แชร์

โอสถฟ้าบัญชารัก
โอสถฟ้าบัญชารัก
ผู้แต่ง: พี่สาวตระกูลหลี่

บทนำ

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-28 08:26:35

‘อู๋จง’ แดนเทพยุทธ์บรรพกาลที่แบ่งเขตปกครองเป็น 3 อาณาจักรบน 5 แดนล่าง มีตำนานปรำปราเล่าขานอันน่าเหลือเชื่อ ไร้บันทึกจารจำไม่มีผู้ใดล่วงรู้ต้นกำเนิดมาจากที่ใด มีอยู่มานานเพียงไหนอยู่เรื่องหนึ่ง

ธารเวลาทุก 700 สารทเวียนบรรจบ ก่อเกิด ‘โอสถสวรรค์’ ผู้มีบุญญาถือครอง ใต้หล้าสนองจำนงค์เป็นหนึ่ง...

ชาวบ้านทั่วไปแม้นได้ฟัง ยังคิดเพียงไม่ใช่เรื่องตน แตกต่างจากราชสำนักของแต่ละอาณาจักร พรรคธรรมะ ลัทธิมารในยุทธภพล้วนเสาะแสวงหา แม้ไร้ซึ่งเบาะแสแต่อำนาจไหนเลยจะไม่จรุงกลิ่นหวานหอม

10 ปีก่อน มีนักเล่านิทานปริศนาผู้หนึ่งเดินทางรอนแรมเล่าตำนานโอสถสวรรค์ในเมืองต่าง ๆ ของ 3 อาณาจักรบน อันได้แก่อาณาจักรต้าเซี่ย อาณาจักรเป่ยเหลียง และอาณาจักรตงซี จนบังเกิดความตื่นตัวแก่ราชสำนักของอาณาจักรทั้งสาม แม้แต่สำนักน้อยใหญ่ในยุทธภพยังเฝ้ามองความเป็นไป

นิทานนี้มีการกล่าวถึงนานนับปี แต่ไม่มีผู้ใดสามารถหาตัวหรือร่องรอยของนักเล่านิทานผู้นั้นได้ จนมีข่าวลือว่าเขาเป็นผู้เยี่ยมยุทธไปมาไร้เงาประดุจภูติผี ต่อมาจึงมิมีผู้ใดกล้าตามหาตัวคน เพียงรับฟังเรื่องเล่าสุดพิศดารที่ว่า

‘โอสถสวรรค์แท้จริงเป็นดรุณีน้อย’ กำเนิดในฤกษ์ดาวเทียนจีทอแสง แรม 7 ค่ำเดือน 7 ตกฟากยามจื่อ ปีหม่า ยามกำเนิดเหลียนฮวาเบ่งบาน เยี่ยนจื่อขับขาน ตานติงเฮ่อโบยบิน [1]

หนึ่งกำเนิดสวรรค์ อีกหนึ่งกำเนิดมาร เฮยเหลียนฮวาโรยรา นภาก้องอสุนี ธรณีครองสีชาด

โลกนี้ไหนเลยมีเพียงด้านเดียว มีแสงย่อมเหลือบเงา เมื่อโอสถสวรรค์กำเนิดย่อมก่อเกิด ‘โอสถมาร’ กำเนิดฤกษ์ยามเดียวกัน แต่กลับคุณอนันต์เป็นโทษมหันต์

5 ปีต่อมา อาณาจักรต้าเซี่ย

ครืนนนนนนนน!!!

อุแว้ อุแว้!

“มีคนร้าย!!! คุ้มกันพระชายา!!!”

“คุ้มกันพระชายา!!!”

ครืนนนนนน เปรี้ยง!

ตำหนักจวิ้นอ๋อง ผู้ดำรงพระยศหมิง องค์ชายลำดับที่สี่ในฮ่องเต้เซี่ยเหวิน พระนามเสิ่นหรง ในคืนที่พระชายาเอกของจวิ้นอ๋องกำลังมีพระประสูติกาลเกิดอาเพทครั้งใหญ่ ท้องฟ้าดำมืดมวลพยัพเมฆทมิฬปกคลุมฟากฟ้าจนไร้เงาจันทร์ เสียงครืนครันประดุจเสียงคำรามของเฮยหลง [2] อสุนียบาตฟาดผ่านวังหลวงจนสะเทือนเลื่อนลั่น

ดอกบัวในสระหน้าตำหนักพระชายาเอกจวิ้นอ๋องเหี่ยวเฉาใบเขียวสดกลับมอดไหม้ราวถูกไฟบรรลัยกัลป์แผดเผา ดอกสือซว่าน [3] สีชาดชูช่อเบ่งบานราวกับอยู่ท่ามกลางหุบเขาหลัวเฟิง [4]

“พระชายาทรงพาเสี้ยนจู่เสด็จหนีไปยังทางลับก่อนเพคะ” ถงมามา นางกำนัลคนสนิทรีบอุ้มเสี้ยนจู่น้อยที่เพิ่งถือกำเนิดวางลงในอ้อมอกของพระชายาที่ยังอ่อนแรง

หมับ!

“ถงมามาไปกับข้าเถิด”

ฝ่ามือชุ่มเหงื่อเรียบตึงคว้าท่อนแขนของมามาร่างอวบที่กำลังหมุนตัวออกไปทางประตูวงเดือน วงพักตร์เรียวรูปไข่ดวงเนตรหงส์ดูอ่อนล้าแต่มั่นคงมองแม่นมของพระสวามีที่อยู่เคียงข้างพระนางมาตั้งแต่อภิเษกสมรส

ถงมามายิ้มอ่อนเพียงส่ายหน้าหนักแน่นคราหนึ่ง เม้มปากเหม่อมองห่อผ้าที่มีร่างจ้อยดิ้นขลุกขลัก ก่อนตัดใจเร่งฝ่าเท้าด้วยวิชาตัวเบาดุจนางแอ่นเหินออกไปยังหน้าตำหนัก

“ค้นให้ทั่ว!!! อย่าให้เหลือรอดแม้ชีวิตเดียว!”

“รักษาองค์ด้วยเพคะพระชายา!!”

“องครักษ์เงาคุ้มกันพระชายาหนีไป! พวกข้าจะต้านพวกนักฆ่าไว้เอง!!! ไช่หง ไช่อี้มากับข้า!!!”

เคร้ง! เคร้ง! เฟี้ยว!

ทั้งสองฝ่ายต่างเข้าโรมรันฟาดฟันกันดุเดือด นานเข้าทั้งสองฝ่ายก็เริ่มได้รับบาดเจ็บจากคมกระบี่และลูกธนู แม้เลือดโทรมกาย เจ็บร้าวลึกถึงกระดูกแต่ฝ่ายตำหนักอ๋องที่มีคนน้อยกว่าเกือบ 3 เท่า กลับไม่มีผู้ใดคิดถอย

“มามา! ไช่อี้! ไช่หง!” พระชายาร้องเรียกนางกำนัลส่วนพระองค์ทั้ง 2 และมามาข้างกายด้วยเสียงแหบแห้ง

การคลอดบุตรยาวนานกว่า 3 ชั่วยามสูบพลกำลังนางจนแทบประคองสติไว้ไม่ไหว

“พระชายารีบพาเสี้ยนจู่ตามกระหม่อมมาเถิดพะยะค่ะ!” หัวหน้าองครักษ์เงาเร่งนำหน้าไปเปิดประตูลับตรงด้านหลังโต๊ะวางคันฉ่อง

ทางลับนี้มีคนรู้เพียงแค่หยิบมือ

ยังพอถ่วงเวลาให้พระชายาทรงพาเสี้ยนจู่หลบหนีไปได้

นอกตำหนักหมิงเหลียงหยินเย่ว เกิดการนองเลือดธารโลหิตหลั่งรินทั่วผืนดิน ดอกสือซว่านกลับงดงามสะท้อนแสงคบเพลิง ร่างของเหล่าองครักษ์พิทักษ์วังอ๋องร่วงหล่นราวใบไม้ปลิดปลิว

ร่างของมามากระแทกล้มลงเป็นคนสุดท้าย ดวงตาพร่าเลือนก้มมองกระบี่ที่แทงทะลุกลางลำตัว เลือดแดงปนดำทะลักเปียกโชก เผยยิ้มปลดปลงสายหนึ่งหันมองนางกำนัลที่ต่อสู้เคียงข้างทั้งสอง

หนึ่งร่างโชกเลือดไร้ศีรษะอยู่ห่างไปทางขวา อีกร่างไร้แขนขาดวงตาเบิกโพลงอยู่ทางด้านหลัง

‘พระชายาพวกข้าได้แต่ไปรอท่านที่สะพานไน่เหอแล้ว อย่ารีบติดตามบ่าวเฒ่ามาเร็วนักเล่า’

ท่านอ๋องทรงนำทัพทำศึกกับชาวเหมียวใกล้เขตแดนทะเลทรายของอาณาจักรตงซีเมื่อ 5 เดือนก่อน ใครเล่าจะคาดว่าขณะที่ทุ่มเทสละเลือดเนื้อเพื่อความสงบสุขของต้าเซี่ย

กลับเกิดโศกนาฏกรรมในวังอ๋องและพระชายาทรงพระครรภ์ใกล้คลอด!

แรม 7 ค่ำ เดือน 7...ไยต้องเป็นกาลนี้!!!

3 เดือนต่อมา เลี่ยวหลาน เมืองหลวงต้าเซี่ย

“นั่น!!! ปิดประตูเมืองๆๆ กองทัพเฮยเฟิงจือสือ (มัจจุราชลมทมิฬ) มาแล้ว จวิ้นอ๋องก่อกบฏ!!!”

“ม้าเร็ว! ไปแจ้งข่าวยังวังหลวง!!”

“ทูลฝ่าบาท! ทัพกบฏปิดล้อมประตูเมืองทุกด้านแล้วพะยะค่ะ!!! ตอนนี้ทัพหลวงโยกย้ายกองกำลังได้เพียง 5 หมื่นนาย แม่ทัพใหญ่โจวคังคาดว่าจะถึงในอีก 5 วันพะยะค่ะ”

ปัง! เพล้ง!

“บัดซบ!!! เสิ่นหรง!!! ไอ้สุนัขเลี้ยงไม่เชื่องในที่สุดก็แว้งกัดข้า!!!”

“ฝ่าบาททรงโปรดระงับโทสะด้วยพะยะค่ะ”

“ทรงโปรดระงับโทสะด้วยพะยะค่ะ!”

ฮ่องเต้เซี่ยเหวินประทับนั่งบนบัลลังก์มังกร ทรงขว้างจอกน้ำจัณฑ์แตกกระจาย ขุนนางในท้องพระโรงเช้าที่กำลังออกว่าราชการกว่า 100 ชีวิต หมอบกราบด้วยเกรงว่าพระพิโรธจะตกมาถึงตน

“แม่ทัพใหญ่เถียน จงนำกำลังทัพทหารรักษาเมืองเข้าต้านทัพกบฏ ประกาศออกไปถอดพระยศจวิ้นอ๋องให้เป็นสามัญชน! ใครเข้าร่วมก่อกบฏประหารเจ็ดชั่วโคตร!!!”

รับสั่งสุรเสียงเกี้ยวกราดจนไม่มีขุนนางคนใดกล้าเงยหน้า

ขุนนางบุ๋นวัยกลางคนท่วงท่าองอาจลุกขึ้นจากแถวที่หมอบกราบอยู่ตอนหน้า มานั่งคุกเข่าศีรษะกดต่ำประสานมือคำนับต่อองค์เหนือหัว

“เถียนกวนถิงน้อมรับพระบัญชา” ขุนพลกล่าวเพียงนั้นรีบรุดออกจากท้องพระโรงไปยังค่ายทหารรักษาเมือง

ตึง ตึง ตึง ตึง...

กลองศึกถูกลั่นกระหน่ำปลุกใจเหล่าทหาร แม่ทัพใหญ่เป็นผู้นำทัพสร้างขวัญและกำลังใจแก่ทหารกล้าใต้บังคับบัญชาได้เป็นอย่างดี

“ปราบกบฏเสิ่นหรง! คืนความสงบสู่ใต้หล้า!”

“พลธนูไฟประจำป้อมรอบกำแพงเมือง!!! เผาน้ำมันดินไว้ รองแม่ทัพนำกำลังเสริมไปประจำประตูเมืองทิศตะวันออก!!!”

แม่ทัพใหญ่เถียนมาถึงกำแพงเมืองชั้นนอกก็เริ่มสั่งการป้องกันเมืองอย่างดุดัน ทั้งยังพยายามปลุกขวัญทหารไม่ให้หวาดกลัวทัพกบฏ แม้จวิ้นอ๋องจะได้ชื่อว่าเป็นเทพสงครามแห่งต้าเซี่ยก็ตาม

เฟี้ยว! ฉึก!

เคร้ง! เคร้ง!

“ระวังลูกธนู!!!”

ฝนธนูจากนอกกำแพงพุ่งแหวกอากาศมาจากระยะ 50 จั้งปักลงบนกำแพงบ้าง โดนทหารรักษาการใช้ดาบปัดป้องออกไปบ้าง แต่ทหารบางคนยังคงโดนลูกธนูปักทะลุเกราะอ่อนจนตกจากกำแพงเมือง

อ๊ากกกกก!

ศึกล้มล้างราชบัลลังก์อาณาจักรต้าเซี่ยได้เริ่มขึ้นแล้ว!

แม่ทัพกบฏในชุดเกราะพยัคฆ์สีดำบนหลังม้าเหงื่อโลหิต ใช้สายตาเฉียบคมจ้องมองแม่ทัพรักษาเมืองบนกำแพงหิน แบมือออกไปทางนายกองด้านข้าง

“นี่พะยะค่ะท่านอ๋อง” ธนูซินเย่ว (เดือนดับ) ถูกวางลงบนมือเรียวยาวราวบัณฑิต แต่ฝ่ามือสากด้านจากการจับศาตราวุธ

จวิ้นอ๋องน้าวคันธนูเหล็กสีดำจนเต็มวงเดือนด้วยท่อนแขนแข็งแกร่งทรงพลัง ใช้กำลังภายในเจ็ดส่วนก่อนจะปล่อยลูกธนูเหล็กหนักครึ่งจินพวยพุ่งฝ่ากระแสลมตรงดิ่งไปทางเป้าหมาย

เฟี้ยว!

ฉึก! กึง! “อึก!!!...”

“ท่านแม่ทัพ!!! แม่ทัพเถียนถูกยิง!!!”

แม่ทัพใหญ่ของทัพรักษาเมืองกระอักเลือดจากแรงปะทะของธนูที่ยิงทะลุบ่าจนหัวธนูปักลงลึกบนกำแพงเมือง ตรึงร่างในชุดแม่ทัพเกราะทองไว้ในท่ายืน

ลูกธนูติงจิ้นฉู่ (ตะปูเหล็ก) มีลักษณะพิเศษที่หัวธนูเป็น 4 แฉกใช้เจาะคว้านเนื้อทำให้ยากจะถอนออก ทั้งยังทำให้บาดแผลสาหัสเลือดไหลออกมาตามก้านธนู

ผู้ต้องฤทธิ์เกาทัณฑ์แล้วรอดชีวิตมิเคยปรากฏ...

“แม่ทัพเถียนสิ้นใจแล้ว!!!”

เฮ! เฮ!

“พังกำแพงเมืองเข้าไป!!”

ข่าวการเสียชีวิตของแม่ทัพเถียนทำให้ทหารรักษาเมืองระส่ำระสาย กองทัพกบฏฮึกเหิมโถมทำลายกำแพงเมืองจนพินาศ บุกเข้าสู่เมืองหลวงด้วยเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม

กองทัพกบฏกระจายกำลังควบคุมกำแพงเมืองทั้ง 3 ทิศ จวิ้นอ๋องและนายกองคนสนิทพร้อมด้วยทัพม้าบุกเข้าวังหลวง เข่นฆ่าทหารองครักษ์รักษาพระองค์จนธารโลหิตท่วมแผ่นอิฐทองคำ ราวกับจำลองสภาพวังอ๋องในคืนวิปโยค

ตึก ตึก ตึก...

“จะ จวิ้นอ๋อง กำลังมาทางนี้แล้ว ฝ่าบาทเสด็จหนีก่อนเถิดพะยะค่ะ”

ขันทีชราวิ่งล้มลุกคลุกคลานไร้ระเบียบเข้ามารายงานท่ามกลางความสงัดเงียบของพระตำหนักเฉียนชิงมีเสียงฝีเท้าก้าวหนัก ๆ เดินไม่ช้าไม่เร็วดังเข้าโสตประสาท

ตึก ตึก ตึก...ครืดดดด ครืด...

เสียงย่ำฝีเท้าด้านนอกตำหนักแต่ละก้าว เหมือนเหยียบขยี้ลงหัวใจที่บีบรัด ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินเหยียดริมฝีปาก กลับเปล่งเสียงหัวเราะวิปลาส “ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!!”

“เสิ่นหรง!!! ไอ้ลูกสุนัขชั่ว ท่านนักพรตเตือนข้าแล้วว่าแกจะก่อกบฏ!!!”

ฮ่องเต้ชี้นิ้วด่าทอสุรเสียงเกรี้ยวกราดใส่ร่างสูงใหญ่น่าเกรงขามในชุดเกราะดำ พระพักตร์และสายพระเนตรแดงก่ำดุจหยดเลือด

“ข้าไม่เคยคิดหวังบัลลังก์ของท่าน...เสด็จพ่อ”

“ล้วนเป็นท่านบีบคั้นข้า!!!”

“หึ...คำทำนาย? นักพรต? เหลวไหลสิ้นดี!!! หากท่านไม่แตะต้องลูกเมียข้า บ่าวไพร่ในจวนอ๋องอีก 300 กว่าชีวิต ทั้งขุนนางตงฉินที่ต้องถูกประหารสิ้นตระกูลไม่รู้เท่าไหร่ เพราะเชื่อลมปากลวงจากนักต้มตุ๋นเหล่านั้นท่านคงไม่มีจุดจบเช่นนี้!!!”

เสิ่นหรงเอ่ยความผิดพระบิดาด้วยเสียงดังกัมปนาทราวฟ้าผ่า ฮ่องเต้เซี่ยเหวินในพระชันษา 45 ปี ยังมีพระพลานามัยแข็งแรงกระฉับกระเฉงแต่ทรงเลอะเลือนศรัทธาในสิ่งลี้ลับ เชื่อถือในคำทำนายของนักพรตต้มตุ๋นจากตำหนักเทียนคง

“ข้าแค่กำจัดภัยร้ายให้ใต้หล้า!!!”

“แต่นั่นมันลูกข้า! หลานสาวแท้ ๆ ของพระองค์ที่เพิ่งลืมตาดูโลก!”

ป่วยการจะทุ่มเถียงกับผู้ที่ไม่สำนึกในสิ่งที่ได้กระทำ อดีตจวิ้นอ๋องจึงสั่งให้ทหารคุมตัวอดีตฮ่องเต้แห่งต้าเซี่ยไปคุมขังตลอดชีวิต

“กวาดล้างตำหนักเทียนคง! จับตัวนักพรตบัดซบนั่นมาให้ข้า!

[1] เหลียนฮวา – ดอกบัว, เยี่ยนจื่อ - นกนางแอ่น, ตานติงเฮ่อ - กระเรียนนางฟ้า หรือกระเรียนมงกุฏแดง

[2] เฮยหลง - มังกรดำ

[3] สือซว่าน – พลับพลึงแดง, พลับพลึงแมงมุม

[4] ภูเขาหลัวเฟิง - อยู่ทางทิศเหนือของปรโลกตามความเชื่อลัทธิเต๋า

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 1 เด็กอัปมงคลแห่งหย่งฉวน (1)

    5 ปีต่อมา หมู่บ้านหย่งฉวนชายแดนแคว้นเว่ย“นังตัวซวย! ใช้ให้ไปเก็บผักป่าเก็บฟืนซีกมายังได้มาแค่นี้ เลี้ยงเสียข้าวสุก! ถ้าไม่ทำงานเย็นนี้ก็ไม่ต้องกินข้าว!!!”ชาวบ้านในหมู่บ้านที่เดินผ่านประตูบ้านหู มักได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดด่าทอของสะใภ้ใหญ่หู ตงจื่อจิน พร้อมเสียงไม้เรียวฟาดกระทบเนื้อหนัง แรก ๆ ก็มีคนเวทนาปนสงสารเด็กน้อยช่วยพูดห้ามปราม แต่ถูกตอกกลับเสียหน้าหงาย‘ใจดีกันเหลือเกินนะ! จะเอานังตัวอัปมงคลนี่ไปเลี้ยงเองเลยหรือเปล่าล่ะ’“แค่ก ๆ ขะ...ข้าไม่สบายเจ้าค่ะท่านป้าตง จึงไม่ค่อยมีแรงเดิน” เด็กหญิงวัยห้าหนาว ใบหน้าตอบ ผิวกายขาวซีดเม้มปากตอบด้วยเสียงแหบเล็กเพียะ! เพียะ!“หนอยแน่… อย่ามาทำสำออย!!! ไปเก็บผักมาให้เต็มตะกร้าถ้ายังไม่เต็มไม่ต้องกลับมา ไสหัวไป!”นางจื่อจินไม่คิดฟังคำแก้ตัว หยิบไม้เรียวมาฟาดตามเนื้อตัวผอมแห้งไร้เนื้อหนัง จับกระชากแขนผอม ๆ เหมือนไม้ซีกไปทางประตูบ้านโยนออกไปพร้อมตะกร้าสานโครม!...ลำตัวเล็กจ้อยกระแทกพื้นตามแรงเหวี่ยงฝ่ามือเล็กครูดกับหินคมจนเลือดซึม ร่างกายไร้เรี่ยวแรงค่อย ๆ ลุกขึ้นเก็บตะกร้าขึ้นสะพายหลังเดินกระเผลกตรงไปยังทางขึ้นเขาท้ายหมู่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-28
  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 1 เด็กอัปมงคลแห่งหย่งฉวน (2)

    3 วันต่อมาภาพเด็กหญิงตัวน้อยสามคนเดินเท้าขึ้นเขาตั้งแต่กลางยามเหม่าคุ้นตาชาวบ้านที่พากันเข้าไปเสี่ยงโชคในป่า ป่าหลังหมู่บ้านหย่งฉวนหากข้ามเขาไปอีกฟากจะเป็นเขตรอบนอกของป่าซื่อเพียนซิน (สี่พิสดาร)เดินจากเขตรอบนอกไม่ถึงสิบลี้จะเริ่มเข้าเขตป่าชั้นนอก ซึ่งมักมีชาวบ้านในเขตชายแดนทั้งแคว้นจ้าวและแคว้นเว่ยออกมาหาของป่าไปขายหญ้าเกล็ดเพลิงนี้ เมิ่งซิ่วหลาน มารดาของเสิ่นซินเป็นผู้เก็บต้นสมุนไพรสดมาเพาะในเรือนเพื่อใช้ทำยาต้านพิษให้ลูกสาว และสมุนไพรที่ว่าตอนนี้ก็ได้หูชุนกับลู่เจียฮ่าวลักลอบนำมาปลูกบ้านลู่ไม่ให้บ้านใหญ่หูรู้“รู้สึกช่วงนี้ทางชายแดนมีข่าวไม่สู้ดี ญาติข้าที่แต่งไปหมู่บ้านผูถาวเตรียมเก็บของอพยพกันแล้ว”“เจ้าพูดจริงรึ! เช่นนี้หมู่บ้านเราล่ะ หัวหน้าหมู่บ้านจะรู้อะไรมาบ้าง”“ไม่ได้การ ข้าต้องรีบกลับไปถามให้รู้ความ หมู่บ้านเราห่างจากที่นั่นแค่ 40 ลี้”เด็กน้อยทั้งสองเงี่ยหูฟังท่านป้าในหมู่บ้าน ขณะที่นั่งพักในลานดินที่หญ้าสั้นกว่าบริเวณอื่น เพราะบริเวณนี้เป็นจุดพักและโดนเหยียบย่ำอยู่ทุกวัน“ซินซิน ที่ป้าหวังพูดเจ้ารู้เรื่องหรือไม่?” เจียวเจียวกับหลิงหลิงเบิกตามองอย่างคาดหวังว่าส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-28

บทล่าสุด

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 1 เด็กอัปมงคลแห่งหย่งฉวน (2)

    3 วันต่อมาภาพเด็กหญิงตัวน้อยสามคนเดินเท้าขึ้นเขาตั้งแต่กลางยามเหม่าคุ้นตาชาวบ้านที่พากันเข้าไปเสี่ยงโชคในป่า ป่าหลังหมู่บ้านหย่งฉวนหากข้ามเขาไปอีกฟากจะเป็นเขตรอบนอกของป่าซื่อเพียนซิน (สี่พิสดาร)เดินจากเขตรอบนอกไม่ถึงสิบลี้จะเริ่มเข้าเขตป่าชั้นนอก ซึ่งมักมีชาวบ้านในเขตชายแดนทั้งแคว้นจ้าวและแคว้นเว่ยออกมาหาของป่าไปขายหญ้าเกล็ดเพลิงนี้ เมิ่งซิ่วหลาน มารดาของเสิ่นซินเป็นผู้เก็บต้นสมุนไพรสดมาเพาะในเรือนเพื่อใช้ทำยาต้านพิษให้ลูกสาว และสมุนไพรที่ว่าตอนนี้ก็ได้หูชุนกับลู่เจียฮ่าวลักลอบนำมาปลูกบ้านลู่ไม่ให้บ้านใหญ่หูรู้“รู้สึกช่วงนี้ทางชายแดนมีข่าวไม่สู้ดี ญาติข้าที่แต่งไปหมู่บ้านผูถาวเตรียมเก็บของอพยพกันแล้ว”“เจ้าพูดจริงรึ! เช่นนี้หมู่บ้านเราล่ะ หัวหน้าหมู่บ้านจะรู้อะไรมาบ้าง”“ไม่ได้การ ข้าต้องรีบกลับไปถามให้รู้ความ หมู่บ้านเราห่างจากที่นั่นแค่ 40 ลี้”เด็กน้อยทั้งสองเงี่ยหูฟังท่านป้าในหมู่บ้าน ขณะที่นั่งพักในลานดินที่หญ้าสั้นกว่าบริเวณอื่น เพราะบริเวณนี้เป็นจุดพักและโดนเหยียบย่ำอยู่ทุกวัน“ซินซิน ที่ป้าหวังพูดเจ้ารู้เรื่องหรือไม่?” เจียวเจียวกับหลิงหลิงเบิกตามองอย่างคาดหวังว่าส

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 1 เด็กอัปมงคลแห่งหย่งฉวน (1)

    5 ปีต่อมา หมู่บ้านหย่งฉวนชายแดนแคว้นเว่ย“นังตัวซวย! ใช้ให้ไปเก็บผักป่าเก็บฟืนซีกมายังได้มาแค่นี้ เลี้ยงเสียข้าวสุก! ถ้าไม่ทำงานเย็นนี้ก็ไม่ต้องกินข้าว!!!”ชาวบ้านในหมู่บ้านที่เดินผ่านประตูบ้านหู มักได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดด่าทอของสะใภ้ใหญ่หู ตงจื่อจิน พร้อมเสียงไม้เรียวฟาดกระทบเนื้อหนัง แรก ๆ ก็มีคนเวทนาปนสงสารเด็กน้อยช่วยพูดห้ามปราม แต่ถูกตอกกลับเสียหน้าหงาย‘ใจดีกันเหลือเกินนะ! จะเอานังตัวอัปมงคลนี่ไปเลี้ยงเองเลยหรือเปล่าล่ะ’“แค่ก ๆ ขะ...ข้าไม่สบายเจ้าค่ะท่านป้าตง จึงไม่ค่อยมีแรงเดิน” เด็กหญิงวัยห้าหนาว ใบหน้าตอบ ผิวกายขาวซีดเม้มปากตอบด้วยเสียงแหบเล็กเพียะ! เพียะ!“หนอยแน่… อย่ามาทำสำออย!!! ไปเก็บผักมาให้เต็มตะกร้าถ้ายังไม่เต็มไม่ต้องกลับมา ไสหัวไป!”นางจื่อจินไม่คิดฟังคำแก้ตัว หยิบไม้เรียวมาฟาดตามเนื้อตัวผอมแห้งไร้เนื้อหนัง จับกระชากแขนผอม ๆ เหมือนไม้ซีกไปทางประตูบ้านโยนออกไปพร้อมตะกร้าสานโครม!...ลำตัวเล็กจ้อยกระแทกพื้นตามแรงเหวี่ยงฝ่ามือเล็กครูดกับหินคมจนเลือดซึม ร่างกายไร้เรี่ยวแรงค่อย ๆ ลุกขึ้นเก็บตะกร้าขึ้นสะพายหลังเดินกระเผลกตรงไปยังทางขึ้นเขาท้ายหมู่

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   บทนำ

    ‘อู๋จง’ แดนเทพยุทธ์บรรพกาลที่แบ่งเขตปกครองเป็น 3 อาณาจักรบน 5 แดนล่าง มีตำนานปรำปราเล่าขานอันน่าเหลือเชื่อ ไร้บันทึกจารจำไม่มีผู้ใดล่วงรู้ต้นกำเนิดมาจากที่ใด มีอยู่มานานเพียงไหนอยู่เรื่องหนึ่งธารเวลาทุก 700 สารทเวียนบรรจบ ก่อเกิด ‘โอสถสวรรค์’ ผู้มีบุญญาถือครอง ใต้หล้าสนองจำนงค์เป็นหนึ่ง...ชาวบ้านทั่วไปแม้นได้ฟัง ยังคิดเพียงไม่ใช่เรื่องตน แตกต่างจากราชสำนักของแต่ละอาณาจักร พรรคธรรมะ ลัทธิมารในยุทธภพล้วนเสาะแสวงหา แม้ไร้ซึ่งเบาะแสแต่อำนาจไหนเลยจะไม่จรุงกลิ่นหวานหอม10 ปีก่อน มีนักเล่านิทานปริศนาผู้หนึ่งเดินทางรอนแรมเล่าตำนานโอสถสวรรค์ในเมืองต่าง ๆ ของ 3 อาณาจักรบน อันได้แก่อาณาจักรต้าเซี่ย อาณาจักรเป่ยเหลียง และอาณาจักรตงซี จนบังเกิดความตื่นตัวแก่ราชสำนักของอาณาจักรทั้งสาม แม้แต่สำนักน้อยใหญ่ในยุทธภพยังเฝ้ามองความเป็นไปนิทานนี้มีการกล่าวถึงนานนับปี แต่ไม่มีผู้ใดสามารถหาตัวหรือร่องรอยของนักเล่านิทานผู้นั้นได้ จนมีข่าวลือว่าเขาเป็นผู้เยี่ยมยุทธไปมาไร้เงาประดุจภูติผี ต่อมาจึงมิมีผู้ใดกล้าตามหาตัวคน เพียงรับฟังเรื่องเล่าสุดพิศดารที่ว่า‘โอสถสวรรค์แท้จริงเป็นดรุณีน้อย’ กำเนิดในฤกษ์ดาวเทีย

DMCA.com Protection Status