Share

ทาสรักบำเรอมาร
ทาสรักบำเรอมาร
ผู้แต่ง: วรดร/กัญนิชา/วิรัญชนา

บทที่1.เด็กสาวไม้ขีดไฟ 1

บทที่1.เด็กสาวไม้ขีดไฟ

สายตาแสนเศร้าแหงนมองยอดตึกสูงตระหง่าน ตึกใหญ่ที่เป็นห้างสรรพสินค้ากลางกรุงมอสโก เธอได้แต่มองและแอบฝัน สักวันหนึ่งเธอจะไปทำงานในที่แห่งนั้น ชีวิตความเป็นอยู่ของเธอจะได้ดีขึ้น ได้แต่งตัวสวยๆ แทนชุดเก่าเก็บที่เต็มไปด้วยคราบแป้งทำขนม นีรนาท โบรีส สาวลูกครึ่งที่น่าสงสาร มารดาเสียชีวิตเพราะไม่สามารถทนกับความเปลี่ยนแปลง ป่วยกระเสาะกระแสะจนสิ้นใจเมื่อเธออายุได้ 15 ปี ทิ้งให้หญิงสาวอยู่กับบิดาแท้ๆ นายอีวาน โบรีสที่แสนขี้เกียจ เอาเปรียบเมียและลูกกินแต่เหล้า โดยอ้างว่าเสียใจที่ภรรยาเสียชีวิต

หญิงสาวจึงเติบโตขึ้นมาอย่างอัตคัด เมื่อต้องเก็บออมเงินจากการรีดไถของบิดา ที่ทำงานเป็น รปภ. อยู่ที่ห้างสรรพสินค้า แต่ขาดงานเป็นประจำจนหัวหน้างานไล่ออกเพราะไม่อยากเก็บคนที่ขี้เกียจและสติไม่ค่อยเต็มร้อยมาทำงาน เพราะอาจสร้างปัญหาให้กับเขาและองค์กรก็เป็นได้...

อีวานจึงสาปส่ง ด่าทอเจ้าของห้างสรรพสินค้าเป็นประจำยามเขาเมามาย ทั้งๆ ที่ตัวเจ้าของเองก็ไม่รู้...

“นีชา...จะเอานี่กลับไปกินด้วยหรือเปล่า แป้งเหลือเยอะแยะเลย” เจ้าของร้านสาวใหญ่ใจดี เธอเมตตาและแอบมอบอาหารการกินให้เธอเป็นประจำ

“ขอบคุณค่ะมิส...เอาค่ะเอา” แม้ไม่อยากกินเลย แต่เธอมีค่าใช้จ่ายมากกว่าเงินเดือน อะไรที่ประหยัดได้เธอก็ประหยัดเมื่อการกินก็แค่เพื่อให้ท้องอิ่ม และมีแรงทำงานในวันต่อๆ ไป

นีรนาทเดินท่อมๆ กลางเกล็ดหิมะที่โปรยหล่น เธอแหงนหน้ามองดวงไฟนับหมื่นนับพันที่ประดับประดาเหนือยอดตึก แสงสว่างทอดยาวเป็นทางและมันสวยงามจับจิต หลังเลิกงานที่ร้านขายเครปเล็กๆ ในซอกซอยเยื้องๆ ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เธอมักจะเดินฝ่าสายลมหนาวเพื่อมาดูแสงไฟสวยๆ ก่อนจะกลับไปซุกตัวนอนในบ้านหลังเล็กยิ่งกว่ารังหนู เมื่อทั้งเก่าและโทรม เปรียบเหมือนกระท่อมที่รอวันพังทลาย

ร่างเล็กๆ ในเสื้อโค๊ดเก่าๆ ทรุดนั่งบนแผ่นหินเย็นเฉียบ เธอยกมือในถุงมือที่เก่าไม่แพ้กับเสื้อโค๊ดที่ใส่อยู่ขึ้นเสมอหน้า เป่าลมร้อนๆ ในปาก จนไอระเหยเป็นควัน เมื่ออากาศรอบตัวเย็นเฉียบและติดลบ แต่...เป็นกิจวัติที่ตัวเองทำเป็นประจำทุกวัน การได้นั่งมองแสงไฟมันเหมือนกับว่าหัวใจของเธอได้รับการเติมเต็ม มีพลังแรงกายในการหยัดยืน และต่อสู้ในวันต่อๆ ไป

รถยนต์หรูหราขนาดใหญ่ยาว หยุดจอดเทียบขอบฟุตบาทไม่ไกลจากที่เธอนั่งอยู่ สารถีรีบวิ่งลงมาเพื่อเปิดประตูให้ผู้โดยสาร เขาโค้งตัวจนศีรษะแทบจะติดกับช่วงเอวทำความเคารพเหมือนกับว่า คนที่จะลงมาเป็นเจ้าใหญ่นายโต

ดีมิทรี เบนิคอฟ เขาเบี่ยงปลายเท้า ก้าวลงจากรถยนต์ประจำตำแหน่ง วันนี้มีเรื่องยุ่งๆ หลายอย่างเกิดขึ้นในห้างสรรพสินค้า ที่เขาเป็นเจ้าของ มีคนร้ายขู่วางระเบิดจนวุ่นวายไปทั้งห้าง เกิดผลกระทบเป็นโดมิโน่ และเขาไม่พอใจ!! มันเป็นเรื่องที่ทำให้เขาขุ่นใจ จนไม่สามารถทนอยู่เฉยๆ ได้ มันเหมือนกับว่าศัตรูในเงามืดกำลังประกาศสงคราม และมันเริ่มลงมือแล้ว ด้วยการพุ่งเป้ามาที่ ‘เบนิคอฟมอลล์’ แหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ที่มีอายุเป็น ร้อยๆ ปีสืบทอดมาหลายชั่วอายุคน

ชายหนุ่มพ่นลมหายใจที่เป็นไอเพราะความร้อนในร่างกายเจอกับความเย็นในอากาศ เขายกมือขึ้นเป่าเพื่อเพิ่มความอบอุ่นในร่างกาย พลางปรายตามองไปรอบๆ ตัว เงาตะคุ่มๆ ของมนุษย์ที่ไม่สามารถระบุเพศได้เพราะเสื้อโค๊ดขนาดใหญ่ปิดศีรษะและหน้าแถมสกปรก!!

เขาเบ้ปากและกระตุกยิ้ม คงจะเป็นขอทานมาขอเศษเงิน...

“มัม เร็วๆ ครับผมต้องไปอีกหลายที่” การประชุมใหญ่เกิดขึ้นเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ร้ายๆ เตรียมรับมือและป้องกันคนที่ไม่หวังดี ชายหนุ่มเอ่ยเสียงหงุดหงิด เมื่ออากาศรอบตัวเย็นเฉียบแต่มารดายังมัวโอ้เอ้อยู่

“รู้แล้วน่า...ไอ้ลูกคนนี้ เร่งจริง!!” มาดามโรส เบนิคอฟบ่นเสียงขรม เธอก็ใช่ว่าจะอยากช้า แต่ชุดหรูหรา มันพันแข็งพันขา เลยชักช้าไปบ้าง แต่มันไม่ทันใจไอ้ลูกชายหัวโปรดที่กำลังใจร้อนเป็นไฟ

เธอกระฟัดกระเฟียดก้าวลงจากรถยนต์และเดินนำหน้าบุตรชายไปอย่างอารมณ์ไม่ดี ที่ถูกดึงตัวออกมาจากงานราตรีสโมสร ที่กำลังสนุกสนาน เพราะการขู่วางระเบิดของบุคคลลึกลับ...ไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร? กล้าดียังไงถึงได้มาลองเชิง ‘เบนิคอฟ’

นีรนาทกำลังจะลุกขึ้นยืน แต่...ปุ!! มีบางอย่างจากคนที่พึ่งเดินผ่านไป เขาโยนทิ้งไว้ตรงหน้าเธอ อะไร?

แบงค์สีเขียวเข้ม 1000รูเบิ้ล มันเป็นเงินจำนวนไม่ใช่น้อยเลยสำหรับคนยากไร้อย่างเธอ แต่ผู้ชายคนนั้นให้เธอเพราะอะไรล่ะ...

เธอมองก้อนกลมๆ ของธนบัตรนั้นนิ่งๆ ก่อนจะถอนหายใจพรวดๆ สภาพของเธอคงไม่ต่างอะไรกับขอทานข้างทางสินะ หญิงสาวเอื้อมหยิบธนบัตรที่คนใจดีอุตส่าห์มอบให้ เธอยัดมันลงในกระเป๋ากางเกงเก่ามอซอ แล้วจึงหยัดกายลุกขึ้นยืน สองมือป้องปาก และตะโกนเสียงดั่งลั่น “ขอบคุณค่ะ ฉันจะไม่ลืมสิ่งที่คุณให้วันนี้เลย”

เสียงเล็กแหลมดังอยู่ด้านหลัง ‘เธอ’ เป็นผู้หญิงจรจัดอย่างนั้นรึ!! ดิมิทรีกดมุมปากโค้งลง เขาแค่อยากไล่เธอไปให้พ้นจากที่ตรงนั้น มันทำให้บรรยากาศหน้าห้างสรรพสินค้าดูไม่ดี เพราะมีคนเร่ร่อนมานั่งเกะกะขวางนัยน์ตา และอีกอย่างมันอาจจะเป็นพวกที่จ้องเล่นงานแฝงตัวเข้ามาได้ เพราะฉะนั้นไล่ไปไกลๆ นั่นแหละดี!!

ดิมิทรีหมดความสนใจเขาก้าวเท้าตามมารดาไป ตัดเรื่องกวนใจทิ้งเพราะมันไม่เกิดประโยชน์ เวลาทุกนาทีของเขามีค่า ไม่ว่าจะขยับไปทางไหนเป็นเงินเป็นทอง แล้วจะมัวมาเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องเพื่ออะไร อีกอย่างสิ่งที่เขากำลังจะไปทำนี่มันยิ่งใหญ่มากกว่า และที่สำคัญเขาไม่ได้ใจดี แค่อยากกำจัด!! สิ่งที่อยู่ผิดที่ผิดทางแค่นั้น...

นีรนาทเดินกลับบ้าน เธอลากขาผ่านอากาศหนาวจัด เดินลัดเลาะตามตรอกซอกซอย จนถึงซอยเล็กๆ ที่เป็นแหล่งชุมชนแออัด ของคนยากจนหาเช้ากินค่ำ และเป็นบ้านที่เธอเกิดและเติบโตขึ้นมา ‘ประเทศไทย’ บ้านเกิดของแม่ เธออยากไปเห็นและสัมผัสด้วยตัวเอง เมื่อเรื่องเล่าก่อนนอนที่แม่พูดให้ฟังเหมือนเป็นนิทานกล่อมเด็ก เธอมโนภาพในหัวสมอง มันชั่งอบอุ่นและมีแต่ความสุข ภาพทุ่งนาที่แม่บรรยายให้ฟังเรื่องความเขียวชอุ่ม สายลมเย็นๆ และธารน้ำ มันเป็นความฝันที่เธออยากเห็น แต่มันคงเป็นได้แค่ความฝัน เมื่อมารดาสิ้นใจ เธอต้องแบกรับภาระทั้งหมดไว้บนสองบ่าแทนแม่ เมื่อพ่อของเธอยังทำตัวเหมือนเดิม เธอรู้ดีว่าอีวานบิดาไม่ได้รักชมนาดผู้เป็นแม่สักนิด เขาต้องการ ‘เมีย’ เพื่อมาช่วยเขาทำงาน แม่เป็นผู้หญิงสาวที่ลักลอบมาทำงานในรัสเซียแบบไม่ค่อยถูกฎหมายเท่าไร เธอจำใจแต่งงานกับอีวานเพราะมันเป็นทางเดียวที่เธอจะได้ทำงานโดยไม่ต้องกลัวเจ้าหน้าที่ แต่...มันเป็นการคิดผิด ชมนาดเหมือนตกนรกทั้งเป็น เมื่อผู้ชายที่เธอฝากชีวิตไว้ในอุ้งมือเขา ช่างเป็นอสูรร้ายที่หวังแค่เพียงร่างกาย เขาเปลี่ยนไปหลังจากแต่งงานจดทะเบียนกันแล้ว คราบต่างๆ ที่ปกปิดไว้ค่อยๆ โผล่ออกมาทีละเปราะๆ ชายขี้เมาที่แสนขี้เกียจ เอาเปรียบแม่ของเธอทุกวิถีทาง จนชมนาดทนไม่ไหว เธอจบชีวิตในตอนที่นีรนาทอายุแค่เพียง16 ปี ตอนนี้หญิงสาวอายุ 20 ปี เธอผ่านความลำบากมาทุกรูปแบบต้องหาเงินเลี้ยงพ่อขี้เมา ที่วันๆ เอาแต่ดื่มเหล้าและด่าทอ โชคดีที่ทุกคนในชุมชนให้ความเมตตา เด็กผู้หญิงคนหนึ่งจึงรอดปากเหยี่ยวปากกา มีชีวิตรอดอยู่จนถึงทุกวันนี้

หญิงสาวถอดถุงมือเก่าๆ ออก แม้มันจะเก่าแต่มันก็ช่วยให้เธอไม่ต้องมือแข็งจนเป็นเหน็บ เพราะอากาศเย็นๆ ที่กัดกินผิว เธอถอดโค๊ดตัวใหญ่ที่ใช้งานมากกว่า 5ปี แขวนไว้ที่ตะปูตัวหนึ่งข้างฝาบ้าน ฮีตเตอร์เก่าแสนเก่า แต่มันก็ยังทำงานดีมาตลอด และช่วยให้เธอไม่ต้องหนาวตายเวลากลางคืน แต่ตัวเองก็ต้องขยันทำงานมากเป็นพิเศษเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าไฟฟ้า

“เห้อ!!” เสียงถอนใจหนักๆ เมื่อสภาพบ้านไม่ต่างอะไรกับรังหนู เมื่อมันเต็มไปด้วยความรก เพราะอีวานเมามายรื้อค้นของภายในบ้านจนกระจัดกระจายเกลื่อนไปหมด เธอลงมือเก็บของใช้ที่หล่นเกลื่อนบนพื้น พยายามทำแบบเบามือที่สุด เพราะอย่างนั้นเธออาจจะทำให้บิดาตื่นขึ้นมา และจะต้องทนฟังเสียงบ่นที่น่าเบื่ออีกนาน จนกว่าเขาจะหลับไปอีกครั้ง

ขนาดอากาศเย็นจนติดลบ เธอยังรู้สึกเหมือนเหงื่อซึมเต็มแผ่นหลัง เพราะการออกแรงเก็บของที่หล่นบนพื้น เธอตักน้ำใส่กระป๋องใบเล็กๆ ก่อนจะหิ้วกลับเข้าไปในห้องตัวเอง อยากอาบน้ำอุ่นๆ เหมือนคนทั่วไปแต่ค่าน้ำแพงมหาโหดเธอจึงทำได้แค่ใช้น้ำลูบเนื้อลูบตัวล้างคราบเหงื่อจากการทำงาน ชีวิตหลังมารดาลาโลก เธอตื่นขึ้นมาทำงานแต่เช้าตรู่จนเกือบถึงเที่ยงคืน ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่มีแม้แต่เงินจะซื้ออาหาร เพราะบิดาที่เป็นเสาหลักของบ้านเอาแต่กินเหล้า เขาไม่รับผิดชอบอะไรเลย นีรนาทเลยต้องออกจากโรงเรียน หันมาทำงานเต็มตัว แต่...การเรียนที่รักเธอก็ไม่ได้ทิ้ง เสียงแม่พร่ำบ่นกรอกหูมาตลอด หากไร้ความรู้ต่อให้ประสบสำเร็จ มันก็จะใช้เวลานานกว่าคนที่มีความรู้ เมื่อมันคือใบเบิกทางให้เธอมีโอกาสหางานที่ดีกว่าทำ หญิงสาวจึงแอบเจียดเงินบางส่วนร่ำเรียน แต่ต้องใช้ความพากเพียรมากกว่าคนอื่นๆ เมื่อเธอต้องทำงานหนักตั้งแต่เช้าจรดค่ำ บางครั้งท้อแท้จนน้ำตาไหลอาบหน้า ต่อว่าพระผู้เป็นเจ้าที่กำหนดทางเดินชีวิตของเธอให้ลำบากยากเข็ญเสียเหลือเกิน เหลืออีกแค่ไม่กี่วัน เธอก็จะเรียนจบ...มันเป็นความภาคภูมิใจ ถึงจะเป็นแค่การศึกษานอกโรงเรียนแต่มันก็ทำให้เธอหางานได้มากขึ้น ดีกว่าเป็นเด็กรับจ้างทั่วไปตามร้านขายเครปข้างทางที่ได้เงินเดือนหยิบมือเดียว

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status