นีรนาท’ เกิดมาพร้อมกับคำว่าอาภัพ เธอใช้ชีวิตหาเช้ากินค่ำเพื่อเลี้ยงตัวเองกับพ่อขี้เมา โชคชะตาของเธอคงถึงคราวตกอับสุดขีด เมื่อพ่อของเธอกลายเป็นผู้ร้ายคดีขู่วางระเบิดห้างในเครือเบนิคอฟ นั่นทำให้ ‘ดิมิทรี’ โกรธจัด เขาต้องการจับพ่อของเธอ นีรนาทขอร้องให้เขาไม่เอาเรื่อง โดยมีข้อเสนอว่าจะยอมเขาทุกอย่าง เขาจึงเสนอให้เธอเอาตัวเข้าแลก ซึ่งดธฮก็ยินยอม เพราะต้องการช่วยเหลือพ่อ นีรนาทก็จากมาโดยไม่รับค่าตอบแทนใดๆ เลย ทว่าดิมิทรีกลับไม่รู้สึกพอ เขายังมีความต้องการเธออีกเรื่อยๆ จึงให้ลูกน้องไปจับตัวหญิงสาวมา โดยไม่รู้ว่าหลังจากที่ตกเป็นของเขาตั้งแต่คราวแรกนั้น มันได้เกิดความเปลี่ยนแปลงกับเธออย่างใหญ่หลวง... “ในห้องที่ปิดสนิท มีแค่เธอกับฉัน จะสมยอมหรือฝืนใจ สุดท้ายก็จบลงที่เดิม” ชายหนุ่มพูดเสียงเย็น ยายนี่อวดดีเกินไป เขาต้องสั่งสอนเธอเสียบ้าง จะได้รู้สำนึกว่าใครยิ่งใหญ่และใครควรอ่อนข้อ “คนเห็นแก่ตัว คนใจร้าย นีชาจะจำวันนี้ไปจนตายว่าคนอย่างคุณไม่มีศักดิ์ศรี และไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ” หญิงสาวต่อว่าเสียงเคร่ง เธอจ้องหน้าเขาตาวาว จดจำความเลวร้ายของผู้ชายที่ชื่อดิมิทรีไว้ในใจ ผู้ชายที่เป็นดั่งจอมมาร...
ดูเพิ่มเติม“ผมว่าคนที่ปรับตัวไม่ได้ น่าจะเป็นนีชามากกว่านะครับ อย่าพยายามหนีผมเลย เราน่าจะทำความรู้จักกันให้มากกว่าเดิม” ชายหนุ่มเอื้อมจับข้อมือเรียวบางไว้ เขาพูดช้าๆ แต่แววตาพราวระยับจนหัวอกหัวใจของนีรนาทสั่นไหว“เราสองคนไม่มีอะไรต้องปรับต้องจูนเข้าหากันค่ะ เราเป็นคนแปลกหน้าที่แค่มี ‘ลูก’ ด้วยกันแค่นั้น อย่าดึงนีชาไปเกี่ยวข้องกับคุณ ปล่อยเราสองแม่ลูกไปตามทางของเราเถอะค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงอ่อนๆ เธอรู้ดีว่าความหวังมันเป็นความทรมานอย่างหนึ่ง เมื่อมีหวังและอยากคว้ามาครอง แต่ในความเป็นจริงมันสูงสุดเอื้อมมือคว้า เพราะเขาลอยอยู่บนฟ้า ในขณะที่ตัวเองลอยเรี่ยๆ ติดพื้นดิน“คนแปลกหน้าที่มี ‘ลูก’ ด้วยกัน ก็แสดงว่าครั้งหนึ่งเราสองคนไม่ได้เป็นคนแปลกหน้ากันนี่ครับ เราชิดใกล้และแนบสนิท และหากผมต้องการแบบนั้นอีกครั้งเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเราในแน่นเฟ้นขึ้น ดีไหมครับ?” เป็นคำถามที่ดิมิทรีไม่ต้องการรอคำตอบเขาปฏิบัติการจู่โจมเพื่อกระชับพื้นที่ ร่างใหญ่หนาพลิกตัวกลับจากท่าทางเดิม คือนอนแผ่กลางเตียงมาคร่อมร่างบอบบางเอาไว้ เธอพยายามผลัก
มาดามโรสรีบชักมือกลับ เชิดปลายคางขึ้น เสยกแก้วชาที่ทิ้งไว้ขึ้นมาจิบแก้อาการขัดเขิน...“ที่นี่ใหญ่กว่าบ้านเก่าของดีม่านับสิบเท่าค่ะ ดีม่ามาอยู่เกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว ยังวิ่งไม่ทั่วบ้านเลยค่ะ” จอมแสบพูดแจ้วๆ ถึงจะไม่ได้รับความสนใจจากหญิงสูงวัยแต่เจ้าตัวสนใจที่ไหนยังพูดคุยไม่หยุด สลับกับกัดขนมในมือกินเพลินๆ“ชอบสินะ...”“ค่ะ...ชอบมากกกกกก คุณย่าเหงาไหมคะ ถ้าเหงาดีม่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนบ่อยๆ”“เห็นแก่กินล่ะสิ...ถ้าฉันไม่มีของกินจะมาหาไหมล่ะ” นางปล่อยตัวตามสบาย คลายอาการเกร็งไปเกือบครึ่ง“เปล่าค่ะ...แต่คุณย่าตาดุ๊ดุ!! ดีม่ากลัวค่ะ”“ถ้ากลัว แล้ววันนี้ทำไมถึงกล้าล่ะ”“แหะๆ ดีม่าหิวค่ะ ขนมก็ห๊อมหอมมมม”“เห็นไหมล่ะ เรานะเห็นแก่กิน ตัวบวมๆ เดี๋ยวโตไปไม่สวยนะรู้ไหม?”“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่สวยก็อยู่กับคุณย่าไงค่ะ อยู่นานนนนนนน” เด็กหญิงฉีกยิ้ม กางมือกว้างๆ อธิบายช่วงเวลาประกอบคำพูดตัวเองมาดามโรสคลี่ยิ้มอ่อนๆ เจ้าตัวเล็กนี่ชั
บริเวณสวนหย่อมร่มรื่น เนื่องจากเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ อากาศเริ่มอุ่นขึ้นและดอกไม้ใบหญ้าเริ่มผลิดอกออกใบ ดอกไม้เบ่งบานส่งกลิ่นหอมรวยริน สายลมเย็นๆ พัดโชย ช่วงเวลาบ่ายคล้อยจึงไม่ร้อนมากนักกลิ่นขนมอบลอยฟุ้งผสมกับกลิ่นน้ำชาหอมๆ จนแม้แต่เด็กน้อยที่วิ่งเล่นอยู่ไกลๆ ยังได้กลิ่น นัชชาวีทำจมูกฟุดฟิต เจ้าหล่อนสูดกลิ่นหอมๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศและเริ่มชักชวนลูกสมุนเดินตามหาต้นตอของกลิ่นหอมๆ นั้น ท้องเล็กๆ ร้องโครกคราก น้ำย่อยเริ่มทำงานจนน้ำลายในปากไหลย้อย“หอมขนมเนอะ ป้าแม่ครัวทำอะไรให้ทานเนอะวันนี้ ไปดูกันเร็ว!!” ร่างกลมป้อมออกวิ่งเหยาะๆ ตามกลิ่นขนมที่เจ้าตัวชื่นชอบ จนถึงสวนหย่อมด้านข้างที่มีเก้าอี้เหล็กสวยๆ ตั้งไว้นั่งพักผ่อน“ชะอุ้ย!!” ริมฝีปากสีสดแบะออก และรีบถอยหลังกรูดๆ เมื่อเห็นคนที่น่ากลัวอยู่ตรงนั้น สายตาของ ‘คุณย่า’ มองเธอแบบเฉยชา จนขยาดที่จะเข้าใกล้ แต่ว่า...ถาดขนมนั้นน่าสนใจ!! ทำไงดีนะดีม่า ทำยังไงจะได้ชิมขนมในถาดนั้นโดยไม่ถูกคุณย่าดุ...จอมเจ้าเล่ห์เร่งคิดหาทางแบบเร่งด่วน ดวงตาสุกใสมองขนมสีสวยในถาดตาเป็นมัน!!มาดามโรสยกแก้วชา
“ครับผมไม่เถียงเรื่องในอดีต แต่ในอนาคตนี่ ผมอยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้ ‘ลูกสาว’ ของผมเห็น ไม่อยากให้เธอรู้สึกไม่ดีกับเพศชายตั้งแต่อยู่ในบ้าน”“สมัยนี้ไม่มีคนถือเรื่องนั้นแล้วล่ะ ขอแค่มีเงินเลี้ยงดูได้ จะมีเมียหลายๆ คนคงไม่มีใครกล้าว่า”“แต่ผมถือครับ ...ครอบครัวผมไม่นิยมการมีภรรยาหลายคน”“สรุปก็คือเธอจะเบี้ยวงั้นสิ ฉันก็คงไม่ยอมให้ลูกสาวเสียชื่อฟรีๆ หรอกนะ คงรู้ใช่ไหม? ว่าฉันมีอำนาจแค่ไหน”“ครับ...พอรู้ แต่...”“อะไร!! จะเล่นแง่อะไรอีก เธอเจ้าเล่ห์กว่าที่ฉัดคิดไว้ แต่เรามันคนละรุ่นกัน ชั้นเชิงคงไม่ต้องบอกใช่ไหม!!”“ครับ ผมรู้ว่าท่านเขี้ยวเล็บเยอะ...แต่ผมก็ไม่ได้ด้อยกว่านี่ครับ” ชายหนุ่มพูดเสียงกระหึ่ม เขาไม่ยอมลงให้อันโตนอีกต่อไป เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมฟังอะไรทั้งสิ้น“อวดดี...อวดดีให้ถึงวันนั้นก็แล้วกัน เราคงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก เธอกลับไปเถอะ”“ครับ ผมขอให้ท่านคุยกับอันนาก่อน หากท่านคิดจะทำร้ายครอบครัวผม ผมค
บทที่16.เบนิคอฟกับคเซนเนีย ดิมิทรีปรากฏตัวที่หน้าตึกคเซนเนีย เขาเดินเข้าไปภายในอาคาร เหยียบถิ่นของอันนาครั้งแรกเพื่อต่อรองกับหญิงสาวเกี่ยวกับเรื่องร้ายๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้น!! และดูเหมือนว่าอันนาจะเตรียมตั้งรับไว้แล้ว เธอลงมาชั้นล่างพร้อมกับบิดา วงหน้าสวยเฉี่ยวเรียบตึง “ยินดีต้อนรับดิมิทรี ลุงไม่เจอเรานานเท่าไรแล้วนะ” ด้วยประสบการณ์ที่คร่ำหวอดอยู่บนถนนธุรกิจมายาวนานนับสิบปี อันโตนวางสีหน้าเฉยชาได้แบบแนบเนียนกว่าบุตรสาว “ไม่นานเท่าที่ท่านคิดหรอกครับ ผมพบท่านตามงานสังคมบ่อยๆ เพียงแต่ไม่ได้เข้าไปทักทาย” ดิมิทรีเองก็ไม่ได้ด้อยกว่าเขาเก็บความโกรธไว้ใต้สีหน้าเฉยชา “ไปๆ ขึ้นไปคุยที่ห้องลุงดีกว่า เราสองครอบครัวไม่ใช่คนอื่นคนไกลกัน ไปอันนาไป พาพี่เขาไปก่อน ขอพ่อไปทำธุระสักครู่แล้วจะตามไป
“เป็นไงบ้างล่ะ พอจะบอกได้หรือยังว่าใครจ้างวานแกมา” เสียงทุ้มนุ่มถามช้าๆ พร้อมกับแสงไฟสปอร์ตไลท์ที่ฉายแสงส่องหน้าเขา ผ้าคลุมถูกดึงออกไป เขาจึงได้แต่หยีตาสู้แสงไฟ...“จะฆ่าจะแกงก็เชิญ เราไม่คิดจะเปิดปากบอกใคร?”“อืม...ดีซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ใช้ได้ แต่มันจะดีกว่าไหมถ้าสามารถรักษาชีวิตตัวเองไว้ได้ ดีกว่าเอามาทิ้งเพราะคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ฉันจะไม่บอกใครว่าพวกแกพูด ฉันอยากรู้แค่นั้นว่าใคร? จ้องทำร้ายเมียกับลูกฉัน” ดิมิทรีข่มอารมณ์แทบแย่ เขาต้องรู้ให้ได้ว่าใคร? เป็นคนสั่งการและหากเป็นคนๆ นั้นจริงๆ เขาจะเอาคืนให้หนัก เพราะดูจะใจร้ายเกินไปหน่อยถึงกับฆ่าแกงกันเหมือนชีวิตไม่มีค่า“ตามสบาย...อยากทำอะไรก็เชิญ” มันตอบกลับเสียงสะบัด และผินหน้าหนีแสงไฟ“แน่ใจเหรอที่พูด หากฉันทำขึ้นมาจริงๆ แกจะเสียใจนะ เพราะใคร? ก็ตามที่ทำร้ายครอบครัวฉัน ไม่ว่าจะใคร? มันไม่สมควรมีชีวิตรอด” ดิมิทรีหยัดกายลุกขึ้นยืน เขาพอจะเดาได้ว่าใคร? แต่อยากได้ยินชัดๆ เพื่อจัดการกับตัวการ แต่ถ้ามันไม่ปริปากพูดก็คงต้องกำจัดทิ้งให้สิ้นซาก&ldqu
มาดามโรสพูดจบก็ลุกขึ้น เธอยิ้มอ่อนๆ ส่งให้สาวว่าที่คู่หมายลูกชาย แต่...คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เมื่ออันนารู้สึกจะคิดน้อยไปหน่อย ทำตามใจตัวเองและเอาอารมณ์เป็นใหญ่ จนเธอกลัวว่าเจ้าตัวจะพาความเดือดร้อนมาให้ การจะยืนยงและยิ่งใหญ่อยู่เหนือคนอื่นๆ ได้ต้องไม่มีจุดอ่อนให้คนจากภายนอกโจมตี แต่เธอเห็นข้อด้อยในตัวของหญิงสาวผู้นี้เยอะแยะ หลังจากเกิดเรื่องขึ้น...เห้อ!! น่าเสียดาย...“อันนาไม่ยอมจบแค่นี้หรอกคะ ข่าวแพร่ออกไปแล้ว อันนาเสียชื่อหากไม่ได้แต่งงานกับดิมิทรี...เพราะฉะนั้นอันนาต้องทำ” หญิงสาวกำมือแน่น ไฟโทสะลุกพรึ่บในดวงตาคู่งาม เธอไม่เคยถูกตบหน้าด้วยถ้อยคำหยามหยัน เหมือนดังเช่นที่มาดามโรสกำลังทำ คำตำหนิที่พูดเหมือนหวังดี แต่ที่ไหนได้ ผู้หญิงสูงวัยคนนั้นด่าเธอปัญญาอ่อน หาว่าไม่รู้จักคิดให้ดีก่อนทำ...ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นต้อยต่ำ และไร้เกียรติวิธีที่ดีที่สุดคือทำให้เจ้าหล่อนสูญหายไปไม่ใช่หรือ?“คุณพ่อคะ อันนาขอมือดีสัก3-4 คน อันนามีงานให้เขาทำ” เธอต่อสายหาบิดาและเปิดปากขอคนฝีมือดีๆ เพื่อกำจัดนีรนาทให้สิ้นซาก ในเมื่อเจ้าหล่อนกำลังทำให้เธอมีอุปสรรคชิ้นใหญ่
บทที่15.จุดแตกหัก‘นี่แหละ คนที่เค้ารอคอยมาทั้งชีวิต’ ดิมิทรีคิดในใจขณะที่ทอดสายตามองสองแม่ลูก นีรนาทและนัชชาวีลูกสาวสุดสวาท และเขาจะปกป้องเธอทั้งสองคน ไม่ให้อันตรายใดใดมากล้ำกลาย เด็ดขาด!!“นี่คุณจะบ้าเหรอ!! ให้เวลานีชาเก็บของสองวันแล้วย้ายไปอยู่บ้านคุณเนี่ยนะ...คุณคิดไปเองคนเดียวหรือเปล่าคะ” ขณะที่พูดใจเธอสั่นระรัวไปกับสายตาที่จริงจังของเขา กำลังมีเรื่องที่เธอไม่สมควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาด้วยซ้ำ เมื่อข่าวการหมั้นหมายระหว่าง ดิมิทรีกับอันนา กำลังเริ่มดังกระหึ่ม...“คุณคิดว่า ผมพูดเล่นอย่างนั้นเหรอนีชา ผมกำลังปกป้องครอบครัวของเรา อย่างเต็มความสามารถ...ในแบบของผม!!” ชายหนุ่มพูดฉุนๆ ดูเหมือนไม่มีใครฟังคำพูดของเขาสักคน‘บ้า… เค้าต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆๆ’ หญิงสาวคิดในใจ“ร้านคุณไฟไหม้ มันมีคนปองร้าย!! เพราะฉะนั้นคุณควรไปอยู่กับผม ผมจะให้คนของผมไปรับคุณกับดีม่ามาที่บ้านผม...”‘อ้าว’ ช่างเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองที่สุด เธอต้องพบเจอกับคน
“ครับ...ผมจะคุยกับมัมเอง...คุณอันนาช่วยอยู่เฉยๆ ได้ไหม? ครับเพราะผมคิดว่า...คุณเองก็คงไม่อยากเสียชื่อ หากเรื่องมันเตลิดไปไกลกว่าที่คิด ครั้งนี้ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นความต้องการของมัม และหากมีการเจรจา ทางคุณต้องไปคุยกับมัมเองเช่นกันครับ เพราะผมไม่ยอมตกบันไดพลอยโจนเด็ดขาด สื่อทำอะไรผมไม่ได้หรอกครับ หากคุณคิดจะใช้สื่อจริง ผมยอมเสียชื่อ แต่ไม่ยอมให้คนของผมเสียใจ” ดิมิทรีชี้แจงเสียงเย็นๆ เขาผุดลุกขึ้นยืนเหมือนกัน เพราะหาก ‘คเซนเนีย’ คิดจะใช้ลูกไม้นั้น โดยการยืมมือสื่อมาช่วย ด้วยการประโคมข่าวให้เขาตกเป็นจำเลยของสังคม เขาก็คงต้องสู้ไม่ถอยเช่นกัน“เหอะ...ก็ได้ค่ะ อันนาจะอยู่เฉยๆ แต่ถ้าเรื่องลุกลามไปไกล คุณต้องรับผิดชอบชื่อเสียงของอันนาด้วยนะคะ อันนาจะไม่ยอมเสียชื่อคนเดียวค่ะ”“ครับ...ผมจะรีบเคลียร์ให้เรื่องนี้จบลงเร็วๆ ขอให้ทางฝ่ายคุณใจเย็นๆ”อันนายอมถอยหลังกลับ แต่เธอไม่มีทางยอม เพราะเดิมพันครั้งนี้น่าสนใจ เธอจะได้ครอบครองดิมิทรีและเขี่ยผู้หญิงคนนั้นพ้นจากทางเดินของเธอ...“คุณพ่อคะ อันนาขอยืมคนมาช่วยงานสั
บทที่1.เด็กสาวไม้ขีดไฟสายตาแสนเศร้าแหงนมองยอดตึกสูงตระหง่าน ตึกใหญ่ที่เป็นห้างสรรพสินค้ากลางกรุงมอสโก เธอได้แต่มองและแอบฝัน สักวันหนึ่งเธอจะไปทำงานในที่แห่งนั้น ชีวิตความเป็นอยู่ของเธอจะได้ดีขึ้น ได้แต่งตัวสวยๆ แทนชุดเก่าเก็บที่เต็มไปด้วยคราบแป้งทำขนม นีรนาท โบรีส สาวลูกครึ่งที่น่าสงสาร มารดาเสียชีวิตเพราะไม่สามารถทนกับความเปลี่ยนแปลง ป่วยกระเสาะกระแสะจนสิ้นใจเมื่อเธออายุได้ 15 ปี ทิ้งให้หญิงสาวอยู่กับบิดาแท้ๆ นายอีวาน โบรีสที่แสนขี้เกียจ เอาเปรียบเมียและลูกกินแต่เหล้า โดยอ้างว่าเสียใจที่ภรรยาเสียชีวิตหญิงสาวจึงเติบโตขึ้นมาอย่างอัตคัด เมื่อต้องเก็บออมเงินจากการรีดไถของบิดา ที่ทำงานเป็น รปภ. อยู่ที่ห้างสรรพสินค้า แต่ขาดงานเป็นประจำจนหัวหน้างานไล่ออกเพราะไม่อยากเก็บคนที่ขี้เกียจและสติไม่ค่อยเต็มร้อยมาทำงาน เพราะอาจสร้างปัญหาให้กับเขาและองค์กรก็เป็นได้...อีวานจึงสาปส่ง ด่าทอเจ้าของห้างสรรพสินค้าเป็นประจำยามเขาเมามาย ทั้งๆ ที่ตัวเจ้าของเองก็ไม่รู้...“นีชา...จะเอานี่กลับไปกินด้วยหรือเปล่า แป้งเหลือเยอะแยะเลย” เจ้าของร้านสาวใหญ่ใจดี เธอเมตตาและแอบมอบอาหารการกินให้เธอเป็นประจำ“ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น