Share

บทที่ 5

นี่คือจะทำลายชื่อเสียงของนางหรือ?

สายตาลู่เจาหลิงเย็นยะเยือก ลู่ฮูหยินได้กระโจนมาถึงตรงหน้านาง และยังบีบน้ำตาออกมาสองหยดจริงๆ

พลันนางคว้าชามเปล่าที่อยู่บนโต๊ะก็ทุบไปทางลู่ฮูหยิน

“โอ๊ย!” ฮูหยินลู่ตกใจจนหน้าถอดสี และเอียงตัวไปด้านข้างเพื่อจะหลบ ได้ยินเพียงเสียง ‘กร๊อบ’ ดังขึ้น

“โอ๊ย เอวข้า เอวของข้า!” นางเริ่มร้องอย่างอนาถ รีบเรียกสาวใช้มาประคอง

ลู่หมิงโกรธมาก เขาชี้ลู่เจาหลิง “นางลูกทรพี! ถึงขั้นกล้าลงมือกับแม่เจ้าเลยหรือ!”

“แม่ของตายแล้วไม่ใช่หรือ? นางที่เป็นผู้หญิงเห็นแก่เงินและฉวยโอกาสปีนขึ้นเตียง คู่ควรให้ข้าเรียกแม่ด้วยหรือ?” สีหน้าลู่เจาหลิงไร้อารมณ์

สีหน้าลู่หมิงเปลี่ยนฉับพลัน

ฮูหยินลู่ตัวแข็งทื่อ มองลู่เจาหลิงอย่างไม่อยากเชื่อ หลังจากหวนคืนสติก็ปิดหน้าร้องไห้ทันที

“นายท่าน ข้าไม่อยากอยู่แล้ว ฮือๆ ๆ! เจาหลิงปรักปรำข้าเช่นนี้ได้อย่างไร!”

ลู่หมิงประคองนางไว้ พลางจ้องลู่เจาหลิง “เด็กที่โตในบ้านนอกมันหยาบคายและมุทะลุจริงๆ! สองสามวันนี้เจ้า…”

“แค่กๆ” มีเสียงกระแอมดังขึ้นจากข้างๆ

ลู่หมิงหวนขึ้นสติทันที หมอฝู่ยังอยู่ที่นี่ จะให้คนนอกเห็นเรื่องน่าขำของครอบครัวเขาได้อย่างไร?

เขาฝืนข่มอารมณ์ของตัวเอง กล่าวกับหมอฝู่อย่างขอโทษ “ให้ท่านหมอฝู่เห็นเรื่องตลกแล้ว นางลูกทรพีคนนี้ของข้าถูกเลี้ยงดูที่บ้านนอกมาโดยตลอด เพิ่งรับกลับมาวันนี้ หากคำพูดและการกระทำไร้มารยาท ล่วงเกินท่าน ต้องขออภัยด้วย”

พลันหนวดเคราหมอฝู่สั่น “ข้ามารักษาคุณหนูลู่ตามคำสั่งของจิ้นอ๋อง ไม่ได้มาดูพวกเจ้าทะเลาะกัน”

“ขอรับ เชิญท่านหมอฝู่”

“ท่านพี่ เอวของข้าเคล็ด ให้ท่านหมอฝู่ดูให้ข้าก่อนได้หรือไม่? เจ็บเหลือเกิน” ฮูหยินลู่กระซิบบอกลู่หมิงด้วยท่าที่เอียงตัว ไม่สามารถยืนตรงได้

“รอก่อน” สีหน้าลู่หมิงเคร่งขรึม

ตอนนี้ท่านหมอฝู่เป็นตัวแทนของจิ้นอ๋องเลยนะ

หมอฝู่เดินไปที่ข้างกายลู่เจาหลิง “ข้าขอดูแผลของเจ้าหน่อย?”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ”

เมื่อหมอฝู่เห็นหน้าผากที่บวมแดงของลู่เจาหลิงก็หน้าถอดสีทันที และหลังจากเห็นบาดแผลที่ท้ายทอยของนางก็ยิ่งตกใจแล้ว

ไม่ใช่สิ บาดแผลจากการกระแทกที่สาหัสเช่นนี้ เลือดออกจนทำให้ผมและปกเสื้อหลังของนางชุ่มไปหมด และบาดแผลลึกเช่นนี้ นางยังสามารถมีชีวิตอยู่อีกหรือ?

เมื่อก่อนหมอฝู่เคยเห็นผู้ตายที่มีลักษณะคล้ายกัน ท้ายทอยถูกกระแทกอย่างรุนแรงเช่นนี้ ตอนนั้นตายคาที่ทันที

ตอนนี้ลู่เจาหลิงกลับยังสามารถนั่งอยู่ที่นี่! เฉพาะรอยบวมขนาดใหญ่ที่หน้าผากของนางก็สาหัสมากแล้ว

เขาตรวจชีพจรให้ลู่เจาหลิง พบว่าชีพจรอ่อนมากจนแทบสัมผัสไม่ได้

ลักษณะชีพจรสอดคล้องกับบาดแผล แต่เดิมก็เป็นบาดแผลที่รุนแรงถึงชีวิต แต่นางยังมีชีวิต!

“แปลก แปลกมาก” หมอฝู่พึมพำ จากนั้นก็เปลี่ยนไปตรวจชีพจรอีกข้าง ปรากฏว่าผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม

เขาเหลือบตามองลู่เจาหลิง ด้วยลักษณะชีพจรนี้ ต่อให้ไม่ตายก็หมดสติไปนานแล้ว เหตุใดนางยังนั่งอยู่ที่นี่อย่างมีสติครบถ้วน?

“ตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไร?”

“เวียนหัว ไม่มีแรง เจ็บ” ลู่เจาหลิงกล่าว

หมอฝู่รีบเรียกผู้ติดตามเข้ามา สั่งให้เขาเปิดกล่องยา การเคลื่อนไหวเริ่มเร็วขึ้นทันที

คนเจ็บสาหัสเช่นนี้ ครอบครัวใต้เท้าลู่กลับยังคงเอะอะโวยวาย มัวแต่ห่วงตำหนินาง ทำให้เขาได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ!

น่าเวทนานักที่แม่นางคนนี้มีบิดาเช่นนี้

“ไปตักน้ำอุ่นมาหนึ่งกะละมัง!” หมอฝู่เริ่มหงุดหงิดกับคนสกุลลู่แล้ว “พวกเจ้าไม่เห็นหรือว่านางเลือดออกมากเช่นนี้?”

ลู่หมิงเข้ามาดูแวบหนึ่ง ถึงกับสูดลมเย็นเข้าปอดทันที

ผมของลู่เจาหลิงดกดำเหมือนเมฆ เขาจึงไม่ทันสังเกตว่ามีเลือดออก

“ไปโดนอะไรมา” เขาหมุนกายไปทางลู่ฮูหยิน “ไม่ใช่ว่าให้คนไปรับนางหรือ? คนพวกนั้นล่ะ?”

ฮูหยินลู่ที่จับเอวพลันสะอึก “ท่านพี่ ข้าไม่รู้ ข้าจัดการทุกอย่างได้เหมาะสมมากเลยนะ ใครจะรู้ว่าระหว่างทางเกิดอะไรขึ้น?”

หลังจากหมอฝู่ตรวจชีพจรให้ลู่เจาหลิง ก็ตรวจศีรษะอย่างละเอียด คิ้วของเขาขมวดจนสามารถหนีบแมลงวันตายได้

“ที่ข้ามีผงยาห้ามเลือดกับละลายเลือดคั่ง ฤทธิ์ยาค่อนข้างแรง พอกแล้วจะเจ็บมาก เจ้าสามารถทนได้หรือไม่?”

นี่เป็นยาที่เขาปรุงเอง โดยทั่วไปแล้วจะใช้กับเหล่าทหารกล้า ได้ผลดีมากแต่ก็เจ็บมากเช่นกัน ผู้ชายบางคนยังทนไม่ได้เลย

“ได้” ลู่เจาหลิงไม่พูดยืดเยื้อ

หมอฝู่มองนางอย่างประหลาดใจแวบหนึ่ง

เขาเองก็เพิ่งนึกขึ้นได้ในเวลานี้ บาดแผลที่สาหัสเช่นนี้ต้องเจ็บมากแน่นอน นางกลับมีสีหน้าที่ไร้อารมณ์

แม่นางคนนี้ไม่มีความรู้สึกหรือ?

หมอฝู่พอกยาให้นาง แล้วใช้ผ้าสีขาวมาพันอีกที

“ส่วนหัวของเจ้าถูกกระแทกอย่างรุนแรง และยังไม่รู้ว่ามีเลือดคั่งในหัวหรือไม่ สองสามวันนี้ต้องพักผ่อนอยู่บนเตียง เวลาลุกก็ค่อยๆ หน่อย เมื่อไรที่รู้สึกไม่สบายก็หาหมอ ตอนนี้ข้าฝังเข็มให้เจ้าก่อน จะพยายามทำให้เลือดไหลเวียนได้มากที่สุด”

หมอฝู่สามารถพูดถึงสิ่งเหล่านี้ได้ ลู่เจาหลิงรู้สึกว่าฝีมือการแพทย์ของเขาดีมาก

ตอนนี้ยาเริ่มออกฤทธิ์แล้ว เลือดหยุดไหลแล้ว แต่บาดแผลก็แสบร้อนกว่าเดิมจริงๆ

“ได้”

“เจ็บหรือไม่?” หมอฝู่อดไม่ได้ที่จะถามอีกรอบ

“เจ็บ แต่สามารถทนได้เจ้าค่ะ”

ซี๊ด

กระทั่งผู้ชายยังเจ็บจนกัดฟันเบะปาก นางกลับสามารถทนได้?

ลู่เจาหลิงมองไอสีดำตรงกลางหน้าผากของหมอฝู่ สุดท้ายก็ตัดสินใจเอ่ยปาก “ช่วงนี้ท่านมักจะปวดหัวกระมัง?”

หมอฝู่ตะลึงงัน

เมื่อลู่ฮูหยินที่รอมาโดยตลอดได้ยินคำพูดนี้ ก็แผลงฤทธิ์ทันที

“พูดเหลวไหลอะไร? ถึงกับย้อนถามท่านหมอฝู่แล้ว!”

ลู่เจาอวิ๋นก็พูดด้วยอีกคน “น้องหญิง มีที่ไหนแช่งท่านหมอฝู่อย่างเจ้า? ผู้อาวุโสท่านก็เป็นหมอ จะปวดหัวได้อย่างไร?”

หากปวดหัว ก็รักษาเองได้

“ท่านให้พวกเขาออกไปให้หมด” ลู่เจาหลิงกล่าวกับหมอฝู่ ตอนนี้คำพูดของเขาใช้ได้ผลกว่าของนาง

ลู่หมิงหน้าบึ้งทันที “เจาหลิง เลิกเหลวไหลสักทีได้หรือไม่?”

“เชิญใต้เท้าลู่พาพวกนางออกไปก่อนเถอะ” หมอฝู่พูดขัดเขา

พลันลู่หมิงตะลึงงัน

เหตุใดหมอฝู่จึงฟังคำพูดของนางลูกทรพีคนนี้จริงๆ?

แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงออกไปอย่างหมดหนทาง ผู้ติดตามของหมอฝู่เฝ้าอยู่ที่ข้างประตู และมองลู่เจาหลิงอย่างอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน

“คุณหนูลู่มองออกได้อย่างไรว่าช่วงนี้ข้ามักจะปวดหัว?”

ลู่เจาหลิงชี้กลางหน้าผากของเขา “ตรงนี้มีไอมรณะ”

“ไอมรณะ?”

หมอฝู่มองนางอย่างตะลึงงัน แต่ไม่นานก็ส่ายศีรษะหัวเราะ

“ช่วงนี้ข้ามักจะปวดหัวก็จริง อีกทั้งตรวจอย่างไรก็ไม่เจอโรค แต่ว่าร่างกายของตัวเอง ตัวเองรู้ดีที่สุด ข้าน่าจะถึงอายุขัยแล้ว ร่างกายของข้ามันก็เหมือนกับเปลวไฟที่ใก้ลมอดดับ บางทีอีกไม่กี่วันก็ไม่สามารถมาเปลี่ยนยาให้เจ้าแล้ว”

หลายวันนี้เขาปวดศีรษะมาโดยตลอด มีความรู้สึกเหมือนรู้ว่าใกล้จะถึงอายุขัยของตัวเองแล้วอย่างน่าประหลาด

เขาถึงกับได้จัดการเรื่องงานศพของตัวเอง และรอเวลานั้นมาถึงในจวนอ๋องอย่างเงียบๆ มาโดยตลอด ใครจะรู้ว่าจิ้นอ๋องจะเรียกเขามารักษาให้นาง

ผู้ป่วยคนสุดท้ายของชาตินี้ นับว่ามีวาสนาต่อกัน?

ประกอบกับปฏิกิริยาที่สงบและเยือกเย็นมาโดยตลอดของลู่เจาหลิง ทำให้เขาทนไม่ไหวจนพูดความจริงกับนาง

“บนตัวท่านมีหยกหรือไม่?” ลู่เจาหลิงถาม

“หยก?”

ลู่เจาหลิงพยักหน้า กล่าวอย่างจริงจัง “ข้าช่วยท่านย้ายไอมรณะนั่นมาที่หยก ท่านก็จะไม่ตายแล้ว”

หมอฝู่หัวเราะลั่น

“เหตุใดเจ้ายังมาหยอกล้อคนแก่อย่างข้า”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status