ลิขิตฟ้าหรือบัญชาสวรรค์ อย่าอาจหาญจะกำหนดชีวิตข้า ‘เสิ่นซูเย่ว’ เสิ่นซูเย่ว ศิษย์รองของ หมอประหลาด เกิดมาสูงศักดิ์เหนือสามอาณาจักร ชีวิตกลับผกผันพลัดพรากจากบุพการี ครั้นเติบใหญ่ออกท่องยุทธภพตามคำสั่งของเหล่าอาจารย์ ตั้งใจเพียงหาความสำราญกลับมี ‘ดอกท้อ’ เบ่งบานยามก้าวเดิน พัวพันความลับดำมืดเบื้องหลังยุทธภพ หนทางข้างหน้ามีเพียงหุบเขากระบี่แม่น้ำเพลิง ใต้หล้าล้วนเป็นปรปักษ์ มีเพียง ‘ท่าน’ กล้าจับมือ ‘ข้า’ หากท่านไม่ผิดต่อข้า สัญญาเสิ่นซูเย่วล้วนไม่แยกจาก…ชั่วนิรันดร์
View More3 วันต่อมาภาพเด็กหญิงตัวน้อยสามคนเดินเท้าขึ้นเขาตั้งแต่กลางยามเหม่าคุ้นตาชาวบ้านที่พากันเข้าไปเสี่ยงโชคในป่า ป่าหลังหมู่บ้านหย่งฉวนหากข้ามเขาไปอีกฟากจะเป็นเขตรอบนอกของป่าซื่อเพียนซิน (สี่พิสดาร)เดินจากเขตรอบนอกไม่ถึงสิบลี้จะเริ่มเข้าเขตป่าชั้นนอก ซึ่งมักมีชาวบ้านในเขตชายแดนทั้งแคว้นจ้าวและแคว้นเว่ยออกมาหาของป่าไปขายหญ้าเกล็ดเพลิงนี้ เมิ่งซิ่วหลาน มารดาของเสิ่นซินเป็นผู้เก็บต้นสมุนไพรสดมาเพาะในเรือนเพื่อใช้ทำยาต้านพิษให้ลูกสาว และสมุนไพรที่ว่าตอนนี้ก็ได้หูชุนกับลู่เจียฮ่าวลักลอบนำมาปลูกบ้านลู่ไม่ให้บ้านใหญ่หูรู้“รู้สึกช่วงนี้ทางชายแดนมีข่าวไม่สู้ดี ญาติข้าที่แต่งไปหมู่บ้านผูถาวเตรียมเก็บของอพยพกันแล้ว”“เจ้าพูดจริงรึ! เช่นนี้หมู่บ้านเราล่ะ หัวหน้าหมู่บ้านจะรู้อะไรมาบ้าง”“ไม่ได้การ ข้าต้องรีบกลับไปถามให้รู้ความ หมู่บ้านเราห่างจากที่นั่นแค่ 40 ลี้”เด็กน้อยทั้งสองเงี่ยหูฟังท่านป้าในหมู่บ้าน ขณะที่นั่งพักในลานดินที่หญ้าสั้นกว่าบริเวณอื่น เพราะบริเวณนี้เป็นจุดพักและโดนเหยียบย่ำอยู่ทุกวัน“ซินซิน ที่ป้าหวังพูดเจ้ารู้เรื่องหรือไม่?” เจียวเจียวกับหลิงหลิงเบิกตามองอย่างคาดหวังว่าส
5 ปีต่อมา หมู่บ้านหย่งฉวนชายแดนแคว้นเว่ย“นังตัวซวย! ใช้ให้ไปเก็บผักป่าเก็บฟืนซีกมายังได้มาแค่นี้ เลี้ยงเสียข้าวสุก! ถ้าไม่ทำงานเย็นนี้ก็ไม่ต้องกินข้าว!!!”ชาวบ้านในหมู่บ้านที่เดินผ่านประตูบ้านหู มักได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดด่าทอของสะใภ้ใหญ่หู ตงจื่อจิน พร้อมเสียงไม้เรียวฟาดกระทบเนื้อหนัง แรก ๆ ก็มีคนเวทนาปนสงสารเด็กน้อยช่วยพูดห้ามปราม แต่ถูกตอกกลับเสียหน้าหงาย‘ใจดีกันเหลือเกินนะ! จะเอานังตัวอัปมงคลนี่ไปเลี้ยงเองเลยหรือเปล่าล่ะ’“แค่ก ๆ ขะ...ข้าไม่สบายเจ้าค่ะท่านป้าตง จึงไม่ค่อยมีแรงเดิน” เด็กหญิงวัยห้าหนาว ใบหน้าตอบ ผิวกายขาวซีดเม้มปากตอบด้วยเสียงแหบเล็กเพียะ! เพียะ!“หนอยแน่… อย่ามาทำสำออย!!! ไปเก็บผักมาให้เต็มตะกร้าถ้ายังไม่เต็มไม่ต้องกลับมา ไสหัวไป!”นางจื่อจินไม่คิดฟังคำแก้ตัว หยิบไม้เรียวมาฟาดตามเนื้อตัวผอมแห้งไร้เนื้อหนัง จับกระชากแขนผอม ๆ เหมือนไม้ซีกไปทางประตูบ้านโยนออกไปพร้อมตะกร้าสานโครม!...ลำตัวเล็กจ้อยกระแทกพื้นตามแรงเหวี่ยงฝ่ามือเล็กครูดกับหินคมจนเลือดซึม ร่างกายไร้เรี่ยวแรงค่อย ๆ ลุกขึ้นเก็บตะกร้าขึ้นสะพายหลังเดินกระเผลกตรงไปยังทางขึ้นเขาท้ายหมู่
‘อู๋จง’ แดนเทพยุทธ์บรรพกาลที่แบ่งเขตปกครองเป็น 3 อาณาจักรบน 5 แดนล่าง มีตำนานปรำปราเล่าขานอันน่าเหลือเชื่อ ไร้บันทึกจารจำไม่มีผู้ใดล่วงรู้ต้นกำเนิดมาจากที่ใด มีอยู่มานานเพียงไหนอยู่เรื่องหนึ่งธารเวลาทุก 700 สารทเวียนบรรจบ ก่อเกิด ‘โอสถสวรรค์’ ผู้มีบุญญาถือครอง ใต้หล้าสนองจำนงค์เป็นหนึ่ง...ชาวบ้านทั่วไปแม้นได้ฟัง ยังคิดเพียงไม่ใช่เรื่องตน แตกต่างจากราชสำนักของแต่ละอาณาจักร พรรคธรรมะ ลัทธิมารในยุทธภพล้วนเสาะแสวงหา แม้ไร้ซึ่งเบาะแสแต่อำนาจไหนเลยจะไม่จรุงกลิ่นหวานหอม10 ปีก่อน มีนักเล่านิทานปริศนาผู้หนึ่งเดินทางรอนแรมเล่าตำนานโอสถสวรรค์ในเมืองต่าง ๆ ของ 3 อาณาจักรบน อันได้แก่อาณาจักรต้าเซี่ย อาณาจักรเป่ยเหลียง และอาณาจักรตงซี จนบังเกิดความตื่นตัวแก่ราชสำนักของอาณาจักรทั้งสาม แม้แต่สำนักน้อยใหญ่ในยุทธภพยังเฝ้ามองความเป็นไปนิทานนี้มีการกล่าวถึงนานนับปี แต่ไม่มีผู้ใดสามารถหาตัวหรือร่องรอยของนักเล่านิทานผู้นั้นได้ จนมีข่าวลือว่าเขาเป็นผู้เยี่ยมยุทธไปมาไร้เงาประดุจภูติผี ต่อมาจึงมิมีผู้ใดกล้าตามหาตัวคน เพียงรับฟังเรื่องเล่าสุดพิศดารที่ว่า‘โอสถสวรรค์แท้จริงเป็นดรุณีน้อย’ กำเนิดในฤกษ์ดาวเทีย
‘อู๋จง’ แดนเทพยุทธ์บรรพกาลที่แบ่งเขตปกครองเป็น 3 อาณาจักรบน 5 แดนล่าง มีตำนานปรำปราเล่าขานอันน่าเหลือเชื่อ ไร้บันทึกจารจำไม่มีผู้ใดล่วงรู้ต้นกำเนิดมาจากที่ใด มีอยู่มานานเพียงไหนอยู่เรื่องหนึ่งธารเวลาทุก 700 สารทเวียนบรรจบ ก่อเกิด ‘โอสถสวรรค์’ ผู้มีบุญญาถือครอง ใต้หล้าสนองจำนงค์เป็นหนึ่ง...ชาวบ้านทั่วไปแม้นได้ฟัง ยังคิดเพียงไม่ใช่เรื่องตน แตกต่างจากราชสำนักของแต่ละอาณาจักร พรรคธรรมะ ลัทธิมารในยุทธภพล้วนเสาะแสวงหา แม้ไร้ซึ่งเบาะแสแต่อำนาจไหนเลยจะไม่จรุงกลิ่นหวานหอม10 ปีก่อน มีนักเล่านิทานปริศนาผู้หนึ่งเดินทางรอนแรมเล่าตำนานโอสถสวรรค์ในเมืองต่าง ๆ ของ 3 อาณาจักรบน อันได้แก่อาณาจักรต้าเซี่ย อาณาจักรเป่ยเหลียง และอาณาจักรตงซี จนบังเกิดความตื่นตัวแก่ราชสำนักของอาณาจักรทั้งสาม แม้แต่สำนักน้อยใหญ่ในยุทธภพยังเฝ้ามองความเป็นไปนิทานนี้มีการกล่าวถึงนานนับปี แต่ไม่มีผู้ใดสามารถหาตัวหรือร่องรอยของนักเล่านิทานผู้นั้นได้ จนมีข่าวลือว่าเขาเป็นผู้เยี่ยมยุทธไปมาไร้เงาประดุจภูติผี ต่อมาจึงมิมีผู้ใดกล้าตามหาตัวคน เพียงรับฟังเรื่องเล่าสุดพิศดารที่ว่า‘โอสถสวรรค์แท้จริงเป็นดรุณีน้อย’ กำเนิดในฤกษ์ดาวเทีย...
Comments