย”อวี้เสวี่ยหนิงส่ายหัว “ถ้าอย่างนั้นข้าจะล่งหน้าไปก่อน เจ้าเตรียมตัวเสร็จเมื่อไหร่ก็ตามข้ามาก็ได้”หลินจื่อเฟยยิ้มเจ้าเล่ห์ รู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องตามสหายไป “ได้เลย อาหนิง ไว้ข้าเตรียมตัวพร้อมเมื่อไหร่จะตามไป…” แต่ในใจนั้นนางกำลังแอบขอโทษขอโพย“ข้าน่ะกลัวผีจะตาย ข้าไม่ยอมเดินป่าเด็ดขาด นั่งเล่นหมากล้มกับชาวบ้านอยู่ที่นี่ยังจะส
Read more

พรากดวงชะตาแห่งมังกร

ท่ามกลางป่าทึบที่ปกคลุมด้วยหมอกเบาบาง ตรงหน้าของอวี้เสวี่ยหนิงคือศาลเจ้าสีขาวสว่าง ตกแต่งด้วยหยกเขียวอ่อนและเส้นขอบทองคำที่วิจิตรบรรจง ทุกมุมมองเปี่ยมด้วยความงามที่ดูแปลกตา ทว่าให้ความรู้สึกเงียบเหงาและลึกลับในเวลาเดียวกัน คล้ายกับสถานที่ที่ไม่ค่อยมีผู้ใดเข้ามาเยือนนานแล้ว บรรยากาศโดยรอบเย็นสงัด ลมที่พัดผ่านเบา ๆ ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความลึกลับของสถานที่แห่งนี้นางเดินเข้าไปในเขตของศาลเจ้า ทอดสายตามองรายละเอียด หยกเขียวที่ประดับตามเสาหินฉายแสงระยับท่ามกลางหมอก บางจุดยังมีเถาวัลย์เลื้อยประดับไว้ตามธรรมชาติ บ่งบอกว่าที่แห่งนี้ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนานอวี้เสวี่ยหนิงเดินสำรวจรอบศาลเจ้า ตะโกนเรียกหาผู้คน “มีใครอยู่ที่นี่ไหม?” เสียงที่สะท้อนกลับมามีเพียงความเงียบ นางถอนหายใจ พึมพำกับตัวเองเบา ๆ อย่างหงุดหงิด “บอกแล้วว่าพวกชาวบ้านเพ้อเจ้อ…”ขณะที่อวี้เสวี่ยหนิงกำลังจะหันหลังกลับ พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับแสงวาววับบางอย่าง มันส่องประกายออกมาจากฐานของรูปปั้นมังกรหินหยกที่ถูกแกะสลักอย่างงดงาม นางหยุดยืนมองด้วยความสงสัย ก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้ แสงสีน้ำเงินสดใสส่องออกมาจากช่องใต้ฐานรูปปั้นมังกรอวี้เสวี
Read more

หรือจะเป็นนาง

จู่ๆ หลงอวี่รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ ราวกับพลังบางอย่างที่ว่ายวนอยู่ในร่างกายกำลังแผ่วลงอย่างผิดธรรมชาติ ทันใดนั้น เขาสัมผัสได้ถึงกระแสความเยียบเย็นแทรกเข้ามาในร่างกาย คล้ายเตือนถึงเหตุร้ายที่กำลังก่อตัวขึ้น ความรู้สึกไม่สบายใจแผ่ไปทั่วจนเขาต้องขบกรามแน่นไห่เฟิงที่เพิ่งก้าวออกมาจากห้องด้านในหลังจากเสร็จกิจกับนางฟ้าน้อย แต่ทันทีที่เห็นสีหน้าของหลงอวี่ เขาก็หยุดชะงัก รอยยิ้มค่อยๆ เลือนหายไป"มีอะไรเกินขึ้นหรือ สหาย?" ไห่เฟิงถามพลางจ้องมองสหายสนิทอย่างผิดสังเกตหลงอวี่ส่ายหน้าช้าๆ "ไม่แน่ใจ... แต่ข้ารู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น ราวกับพลังของข้าถูกกรีดออกไปทีละนิด"หลงอวี่พยายามรวบรวมพลังเพื่อแปลงกายและเหาะขึ้นไป เขาขมวดคิ้ว พลางสังเกตได้ว่าพลังบางอย่างในร่างกายร่วงโรยลงทีละน้อยจนเขาไม่อาจขยับได้ตามใจนึก แล้วความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว“หินดวงชะตาของข้า…”ไห่เฟิงที่ยืนอยู่ข้างกันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขารู้ดีว่าหินดวงชะตามีความสำคัญขนาดไหน มันไม่ใช่ของที่จะหายไปง่ายดายเช่นนั้น ถ้าไม่มีดวงชะตาผูกกันจะไม่สามารถของเห็นมันหรือหยิบจับมันได้ สีหน้าของไห่เฟิงเต็มไปด้วยความกังวล
Read more

เป็นเจ้านี่เอง

หลังจากภัยแล้งอันยาวนาน ในที่สุดฝนก็โปรยปรายลงมา อวี้เสวี่ยหนิงกลับมาถึงเมืองไป๋หลินท่ามกลางความชุ่มฉ่ำของสายฝน ชายชราผู้เคยท้าทายนางให้ไปที่ศาลเจ้าหลงซานยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มชาวบ้าน ใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขาเปล่งเสียงดังออกมาอย่างตื่นเต้นจนดังไปทั่วหมู่บ้าน“เห็นหรือไม่ ข้าเคยบอกแล้วว่าศาลเจ้าหลงซานศักดิ์สิทธิ์เพียงใด นางไปขอพรแล้วฝนก็ตกจริงๆ อย่างที่พวกเจ้าทุกคนเห็น!”ชาวบ้านหันไปมองชายชรา บ้างก็พยักหน้ารับคำพูดอย่างเชื่อถือ บางคนแม้จะยังไม่แน่ใจ แต่เมื่อเห็นว่าฝนตกลงมาหลังจากการเดินทางของอวี้เสวี่ยหนิง ทุกคนก็เริ่มพูดคุยถึงความศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้า เสียงกระซิบเกี่ยวกับอำนาจลึกลับและการขอพรของอวี้เสวี่ยหนิงที่ศาลเจ้าหลงซานนั้นค่อยๆ แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน ผู้คนต่างหันมามองนางด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป บางคนเต็มไปด้วยความชื่นชม ขณะที่บางคนยังคงมีแววสงสัย ทว่าทุกคนต่างตระหนักว่านางอาจมีส่วนสำคัญที่ทำให้ฝนตกลงมาหลังจากช่วงเวลาแห่งความแห้งแล้งที่ยาวนานพวกเขาพากันนำถังและโอ่งออกมาเก็บน้ำฝนเพื่อตุนไว้ แต่ทว่าดินที่แห้งแตกจากความแห้งแล้งนั้นกลับทำให้น้ำซึมลงสู่พื้นดินอย่างรวดเร็ว แ
Read more

ความขัดแย้ง

ในห้องโถงที่มืดสลัว อวี้เสวี่ยหนิงกำลังยืนเผชิญหน้ากับอวี้เจียหรงบิดาของนางหลังจากที่กลับมาจากการช่วยชาวบ้านทำที่เก็บน้ำ โดยมีฮูหยินอวี้ผู้เป็นแม่เลี้ยงที่นางเกลียดชังนั่งอยู่ข้างกัน ใบหน้าของฮูหยินอวี้ฉายแววเยาะเย้ยขณะที่กำลังเสริมคำพูดของสามีนางอย่างจงใจ“ท่านพี่ ลูกสาวของเรายิ่งดื้อรั้นเช่นนี้ ข้าเกรงว่าชื่อเสียงของครอบครัวจะป่นปี้เสียก่อนที่นางจะหาคู่ได้พอดี ท่านพี่มีอะไรก็พูดกับนางตรงๆเถอะเจ้าค่ะ” คำพูดนั้นทำให้อวี้เสวี่ยหนิงรู้สึกร้อนรุ่มในอกยิ่งขึ้น“ข้าไม่ต้องการออกเรือน! ท่านพ่อไม่เข้าใจหรือ?” อวี้เสวี่ยหนิงตะโกนออกมาด้วยเสียงกร้าว ดวงตาของนางเป็นประกายแข็งกร้าวด้วยโทสะ ก่อนที่มือจะสะบัดปัดของตกแต่งบนโต๊ะให้ตกลงแตกกระจาย “เพล้ง!” เสียงแก้วแตกดังสะท้อนก้องทั่วห้อง อวี้เจียหรงผงะเล็กน้อย ขณะที่ฮูหยินแสร้งทำท่าตกใจ แต่ริมฝีปากของนางกลับเผยรอยยิ้มบางที่แฝงความพอใจ “หนิงเอ๋อร์!” อวี้เจียหรงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้ม หวังจะควบคุมสถานการณ์ แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ อวี้เสวี่ยหนิงก็ชี้หน้าฮูหยินอวี้ด้วยสายตาที่เดือดดาล“เป็นเจ้านี่เองนางโลมแพศยา ที่คอยยุแยงทุกอย่าง ทำให้ท่านพ่อตั
Read more

หัวใจเย็นชา

อวี้เสวี่ยหนิงวิ่งออกมาจากบ้านด้วยความหงุดหงิดจนถึงป่าที่เงียบสงบ นั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่พลางโยนก้อนหินเพื่ออารมณ์ที่กำลังปะทุอยู่ภายในอก หลังจากโยนก้อนหินเล่นไปหลายครั้ง จิตใจของนางเริ่มสงบลงบ้าง“แม่นางน้อย ใยเจ้ามานั่งโยนหินเล่นที่นี่ เจ้ามีสิ่งใดในใจหรือไม่?” เสียงทุ้มเยือกเย็นดังขึ้นจากที่ไม่ไกลนัก มันช่างเย็นชา แต่กลับมีเสน่ห์ที่ทำให้นางต้องหันไปมองอวี้เสวี่ยหนิงหันตามเสียงไป แทบหยุดหายใจ นักพรตหนุ่มผู้มีรูปลักษณ์งดงามดั่งเทพเซียนยืนอยู่ตรงหน้า เขามีใบหน้าคมคาย ผมยาวดำสีหมึกสนิทพลิ้วไหวตามลม และดวงตาสีอำพันที่จับจ้องมาที่นางราวกับจะอ่านใจ นางอดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นมนุษย์จริงหรือเป็นเทพเซียนที่แปลงกายมาดวงตาสีอำพันคู่นั้นทำให้อวี้เสวี่ยหนิงนั้นแทบลืมหายใจ สายตาที่เขาจ้องมองมาราวกับสามารถทะลุผ่านความรู้สึกที่ปกปิดอยู่ในใจของนางได้ ทุกอย่างรอบข้างดูเหมือนจะเงียบสงบลงชั่วขณะ และหัวใจของหญิงสาวก็เต้นผิดจังหวะโดยไม่ทันตั้งตัวแต่ความรู้สึกที่แฝงแววหลงใหลนั้นกลับถูกดับลงอย่างรวดเร็วด้วยความโมโหที่ยังคงก้องอยู่ในอก ความโกรธที่บิดาและแม่เลี้ยงพยายามจับนางแต่งงานยังไม่จางหาย อวี้เสวี่ยหนิงขบก
Read more
DMCA.com Protection Status