Share

บทที่ 4

เมื่อลู่เจาหลิงฟื้น เพิ่งลืมตาก็รู้สึกว่าคางของตัวเองถูกบีบอย่างแรง

ใบหน้าของนางถูกยกขึ้น

ลู่เจาอวิ๋นมองหน้านาง หน้าผากฟกช้ำ ใบหน้าถูกสาดน้ำ แต่ยังคงงามเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกเจ็บใจนัก

“น้องหญิงรองช่างมีความสามารถจริงๆ!”

ลู่เจาหลิงปัดมือของนางทิ้ง มองห้องนี้แวบหนึ่ง

ห้องแคบเล็ก เครื่องเรือนชำรุดทรุดโทรม สีเตียงถลอก สีผ้าม่านเริ่มจาง มีโต๊ะกลมเล็กหนึ่งตัว และเก้าอี้กลมเล็กๆ ที่สึกหรอสี่ตัว

ที่นี่ไม่น่าจะใช่จวนจิ้นอ๋องกระมัง? จวนอ๋องที่ทรุดโทรมเช่นนี้มีที่ไหนกัน

และเมื่อได้ยินเด็กสาวตรงหน้าคนนี้เรียกนางว่าน้องหญิงรอง ลู่เจาหลิงเข้าใจแล้ว ที่นี่น่าจะเป็นจวนสกุลลู่

“จิ้นอ๋องส่งข้ากลับมาหรือ?” นางกล่าวถาม พลางเอื้อมมือเช็ดน้ำบนใบหน้า

“เจ้าเป็นคนสาด?”

ลู่เจาอวิ๋นคิดไม่ถึงว่าหลังจากลู่เจาหลิงฟื้น จะมีปฏิกิริยาที่สงบเช่นนี้ จึงถามกลับไปโดยไม่รู้ตัว “ข้าสาดแล้วจะทำไม?”

“อืม ก็จะเป็นเช่นนี้ไง”

พลันลู่เจาหลิงยกมือ ก็ตบไปที่ใบหน้าของนาง

เพี๊ยะ!

ฝ่ามือเหวี่ยงโดนใบหน้าลู่เจาอวิ๋นเต็มๆ เสียงดังฟังชัด

ลู่เจาอวิ๋นถูกตบจนมึนแล้ว หลังจากหวนคืนสติก็ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที นางกรีดร้องอย่างเหลือเชื่อ

“ลู่เจาหลิง! เจ้าถึงกับกล้าตบข้าหรือ? ข้าเป็นพี่หญิงของเจ้านะ…”

สาวใช้ชิวจวี๋ก็ตะลึงเช่นกัน

ก่อนหน้านี้บ้านนอกส่งจดหมายมา บอกว่าหลายปีนี้ลู่เจาหลิงถูกเลี้ยงที่บ้านนอกอย่างลำบากตรากตรำ เป็นคนนิ่งๆ ที่พูดน้อยและไม่ชอบยิ้ม ต้องทำงานงกๆ ทุกวันเพื่อแลกกับข้าวสองมื้อ

หลังจากนางเข้าเมืองหลวงต้องประหม่าลนลาน ปรับตัวไม่ได้ หดหัวจนไม่กล้าสบตาคนเหมือนคนบ้านนอกแน่นอน

แต่หลิงเจาหลิงในตอนนี้ นอกจากดูสะบักสะบอมและน่าเวทนาเล็กน้อย พฤติกรรมเหมือนที่เขียนในจดหมายเสียที่ไหนกัน?

ชิวจวี๋อดไม่ได้ที่จะกระตุกแขนเสื้อลู่เจาอวิ๋น นางกล่าวเสียงเบา “คุณหนูใหญ่ คงจะไม่ได้ผิดคนกระมัง? นางเป็นคุณหนูรองจริงๆ หรือ?”

เมื่อลู่เจาอวิ๋นถูกนางถามเช่นนี้ หัวใจสั่นสะท้าน

นางหายใจเข้าลึกๆ ข่มความโกรธของตัวเองลงไป ใช้มือข้างหนึ่งกุมใบหน้าที่โดนตบ พลางจ้องลู่เจาหลิง

“พูดมา เจ้าใช่ลู่เจาหลิงหรือไม่?”

“ทำไม จนถึงตอนนี้จวนสกุลลู่ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าหน้าตาข้าเป็นอย่างไรหรือ?”

ลู่เจาหลิงนั่งลงบนเก้าอี้ เอื้อมมือไปจับท้ายทอยของตัวเองครู่หนึ่ง นางขมวดคิ้ว

หลังจากที่นางหมดสติ ตลอดทางที่อยู่ในรถม้ากับจิ้นอ๋อง ถูกไอสีม่วงของเขารักษาอยู่พักใหญ่แน่นอน ตอนนี้นางจึงค่อนข้างกระปรี้กระเปร่า

แต่เขาไม่สนใจบาดแผลบนศีรษะของนาง ก็ส่งนางกลับจวนสกุลลู่ทั้งเช่นนี้ มันไร้ความรับผิดชอบเกินไปหรือไม่?

ลู่เจาหลิงตัดคะแนนจิ้นอ๋องในใจ

เดิมทีจิ้นอ๋องก็รูปร่างและหน้าตาดี สมบูรณ์แบบมาก สามารถให้หนึ่งร้อยคะแนนเต็ม แต่นิสัยเย็นชา จิตสังหารรุนแรง ลบสิบคะแนน ตอนนี้ก็ส่งนางกลับจวนสกุลลู่โดยไม่สนใจบาดแผลของนาง ลบอีกสิบคะแนน

อืม เหลือแค่แปดสิบคะแนน

ลู่เจาอวิ๋นจ้องลู่เจาหลิงอย่างแยกเขี้ยวยิงฟัน

เป็นเช่นนี้แล้ว เหตุใดนางยังสามารถสงบเช่นนี้?

“เจ้าถูกส่งไปบ้านนอกตั้งแต่อายุหกปี ตอนนี้ก็แตกต่างจากตอนเด็กโดยสิ้นเชิง ใครจะจำได้?”

“ดังนั้นสิบปีไม่ถามไม่สนใจ ไม่เคยมีใครไปดูข้าแม้แต่แวบเดียว ยังมีหน้ามาพูดอีก?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของลู่เจาหลิง ลู่เจาอวิ๋นก็มั่นใจตัวตนของนางแล้ว

มันก็จริง ใครจะโง่สวมรอยเป็นคุณหนูสกุลลู่ที่ไม่ได้รับความโปรดปราน?

ลู่เจาอวิ๋นนึกถึงเมื่อครู่ตัวเองรับปากท่านพ่อ จะถามเรื่องราวให้ชัดเจน นางหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง กล้ำกลืนฝ่ามือเมื่อครู่ลงไป

“ทั้งๆ ที่ท่านพ่อกับท่านแม่ส่งคนไปรับเจ้า เหตุใดเจ้าจึงอยู่กับจิ้นอ๋อง?”

ลู่เจาหลิงกำลังเวียนศีรษะ ไม่ได้ตอบ

พลันกวาดมองท่าทางของนาง ลู่เจาอวิ๋นคาดเดาอย่างเจตนาร้ายอีกครั้ง “น้องหญิงรอง เจ้าคงจะไม่ได้เจอคนชั่วระหว่างทางกระมัง?”

นางปิดปากอุทานอย่างเกินจริง “สวรรค์ บาดแผลของเจ้าถูกคนชั่วพวกนั้นทำร้ายใช่หรือไม่? พวกเขายังทำอย่างไรกับเจ้าอีก? น้องหญิงรอง บนตัวเจ้ายังมีบาดแผลที่อื่นอีกหรือไม่?”

ลู่เจาหลิงมองไปทางนาง เห็นเจตนาร้ายบนใบหน้านางอย่างชัดเจน

“เจ้าพูดอะไร?”

“น้องหญิง ถ้าหากพบเจอเรื่องเช่นนั้นจริงๆ เจ้าก็พูดออกมาเถอะ ข้าจะไปหาท่านพ่อ ให้เขาหาตัวคนชั่วพวกนั้น ล้างแค้นให้เจ้าแน่นอน!”

ลู่เจาหลิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

“เจ้าอยากถามว่า ข้าถูกคนย่ำยีแล้วใช่หรือไม่?”

พูดตรงๆ เช่นนี้เลย?

ลู่เจาอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะหน้าแดง แต่ดวงตาเป็นประกาย อยากให้มันเป็นเรื่องจริง

“คงต้องทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว ข้าสบายดี บริสุทธิ์กว่าเจ้าเสียอีก” ลู่เจาหลิงกล่าว

ถ้าหากไม่ใช่เพราะตอนนี้ร่างกายของนางยังไม่ฟื้นฟู ลู่เจาอวิ๋นคงถูกนางถีบออกไปนานแล้ว

“น้องหญิงรอง เจ้าไม่ควรปิดบังเรื่องเช่นนี้นะ ถ้าหากเปื้อนมลทินจริงๆ ต้องให้คนเตรียมยาเลี่ยงบุตร ไม่เช่นนั้นหากเจ้าตั้งครรภ์เลือดเนื้อของคนชั่ว เจ้าจะถูกจับถ่วงน้ำ…”

“เจาอวิ๋น หมอฝู่มาแล้ว น้องหญิงเจ้าฟื้นหรือยัง?”

เสียงของลู่ฮูหยินดังมาจากข้างนอก

พลันลู่เจาอวิ๋นตกใจ “เหตุใดหมอฝู่มาเร็วเช่นนี้?”

“ท่านแม่ เชิญหมอฝู่เข้ามาเถอะ น้องหญิงฟื้นแล้วเจ้าค่ะ!”

ลู่หมิงกับฮูหยินลู่พาชายชราผมหงอกที่หนวดเคราขาวหมดแล้วเข้ามา

สายตาลู่เจาหลิงกวาดมองพวกเขาสามคน

หน้าตาของลู่หมิงกับฮูหยินลู่ใกล้เคียงกับในความทรงจำ ดูเหมือนชีวิตในเมืองหลวงของพวกเขาค่อนข้างสุขสบาย แก่ขึ้นไม่มาก กลับกันยังสมดังปรารถนา มั่งคั่งเบิกบาน

ส่วนชายชราคนนี้ ทันทีที่เข้าประตูมา ลู่เจาหลิงก็ได้กลิ่นหอมจางๆ ของสมุนไพร เขาเป็นหมอจริงๆ

แต่ตรงหน้าผากของชายชรา มีไอสีเทาดำกำลังหมุนวนอย่างช้าๆ

พลันสายตาลู่เจาหลิงขรึมลง จ้องหมอฝู่ตรงๆ อยู่อย่างนั้น

หมอฝู่เข้ามาก็มองเห็นลู่เจาหลิงก่อนแล้ว

สามารถทำให้เจ้าหนูโจวสือเยว่ส่งคนมารับเขาโดยที่ยังไม่ทันได้กลับถึงจวน ต้องไม่ใช่เด็กผู้หญิงธรรมดาแน่นอน

เมื่อได้เจอตอนนี้ ก็เป็นอย่างที่คิด

ดวงตาที่สวยงามของแม่นางผู้นี้ มีชีวิตชีวามาก

“ไหนบอกว่าบาดเจ็บสาหัสไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงไม่นอนอยู่บนเตียง?” หมอฝู่ถามอย่างตำหนิด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

ลู่ฮูหยินส่งสัญญาณทางสายตาให้ลู่เจาอวิ๋นทันที

“เจาอวิ๋นคำนับท่านหมอฝู่เจ้าค่ะ” นางเผยรอยยิ้มที่ได้มาตรฐาน คำนับหมอฝู่อย่างชดช้อย

ใครจะคาดคิด หมอฝู่ไม่ยิ้มให้นางด้วยซ้ำ “เวลานี้แล้วยังมาพิธีรีตองอะไรอีก! เด็กผู้หญิงที่ข้าพูดถึงล่ะ!”

ลู่เจาหลิงไม่รู้จักหมอฝู่ แต่ดูจากปฏิกิริยาของคนสกุลลู่ นางก็เข้าใจได้ในทันที เขาไม่ใช่หมอทั่วไป มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จิ้นอ๋องจะเป็นคนเชิญมา

อืม ไม่ได้ลืมหาหมอให้นาง บวกห้าคะแนน

“หมอฝู่ ข้าเพิ่งเกลี้ยกล่อมให้น้องหญิงนอนบนเตียง แต่ไม่รู้นางเป็นอะไร โวยวายไม่ให้คนเข้าใกล้ นางคงจะไม่ได้เจอเรื่องอะไรที่ไม่ดีกระมัง?” น้ำเสียงลู่เจาอวิ๋นฟังดูกังวลมาก

สีหน้าหมอฝู่ขรึมลงฉับพลัน

พลันฮูหยินลู่กลอกตา กระโจนเข้าไปหาลู่เจาหลิงทั้งน้ำตาทันที

“ลูกสาวของข้า เกิดเรื่องเช่นนี้กับเจ้า วันข้างหน้าจะอธิบายอย่างไร จะพบผู้คนอย่างไร!”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status