บทที่1.เด็กสาวไม้ขีดไฟ
สายตาแสนเศร้าแหงนมองยอดตึกสูงตระหง่าน ตึกใหญ่ที่เป็นห้างสรรพสินค้ากลางกรุงมอสโก เธอได้แต่มองและแอบฝัน สักวันหนึ่งเธอจะไปทำงานในที่แห่งนั้น ชีวิตความเป็นอยู่ของเธอจะได้ดีขึ้น ได้แต่งตัวสวยๆ แทนชุดเก่าเก็บที่เต็มไปด้วยคราบแป้งทำขนม นีรนาท โบรีส สาวลูกครึ่งที่น่าสงสาร มารดาเสียชีวิตเพราะไม่สามารถทนกับความเปลี่ยนแปลง ป่วยกระเสาะกระแสะจนสิ้นใจเมื่อเธออายุได้ 15 ปี ทิ้งให้หญิงสาวอยู่กับบิดาแท้ๆ นายอีวาน โบรีสที่แสนขี้เกียจ เอาเปรียบเมียและลูกกินแต่เหล้า โดยอ้างว่าเสียใจที่ภรรยาเสียชีวิต
หญิงสาวจึงเติบโตขึ้นมาอย่างอัตคัด เมื่อต้องเก็บออมเงินจากการรีดไถของบิดา ที่ทำงานเป็น รปภ. อยู่ที่ห้างสรรพสินค้า แต่ขาดงานเป็นประจำจนหัวหน้างานไล่ออกเพราะไม่อยากเก็บคนที่ขี้เกียจและสติไม่ค่อยเต็มร้อยมาทำงาน เพราะอาจสร้างปัญหาให้กับเขาและองค์กรก็เป็นได้...
อีวานจึงสาปส่ง ด่าทอเจ้าของห้างสรรพสินค้าเป็นประจำยามเขาเมามาย ทั้งๆ ที่ตัวเจ้าของเองก็ไม่รู้...
“นีชา...จะเอานี่กลับไปกินด้วยหรือเปล่า แป้งเหลือเยอะแยะเลย” เจ้าของร้านสาวใหญ่ใจดี เธอเมตตาและแอบมอบอาหารการกินให้เธอเป็นประจำ
“ขอบคุณค่ะมิส...เอาค่ะเอา” แม้ไม่อยากกินเลย แต่เธอมีค่าใช้จ่ายมากกว่าเงินเดือน อะไรที่ประหยัดได้เธอก็ประหยัดเมื่อการกินก็แค่เพื่อให้ท้องอิ่ม และมีแรงทำงานในวันต่อๆ ไป
นีรนาทเดินท่อมๆ กลางเกล็ดหิมะที่โปรยหล่น เธอแหงนหน้ามองดวงไฟนับหมื่นนับพันที่ประดับประดาเหนือยอดตึก แสงสว่างทอดยาวเป็นทางและมันสวยงามจับจิต หลังเลิกงานที่ร้านขายเครปเล็กๆ ในซอกซอยเยื้องๆ ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เธอมักจะเดินฝ่าสายลมหนาวเพื่อมาดูแสงไฟสวยๆ ก่อนจะกลับไปซุกตัวนอนในบ้านหลังเล็กยิ่งกว่ารังหนู เมื่อทั้งเก่าและโทรม เปรียบเหมือนกระท่อมที่รอวันพังทลาย
ร่างเล็กๆ ในเสื้อโค๊ดเก่าๆ ทรุดนั่งบนแผ่นหินเย็นเฉียบ เธอยกมือในถุงมือที่เก่าไม่แพ้กับเสื้อโค๊ดที่ใส่อยู่ขึ้นเสมอหน้า เป่าลมร้อนๆ ในปาก จนไอระเหยเป็นควัน เมื่ออากาศรอบตัวเย็นเฉียบและติดลบ แต่...เป็นกิจวัติที่ตัวเองทำเป็นประจำทุกวัน การได้นั่งมองแสงไฟมันเหมือนกับว่าหัวใจของเธอได้รับการเติมเต็ม มีพลังแรงกายในการหยัดยืน และต่อสู้ในวันต่อๆ ไป
รถยนต์หรูหราขนาดใหญ่ยาว หยุดจอดเทียบขอบฟุตบาทไม่ไกลจากที่เธอนั่งอยู่ สารถีรีบวิ่งลงมาเพื่อเปิดประตูให้ผู้โดยสาร เขาโค้งตัวจนศีรษะแทบจะติดกับช่วงเอวทำความเคารพเหมือนกับว่า คนที่จะลงมาเป็นเจ้าใหญ่นายโต
ดีมิทรี เบนิคอฟ เขาเบี่ยงปลายเท้า ก้าวลงจากรถยนต์ประจำตำแหน่ง วันนี้มีเรื่องยุ่งๆ หลายอย่างเกิดขึ้นในห้างสรรพสินค้า ที่เขาเป็นเจ้าของ มีคนร้ายขู่วางระเบิดจนวุ่นวายไปทั้งห้าง เกิดผลกระทบเป็นโดมิโน่ และเขาไม่พอใจ!! มันเป็นเรื่องที่ทำให้เขาขุ่นใจ จนไม่สามารถทนอยู่เฉยๆ ได้ มันเหมือนกับว่าศัตรูในเงามืดกำลังประกาศสงคราม และมันเริ่มลงมือแล้ว ด้วยการพุ่งเป้ามาที่ ‘เบนิคอฟมอลล์’ แหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ที่มีอายุเป็น ร้อยๆ ปีสืบทอดมาหลายชั่วอายุคน
ชายหนุ่มพ่นลมหายใจที่เป็นไอเพราะความร้อนในร่างกายเจอกับความเย็นในอากาศ เขายกมือขึ้นเป่าเพื่อเพิ่มความอบอุ่นในร่างกาย พลางปรายตามองไปรอบๆ ตัว เงาตะคุ่มๆ ของมนุษย์ที่ไม่สามารถระบุเพศได้เพราะเสื้อโค๊ดขนาดใหญ่ปิดศีรษะและหน้าแถมสกปรก!!
เขาเบ้ปากและกระตุกยิ้ม คงจะเป็นขอทานมาขอเศษเงิน...
“มัม เร็วๆ ครับผมต้องไปอีกหลายที่” การประชุมใหญ่เกิดขึ้นเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ร้ายๆ เตรียมรับมือและป้องกันคนที่ไม่หวังดี ชายหนุ่มเอ่ยเสียงหงุดหงิด เมื่ออากาศรอบตัวเย็นเฉียบแต่มารดายังมัวโอ้เอ้อยู่
“รู้แล้วน่า...ไอ้ลูกคนนี้ เร่งจริง!!” มาดามโรส เบนิคอฟบ่นเสียงขรม เธอก็ใช่ว่าจะอยากช้า แต่ชุดหรูหรา มันพันแข็งพันขา เลยชักช้าไปบ้าง แต่มันไม่ทันใจไอ้ลูกชายหัวโปรดที่กำลังใจร้อนเป็นไฟ
เธอกระฟัดกระเฟียดก้าวลงจากรถยนต์และเดินนำหน้าบุตรชายไปอย่างอารมณ์ไม่ดี ที่ถูกดึงตัวออกมาจากงานราตรีสโมสร ที่กำลังสนุกสนาน เพราะการขู่วางระเบิดของบุคคลลึกลับ...ไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร? กล้าดียังไงถึงได้มาลองเชิง ‘เบนิคอฟ’
นีรนาทกำลังจะลุกขึ้นยืน แต่...ปุ!! มีบางอย่างจากคนที่พึ่งเดินผ่านไป เขาโยนทิ้งไว้ตรงหน้าเธอ อะไร?
แบงค์สีเขียวเข้ม 1000รูเบิ้ล มันเป็นเงินจำนวนไม่ใช่น้อยเลยสำหรับคนยากไร้อย่างเธอ แต่ผู้ชายคนนั้นให้เธอเพราะอะไรล่ะ...
เธอมองก้อนกลมๆ ของธนบัตรนั้นนิ่งๆ ก่อนจะถอนหายใจพรวดๆ สภาพของเธอคงไม่ต่างอะไรกับขอทานข้างทางสินะ หญิงสาวเอื้อมหยิบธนบัตรที่คนใจดีอุตส่าห์มอบให้ เธอยัดมันลงในกระเป๋ากางเกงเก่ามอซอ แล้วจึงหยัดกายลุกขึ้นยืน สองมือป้องปาก และตะโกนเสียงดั่งลั่น “ขอบคุณค่ะ ฉันจะไม่ลืมสิ่งที่คุณให้วันนี้เลย”
เสียงเล็กแหลมดังอยู่ด้านหลัง ‘เธอ’ เป็นผู้หญิงจรจัดอย่างนั้นรึ!! ดิมิทรีกดมุมปากโค้งลง เขาแค่อยากไล่เธอไปให้พ้นจากที่ตรงนั้น มันทำให้บรรยากาศหน้าห้างสรรพสินค้าดูไม่ดี เพราะมีคนเร่ร่อนมานั่งเกะกะขวางนัยน์ตา และอีกอย่างมันอาจจะเป็นพวกที่จ้องเล่นงานแฝงตัวเข้ามาได้ เพราะฉะนั้นไล่ไปไกลๆ นั่นแหละดี!!
ดิมิทรีหมดความสนใจเขาก้าวเท้าตามมารดาไป ตัดเรื่องกวนใจทิ้งเพราะมันไม่เกิดประโยชน์ เวลาทุกนาทีของเขามีค่า ไม่ว่าจะขยับไปทางไหนเป็นเงินเป็นทอง แล้วจะมัวมาเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องเพื่ออะไร อีกอย่างสิ่งที่เขากำลังจะไปทำนี่มันยิ่งใหญ่มากกว่า และที่สำคัญเขาไม่ได้ใจดี แค่อยากกำจัด!! สิ่งที่อยู่ผิดที่ผิดทางแค่นั้น...
นีรนาทเดินกลับบ้าน เธอลากขาผ่านอากาศหนาวจัด เดินลัดเลาะตามตรอกซอกซอย จนถึงซอยเล็กๆ ที่เป็นแหล่งชุมชนแออัด ของคนยากจนหาเช้ากินค่ำ และเป็นบ้านที่เธอเกิดและเติบโตขึ้นมา ‘ประเทศไทย’ บ้านเกิดของแม่ เธออยากไปเห็นและสัมผัสด้วยตัวเอง เมื่อเรื่องเล่าก่อนนอนที่แม่พูดให้ฟังเหมือนเป็นนิทานกล่อมเด็ก เธอมโนภาพในหัวสมอง มันชั่งอบอุ่นและมีแต่ความสุข ภาพทุ่งนาที่แม่บรรยายให้ฟังเรื่องความเขียวชอุ่ม สายลมเย็นๆ และธารน้ำ มันเป็นความฝันที่เธออยากเห็น แต่มันคงเป็นได้แค่ความฝัน เมื่อมารดาสิ้นใจ เธอต้องแบกรับภาระทั้งหมดไว้บนสองบ่าแทนแม่ เมื่อพ่อของเธอยังทำตัวเหมือนเดิม เธอรู้ดีว่าอีวานบิดาไม่ได้รักชมนาดผู้เป็นแม่สักนิด เขาต้องการ ‘เมีย’ เพื่อมาช่วยเขาทำงาน แม่เป็นผู้หญิงสาวที่ลักลอบมาทำงานในรัสเซียแบบไม่ค่อยถูกฎหมายเท่าไร เธอจำใจแต่งงานกับอีวานเพราะมันเป็นทางเดียวที่เธอจะได้ทำงานโดยไม่ต้องกลัวเจ้าหน้าที่ แต่...มันเป็นการคิดผิด ชมนาดเหมือนตกนรกทั้งเป็น เมื่อผู้ชายที่เธอฝากชีวิตไว้ในอุ้งมือเขา ช่างเป็นอสูรร้ายที่หวังแค่เพียงร่างกาย เขาเปลี่ยนไปหลังจากแต่งงานจดทะเบียนกันแล้ว คราบต่างๆ ที่ปกปิดไว้ค่อยๆ โผล่ออกมาทีละเปราะๆ ชายขี้เมาที่แสนขี้เกียจ เอาเปรียบแม่ของเธอทุกวิถีทาง จนชมนาดทนไม่ไหว เธอจบชีวิตในตอนที่นีรนาทอายุแค่เพียง16 ปี ตอนนี้หญิงสาวอายุ 20 ปี เธอผ่านความลำบากมาทุกรูปแบบต้องหาเงินเลี้ยงพ่อขี้เมา ที่วันๆ เอาแต่ดื่มเหล้าและด่าทอ โชคดีที่ทุกคนในชุมชนให้ความเมตตา เด็กผู้หญิงคนหนึ่งจึงรอดปากเหยี่ยวปากกา มีชีวิตรอดอยู่จนถึงทุกวันนี้
หญิงสาวถอดถุงมือเก่าๆ ออก แม้มันจะเก่าแต่มันก็ช่วยให้เธอไม่ต้องมือแข็งจนเป็นเหน็บ เพราะอากาศเย็นๆ ที่กัดกินผิว เธอถอดโค๊ดตัวใหญ่ที่ใช้งานมากกว่า 5ปี แขวนไว้ที่ตะปูตัวหนึ่งข้างฝาบ้าน ฮีตเตอร์เก่าแสนเก่า แต่มันก็ยังทำงานดีมาตลอด และช่วยให้เธอไม่ต้องหนาวตายเวลากลางคืน แต่ตัวเองก็ต้องขยันทำงานมากเป็นพิเศษเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าไฟฟ้า
“เห้อ!!” เสียงถอนใจหนักๆ เมื่อสภาพบ้านไม่ต่างอะไรกับรังหนู เมื่อมันเต็มไปด้วยความรก เพราะอีวานเมามายรื้อค้นของภายในบ้านจนกระจัดกระจายเกลื่อนไปหมด เธอลงมือเก็บของใช้ที่หล่นเกลื่อนบนพื้น พยายามทำแบบเบามือที่สุด เพราะอย่างนั้นเธออาจจะทำให้บิดาตื่นขึ้นมา และจะต้องทนฟังเสียงบ่นที่น่าเบื่ออีกนาน จนกว่าเขาจะหลับไปอีกครั้ง
ขนาดอากาศเย็นจนติดลบ เธอยังรู้สึกเหมือนเหงื่อซึมเต็มแผ่นหลัง เพราะการออกแรงเก็บของที่หล่นบนพื้น เธอตักน้ำใส่กระป๋องใบเล็กๆ ก่อนจะหิ้วกลับเข้าไปในห้องตัวเอง อยากอาบน้ำอุ่นๆ เหมือนคนทั่วไปแต่ค่าน้ำแพงมหาโหดเธอจึงทำได้แค่ใช้น้ำลูบเนื้อลูบตัวล้างคราบเหงื่อจากการทำงาน ชีวิตหลังมารดาลาโลก เธอตื่นขึ้นมาทำงานแต่เช้าตรู่จนเกือบถึงเที่ยงคืน ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่มีแม้แต่เงินจะซื้ออาหาร เพราะบิดาที่เป็นเสาหลักของบ้านเอาแต่กินเหล้า เขาไม่รับผิดชอบอะไรเลย นีรนาทเลยต้องออกจากโรงเรียน หันมาทำงานเต็มตัว แต่...การเรียนที่รักเธอก็ไม่ได้ทิ้ง เสียงแม่พร่ำบ่นกรอกหูมาตลอด หากไร้ความรู้ต่อให้ประสบสำเร็จ มันก็จะใช้เวลานานกว่าคนที่มีความรู้ เมื่อมันคือใบเบิกทางให้เธอมีโอกาสหางานที่ดีกว่าทำ หญิงสาวจึงแอบเจียดเงินบางส่วนร่ำเรียน แต่ต้องใช้ความพากเพียรมากกว่าคนอื่นๆ เมื่อเธอต้องทำงานหนักตั้งแต่เช้าจรดค่ำ บางครั้งท้อแท้จนน้ำตาไหลอาบหน้า ต่อว่าพระผู้เป็นเจ้าที่กำหนดทางเดินชีวิตของเธอให้ลำบากยากเข็ญเสียเหลือเกิน เหลืออีกแค่ไม่กี่วัน เธอก็จะเรียนจบ...มันเป็นความภาคภูมิใจ ถึงจะเป็นแค่การศึกษานอกโรงเรียนแต่มันก็ทำให้เธอหางานได้มากขึ้น ดีกว่าเป็นเด็กรับจ้างทั่วไปตามร้านขายเครปข้างทางที่ได้เงินเดือนหยิบมือเดียว
“แม่จ๋านีชาเรียนใกล้จบแล้ว...เสียดายจังแม่ไม่อยู่ในวันที่นีชาประสบความสำเร็จ...แม่รอดูนีชานะจ๊ะ นีชาจะหางานดีๆ ทำและจะพาแม่กลับไประเทศไทย” ความฝันสูงสุดในวันที่ชมนาดสิ้นใจเธออยากกลับบ้านเกิด และนีรนาทรับปากว่าจะต้องทำให้ได้!!เด็กหญิงไม้ขีดไฟมีชีวิตแสนรันทด นีรนาทเองก็เช่นกันไม่ต่างอะไรกับเด็กหญิงที่ต้องขายไม้ขีดไฟเพื่อหาเงินค่าอาหารสักนิด เธอต่อสู้ดิ้นรนมาตั้งแต่มารดาเสียชีวิต เพื่อหาอาหารเลี้ยงปากท้องตัวเองและบิดา!!เสื้อผ้าของใช้ไม่เคยได้ซื้อเพิ่มมาใหม่ ดีแต่ว่าได้รับการอนุเคราะห์จากเพื่อนบ้าน ที่สงสารเธอ เมื่อตัวเธอต้องเก็บซ่อนเงินเอาไว้เพื่อการเรียน จนไม่อยากซื้อหาอะไรนอกจากสิ่งจำเป็นจริงๆ เธอเอนกายลงนอนโดยกอดเสื้อของแม่ไว้ ขดตัวใต้ผ้าห่มเก่าๆ ของแม่ ก่อนจะหลับไปเพราะความอ่อนเพลีย“นีชา...เอาสตางค์มาให้กูสิ กูจะไปซื้อเหล้า” เสียงโวยวายของอีวานดังขึ้น เมื่อเขาตื่นเต็มที่ ชายสูงวัยรูปร่างท้วม ผมบนศีรษะเหลือแค่ครึ่งเดียว ปลายจมูกแดงก่ำ นัยน์ตาฉ่ำเยิ้มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ยังคงค้างอยู่ในร่างกายหญิงสาวงัวเงียตื่นขึ้นมา เธอเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาเล็กๆ หัวนอน ‘พึ่งจะตีห้าครึ่ง’ เธอพึ่งน
บทที่2.เจ้าชายน้ำแข็ง“พูดมาสลาฟส์ ใคร?” น้ำเสียงเย็นเฉียบยิ่งกว่าเกล็ดหิมะด้านนอกตัวอาคาร ชายสูงวัยหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย ถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ จากข้อมูลที่สืบทราบ เขาเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน ว่าจะใช่คนคนนั้น?!! “อีวาน...โบรีส อดีต รปภ. ที่เคยทำงานที่ห้างสรรพสินค้าครับท่าน เขาถูกไล่ออกเพราะเมาสุราขณะทำงาน”“อดีต!! รปภ. ที่ถูกไล่ออก!! แล้วไอ้หมอนั้นมันต้องการอะไร?”“ผมยังไม่รู้ครับ ว่าเขาต้องการอะไรในการลงมือทำครั้งนี้ ความจริงเขาออกไปเป็นปีๆ หากมีเรื่อแค้นเคืองก็น่าจะลงมือตั้งแต่เกิดเรื่องใหม่” สลาฟส์วิเคราะห์ตามข้อมูลที่รู้มา เขาแปลกใจพอๆ กับทุกคนที่อยู่ในทีมสืบสวน“เอาตัวไอ้หมอนั่นมาให้ผม ผมจะสอบสวนมันเอง!! ให้มันรู้ไปสิว่ามันกล้า...” ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืน เขาต้องมาเสียเวลาที่แสนจะมีค่าไปกับเรื่องไร้สาระ แค่คนงานชั้นล่างสุด ก่อเรื่อง แต่มันเป็นการกระทำที่ทำให้เขาเสียรายได้มหาศาล สร้างความขุ่นเคืองในหัวใจ จนไม่อาจปล่อยวางเรื่องนี้ไปง่ายๆ ได้“ครับ” สลาฟส์รับคำเสียงหนักๆ เขาเองก็อยากรู้ว่าอีวานต้องการอะไร ชายแก่นั่นจมอยู่กับกองขวดเหล้า แล้วจู่ๆ ไอ้หมอนั่
แสงไฟฟ้าสว่างจ้า นีรนาทรีบสาวเท้าให้เร็วขึ้น เธอผลักบานประตูจนสายลมเย็นเฉียบไหลกรูเข้าไปภายใน เจ้าหน้าที่หันมามองเธอเป็นตาเดียว เพราะเวลามันดึกเกินว่าจะมีใครมาทำธุระที่สถานีตำรวจ“ขอโทษคะ อีวาน โบรีส อยู่ที่นี่ไหมคะ? หนูเป็นลูกสาวเขาอยากขอประกันตัว” เสียงถามปนเสียงหอบ เพราะเจ้าตัวรีบมาเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้“อีลูกไม่รักดี ปล่อยให้กูนอนอยู่ในนี้ตั้งหลายชั่วโมง มึงไปมุดหัวอยู่ไหนมา!!” สองมืออีวานเกาะซี่ลูกกรง เขาแผดเสียงก้องด่าทอนีรนาทเมื่อเห็นบุตรสาวปรากฏตัวขึ้นมาเคล้งๆ...“หุบปาก!! ยังจะปากดีอีก ต่อให้ขนเงินมากองไว้ก็ไม่ได้ประกันตัวหรอกน่า นอนอยู่ในนั้นแหละ คุณดิมิทรีไม่ปล่อยแกออกมาลอยนวลข้างนอกให้เกะกะนัยน์ตาเขาหรอก” เจ้าหน้าที่ยกกระบองไม้ในมือเคาะไปที่ซีลูกกรง เป็นสัญญาณเตือนชายขี้เมาว่าอย่าได้ส่งเสียงน่ารำคาญ“เห้ย!! ได้ยังไงวะ รังแกคนจนๆ ได้ไง ฉันไม่ยอม”“แกยอมหรือไม่ยอม แกก็ต้องติดคุก ถึงจะไม่ได้ลงมือทำจริงๆ แต่แกส่อเจตนาร้าย เขามีหลักฐานและพยานพร้อม ไม่มีทางดิ้นอยู่แล้ว อย่างมากก็นอนคุกสัก4 -5 ปี”“โฮๆ...” เมื่อรู้ความจริงว่าแค่เพียงอารมณ์ชั่ววูบจะทำให้ตัวเองขาดอิสรภาพและจะต้อง
“คนอย่างอีวานเป็นไม้แก่ดัดยาก เขาควรถูกคนที่เหนือกว่าสั่งสอน ฉันคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ดีเชียวแหละ”“แต่...”“เอาเถอะอยากทำอะไรก็ตามใจ ฉันขอโทษที่ซ้ำเติมพ่อเธอ มันทนไม่ไหวจริงๆ”“ขอบคุณค่ะ”“อืม...ถ้าไม่ไหวยังไง มีอะไรที่ฉันช่วยได้ฉันก็อยากช่วยนะนีชา” หล่อนพ่นลมหายใจแรงๆ พระเจ้าไม่ยุติธรรมเลย คนดีๆ ตายจากแต่คนที่สมควรตายยังคงหยัดยืนอยู่ เธอรู้จักกับชมนาดดี ผู้หญิงน่าสงสารที่อยากมีชีวิตดีขึ้น จนต้องยอมแต่งงานกันคนในพื้นที่ เพื่อจะได้ทำมาหากินได้โดยไม่ถูกเจ้าหน้าที่จับตัวส่งกลับภูมิลำเนาเดิม แต่เผอิญโชคร้าย ไปคว้าเอาอีวานมาเป็นสามี เขาออกลายทันทีที่แต่งงาน ผู้หญิงไทยคนนั้นจึงต้องก้มหน้าก้มตาหาเลี้ยงสามี และเจียดเงินส่วนหนึ่งส่งกลับไปให้คนทางบ้านเกิด สุขภาพทรุดโทรมลงทุกๆ วันเพราะต้องทำงานเพิ่มอีกเป็นเท่าตัวเพื่อให้มีเงินพอจะเจือจานคนทางบ้านและตัวเอง หล่อนเจ็บออดๆ แอดๆ และเสียชีวิตตอนที่ลูกสาวยังไม่โตเต็มที่ สองแม่ลูกที่เธอเห็นมาเกือบๆ ยี่สิบปี ช่างน่าสงสารและน่าเห็นใจ ผู้หญิงหวังพึ่งสามี และหวังว่าเขาจะทำให้ตัวเองมีการเป็นอยู่ดีขึ้น แต่สามีหรือพ่ออย่างอีวาน สมควรอย่างยิ่งที่จะถูกกำจัด เธอ
แสงอ่อนๆ ของพระอาทิตย์ยามเช้าแม้จะหม่นมัวเพราะก้อนเมฆบดบัง แต่มันก็สว่างพอจะเห็น ยัยเด็กนี่นัยน์ตาสวย ผิวแก้มอมสีชมพูระเรื่อ ขนตายาวเป็นแพเหมือนปีกผีเสื้อ รวมๆ แล้วก็หน้าตาดีไม่ใช่เล่น แต่...ที่สำคัญเธอทำให้เลือดลมเขาพุ่งพล่านและรู้สึกเป็นผู้ชนะกำลังกุมอำนาจล้นเหลืออยู่ในมือ“คนอย่างเธอจะมาทำอะไรให้ฉันได้ ฉันมีทุกอย่างเพียบพร้อม ไม่เคยต้องการอะไรจากคนอื่นๆ” ชายหนุ่มยกยิ้มหมิ่นๆ มุมปาก เขาหมุนตัวกลับเตรียมจะเดินหนี แม้จะติดใจหน้างดงามปานนางฟ้าของเจ้าหล่อนก็ตาม“ขอร้องเถอะค่ะ!! จะเอานีชาไปต้มยำทำแกงที่ไหนเมื่อไรก็ได้ ขอแค่คุณปล่อยแด๊ดนีชา” เสียงวิงวอนแหบพร่า เรือนกายสั่นระริกไม่ใช่เพราะความหนาวแต่เป็นเพราะกำลังร่ำไห้อย่างหนักที่ไหน? เมื่อไร ยังไงก็ได้รึ? ความจริงผู้หญิงที่อยู่รายรอบตัวของเขาก็มีไม่ใช่น้อย ไม่จำเป็นต้องมาคว้าผู้หญิงข้างทางขึ้นมาเป็นนางบำเรอนี่นะ แต่มันก็น่าสนใจไม่ใช่น้อยไม่ใช่รึ ผู้หญิงตรงหน้านี่ดูท่าจะยังสดสะอาด แม้จะดูสกปรกมอมแมมแต่หลังเปลื้องผ้าเก่าๆ ปอนๆ นั้นออก เธอคงงดงามไม่ใช่เล่น...“ตามมา... เข้าไปคุยข้างในดีกว่า ของนอกนี่มันหนาว อีกอย่างฉันยังไม่อยากเป็นข่าว” ช
บทที่3.หิมะกับผ้าห่ม“กลับมาแล้วโว้ย...นีชาอยู่ไหนลูก” อีวานเดินเข้าบ้าน เขาส่งเสียงโวยลั่น เขาทรุดนั่งบนเก้าอี้เก่าๆ ตัวหนึ่ง ส่งเสียงเรียกบุตรสาวเพราะจู่ๆ ก็ถูกปล่อยตัวออกมาจากที่คุมขังเงียบ...ไม่มีเสียงตอบกลับอีลูกเวรนั่นไปมุดหัวอยู่ที่ไหน? ทำไมไม่มาสนใจคอยดูแลเขาเลย...“อีเด็กเปรตนั่นหายหัวไปไหนวะ กูหิวเหล้าจะตายอยู่แล้ว” เขาก่นด่าออกมาเสียงแข็ง จะซื้อเหล้าเข้ามาเอง ในกระเป๋ากางเกงก็ไม่มีเศษเงินสักสตางค์ จึงจำใจซมซานกลับมาบ้าน แต่ก็ยังไม่ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการเสียที ร่างอวบท้วมเดินรื้อของภายในบ้านเพื่อค้นหาเศษสตางค์ไปหาซื้อเหล้ามาล้างปาก ไอ้เศรษฐีเจ้าของห้างจู่ๆ มันก็ใจดีขึ้นมา ไม่เอาเรื่องเอาราวที่เขาไปก่อไว้ ไอ้ตำรวจหน้าโง่ทั้งสถานีจึงปล่อยตัวเขากลับบ้าน...“เจอแล้วอีลูกเวรแอบซุกเงินไว้นี่เอง” ชายสูงวัยที่มัวเมาอยู่ในโลกน้ำเมาไม่สนใจความเหนื่อยยากของบุตรสาว นีรนาทสู้อุตส่าห์เก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ไว้ใช้จ่ายเกี่ยวกับการเรียน นอกเหนือที่จับจ่ายภายในบ้าน แต่ก็ยังถูกอีวานฉกเอาไปอยู่ดีเขาเปิดประตูบ้านเดินฝ่าความหนาวเย็นเพื่อไปร้านเหล้า...และจะกลับมานอนซุกตัวอยู่ในบ้านกินเหล้าเปรม
“ใจเย็นๆ นีชา ไม่ต้องกลัว ไม่ถึงตายหรอกแค่เสียตัวเอง” เธอกล่าวปลอบใจตัวเอง เป็นคำพูดหยามหยันที่ได้ยินได้ฟังยังเจ็บจี๊ดๆแปลก!! รถยนต์จอดสนิทหน้าตึกสูงระฟ้า ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้า ‘เบนิคอฟมอลล์’ เท่าไร เธอแหงนมองตัวตึกสูงระฟ้า เกล็ดหิมะล่วงหล่นใสหน้าจนรู้สึกเย็นจับขั้วหัวใจ“เชิญครับมิส!! ทางนี้ครับ” ชายชุดดำที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม เขาผายมือบอกทางให้กับนีรนาท แล้วจึงเดินนำหน้า สายตาหลายคู่เหลือบมองผู้หญิงคนหนึ่งที่การแต่งตัวขัดกับสถานที่ เสื้อเก่าๆ ปอนๆ การแต่งกายที่ไม่เหมาะกับสถานที่โอ่อ่าและมันทำให้นีรนาทรู้สึกอาย หน้าเธอร้อนฉ่าด้วยความอายสุดขีดประตูลิฟต์ปิดลง ช่วยให้เธอหายใจหายคอสะดวกขึ้น เธอเหม่อมองทิวทัศน์ผ่านกระจกใส ที่เคลื่อนที่ขึ้นไปยังจุดหมาย ทุกอย่างรอบตัวมีแต่ความเงียบและความเงียบ ผู้ชายที่นำเธอมาเหมือนหุ่นยนต์มากกว่าคนมีชีวิต เขาทำงานตามคำสั่งมหาอำนาจด้วยความแข็งขัน หน้าเย็นชาและไร้จิตใจแบบสิ้นเชิง“มิสต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำความสะอาดร่างกายก่อนครับ ผมเตรียมทุกอย่างไว้ในห้อง มิสมีเวลา สามสิบนาที ก่อนที่ท่านจะมาถึง”นีรนาทฟังเงียบๆ เธอไม่ได้แย้งหรือทักท้วง หลังพูดจบ
“ปะ... ปล่อยค่ะ...เอ่อ...นีชายังไม่เคยแต่ปล่อยนีชาก่อนได้ไหมคะ...นะคะ ให้เวลานีชาทำใจบ้าง...”“หึ หึ ฉันให้เวลาเธอมาทั้งวันแล้วเด็กน้อย ฉันคิดว่าเธอน่าจะพอทำใจได้บ้างแล้วนะ”“ค่ะ...เอ่อ นีชายอมคุณทุกอย่างอยู่แล้วค่ะ แค่ขอเวลาเพื่อทำใจบ้างเท่านั้นเอง”“แน่ใจเหรอเด็กน้อย ว่าเธอต้องทำใจ!!”ดิมิทรีชะโงกเข้าไปถามใกล้ๆ ใกล้เสียจนลมหายใจร้อนๆ ของเขาเป่ารดปลายจมูกเชิดโด่ง อยู่ๆ ในช่องท้องหญิงสาวก็ปั่นป่วน มันปวดมวนจนต้องรีบเบี่ยงหน้าหนี หน้าหวานแดงก่ำร้อนฉ่าและผิวแก้มคงขึ้นสีจัดมารยาผู้หญิงดิมิทรีเห็นมามากมาย จนไม่คิดว่าจะมีมารยาแบบไหนที่เขาไม่เคยคุ้น แต่...สิ่งที่เห็นตรงหน้า เป็นความแปลกแตกต่างที่เคยเจอ ผู้หญิงคนนี้มีอะไรบางอย่างไม่เหมือนกับที่เขาเคยเจอเป็นประจำ เธอมีความหวั่นกลัว และขลาดเขลาอ่อนแอ แต่เธอก็ยังเชิดหน้าสู้ แม้ร่างกายจะสั่นระริกเพราะความกลัว มันทำให้หัวใจหนุ่มแน่นเต้นแรง เพราะรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่า มันเหมือนกับว่าเขากำลังกำหนดชะตาชีวิตของใครคนหนึ่ง และมันหมายถึงชนะ!!ร่างสั่นระริกในอ้อมแขน กลิ่นสาปสาวส่งกลิ่นหอมยวนใจ จนหัวใจพญาหมีขาวแห่งขั้วโลกเหนือเต้นพล่าน...เขาจะอุทิศตัว
“ผมว่าคนที่ปรับตัวไม่ได้ น่าจะเป็นนีชามากกว่านะครับ อย่าพยายามหนีผมเลย เราน่าจะทำความรู้จักกันให้มากกว่าเดิม” ชายหนุ่มเอื้อมจับข้อมือเรียวบางไว้ เขาพูดช้าๆ แต่แววตาพราวระยับจนหัวอกหัวใจของนีรนาทสั่นไหว“เราสองคนไม่มีอะไรต้องปรับต้องจูนเข้าหากันค่ะ เราเป็นคนแปลกหน้าที่แค่มี ‘ลูก’ ด้วยกันแค่นั้น อย่าดึงนีชาไปเกี่ยวข้องกับคุณ ปล่อยเราสองแม่ลูกไปตามทางของเราเถอะค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงอ่อนๆ เธอรู้ดีว่าความหวังมันเป็นความทรมานอย่างหนึ่ง เมื่อมีหวังและอยากคว้ามาครอง แต่ในความเป็นจริงมันสูงสุดเอื้อมมือคว้า เพราะเขาลอยอยู่บนฟ้า ในขณะที่ตัวเองลอยเรี่ยๆ ติดพื้นดิน“คนแปลกหน้าที่มี ‘ลูก’ ด้วยกัน ก็แสดงว่าครั้งหนึ่งเราสองคนไม่ได้เป็นคนแปลกหน้ากันนี่ครับ เราชิดใกล้และแนบสนิท และหากผมต้องการแบบนั้นอีกครั้งเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเราในแน่นเฟ้นขึ้น ดีไหมครับ?” เป็นคำถามที่ดิมิทรีไม่ต้องการรอคำตอบเขาปฏิบัติการจู่โจมเพื่อกระชับพื้นที่ ร่างใหญ่หนาพลิกตัวกลับจากท่าทางเดิม คือนอนแผ่กลางเตียงมาคร่อมร่างบอบบางเอาไว้ เธอพยายามผลัก
มาดามโรสรีบชักมือกลับ เชิดปลายคางขึ้น เสยกแก้วชาที่ทิ้งไว้ขึ้นมาจิบแก้อาการขัดเขิน...“ที่นี่ใหญ่กว่าบ้านเก่าของดีม่านับสิบเท่าค่ะ ดีม่ามาอยู่เกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว ยังวิ่งไม่ทั่วบ้านเลยค่ะ” จอมแสบพูดแจ้วๆ ถึงจะไม่ได้รับความสนใจจากหญิงสูงวัยแต่เจ้าตัวสนใจที่ไหนยังพูดคุยไม่หยุด สลับกับกัดขนมในมือกินเพลินๆ“ชอบสินะ...”“ค่ะ...ชอบมากกกกกก คุณย่าเหงาไหมคะ ถ้าเหงาดีม่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนบ่อยๆ”“เห็นแก่กินล่ะสิ...ถ้าฉันไม่มีของกินจะมาหาไหมล่ะ” นางปล่อยตัวตามสบาย คลายอาการเกร็งไปเกือบครึ่ง“เปล่าค่ะ...แต่คุณย่าตาดุ๊ดุ!! ดีม่ากลัวค่ะ”“ถ้ากลัว แล้ววันนี้ทำไมถึงกล้าล่ะ”“แหะๆ ดีม่าหิวค่ะ ขนมก็ห๊อมหอมมมม”“เห็นไหมล่ะ เรานะเห็นแก่กิน ตัวบวมๆ เดี๋ยวโตไปไม่สวยนะรู้ไหม?”“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่สวยก็อยู่กับคุณย่าไงค่ะ อยู่นานนนนนนน” เด็กหญิงฉีกยิ้ม กางมือกว้างๆ อธิบายช่วงเวลาประกอบคำพูดตัวเองมาดามโรสคลี่ยิ้มอ่อนๆ เจ้าตัวเล็กนี่ชั
บริเวณสวนหย่อมร่มรื่น เนื่องจากเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ อากาศเริ่มอุ่นขึ้นและดอกไม้ใบหญ้าเริ่มผลิดอกออกใบ ดอกไม้เบ่งบานส่งกลิ่นหอมรวยริน สายลมเย็นๆ พัดโชย ช่วงเวลาบ่ายคล้อยจึงไม่ร้อนมากนักกลิ่นขนมอบลอยฟุ้งผสมกับกลิ่นน้ำชาหอมๆ จนแม้แต่เด็กน้อยที่วิ่งเล่นอยู่ไกลๆ ยังได้กลิ่น นัชชาวีทำจมูกฟุดฟิต เจ้าหล่อนสูดกลิ่นหอมๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศและเริ่มชักชวนลูกสมุนเดินตามหาต้นตอของกลิ่นหอมๆ นั้น ท้องเล็กๆ ร้องโครกคราก น้ำย่อยเริ่มทำงานจนน้ำลายในปากไหลย้อย“หอมขนมเนอะ ป้าแม่ครัวทำอะไรให้ทานเนอะวันนี้ ไปดูกันเร็ว!!” ร่างกลมป้อมออกวิ่งเหยาะๆ ตามกลิ่นขนมที่เจ้าตัวชื่นชอบ จนถึงสวนหย่อมด้านข้างที่มีเก้าอี้เหล็กสวยๆ ตั้งไว้นั่งพักผ่อน“ชะอุ้ย!!” ริมฝีปากสีสดแบะออก และรีบถอยหลังกรูดๆ เมื่อเห็นคนที่น่ากลัวอยู่ตรงนั้น สายตาของ ‘คุณย่า’ มองเธอแบบเฉยชา จนขยาดที่จะเข้าใกล้ แต่ว่า...ถาดขนมนั้นน่าสนใจ!! ทำไงดีนะดีม่า ทำยังไงจะได้ชิมขนมในถาดนั้นโดยไม่ถูกคุณย่าดุ...จอมเจ้าเล่ห์เร่งคิดหาทางแบบเร่งด่วน ดวงตาสุกใสมองขนมสีสวยในถาดตาเป็นมัน!!มาดามโรสยกแก้วชา
“ครับผมไม่เถียงเรื่องในอดีต แต่ในอนาคตนี่ ผมอยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้ ‘ลูกสาว’ ของผมเห็น ไม่อยากให้เธอรู้สึกไม่ดีกับเพศชายตั้งแต่อยู่ในบ้าน”“สมัยนี้ไม่มีคนถือเรื่องนั้นแล้วล่ะ ขอแค่มีเงินเลี้ยงดูได้ จะมีเมียหลายๆ คนคงไม่มีใครกล้าว่า”“แต่ผมถือครับ ...ครอบครัวผมไม่นิยมการมีภรรยาหลายคน”“สรุปก็คือเธอจะเบี้ยวงั้นสิ ฉันก็คงไม่ยอมให้ลูกสาวเสียชื่อฟรีๆ หรอกนะ คงรู้ใช่ไหม? ว่าฉันมีอำนาจแค่ไหน”“ครับ...พอรู้ แต่...”“อะไร!! จะเล่นแง่อะไรอีก เธอเจ้าเล่ห์กว่าที่ฉัดคิดไว้ แต่เรามันคนละรุ่นกัน ชั้นเชิงคงไม่ต้องบอกใช่ไหม!!”“ครับ ผมรู้ว่าท่านเขี้ยวเล็บเยอะ...แต่ผมก็ไม่ได้ด้อยกว่านี่ครับ” ชายหนุ่มพูดเสียงกระหึ่ม เขาไม่ยอมลงให้อันโตนอีกต่อไป เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมฟังอะไรทั้งสิ้น“อวดดี...อวดดีให้ถึงวันนั้นก็แล้วกัน เราคงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก เธอกลับไปเถอะ”“ครับ ผมขอให้ท่านคุยกับอันนาก่อน หากท่านคิดจะทำร้ายครอบครัวผม ผมค
บทที่16.เบนิคอฟกับคเซนเนีย ดิมิทรีปรากฏตัวที่หน้าตึกคเซนเนีย เขาเดินเข้าไปภายในอาคาร เหยียบถิ่นของอันนาครั้งแรกเพื่อต่อรองกับหญิงสาวเกี่ยวกับเรื่องร้ายๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้น!! และดูเหมือนว่าอันนาจะเตรียมตั้งรับไว้แล้ว เธอลงมาชั้นล่างพร้อมกับบิดา วงหน้าสวยเฉี่ยวเรียบตึง “ยินดีต้อนรับดิมิทรี ลุงไม่เจอเรานานเท่าไรแล้วนะ” ด้วยประสบการณ์ที่คร่ำหวอดอยู่บนถนนธุรกิจมายาวนานนับสิบปี อันโตนวางสีหน้าเฉยชาได้แบบแนบเนียนกว่าบุตรสาว “ไม่นานเท่าที่ท่านคิดหรอกครับ ผมพบท่านตามงานสังคมบ่อยๆ เพียงแต่ไม่ได้เข้าไปทักทาย” ดิมิทรีเองก็ไม่ได้ด้อยกว่าเขาเก็บความโกรธไว้ใต้สีหน้าเฉยชา “ไปๆ ขึ้นไปคุยที่ห้องลุงดีกว่า เราสองครอบครัวไม่ใช่คนอื่นคนไกลกัน ไปอันนาไป พาพี่เขาไปก่อน ขอพ่อไปทำธุระสักครู่แล้วจะตามไป
“เป็นไงบ้างล่ะ พอจะบอกได้หรือยังว่าใครจ้างวานแกมา” เสียงทุ้มนุ่มถามช้าๆ พร้อมกับแสงไฟสปอร์ตไลท์ที่ฉายแสงส่องหน้าเขา ผ้าคลุมถูกดึงออกไป เขาจึงได้แต่หยีตาสู้แสงไฟ...“จะฆ่าจะแกงก็เชิญ เราไม่คิดจะเปิดปากบอกใคร?”“อืม...ดีซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ใช้ได้ แต่มันจะดีกว่าไหมถ้าสามารถรักษาชีวิตตัวเองไว้ได้ ดีกว่าเอามาทิ้งเพราะคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ฉันจะไม่บอกใครว่าพวกแกพูด ฉันอยากรู้แค่นั้นว่าใคร? จ้องทำร้ายเมียกับลูกฉัน” ดิมิทรีข่มอารมณ์แทบแย่ เขาต้องรู้ให้ได้ว่าใคร? เป็นคนสั่งการและหากเป็นคนๆ นั้นจริงๆ เขาจะเอาคืนให้หนัก เพราะดูจะใจร้ายเกินไปหน่อยถึงกับฆ่าแกงกันเหมือนชีวิตไม่มีค่า“ตามสบาย...อยากทำอะไรก็เชิญ” มันตอบกลับเสียงสะบัด และผินหน้าหนีแสงไฟ“แน่ใจเหรอที่พูด หากฉันทำขึ้นมาจริงๆ แกจะเสียใจนะ เพราะใคร? ก็ตามที่ทำร้ายครอบครัวฉัน ไม่ว่าจะใคร? มันไม่สมควรมีชีวิตรอด” ดิมิทรีหยัดกายลุกขึ้นยืน เขาพอจะเดาได้ว่าใคร? แต่อยากได้ยินชัดๆ เพื่อจัดการกับตัวการ แต่ถ้ามันไม่ปริปากพูดก็คงต้องกำจัดทิ้งให้สิ้นซาก&ldqu
มาดามโรสพูดจบก็ลุกขึ้น เธอยิ้มอ่อนๆ ส่งให้สาวว่าที่คู่หมายลูกชาย แต่...คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เมื่ออันนารู้สึกจะคิดน้อยไปหน่อย ทำตามใจตัวเองและเอาอารมณ์เป็นใหญ่ จนเธอกลัวว่าเจ้าตัวจะพาความเดือดร้อนมาให้ การจะยืนยงและยิ่งใหญ่อยู่เหนือคนอื่นๆ ได้ต้องไม่มีจุดอ่อนให้คนจากภายนอกโจมตี แต่เธอเห็นข้อด้อยในตัวของหญิงสาวผู้นี้เยอะแยะ หลังจากเกิดเรื่องขึ้น...เห้อ!! น่าเสียดาย...“อันนาไม่ยอมจบแค่นี้หรอกคะ ข่าวแพร่ออกไปแล้ว อันนาเสียชื่อหากไม่ได้แต่งงานกับดิมิทรี...เพราะฉะนั้นอันนาต้องทำ” หญิงสาวกำมือแน่น ไฟโทสะลุกพรึ่บในดวงตาคู่งาม เธอไม่เคยถูกตบหน้าด้วยถ้อยคำหยามหยัน เหมือนดังเช่นที่มาดามโรสกำลังทำ คำตำหนิที่พูดเหมือนหวังดี แต่ที่ไหนได้ ผู้หญิงสูงวัยคนนั้นด่าเธอปัญญาอ่อน หาว่าไม่รู้จักคิดให้ดีก่อนทำ...ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นต้อยต่ำ และไร้เกียรติวิธีที่ดีที่สุดคือทำให้เจ้าหล่อนสูญหายไปไม่ใช่หรือ?“คุณพ่อคะ อันนาขอมือดีสัก3-4 คน อันนามีงานให้เขาทำ” เธอต่อสายหาบิดาและเปิดปากขอคนฝีมือดีๆ เพื่อกำจัดนีรนาทให้สิ้นซาก ในเมื่อเจ้าหล่อนกำลังทำให้เธอมีอุปสรรคชิ้นใหญ่
บทที่15.จุดแตกหัก‘นี่แหละ คนที่เค้ารอคอยมาทั้งชีวิต’ ดิมิทรีคิดในใจขณะที่ทอดสายตามองสองแม่ลูก นีรนาทและนัชชาวีลูกสาวสุดสวาท และเขาจะปกป้องเธอทั้งสองคน ไม่ให้อันตรายใดใดมากล้ำกลาย เด็ดขาด!!“นี่คุณจะบ้าเหรอ!! ให้เวลานีชาเก็บของสองวันแล้วย้ายไปอยู่บ้านคุณเนี่ยนะ...คุณคิดไปเองคนเดียวหรือเปล่าคะ” ขณะที่พูดใจเธอสั่นระรัวไปกับสายตาที่จริงจังของเขา กำลังมีเรื่องที่เธอไม่สมควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาด้วยซ้ำ เมื่อข่าวการหมั้นหมายระหว่าง ดิมิทรีกับอันนา กำลังเริ่มดังกระหึ่ม...“คุณคิดว่า ผมพูดเล่นอย่างนั้นเหรอนีชา ผมกำลังปกป้องครอบครัวของเรา อย่างเต็มความสามารถ...ในแบบของผม!!” ชายหนุ่มพูดฉุนๆ ดูเหมือนไม่มีใครฟังคำพูดของเขาสักคน‘บ้า… เค้าต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆๆ’ หญิงสาวคิดในใจ“ร้านคุณไฟไหม้ มันมีคนปองร้าย!! เพราะฉะนั้นคุณควรไปอยู่กับผม ผมจะให้คนของผมไปรับคุณกับดีม่ามาที่บ้านผม...”‘อ้าว’ ช่างเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองที่สุด เธอต้องพบเจอกับคน
“ครับ...ผมจะคุยกับมัมเอง...คุณอันนาช่วยอยู่เฉยๆ ได้ไหม? ครับเพราะผมคิดว่า...คุณเองก็คงไม่อยากเสียชื่อ หากเรื่องมันเตลิดไปไกลกว่าที่คิด ครั้งนี้ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นความต้องการของมัม และหากมีการเจรจา ทางคุณต้องไปคุยกับมัมเองเช่นกันครับ เพราะผมไม่ยอมตกบันไดพลอยโจนเด็ดขาด สื่อทำอะไรผมไม่ได้หรอกครับ หากคุณคิดจะใช้สื่อจริง ผมยอมเสียชื่อ แต่ไม่ยอมให้คนของผมเสียใจ” ดิมิทรีชี้แจงเสียงเย็นๆ เขาผุดลุกขึ้นยืนเหมือนกัน เพราะหาก ‘คเซนเนีย’ คิดจะใช้ลูกไม้นั้น โดยการยืมมือสื่อมาช่วย ด้วยการประโคมข่าวให้เขาตกเป็นจำเลยของสังคม เขาก็คงต้องสู้ไม่ถอยเช่นกัน“เหอะ...ก็ได้ค่ะ อันนาจะอยู่เฉยๆ แต่ถ้าเรื่องลุกลามไปไกล คุณต้องรับผิดชอบชื่อเสียงของอันนาด้วยนะคะ อันนาจะไม่ยอมเสียชื่อคนเดียวค่ะ”“ครับ...ผมจะรีบเคลียร์ให้เรื่องนี้จบลงเร็วๆ ขอให้ทางฝ่ายคุณใจเย็นๆ”อันนายอมถอยหลังกลับ แต่เธอไม่มีทางยอม เพราะเดิมพันครั้งนี้น่าสนใจ เธอจะได้ครอบครองดิมิทรีและเขี่ยผู้หญิงคนนั้นพ้นจากทางเดินของเธอ...“คุณพ่อคะ อันนาขอยืมคนมาช่วยงานสั