Home / รักโบราณ / โอสถฟ้าบัญชารัก / ตอนที่ 3 นามรอง (1)

Share

ตอนที่ 3 นามรอง (1)

last update Last Updated: 2025-02-13 23:38:06

7 วันผ่านไป

อาการกำเริบของพิษเย็นถูกหมอเฒ่าและยายเฒ่าช่วยกันหาทางระงับควบคุมไว้ได้ ทำให้เสิ่นซินกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว

‘เจ้าไม่ใช่ศิษย์ข้า แต่เป็นคุณหนูน้อยแห่งหุบเขาหงถาว’

เสิ่นซินเรียกขานท่านเจ้าหุบเขาเป็นอาจารย์เขากลับรีบปฏิเสธ สุดท้ายบอกว่าอยากเรียกอะไรได้ทั้งนั้นยกเว้นอาจารย์ และฐานะของนางถูกยกเป็นคุณหนูน้อยไปแล้ว

“ชีพจรวันนี้ดีนัก เจ้ากินยาเทียบนี้ติดต่อกันสัก 3 ปี อาการกำเริบของพิษเย็นจะกำเริบเหลือปีละ 2 ครั้ง หลังจากนั้น ในวันที่ร้อนที่สุดและเย็นที่สุดของปี”

“ไม่ได้หายขาดหรือเจ้าคะ?” เสิ่นซินถามด้วยความผิดหวัง

“ข้าเป็นหมอมิใช่เทพเซียน! พิษประหลาดของเจ้าไร้ที่มา ข้ากดอาการของมันให้เจ้าได้นับว่าดีเท่าไหร่!” คำถามของเด็กน้อยหมอประหลาดเหมือนโดนเหยียบหาง ลุกขึ้นมาเต้นเร่า

ยิ่งดวงตากลอกกลิ้งไม่เชื่อถือ...

ราวกับเขามีเพียงราคาคุย!

“เพ้ย! ถึงไม่หายขาดแต่เจ้าสามารถโคจรลมปราณได้โดยแลกกับอาการกำเริบเดือนละครั้ง!”

“ท่านทำการค้ารึ? เอาผลประโยชน์เล็กน้อยล่อลวงข้าหวังให้ข้าคล้อยตาม”

เสิ่นซินแม้ยังไม่หายดี แต่เป็นเด็กใฝ่รู้จนน่ากลัว กลางวันเรียนหนังสือโดยท่านจ้าวหุบเขาสอนด้วยตนเอง ตกเย็นสอบถามเรื่องทำการค้ากับหลี่เหว่ยมือซ้ายของเจ้าหุบเขา

อย่าเห็นนางเป็นเพียงเด็กน้อยไม่รู้ความ สิ่งใดได้รับการสอนสั่งล้วนจดจำไม่ลืม ภายใน 7 วันที่ลืมตาตื่นสามารถเรียนรู้ตัวอักษรได้มากกว่า 350 ตัวแล้ว

โม่โฉ่วยามค้นพบมีประกายแปลกประหลาดสะท้อนผ่านแววตาเฉื่อยชา แล้วหายไปไร้ร่องรอย

ตู๋ยี่เห็นหน้าดำจนเขียวของหมอประหลาดก็หัวเราะใส่หน้า “ฮ่า ฮ่า ไอ้หมอเฒ่าโดนเด็กถอนหงอกแล้ว”

“เหอะ! เจ้าอยู่มา 5 เดือนกลับทำอันใดไม่ได้ กล้ากล่าววาจาต่อหน้าข้ารึ” สองผู้เยี่ยมยุทธ์ไม่มีใครยินยอม ทำท่าจะวางมวยเตรียมควักทั้งพิษทั้งยาในห่อพกมาสาดใส่กัน

“ท่านป้าตู๋ยี่กับท่านลุงฉีก้วยเชิงผู้ใดเก่งกาจกว่ากันหรือเจ้าคะ” เสิ่นซินที่นอนชมดูก็ถามขึ้นราวไม่ตั้งใจ

“ข้า!”

“ข้า!”

ยายเฒ่าพิษและหมอประหลาดแทบจะตอบออกมาพร้อมกัน

“เรื่องปรุงพิษแก้พิษตัวข้าตู๋ยี่เป็นหนึ่งย่อมไม่มีสอง พิษเจ็ดราตรีเลือนรางของข้ายังไม่มีผู้ใดแก้พิษได้ แม้แต่ไอ้หมอเก๊นี่” ยายเฒ่ายืดอกยืดหลังด้วยภูมิใจหนักหนา แสยะยิ้มเหยียดใส่หมอเทวดาที่เต้นผาง

“ถุย ๆ ตัวเจ้ายังแก้พิษที่ปรุงเองมิได้ ปรุงใหม่ก็มิได้เอาอันใดมาภูมิใจ ที่ข้าแก้ไม่ได้เพราะเจ้าไม่ยอมบอกสมุนไพรตัวสุดท้าย!!!”

เสิ่นซินชมดูความสัมพันธ์พิลึกพิลั่นของสองผู้อาวุโส ทั้งสองคล้ายชมชอบแข่งขัน แม้ไม่มีเจตนามุ่งร้ายแต่ยามประลองฟาดฟันถึงตาย นางเอนตัวพิงหัวเตียงเก็บงำประกายเจ้าเล่ห์ในเงามืด

“พวกท่านแข่งกันหลายสิบปีกลับไม่มีผู้ใดแพ้ชนะ ไม่สู้สอนสั่งผู้คนให้มาเป็นตัวแทนแข่งแทนตน? ใครสอนสั่งได้ดีกว่าย่อมฝีมือร้ายกาจกว่า” คำแนะนำเรียบง่ายของเด็กหญิงกลับไปปลุกไฟต่อสู้ของทั้งสอง

“งั้นเจ้ามาเรียนวิชาพิษจากข้า” ตู๋ยี่รีบจับจองเสิ่นซินนำหน้าหมอประหลาดไปครึ่งก้าว

“เพ้ย! เจ้าจะโกงข้ารึไร! พรสวรรค์นังหนูนี่ในรอบ 100 ปี จะมีสักคน ไม่ได้จะหาคนสอนสั่งแข่งกันต้องมีพรสวรรค์เทียบเท่ากันจึงจะถูก!”

“ถ้าเจ้าทวงถามความเหลื่อมล้ำของพรสวรรค์ มิสู้ต้องสอนคนเดียวกันเลยรึไง!” แม่เฒ่าพิษถูกแย่งคนก็โมโหหลุดปากกระแทกเสียง แต่หมอประหลาดกลับชะงักคิดตาม

“ได้! ถ้างั้นข้าสอนวิชาแพทย์ เจ้าสอนวิชาพิษผลัดกันคนละ 2 ชั่วยามต่อวัน พอครบปีมาทดสอบความก้าวหน้า 1 ครั้ง”

“ดี!”

“ดี!”

ครานี้กลับเห็นดีเห็นงามพูดตกลงกันเองเสร็จสรรพ

...

เสิ่นซินกลายเป็นศิษย์ของทั้งสองแบบงง ๆ

เด็กหญิงกดตามองต่ำปกปิดแววเจ้าเล่ห์สมใจ ไม่คิดว่าจะได้ผลที่เกินคาด คิดว่าขอเพียงได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของท่านผู้ใดผู้หนึ่งก็ดีแล้ว

“ตอนเช้ากับเย็นต้องฝึกปราณกับข้า ครึ่งเช้าเรียนวรยุทธ์ เขียนอักษร ที่เหลือพวกท่านแบ่งเวลาเอาเอง” เจ้าหุบเขาเยี่ยมหน้ามาจัดตารางเวลาโดยไม่ต้องการคำโต้แย้ง

เสิ่นซินรับฟังการจัดตารางใหม่อ้าปากค้าง นางลืมเจ้าหุบเขาผู้นี้ไปได้อย่างไร! ตอนนี้ตารางการเรียนของนางไม่มีเวลาพักตั้งแต่รุ่งสางจรดค่ำ

พวกเขาลืมหรือไรว่า...นางเพิ่งจะ 5 หนาว!!!

ทุ่มหินไม่พ้นหัวแม่เท้าตนเสียแล้ว

ตกเย็นเสิ่นซิ่นถูกเชิญมาร่วมสำรับกับทุกคนที่ห้องโถงของเรือนใหญ่เป็นวันแรก เพราะได้รับอนุญาตจากหมอจริงและหมอพิษแล้ว

บนโต๊ะอาหารมีกับข้าวง่าย ๆ 5 อย่าง น้ำแกง 1 อย่าง หุบเขานี้นอกจากเจ้าหุบเขานายบ่าวทั้งสาม ยังมีบ่าวที่ทำงานหยาบประเภทใช้แรงงานอีกเพียง 3 คน แม่ครัวอีก 1 พวกเขาพักอยู่เรือนหลังป่าไผ่

และด้วยลักษณะนิสัยของเจ้าหุบเขา ในเรือนจึงค่อนข้างหย่อนยานกฎระเบียบ อย่างตอนกินข้าวก็ไม่ได้ห้ามพูดคุย

“ร่างกายนางดีพอที่จะเริ่มเรียนได้หรือยัง?” โม่โฉ่วหยิบจอกสุราขึ้นจิบ อีกมือก็ใช้ตะเกียบคีบเนื้อไก่ขอทานเข้าปาก

“เรื่องฝึกยุทธ์เดินลมปราณทำได้ แต่จะมีผลข้างเคียงคือลมปราณที่หมุนวนจะมีไอเย็นแทรกอยู่ มีทั้งข้อดีข้อเสีย”

กึก กึก...

หมอประหลาดตอบไปก็ใช้ตะเกียบประมือกับยายเฒ่าพิษเหนือโต๊ะ “ไก่ชิ้นนี้ข้าคีบก่อน!”

“ใครดีใครได้”

“ศิษย์พี่ ปกติท่านอาจารย์เป็นเช่นนี้?” เสิ่นซินหันไปถามศิษย์พี่ใหญ่หวังหยูซินเสียงเบา ท่าทางไม่แน่ใจปนคลางแคลง

หวังหยูซินหันมองสภาพอาจารย์ มวยผมหลุดลุ่ย ใบหน้าแดงยับยู่ ไหนเลยเหลือท่าทางสง่างามของหมอเทวดา

“ศิษย์พี่มีคำกล่าวสอนเจ้า ‘อย่าตัดสินคนแต่เพียงภายนอก’ รอดูนิสัยให้ถ่องแท้ก่อน” นางเองก็ถูกท่าทางอ่อนโยนใจดีแรกพบของอาจารย์หลอกลวงเช่นกัน

“เป็นเช่นนั้น!” เสิ่นซินพยักหน้าท่าทางรู้ความ ดวงตาเปล่งประกาย

ศิษย์พี่เห็นศิษย์น้องว่านอนสอนง่ายน่าเอ็นดูสายตาเฉยชาก็อ่อนลง “กินต่อเถอะไม่ต้องใส่ใจ”

เพียะ!

“ข้อดีข้อเสียของไอเย็นในร่างยาโถว [1] ?” โม่โฉวใช้ตะเกียบชิงไก่ชิ้นที่ก่อสงครามเข้าปากหน้าตาย ทำหมอประหลาดและยายเฒ่าพิษหรี่ตามองหน้ากันแล้ววางตะเกียบลง

‘ไอ้หนุ่มนี่ฝีมือไม่ธรรมดา’

สามารถลบกำลังภายในของพวกเขาสองคนที่ปะทะกันได้เรียบง่าย ไม่แน่หากวัดกันที่วรยุทธ์เขาร่วมมือกับยายเฒ่าพิษยังไม่อาจเอาชนะเจ้าหุบเขานี่ได้

“ข้อเสียคือไอเย็นจะกัดกร่อนเส้นลมปราณ ร่างกายจะอ่อนแอเจ็บป่วยง่าย แต่ถ้าพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสหากนังหนูทนไหวใช้ไอเย็นในการขยายขนาดเส้นลมปราณได้...”

ร่างกายนี่จะกลายเป็นอัจริยะแห่งยุคด้านการฝึกยุทธ์!

เส้นลมปราณที่กว้างสามารถกักเก็บพลังปราณให้หมุนวนตามจุดชีพจรได้มากกว่า เปรียบกับเจ้าเป็นแม่น้ำ ผู้อื่นเป็นเพียงลำธารสายเล็ก

เวลาฝึกปรือจะได้ผลลัพธ์ดีและเร็วกว่า

การใช้ออกของกำลังภายในย่อมรุนแรงกว่าคนที่มีพลังฝึกปรือเท่ากัน

“ต้องใช้สิ่งใดเป็นตัวช่วย?” เจ้าหุบเขารินสุราหงถาวใส่จอกของหมอประหลาดและยายเฒ่าพิษที่ยื่นมา

“สุราดี! สุรานี่ดีกว่าสุราดอกท้อของสำนักกระเรียนเงินเสียอีก!” ตู๋ยี่ที่ได้จิบคำแรกถึงกับอุทานอย่างประหลาดใจ โดยไม่เห็นมือของโม่โฉวที่ชะงักไปช่วงสั้น ๆ

“ใช้หญ้าเกล็ดเพลิงมาเป็นตัวยาลดฤทธิ์ยาให้อ่อนลง ใช้ตอนที่นังหนูเดินลมปราณทุกครั้ง”

เสิ่นซินได้ยินชื่อสมุนไพรคุ้นหูอดแปลกใจไม่ได้

‘แสดงว่าท่านแม่มีความรู้เรื่องสมุนไพร’

เด็กหญิงปัดความคิดนี้ไปก่อน ตอนนี้มีสิ่งสำคัญเร่งด่วนกว่า

“พวกท่าน! ข้ามีชื่อนะเจ้าคะ!!!”

[1] ยาโถว - คำเรียกเด็กน้อย สาวน้อย

Related chapters

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 3 นามรอง (2)

    …ได้ผลชงัด บังเกิดความเงียบขึ้นรอบโต๊ะกินข้าว พวกผู้ใหญ่เบิกตามองหน้ากันไปมา แม้แต่โม่โฉ่วยังชะงักมือที่ถือจอกสุราแล้ววางลง“แค่ก...เจ้าชื่ออะไร?” เจ้าหุบเขาที่ปกติดูเฉื่อยชาไม่อินังขังขอบ บัดนี้แสร้งไอกลบเกลื่อน ใบหน้ากระอักกระอ่วน“ข้าแซ่เสิ่น นามเกิดว่าซิน เขียนด้วยความสุข [1] คำนับอาวุโสทุกท่านเจ้าค่ะ”“เสี่ยวซินแล้วนามรองของเจ้าล่ะ?” ตู๋ยี่รีบขานเรียกสนิทสนม อดถามเรื่องนามรองไม่ได้เพราะดูอย่างไรนังหนูก็ไม่เหมือนลูกหลานชาวบ้านชาวป่า พอหลุดถามไปเด็กน้อยมีสีหน้าสลดลง“ท่านแม่รอท่านพ่อของข้ามาตั้งให้เจ้าค่ะ” เสิ่นซินฝืนยิ้มทั้งใบหน้าคล้ายจะร้องไห้นางไม่เคยเห็นหน้าบิดา มีเพียงภาพวาดที่ท่านแม่เคยนำออกมาให้ดู เปลือกตาบางใสราวไข่มุกหลุบลงปกปิดแววตาเจ็บปวดอายุเพียงนางยังไม่รู้วิธีปกปิดความรู้สึก ผู้ใดย่อมมองออกพรึ่บ!โม่โฉ่วพลันลุกขึ้นใช้วิชาตัวเบาเร่งร้อนหายไปทางห้องหนังสือ เขาปิดประตูเก็บตัวอยู่ในนั้นทั้งคืนหลี่เฉียงและหลี่เหว่ย ผู้เป็นมือขวาและมือซ้ายของเจ้าหุบเขาเห็นแสงไฟในห้องนั้นถูกจุดตลอดทั้งคืนเช้าวันรุ่งขึ้น เสิ่นซินตื่นนอนตั้งแต่ยามเหม่าตามความเคยชิน แต่นางยังไม่ลุกจากเตีย

    Last Updated : 2025-02-13
  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 4 ลักพาตัว (1)

    เพียงชั่วยามเดียวในหอฉานยี่ จากคุณชายน้อยปากหวาน กลายเป็นตัวขี้เมาน้อยไปแล้ว“ม่ายมาววว ศิษย์เพ่ เอิ๊ก... เหล้านี่มันดีเจรง ๆ ตัวข้าอุ่นขึ้นมาแล้ว ท่านดู!” ผิวเนื้อที่มักขาวซีดและให้สัมผัสเย็น หากยื่นมือไปสัมผัสตอนนี้จะไม่เย็นมากนักแล้วใบหน้ากลมขาวแดงจัด ตาเยิ้มจวนจะปิด เดินตัวเอนเดินหน้าหนึ่งสามก้าวถอยจนพุงกลมแอ่น“เจ้าเดินให้ดีหน่อย” หวังหยูซินที่จิบไปจอกเดียวก็มีสีชมพูเจือจางตรงโหนกแก้ม หอบหิ้วเจ้าซาลาเปาน้อยกระเตงข้างเอวการฝึกยุทธ์ทำให้นางมีเรี่ยวแรงพอ ๆ กับผู้ใหญ่ อุ้มเด็กคนหนึ่งจึงไม่เหนือบ่ากว่าแรง แต่คงไม่สามารถใช้ออกด้วยวิชาตัวเบาพากลับหุบเขาได้ขณะเดินผ่านตรอกมืดซึ่งเป็นทางลัดไปโรงเตี๊ยมพรึ่บ!กระสอบผ้าถูกยกเตรียมครอบลงจากทางศีรษะ แต่หวังหยูซินเบี่ยงหลบทัน แล้วกระโจนถอยหลังไม่มั่นคง ตัวเซอีก 2 ก้าว“จับตัวไว้!”เสิ่นซูเย่วถูกการเคลื่อนไหวกะทันหันทำเอาวิงเวียนตาลาย จะลงมายืน อ้อมแขนของศิษย์พี่ก็ไม่ปล่อย“ซูเย่วอย่าดื้อ เกาะศิษย์พี่ไว้”เพราะมีลูกลิงห้อยโหนอยู่บนตัว ศิษย์เอกหมอประหลาดจึงใช้แขนได้เพียงข้างเดียว ฝ่ายตรงข้ามมีคนที่เป็นวรยุทธ์ระดับต่ำอยู่ 3 คน“เด็กนี่มีวรยุทธ์

    Last Updated : 2025-02-13
  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 4 ลักพาตัว (2)

    เมืองอิงจี้ที่ว่าการศาลต้าหลี่ประจำเมืองกำลังจะลุกเป็นไฟแล้วจริง ๆ เพราะบุรุษร่างสูงในอาภรณ์สีดำขลิบทองหลุดรุ่ยแบบบุรุษเสเพล แต่ใบหน้าของเขายามนี้เย็นชาสุดขั้วขับผมสีเงินโดดเด่นยิ่งดูเยือกเย็น“จอมยุทธ์โปรดยั้งมือด้วย!” หัวหน้าศาลต้าหลี่ประจำเมืองตอนนี้ใช้ปลอกดาบยันพื้นคุกเข่าลงข้างหนึ่งกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่เบื้องหน้า“ทางการจะสืบสวนเรื่องอย่างยุติธรรมแน่นอน ท่านโปรดวางใจ ทางการเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจข้าได้ระดมกำลังคนตามหาคุณหนูน้อยทั้งสองของท่านและเด็กคนอื่น ๆ ที่หายไปแล้ว”“เหอะ!...”ยังไม่ทันที่โม่โฉ่วจะสะบัดชายเสื้อคลุมจากไป หลี่เหว่ยก็รีบร้อนเข้ามารายงานเสียก่อน“นายท่าน! ได้เบาะแสแล้วขอรับ มีชาวบ้านทางฝั่งประตูตะวันออกเห็นยามเปิดประตูเมืองให้รถลากออกไปกลางยามโฉ่วสองคัน”บัดซบ! ใครมันกล้ารับสินบนใต้จมูกข้า!หัวหน้าศาลต้าหลี่สบถสาบานในใจดุเดือด ยิ่งเห็นสายตาเย็นเยียบที่ปรายมาใจแทบจะกระเด้งกระดอนจุกปาก‘มารดามันเถอะ! ใครจะคิดว่าเมืองนี้จะซ่อนสำนักยุทธ์ที่เก่งกาจแบบนี้ไว้’“ฮะ ฮะ ท่านเจ้าหุบเขา ในเมื่อเจอเบาะแสเราก็รีบติดตามคนเถอะ... พวกเจ้าส่งกำลังคนขี่ม้าเร่งติดตามร่องรอยไปเดี๋ยวนี้

    Last Updated : 2025-02-13
  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 5 พรหรือคำสาป (1)

    ฟู่ว...จู่ ๆ กลิ่นหอมรัญจวนอ่อนจางก็กำจายไปทั่วห้อง กลิ่นนี้มีคล้ายไม่มีแต่ทำให้ผู้ที่ได้กลิ่นมัวเมาเคลิบเคลิ้ม เพียงสูดดมร่างกายรู้สึกสดชื่นความเหนื่อยล้าหายไป สมองแจ่มใสสงบนิ่ง‘ไม่ถูกต้อง!’กลิ่นนี้มาจากที่ใด มือที่เรียวเนียนไม่เหมือนของชายวัยกลางคนชะงักการแกะผ้าออกจากแผลของศิษย์คนเล็ก“ยายเฒ่าเจ้าเข้ามาตรงนี้สักหน่อย ท่านหลี่เฉียงวานท่านปิดประตูหน้าต่างรอบห้องทั้งหมดให้ข้าที ช่วยตามเจ้าหุบเขามาสักหน่อยเถอะ” ท่าทางเคร่งเครียดของหมอประหลาด จึงไม่มีใครกล้าชักช้าหรืออิดออด“นี่...นี่มัน หากดอกฉวินเซียน (ทวยเทพ) มีจริงเกรงว่าจะมีกลิ่นเช่นนี้!!!” ตู๋ยี่อุทานอย่างพรั่นพรึง ก้าวถอยซวนเซสับสนโม่โฉ่วกำลังย่างเท้าเข้าประตูมาทันได้ยินเข้าหน้าเปลี่ยนสีแทบไม่น่าชมดู“ฉีก้วยเชิง ตู๋ยี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น!”หมอประหลาดไม่พูดมากความ เขาดึงผ้าตรงขากางเกงของเสิ่นซูเย่วขึ้น ป้ายเลือดที่ซึมออกมานำไปหยดลงบนใบกล้วยไม้ในกระถางที่เหี่ยวเฉาใช้เวลาแค่จิบชาใบสีน้ำตาลค่อย ๆ ฟื้นความเขียวขจี“ยังมีกลิ่นหอมที่คล้ายดอกฉวินเซียนในตำนานนี่อีก นี่มันเรื่องใหญ่โตเกินไปแล้ว”ดอกฉวินเซียนเล่าขานกันว่าเป็นดอกไม้ที่มีส

    Last Updated : 2025-02-13
  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 5 พรหรือคำสาป (2)

    “เรื่องคำทำนายพวกนั้นช่างเถอะ สิ่งสำคัญคือทำเยี่ยงไรจึงจะบรรเทากลิ่นฉวินเซียนได้” โม่โฉ่วยังไม่อยากคิดไปไกลนัก เร่งหาทางรับมือปัญหาที่อยู่ตรงหน้าดีกว่า“ในเมื่อปกปิดไม่ได้ ลองใช้ยุทธวิธีมีในไม่มี จริงในลวง ลวงกลายเป็นจริง” หมอประหลาดหันหน้าปรึกษากันกับตู๋ยี่ โม่โฉ่วเหลือบตามองด้วยประกายสนใจวาบผ่าน‘ฉีก้วยเชิงภูมิหลังไม่ธรรมดา รู้กลยุทธ์ในตำราพิชัยสงคราม’“เจ้าหมายถึง?”“เจ้าว่ามีสมุนไพรหรือดอกไม้ใดกลิ่นคล้ายฉวินเซียนบ้าง ในเมื่อกลบกลิ่นไม่ได้ก็ทำให้คนคิดว่าเป็นกลิ่นดอกไม้ชนิดอื่นเสีย”หมอประหลาดขอยืมกระดาษกับพู่กันมาค่อย ๆ ทบทวนชื่อแล้วจรดพู่กันลงไป เขียนรายชื่อและสรรพคุณ“เพิ่มดอกกระดิ่งราตรีอายุ 100 ปี กับดอกเงาจันทร์ด้วย”“กลิ่นภายนอกนั้นไม่ยากทำเป็นถุงหอม น้ำมันหอมบำรุงให้นางใช้จะได้มีกลิ่นอวลรอบตัวให้คนเกิดภาพจำ ส่วนการเจือจางภายในข้าว่าออกจะยากอยู่สักหน่อย”“ลองใช้วิธีเดียวกับมนุษย์โอสถ อาบแช่สมุนไพร ดื่มยา และฝังเข็มได้หรือไม่ แต่แบบนั้นทรมานนัก ไม่ได้ ๆ วิธีนี้ไม่ดี”ตู๋ยี่นึกถึงวิธีการสร้างมนุษย์โอสถใบหน้าก็น่าเกลียด“เพ้ย! เราไม่ได้จะสร้างมนุษย์โอสถหรือจับนางมาทรมาน แต่เราจะ

    Last Updated : 2025-02-13
  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 6 ลงจากเขา (1)

    12 ปีผ่านไปฤดูกาลผันผ่านสารทแล้วสารทเล่าเวียนบรรจบ หุบเขาหงถาวยังคงเงียบสงบ ผู้คนปลีกวิเวกไม่ยุ่งเกี่ยวกับภายนอกยกเว้นไว้ผู้หนึ่ง...เสิ่นซูเย่วจากเด็กน้อยตัวอ้วนกลม ร่างกายยืดเหยียดเล็กคอด ที่ควรโค้งก็กลมอิ่ม ที่ควรเว้าก็อ้อนแอ้น แต่ยิ่งเติบใหญ่กลับสั่งสมบุคลิกจ้าวสำราญ ไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดินเฮ! เฮ!“นายน้อยเสิ่น! เร่งเข้า ๆ นายน้อยเสิ่น! นายน้อยเสิ่น!”กุบ กับ กุบ กับ... ฮี้ ย่ะห์เฮ! “เร่งอีก!” “จะแซงแล้ว เร่งหน่อย”เสียงกีบเท้าม้ากระแทกบนพื้นดินแข็งแทบจะกลบเสียงเชียร์ของคนรอบข้าง นอกกำแพงเมืองอิงจี้ออกไป 5 ลี้ มีพื้นที่ราบว่างเปล่า บัดนี้เต็มไปด้วยฝูงชนราวกับมีงานเทศกาล“เข้าเส้นชัยแล้ว! นายน้อยเสิ่นชนะ!”เฮ!“ชนะแล้ว! ไปรับเงินกันเถอะ!!! ฮ่า ฮ่า ฮ่า”“หึ เป็นไงล่ะอวดดีนัก เห็นนายน้อยเสิ่นหน้าอ่อนแบบนั้น ถ้าไม่มีฝีมือจริงไม่ได้ฉายานายน้อยอันดับหนึ่งแห่งอิงจี้หรอก”“หาเรื่องใครไม่หา ไปหาเรื่องนายน้อยเสิ่น โง่ดีแท้”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไปพวกเรา วันนี้ข้าเลี้ยงเอง นาน ๆ จะมีแกะอ้วนมาให้เชือด” เสิ่นซูเย่วดัดเสียงทุ้มต่ำต่างจากใบหน้าขาวใสเกลี้ยงเกลา คิ้วตรงเฉียงดกหน้า ดวงตราหงส์แวววาวมีชีวิต

    Last Updated : 2025-02-17
  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 6 ลงจากเขา (2)

    หุบเขาหงถาวฟิ้ว...วี้ด...“นายท่านคุณหนูกลับมาแล้วขอรับ” หลี่เหว่ยได้ยินเสียงสัญญาณลับจึงเคาะประตูรายงานนายท่าน“เจ้าคิดดีแล้วหรือ” ตู๋ยี่มีความวิตกระหว่างคิ้ว หน้าตาไม่สบายใจอย่างยิ่ง“เจ้าจะเก็บนังหนูไว้บนหุบเขาตลอดไปไม่ได้หรอก ปล่อยนางผจญโลกภายนอกหาประสบการณ์ชีวิตเถอะ” หมอประหลาดขัดคำพิรี้พิไรของยายเฒ่าพิษ"ถ้าเลือดนางถูกค้นพบ?”“อาจารย์ เจ้าหุบเขาพวกท่านโปรดวางใจ ข้าจะคอยควบคุมศิษย์น้องให้ดี”ไม่ให้นางก่อเรื่องราวใหญ่โต...ประโยคที่เหลือแม้หวังหยูซินไม่ได้พูดออก อาวุโสในห้องหนังสือล้วนรู้แจ้ง“ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ” ต่อให้ทักทายเสียงอ่อนหวานแต่การหมุนข้อมือโบกพัดเอื่อย ๆ ตั้งศอกไพล่หลัง ก้าวขายาวกว้าง อกผายท่าทางองอาจสง่างามตู๋ยี่มองสารรูปชายไม่ใช่หญิงไม่หญิงแล้วอยากจะยกถุงหอมมาสูดดมทุกทีไม่ใช่พวกเขาไม่ลักพา...แค่ก เชิญน่ะเชิญ มามาอาวุโสจากในรั้ววังมาสั่งสอนมารยาทสตรี ทั้งฉินฉีซูฮว่า [1] ได้เจ้าหุบเขาที่เป็นเอกบุรุษด้าน 4 ศิลป์แห่งซิ่วไฉ่สอนสั่งด้วยตนเองเพียงแต่นางทำได้ดีเกินไป ดีจนไร้ที่ติแล้วก็เลิกสนใจโดยสิ้นเชิงเวลาของเสิ่นซูเย่วใน 12 ปีที่มาอยู่หุบเขาหงถาว หมดไปกับการฝึกวร

    Last Updated : 2025-02-17
  • โอสถฟ้าบัญชารัก   บทนำ

    ‘อู๋จง’ แดนเทพยุทธ์บรรพกาลที่แบ่งเขตปกครองเป็น 3 อาณาจักรบน 5 แดนล่าง มีตำนานปรำปราเล่าขานอันน่าเหลือเชื่อ ไร้บันทึกจารจำไม่มีผู้ใดล่วงรู้ต้นกำเนิดมาจากที่ใด มีอยู่มานานเพียงไหนอยู่เรื่องหนึ่งธารเวลาทุก 700 สารทเวียนบรรจบ ก่อเกิด ‘โอสถสวรรค์’ ผู้มีบุญญาถือครอง ใต้หล้าสนองจำนงค์เป็นหนึ่ง...ชาวบ้านทั่วไปแม้นได้ฟัง ยังคิดเพียงไม่ใช่เรื่องตน แตกต่างจากราชสำนักของแต่ละอาณาจักร พรรคธรรมะ ลัทธิมารในยุทธภพล้วนเสาะแสวงหา แม้ไร้ซึ่งเบาะแสแต่อำนาจไหนเลยจะไม่จรุงกลิ่นหวานหอม10 ปีก่อน มีนักเล่านิทานปริศนาผู้หนึ่งเดินทางรอนแรมเล่าตำนานโอสถสวรรค์ในเมืองต่าง ๆ ของ 3 อาณาจักรบน อันได้แก่อาณาจักรต้าเซี่ย อาณาจักรเป่ยเหลียง และอาณาจักรตงซี จนบังเกิดความตื่นตัวแก่ราชสำนักของอาณาจักรทั้งสาม แม้แต่สำนักน้อยใหญ่ในยุทธภพยังเฝ้ามองความเป็นไปนิทานนี้มีการกล่าวถึงนานนับปี แต่ไม่มีผู้ใดสามารถหาตัวหรือร่องรอยของนักเล่านิทานผู้นั้นได้ จนมีข่าวลือว่าเขาเป็นผู้เยี่ยมยุทธไปมาไร้เงาประดุจภูติผี ต่อมาจึงมิมีผู้ใดกล้าตามหาตัวคน เพียงรับฟังเรื่องเล่าสุดพิศดารที่ว่า‘โอสถสวรรค์แท้จริงเป็นดรุณีน้อย’ กำเนิดในฤกษ์ดาวเทีย

    Last Updated : 2024-12-28

Latest chapter

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 6 ลงจากเขา (2)

    หุบเขาหงถาวฟิ้ว...วี้ด...“นายท่านคุณหนูกลับมาแล้วขอรับ” หลี่เหว่ยได้ยินเสียงสัญญาณลับจึงเคาะประตูรายงานนายท่าน“เจ้าคิดดีแล้วหรือ” ตู๋ยี่มีความวิตกระหว่างคิ้ว หน้าตาไม่สบายใจอย่างยิ่ง“เจ้าจะเก็บนังหนูไว้บนหุบเขาตลอดไปไม่ได้หรอก ปล่อยนางผจญโลกภายนอกหาประสบการณ์ชีวิตเถอะ” หมอประหลาดขัดคำพิรี้พิไรของยายเฒ่าพิษ"ถ้าเลือดนางถูกค้นพบ?”“อาจารย์ เจ้าหุบเขาพวกท่านโปรดวางใจ ข้าจะคอยควบคุมศิษย์น้องให้ดี”ไม่ให้นางก่อเรื่องราวใหญ่โต...ประโยคที่เหลือแม้หวังหยูซินไม่ได้พูดออก อาวุโสในห้องหนังสือล้วนรู้แจ้ง“ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ” ต่อให้ทักทายเสียงอ่อนหวานแต่การหมุนข้อมือโบกพัดเอื่อย ๆ ตั้งศอกไพล่หลัง ก้าวขายาวกว้าง อกผายท่าทางองอาจสง่างามตู๋ยี่มองสารรูปชายไม่ใช่หญิงไม่หญิงแล้วอยากจะยกถุงหอมมาสูดดมทุกทีไม่ใช่พวกเขาไม่ลักพา...แค่ก เชิญน่ะเชิญ มามาอาวุโสจากในรั้ววังมาสั่งสอนมารยาทสตรี ทั้งฉินฉีซูฮว่า [1] ได้เจ้าหุบเขาที่เป็นเอกบุรุษด้าน 4 ศิลป์แห่งซิ่วไฉ่สอนสั่งด้วยตนเองเพียงแต่นางทำได้ดีเกินไป ดีจนไร้ที่ติแล้วก็เลิกสนใจโดยสิ้นเชิงเวลาของเสิ่นซูเย่วใน 12 ปีที่มาอยู่หุบเขาหงถาว หมดไปกับการฝึกวร

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 6 ลงจากเขา (1)

    12 ปีผ่านไปฤดูกาลผันผ่านสารทแล้วสารทเล่าเวียนบรรจบ หุบเขาหงถาวยังคงเงียบสงบ ผู้คนปลีกวิเวกไม่ยุ่งเกี่ยวกับภายนอกยกเว้นไว้ผู้หนึ่ง...เสิ่นซูเย่วจากเด็กน้อยตัวอ้วนกลม ร่างกายยืดเหยียดเล็กคอด ที่ควรโค้งก็กลมอิ่ม ที่ควรเว้าก็อ้อนแอ้น แต่ยิ่งเติบใหญ่กลับสั่งสมบุคลิกจ้าวสำราญ ไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดินเฮ! เฮ!“นายน้อยเสิ่น! เร่งเข้า ๆ นายน้อยเสิ่น! นายน้อยเสิ่น!”กุบ กับ กุบ กับ... ฮี้ ย่ะห์เฮ! “เร่งอีก!” “จะแซงแล้ว เร่งหน่อย”เสียงกีบเท้าม้ากระแทกบนพื้นดินแข็งแทบจะกลบเสียงเชียร์ของคนรอบข้าง นอกกำแพงเมืองอิงจี้ออกไป 5 ลี้ มีพื้นที่ราบว่างเปล่า บัดนี้เต็มไปด้วยฝูงชนราวกับมีงานเทศกาล“เข้าเส้นชัยแล้ว! นายน้อยเสิ่นชนะ!”เฮ!“ชนะแล้ว! ไปรับเงินกันเถอะ!!! ฮ่า ฮ่า ฮ่า”“หึ เป็นไงล่ะอวดดีนัก เห็นนายน้อยเสิ่นหน้าอ่อนแบบนั้น ถ้าไม่มีฝีมือจริงไม่ได้ฉายานายน้อยอันดับหนึ่งแห่งอิงจี้หรอก”“หาเรื่องใครไม่หา ไปหาเรื่องนายน้อยเสิ่น โง่ดีแท้”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไปพวกเรา วันนี้ข้าเลี้ยงเอง นาน ๆ จะมีแกะอ้วนมาให้เชือด” เสิ่นซูเย่วดัดเสียงทุ้มต่ำต่างจากใบหน้าขาวใสเกลี้ยงเกลา คิ้วตรงเฉียงดกหน้า ดวงตราหงส์แวววาวมีชีวิต

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 5 พรหรือคำสาป (2)

    “เรื่องคำทำนายพวกนั้นช่างเถอะ สิ่งสำคัญคือทำเยี่ยงไรจึงจะบรรเทากลิ่นฉวินเซียนได้” โม่โฉ่วยังไม่อยากคิดไปไกลนัก เร่งหาทางรับมือปัญหาที่อยู่ตรงหน้าดีกว่า“ในเมื่อปกปิดไม่ได้ ลองใช้ยุทธวิธีมีในไม่มี จริงในลวง ลวงกลายเป็นจริง” หมอประหลาดหันหน้าปรึกษากันกับตู๋ยี่ โม่โฉ่วเหลือบตามองด้วยประกายสนใจวาบผ่าน‘ฉีก้วยเชิงภูมิหลังไม่ธรรมดา รู้กลยุทธ์ในตำราพิชัยสงคราม’“เจ้าหมายถึง?”“เจ้าว่ามีสมุนไพรหรือดอกไม้ใดกลิ่นคล้ายฉวินเซียนบ้าง ในเมื่อกลบกลิ่นไม่ได้ก็ทำให้คนคิดว่าเป็นกลิ่นดอกไม้ชนิดอื่นเสีย”หมอประหลาดขอยืมกระดาษกับพู่กันมาค่อย ๆ ทบทวนชื่อแล้วจรดพู่กันลงไป เขียนรายชื่อและสรรพคุณ“เพิ่มดอกกระดิ่งราตรีอายุ 100 ปี กับดอกเงาจันทร์ด้วย”“กลิ่นภายนอกนั้นไม่ยากทำเป็นถุงหอม น้ำมันหอมบำรุงให้นางใช้จะได้มีกลิ่นอวลรอบตัวให้คนเกิดภาพจำ ส่วนการเจือจางภายในข้าว่าออกจะยากอยู่สักหน่อย”“ลองใช้วิธีเดียวกับมนุษย์โอสถ อาบแช่สมุนไพร ดื่มยา และฝังเข็มได้หรือไม่ แต่แบบนั้นทรมานนัก ไม่ได้ ๆ วิธีนี้ไม่ดี”ตู๋ยี่นึกถึงวิธีการสร้างมนุษย์โอสถใบหน้าก็น่าเกลียด“เพ้ย! เราไม่ได้จะสร้างมนุษย์โอสถหรือจับนางมาทรมาน แต่เราจะ

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 5 พรหรือคำสาป (1)

    ฟู่ว...จู่ ๆ กลิ่นหอมรัญจวนอ่อนจางก็กำจายไปทั่วห้อง กลิ่นนี้มีคล้ายไม่มีแต่ทำให้ผู้ที่ได้กลิ่นมัวเมาเคลิบเคลิ้ม เพียงสูดดมร่างกายรู้สึกสดชื่นความเหนื่อยล้าหายไป สมองแจ่มใสสงบนิ่ง‘ไม่ถูกต้อง!’กลิ่นนี้มาจากที่ใด มือที่เรียวเนียนไม่เหมือนของชายวัยกลางคนชะงักการแกะผ้าออกจากแผลของศิษย์คนเล็ก“ยายเฒ่าเจ้าเข้ามาตรงนี้สักหน่อย ท่านหลี่เฉียงวานท่านปิดประตูหน้าต่างรอบห้องทั้งหมดให้ข้าที ช่วยตามเจ้าหุบเขามาสักหน่อยเถอะ” ท่าทางเคร่งเครียดของหมอประหลาด จึงไม่มีใครกล้าชักช้าหรืออิดออด“นี่...นี่มัน หากดอกฉวินเซียน (ทวยเทพ) มีจริงเกรงว่าจะมีกลิ่นเช่นนี้!!!” ตู๋ยี่อุทานอย่างพรั่นพรึง ก้าวถอยซวนเซสับสนโม่โฉ่วกำลังย่างเท้าเข้าประตูมาทันได้ยินเข้าหน้าเปลี่ยนสีแทบไม่น่าชมดู“ฉีก้วยเชิง ตู๋ยี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น!”หมอประหลาดไม่พูดมากความ เขาดึงผ้าตรงขากางเกงของเสิ่นซูเย่วขึ้น ป้ายเลือดที่ซึมออกมานำไปหยดลงบนใบกล้วยไม้ในกระถางที่เหี่ยวเฉาใช้เวลาแค่จิบชาใบสีน้ำตาลค่อย ๆ ฟื้นความเขียวขจี“ยังมีกลิ่นหอมที่คล้ายดอกฉวินเซียนในตำนานนี่อีก นี่มันเรื่องใหญ่โตเกินไปแล้ว”ดอกฉวินเซียนเล่าขานกันว่าเป็นดอกไม้ที่มีส

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 4 ลักพาตัว (2)

    เมืองอิงจี้ที่ว่าการศาลต้าหลี่ประจำเมืองกำลังจะลุกเป็นไฟแล้วจริง ๆ เพราะบุรุษร่างสูงในอาภรณ์สีดำขลิบทองหลุดรุ่ยแบบบุรุษเสเพล แต่ใบหน้าของเขายามนี้เย็นชาสุดขั้วขับผมสีเงินโดดเด่นยิ่งดูเยือกเย็น“จอมยุทธ์โปรดยั้งมือด้วย!” หัวหน้าศาลต้าหลี่ประจำเมืองตอนนี้ใช้ปลอกดาบยันพื้นคุกเข่าลงข้างหนึ่งกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่เบื้องหน้า“ทางการจะสืบสวนเรื่องอย่างยุติธรรมแน่นอน ท่านโปรดวางใจ ทางการเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจข้าได้ระดมกำลังคนตามหาคุณหนูน้อยทั้งสองของท่านและเด็กคนอื่น ๆ ที่หายไปแล้ว”“เหอะ!...”ยังไม่ทันที่โม่โฉ่วจะสะบัดชายเสื้อคลุมจากไป หลี่เหว่ยก็รีบร้อนเข้ามารายงานเสียก่อน“นายท่าน! ได้เบาะแสแล้วขอรับ มีชาวบ้านทางฝั่งประตูตะวันออกเห็นยามเปิดประตูเมืองให้รถลากออกไปกลางยามโฉ่วสองคัน”บัดซบ! ใครมันกล้ารับสินบนใต้จมูกข้า!หัวหน้าศาลต้าหลี่สบถสาบานในใจดุเดือด ยิ่งเห็นสายตาเย็นเยียบที่ปรายมาใจแทบจะกระเด้งกระดอนจุกปาก‘มารดามันเถอะ! ใครจะคิดว่าเมืองนี้จะซ่อนสำนักยุทธ์ที่เก่งกาจแบบนี้ไว้’“ฮะ ฮะ ท่านเจ้าหุบเขา ในเมื่อเจอเบาะแสเราก็รีบติดตามคนเถอะ... พวกเจ้าส่งกำลังคนขี่ม้าเร่งติดตามร่องรอยไปเดี๋ยวนี้

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 4 ลักพาตัว (1)

    เพียงชั่วยามเดียวในหอฉานยี่ จากคุณชายน้อยปากหวาน กลายเป็นตัวขี้เมาน้อยไปแล้ว“ม่ายมาววว ศิษย์เพ่ เอิ๊ก... เหล้านี่มันดีเจรง ๆ ตัวข้าอุ่นขึ้นมาแล้ว ท่านดู!” ผิวเนื้อที่มักขาวซีดและให้สัมผัสเย็น หากยื่นมือไปสัมผัสตอนนี้จะไม่เย็นมากนักแล้วใบหน้ากลมขาวแดงจัด ตาเยิ้มจวนจะปิด เดินตัวเอนเดินหน้าหนึ่งสามก้าวถอยจนพุงกลมแอ่น“เจ้าเดินให้ดีหน่อย” หวังหยูซินที่จิบไปจอกเดียวก็มีสีชมพูเจือจางตรงโหนกแก้ม หอบหิ้วเจ้าซาลาเปาน้อยกระเตงข้างเอวการฝึกยุทธ์ทำให้นางมีเรี่ยวแรงพอ ๆ กับผู้ใหญ่ อุ้มเด็กคนหนึ่งจึงไม่เหนือบ่ากว่าแรง แต่คงไม่สามารถใช้ออกด้วยวิชาตัวเบาพากลับหุบเขาได้ขณะเดินผ่านตรอกมืดซึ่งเป็นทางลัดไปโรงเตี๊ยมพรึ่บ!กระสอบผ้าถูกยกเตรียมครอบลงจากทางศีรษะ แต่หวังหยูซินเบี่ยงหลบทัน แล้วกระโจนถอยหลังไม่มั่นคง ตัวเซอีก 2 ก้าว“จับตัวไว้!”เสิ่นซูเย่วถูกการเคลื่อนไหวกะทันหันทำเอาวิงเวียนตาลาย จะลงมายืน อ้อมแขนของศิษย์พี่ก็ไม่ปล่อย“ซูเย่วอย่าดื้อ เกาะศิษย์พี่ไว้”เพราะมีลูกลิงห้อยโหนอยู่บนตัว ศิษย์เอกหมอประหลาดจึงใช้แขนได้เพียงข้างเดียว ฝ่ายตรงข้ามมีคนที่เป็นวรยุทธ์ระดับต่ำอยู่ 3 คน“เด็กนี่มีวรยุทธ์

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 3 นามรอง (2)

    …ได้ผลชงัด บังเกิดความเงียบขึ้นรอบโต๊ะกินข้าว พวกผู้ใหญ่เบิกตามองหน้ากันไปมา แม้แต่โม่โฉ่วยังชะงักมือที่ถือจอกสุราแล้ววางลง“แค่ก...เจ้าชื่ออะไร?” เจ้าหุบเขาที่ปกติดูเฉื่อยชาไม่อินังขังขอบ บัดนี้แสร้งไอกลบเกลื่อน ใบหน้ากระอักกระอ่วน“ข้าแซ่เสิ่น นามเกิดว่าซิน เขียนด้วยความสุข [1] คำนับอาวุโสทุกท่านเจ้าค่ะ”“เสี่ยวซินแล้วนามรองของเจ้าล่ะ?” ตู๋ยี่รีบขานเรียกสนิทสนม อดถามเรื่องนามรองไม่ได้เพราะดูอย่างไรนังหนูก็ไม่เหมือนลูกหลานชาวบ้านชาวป่า พอหลุดถามไปเด็กน้อยมีสีหน้าสลดลง“ท่านแม่รอท่านพ่อของข้ามาตั้งให้เจ้าค่ะ” เสิ่นซินฝืนยิ้มทั้งใบหน้าคล้ายจะร้องไห้นางไม่เคยเห็นหน้าบิดา มีเพียงภาพวาดที่ท่านแม่เคยนำออกมาให้ดู เปลือกตาบางใสราวไข่มุกหลุบลงปกปิดแววตาเจ็บปวดอายุเพียงนางยังไม่รู้วิธีปกปิดความรู้สึก ผู้ใดย่อมมองออกพรึ่บ!โม่โฉ่วพลันลุกขึ้นใช้วิชาตัวเบาเร่งร้อนหายไปทางห้องหนังสือ เขาปิดประตูเก็บตัวอยู่ในนั้นทั้งคืนหลี่เฉียงและหลี่เหว่ย ผู้เป็นมือขวาและมือซ้ายของเจ้าหุบเขาเห็นแสงไฟในห้องนั้นถูกจุดตลอดทั้งคืนเช้าวันรุ่งขึ้น เสิ่นซินตื่นนอนตั้งแต่ยามเหม่าตามความเคยชิน แต่นางยังไม่ลุกจากเตีย

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 3 นามรอง (1)

    7 วันผ่านไปอาการกำเริบของพิษเย็นถูกหมอเฒ่าและยายเฒ่าช่วยกันหาทางระงับควบคุมไว้ได้ ทำให้เสิ่นซินกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว‘เจ้าไม่ใช่ศิษย์ข้า แต่เป็นคุณหนูน้อยแห่งหุบเขาหงถาว’เสิ่นซินเรียกขานท่านเจ้าหุบเขาเป็นอาจารย์เขากลับรีบปฏิเสธ สุดท้ายบอกว่าอยากเรียกอะไรได้ทั้งนั้นยกเว้นอาจารย์ และฐานะของนางถูกยกเป็นคุณหนูน้อยไปแล้ว“ชีพจรวันนี้ดีนัก เจ้ากินยาเทียบนี้ติดต่อกันสัก 3 ปี อาการกำเริบของพิษเย็นจะกำเริบเหลือปีละ 2 ครั้ง หลังจากนั้น ในวันที่ร้อนที่สุดและเย็นที่สุดของปี”“ไม่ได้หายขาดหรือเจ้าคะ?” เสิ่นซินถามด้วยความผิดหวัง“ข้าเป็นหมอมิใช่เทพเซียน! พิษประหลาดของเจ้าไร้ที่มา ข้ากดอาการของมันให้เจ้าได้นับว่าดีเท่าไหร่!” คำถามของเด็กน้อยหมอประหลาดเหมือนโดนเหยียบหาง ลุกขึ้นมาเต้นเร่ายิ่งดวงตากลอกกลิ้งไม่เชื่อถือ...ราวกับเขามีเพียงราคาคุย!“เพ้ย! ถึงไม่หายขาดแต่เจ้าสามารถโคจรลมปราณได้โดยแลกกับอาการกำเริบเดือนละครั้ง!”“ท่านทำการค้ารึ? เอาผลประโยชน์เล็กน้อยล่อลวงข้าหวังให้ข้าคล้อยตาม”เสิ่นซินแม้ยังไม่หายดี แต่เป็นเด็กใฝ่รู้จนน่ากลัว กลางวันเรียนหนังสือโดยท่านจ้าวหุบเขาสอนด้วยตนเอง ตกเย็

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 2 ชีวิตที่เก็บตก (2)

    2 วันต่อมา‘หุบเขาหงถาว’ (ท้อแดง) มีโอกาสได้ต้อนรับอาคันตุกะที่ลักพา...แค่ก เชื้อเชิญมาด้วยวิธีการอันไม่น่าจะกล่าวถึงนัก 2 คน เดิมทีคนของนายท่านใช้วิธีการต่าง ๆ นานากล่าวเชื้อเชิญอย่างสุภาพ... ‘ข้าอารมณ์ไม่ดีไม่ไป’เสนอรางวัลให้อย่างงาม... ‘เหอะ! เงินทองนับเป็นกระไรได้ ไม่ไป!’ล้อมจับ... ‘ฮึ...คิดหรือว่าข้าจะกลัว เจอพิษที่ข้าคิดขึ้นมาใหม่หน่อยปะไร”จนสุดท้ายนายท่านสั่งให้ยื่นจดหมายฉบับหนึ่ง... ‘โอ้...หมอต้องมีจิตใจแห่งโพธิสัตว์ ไยไม่เร่งนำทางอีก’“ไหนคนไข้ รีบพาข้าไปหาเร็วเข้า!” เดินทางรอนแรมเกือบเดือนอย่างเร่งรีบด้วยวิชาตัวเบาสลับกับการขี่ม้า ไม่ต้องให้พูดถึงสภาพผู้มาเยือนเลย แต่ละคนแข้งขาสั่นแรงเดินไม่มี สภาพสกปรกมอซอราวขอทาน“จับโยนลงสระเย็น” เสียงเฉื่อยชาไม่บ่งบอกอายุของชายหนุ่มผมเงินดูเจ้าสำราญ เขากำลังนั่งยกจอกสุราอุ่น ๆ ขึ้นจิบ ท่วงท่าทิ้งตัวพิงขอบตั่งเปิดสาบเสื้อให้แยกออกเห็นผิวเนื้อแน่นตึงดูเยี่ยงไรก็คล้ายคุณชายเสเพลท่านหนึ่ง“ขอรับนายท่าน!”“เพ้ย! ไอ้หนุ่มหัวหงอก! นี่หรือมารยาทรับรองแขกของเรือนเจ้า” หมอประหลาดโวยวายตอนโดนมือขวาของเจ้าหุบเขาหิ้วคอเสื้อด้านหลังชายผมเงินแม้ส

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status