โอสถฟ้าบัญชารัก

โอสถฟ้าบัญชารัก

last updateLast Updated : 2025-02-17
Language: Thai
goodnovel16goodnovel
Not enough ratings
13Chapters
217views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

ลิขิตฟ้าหรือบัญชาสวรรค์ อย่าอาจหาญจะกำหนดชีวิตข้า ‘เสิ่นซูเย่ว’         เสิ่นซูเย่ว ศิษย์รองของ หมอประหลาด เกิดมาสูงศักดิ์เหนือสามอาณาจักร ชีวิตกลับผกผันพลัดพรากจากบุพการี ครั้นเติบใหญ่ออกท่องยุทธภพตามคำสั่งของเหล่าอาจารย์            ตั้งใจเพียงหาความสำราญกลับมี ‘ดอกท้อ’ เบ่งบานยามก้าวเดิน            พัวพันความลับดำมืดเบื้องหลังยุทธภพ หนทางข้างหน้ามีเพียงหุบเขากระบี่แม่น้ำเพลิง ใต้หล้าล้วนเป็นปรปักษ์ มีเพียง ‘ท่าน’ กล้าจับมือ ‘ข้า’            หากท่านไม่ผิดต่อข้า สัญญาเสิ่นซูเย่วล้วนไม่แยกจาก…ชั่วนิรันดร์

View More

Chapter 1

บทนำ

‘อู๋จง’ แดนเทพยุทธ์บรรพกาลที่แบ่งเขตปกครองเป็น 3 อาณาจักรบน 5 แดนล่าง มีตำนานปรำปราเล่าขานอันน่าเหลือเชื่อ ไร้บันทึกจารจำไม่มีผู้ใดล่วงรู้ต้นกำเนิดมาจากที่ใด มีอยู่มานานเพียงไหนอยู่เรื่องหนึ่ง

ธารเวลาทุก 700 สารทเวียนบรรจบ ก่อเกิด ‘โอสถสวรรค์’ ผู้มีบุญญาถือครอง ใต้หล้าสนองจำนงค์เป็นหนึ่ง...

ชาวบ้านทั่วไปแม้นได้ฟัง ยังคิดเพียงไม่ใช่เรื่องตน แตกต่างจากราชสำนักของแต่ละอาณาจักร พรรคธรรมะ ลัทธิมารในยุทธภพล้วนเสาะแสวงหา แม้ไร้ซึ่งเบาะแสแต่อำนาจไหนเลยจะไม่จรุงกลิ่นหวานหอม

10 ปีก่อน มีนักเล่านิทานปริศนาผู้หนึ่งเดินทางรอนแรมเล่าตำนานโอสถสวรรค์ในเมืองต่าง ๆ ของ 3 อาณาจักรบน อันได้แก่อาณาจักรต้าเซี่ย อาณาจักรเป่ยเหลียง และอาณาจักรตงซี จนบังเกิดความตื่นตัวแก่ราชสำนักของอาณาจักรทั้งสาม แม้แต่สำนักน้อยใหญ่ในยุทธภพยังเฝ้ามองความเป็นไป

นิทานนี้มีการกล่าวถึงนานนับปี แต่ไม่มีผู้ใดสามารถหาตัวหรือร่องรอยของนักเล่านิทานผู้นั้นได้ จนมีข่าวลือว่าเขาเป็นผู้เยี่ยมยุทธไปมาไร้เงาประดุจภูติผี ต่อมาจึงมิมีผู้ใดกล้าตามหาตัวคน เพียงรับฟังเรื่องเล่าสุดพิศดารที่ว่า

‘โอสถสวรรค์แท้จริงเป็นดรุณีน้อย’ กำเนิดในฤกษ์ดาวเทียนจีทอแสง แรม 7 ค่ำเดือน 7 ตกฟากยามจื่อ ปีหม่า ยามกำเนิดเหลียนฮวาเบ่งบาน เยี่ยนจื่อขับขาน ตานติงเฮ่อโบยบิน [1]

หนึ่งกำเนิดสวรรค์ อีกหนึ่งกำเนิดมาร เฮยเหลียนฮวาโรยรา นภาก้องอสุนี ธรณีครองสีชาด

โลกนี้ไหนเลยมีเพียงด้านเดียว มีแสงย่อมเหลือบเงา เมื่อโอสถสวรรค์กำเนิดย่อมก่อเกิด ‘โอสถมาร’ กำเนิดฤกษ์ยามเดียวกัน แต่กลับคุณอนันต์เป็นโทษมหันต์

5 ปีต่อมา อาณาจักรต้าเซี่ย

ครืนนนนนนนน!!!

อุแว้ อุแว้!

“มีคนร้าย!!! คุ้มกันพระชายา!!!”

“คุ้มกันพระชายา!!!”

ครืนนนนนน เปรี้ยง!

ตำหนักจวิ้นอ๋อง ผู้ดำรงพระยศหมิง องค์ชายลำดับที่สี่ในฮ่องเต้เซี่ยเหวิน พระนามเสิ่นหรง ในคืนที่พระชายาเอกของจวิ้นอ๋องกำลังมีพระประสูติกาลเกิดอาเพทครั้งใหญ่ ท้องฟ้าดำมืดมวลพยัพเมฆทมิฬปกคลุมฟากฟ้าจนไร้เงาจันทร์ เสียงครืนครันประดุจเสียงคำรามของเฮยหลง [2] อสุนียบาตฟาดผ่านวังหลวงจนสะเทือนเลื่อนลั่น

ดอกบัวในสระหน้าตำหนักพระชายาเอกจวิ้นอ๋องเหี่ยวเฉาใบเขียวสดกลับมอดไหม้ราวถูกไฟบรรลัยกัลป์แผดเผา ดอกสือซว่าน [3] สีชาดชูช่อเบ่งบานราวกับอยู่ท่ามกลางหุบเขาหลัวเฟิง [4]

“พระชายาทรงพาเสี้ยนจู่เสด็จหนีไปยังทางลับก่อนเพคะ” ถงมามา นางกำนัลคนสนิทรีบอุ้มเสี้ยนจู่น้อยที่เพิ่งถือกำเนิดวางลงในอ้อมอกของพระชายาที่ยังอ่อนแรง

หมับ!

“ถงมามาไปกับข้าเถิด”

ฝ่ามือชุ่มเหงื่อเรียบตึงคว้าท่อนแขนของมามาร่างอวบที่กำลังหมุนตัวออกไปทางประตูวงเดือน วงพักตร์เรียวรูปไข่ดวงเนตรหงส์ดูอ่อนล้าแต่มั่นคงมองแม่นมของพระสวามีที่อยู่เคียงข้างพระนางมาตั้งแต่อภิเษกสมรส

ถงมามายิ้มอ่อนเพียงส่ายหน้าหนักแน่นคราหนึ่ง เม้มปากเหม่อมองห่อผ้าที่มีร่างจ้อยดิ้นขลุกขลัก ก่อนตัดใจเร่งฝ่าเท้าด้วยวิชาตัวเบาดุจนางแอ่นเหินออกไปยังหน้าตำหนัก

“ค้นให้ทั่ว!!! อย่าให้เหลือรอดแม้ชีวิตเดียว!”

“รักษาองค์ด้วยเพคะพระชายา!!”

“องครักษ์เงาคุ้มกันพระชายาหนีไป! พวกข้าจะต้านพวกนักฆ่าไว้เอง!!! ไช่หง ไช่อี้มากับข้า!!!”

เคร้ง! เคร้ง! เฟี้ยว!

ทั้งสองฝ่ายต่างเข้าโรมรันฟาดฟันกันดุเดือด นานเข้าทั้งสองฝ่ายก็เริ่มได้รับบาดเจ็บจากคมกระบี่และลูกธนู แม้เลือดโทรมกาย เจ็บร้าวลึกถึงกระดูกแต่ฝ่ายตำหนักอ๋องที่มีคนน้อยกว่าเกือบ 3 เท่า กลับไม่มีผู้ใดคิดถอย

“มามา! ไช่อี้! ไช่หง!” พระชายาร้องเรียกนางกำนัลส่วนพระองค์ทั้ง 2 และมามาข้างกายด้วยเสียงแหบแห้ง

การคลอดบุตรยาวนานกว่า 3 ชั่วยามสูบพลกำลังนางจนแทบประคองสติไว้ไม่ไหว

“พระชายารีบพาเสี้ยนจู่ตามกระหม่อมมาเถิดพะยะค่ะ!” หัวหน้าองครักษ์เงาเร่งนำหน้าไปเปิดประตูลับตรงด้านหลังโต๊ะวางคันฉ่อง

ทางลับนี้มีคนรู้เพียงแค่หยิบมือ

ยังพอถ่วงเวลาให้พระชายาทรงพาเสี้ยนจู่หลบหนีไปได้

นอกตำหนักหมิงเหลียงหยินเย่ว เกิดการนองเลือดธารโลหิตหลั่งรินทั่วผืนดิน ดอกสือซว่านกลับงดงามสะท้อนแสงคบเพลิง ร่างของเหล่าองครักษ์พิทักษ์วังอ๋องร่วงหล่นราวใบไม้ปลิดปลิว

ร่างของมามากระแทกล้มลงเป็นคนสุดท้าย ดวงตาพร่าเลือนก้มมองกระบี่ที่แทงทะลุกลางลำตัว เลือดแดงปนดำทะลักเปียกโชก เผยยิ้มปลดปลงสายหนึ่งหันมองนางกำนัลที่ต่อสู้เคียงข้างทั้งสอง

หนึ่งร่างโชกเลือดไร้ศีรษะอยู่ห่างไปทางขวา อีกร่างไร้แขนขาดวงตาเบิกโพลงอยู่ทางด้านหลัง

‘พระชายาพวกข้าได้แต่ไปรอท่านที่สะพานไน่เหอแล้ว อย่ารีบติดตามบ่าวเฒ่ามาเร็วนักเล่า’

ท่านอ๋องทรงนำทัพทำศึกกับชาวเหมียวใกล้เขตแดนทะเลทรายของอาณาจักรตงซีเมื่อ 5 เดือนก่อน ใครเล่าจะคาดว่าขณะที่ทุ่มเทสละเลือดเนื้อเพื่อความสงบสุขของต้าเซี่ย

กลับเกิดโศกนาฏกรรมในวังอ๋องและพระชายาทรงพระครรภ์ใกล้คลอด!

แรม 7 ค่ำ เดือน 7...ไยต้องเป็นกาลนี้!!!

3 เดือนต่อมา เลี่ยวหลาน เมืองหลวงต้าเซี่ย

“นั่น!!! ปิดประตูเมืองๆๆ กองทัพเฮยเฟิงจือสือ (มัจจุราชลมทมิฬ) มาแล้ว จวิ้นอ๋องก่อกบฏ!!!”

“ม้าเร็ว! ไปแจ้งข่าวยังวังหลวง!!”

“ทูลฝ่าบาท! ทัพกบฏปิดล้อมประตูเมืองทุกด้านแล้วพะยะค่ะ!!! ตอนนี้ทัพหลวงโยกย้ายกองกำลังได้เพียง 5 หมื่นนาย แม่ทัพใหญ่โจวคังคาดว่าจะถึงในอีก 5 วันพะยะค่ะ”

ปัง! เพล้ง!

“บัดซบ!!! เสิ่นหรง!!! ไอ้สุนัขเลี้ยงไม่เชื่องในที่สุดก็แว้งกัดข้า!!!”

“ฝ่าบาททรงโปรดระงับโทสะด้วยพะยะค่ะ”

“ทรงโปรดระงับโทสะด้วยพะยะค่ะ!”

ฮ่องเต้เซี่ยเหวินประทับนั่งบนบัลลังก์มังกร ทรงขว้างจอกน้ำจัณฑ์แตกกระจาย ขุนนางในท้องพระโรงเช้าที่กำลังออกว่าราชการกว่า 100 ชีวิต หมอบกราบด้วยเกรงว่าพระพิโรธจะตกมาถึงตน

“แม่ทัพใหญ่เถียน จงนำกำลังทัพทหารรักษาเมืองเข้าต้านทัพกบฏ ประกาศออกไปถอดพระยศจวิ้นอ๋องให้เป็นสามัญชน! ใครเข้าร่วมก่อกบฏประหารเจ็ดชั่วโคตร!!!”

รับสั่งสุรเสียงเกี้ยวกราดจนไม่มีขุนนางคนใดกล้าเงยหน้า

ขุนนางบุ๋นวัยกลางคนท่วงท่าองอาจลุกขึ้นจากแถวที่หมอบกราบอยู่ตอนหน้า มานั่งคุกเข่าศีรษะกดต่ำประสานมือคำนับต่อองค์เหนือหัว

“เถียนกวนถิงน้อมรับพระบัญชา” ขุนพลกล่าวเพียงนั้นรีบรุดออกจากท้องพระโรงไปยังค่ายทหารรักษาเมือง

ตึง ตึง ตึง ตึง...

กลองศึกถูกลั่นกระหน่ำปลุกใจเหล่าทหาร แม่ทัพใหญ่เป็นผู้นำทัพสร้างขวัญและกำลังใจแก่ทหารกล้าใต้บังคับบัญชาได้เป็นอย่างดี

“ปราบกบฏเสิ่นหรง! คืนความสงบสู่ใต้หล้า!”

“พลธนูไฟประจำป้อมรอบกำแพงเมือง!!! เผาน้ำมันดินไว้ รองแม่ทัพนำกำลังเสริมไปประจำประตูเมืองทิศตะวันออก!!!”

แม่ทัพใหญ่เถียนมาถึงกำแพงเมืองชั้นนอกก็เริ่มสั่งการป้องกันเมืองอย่างดุดัน ทั้งยังพยายามปลุกขวัญทหารไม่ให้หวาดกลัวทัพกบฏ แม้จวิ้นอ๋องจะได้ชื่อว่าเป็นเทพสงครามแห่งต้าเซี่ยก็ตาม

เฟี้ยว! ฉึก!

เคร้ง! เคร้ง!

“ระวังลูกธนู!!!”

ฝนธนูจากนอกกำแพงพุ่งแหวกอากาศมาจากระยะ 50 จั้งปักลงบนกำแพงบ้าง โดนทหารรักษาการใช้ดาบปัดป้องออกไปบ้าง แต่ทหารบางคนยังคงโดนลูกธนูปักทะลุเกราะอ่อนจนตกจากกำแพงเมือง

อ๊ากกกกก!

ศึกล้มล้างราชบัลลังก์อาณาจักรต้าเซี่ยได้เริ่มขึ้นแล้ว!

แม่ทัพกบฏในชุดเกราะพยัคฆ์สีดำบนหลังม้าเหงื่อโลหิต ใช้สายตาเฉียบคมจ้องมองแม่ทัพรักษาเมืองบนกำแพงหิน แบมือออกไปทางนายกองด้านข้าง

“นี่พะยะค่ะท่านอ๋อง” ธนูซินเย่ว (เดือนดับ) ถูกวางลงบนมือเรียวยาวราวบัณฑิต แต่ฝ่ามือสากด้านจากการจับศาตราวุธ

จวิ้นอ๋องน้าวคันธนูเหล็กสีดำจนเต็มวงเดือนด้วยท่อนแขนแข็งแกร่งทรงพลัง ใช้กำลังภายในเจ็ดส่วนก่อนจะปล่อยลูกธนูเหล็กหนักครึ่งจินพวยพุ่งฝ่ากระแสลมตรงดิ่งไปทางเป้าหมาย

เฟี้ยว!

ฉึก! กึง! “อึก!!!...”

“ท่านแม่ทัพ!!! แม่ทัพเถียนถูกยิง!!!”

แม่ทัพใหญ่ของทัพรักษาเมืองกระอักเลือดจากแรงปะทะของธนูที่ยิงทะลุบ่าจนหัวธนูปักลงลึกบนกำแพงเมือง ตรึงร่างในชุดแม่ทัพเกราะทองไว้ในท่ายืน

ลูกธนูติงจิ้นฉู่ (ตะปูเหล็ก) มีลักษณะพิเศษที่หัวธนูเป็น 4 แฉกใช้เจาะคว้านเนื้อทำให้ยากจะถอนออก ทั้งยังทำให้บาดแผลสาหัสเลือดไหลออกมาตามก้านธนู

ผู้ต้องฤทธิ์เกาทัณฑ์แล้วรอดชีวิตมิเคยปรากฏ...

“แม่ทัพเถียนสิ้นใจแล้ว!!!”

เฮ! เฮ!

“พังกำแพงเมืองเข้าไป!!”

ข่าวการเสียชีวิตของแม่ทัพเถียนทำให้ทหารรักษาเมืองระส่ำระสาย กองทัพกบฏฮึกเหิมโถมทำลายกำแพงเมืองจนพินาศ บุกเข้าสู่เมืองหลวงด้วยเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม

กองทัพกบฏกระจายกำลังควบคุมกำแพงเมืองทั้ง 3 ทิศ จวิ้นอ๋องและนายกองคนสนิทพร้อมด้วยทัพม้าบุกเข้าวังหลวง เข่นฆ่าทหารองครักษ์รักษาพระองค์จนธารโลหิตท่วมแผ่นอิฐทองคำ ราวกับจำลองสภาพวังอ๋องในคืนวิปโยค

ตึก ตึก ตึก...

“จะ จวิ้นอ๋อง กำลังมาทางนี้แล้ว ฝ่าบาทเสด็จหนีก่อนเถิดพะยะค่ะ”

ขันทีชราวิ่งล้มลุกคลุกคลานไร้ระเบียบเข้ามารายงานท่ามกลางความสงัดเงียบของพระตำหนักเฉียนชิงมีเสียงฝีเท้าก้าวหนัก ๆ เดินไม่ช้าไม่เร็วดังเข้าโสตประสาท

ตึก ตึก ตึก...ครืดดดด ครืด...

เสียงย่ำฝีเท้าด้านนอกตำหนักแต่ละก้าว เหมือนเหยียบขยี้ลงหัวใจที่บีบรัด ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินเหยียดริมฝีปาก กลับเปล่งเสียงหัวเราะวิปลาส “ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!!”

“เสิ่นหรง!!! ไอ้ลูกสุนัขชั่ว ท่านนักพรตเตือนข้าแล้วว่าแกจะก่อกบฏ!!!”

ฮ่องเต้ชี้นิ้วด่าทอสุรเสียงเกรี้ยวกราดใส่ร่างสูงใหญ่น่าเกรงขามในชุดเกราะดำ พระพักตร์และสายพระเนตรแดงก่ำดุจหยดเลือด

“ข้าไม่เคยคิดหวังบัลลังก์ของท่าน...เสด็จพ่อ”

“ล้วนเป็นท่านบีบคั้นข้า!!!”

“หึ...คำทำนาย? นักพรต? เหลวไหลสิ้นดี!!! หากท่านไม่แตะต้องลูกเมียข้า บ่าวไพร่ในจวนอ๋องอีก 300 กว่าชีวิต ทั้งขุนนางตงฉินที่ต้องถูกประหารสิ้นตระกูลไม่รู้เท่าไหร่ เพราะเชื่อลมปากลวงจากนักต้มตุ๋นเหล่านั้นท่านคงไม่มีจุดจบเช่นนี้!!!”

เสิ่นหรงเอ่ยความผิดพระบิดาด้วยเสียงดังกัมปนาทราวฟ้าผ่า ฮ่องเต้เซี่ยเหวินในพระชันษา 45 ปี ยังมีพระพลานามัยแข็งแรงกระฉับกระเฉงแต่ทรงเลอะเลือนศรัทธาในสิ่งลี้ลับ เชื่อถือในคำทำนายของนักพรตต้มตุ๋นจากตำหนักเทียนคง

“ข้าแค่กำจัดภัยร้ายให้ใต้หล้า!!!”

“แต่นั่นมันลูกข้า! หลานสาวแท้ ๆ ของพระองค์ที่เพิ่งลืมตาดูโลก!”

ป่วยการจะทุ่มเถียงกับผู้ที่ไม่สำนึกในสิ่งที่ได้กระทำ อดีตจวิ้นอ๋องจึงสั่งให้ทหารคุมตัวอดีตฮ่องเต้แห่งต้าเซี่ยไปคุมขังตลอดชีวิต

“กวาดล้างตำหนักเทียนคง! จับตัวนักพรตบัดซบนั่นมาให้ข้า!

[1] เหลียนฮวา – ดอกบัว, เยี่ยนจื่อ - นกนางแอ่น, ตานติงเฮ่อ - กระเรียนนางฟ้า หรือกระเรียนมงกุฏแดง

[2] เฮยหลง - มังกรดำ

[3] สือซว่าน – พลับพลึงแดง, พลับพลึงแมงมุม

[4] ภูเขาหลัวเฟิง - อยู่ทางทิศเหนือของปรโลกตามความเชื่อลัทธิเต๋า

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

Comments

No Comments
13 Chapters
บทนำ
‘อู๋จง’ แดนเทพยุทธ์บรรพกาลที่แบ่งเขตปกครองเป็น 3 อาณาจักรบน 5 แดนล่าง มีตำนานปรำปราเล่าขานอันน่าเหลือเชื่อ ไร้บันทึกจารจำไม่มีผู้ใดล่วงรู้ต้นกำเนิดมาจากที่ใด มีอยู่มานานเพียงไหนอยู่เรื่องหนึ่งธารเวลาทุก 700 สารทเวียนบรรจบ ก่อเกิด ‘โอสถสวรรค์’ ผู้มีบุญญาถือครอง ใต้หล้าสนองจำนงค์เป็นหนึ่ง...ชาวบ้านทั่วไปแม้นได้ฟัง ยังคิดเพียงไม่ใช่เรื่องตน แตกต่างจากราชสำนักของแต่ละอาณาจักร พรรคธรรมะ ลัทธิมารในยุทธภพล้วนเสาะแสวงหา แม้ไร้ซึ่งเบาะแสแต่อำนาจไหนเลยจะไม่จรุงกลิ่นหวานหอม10 ปีก่อน มีนักเล่านิทานปริศนาผู้หนึ่งเดินทางรอนแรมเล่าตำนานโอสถสวรรค์ในเมืองต่าง ๆ ของ 3 อาณาจักรบน อันได้แก่อาณาจักรต้าเซี่ย อาณาจักรเป่ยเหลียง และอาณาจักรตงซี จนบังเกิดความตื่นตัวแก่ราชสำนักของอาณาจักรทั้งสาม แม้แต่สำนักน้อยใหญ่ในยุทธภพยังเฝ้ามองความเป็นไปนิทานนี้มีการกล่าวถึงนานนับปี แต่ไม่มีผู้ใดสามารถหาตัวหรือร่องรอยของนักเล่านิทานผู้นั้นได้ จนมีข่าวลือว่าเขาเป็นผู้เยี่ยมยุทธไปมาไร้เงาประดุจภูติผี ต่อมาจึงมิมีผู้ใดกล้าตามหาตัวคน เพียงรับฟังเรื่องเล่าสุดพิศดารที่ว่า‘โอสถสวรรค์แท้จริงเป็นดรุณีน้อย’ กำเนิดในฤกษ์ดาวเทีย
last updateLast Updated : 2024-12-28
Read more
ตอนที่ 1 เด็กอัปมงคลแห่งหย่งฉวน (1)
5 ปีต่อมา หมู่บ้านหย่งฉวนชายแดนแคว้นเว่ย“นังตัวซวย! ใช้ให้ไปเก็บผักป่าเก็บฟืนซีกมายังได้มาแค่นี้ เลี้ยงเสียข้าวสุก! ถ้าไม่ทำงานเย็นนี้ก็ไม่ต้องกินข้าว!!!”ชาวบ้านในหมู่บ้านที่เดินผ่านประตูบ้านหู มักได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดด่าทอของสะใภ้ใหญ่หู ตงจื่อจิน พร้อมเสียงไม้เรียวฟาดกระทบเนื้อหนัง แรก ๆ ก็มีคนเวทนาปนสงสารเด็กน้อยช่วยพูดห้ามปราม แต่ถูกตอกกลับเสียหน้าหงาย‘ใจดีกันเหลือเกินนะ! จะเอานังตัวอัปมงคลนี่ไปเลี้ยงเองเลยหรือเปล่าล่ะ’“แค่ก ๆ ขะ...ข้าไม่สบายเจ้าค่ะท่านป้าตง จึงไม่ค่อยมีแรงเดิน” เด็กหญิงวัยห้าหนาว ใบหน้าตอบ ผิวกายขาวซีดเม้มปากตอบด้วยเสียงแหบเล็กเพียะ! เพียะ!“หนอยแน่… อย่ามาทำสำออย!!! ไปเก็บผักมาให้เต็มตะกร้าถ้ายังไม่เต็มไม่ต้องกลับมา ไสหัวไป!”นางจื่อจินไม่คิดฟังคำแก้ตัว หยิบไม้เรียวมาฟาดตามเนื้อตัวผอมแห้งไร้เนื้อหนัง จับกระชากแขนผอม ๆ เหมือนไม้ซีกไปทางประตูบ้านโยนออกไปพร้อมตะกร้าสานโครม!...ลำตัวเล็กจ้อยกระแทกพื้นตามแรงเหวี่ยงฝ่ามือเล็กครูดกับหินคมจนเลือดซึม ร่างกายไร้เรี่ยวแรงค่อย ๆ ลุกขึ้นเก็บตะกร้าขึ้นสะพายหลังเดินกระเผลกตรงไปยังทางขึ้นเขาท้ายหมู่
last updateLast Updated : 2024-12-28
Read more
ตอนที่ 1 เด็กอัปมงคลแห่งหย่งฉวน (2)
3 วันต่อมาภาพเด็กหญิงตัวน้อยสามคนเดินเท้าขึ้นเขาตั้งแต่กลางยามเหม่าคุ้นตาชาวบ้านที่พากันเข้าไปเสี่ยงโชคในป่า ป่าหลังหมู่บ้านหย่งฉวนหากข้ามเขาไปอีกฟากจะเป็นเขตรอบนอกของป่าซื่อเพียนซิน (สี่พิสดาร)เดินจากเขตรอบนอกไม่ถึงสิบลี้จะเริ่มเข้าเขตป่าชั้นนอก ซึ่งมักมีชาวบ้านในเขตชายแดนทั้งแคว้นจ้าวและแคว้นเว่ยออกมาหาของป่าไปขายหญ้าเกล็ดเพลิงนี้ เมิ่งซิ่วหลาน มารดาของเสิ่นซินเป็นผู้เก็บต้นสมุนไพรสดมาเพาะในเรือนเพื่อใช้ทำยาต้านพิษให้ลูกสาว และสมุนไพรที่ว่าตอนนี้ก็ได้หูชุนกับลู่เจียฮ่าวลักลอบนำมาปลูกบ้านลู่ไม่ให้บ้านใหญ่หูรู้“รู้สึกช่วงนี้ทางชายแดนมีข่าวไม่สู้ดี ญาติข้าที่แต่งไปหมู่บ้านผูถาวเตรียมเก็บของอพยพกันแล้ว”“เจ้าพูดจริงรึ! เช่นนี้หมู่บ้านเราล่ะ หัวหน้าหมู่บ้านจะรู้อะไรมาบ้าง”“ไม่ได้การ ข้าต้องรีบกลับไปถามให้รู้ความ หมู่บ้านเราห่างจากที่นั่นแค่ 40 ลี้”เด็กน้อยทั้งสองเงี่ยหูฟังท่านป้าในหมู่บ้าน ขณะที่นั่งพักในลานดินที่หญ้าสั้นกว่าบริเวณอื่น เพราะบริเวณนี้เป็นจุดพักและโดนเหยียบย่ำอยู่ทุกวัน“ซินซิน ที่ป้าหวังพูดเจ้ารู้เรื่องหรือไม่?” เจียวเจียวกับหลิงหลิงเบิกตามองอย่างคาดหวังว่าส
last updateLast Updated : 2024-12-28
Read more
ตอนที่ 2 ชีวิตที่เก็บตก (1)
“อ๊ากกก ช่วยด้วย!”เกวียนบ้านหูเพิ่งจะเคลื่อนไปได้ไม่นาน เสียงกรีดร้องหวาดกลัวกับเสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากดังมาจากทางหลังหมู่บ้านที่ติดกับทางขึ้นเขา“สวรรค์!!! ทหารแคว้นจ้าว!”“ย่ะ ๆ”ชาวบ้านวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น พี่ใหญ่หูตีวัวเร่งความเร็วขึ้น ด้วยความที่บรรทุกทั้งของทั้งคนจึงทำความเร็วสูงสุดไม่ได้แต่ก็ยังเร็วกว่าวิ่ง“ต้าหู! ขอข้าขึ้นเกวียนด้วย!”ชาวบ้านด้านหน้าเห็นเกวียนวัวก็ร้องขอ ทำท่าจะวิ่งมาล้อมเกวียน บ้านหูเห็นแบบนั้นหน้าเปลี่ยนสีทันที แค่พวกเขาวัวตัวเดียวกับข้าวของก็เต็มกลืนแล้วถ้ามีคนมาเพิ่มคงได้ตายกันหมด“ท่านพี่ขับต่ออย่าหยุด! น้องสามีมาช่วยข้าเดี๋ยวนี้!!!” นางตงรีบจับไม้ฟืนขึ้นมาท่อนหนึ่ง ตะโกนบอกน้องสามีแล้วเริ่มทุบตีคนที่จะโดดขึ้นมาบนเกวียน“เจ้าสองคนมัวนั่งบื้อทำไม ลุกขึ้นมาช่วยข้าถ้าไม่อยากตาย!!!”นางเห็นน้องสามีกับภรรยานั่งอึ้งตกตะลึงก็หันไปตวาดสั่งเกรี้ยวกราด ออกแรงทุบตีไปด่ากราดไปด้วย “ไอ้สวะอย่าขึ้นมา! ลงไป!”หูชุนปิดตาร่ำไห้โดยไร้เสียงมองเหล่าเพื่อนบ้านท่าทางสิ้นหวังปนคับแค้นมองมายังเกวียนของพวกตน สุดท้ายก็เอื้อมมือสั่นเทาไปหยิบท่อนฟืนขนาดใหญ่ขึ้นมาหากเขาไม่แข็
last updateLast Updated : 2025-02-13
Read more
ตอนที่ 2 ชีวิตที่เก็บตก (2)
2 วันต่อมา‘หุบเขาหงถาว’ (ท้อแดง) มีโอกาสได้ต้อนรับอาคันตุกะที่ลักพา...แค่ก เชื้อเชิญมาด้วยวิธีการอันไม่น่าจะกล่าวถึงนัก 2 คน เดิมทีคนของนายท่านใช้วิธีการต่าง ๆ นานากล่าวเชื้อเชิญอย่างสุภาพ... ‘ข้าอารมณ์ไม่ดีไม่ไป’เสนอรางวัลให้อย่างงาม... ‘เหอะ! เงินทองนับเป็นกระไรได้ ไม่ไป!’ล้อมจับ... ‘ฮึ...คิดหรือว่าข้าจะกลัว เจอพิษที่ข้าคิดขึ้นมาใหม่หน่อยปะไร”จนสุดท้ายนายท่านสั่งให้ยื่นจดหมายฉบับหนึ่ง... ‘โอ้...หมอต้องมีจิตใจแห่งโพธิสัตว์ ไยไม่เร่งนำทางอีก’“ไหนคนไข้ รีบพาข้าไปหาเร็วเข้า!” เดินทางรอนแรมเกือบเดือนอย่างเร่งรีบด้วยวิชาตัวเบาสลับกับการขี่ม้า ไม่ต้องให้พูดถึงสภาพผู้มาเยือนเลย แต่ละคนแข้งขาสั่นแรงเดินไม่มี สภาพสกปรกมอซอราวขอทาน“จับโยนลงสระเย็น” เสียงเฉื่อยชาไม่บ่งบอกอายุของชายหนุ่มผมเงินดูเจ้าสำราญ เขากำลังนั่งยกจอกสุราอุ่น ๆ ขึ้นจิบ ท่วงท่าทิ้งตัวพิงขอบตั่งเปิดสาบเสื้อให้แยกออกเห็นผิวเนื้อแน่นตึงดูเยี่ยงไรก็คล้ายคุณชายเสเพลท่านหนึ่ง“ขอรับนายท่าน!”“เพ้ย! ไอ้หนุ่มหัวหงอก! นี่หรือมารยาทรับรองแขกของเรือนเจ้า” หมอประหลาดโวยวายตอนโดนมือขวาของเจ้าหุบเขาหิ้วคอเสื้อด้านหลังชายผมเงินแม้ส
last updateLast Updated : 2025-02-13
Read more
ตอนที่ 3 นามรอง (1)
7 วันผ่านไปอาการกำเริบของพิษเย็นถูกหมอเฒ่าและยายเฒ่าช่วยกันหาทางระงับควบคุมไว้ได้ ทำให้เสิ่นซินกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว‘เจ้าไม่ใช่ศิษย์ข้า แต่เป็นคุณหนูน้อยแห่งหุบเขาหงถาว’เสิ่นซินเรียกขานท่านเจ้าหุบเขาเป็นอาจารย์เขากลับรีบปฏิเสธ สุดท้ายบอกว่าอยากเรียกอะไรได้ทั้งนั้นยกเว้นอาจารย์ และฐานะของนางถูกยกเป็นคุณหนูน้อยไปแล้ว“ชีพจรวันนี้ดีนัก เจ้ากินยาเทียบนี้ติดต่อกันสัก 3 ปี อาการกำเริบของพิษเย็นจะกำเริบเหลือปีละ 2 ครั้ง หลังจากนั้น ในวันที่ร้อนที่สุดและเย็นที่สุดของปี”“ไม่ได้หายขาดหรือเจ้าคะ?” เสิ่นซินถามด้วยความผิดหวัง“ข้าเป็นหมอมิใช่เทพเซียน! พิษประหลาดของเจ้าไร้ที่มา ข้ากดอาการของมันให้เจ้าได้นับว่าดีเท่าไหร่!” คำถามของเด็กน้อยหมอประหลาดเหมือนโดนเหยียบหาง ลุกขึ้นมาเต้นเร่ายิ่งดวงตากลอกกลิ้งไม่เชื่อถือ...ราวกับเขามีเพียงราคาคุย!“เพ้ย! ถึงไม่หายขาดแต่เจ้าสามารถโคจรลมปราณได้โดยแลกกับอาการกำเริบเดือนละครั้ง!”“ท่านทำการค้ารึ? เอาผลประโยชน์เล็กน้อยล่อลวงข้าหวังให้ข้าคล้อยตาม”เสิ่นซินแม้ยังไม่หายดี แต่เป็นเด็กใฝ่รู้จนน่ากลัว กลางวันเรียนหนังสือโดยท่านจ้าวหุบเขาสอนด้วยตนเอง ตกเย็
last updateLast Updated : 2025-02-13
Read more
ตอนที่ 3 นามรอง (2)
…ได้ผลชงัด บังเกิดความเงียบขึ้นรอบโต๊ะกินข้าว พวกผู้ใหญ่เบิกตามองหน้ากันไปมา แม้แต่โม่โฉ่วยังชะงักมือที่ถือจอกสุราแล้ววางลง“แค่ก...เจ้าชื่ออะไร?” เจ้าหุบเขาที่ปกติดูเฉื่อยชาไม่อินังขังขอบ บัดนี้แสร้งไอกลบเกลื่อน ใบหน้ากระอักกระอ่วน“ข้าแซ่เสิ่น นามเกิดว่าซิน เขียนด้วยความสุข [1] คำนับอาวุโสทุกท่านเจ้าค่ะ”“เสี่ยวซินแล้วนามรองของเจ้าล่ะ?” ตู๋ยี่รีบขานเรียกสนิทสนม อดถามเรื่องนามรองไม่ได้เพราะดูอย่างไรนังหนูก็ไม่เหมือนลูกหลานชาวบ้านชาวป่า พอหลุดถามไปเด็กน้อยมีสีหน้าสลดลง“ท่านแม่รอท่านพ่อของข้ามาตั้งให้เจ้าค่ะ” เสิ่นซินฝืนยิ้มทั้งใบหน้าคล้ายจะร้องไห้นางไม่เคยเห็นหน้าบิดา มีเพียงภาพวาดที่ท่านแม่เคยนำออกมาให้ดู เปลือกตาบางใสราวไข่มุกหลุบลงปกปิดแววตาเจ็บปวดอายุเพียงนางยังไม่รู้วิธีปกปิดความรู้สึก ผู้ใดย่อมมองออกพรึ่บ!โม่โฉ่วพลันลุกขึ้นใช้วิชาตัวเบาเร่งร้อนหายไปทางห้องหนังสือ เขาปิดประตูเก็บตัวอยู่ในนั้นทั้งคืนหลี่เฉียงและหลี่เหว่ย ผู้เป็นมือขวาและมือซ้ายของเจ้าหุบเขาเห็นแสงไฟในห้องนั้นถูกจุดตลอดทั้งคืนเช้าวันรุ่งขึ้น เสิ่นซินตื่นนอนตั้งแต่ยามเหม่าตามความเคยชิน แต่นางยังไม่ลุกจากเตีย
last updateLast Updated : 2025-02-13
Read more
ตอนที่ 4 ลักพาตัว (1)
เพียงชั่วยามเดียวในหอฉานยี่ จากคุณชายน้อยปากหวาน กลายเป็นตัวขี้เมาน้อยไปแล้ว“ม่ายมาววว ศิษย์เพ่ เอิ๊ก... เหล้านี่มันดีเจรง ๆ ตัวข้าอุ่นขึ้นมาแล้ว ท่านดู!” ผิวเนื้อที่มักขาวซีดและให้สัมผัสเย็น หากยื่นมือไปสัมผัสตอนนี้จะไม่เย็นมากนักแล้วใบหน้ากลมขาวแดงจัด ตาเยิ้มจวนจะปิด เดินตัวเอนเดินหน้าหนึ่งสามก้าวถอยจนพุงกลมแอ่น“เจ้าเดินให้ดีหน่อย” หวังหยูซินที่จิบไปจอกเดียวก็มีสีชมพูเจือจางตรงโหนกแก้ม หอบหิ้วเจ้าซาลาเปาน้อยกระเตงข้างเอวการฝึกยุทธ์ทำให้นางมีเรี่ยวแรงพอ ๆ กับผู้ใหญ่ อุ้มเด็กคนหนึ่งจึงไม่เหนือบ่ากว่าแรง แต่คงไม่สามารถใช้ออกด้วยวิชาตัวเบาพากลับหุบเขาได้ขณะเดินผ่านตรอกมืดซึ่งเป็นทางลัดไปโรงเตี๊ยมพรึ่บ!กระสอบผ้าถูกยกเตรียมครอบลงจากทางศีรษะ แต่หวังหยูซินเบี่ยงหลบทัน แล้วกระโจนถอยหลังไม่มั่นคง ตัวเซอีก 2 ก้าว“จับตัวไว้!”เสิ่นซูเย่วถูกการเคลื่อนไหวกะทันหันทำเอาวิงเวียนตาลาย จะลงมายืน อ้อมแขนของศิษย์พี่ก็ไม่ปล่อย“ซูเย่วอย่าดื้อ เกาะศิษย์พี่ไว้”เพราะมีลูกลิงห้อยโหนอยู่บนตัว ศิษย์เอกหมอประหลาดจึงใช้แขนได้เพียงข้างเดียว ฝ่ายตรงข้ามมีคนที่เป็นวรยุทธ์ระดับต่ำอยู่ 3 คน“เด็กนี่มีวรยุทธ์
last updateLast Updated : 2025-02-13
Read more
ตอนที่ 4 ลักพาตัว (2)
เมืองอิงจี้ที่ว่าการศาลต้าหลี่ประจำเมืองกำลังจะลุกเป็นไฟแล้วจริง ๆ เพราะบุรุษร่างสูงในอาภรณ์สีดำขลิบทองหลุดรุ่ยแบบบุรุษเสเพล แต่ใบหน้าของเขายามนี้เย็นชาสุดขั้วขับผมสีเงินโดดเด่นยิ่งดูเยือกเย็น“จอมยุทธ์โปรดยั้งมือด้วย!” หัวหน้าศาลต้าหลี่ประจำเมืองตอนนี้ใช้ปลอกดาบยันพื้นคุกเข่าลงข้างหนึ่งกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่เบื้องหน้า“ทางการจะสืบสวนเรื่องอย่างยุติธรรมแน่นอน ท่านโปรดวางใจ ทางการเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจข้าได้ระดมกำลังคนตามหาคุณหนูน้อยทั้งสองของท่านและเด็กคนอื่น ๆ ที่หายไปแล้ว”“เหอะ!...”ยังไม่ทันที่โม่โฉ่วจะสะบัดชายเสื้อคลุมจากไป หลี่เหว่ยก็รีบร้อนเข้ามารายงานเสียก่อน“นายท่าน! ได้เบาะแสแล้วขอรับ มีชาวบ้านทางฝั่งประตูตะวันออกเห็นยามเปิดประตูเมืองให้รถลากออกไปกลางยามโฉ่วสองคัน”บัดซบ! ใครมันกล้ารับสินบนใต้จมูกข้า!หัวหน้าศาลต้าหลี่สบถสาบานในใจดุเดือด ยิ่งเห็นสายตาเย็นเยียบที่ปรายมาใจแทบจะกระเด้งกระดอนจุกปาก‘มารดามันเถอะ! ใครจะคิดว่าเมืองนี้จะซ่อนสำนักยุทธ์ที่เก่งกาจแบบนี้ไว้’“ฮะ ฮะ ท่านเจ้าหุบเขา ในเมื่อเจอเบาะแสเราก็รีบติดตามคนเถอะ... พวกเจ้าส่งกำลังคนขี่ม้าเร่งติดตามร่องรอยไปเดี๋ยวนี้
last updateLast Updated : 2025-02-13
Read more
ตอนที่ 5 พรหรือคำสาป (1)
ฟู่ว...จู่ ๆ กลิ่นหอมรัญจวนอ่อนจางก็กำจายไปทั่วห้อง กลิ่นนี้มีคล้ายไม่มีแต่ทำให้ผู้ที่ได้กลิ่นมัวเมาเคลิบเคลิ้ม เพียงสูดดมร่างกายรู้สึกสดชื่นความเหนื่อยล้าหายไป สมองแจ่มใสสงบนิ่ง‘ไม่ถูกต้อง!’กลิ่นนี้มาจากที่ใด มือที่เรียวเนียนไม่เหมือนของชายวัยกลางคนชะงักการแกะผ้าออกจากแผลของศิษย์คนเล็ก“ยายเฒ่าเจ้าเข้ามาตรงนี้สักหน่อย ท่านหลี่เฉียงวานท่านปิดประตูหน้าต่างรอบห้องทั้งหมดให้ข้าที ช่วยตามเจ้าหุบเขามาสักหน่อยเถอะ” ท่าทางเคร่งเครียดของหมอประหลาด จึงไม่มีใครกล้าชักช้าหรืออิดออด“นี่...นี่มัน หากดอกฉวินเซียน (ทวยเทพ) มีจริงเกรงว่าจะมีกลิ่นเช่นนี้!!!” ตู๋ยี่อุทานอย่างพรั่นพรึง ก้าวถอยซวนเซสับสนโม่โฉ่วกำลังย่างเท้าเข้าประตูมาทันได้ยินเข้าหน้าเปลี่ยนสีแทบไม่น่าชมดู“ฉีก้วยเชิง ตู๋ยี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น!”หมอประหลาดไม่พูดมากความ เขาดึงผ้าตรงขากางเกงของเสิ่นซูเย่วขึ้น ป้ายเลือดที่ซึมออกมานำไปหยดลงบนใบกล้วยไม้ในกระถางที่เหี่ยวเฉาใช้เวลาแค่จิบชาใบสีน้ำตาลค่อย ๆ ฟื้นความเขียวขจี“ยังมีกลิ่นหอมที่คล้ายดอกฉวินเซียนในตำนานนี่อีก นี่มันเรื่องใหญ่โตเกินไปแล้ว”ดอกฉวินเซียนเล่าขานกันว่าเป็นดอกไม้ที่มีส
last updateLast Updated : 2025-02-13
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status