Share

บทที่ 7

Author: อันชิงซิน
last update Last Updated: 2024-10-29 11:49:10
ชิ่งหมัวมัวงงงวย

“ชิงเฟิง ให้คนส่งพวกนางไป บอกว่าเป็นเจตนารมณ์ของข้า”

“ขอรับ!”

ชิงหลิงกับชิงอินก็ตามเหตุการณ์ไม่ทันเช่นกัน แต่สิบปีมานี้พวกนางถูกปลูกฝังให้จงรักภักดีต่อจิ้นอ๋องมาโดยตลอด ต้องเชื่อฟังคำสั่งของจิ้นอ๋อง แม้งงงวยมาก แต่ก็ยังคำนับแล้วถอยออกไป เตรียมตัวไปจวนสกุลลู่

จิ้นอ๋องลงจากรถม้า สองมือไพร่หลัง แหงนมองอักษรจวนจิ้นอ๋องสามตัวบนป้ายประตูด้วยสายตาที่คลุมเครือ

พ่อบ้านกับชิ่งหมัวมัวมองขาของเขาอย่างอกสั่นขวัญแขวน

“ท่านอ๋อง ขาของท่านเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”

“เหมือนเดิม เดินช้าๆ ไม่กี่ก้าวไม่มีปัญหา” จิ้นอ๋องก้าวเข้าประตูใหญ่

เช่นนั้นก็แสดงว่าไม่ดีขึ้น?

พ่อบ้านกับชิงโมโม่สบตากันแวบหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ถอนหายใจเงียบๆ รีบเดินตามเข้าไป

ชิ่งหมัวมัวอดกลั้นอารมณ์ที่อยากเข้าไปประคองจิ้นอ๋อง และมองเขาอย่างปวดใจ นางเป็นคนเลี้ยงจิ้นอ๋องโตกับมือ นางปวดใจที่สุด

“ท่านอ๋อง ชิงหลิงกับชิงอินรู้ความเชื่อฟัง ขยันรู้จักหน้าที่ของตัวเอง บ่าวกำลังคิดท่านยังไม่แต่งงาน อย่างไรก็ต้องมีคนดูแล เหตุใดจึงส่งพวกเขาออกไปแล้ว? คุณหนูรองจวนสกุลลู่มีอะไรไม่เหมาะสมอย่างนั้นหรือ?”

ชิ่งหมัวมัวเข้าใจว่าคุณหนูรองลู่มีบางอย่างผิดปกติ จิ้นอ๋องจะสั่งให้ชิงหลิงกับชิงอินไปจับตาดูนาง และไม่กล้าคิดในแง่อื่นเลย

เพียงแต่งานเช่นนี้ ส่งคนอื่นไปก็ได้ ชิงหลิงกับชิงอินถูกปลูกฝังและอบรมเพื่อท่านอ๋องโดยเฉพาะ นางยังคาดหวังว่าเด็กรับใช้ทั้งสองคนจะสามารถกลายเป็นสตรีของท่านอ๋องอยู่เลย

ในสมองของจิ้นอ๋องมีภาพของลู่เจาหลิงผุดขึ้น

มีอะไรไม่เหมาะสม? แม่นางคนนั้นไม่มีอะไรที่ปกติเลย

“คุณหนูรองลู่…เป็นคู่หมั้นของข้า” เขากล่าว

“ท่านอ๋องว่าอย่างไรนะเจ้าคะ? แค่กๆ ๆ!” ชิ่งหมัวมัวตกใจจนสำลักฉับพลัน

“คู่หมั้น?!” เสียงพ่อบ้านเหมือนเป็ดแก่ที่ถูกบีบคอ อุทานกะทันหันเช่นกัน

ท่านอ๋องมีคู่หมั้นตั้งแต่เมื่อไร? เหตุใดพวกเขาไม่รู้?

“อืม เพิ่งหมั้นกันตอนอยู่ระหว่างทางเมื่อครู่”

จิ้นอ๋องนึกถึงเหตุการณ์ที่เจอเมื่อครู่ มุมปากเผยอขึ้นอย่างน่าประหลาด เขาก้มมองปกเสื้อของตัวเอง นึกถึงภาพที่ลู่เจาหลิงเอื้อมมือมากระชากเสื้อของเขาจนเปิดอย่างเด็ดขาดก่อนหน้านี้ ลูกกระเดือกเลื่อนขึ้นลง

พ่อบ้านกับชิ่งหมัวมัวเบิกตาอ้าปากค้าง

ชิ่งหมัวมัวถึงขั้นจะหัวใจวายแล้ว ความตื่นเต้นนี้ มากะทันหันเกินไป รับไม่ค่อยไหว!

“ท่านอ๋อง ท่านบอกว่าในเมืองหลวงมีแต่สตรีธรรมดา น่าเบื่อไม่ใช่หรือ?” พ่อบ้านแทบจะพูดติดอ่างอยู่แล้ว

หลายปีนี้ไทเฮาไม่เคยยอมแพ้เลย นางอยากประทานงานแต่งให้ท่านอ๋องหลายครั้ง แนะนำหนึ่งคนก็ถูกท่านอ๋องปฏิเสธหนึ่งคน ตอนนี้ท่านอ๋องอายุยี่สิบปีแล้ว ปัจจุบันผู้ที่จะเป็นพระชายาจิ้นอ๋องยังริบหรี่มาก ทว่าจู่ๆ มีคู่หมั้นคนหนึ่งโผล่ออกมา?

สวรรค์ นี่ใครจะเชื่อ!

“อืม เจอคนที่ไม่ธรรมดานักคนหนึ่งแล้ว” จิ้นอ๋องนั่งลง

“คนคนนั้นก็คือคุณรองสกุลลู่?” ตาของชิ่งหมัวมัวลุกวาวเป็นประกาย “ท่านอ๋องชอบนางหรือ?”

นิ้วมือจิ้นอ๋องเคาะบนโต๊ะเบาๆ เขาส่ายศีรษะ

“นางชอบข้าต่างหาก และเป็นฝ่ายขอแต่งงานเองด้วย” เขากล่าว

กระทั่งหมดสติยังล้มใส่อ้อมแขนเขาเลย

ลู่เจาหลิง ‘เสียชื่อหมด’

ชิ่งหมัวมัวกุมหัวใจที่เต้นรัว “บุตรสาวของจวนใต้เท้าลู่ลู่หมิงหรือ? บ่าวเคยเห็นคุณหนูทั้งสามของเขา หน้าตาก็ธรรมดานี่นา”

ท่านอ๋อง ท่านคงจะไม่ได้ชอบอะไรแปลกๆ กระมัง?

อีกทั้งนอกจากคุณหนูใหญ่ อีกสองคน คนหนึ่งเป็นลูกคนรอง อีกคนเป็นลูกอนุภรรยา ลูกอนุภรรยาของใต้เท้าลู่อยากเป็นพระชายาจิ้นอ๋อง? สถานะต่างกันเกินไปกระมัง!

“เล่ากันว่าคนที่เป็นลูกคนรอง คุณหนูรอง”

“แม่นางคนนั้น คำพูดและกิริยาเหมือนลูกอนุภรรยา ดูตระหนี่ถี่เหนียวมาก ท่านอ๋อง…” ชิ่งหมัวมัวจะร้องไห้แล้ว “ท่านจะลองพิจารณาอีกหน่อยหรือไม่?”

จิ้นอ๋องหัวเราะเบาๆ

“หมัวมัวนางคือคุณหนูรองที่เพิ่งกลับเมืองหลวงจากบ้านนอก ท่านน่าจะไม่เคยเจอ”

“ถูกเลี้ยงดูที่บ้านนอก?” ชิ่งหมัวมัวโล่งอกก่อน แต่หลังจากนั้นก็เริ่มร้อนใจ ใต้เท้าลู่ยังมีลูกอีกคนที่เลี้ยงไว้บ้านนอก?

“เรื่องนี้มอบให้ท่านไปจัดการ ข้าพักผ่อนสักครู่ก็จะเข้าวัง ขอให้ฮ่องเต้ประทานงานแต่ง” จิ้นอ๋องกล่างพลางใช้มือลูบหน้าอก

ตรงนั้น เคยถูกมือข้างหนึ่งที่เย็นเฉียบสัมผัส

แม่นางที่บอกว่าสามารถช่วยชีวิตเขา…

เริ่มสนุกแล้ว

“ท่านอ๋อง ท่านหมอฝู่มาแล้ว”

จิ้นอ๋องมองไปทางหมอฝู่ที่เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ

“ข้อน้อยคำนับท่านอ๋อง!”

หมอฝู่ที่ค่อนข้างฉุนเฉียวและค่อนข้างหยิ่งผยองตอนอยู่ต่อหน้าคนสกุลลู่ หลังจากเห็นจิ้นอ๋อง น้ำตาคนแก่ก็แทบไหลพรากเช่นกัน

เขาคิดว่าชาตินี้จะรอไม่ถึงวันที่จิ้นอ๋องกลับจวนเสียแล้ว คิดไม่ถึง เขาไม่เพียงรอจนถึงวันนี้และไม่ตายแล้วด้วย!

“หมอฝู่ ไม่เจอกันหลายปี ท่านสบายดีหรือไม่?”

“เรียนท่านอ๋อง เดิมทีข้าแย่แล้ว แต่ตอนนี้ค่อยยังชั่วแล้วขอรับ!” หมอฝู่กล่าวอย่างตื่นเต้น

พลันจิ้นอ๋องอึ้ง “หืม?”

หมอฝู่เดินเข้ามาใกล้ๆ พ่อบ้านกับชิ่งหมัวมัวต่างก็มีวิสัยทัศน์ ทั้งสองถอยออกไปพร้อมกัน

ในห้องไม่มีคนอื่นแล้ว สีหน้าหมอฝู่เคร่งขรึมฉับพลัน

“ท่านอ๋อง ท่านรู้ความพิเศษของคุณหนูลู่จึงให้ข้าไปรักษานางใช่หรือไม่?” เขาว่าแล้ว จิ้นอ๋องในวัยเด็กเย็นชาจะตาย เขาจะใจดีเช่นนี้ได้อย่างไร?

“ความพิเศษ?” จิ้นอ๋องมองเขา

หรือว่า หมอฝู่ก็ต้องการความช่วยเหลือจากนาง?

“นั่นไม่ใช่แค่พิเศษแล้ว ต้องเรียกว่าลี้ลับ! ตลอดทางที่ข้ากลับมายังงงงวยอยู่เลย”

หมอฝู่เล่าเรื่องราวอย่างละเอียด เอื้อมมือไปกดหน้าผากตัวเอง

“ถ้าหากเป็นคนอื่น อย่างไรข้าก็ไม่มีทางเชื่อ แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวข้า ข้ารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหัวกับร่างกายผ่อนคลายลงเยอะมากจริงๆ และไม่รู้สึกปวดหัวแม้แต่นิดเดียวแล้ว!”

จิ้นอ๋องมองเขาด้วยแววตาที่มืดเล็กน้อย

หนวดสีขาวของหมอฝู่ถึงกับสั่นเพราะความตื่นเต้น

“เดิมทีในช่วงสองวันนี้ ข้าเข้าธรณีประตูยังค่อนข้างเหนื่อยเลย แต่ท่านอ๋องเดาดูว่าเกิดอะไรขึ้น? เมื่อครู่ตอนเข้าประตูใหญ่จวนอ๋อง ข้าแทบกระโดดเข้ามาด้วยซ้ำ!”

แขนขาแก่ๆ นี่ มันเบาลงอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้เขาไม่สามารถมองข้าม

ระหว่างทางที่กลับมา เขานึกถึงสิ่งที่ลู่เจาหลิงทำหลายรอบ พูดได้คำเดียวว่าลี้ลับ

“เรื่องนี้เก็บไว้เป็นความลับก่อนชั่วคราว” จิ้นอ๋องกล่าวเสียงเบา

ตอนนี้ความอยากรู้อยากเห็นที่เขามีต่อลู่เจาหลิงเพิ่มขึ้นหลายส่วน

“เข้าใจแล้ว แต่ว่าท่านอ๋อง ต้องบอกเอาไว้ก่อน คุณหนูลู่ถือว่าได้ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ต่อไปข้าต้องปกป้องนาง”

จิ้นอ๋องมองสีหน้าที่ให้ท้ายอย่างเห็นได้ชัดของหมอฝู่ อดไม่ได้ที่จะขำเงียบๆ

“แม่นางนั่นก็นับว่าเก่ง กลับเมืองหลวงไม่ถึงหนึ่งวัน ก็หาที่พึ่งให้ตัวเองสองคนแล้ว”

แม้แต่ตาเฒ่าหมอฝู่ที่นิสัยไม่ดีนัก ตอนนี้ก็ยังทำหน้า ‘ใครกล้ารังแกนาง เขาก็สู้ตายกับคนนั้น’

ยอดเยี่ยมจริงๆ

หมอฝู่ตั้งใจพูดเรื่องนี้กับเขาโดยเฉพาะ และเป็นการบอกเป็นนัยว่า ให้เขาอย่ารังแกแม่นางคนนั้นกระมัง?

จากนั้นหมอฝู่ก็พูดถึงสกุลลู่

“ครอบครัวลู่หมิงทิ้งให้แม่นางลู่อยู่บ้านนอกโดยไม่ถามไม่สนใจสิบปี รับนางกลับเมืองหลวงครั้งนี้ ท่าทีที่ปฏิบัติต่อนางก็แย่มาก และยังให้นางไปอยู่ในห้องที่ผุพัง!”

“ห้องที่ผุพัง?”

หมอฝู่เล่าความชั่วของคนสกุลลู่อย่างจริงจังทันที

ไม่มีใครรู้ดีกว่าเขาแล้ว ผู้ชายตรงหน้าคนนี้เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นเพียงใด ครอบครัวลู่หมิงล่วงเกินเขา วันข้างหน้าไม่ได้อยู่อย่างเป็นสุขแน่นอน!

“แต่คุณหนูลู่ก็ฉลาดจริงๆ ทั้งที่ยังอ่อนแออยู่ก็รู้จักยืมแรงของข้า ให้พวกเขาเปลี่ยนห้องให้ เพียงแต่อาการของนางสาหัส ข้างกายไม่มีคนที่ใส่ใจสักคนคอยปรนนิบัติคงไม่ได้”

เขาไม่ได้พูดเรื่องที่บาดแผลนั่นถึงตายเลยเลยทีเดียว
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Jaruayporn Kliengkhaw
บทน่าอ่านซะมาก
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 8

    จิ้นอ๋องหัวเราะเบาๆ“ดูเหมือนหมอฝู่จะประทับใจในตัวนางมาก ตั้งแต่มาถึงก็ชมนางหลายครั้งแล้ว”“ข้าก็แค่พูดไปตามความจริง” หมอฝู่กล่าวลู่เจาหลิงก็ฉลาดจริงๆ นั้นแหละ“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง ข้าได้ส่งเด็กรับใช้ไปให้นางสองคนแล้ว ชิ่งหมัวมัวอบรมด้วยตัวเอง น่าจะละเอียดรอบคอบ”“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี”หมอฝู่โล่งอกอย่างที่คิด แต่แล้วก็นึกถึงอะไรบางอย่าง อดไม่ได้ที่จะมองจิ้นอ๋องอย่างคาดคะเน แววตาสั่นไหว“ท่านอ๋องกับคุณหนูลู่รู้จักกันได้อย่างไร? ท่านดูดีกับนางเป็นพิเศษเลยนะ”“นางบอกว่าสามารถช่วยข้า”คำพูดประโยคเดียวของจิ้นอ๋อง ปัดความคิดที่จะจุ้นเรื่องชาวบ้านของหมอฝู่ทิ้งไปในพริบตาสีหน้าเขาเคร่งขรึมขึ้นมาทันที“คุณหนูรู้อาการของร่างกายท่านได้อย่างไร?” ขณะกล่าว เขายังได้มองไปที่หน้าอกของจิ้นอ๋องเขาเห็นความแปลกประหลาดที่หน้าอกจิ้นอ๋องตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน แต่เขาก็หมดหนทาง ดังนั้นจิ้นอ๋องจึงตามหาหมอมีชื่อเสียงและผู้วิเศษมาโดยตลอด“นางบอกว่านางมองออก หมอฝู่เชื่อหรือไม่?”หมอฝู่นึกถึงเหตุการณ์ที่ลู่เจาหลิงช่วยเขาเมื่อครู่ สีหน้ายิ่งเคร่งขรึมแล้ว“ข้าไม่เชื่อไม่ได้”แต่ก็ชะงักไปครู่หน

    Last Updated : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 9

    ฮ่องเต้องค์ใดไม่ถือสาเมื่อมีคนว่าตัวเองแก่?ผู้ครอบครองแผ่นดิน กุมอำนาจสูงสุด สิ่งที่ต้องการมากกว่านั้นคือรักษาความอ่อนเยาว์และแข็งแรง อายุยืนร้อยปีฮ่องเต้เป็นรัชทายาทจนถึงอายุเกือบสี่สิบปี ไท่ซ่างหวงไม่สิ้นพระชนม์เสียที ไม่ง่ายเลยที่กว่าจะทรงประชวรจึงให้เขาขึ้นครองราชย์ จนถึงตอนนี้ก็เพิ่งจะผ่านไปสองปีเพิ่งครองราชย์ปีที่สอง ก็ได้ยินจิ้นอ๋องบอกว่าหน้าเขามีริ้วรอย ช่างเป็นการฆ่าคนด้วยคำพูดจริงๆดังนั้นเขาจึงไม่ชอบหน้าพระอนุชาคนเล็กคนนี้แล้ว ยิ่งโตยิ่งน่ารังเกียจ“ข้าอายุมากกว่าอาเยว่ยี่สิบปี ย่อมเป็นผู้ใหญ่กว่าเจ้าอยู่แล้ว” ฮ่องเต้ปลอบใจตัวเองพระสนมของเขาต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเขายังหนุ่ม ดูแล้วเหมือนอายุสามสิบต้นๆ อีกทั้งเขาอยู่บนพระแท่นบรรทมยังน่าเกรงขามมาก ฮึ่ม หากแต่ไม่คาดคิดว่าเจอกันก็ถูกจิ้นอ๋องทำร้ายจิตใจ เขาต้องอดกลั้นให้ได้“อืม เสด็จพี่ใกล้ห้าสิบแล้ว” จิ้นอ๋องกล่าวต่ออย่างเป็นธรรมชาติฮ่องเต้เกือบจะร้องไห้แล้ว“อาเยว่ รีบเข้ามา ลองเล่าให้ข้าฟังหน่อยว่าหลายปีนี้เจ้าไปไหน เจอเรื่องสนุกอะไรบ้าง ข้ามีงานติดตัวทั้งวัน แทบไม่ได้ออกจากวังหลวงแห่งนี้เลย คิดแล้วก็อิจฉาเจ

    Last Updated : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 10

    ฮ่องเต้หรี่ตามองเสิ่นเซียงจวิ้นแม้หลายปีมานี้ เขาเคยชินกับการขัดเจตนารมณ์ของจิ้นอ๋องทุกเรื่อง ขอแค่เป็นเรื่องที่จิ้นอ๋องไม่อยากทำหรือรู้สึกต่อต้าน เขาก็จะทำสิ่งที่ตรงกันข้าม แต่เห็นคุณหนูของอัครเสนาบดีเสิ่นอยากแต่งงานกับจิ้นอ๋องเช่นนี้ เขาก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อยอัครเสนาบดีเสิ่นจงรักภักดีต่อเขามาโดยตลอดตามหลักแล้ว ควรยกเสิ่นเซียงจวิ้นให้รัชทายาทหรือองค์ชายคนอื่น เช่นนี้ความสัมพันธ์จักรพรรดิกับขุนนางของพวกเขาจึงจะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นแต่อัครเสนาบดีเสิ่นกลับไม่ได้ปฏิเสธเรื่องที่ลูกสาวขอแต่งงานกับจิ้นอ๋อง? สิ่งนี้ส่งผลดีต่ออัครเสนาบดีเสิ่นอย่างไร?หรือว่าหลายปีนี้เขาแสร้งเป็นเสด็จพี่ที่แสนดีมาโดยตลอด ทำให้เสนาบดีเสิ่นเข้าใจผิด คิดว่าความสัมพันธ์พี่น้องระหว่างเขากับจิ้นอ๋องลึกซึ้งเสิ่นเซียงจวิ้นเป็นถึงสตรีผู้มากความสามารถที่มีชื่อเสียงของเมืองหลวง“ไม่มีหน้าออกจากบ้าน เจ้าสามารถปิดประตูไม่ออกมาได้” จิ้นอ๋องกล่าวด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ซี๊ดใจดำจริงๆเสิ่นเซียงจวิ้นตกใจจนลืมร้องไห้“ท่านอ๋อง?”ไทเฮาอดไม่ได้ที่จะถาม “จิ้นอ๋องอยากแต่งงานกับแม่นางบ้านใด? หรือว่าหลายปีนี้ได้พบกับหญิงงาม

    Last Updated : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 11

    สะเดาะเคราะห์?พระทัยของฮ่องเต้เต้นแรง เป็นเช่นนั้นไม่ได้ พระองค์ทรงไม่ต้องการให้ไท่ช่างหวงมีชีวิตอยู่จะเป็นอย่างไรถ้าสะเดาะเคราะห์จนสามารถต่อพระชนมพรรษาได้จริงๆ?ฮ่องเต้ตวาดทันที “ไร้สาระ! เจ้าที่เป็นถึงบุตรธิดาคนโตของอัครเสนาบดี สะเดาะเคราะห์อะไรกัน?”ไท่เฮาอดไม่ได้ที่จะทอดพระเนตรพระองค์ไม่สิ ฮ่องเต้จะทรงคัดค้านอย่างแข็งขันทำไมกัน?“ไสหัวไปให้พ้น!”จิ้นอ๋องระงับความโกรธของเขา ไท่ซ่างหวงประชวรหนักเยี่ยงนี้ คนเหล่านี้ยังกล้ามาพูดพล่อยๆ ที่นี่อีก!“อาเยว่ นาง... นาง...” ไท่ช่างหวงยื่นพระหัตถ์ที่สั่นเทาของพระองค์ออก ชี้ไปที่เสิ่นเซียงจวิ้นด้วยความยากลำบาก “สวรรค์บันดาล...”เพียงครึ่งประโยคดังกล่าว กลับทำให้เสิ่นเซียงจวิ้นเบิกบานใจ ไท่ช่างหวงคือมีพระประสงค์ให้จิ้นอ๋องแต่งงานกับนาง!“ไท่ซ่างหวงจะทรงมีพระชนมายุยืนยาวอย่างแน่นอนเพคะ”เสิ่นเซียงจวิ้นรู้ว่าในเวลานี้ยิ่งตัวนางสงบนิ่งไม่หวั่นไหวมากเพียงใด จิ้นอ๋องมีความกตัญญูต่อไท่ช่างหวง ขอเพียงเป็นพระดำรัสของไท่ซ่างหวง เขาจะต้องเชื่อฟังอย่างแน่นอนนางวางมือบนขอบเตียงด้วยความศรัทธาอย่างยิ่ง ก้มศีรษะลงคำนับบนหลังมือในขณะนี้ นางหว

    Last Updated : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 12

    ในตำหนักหนิงโซ่วหมอหลวงทุกคนคุกเข่าก้มศีรษะลงกับพื้นด้วยความสั่นเทา“ฝ่าบาท จิ้นอ๋อง ไท่ซ่างหวง...”"สิ้นพระชนม์แล้วพ่ะย่ะค่ะ"“พวกกระหม่อมไร้ความสามารถ!”บนเตียง พระหัตถ์ของไท่ซ่างหวงค่อยๆ วางลงเสิ่นเซียงจวิ้นก็คุกเข่าลงบนพื้นโดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเสียใจ เสียใจที่เข้ามาเกี่ยวพันในเวลานี้ใครจะรู้ว่าไท่ซ่างหวงจะสิ้นพระชนม์ในเวลานี้? นางคิดว่าอย่างน้อยพระองค์ยังสามารถประคับประคองได้อีกสักพัก!ไทเฮาทรงกันแสงอนาคตพระนางคงต้องเรียกแทนตัวเองว่าอัยเจีย[1]แล้ว?ฮ่องเต้ทรงปิดพระเนตรแน่น น้ำพระเนตรหยดหนึ่งก็ไหลลงมาจากหางพระเนตร“ข้า...ไม่มีเสด็จพ่อแล้ว”พระองค์ทรงยกชายเสื้อคลุมขึ้นแล้วคุกเข่าลงเสียงร้องไห้แผ่กังวาน ผู้คนในทั้งตำหนักหนิงโซ่วต่างคุกเข่าลงร่ำไห้จิ้นอ๋องมองไปที่ไท่ซ่างหวงที่ไร้ชีพอยู่บนเตียง รู้สึกเจ็บปวดทรมานยิ่งที่หัวเข่า กระดูกปวดจนชาขึ้นมาในเวลานี้เขาไม่สามารถยืนได้เลย“เสด็จพ่อ…” เสียงของจิ้นอ๋องเบามากไท่ซ่างหวงสิ้นพระชนม์ทั้งพระราชวังเริ่มแขวนด้วยผ้าสีขาวและโคมไฟสีขาวภายใต้พระราชโองการ ราชวงศ์ต้าโจวถูกสั่งห้ามจัดงานรื่นเริงห้ามง

    Last Updated : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 13

    เดิมลู่เจาหลิงที่หลับไปเป็นครึ่งค่อนวันถึงฟื้นกำลังขึ้นมาเล็กน้อย แต่คราวนี้ก็ใช้จนหมด ทั้งยังเสียสมดุลไม่น้อยตอนนี้นางรู้สึกว่ามือของนางกำลังสั่นจิ้นอ๋องกลับรู้สึกว่าตัวเองเริ่มดีขึ้นแล้วเขาส่งสัญญาณให้ชิงเฟิงถอยไป เอื้อมมือไปจับมือของลู่เจาหลิง เมื่อเขาก้มมองลงดู ก็ตระหนักว่าคอเสื้อของเขาถูกเปิดออกอีกครั้ง“เจ้ากับข้าพบกันมาแล้วสองครั้ง เจ้าก็เปลื้องเสื้อข้าทั้งสองครั้ง” เขากล่าวลู่เจาหลิงหัวเราะ “ท่านคิดว่าข้าเต็มใจหรือ? ยังไม่ช่วยพยุงข้าลุกขึ้นอีก?”ชิงเฟิงถอยห่างไปสองก้าว ก้มศีรษะลงเฝ้าอารักขาแต่คุณหนูลู่พูดจาหยาบคายกับท่านอ๋องเสียจริงจิ้นอ๋องพยุงนางลุกขึ้น ขณะที่เขากำลังจะปล่อยมือ ขาของลู่เจาหลิงก็อ่อนแรง เกือบจะล้มลงอีกครั้ง เขาก็รีบเอื้อมมือไปโอบเอวของนางไว้เมื่อโอบนางเช่นนี้ ก็รู้สึกได้ถึงร่างกายของนางที่สั่นเทานี่เป็นสัญญาณของการหมดเรี่ยวแรงเขาเม้มริมฝีปาก เข้าใจว่านางต้องใช้พละกำลังอย่างมากเพื่อช่วยเขาแต่ว่า...จิ้นอ๋องมองไปที่ไท่ซ่างหวงบนเตียงทันทีในเมื่อเขายังไม่ตาย เป็นไปได้ไหมที่สามารถช่วยไท่ซ่างหวงฟื้นคืนมาได้?“เจ้าก็สามารถช่วยไท่ซ่างหวงได้ใช่

    Last Updated : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 14

    นี่มันหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างยิ่ง!ไท่ซ่างหวงเพิ่งสิ้นพระชนม์ ศพยังมิคลายอุ่นเลย ทั้งยังนอนอยู่บนเตียงและจิ้นอ๋องกลับโอบกอดหญิงสาวอย่างสนิทสนมตรงหน้าเตียง!นี่มันกตัญญูเกินไปเสียจริง!แม้แต่ฮ่องเต้ที่ทรงพระราชปณิธานให้ไท่ซ่างหวงเข้าสู่แดนสุขาวดีโดยเร็ววัน ตอนนี้รู้สึกว่ามันไม่คุ้มสำหรับไท่ซ่างหวงเสด็จพ่อ นี่ก็คือโอรสน้อยที่ท่านทรงโปรด! ท่านรีบลืมตามาดูว่าเขากตัญญูแค่ไหน!ฮ่องเต้เสด็จไปออกพระราชโองการ จัดการเสร็จกับงานที่ต้องทำ พระองค์ก็เสด็จไปดูไท่เฮาที่สลบไป จากนั้นทรงคิดว่าควรเสด็จมาดูไท่ซ่างหวงอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าได้ทรงเห็นฉากตรงหน้านี้“โจวสือเยว่ เจ้าไม่กลัวว่าเสด็จพ่อจะตามไปพบเจ้าในกลางดึกหรือไง!”ฮ่องเต้ยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เมื่อเห็นว่าจิ้นอ๋องยังคงโอบหญิงสาวไว้ไม่ปล่อยมือ“เจ้าปล่อยนางลง ให้ข้าดูสิว่าเป็นหญิงผู้ใดที่ไร้ยางอาย กล้าที่จะถวายตัวมาโอบกอดเจ้าในเวลาและสถานที่เช่นนี้!”ความคิดแรกของฮ่องเต้คือ คนผู้นี้คือคนในวังหลังอีกทั้งเป็นฝ่ายริเริ่มที่จะอิงแอบแนบชิดซบอยู่ในอ้อมอกของจิ้นอ๋องท้ายที่สุดเท่าที่พระองค์รู้ จิ้นอ๋องมีนิสัยรักสันโดษมาตั้งแต่วัยเยาว์ ยิ่

    Last Updated : 2024-10-29
  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 15

    จิ้นอ๋องเลิกคิ้ว“ข้าไม่ชอบเสิ่นเซียงจวิ้น แต่เสด็จพ่อคิดว่านางเป็นคนดี แต่งนางเข้าจวนอ๋องมาก็ใช่ว่าจะมิได้?”“อย่างนั้นจะใช้ได้ที่ไหนเล่า?” ฮ่องเต้เกลี้ยกล่อมไม่ยอมหยุดด้วยเจตนาดี วางตัวเหมือนเป็นพี่ชายที่แสนดี “ข้าก็หวังว่าเจ้าจะแต่งงานกับสตรีที่เจ้าชอบด้วย”“แต่ข้าไม่มีสตรีที่ข้าชอบ แต่งกับใครก็เหมือนกันมิใช่หรือ” จิ้นอ๋องพูดอีกครั้งพระทัยของฮ่องเต้เต้นผิดจังหวะเพราะจิ้นอ๋องได้ยินคำพูดสุดท้ายของไท่ซ่างหวงก่อนที่จะเสียชีวิต จึงตัดสินใจแน่วแน่ที่จะแต่งงานกับเสิ่นเซียงจวิ้นงั้นหรือ?ยิ่งเขาอยากแต่งงานมากเท่าไร ฮ่องเต้ก็ยิ่งสงสัยว่ามีลับลมคมใน ยิ่งไม่ทรงเห็นด้วยมากขึ้นเท่านั้น“ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ใช่เคยมาขอประทานงานสมรสหรอกรึ? นั่นไม่มีหญิงที่เจ้าชอบแล้วรึ?”“เป็นสาวน้อยที่ข้าต้องใจระหว่างทาง นางมาจากชนบท ดูแปลกใหม่ดี เดิมทีข้าคิดว่าเสด็จพ่อพระวรกายไม่สู้ดี ข้าจึงอยากจะแต่งชายาสักคน เพื่อให้ท่านมีความสุข มิใช่ว่าจะชอบนาง”จิ้นอ๋องดูเหน็บแนมเล็กน้อย ราวกับว่าเขาล้อเลียนฮ่องเต้ที่คิดว่าเขาหลงรักหญิงสาวแบบใดน้ำเสียงของเขาเมื่อพูดถึงหญิงผู้นั้นไม่ได้จริงจัง ฟังดูแค่ทำเป็นเล่นแ

    Last Updated : 2024-10-29

Latest chapter

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 100

    ลู่เจาอวิ๋นถูกพวกนางเยาะเย้ยจนหน้าแดง เบ้าตาก็เริ่มแดงแล้วฐานะของคนเหล่านี้ล้วนสูงกว่านาง และดูถูกนางมาโดยตลอด ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางเอาอกเอาใจท่านหญิงฉางหนิงกับเหอเหลียนซิน พวกนางล้วนไม่พอใจนางทั้งๆ ที่นางงดงามกว่าพวกนาง ความสามารถก็เหนือกว่าพวกนาง ชื่อเสียงก็ดีกว่าพวกนาง พวกนางกลับไม่ยอมดีกับนางล้วนเป็นผู้หญิงขึ้ริษยา!แต่ลู่เจาอวิ๋นก็ตีหน้าเศร้าเก่งต่อหน้าคนนอกนางสูดจมูกดังฟืด การแสดงออกบนใบหน้าทั้งน้อยใจและรู้สึกผิด โค้งคำนับพวกนางทีหนึ่ง“เจาอวิ๋นขออภัยทุกท่าน ณ ที่นี้ เพราะน้องหญิงคนนี้ของข้าเพิ่งกลับจากบ้านนอกจริงๆ ท่านพ่อท่านแม่อยากให้นางได้พบกับคุณหนูทุกท่านด้วยความรักและความตั้งใจ เพื่อที่นางจะได้เรียนรู้เรื่องมารยาทและทางโลกบ้าง ข้าจึงพานางมาด้วย”“แต่ข้าก็กลัวดูแลไม่ทั่วถึง จนปล่อยนางไปล่วงเกินทุกท่าน ดังนั้นจึงพาเจาหัวมาด้วยอีกคน ข้าคิดไม่ถึงว่านิสัยของนางจะเถื่อนเช่นนี้ กลับไปข้าจะรายงานท่านพ่อท่านแม่ ให้ท่านพ่อท่านแม่สั่งสอนให้ดีแน่นอน เจาอวิ๋นขอโทษทุกท่านอีกครั้ง”นางลดตัวเช่นนี้ และยังพูดได้ค่อนข้างจริงใจ ประกอบกับไม่ได้ล่วงเกินพวกนาง ต่อไปยังไม่รู้ว่าเหอเหลี

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 99

    เหอเหลียนซินเคยเจอสตรีที่ใจกล้าเช่นนี้และยังอวดดีกว่านางเสียเมื่อไร?ในสมองนางเต็มไปด้วยคำพูดเมื่อครู่ของนางนางถูกฮ่องเต้รับแล้วสกุลเหอสูงส่งกว่าราชวงศ์เหอเหลียนซินรู้แล้ว ถ้าหากคำพูดสองประโยคนี้ถูกเผยแพร่ออกไป นางเสียหน้าไม่ว่า พ่อนางต้องลงโทษนางคุกเข่าในศาลบรรพชนแน่!นางโมโหจนร่างกายสั่น พลันเลือดพลุ่งพล่าน ภาพตรงหน้ามืดดับ เป็นลมไปแล้ว“พี่เหอ!”เดิมทีลู่เจาอวิ๋นก็ควงแขนของนางไว้ จึงรีบพยุงนางขึ้นอย่างตื่นตระหนกเด็กรับใช้ทั้งสองของสกุลเหอเพิ่งหายตาลาย ก็มองเห็นคุณหนูของพวกนางเป็นลม จึงรีบเข้าไปพยุงเหอเหลียนซินโดยไม่มีเวลาสนใจลู่เจาหลิงแล้วกู้ฉิงเบิกตากว้าง ฝ่ามือมีเหงื่อเล็กน้อย นางมองไปทางลู่เจาหลิงมีคนตะโกนสิ่งที่นางคิดในใจออกมา…“นางยั่วคุณหนูเหอโมโหจนเป็นลมไปแล้ว!”ลู่เจาหลิงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนางถอนใจเบาๆ กล่าวชัดถ้อยชัดคำ “โทษข้าไม่ได้นะ คุณหนูเหอท่านนี้มีไฟในตับ ความชื้นหนัก มีอาการคลุ้มคลั่งเล็กน้อย วู่วามได้ง่าย อีกทั้งวันนี้หน้าผากนางหมองคล้ำ เห็นได้ชัดว่าตอนออกจากบ้านไปติดไออัปมงคลมา เดิมทีวันนี้ก็จะดวงซวยอยู่แล้ว”ปากที่เพิ่งหุบลงของทุกคน อ้ากว้า

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 98

    เดิมทีพ่อก็เป็นรองเสนาบดีกรมกลาโหม ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ ประกอบกับมีการแต่งงานนี้ เป็นการรวมกันของผู้มีอิทธิพลชัดๆในมุมมองของเหอเหลียนซิน แม้แต่ท่านหญิงฉางหนิงก็ต้องให้เกียรตินางสามส่วน นับประสาอะไรกับกู้ฉิงที่อยู่ตรงหน้า?“คุณหนูเหอ เกิดอะไรขึ้น?” มีคนก้าวออกมาอยากเป็นคนกลาง “เมื่อครู่ท่านหญิงกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแล้ว ถ้าหากนางออกมาพบว่าวุ่นวายเช่นนี้…”เมื่อได้ยินอีกฝ่ายยกเอาท่านหญิงฉางหนิงมาพูด ในที่สุดเหอเหลียนซินก็ไม่ได้หาเรื่องกู้ฉิงอีกนางถลึงตาใส่ลู่เจาหัวแวบหนึ่ง ปล่อยนางไปก่อนชั่วคราว อย่างไรเสียคนที่นางรังเกียจที่สุดในตอนนี้คือลู่เจาหลิง!นางเรียกเด็กรับใช้ทั้งสองของตัวเอง “พวกเจ้าไป ให้นางมาคุกเข่าขอโทษข้า!”“เจ้าค่ะ!”เด็กรับใช้ทั้งสองของนางพุ่งพรวดเข้าไปหาลู่เจาหลิงทันทีลู่เจาหัวอุทานอย่างขี้ขลาดทีหนึ่ง และกล่าวเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง “พี่หญิงรอง ท่านรีบหนีไป”ลู่เจาอวิ๋นรีบคว้ามือของเหอเหลียนซิน แสร้งห้ามปราม “พี่เหอ ท่านอย่าไปถือสานางเลย…” แต่ก็ไม่เห็นนางไปห้ามเด็กรับใช้สองคนนั้นแม้คนอื่นก็ไม่ชอบพฤติกรรมที่อวดดีของเหอเหลียนซิน แต่พวกนางไม่รู้จักลู่

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 97

    พวกลู่เจาหลิงไม่ถือว่ามาเร็วตอนนี้ในสวนมีคนไม่น้อยแล้วช่วงนี้เป็นปลายฤดูใบไม้ผลิ ไม่ร้อน เย็นสบาย สวนของจวนท่านหญิงปลูกดอกไม้มากมาย บานสะพรั่งสีสันงดงามแต่ตอนนี้ บนพุ่มดอกไม้ถูกประดับด้วยดอกผ้าไหมที่ผูกจากผ้าขาว  และต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ มีผ้าโปร่งสีขาวห้อยอยู่ ลอยไปตามสายลมเบาๆสีขาวเหล่านี้ บดบังความงามของดอกไม้ที่บานสะพรั่งเหล่านี้ นี่น่าจะเป็นเจตนาของท่านหญิงฉางหนิง อย่างไรเสีย ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ตรงพื้นที่โล่งกลางสวน มีโต๊ะยาวหลายตัวแบ่งตั้งเป็นสองฝั่ง บนโต๊ะมีพู่กัน น้ำหมึก และกระดาษวางอยู่ถัดจากต้นกล้วยหลายพุ่ม มีศาลาหนึ่งหลัง บนโต๊ะในศาลามีน้ำชาและผลไม้วางอยู่พื้นที่นี้มีเงาจากภูเขาจำลองและต้นไม้ที่อยู่ข้างหน้าสะท้อนลงมาพอดี แต่ยังพอมีช่องว่างให้แสงแดดเล็ดลอดเข้ามาอยู่บ้าง แสงสว่างเพียงพอ และไม่เย็นเกินไปข้างภูเขาจำลองมีถนนเล็กๆ หนึ่งเส้น เดินไปมีบ่อน้ำเล็กๆ ตอนนี้บนผิวของบ่อน้ำมีใบบัวที่เพิ่งงอกออกมาอยู่บ้าง แต่ยังไม่มีกิ่งก้านของดอกยื่นโผล่พ้นผิวน้ำเหล่าคุณหนูที่มาถึงก่อน จับกลุ่มกันตรงนี้สามตรงนั้นสอง มีคนกำลังชมดอกไม้ มีคนกำลังดื่มชา มีคนกำลังอ่านหนังส

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 96

    ลู่เจาหลิงไม่ทน หันไปพูดกับลู่เจาอวิ๋นอย่างเย็นชา “ลู่เจาอวิ๋น ถ้าไม่เข้าไปข้าจะไปแล้วนะ”“มาแล้ว” เดิมทีลู่เจาอวิ๋นก็ค่อยสังเกตการเคลื่อนไหวที่ประตูอยู่แล้ว เมื่อเห็นพวกนางสองคนถูกเด็กรับใช้ขวางไว้ นางยิ้มในใจ แต่เมื่อได้ยินว่าลู่เจาหลิงจะไปนางก็รีบมาทันที จะปล่อยให้ลู่เจาหลิงไปได้อย่างไร?“พี่เหอ นี่คือเจาหลิงน้องรองของข้า”นางควงแขนของเหอเหลียนซินไว้ พลางหันไปกล่าวกับลู่เจาหลิง “น้องรอง รีบเรียกพี่เหอเร็ว”เหอเหลียนซินมองไปทางลู่เจาหลิง สายตาเย็นชาเล็กน้อย“ข้าไม่กล้าให้ว่าที่พระชายาจิ้นอ๋องเรียกพี่หรอก”จิ้นอ๋องกลับเมืองหลวง ได้รับพระราชทานสมรส อีกฝ่ายเป็นเด็กบ้านนอกที่ถูกรับกลับมาจากชนบทข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้วทุกคนต่างตกใจมาก ไม่มีใครอยากเชื่อ ขณะเดียวกันก็อยากรู้มาก คุณหนูรองกู้เป็นคนอย่างไร โชคอะไรหล่นทับกันแน่ จึงได้รับความสนใจจากจิ้นอ๋องเหอเหลียนซินก็อยากรู้มากเช่นกันและตอนนี้นางได้เจอลู่เจาหลิงแล้ว หน้าตาเหมือนนางจิ้งจอกอย่างที่คิด เอาเป็นว่านางเห็นแล้วก็รังเกียจเลยลู่เจาเหลียงย่อมมองเจตนาร้ายที่เหอเหลียนซินมีต่อตัวเองออกนางก็ตอบกลับไปอย่างเร

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 95

    ชิวจวี๋ประคองลู่เจาอวิ๋นลงรถม้า ไม่ได้สนใจลู่เจาหัวกับลู่เจาหลิงอีกเลยหลังจากลู่เจาหัวลงรถม้า นางคิดแล้วคิดอีก ยื่นมือไปหาลู่เจาหลิง “พี่หญิงรอง ข้าประคองท่าน”“ไม่ต้อง”ลู่เจาหลิงกลับเลี่ยงผ่านมือของนาง ลงจากรถม้าเองลู่เจาหัวทำท่าเสียใจเล็กน้อย หลุบตาปกปิดสายตา“เจาอวิ๋น”มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากข้างหน้า แค่ฟังจากเสียงก็เต็มไปด้วยความมั่นใจลู่เจาอวิ๋นประหลาดใจมาก รีบเดินเข้าไปหา“พี่เหอ!”ลู่เจาหัวเห็นผู้มา สีหน้ากลับเปลี่ยนไป ร่างกายสั่นเล็กน้อย นางลืมไปได้อย่างไร ในโอกาสเช่นนี้ เหอเหลียนซินก็มาเช่นกันลู่เจาหลิงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไรนางมองไปทางผู้มาเห็นรถม้าของอีกฝ่ายก่อน รถม้าคันนั้นดูหรูหรากว่าของสกุลลู่มาก สตรีที่กำลังทักทายลู่เจาอวิ๋นอย่างอย่างสนิทสนม อายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปด ใบหน้าทรงไข่ห่าน คางแหลม หน้าตาค่อนข้างงามเพราะอยู่ระหว่างการไว้ทุกข์ การแต่งกายของนางก็เรียบๆ เช่นกัน สีขาวทั้งชุด มีเพียงปิ่นหยกกับดอกไม้ผ้าเล็กๆ ที่ประณีตไม่กี่ชิ้น สง่างามดั่งดอกบัวที่บริสุทธิ์นางพาเด็กรับใช้มาด้วยสองคน เสื้อของเด็กรับใช้เป็นสีขาวมีกิ่งดอกไม้สีน้ำตาลเล

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 94

    นางข่มความโกรธ “น้องหญิงรองหยุดได้แล้ว นี่เป็นถุงหอมที่ผู้อื่นมอบให้ข้า มันมีค่ามาก เครื่องหอมที่อยู่ข้างในก็หาซื้อตามข้างนอกไม่ได้”เครื่องหอมที่อยู่ข้างใน ท่านหญิงฉางหนิงเป็นคนให้นาง เป็นของขวัญที่ทูตต่างแดนนำมาถวายให้ท่านหญิงและองค์หญิงต่างๆ ในวังลู่เจาอวิ๋นได้เครื่องหอมมาแค่นี้ นางก็ภาคภูมิใจมาก ปกติแทบไม่เอาออกมาใช้ ในโอกาสอย่างวันนี้จึงจะยอมนำออกมาใช้ ลู่เจาหลิงกลับให้นางทิ้ง?“กลิ่นเหม็นมาก”ลู่เจาอวิ๋นอดกลั้นความโกรธ และยังคงฝืนยิ้ม คิดใจปลอบนาง “คนทั่วไปอาจจะไม่ชินกับกลิ่นเช่นนี้จริงๆ แต่นี่เป็นเครื่องบรรณาการจากทูตต่างแดน เป็นเครื่องหอมที่มีราคาแพงและหรูหรามาก น้องหญิงรอง ในเมื่อเจ้ามาถึงเมืองหลวงแล้ว เจ้าต้องพยายามปรับรสนิยมให้สูงขึ้น จะชอบแต่พวกเครื่องหอมคุณภาพต่ำไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกหัวเราะเยาะ”“ไร้สาระ”พลันลู่เจาหลิงยื่นมือออกไป กระชากถุงหอมบนกายนางลงมาฉับพลัน เลิกม่านรถก็โยนมันไปที่ข้างคนขับ“ไว้ตรงนั้นก่อน อีกเดี๋ยวเจ้าจะห้อยค่อยห้อย”นางทนไม่ไหวแน่ ถ้าต้องทนดมอยู่ในรถม้าที่แคบเล็กเช่นนี้ตลอดอีกทั้งเกรงว่าส่วนผสมของเครื่องหอมเหล่านี้ค่อนข้างแปลก มีผงกระดู

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 93

    ชิงเป่าร้อนใจแล้ว“พวกเราต้องตามคุณหนูไป คุณหนูของพวกเรายังบาดเจ็บอยู่!”ก่อนหน้านี้พวกนางเคยได้ยินท่านหมอฝู่กล่าว คุณหนูได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ที่จริงนับว่าอันตรายถึงชีวิต แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดนางยังสามารถรอดมาได้ชิงเป่าชิงอินก็เป็นคนฝึกยุทธ์เช่นกัน และเคยเห็นบาดแผลของลู่เจาอิง ย่อมรู้ว่าบาดแผลนั่นสาหัสเพียงใด“ข้าอยากพาเจ้าไปด้วยจริงๆ แต่รถม้าไม่พอนั่งแล้ว” ลู่เจาอวิ๋นก็หมดหนทาง นางกล่าวเหมือนเยาะเย้ยตัวเอง “ไม่ใช่ข้าหาเรื่องพวกเจ้า แต่รถม้าจวนเรามันไม่ใหญ่”ชิงเป่ากล่าวทันที “พวกเราเดินไปก็ได้”พวกนางสามารถใช้วิชาตัวเบา“พวกเจ้ามาจากจวนจิ้นอ๋อง น่าจะรู้จักท่านหญิงฉางหนิง ดังนั้นก็น่าจะรู้ว่าจวนท่านหญิงอยู่ที่ไหน ห่างจากที่นี่ไกลมาก ถ้าหากพวกเจ้าเดิน อย่างน้อยก็ต้องเดินครึ่งชั่วยาม”ลู่เจาอวิ๋นกล่าว “ถึงเวลาพวกเจ้ากับน้องหญิงรองไม่ได้เข้าจวนพร้อมกัน ผู้อื่นก็จะหัวเราะเยาะเช่นกัน”เช่นนั้นไม่เท่ากับทำให้ผู้อื่นรู้ว่า รถม้าของสกุลลู่เล็กมาก แม้แต่สาวใช้ก็ไม่พอเบียดหรือ?ชิงอินใจเย็นกว่า คิดวิธีที่เหมาะสมกว่าออก “พวกเราไปเช่ารถม้าไป”“รอพวกเจ้าหารถม้าได้มันก็ไม่ทันแล้ว แต่ว่าถ

  • ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท   บทที่ 92

    เที่ยวนี้เขาได้เห็นความสามารถของลู่เจาหลิงอีกครั้งชิงอินกอดกล่องในอ้อมแขนไว้ ยังรู้สึกเหมือนนี่ไม่ใช่เรื่องจริงเล็กน้อย ออกจากจวนเที่ยวเดียว คุณหนูก็หาเงินได้อีกห้าพันตำลึงแล้ว ห้าพันตำลึงเลยนะ!สกุลลู่นำเงินออกมาสามร้อยตำลึง ก็ปวดใจเหมือนถูกเฉือนเนื้อ พวกเขาจะคาดคิดได้อย่างไร คุณหนูอาศัยความสามารถของตัวเอง ก็สามารถหาเงินได้ห้าพันตำลึงแล้วนอกจากนี้ยังมีจี้หยกหนึ่งชิ้นกับโสมหนึ่งต้นด้วย แค่ของเหล่านี้ก็มีค่าหลายร้อยตำลึงตกลงสุกุลลู่รู้หรือไม่ว่าคุณหนูเป็นสมบัติลับอย่างไรครั้งนี้ชิงเป่าไม่ได้ตามออกมาด้วย แต่เฝ้าอยู่ที่หอทิงหน่วน นางดูจากเวลา ได้ไปนำอาหารเย็นกลับมาแล้ว ลู่เจาหลิงกลับมาก็ได้กินข้าวเลย“ชิงเป่าคำนวณเวลาได้พอดีเป๊ะ” นางชมไปประโยคหนึ่ง หลังจากนั้นกล่าว “ให้พวกเจ้าคนละห้าตำลึง กลับไปซื้อของที่ตัวเองชอบกิน”ให้เงินพวกนางอีกแล้ว!ชิงเป่าเบิกตากว้าง มองไปทางชิงอินด้วยสายตาตั้งคำถามชิงอินเงียบ แต่เปิดกล่องเหล่านั้นให้นางดู“คุณหนูเก่งจัง…” แม้แต่เสียงตกใจของชิงเป่าก็ลอยเล็กน้อยลู่เจาหลิงยิ้มแล้วยิ้มอีก “พอแล้ว กินข้าวเถอะ”หลังกินข้าว อาบน้ำเสร็จ นางก็กลับมาท

DMCA.com Protection Status