Home / รักโบราณ / โอสถฟ้าบัญชารัก / ตอนที่ 2 ชีวิตที่เก็บตก (1)

Share

ตอนที่ 2 ชีวิตที่เก็บตก (1)

last update Last Updated: 2025-02-13 23:36:39

“อ๊ากกก ช่วยด้วย!”

เกวียนบ้านหูเพิ่งจะเคลื่อนไปได้ไม่นาน เสียงกรีดร้องหวาดกลัวกับเสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากดังมาจากทางหลังหมู่บ้านที่ติดกับทางขึ้นเขา

“สวรรค์!!! ทหารแคว้นจ้าว!”

“ย่ะ ๆ”

ชาวบ้านวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น พี่ใหญ่หูตีวัวเร่งความเร็วขึ้น ด้วยความที่บรรทุกทั้งของทั้งคนจึงทำความเร็วสูงสุดไม่ได้แต่ก็ยังเร็วกว่าวิ่ง

“ต้าหู! ขอข้าขึ้นเกวียนด้วย!”

ชาวบ้านด้านหน้าเห็นเกวียนวัวก็ร้องขอ ทำท่าจะวิ่งมาล้อมเกวียน บ้านหูเห็นแบบนั้นหน้าเปลี่ยนสีทันที แค่พวกเขาวัวตัวเดียวกับข้าวของก็เต็มกลืนแล้ว

ถ้ามีคนมาเพิ่มคงได้ตายกันหมด

“ท่านพี่ขับต่ออย่าหยุด! น้องสามีมาช่วยข้าเดี๋ยวนี้!!!” นางตงรีบจับไม้ฟืนขึ้นมาท่อนหนึ่ง ตะโกนบอกน้องสามีแล้วเริ่มทุบตีคนที่จะโดดขึ้นมาบนเกวียน

“เจ้าสองคนมัวนั่งบื้อทำไม ลุกขึ้นมาช่วยข้าถ้าไม่อยากตาย!!!”

นางเห็นน้องสามีกับภรรยานั่งอึ้งตกตะลึงก็หันไปตวาดสั่งเกรี้ยวกราด ออกแรงทุบตีไปด่ากราดไปด้วย “ไอ้สวะอย่าขึ้นมา! ลงไป!”

หูชุนปิดตาร่ำไห้โดยไร้เสียงมองเหล่าเพื่อนบ้านท่าทางสิ้นหวังปนคับแค้นมองมายังเกวียนของพวกตน สุดท้ายก็เอื้อมมือสั่นเทาไปหยิบท่อนฟืนขนาดใหญ่ขึ้นมา

หากเขาไม่แข็งใจลูกเมียคงไม่รอด…

“โฮฮฮฮ…”

หูหลิงร้องไห้ขวัญผวากอดเอวผู้เป็นแม่ตัวสั่นเทา คนเป็นแม่ก็มีสภาพไม่ดีไปกว่ากันนัก

ตอนนี้บ้านที่มีเกวียนวัวตกเป็นเป้าโจมตีของคนเดินเท้า ทุกคนตาแดงก่ำกลัวตายจนลนลานหาทางรอด มีคนคิดจะปล้นชิงพยายามจะดึงหูต้าหย่งลงจากเกวียน

ผัวะ!

อดีตทหารและนายพรานฝีมือดีอย่างหูชุนตวัดฟืนครั้งเดียวก็ตีคนมาลองดีจนหงายหลัง พวกที่คิดได้ว่าวิ่งหนีก็ยังพ้นจึงไม่สนใจเกวียนอีกหลังจากเห็นว่าบ้านหูเอาจริง

“บ้านหูพวกเจ้าไม่ตายดีแน่ ไอ้คนใจดำ ข้าขอสาปแช่งเจ้าไม่ให้ได้ผุดได้เกิด!”

กรี๊ดดดดดด...

“อย่าเข้ามา ปล่อยพวกข้าไปเถอะ”

“บุกเข้าไป บุกเข้าไป ฆ่าให้หมด!”

เฮ! เฮ!

เสียงกรีดร้องสาปแช่ง สลับเสียงหวาดกลัวร้องขอความเมตตาราวกับนรกบนดิน เสิ่นซินนั่งนิ่งเงียบอยู่บนกองฟางริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มถูกฟันขบกัดจนห้อเลือด

ใบหน้าตอบผอมมีริ้วรอยความกังวล

...ถ้าท่านแม่กลับมา

ไม่รู้ว่าจะหาข้าเจอหรือไม่ ท่านจะร้อนใจเพียงใด

น้ำตาเม็ดโตไหลกลบดวงตา เด็กหญิงร้องไห้เงียบเชียบเหม่อมองบ้านที่เคยอยู่อาศัยห่างออกไปเรื่อย ๆ

ก่อนออกมาจากบ้านเสิ่นซินใช้มีดพยายามสลักเป็นตัวอักษร ‘เมืองหลวง’ บนผนังบ้านดิน แม้มันจะโย้เย้อ่านแทบไม่ออกเป็นคำ เด็กหญิงพยายามขีดลากเส้นตามที่มารดาเคยสอน

สิ่งใดที่ท่านแม่ของนางเคยสอน

นางไม่เคยลืม...

พลั่ก!

จู่ ๆ ร่างกายผอมบางราวปุยนุ่นถูกจับทุ่มลอยลิ่วตกลงจากเกวียนโดยไม่ทันตั้งตัว เสิ่นซินตกกระแทกพื้นดัง ‘ตุบ’

“เสี่ยวซิน!” “ซินซิน”

“เสี่ยวซิน!!! ที่สะใภ้ท่านบ้าไปแล้วเรอะ! พี่ใหญ่จอด!”

“ไม่ต้องจอด!!! ถ้าเจ้าอยากตายก็ลงไปคนเดียว! พวกทหารมันวิ่งตามมาลิบ ๆ โน่นแล้ว ข้าโยนของไร้ประโยชน์น้ำหนักมากออกไปวัวจะได้วิ่งได้เร็วขึ้น”

เกวียนวัวที่ทำท่าผ่อนแรงจะหยุด ถูกนางตงทุบหลังสามีเร่งเร้าเอาความเป็นความตายขึ้นมาข่มขู่ หูต้าหย่งจึงตัดใจขับเกวียนต่อไป

ทิ้งร่างเล็กจ้อยนอนหมดสภาพบนพื้นดินแดง

“ปล่อยข้า ข้าจะลงไปช่วยซินซิน ซินซินเจ้าลุกสิ! ซินซิน!”

เสิ่นซินที่กำลังเจ็บจุกค่อย ๆ ขยับตัวพยายามลุกขึ้นยืน ได้ยินเสียงหูหลิงร้องไห้ค่อย ๆ ห่างออกไป

แปร๊บ! ตุบ!

เด็กหญิงตัวเล็กซวนเซล้มลงไปอีกครั้ง ข้อเท้าขาวซีดบัดนี้มีรอยแดงช้ำเจ็บแปลบแค่เพียงขยับ สองขาเล็กขาวซีดค่อย ๆ ขยับ แม้ข้างที่เจ็บจะทนแทบไม่ไหว ก็พยายามลากขาเดินไปทีละก้าวด้วยตามุ่งมั่น

“ข้าต้องรอด ข้าต้องไม่ตาย ข้าจะไม่ยอมตาย”

“ฆ่า! ฆ่า!”

ฉัวะ! อ๊ากกกกกก

เสียงเข่นฆ่าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แต่นางหาสนใจจะหันกลับไปมองไม่ พยายามหนีห่างให้ไกลที่สุด สองข้างทางมีทั้งเรือนดินสลับทุ่งนา แทบไม่มีที่ให้หลบไปซ่อนตัว

พลั่ก! “หลบไป!!!”

ผู้คนที่กำลังหวาดกลัวคิดแต่หนีเอาตัวรอด ไหนเลยจะสนใจเด็กตัวเล็ก ใครขวางทางก็ชนจนกระเด็น เข่าของเสิ่นซินที่ถูกท่านป้าคนหนึ่งชนจนกระแทกพื้นแตกได้เลือดทั้งสองข้าง

ครานี้นางลุกไม่ขึ้นอีกต่อไป...

ร่างเล็กคลุกฝุ่นค่อย ๆ ใช้ฝ่ามือคืบคลานไปตามพื้นถนนดินขรุขระ “แค่ก แค่ก!” ฝุ่นผงฟุ้งตลบจากฝีเท้าที่วิ่งผ่านไปรมอยู่รอบตัว

“ตายซะ!” เสียงตะโกนดังขึ้นราวกับคนพูดอยู่ข้างหู เงาบนพื้นดินเป็นชายร่างใหญ่เงื้อง่าดาบขึ้นสูงเตรียมฟาดฟันลงมา

ร่างเล็ก ๆ สั่นเทาเจ็บปวดไปทั้งตัว นัยน์ตาเริ่มเลื่อนลอยมีทั้งหยาดเหงื่อกับหยาดน้ำตาแห่งความเจ็บปวดคลอขัง แต่ไร้ซึ่งความหวาดกลัว

และดวงตาเปี่ยมพลังนี้เองที่สะดุดตาสายตาคมปลาบเข้า

เฟี้ยว! ฉึก!

จากนั้นรอบตัวกลับเกิดความโกลาหลวุ่นวายกว่าเดิม รอบตัวเสิ่นซินเหมือนช่องว่างที่อยู่คนละห้วงเวลาดุจกาลเวลาหยุดนิ่ง

สติรับรู้ไม่หลงเหลือ แววตาไม่อาจจับมองภาพสิ่งใดที่เกินจากฝ่ามือได้

“ช่วยชาวบ้าน! จัดการทหารพวกนั้นให้หมด”

บุรุษร่างสูงผมสีเงินปล่อยสยายพลิ้วไหวไปตามลม ท่วงท่าก้าวเดินดุจเซียนลอยล่องลงมายังโลกมนุษย์ ชายเสื้อคลุมสีดำเดินดิ้นทองสะบัดไปตามการขยับไหว

ปลายเท้าในรองเท้าสีดำมาหยุดห่างจากร่างของเด็กที่คุกเข่าอยู่กลางถนน เงาดำปิดกั้นแสงแดดที่กำลังเริ่มแผดเผาผืนดินจนร้อนระอุ

“เด็กน้อย เจ้าไม่กลัวตายหรืออย่างไร?” เจ้าของเงาดำถามเสิ่นซินด้วยเสียงทุ้มอ่อนโยน

เด็กหญิงที่มึนงงสับสนเงยหน้ามอง แต่ดวงตาไม่อาจเห็นสิ่งใดจิตใจลอยล่องไปไกลดุจก้อนเมฆที่กำลังกระจัดกระจาย

“ความตายใช่น่ากลัว ห่วงเพียงท่านแม่จะหาข้าไม่เจอ” เสียงเล็กขุ่นมัวลอดผ่านริมฝีปากแห้งแตกแผ่วเบา เสิ่นซินตอบออกไปอย่างไรกลับไม่รู้สักนิด จิตใจนึกถึงเพียงมารดา

“แล้วมารดาของเจ้าเล่า?”

หัวกลมทุยค่อย ๆ ห้อยตก ลมหายใจหอบเหนื่อย ตลอดทั้งร่างชุ่มหงาดเหงื่อแห่งความเจ็บปวด ข้อเท้าปวดตุบ หัวเข่าแสบร้อน ผมเผ้าหลุดจากเปียลีบลู่ไปตามต้นคอ

ต่อจากนั้นชายคนนั้นจะถามหรือว่ากล่าวสิ่งใดไม่ได้เข้าสู่สมองที่ว่างเปล่าสักนิด ก่อนหมดสติเสิ่นซินได้ยินเพียงประโยคเดียวที่ดังก้องกลับไปกลับมา กับการที่ฝ่ามือเล็กยื่นไปวางบนมือที่ใหญ่กว่าตนหลายเท่าก็ไม่รับรู้

“มาเถอะ... กลับไปกับข้า พบเจอแล้วก็นับว่าเป็นโชคชะตา”

6 เดือนต่อมา

ณ หุบเขาเร้นลับแห่งหนึ่ง ทางทิศตะวันตกของแคว้นเว่ย ยังมีหมู่เรือนไม้เรียบง่ายกลางป่าบนภูเขาสูง เรือนทั้งหมดมี 4 เรือนเป็นเอกเทศ เรือน 3 หลัง มีผู้จับจองเป็นเจ้าของ เหลือเรือนว่าง 1 หลัง

เรือนหลักมีขนาดใหญ่ที่สุด ประกอบไปด้วยห้องแยก 5 ส่วน เป็นห้องนอนใหญ่ 1 ห้อง ห้องนอนเล็ก 1 ห้อง ห้องหนังสือ 1 ห้อง ห้องครัว และห้องว่างไว้เก็บของ

ภายในห้องนอนเล็กบัดนี้มีเด็กหญิงร่างเล็กจับจองเป็นเจ้าของ เพียงแค่นางกำลังนอนแน่นิ่งคล้ายหลับใหล มีเพียงทรวงอกที่คลุมผ้าห่มขยับขึ้นลง

ใบหน้าเล็กคิ้วเรียวกำลังบิดมุ่น ลำตัวสั่นเป็นพัก ๆ ริมฝีปากซีดจนเกือบเป็นสีเทา

“ฉีก้วยเชิง (หมอประหลาด) ยังเดินทางมาไม่ถึงอีก?”

“เรียนนายฉีก้วยเชิงและศิษย์จะถึงในอีก 2 วันขอรับ”

สิ่งที่มือขวารายงานเรียกความวิตกกังวลแก่บุรุษผมเงิน ดวงตาคมนิ่งมองเด็กน้อยที่ราวกับตะเกียงไฟดวงเล็กใกล้มอดดับ

อีก 2 วัน...หวังว่าจะทันเวลา

Related chapters

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 2 ชีวิตที่เก็บตก (2)

    2 วันต่อมา‘หุบเขาหงถาว’ (ท้อแดง) มีโอกาสได้ต้อนรับอาคันตุกะที่ลักพา...แค่ก เชื้อเชิญมาด้วยวิธีการอันไม่น่าจะกล่าวถึงนัก 2 คน เดิมทีคนของนายท่านใช้วิธีการต่าง ๆ นานากล่าวเชื้อเชิญอย่างสุภาพ... ‘ข้าอารมณ์ไม่ดีไม่ไป’เสนอรางวัลให้อย่างงาม... ‘เหอะ! เงินทองนับเป็นกระไรได้ ไม่ไป!’ล้อมจับ... ‘ฮึ...คิดหรือว่าข้าจะกลัว เจอพิษที่ข้าคิดขึ้นมาใหม่หน่อยปะไร”จนสุดท้ายนายท่านสั่งให้ยื่นจดหมายฉบับหนึ่ง... ‘โอ้...หมอต้องมีจิตใจแห่งโพธิสัตว์ ไยไม่เร่งนำทางอีก’“ไหนคนไข้ รีบพาข้าไปหาเร็วเข้า!” เดินทางรอนแรมเกือบเดือนอย่างเร่งรีบด้วยวิชาตัวเบาสลับกับการขี่ม้า ไม่ต้องให้พูดถึงสภาพผู้มาเยือนเลย แต่ละคนแข้งขาสั่นแรงเดินไม่มี สภาพสกปรกมอซอราวขอทาน“จับโยนลงสระเย็น” เสียงเฉื่อยชาไม่บ่งบอกอายุของชายหนุ่มผมเงินดูเจ้าสำราญ เขากำลังนั่งยกจอกสุราอุ่น ๆ ขึ้นจิบ ท่วงท่าทิ้งตัวพิงขอบตั่งเปิดสาบเสื้อให้แยกออกเห็นผิวเนื้อแน่นตึงดูเยี่ยงไรก็คล้ายคุณชายเสเพลท่านหนึ่ง“ขอรับนายท่าน!”“เพ้ย! ไอ้หนุ่มหัวหงอก! นี่หรือมารยาทรับรองแขกของเรือนเจ้า” หมอประหลาดโวยวายตอนโดนมือขวาของเจ้าหุบเขาหิ้วคอเสื้อด้านหลังชายผมเงินแม้ส

    Last Updated : 2025-02-13
  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 3 นามรอง (1)

    7 วันผ่านไปอาการกำเริบของพิษเย็นถูกหมอเฒ่าและยายเฒ่าช่วยกันหาทางระงับควบคุมไว้ได้ ทำให้เสิ่นซินกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว‘เจ้าไม่ใช่ศิษย์ข้า แต่เป็นคุณหนูน้อยแห่งหุบเขาหงถาว’เสิ่นซินเรียกขานท่านเจ้าหุบเขาเป็นอาจารย์เขากลับรีบปฏิเสธ สุดท้ายบอกว่าอยากเรียกอะไรได้ทั้งนั้นยกเว้นอาจารย์ และฐานะของนางถูกยกเป็นคุณหนูน้อยไปแล้ว“ชีพจรวันนี้ดีนัก เจ้ากินยาเทียบนี้ติดต่อกันสัก 3 ปี อาการกำเริบของพิษเย็นจะกำเริบเหลือปีละ 2 ครั้ง หลังจากนั้น ในวันที่ร้อนที่สุดและเย็นที่สุดของปี”“ไม่ได้หายขาดหรือเจ้าคะ?” เสิ่นซินถามด้วยความผิดหวัง“ข้าเป็นหมอมิใช่เทพเซียน! พิษประหลาดของเจ้าไร้ที่มา ข้ากดอาการของมันให้เจ้าได้นับว่าดีเท่าไหร่!” คำถามของเด็กน้อยหมอประหลาดเหมือนโดนเหยียบหาง ลุกขึ้นมาเต้นเร่ายิ่งดวงตากลอกกลิ้งไม่เชื่อถือ...ราวกับเขามีเพียงราคาคุย!“เพ้ย! ถึงไม่หายขาดแต่เจ้าสามารถโคจรลมปราณได้โดยแลกกับอาการกำเริบเดือนละครั้ง!”“ท่านทำการค้ารึ? เอาผลประโยชน์เล็กน้อยล่อลวงข้าหวังให้ข้าคล้อยตาม”เสิ่นซินแม้ยังไม่หายดี แต่เป็นเด็กใฝ่รู้จนน่ากลัว กลางวันเรียนหนังสือโดยท่านจ้าวหุบเขาสอนด้วยตนเอง ตกเย็

    Last Updated : 2025-02-13
  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 3 นามรอง (2)

    …ได้ผลชงัด บังเกิดความเงียบขึ้นรอบโต๊ะกินข้าว พวกผู้ใหญ่เบิกตามองหน้ากันไปมา แม้แต่โม่โฉ่วยังชะงักมือที่ถือจอกสุราแล้ววางลง“แค่ก...เจ้าชื่ออะไร?” เจ้าหุบเขาที่ปกติดูเฉื่อยชาไม่อินังขังขอบ บัดนี้แสร้งไอกลบเกลื่อน ใบหน้ากระอักกระอ่วน“ข้าแซ่เสิ่น นามเกิดว่าซิน เขียนด้วยความสุข [1] คำนับอาวุโสทุกท่านเจ้าค่ะ”“เสี่ยวซินแล้วนามรองของเจ้าล่ะ?” ตู๋ยี่รีบขานเรียกสนิทสนม อดถามเรื่องนามรองไม่ได้เพราะดูอย่างไรนังหนูก็ไม่เหมือนลูกหลานชาวบ้านชาวป่า พอหลุดถามไปเด็กน้อยมีสีหน้าสลดลง“ท่านแม่รอท่านพ่อของข้ามาตั้งให้เจ้าค่ะ” เสิ่นซินฝืนยิ้มทั้งใบหน้าคล้ายจะร้องไห้นางไม่เคยเห็นหน้าบิดา มีเพียงภาพวาดที่ท่านแม่เคยนำออกมาให้ดู เปลือกตาบางใสราวไข่มุกหลุบลงปกปิดแววตาเจ็บปวดอายุเพียงนางยังไม่รู้วิธีปกปิดความรู้สึก ผู้ใดย่อมมองออกพรึ่บ!โม่โฉ่วพลันลุกขึ้นใช้วิชาตัวเบาเร่งร้อนหายไปทางห้องหนังสือ เขาปิดประตูเก็บตัวอยู่ในนั้นทั้งคืนหลี่เฉียงและหลี่เหว่ย ผู้เป็นมือขวาและมือซ้ายของเจ้าหุบเขาเห็นแสงไฟในห้องนั้นถูกจุดตลอดทั้งคืนเช้าวันรุ่งขึ้น เสิ่นซินตื่นนอนตั้งแต่ยามเหม่าตามความเคยชิน แต่นางยังไม่ลุกจากเตีย

    Last Updated : 2025-02-13
  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 4 ลักพาตัว (1)

    เพียงชั่วยามเดียวในหอฉานยี่ จากคุณชายน้อยปากหวาน กลายเป็นตัวขี้เมาน้อยไปแล้ว“ม่ายมาววว ศิษย์เพ่ เอิ๊ก... เหล้านี่มันดีเจรง ๆ ตัวข้าอุ่นขึ้นมาแล้ว ท่านดู!” ผิวเนื้อที่มักขาวซีดและให้สัมผัสเย็น หากยื่นมือไปสัมผัสตอนนี้จะไม่เย็นมากนักแล้วใบหน้ากลมขาวแดงจัด ตาเยิ้มจวนจะปิด เดินตัวเอนเดินหน้าหนึ่งสามก้าวถอยจนพุงกลมแอ่น“เจ้าเดินให้ดีหน่อย” หวังหยูซินที่จิบไปจอกเดียวก็มีสีชมพูเจือจางตรงโหนกแก้ม หอบหิ้วเจ้าซาลาเปาน้อยกระเตงข้างเอวการฝึกยุทธ์ทำให้นางมีเรี่ยวแรงพอ ๆ กับผู้ใหญ่ อุ้มเด็กคนหนึ่งจึงไม่เหนือบ่ากว่าแรง แต่คงไม่สามารถใช้ออกด้วยวิชาตัวเบาพากลับหุบเขาได้ขณะเดินผ่านตรอกมืดซึ่งเป็นทางลัดไปโรงเตี๊ยมพรึ่บ!กระสอบผ้าถูกยกเตรียมครอบลงจากทางศีรษะ แต่หวังหยูซินเบี่ยงหลบทัน แล้วกระโจนถอยหลังไม่มั่นคง ตัวเซอีก 2 ก้าว“จับตัวไว้!”เสิ่นซูเย่วถูกการเคลื่อนไหวกะทันหันทำเอาวิงเวียนตาลาย จะลงมายืน อ้อมแขนของศิษย์พี่ก็ไม่ปล่อย“ซูเย่วอย่าดื้อ เกาะศิษย์พี่ไว้”เพราะมีลูกลิงห้อยโหนอยู่บนตัว ศิษย์เอกหมอประหลาดจึงใช้แขนได้เพียงข้างเดียว ฝ่ายตรงข้ามมีคนที่เป็นวรยุทธ์ระดับต่ำอยู่ 3 คน“เด็กนี่มีวรยุทธ์

    Last Updated : 2025-02-13
  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 4 ลักพาตัว (2)

    เมืองอิงจี้ที่ว่าการศาลต้าหลี่ประจำเมืองกำลังจะลุกเป็นไฟแล้วจริง ๆ เพราะบุรุษร่างสูงในอาภรณ์สีดำขลิบทองหลุดรุ่ยแบบบุรุษเสเพล แต่ใบหน้าของเขายามนี้เย็นชาสุดขั้วขับผมสีเงินโดดเด่นยิ่งดูเยือกเย็น“จอมยุทธ์โปรดยั้งมือด้วย!” หัวหน้าศาลต้าหลี่ประจำเมืองตอนนี้ใช้ปลอกดาบยันพื้นคุกเข่าลงข้างหนึ่งกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่เบื้องหน้า“ทางการจะสืบสวนเรื่องอย่างยุติธรรมแน่นอน ท่านโปรดวางใจ ทางการเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจข้าได้ระดมกำลังคนตามหาคุณหนูน้อยทั้งสองของท่านและเด็กคนอื่น ๆ ที่หายไปแล้ว”“เหอะ!...”ยังไม่ทันที่โม่โฉ่วจะสะบัดชายเสื้อคลุมจากไป หลี่เหว่ยก็รีบร้อนเข้ามารายงานเสียก่อน“นายท่าน! ได้เบาะแสแล้วขอรับ มีชาวบ้านทางฝั่งประตูตะวันออกเห็นยามเปิดประตูเมืองให้รถลากออกไปกลางยามโฉ่วสองคัน”บัดซบ! ใครมันกล้ารับสินบนใต้จมูกข้า!หัวหน้าศาลต้าหลี่สบถสาบานในใจดุเดือด ยิ่งเห็นสายตาเย็นเยียบที่ปรายมาใจแทบจะกระเด้งกระดอนจุกปาก‘มารดามันเถอะ! ใครจะคิดว่าเมืองนี้จะซ่อนสำนักยุทธ์ที่เก่งกาจแบบนี้ไว้’“ฮะ ฮะ ท่านเจ้าหุบเขา ในเมื่อเจอเบาะแสเราก็รีบติดตามคนเถอะ... พวกเจ้าส่งกำลังคนขี่ม้าเร่งติดตามร่องรอยไปเดี๋ยวนี้

    Last Updated : 2025-02-13
  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 5 พรหรือคำสาป (1)

    ฟู่ว...จู่ ๆ กลิ่นหอมรัญจวนอ่อนจางก็กำจายไปทั่วห้อง กลิ่นนี้มีคล้ายไม่มีแต่ทำให้ผู้ที่ได้กลิ่นมัวเมาเคลิบเคลิ้ม เพียงสูดดมร่างกายรู้สึกสดชื่นความเหนื่อยล้าหายไป สมองแจ่มใสสงบนิ่ง‘ไม่ถูกต้อง!’กลิ่นนี้มาจากที่ใด มือที่เรียวเนียนไม่เหมือนของชายวัยกลางคนชะงักการแกะผ้าออกจากแผลของศิษย์คนเล็ก“ยายเฒ่าเจ้าเข้ามาตรงนี้สักหน่อย ท่านหลี่เฉียงวานท่านปิดประตูหน้าต่างรอบห้องทั้งหมดให้ข้าที ช่วยตามเจ้าหุบเขามาสักหน่อยเถอะ” ท่าทางเคร่งเครียดของหมอประหลาด จึงไม่มีใครกล้าชักช้าหรืออิดออด“นี่...นี่มัน หากดอกฉวินเซียน (ทวยเทพ) มีจริงเกรงว่าจะมีกลิ่นเช่นนี้!!!” ตู๋ยี่อุทานอย่างพรั่นพรึง ก้าวถอยซวนเซสับสนโม่โฉ่วกำลังย่างเท้าเข้าประตูมาทันได้ยินเข้าหน้าเปลี่ยนสีแทบไม่น่าชมดู“ฉีก้วยเชิง ตู๋ยี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น!”หมอประหลาดไม่พูดมากความ เขาดึงผ้าตรงขากางเกงของเสิ่นซูเย่วขึ้น ป้ายเลือดที่ซึมออกมานำไปหยดลงบนใบกล้วยไม้ในกระถางที่เหี่ยวเฉาใช้เวลาแค่จิบชาใบสีน้ำตาลค่อย ๆ ฟื้นความเขียวขจี“ยังมีกลิ่นหอมที่คล้ายดอกฉวินเซียนในตำนานนี่อีก นี่มันเรื่องใหญ่โตเกินไปแล้ว”ดอกฉวินเซียนเล่าขานกันว่าเป็นดอกไม้ที่มีส

    Last Updated : 2025-02-13
  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 5 พรหรือคำสาป (2)

    “เรื่องคำทำนายพวกนั้นช่างเถอะ สิ่งสำคัญคือทำเยี่ยงไรจึงจะบรรเทากลิ่นฉวินเซียนได้” โม่โฉ่วยังไม่อยากคิดไปไกลนัก เร่งหาทางรับมือปัญหาที่อยู่ตรงหน้าดีกว่า“ในเมื่อปกปิดไม่ได้ ลองใช้ยุทธวิธีมีในไม่มี จริงในลวง ลวงกลายเป็นจริง” หมอประหลาดหันหน้าปรึกษากันกับตู๋ยี่ โม่โฉ่วเหลือบตามองด้วยประกายสนใจวาบผ่าน‘ฉีก้วยเชิงภูมิหลังไม่ธรรมดา รู้กลยุทธ์ในตำราพิชัยสงคราม’“เจ้าหมายถึง?”“เจ้าว่ามีสมุนไพรหรือดอกไม้ใดกลิ่นคล้ายฉวินเซียนบ้าง ในเมื่อกลบกลิ่นไม่ได้ก็ทำให้คนคิดว่าเป็นกลิ่นดอกไม้ชนิดอื่นเสีย”หมอประหลาดขอยืมกระดาษกับพู่กันมาค่อย ๆ ทบทวนชื่อแล้วจรดพู่กันลงไป เขียนรายชื่อและสรรพคุณ“เพิ่มดอกกระดิ่งราตรีอายุ 100 ปี กับดอกเงาจันทร์ด้วย”“กลิ่นภายนอกนั้นไม่ยากทำเป็นถุงหอม น้ำมันหอมบำรุงให้นางใช้จะได้มีกลิ่นอวลรอบตัวให้คนเกิดภาพจำ ส่วนการเจือจางภายในข้าว่าออกจะยากอยู่สักหน่อย”“ลองใช้วิธีเดียวกับมนุษย์โอสถ อาบแช่สมุนไพร ดื่มยา และฝังเข็มได้หรือไม่ แต่แบบนั้นทรมานนัก ไม่ได้ ๆ วิธีนี้ไม่ดี”ตู๋ยี่นึกถึงวิธีการสร้างมนุษย์โอสถใบหน้าก็น่าเกลียด“เพ้ย! เราไม่ได้จะสร้างมนุษย์โอสถหรือจับนางมาทรมาน แต่เราจะ

    Last Updated : 2025-02-13
  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 6 ลงจากเขา (1)

    12 ปีผ่านไปฤดูกาลผันผ่านสารทแล้วสารทเล่าเวียนบรรจบ หุบเขาหงถาวยังคงเงียบสงบ ผู้คนปลีกวิเวกไม่ยุ่งเกี่ยวกับภายนอกยกเว้นไว้ผู้หนึ่ง...เสิ่นซูเย่วจากเด็กน้อยตัวอ้วนกลม ร่างกายยืดเหยียดเล็กคอด ที่ควรโค้งก็กลมอิ่ม ที่ควรเว้าก็อ้อนแอ้น แต่ยิ่งเติบใหญ่กลับสั่งสมบุคลิกจ้าวสำราญ ไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดินเฮ! เฮ!“นายน้อยเสิ่น! เร่งเข้า ๆ นายน้อยเสิ่น! นายน้อยเสิ่น!”กุบ กับ กุบ กับ... ฮี้ ย่ะห์เฮ! “เร่งอีก!” “จะแซงแล้ว เร่งหน่อย”เสียงกีบเท้าม้ากระแทกบนพื้นดินแข็งแทบจะกลบเสียงเชียร์ของคนรอบข้าง นอกกำแพงเมืองอิงจี้ออกไป 5 ลี้ มีพื้นที่ราบว่างเปล่า บัดนี้เต็มไปด้วยฝูงชนราวกับมีงานเทศกาล“เข้าเส้นชัยแล้ว! นายน้อยเสิ่นชนะ!”เฮ!“ชนะแล้ว! ไปรับเงินกันเถอะ!!! ฮ่า ฮ่า ฮ่า”“หึ เป็นไงล่ะอวดดีนัก เห็นนายน้อยเสิ่นหน้าอ่อนแบบนั้น ถ้าไม่มีฝีมือจริงไม่ได้ฉายานายน้อยอันดับหนึ่งแห่งอิงจี้หรอก”“หาเรื่องใครไม่หา ไปหาเรื่องนายน้อยเสิ่น โง่ดีแท้”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไปพวกเรา วันนี้ข้าเลี้ยงเอง นาน ๆ จะมีแกะอ้วนมาให้เชือด” เสิ่นซูเย่วดัดเสียงทุ้มต่ำต่างจากใบหน้าขาวใสเกลี้ยงเกลา คิ้วตรงเฉียงดกหน้า ดวงตราหงส์แวววาวมีชีวิต

    Last Updated : 2025-02-17

Latest chapter

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 6 ลงจากเขา (2)

    หุบเขาหงถาวฟิ้ว...วี้ด...“นายท่านคุณหนูกลับมาแล้วขอรับ” หลี่เหว่ยได้ยินเสียงสัญญาณลับจึงเคาะประตูรายงานนายท่าน“เจ้าคิดดีแล้วหรือ” ตู๋ยี่มีความวิตกระหว่างคิ้ว หน้าตาไม่สบายใจอย่างยิ่ง“เจ้าจะเก็บนังหนูไว้บนหุบเขาตลอดไปไม่ได้หรอก ปล่อยนางผจญโลกภายนอกหาประสบการณ์ชีวิตเถอะ” หมอประหลาดขัดคำพิรี้พิไรของยายเฒ่าพิษ"ถ้าเลือดนางถูกค้นพบ?”“อาจารย์ เจ้าหุบเขาพวกท่านโปรดวางใจ ข้าจะคอยควบคุมศิษย์น้องให้ดี”ไม่ให้นางก่อเรื่องราวใหญ่โต...ประโยคที่เหลือแม้หวังหยูซินไม่ได้พูดออก อาวุโสในห้องหนังสือล้วนรู้แจ้ง“ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ” ต่อให้ทักทายเสียงอ่อนหวานแต่การหมุนข้อมือโบกพัดเอื่อย ๆ ตั้งศอกไพล่หลัง ก้าวขายาวกว้าง อกผายท่าทางองอาจสง่างามตู๋ยี่มองสารรูปชายไม่ใช่หญิงไม่หญิงแล้วอยากจะยกถุงหอมมาสูดดมทุกทีไม่ใช่พวกเขาไม่ลักพา...แค่ก เชิญน่ะเชิญ มามาอาวุโสจากในรั้ววังมาสั่งสอนมารยาทสตรี ทั้งฉินฉีซูฮว่า [1] ได้เจ้าหุบเขาที่เป็นเอกบุรุษด้าน 4 ศิลป์แห่งซิ่วไฉ่สอนสั่งด้วยตนเองเพียงแต่นางทำได้ดีเกินไป ดีจนไร้ที่ติแล้วก็เลิกสนใจโดยสิ้นเชิงเวลาของเสิ่นซูเย่วใน 12 ปีที่มาอยู่หุบเขาหงถาว หมดไปกับการฝึกวร

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 6 ลงจากเขา (1)

    12 ปีผ่านไปฤดูกาลผันผ่านสารทแล้วสารทเล่าเวียนบรรจบ หุบเขาหงถาวยังคงเงียบสงบ ผู้คนปลีกวิเวกไม่ยุ่งเกี่ยวกับภายนอกยกเว้นไว้ผู้หนึ่ง...เสิ่นซูเย่วจากเด็กน้อยตัวอ้วนกลม ร่างกายยืดเหยียดเล็กคอด ที่ควรโค้งก็กลมอิ่ม ที่ควรเว้าก็อ้อนแอ้น แต่ยิ่งเติบใหญ่กลับสั่งสมบุคลิกจ้าวสำราญ ไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดินเฮ! เฮ!“นายน้อยเสิ่น! เร่งเข้า ๆ นายน้อยเสิ่น! นายน้อยเสิ่น!”กุบ กับ กุบ กับ... ฮี้ ย่ะห์เฮ! “เร่งอีก!” “จะแซงแล้ว เร่งหน่อย”เสียงกีบเท้าม้ากระแทกบนพื้นดินแข็งแทบจะกลบเสียงเชียร์ของคนรอบข้าง นอกกำแพงเมืองอิงจี้ออกไป 5 ลี้ มีพื้นที่ราบว่างเปล่า บัดนี้เต็มไปด้วยฝูงชนราวกับมีงานเทศกาล“เข้าเส้นชัยแล้ว! นายน้อยเสิ่นชนะ!”เฮ!“ชนะแล้ว! ไปรับเงินกันเถอะ!!! ฮ่า ฮ่า ฮ่า”“หึ เป็นไงล่ะอวดดีนัก เห็นนายน้อยเสิ่นหน้าอ่อนแบบนั้น ถ้าไม่มีฝีมือจริงไม่ได้ฉายานายน้อยอันดับหนึ่งแห่งอิงจี้หรอก”“หาเรื่องใครไม่หา ไปหาเรื่องนายน้อยเสิ่น โง่ดีแท้”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไปพวกเรา วันนี้ข้าเลี้ยงเอง นาน ๆ จะมีแกะอ้วนมาให้เชือด” เสิ่นซูเย่วดัดเสียงทุ้มต่ำต่างจากใบหน้าขาวใสเกลี้ยงเกลา คิ้วตรงเฉียงดกหน้า ดวงตราหงส์แวววาวมีชีวิต

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 5 พรหรือคำสาป (2)

    “เรื่องคำทำนายพวกนั้นช่างเถอะ สิ่งสำคัญคือทำเยี่ยงไรจึงจะบรรเทากลิ่นฉวินเซียนได้” โม่โฉ่วยังไม่อยากคิดไปไกลนัก เร่งหาทางรับมือปัญหาที่อยู่ตรงหน้าดีกว่า“ในเมื่อปกปิดไม่ได้ ลองใช้ยุทธวิธีมีในไม่มี จริงในลวง ลวงกลายเป็นจริง” หมอประหลาดหันหน้าปรึกษากันกับตู๋ยี่ โม่โฉ่วเหลือบตามองด้วยประกายสนใจวาบผ่าน‘ฉีก้วยเชิงภูมิหลังไม่ธรรมดา รู้กลยุทธ์ในตำราพิชัยสงคราม’“เจ้าหมายถึง?”“เจ้าว่ามีสมุนไพรหรือดอกไม้ใดกลิ่นคล้ายฉวินเซียนบ้าง ในเมื่อกลบกลิ่นไม่ได้ก็ทำให้คนคิดว่าเป็นกลิ่นดอกไม้ชนิดอื่นเสีย”หมอประหลาดขอยืมกระดาษกับพู่กันมาค่อย ๆ ทบทวนชื่อแล้วจรดพู่กันลงไป เขียนรายชื่อและสรรพคุณ“เพิ่มดอกกระดิ่งราตรีอายุ 100 ปี กับดอกเงาจันทร์ด้วย”“กลิ่นภายนอกนั้นไม่ยากทำเป็นถุงหอม น้ำมันหอมบำรุงให้นางใช้จะได้มีกลิ่นอวลรอบตัวให้คนเกิดภาพจำ ส่วนการเจือจางภายในข้าว่าออกจะยากอยู่สักหน่อย”“ลองใช้วิธีเดียวกับมนุษย์โอสถ อาบแช่สมุนไพร ดื่มยา และฝังเข็มได้หรือไม่ แต่แบบนั้นทรมานนัก ไม่ได้ ๆ วิธีนี้ไม่ดี”ตู๋ยี่นึกถึงวิธีการสร้างมนุษย์โอสถใบหน้าก็น่าเกลียด“เพ้ย! เราไม่ได้จะสร้างมนุษย์โอสถหรือจับนางมาทรมาน แต่เราจะ

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 5 พรหรือคำสาป (1)

    ฟู่ว...จู่ ๆ กลิ่นหอมรัญจวนอ่อนจางก็กำจายไปทั่วห้อง กลิ่นนี้มีคล้ายไม่มีแต่ทำให้ผู้ที่ได้กลิ่นมัวเมาเคลิบเคลิ้ม เพียงสูดดมร่างกายรู้สึกสดชื่นความเหนื่อยล้าหายไป สมองแจ่มใสสงบนิ่ง‘ไม่ถูกต้อง!’กลิ่นนี้มาจากที่ใด มือที่เรียวเนียนไม่เหมือนของชายวัยกลางคนชะงักการแกะผ้าออกจากแผลของศิษย์คนเล็ก“ยายเฒ่าเจ้าเข้ามาตรงนี้สักหน่อย ท่านหลี่เฉียงวานท่านปิดประตูหน้าต่างรอบห้องทั้งหมดให้ข้าที ช่วยตามเจ้าหุบเขามาสักหน่อยเถอะ” ท่าทางเคร่งเครียดของหมอประหลาด จึงไม่มีใครกล้าชักช้าหรืออิดออด“นี่...นี่มัน หากดอกฉวินเซียน (ทวยเทพ) มีจริงเกรงว่าจะมีกลิ่นเช่นนี้!!!” ตู๋ยี่อุทานอย่างพรั่นพรึง ก้าวถอยซวนเซสับสนโม่โฉ่วกำลังย่างเท้าเข้าประตูมาทันได้ยินเข้าหน้าเปลี่ยนสีแทบไม่น่าชมดู“ฉีก้วยเชิง ตู๋ยี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น!”หมอประหลาดไม่พูดมากความ เขาดึงผ้าตรงขากางเกงของเสิ่นซูเย่วขึ้น ป้ายเลือดที่ซึมออกมานำไปหยดลงบนใบกล้วยไม้ในกระถางที่เหี่ยวเฉาใช้เวลาแค่จิบชาใบสีน้ำตาลค่อย ๆ ฟื้นความเขียวขจี“ยังมีกลิ่นหอมที่คล้ายดอกฉวินเซียนในตำนานนี่อีก นี่มันเรื่องใหญ่โตเกินไปแล้ว”ดอกฉวินเซียนเล่าขานกันว่าเป็นดอกไม้ที่มีส

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 4 ลักพาตัว (2)

    เมืองอิงจี้ที่ว่าการศาลต้าหลี่ประจำเมืองกำลังจะลุกเป็นไฟแล้วจริง ๆ เพราะบุรุษร่างสูงในอาภรณ์สีดำขลิบทองหลุดรุ่ยแบบบุรุษเสเพล แต่ใบหน้าของเขายามนี้เย็นชาสุดขั้วขับผมสีเงินโดดเด่นยิ่งดูเยือกเย็น“จอมยุทธ์โปรดยั้งมือด้วย!” หัวหน้าศาลต้าหลี่ประจำเมืองตอนนี้ใช้ปลอกดาบยันพื้นคุกเข่าลงข้างหนึ่งกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่เบื้องหน้า“ทางการจะสืบสวนเรื่องอย่างยุติธรรมแน่นอน ท่านโปรดวางใจ ทางการเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจข้าได้ระดมกำลังคนตามหาคุณหนูน้อยทั้งสองของท่านและเด็กคนอื่น ๆ ที่หายไปแล้ว”“เหอะ!...”ยังไม่ทันที่โม่โฉ่วจะสะบัดชายเสื้อคลุมจากไป หลี่เหว่ยก็รีบร้อนเข้ามารายงานเสียก่อน“นายท่าน! ได้เบาะแสแล้วขอรับ มีชาวบ้านทางฝั่งประตูตะวันออกเห็นยามเปิดประตูเมืองให้รถลากออกไปกลางยามโฉ่วสองคัน”บัดซบ! ใครมันกล้ารับสินบนใต้จมูกข้า!หัวหน้าศาลต้าหลี่สบถสาบานในใจดุเดือด ยิ่งเห็นสายตาเย็นเยียบที่ปรายมาใจแทบจะกระเด้งกระดอนจุกปาก‘มารดามันเถอะ! ใครจะคิดว่าเมืองนี้จะซ่อนสำนักยุทธ์ที่เก่งกาจแบบนี้ไว้’“ฮะ ฮะ ท่านเจ้าหุบเขา ในเมื่อเจอเบาะแสเราก็รีบติดตามคนเถอะ... พวกเจ้าส่งกำลังคนขี่ม้าเร่งติดตามร่องรอยไปเดี๋ยวนี้

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 4 ลักพาตัว (1)

    เพียงชั่วยามเดียวในหอฉานยี่ จากคุณชายน้อยปากหวาน กลายเป็นตัวขี้เมาน้อยไปแล้ว“ม่ายมาววว ศิษย์เพ่ เอิ๊ก... เหล้านี่มันดีเจรง ๆ ตัวข้าอุ่นขึ้นมาแล้ว ท่านดู!” ผิวเนื้อที่มักขาวซีดและให้สัมผัสเย็น หากยื่นมือไปสัมผัสตอนนี้จะไม่เย็นมากนักแล้วใบหน้ากลมขาวแดงจัด ตาเยิ้มจวนจะปิด เดินตัวเอนเดินหน้าหนึ่งสามก้าวถอยจนพุงกลมแอ่น“เจ้าเดินให้ดีหน่อย” หวังหยูซินที่จิบไปจอกเดียวก็มีสีชมพูเจือจางตรงโหนกแก้ม หอบหิ้วเจ้าซาลาเปาน้อยกระเตงข้างเอวการฝึกยุทธ์ทำให้นางมีเรี่ยวแรงพอ ๆ กับผู้ใหญ่ อุ้มเด็กคนหนึ่งจึงไม่เหนือบ่ากว่าแรง แต่คงไม่สามารถใช้ออกด้วยวิชาตัวเบาพากลับหุบเขาได้ขณะเดินผ่านตรอกมืดซึ่งเป็นทางลัดไปโรงเตี๊ยมพรึ่บ!กระสอบผ้าถูกยกเตรียมครอบลงจากทางศีรษะ แต่หวังหยูซินเบี่ยงหลบทัน แล้วกระโจนถอยหลังไม่มั่นคง ตัวเซอีก 2 ก้าว“จับตัวไว้!”เสิ่นซูเย่วถูกการเคลื่อนไหวกะทันหันทำเอาวิงเวียนตาลาย จะลงมายืน อ้อมแขนของศิษย์พี่ก็ไม่ปล่อย“ซูเย่วอย่าดื้อ เกาะศิษย์พี่ไว้”เพราะมีลูกลิงห้อยโหนอยู่บนตัว ศิษย์เอกหมอประหลาดจึงใช้แขนได้เพียงข้างเดียว ฝ่ายตรงข้ามมีคนที่เป็นวรยุทธ์ระดับต่ำอยู่ 3 คน“เด็กนี่มีวรยุทธ์

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 3 นามรอง (2)

    …ได้ผลชงัด บังเกิดความเงียบขึ้นรอบโต๊ะกินข้าว พวกผู้ใหญ่เบิกตามองหน้ากันไปมา แม้แต่โม่โฉ่วยังชะงักมือที่ถือจอกสุราแล้ววางลง“แค่ก...เจ้าชื่ออะไร?” เจ้าหุบเขาที่ปกติดูเฉื่อยชาไม่อินังขังขอบ บัดนี้แสร้งไอกลบเกลื่อน ใบหน้ากระอักกระอ่วน“ข้าแซ่เสิ่น นามเกิดว่าซิน เขียนด้วยความสุข [1] คำนับอาวุโสทุกท่านเจ้าค่ะ”“เสี่ยวซินแล้วนามรองของเจ้าล่ะ?” ตู๋ยี่รีบขานเรียกสนิทสนม อดถามเรื่องนามรองไม่ได้เพราะดูอย่างไรนังหนูก็ไม่เหมือนลูกหลานชาวบ้านชาวป่า พอหลุดถามไปเด็กน้อยมีสีหน้าสลดลง“ท่านแม่รอท่านพ่อของข้ามาตั้งให้เจ้าค่ะ” เสิ่นซินฝืนยิ้มทั้งใบหน้าคล้ายจะร้องไห้นางไม่เคยเห็นหน้าบิดา มีเพียงภาพวาดที่ท่านแม่เคยนำออกมาให้ดู เปลือกตาบางใสราวไข่มุกหลุบลงปกปิดแววตาเจ็บปวดอายุเพียงนางยังไม่รู้วิธีปกปิดความรู้สึก ผู้ใดย่อมมองออกพรึ่บ!โม่โฉ่วพลันลุกขึ้นใช้วิชาตัวเบาเร่งร้อนหายไปทางห้องหนังสือ เขาปิดประตูเก็บตัวอยู่ในนั้นทั้งคืนหลี่เฉียงและหลี่เหว่ย ผู้เป็นมือขวาและมือซ้ายของเจ้าหุบเขาเห็นแสงไฟในห้องนั้นถูกจุดตลอดทั้งคืนเช้าวันรุ่งขึ้น เสิ่นซินตื่นนอนตั้งแต่ยามเหม่าตามความเคยชิน แต่นางยังไม่ลุกจากเตีย

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 3 นามรอง (1)

    7 วันผ่านไปอาการกำเริบของพิษเย็นถูกหมอเฒ่าและยายเฒ่าช่วยกันหาทางระงับควบคุมไว้ได้ ทำให้เสิ่นซินกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว‘เจ้าไม่ใช่ศิษย์ข้า แต่เป็นคุณหนูน้อยแห่งหุบเขาหงถาว’เสิ่นซินเรียกขานท่านเจ้าหุบเขาเป็นอาจารย์เขากลับรีบปฏิเสธ สุดท้ายบอกว่าอยากเรียกอะไรได้ทั้งนั้นยกเว้นอาจารย์ และฐานะของนางถูกยกเป็นคุณหนูน้อยไปแล้ว“ชีพจรวันนี้ดีนัก เจ้ากินยาเทียบนี้ติดต่อกันสัก 3 ปี อาการกำเริบของพิษเย็นจะกำเริบเหลือปีละ 2 ครั้ง หลังจากนั้น ในวันที่ร้อนที่สุดและเย็นที่สุดของปี”“ไม่ได้หายขาดหรือเจ้าคะ?” เสิ่นซินถามด้วยความผิดหวัง“ข้าเป็นหมอมิใช่เทพเซียน! พิษประหลาดของเจ้าไร้ที่มา ข้ากดอาการของมันให้เจ้าได้นับว่าดีเท่าไหร่!” คำถามของเด็กน้อยหมอประหลาดเหมือนโดนเหยียบหาง ลุกขึ้นมาเต้นเร่ายิ่งดวงตากลอกกลิ้งไม่เชื่อถือ...ราวกับเขามีเพียงราคาคุย!“เพ้ย! ถึงไม่หายขาดแต่เจ้าสามารถโคจรลมปราณได้โดยแลกกับอาการกำเริบเดือนละครั้ง!”“ท่านทำการค้ารึ? เอาผลประโยชน์เล็กน้อยล่อลวงข้าหวังให้ข้าคล้อยตาม”เสิ่นซินแม้ยังไม่หายดี แต่เป็นเด็กใฝ่รู้จนน่ากลัว กลางวันเรียนหนังสือโดยท่านจ้าวหุบเขาสอนด้วยตนเอง ตกเย็

  • โอสถฟ้าบัญชารัก   ตอนที่ 2 ชีวิตที่เก็บตก (2)

    2 วันต่อมา‘หุบเขาหงถาว’ (ท้อแดง) มีโอกาสได้ต้อนรับอาคันตุกะที่ลักพา...แค่ก เชื้อเชิญมาด้วยวิธีการอันไม่น่าจะกล่าวถึงนัก 2 คน เดิมทีคนของนายท่านใช้วิธีการต่าง ๆ นานากล่าวเชื้อเชิญอย่างสุภาพ... ‘ข้าอารมณ์ไม่ดีไม่ไป’เสนอรางวัลให้อย่างงาม... ‘เหอะ! เงินทองนับเป็นกระไรได้ ไม่ไป!’ล้อมจับ... ‘ฮึ...คิดหรือว่าข้าจะกลัว เจอพิษที่ข้าคิดขึ้นมาใหม่หน่อยปะไร”จนสุดท้ายนายท่านสั่งให้ยื่นจดหมายฉบับหนึ่ง... ‘โอ้...หมอต้องมีจิตใจแห่งโพธิสัตว์ ไยไม่เร่งนำทางอีก’“ไหนคนไข้ รีบพาข้าไปหาเร็วเข้า!” เดินทางรอนแรมเกือบเดือนอย่างเร่งรีบด้วยวิชาตัวเบาสลับกับการขี่ม้า ไม่ต้องให้พูดถึงสภาพผู้มาเยือนเลย แต่ละคนแข้งขาสั่นแรงเดินไม่มี สภาพสกปรกมอซอราวขอทาน“จับโยนลงสระเย็น” เสียงเฉื่อยชาไม่บ่งบอกอายุของชายหนุ่มผมเงินดูเจ้าสำราญ เขากำลังนั่งยกจอกสุราอุ่น ๆ ขึ้นจิบ ท่วงท่าทิ้งตัวพิงขอบตั่งเปิดสาบเสื้อให้แยกออกเห็นผิวเนื้อแน่นตึงดูเยี่ยงไรก็คล้ายคุณชายเสเพลท่านหนึ่ง“ขอรับนายท่าน!”“เพ้ย! ไอ้หนุ่มหัวหงอก! นี่หรือมารยาทรับรองแขกของเรือนเจ้า” หมอประหลาดโวยวายตอนโดนมือขวาของเจ้าหุบเขาหิ้วคอเสื้อด้านหลังชายผมเงินแม้ส

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status