“คนอย่างอีวานเป็นไม้แก่ดัดยาก เขาควรถูกคนที่เหนือกว่าสั่งสอน ฉันคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ดีเชียวแหละ”
“แต่...”
“เอาเถอะอยากทำอะไรก็ตามใจ ฉันขอโทษที่ซ้ำเติมพ่อเธอ มันทนไม่ไหวจริงๆ”
“ขอบคุณค่ะ”
“อืม...ถ้าไม่ไหวยังไง มีอะไรที่ฉันช่วยได้ฉันก็อยากช่วยนะนีชา” หล่อนพ่นลมหายใจแรงๆ พระเจ้าไม่ยุติธรรมเลย คนดีๆ ตายจากแต่คนที่สมควรตายยังคงหยัดยืนอยู่ เธอรู้จักกับชมนาดดี ผู้หญิงน่าสงสารที่อยากมีชีวิตดีขึ้น จนต้องยอมแต่งงานกันคนในพื้นที่ เพื่อจะได้ทำมาหากินได้โดยไม่ถูกเจ้าหน้าที่จับตัวส่งกลับภูมิลำเนาเดิม แต่เผอิญโชคร้าย ไปคว้าเอาอีวานมาเป็นสามี เขาออกลายทันทีที่แต่งงาน ผู้หญิงไทยคนนั้นจึงต้องก้มหน้าก้มตาหาเลี้ยงสามี และเจียดเงินส่วนหนึ่งส่งกลับไปให้คนทางบ้านเกิด สุขภาพทรุดโทรมลงทุกๆ วันเพราะต้องทำงานเพิ่มอีกเป็นเท่าตัวเพื่อให้มีเงินพอจะเจือจานคนทางบ้านและตัวเอง หล่อนเจ็บออดๆ แอดๆ และเสียชีวิตตอนที่ลูกสาวยังไม่โตเต็มที่ สองแม่ลูกที่เธอเห็นมาเกือบๆ ยี่สิบปี ช่างน่าสงสารและน่าเห็นใจ ผู้หญิงหวังพึ่งสามี และหวังว่าเขาจะทำให้ตัวเองมีการเป็นอยู่ดีขึ้น แต่สามีหรือพ่ออย่างอีวาน สมควรอย่างยิ่งที่จะถูกกำจัด เธอแอบเยาะเย้ยซ้ำด้วย ตอนที่รู้ข่าว แล้วก็เป็นอย่างที่คาดไว้ นีรนาทคงไม่ปล่อยให้บิดาต้องทรมาน เธอเป็นเด็กดี...
“ขอบคุณอีกครั้งค่ะ”
“โชคดีจ้ะนีชา ขอพระองค์คุ้มครอง” สาวใหญ่อวยพรให้หญิงสาวผู้น่าสงสารแล้วก็ได้แต่กังวล เพราะรู้ดีว่าตระกูลใหญ่ๆ อย่าง ‘เบนิคอฟ’ คงไม่มีทางยอมเพราะอีวานทำให้ธุรกิจของเขาเสียหายและเสียชื่อเสียงด้วย มันเป็นการเขียนเสือให้วัวที่คิดจะกล้าลองดีอีกหลายๆ ตัวกลัว
หญิงสาวแหงนมองยอดหอยคอยที่อยู่สูงสุดของตัวคฤหาสน์ เธอวิงวอนร้องขอความเมตตาจากเบื้องบนด้วยหัวใจที่แสนจะรันทด มีแต่ความฝันและความหวัง เมื่อประตูชัยชนะดูเหมือนจะปิดสนิท...
เธอทรุดตัวลงนั่งที่ขอบปูนซีเมนต์ ที่กั้นระหว่างพื้นถนนคอนกรีตกับกระถางต้นไม้ มือเล็กๆ ใต้ถุงมือเก่าๆ ยกขึ้นอังความร้อนที่เป่าออกมาจากอุ้งปาก ควันสีขาวๆ ลอยฟุ้ง!!
แกร๊ก...เสียงประตูเหล็กครูดกับพื้น ดังขึ้นในเวลาเช้าตรู่ นีรนาทเหลือบมองและเธอร่ำร้องขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าในใจเสียงอื้ออึง....มีคนออกมาจากบ้านหลังนั้น เขาอยู่ในชุดวอร์มหนาๆ และกำลังวิ่งเหยาะๆ ตรงมายังทิศที่นั่งซุกตัวอยู่
ดิมิททรีผงะหลบ จู่ๆ ก็มีใครบางคนวิ่งมายืนขวางหน้าเขา ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น และรอดูทีท่าจากฝ่ายตรงข้าม ที่เขาประเมินท่าทางแล้วไม่เท่าไร เมื่อคนๆ นั้นรูปร่างผอม!! แม้จะอยู่ในเสื้อโค๊ทขนาดใหญ่
“ต้องการอะไร? คิดจะปล้นเหรอ” เขาถามเมื่ออดใจไม่ได้ นัยน์ตาคมหรี่ลงและเริ่มหงุดหงิดเมื่ออีกฝ่ายยังนิ่งเฉย
“คิดดีแล้วเหรอไอ้หนู? งานสุจริตมีเยอะแยะทำไมไม่คิดทำ” เสียงฉุนๆ เอ่ยออกมาจากปากสีแดงสด
“เปล่า!! ไม่ได้คิดจะปล้น แค่อยากขอร้องค่ะ” เสียงอ่อนๆ มันแสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจผิด ไม่ใช่ ‘ไอ้หนู’ แต่เป็น ‘อีหนู’
“แล้วต้องการอะไร? มายืนขวางทางทำไมแต่เช้า ถ้าเจตนาดีก็น่าจะแจ้งผ่านเลขาฯ ของฉันนะ” มันอดไม่ได้ที่จะตำหนิเมื่อเจ้าตัวทำอุกอาจเหมือนคนที่ประสงค์ร้าย
“นีชาไม่คิดว่าคุณจะอนุญาตให้พบหรอกค่ะ นีชาก็เลยมารอ”
“รอ...อย่าบอกนะว่าเธอมารอฉันอยู่ตรงนี้!! แล้วถ้าฉันไม่ออกมาล่ะเธอจะทำยังไง” ดิมิทรีไม่ได้เป็นห่วงผู้หญิงคนนี้สักนิด เขาแค่ไม่อยากให้เกิดเรื่องร้ายๆ ที่หน้าบ้าน เพราะมันจะทำให้ทัศนวิสัยของคฤหาสน์เสียหาย หากมีคนจรจัดหนาวตายหน้าคฤหาสน์ เบนิคอฟ!!
“ค่ะ นีชามีเรื่องต้องเจรจากับคุณดิมิทรีอย่างเร่งด่วน”
“เห้อ!! เรื่องอะไร อย่าบอกนะว่ามาขอสตางค์” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจแรง เขาหมดอารมณ์ที่จะออกไปวิ่งเรียกเหงื่อเมื่อมีคนกวนใจและกำลังทำให้เขาเริ่มรำคาญ
“เปล่าค่ะ นีชาอยากคุยเรื่องที่มีคนขู่วางระเบิดห้างสรพสินค้าของคุณ”
“อ๋อ!! เรื่องนั้น มันจบแล้วนี่ จับคนร้ายได้แล้วไอ้หมอนั่นกำลังจะได้รับผลของการกระทำ คงนอนคุกยาวเชียวแหละ” ชายหนุ่มพูดจบ เขาก็หมุนตัวกลับเพราะไม่อยากต่อปากต่อคำกับคนแปลกหน้า
นีชาพุ่งพรวดเธอวางมือบนแขนแข็งแรงและวิงวอนเสียงสั่นพร่า “เขาเป็นพ่อนีชาค่ะ ได้โปรดอย่าเอาเรื่องท่านเลยนะคะ ท่านทำไปเพราะคาดไม่ถึงว่าจะได้รับโทษทัณฑ์หนักขนาดนี้”
“พ่อ!! ไอ้ขี้เมาอ้วนๆ นั่นมีลูกสาวด้วยหรือ?” เป็นคำเปรยๆ ที่ไม่ได้รอคำตอบ
“ได้โปรดนะคะ คุณตำรวจบอกว่าหากเจ้าทุกข์ไม่เอาเรื่องพ่อก็จะถูกปล่อยตัว เพราะเป็นแค่คำขู่ไม่ได้ลงมือจริง”
“คงไม่ได้หรอกนะเด็กน้อย ผิดก็ต้องว่าตามผิด พ่อของเธอล้ำเส้นเกินไปหน่อย ไม่อย่างนั้นจะมีคนเอาเยี่ยงอย่าง หากวันหลังมีการข่มขู่แบบนี้ขึ้นจริงๆ แล้วคนของฉันคิดว่าพ่อเธอทำล่ะ เขาไม่สนใจจะตรวจสอบ เกิดระเบิดขึ้นมาจริงๆ ใครจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้” ชายหนุ่มสะบัดแขน เขารังเกียจความสกปรกที่เกาะติดตามเนื้อตัวของอีกฝ่าย ก่อนจะกระเทิบถอยหลังหนี
“แต่...พ่อไม่ได้ตั้งใจ”
“ใครก็อ้างได้ว่าไม่ได้ตั้งใจ หากฉันอนุโลมให้ มันก็จะต้องมีครั้งต่อไปแน่ๆ ฉันรู้สันดานคนอย่างพวกเธอดี!!” ชายหนุ่มส่ายศีรษะ เขาพูดช้าๆ ชัดๆ มุมปากได้รูปเหยียดยิ้มหมิ่นๆ และหวังว่าเจ้าหล่อนจะเข้าใจ
“นีชาจะดูแลแด๊ดเอง จะไม่ให้แด๊ดมาวุ่นวายที่ห้างสรรพสินค้าของคุณอีก”
“หากเธอดูแลเขาดี มันคงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้หรอก พอเถอะ อย่าพยายามอีกเลย กฎต้องเป็นกฎ”
“แต่...”
“ไม่มีแต่!! พอแค่นี้ล่ะ ฉันขอตัว”
“คุณอยากให้นีชาทำอะไรให้ นีชายอมทุกอย่าง ขอร้องเถอะค่ะ...ได้โปรดปล่อยแด๊ดนีชานะคะ อย่าให้เขาต้องเข้าไปอยู่ในที่แบบนั้นเลย” ร่างผอมบางรูดลงไปกองที่พื้น เธอวิงวอนชายหนุ่มเสียงสั่นพร่า หยดน้ำตาไหลปร่าอาบผิวแก้ม และแหงนหน้ามองชายหนุ่ม
แสงอ่อนๆ ของพระอาทิตย์ยามเช้าแม้จะหม่นมัวเพราะก้อนเมฆบดบัง แต่มันก็สว่างพอจะเห็น ยัยเด็กนี่นัยน์ตาสวย ผิวแก้มอมสีชมพูระเรื่อ ขนตายาวเป็นแพเหมือนปีกผีเสื้อ รวมๆ แล้วก็หน้าตาดีไม่ใช่เล่น แต่...ที่สำคัญเธอทำให้เลือดลมเขาพุ่งพล่านและรู้สึกเป็นผู้ชนะกำลังกุมอำนาจล้นเหลืออยู่ในมือ“คนอย่างเธอจะมาทำอะไรให้ฉันได้ ฉันมีทุกอย่างเพียบพร้อม ไม่เคยต้องการอะไรจากคนอื่นๆ” ชายหนุ่มยกยิ้มหมิ่นๆ มุมปาก เขาหมุนตัวกลับเตรียมจะเดินหนี แม้จะติดใจหน้างดงามปานนางฟ้าของเจ้าหล่อนก็ตาม“ขอร้องเถอะค่ะ!! จะเอานีชาไปต้มยำทำแกงที่ไหนเมื่อไรก็ได้ ขอแค่คุณปล่อยแด๊ดนีชา” เสียงวิงวอนแหบพร่า เรือนกายสั่นระริกไม่ใช่เพราะความหนาวแต่เป็นเพราะกำลังร่ำไห้อย่างหนักที่ไหน? เมื่อไร ยังไงก็ได้รึ? ความจริงผู้หญิงที่อยู่รายรอบตัวของเขาก็มีไม่ใช่น้อย ไม่จำเป็นต้องมาคว้าผู้หญิงข้างทางขึ้นมาเป็นนางบำเรอนี่นะ แต่มันก็น่าสนใจไม่ใช่น้อยไม่ใช่รึ ผู้หญิงตรงหน้านี่ดูท่าจะยังสดสะอาด แม้จะดูสกปรกมอมแมมแต่หลังเปลื้องผ้าเก่าๆ ปอนๆ นั้นออก เธอคงงดงามไม่ใช่เล่น...“ตามมา... เข้าไปคุยข้างในดีกว่า ของนอกนี่มันหนาว อีกอย่างฉันยังไม่อยากเป็นข่าว” ช
บทที่3.หิมะกับผ้าห่ม“กลับมาแล้วโว้ย...นีชาอยู่ไหนลูก” อีวานเดินเข้าบ้าน เขาส่งเสียงโวยลั่น เขาทรุดนั่งบนเก้าอี้เก่าๆ ตัวหนึ่ง ส่งเสียงเรียกบุตรสาวเพราะจู่ๆ ก็ถูกปล่อยตัวออกมาจากที่คุมขังเงียบ...ไม่มีเสียงตอบกลับอีลูกเวรนั่นไปมุดหัวอยู่ที่ไหน? ทำไมไม่มาสนใจคอยดูแลเขาเลย...“อีเด็กเปรตนั่นหายหัวไปไหนวะ กูหิวเหล้าจะตายอยู่แล้ว” เขาก่นด่าออกมาเสียงแข็ง จะซื้อเหล้าเข้ามาเอง ในกระเป๋ากางเกงก็ไม่มีเศษเงินสักสตางค์ จึงจำใจซมซานกลับมาบ้าน แต่ก็ยังไม่ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการเสียที ร่างอวบท้วมเดินรื้อของภายในบ้านเพื่อค้นหาเศษสตางค์ไปหาซื้อเหล้ามาล้างปาก ไอ้เศรษฐีเจ้าของห้างจู่ๆ มันก็ใจดีขึ้นมา ไม่เอาเรื่องเอาราวที่เขาไปก่อไว้ ไอ้ตำรวจหน้าโง่ทั้งสถานีจึงปล่อยตัวเขากลับบ้าน...“เจอแล้วอีลูกเวรแอบซุกเงินไว้นี่เอง” ชายสูงวัยที่มัวเมาอยู่ในโลกน้ำเมาไม่สนใจความเหนื่อยยากของบุตรสาว นีรนาทสู้อุตส่าห์เก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ไว้ใช้จ่ายเกี่ยวกับการเรียน นอกเหนือที่จับจ่ายภายในบ้าน แต่ก็ยังถูกอีวานฉกเอาไปอยู่ดีเขาเปิดประตูบ้านเดินฝ่าความหนาวเย็นเพื่อไปร้านเหล้า...และจะกลับมานอนซุกตัวอยู่ในบ้านกินเหล้าเปรม
“ใจเย็นๆ นีชา ไม่ต้องกลัว ไม่ถึงตายหรอกแค่เสียตัวเอง” เธอกล่าวปลอบใจตัวเอง เป็นคำพูดหยามหยันที่ได้ยินได้ฟังยังเจ็บจี๊ดๆแปลก!! รถยนต์จอดสนิทหน้าตึกสูงระฟ้า ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้า ‘เบนิคอฟมอลล์’ เท่าไร เธอแหงนมองตัวตึกสูงระฟ้า เกล็ดหิมะล่วงหล่นใสหน้าจนรู้สึกเย็นจับขั้วหัวใจ“เชิญครับมิส!! ทางนี้ครับ” ชายชุดดำที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม เขาผายมือบอกทางให้กับนีรนาท แล้วจึงเดินนำหน้า สายตาหลายคู่เหลือบมองผู้หญิงคนหนึ่งที่การแต่งตัวขัดกับสถานที่ เสื้อเก่าๆ ปอนๆ การแต่งกายที่ไม่เหมาะกับสถานที่โอ่อ่าและมันทำให้นีรนาทรู้สึกอาย หน้าเธอร้อนฉ่าด้วยความอายสุดขีดประตูลิฟต์ปิดลง ช่วยให้เธอหายใจหายคอสะดวกขึ้น เธอเหม่อมองทิวทัศน์ผ่านกระจกใส ที่เคลื่อนที่ขึ้นไปยังจุดหมาย ทุกอย่างรอบตัวมีแต่ความเงียบและความเงียบ ผู้ชายที่นำเธอมาเหมือนหุ่นยนต์มากกว่าคนมีชีวิต เขาทำงานตามคำสั่งมหาอำนาจด้วยความแข็งขัน หน้าเย็นชาและไร้จิตใจแบบสิ้นเชิง“มิสต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำความสะอาดร่างกายก่อนครับ ผมเตรียมทุกอย่างไว้ในห้อง มิสมีเวลา สามสิบนาที ก่อนที่ท่านจะมาถึง”นีรนาทฟังเงียบๆ เธอไม่ได้แย้งหรือทักท้วง หลังพูดจบ
“ปะ... ปล่อยค่ะ...เอ่อ...นีชายังไม่เคยแต่ปล่อยนีชาก่อนได้ไหมคะ...นะคะ ให้เวลานีชาทำใจบ้าง...”“หึ หึ ฉันให้เวลาเธอมาทั้งวันแล้วเด็กน้อย ฉันคิดว่าเธอน่าจะพอทำใจได้บ้างแล้วนะ”“ค่ะ...เอ่อ นีชายอมคุณทุกอย่างอยู่แล้วค่ะ แค่ขอเวลาเพื่อทำใจบ้างเท่านั้นเอง”“แน่ใจเหรอเด็กน้อย ว่าเธอต้องทำใจ!!”ดิมิทรีชะโงกเข้าไปถามใกล้ๆ ใกล้เสียจนลมหายใจร้อนๆ ของเขาเป่ารดปลายจมูกเชิดโด่ง อยู่ๆ ในช่องท้องหญิงสาวก็ปั่นป่วน มันปวดมวนจนต้องรีบเบี่ยงหน้าหนี หน้าหวานแดงก่ำร้อนฉ่าและผิวแก้มคงขึ้นสีจัดมารยาผู้หญิงดิมิทรีเห็นมามากมาย จนไม่คิดว่าจะมีมารยาแบบไหนที่เขาไม่เคยคุ้น แต่...สิ่งที่เห็นตรงหน้า เป็นความแปลกแตกต่างที่เคยเจอ ผู้หญิงคนนี้มีอะไรบางอย่างไม่เหมือนกับที่เขาเคยเจอเป็นประจำ เธอมีความหวั่นกลัว และขลาดเขลาอ่อนแอ แต่เธอก็ยังเชิดหน้าสู้ แม้ร่างกายจะสั่นระริกเพราะความกลัว มันทำให้หัวใจหนุ่มแน่นเต้นแรง เพราะรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่า มันเหมือนกับว่าเขากำลังกำหนดชะตาชีวิตของใครคนหนึ่ง และมันหมายถึงชนะ!!ร่างสั่นระริกในอ้อมแขน กลิ่นสาปสาวส่งกลิ่นหอมยวนใจ จนหัวใจพญาหมีขาวแห่งขั้วโลกเหนือเต้นพล่าน...เขาจะอุทิศตัว
ปลายยอดสีสุกปลั่งถูกอุ้งปากร้อนชื้นอ้างับ เขาดูดซึมความหวานฉ่ำและนุ่มหยุ่นเต่งตึง ฝ่ามือร้อนๆ เคลื่อนที่เขาครอบครองเต่งเต้าข้างที่เหลือ เขาเคล้นคลึงด้วยความพอใจ บีบบี้เหมือนกำลังนวดคลึงแป้งทำขนม ที่แน่นหนึบติดฝ่ามือแต่นุ่มเนียนละมุน ความรู้สึกหวามไหวไหลปร่าแผ่กระจายทั่วทุกตารางนิ้วของผิวกาย นีรนาทเกือบหลุดเสียงครางแปลกๆ น่าอายหลายต่อหลายครั้ง เมื่อรู้สึกสยิวซาบซ่านยามที่ถูกโลมลูบตามเนื้อตามตัว ทั้งๆ ที่ตั้งใจมั่นว่าจะไม่คล้อยตาม เขาอยากทำอะไรก็ปล่อยตามใจโดยที่เธอจะเฉยชาเป็นการสนองตอบ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ร่างกายของเธอแทบจะลุกเป็นไฟ ยามเมื่อถูกฝ่ามือใหญ่ๆ ลูบไล้สัมผัส ให้ตายเถอะ!! เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะถูกปลุกง่ายดายได้ถึงเพียงนี้ กระแสไฟอ่อนๆ วิ่งพล่านทั่วทั้งตัวมันจุดประกายบางอย่างที่เธอไม่เคยรู้ และมันกำลังทำให้เธออยากรู้สิ่งต่อไปที่กำลังจะมาถึง!!ชายหนุ่มสัมผัสความเต็มตึงด้วยความพึงใจ ยิ่งลูบไล้ยิ่งสัมผัส ทุกสิ่งอย่างล้วนถูกใจ จึงเดินหน้าเต็มกำลัง...เสียงคราวผะแผ่ว ดังรอดออกมาจากกลีบปากที่เม้มแน่น ตั้งแต่ความซ่านเสียวสาดใส่จนคนใจแข็งก็ยังลืมตน ดิมิทรียกยิ้มมุมปาก เขาพรมจุมพิตหนัก
บทที่4.เปลวไฟพิศวาสมือแข็งแรงยกชายชุดเดรสสีขาวขึ้นจรดปลายจมูก หลุบเปลือกตาลง แล้วสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่โชยออกมาจากเสื้อตัวนั้นเข้าปอดลึกๆ กลิ่นหอมหวานนั้นปะปนแผ่วเบารวมกับกลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเขานั่นเองแม้กลิ่นจะเบาบางเพราะนีรนาทสวมไว้ไม่นาน แต่ดิมิททรีกลับสัมผัสได้อย่างชัดเจน เพราะกลิ่นนี้ เขาเพิ่งซุกไซ้สูดดมแบบคลั่งไคล้ เมื่อสักครู่ที่ผ่านมานั่นเอง เสียงทุ้มครวญครางเรียกหาเจ้าของกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ตราตรึงใจนั้นแผ่วเบาทว่าอ่อนหวานยิ่งนัก“นีชา...”ชายหนุ่มสะดุ้งโหย่ง!! เขารีบเหวี่ยงชุดเดรสในมือทิ้งไป สายตาคมกวาดมองรอบห้องที่เงียบผิดปรกติ หลังจากใช้เวลาทำใจพักใหญ่ในห้องน้ำเกือบสิบนาที“ไปไหนนะ?” ดิมิทรีรำพึงแผ่วๆ แต่ก็ไม่หยุดมองหาเจ้าของกลิ่นที่ทำให้เขาว้าวุ้นใจ เมื่อแม้แต่การป้องกันตัว ยังลืม!!ดิมิทรีเดินหาเจ้าหล่อนทั่วห้อง ไม่เห็นแม้แต่เงา? และตอนนี้เขากำลังโกรธจัด!! รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีความหมาย ถูกผู้หญิงทิ้งไปแบบไม่ให้ตั้งตัว ที่สำคัญเขายังไม่อิ่ม!! แต่ตกใจตัวเอง เลยขอถอยไปตั้งหลักก่อน...“พวกแกปล่อยเธอไปงั้นเหรอ!! ใครสั่งวะ?” อารมณ์เดือดพล่านวิ่งตามกระแสเลือดและมันเป็นครั้งแรก
“คุณดิมิทรีฝากมาให้...ผมเป็นคนของเขา” นีรนาทเกือบทิ้งกระดาษชิ้นนั้นไปแล้ว เพราะเธอคิดว่าหนุ่มๆ พวกนี้คงจะมาแนวเดียวกันคือการให้เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของเขามอบให้กับเธอ แต่มันผิดคาด เมื่อชื่อของคนๆ นั้นผ่านริมฝีปากหนาหยักนั่นมา...เธอแอบคลี่กระดาษเปิดอ่าน ถ้อยคำที่ผู้ชายร้ายกาจฝากมาถึง...มือสั่นระริก เมื่อตัวอักษรนั้นย้ำให้เธอรู้สึกด้อยค่า“ถ้าเกิดอะไรขึ้น ‘ฉัน’ จะไม่รับผิดชอบใดใดทั้งสิ้น เพราะฉันถือว่าจ่ายค่าตัวให้เธอแล้ว แต่เธอปฏิเสธเอง”มันเป็นสิ่งที่เธอกลัวเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไปเรียกร้องความรับผิดชอบจากเขานี่ เธอก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกันนะมือสั่นระริกกำกระดาษจนเป็นก้อนกลมๆ ก่อนจะขว้างทิ้งด้วยความโกรธจัด!! เธอไม่เคยคิดจะสักนิด หากเกิดขึ้นจริงๆ เธอก็จะเลี้ยงดูเขาเองเมื่อเขาเป็นเลือดก้อนหนึ่งของเธอเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในชีวิตที่มีค่ากว่าที่ผู้ชายใจร้ายคนนั้นจะคาดถึงนีรนาทฝืนใจกลับไปทำงาน เธอปัดความรู้สึกกังวลทิ้งไป พยายามที่จะไม่ใส่ใจเมื่อสิ่งที่กลัวยังไม่เกิดขึ้นเสียหน่อย... เธอยังต้องกินต้องใช้ หากมัวแต่กลัวใครจะหาเงินค่าใช้จ่ายในบ้าน เมื่อบิดาไม่สามารถพึ่งได้เหมือนคนอื่นๆ
บทที่5.ทาสสาวฉ่ำหวาน‘ความร้อนรุ่มที่ได้รับจนแทบทะลักล้นอก กว่าจะรู้ตัว ผู้หญิงคนนั้นก็เขามาแอบอยู่ในซอกมุมหนึ่งของหัวใจเขา... รสสวาทหวานล้ำยังตราตรึงฝังแน่นอยู่ในใจ อยากจะกลับไปลิ้มรสหวานฉ่ำนั้นอีกครั้ง แต่หล่อนกลับเล่นตัว เธอยอมเพราะความจำใจ ไม่ได้เพราะความเสน่หา’ดิมิทรีกระวนกระวาย รสสวาทที่ได้รับเพียงครั้งเดียวยังตราตรึงใจ อยากชิมรสหวานหอมนั่นอีกครั้ง แต่ทำไม่ได้ มันทำให้เขากระสับกระส่าย วนเวียนหาที่ระบายออก แต่...ไม่เคยทำได้สำเร็จสักที เพราะไม่ว่าจะหาใครมาแทนที่นีรนาท เขาก็ไม่ได้รับรสชาติหวานล้ำแบบนั้นเลยสักครั้งหลังจากกระวนกระวายอยู่หลายวัน ดิมิทรียอมอาย!! เขาบัญชาการการ์ดส่วนตัวให้ไปเชื้อเชิญนีรนาทมาหาตัวเองอีกครั้ง และครั้งนี้ไม่อั้น หากหล่อนยังเล่นตัวเหมือนเดิม ค่าตัวแพงแสนแพงเขาสู้ไม่ถอย!!3 ชั่วโมงผ่านไป...ชายหนุ่มรุ่มร้อน เขานั่งไม่ติดเก้าอี้ เดินพล่านไป...พล่านมาเหมือนมีหนอนตัวเล็กๆ มาชอนไชอยู่ใต้ฝ่าเท้าก๊อกๆ...“เข้ามาสิวะ เคาะประตูทำห่าอะไร ชักช้าฉิบหาย!!” ยิ่งกำลังอารมณ์ไม่ดีบรรดาลูกน้องดันเสือกมีมารยาทเสียอีก“เป็นอะไรไปลูก หงุดหงิดเรื่องอะไรกันจ๊ะ เสียงเขียวเชียว”
“ผมว่าคนที่ปรับตัวไม่ได้ น่าจะเป็นนีชามากกว่านะครับ อย่าพยายามหนีผมเลย เราน่าจะทำความรู้จักกันให้มากกว่าเดิม” ชายหนุ่มเอื้อมจับข้อมือเรียวบางไว้ เขาพูดช้าๆ แต่แววตาพราวระยับจนหัวอกหัวใจของนีรนาทสั่นไหว“เราสองคนไม่มีอะไรต้องปรับต้องจูนเข้าหากันค่ะ เราเป็นคนแปลกหน้าที่แค่มี ‘ลูก’ ด้วยกันแค่นั้น อย่าดึงนีชาไปเกี่ยวข้องกับคุณ ปล่อยเราสองแม่ลูกไปตามทางของเราเถอะค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงอ่อนๆ เธอรู้ดีว่าความหวังมันเป็นความทรมานอย่างหนึ่ง เมื่อมีหวังและอยากคว้ามาครอง แต่ในความเป็นจริงมันสูงสุดเอื้อมมือคว้า เพราะเขาลอยอยู่บนฟ้า ในขณะที่ตัวเองลอยเรี่ยๆ ติดพื้นดิน“คนแปลกหน้าที่มี ‘ลูก’ ด้วยกัน ก็แสดงว่าครั้งหนึ่งเราสองคนไม่ได้เป็นคนแปลกหน้ากันนี่ครับ เราชิดใกล้และแนบสนิท และหากผมต้องการแบบนั้นอีกครั้งเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเราในแน่นเฟ้นขึ้น ดีไหมครับ?” เป็นคำถามที่ดิมิทรีไม่ต้องการรอคำตอบเขาปฏิบัติการจู่โจมเพื่อกระชับพื้นที่ ร่างใหญ่หนาพลิกตัวกลับจากท่าทางเดิม คือนอนแผ่กลางเตียงมาคร่อมร่างบอบบางเอาไว้ เธอพยายามผลัก
มาดามโรสรีบชักมือกลับ เชิดปลายคางขึ้น เสยกแก้วชาที่ทิ้งไว้ขึ้นมาจิบแก้อาการขัดเขิน...“ที่นี่ใหญ่กว่าบ้านเก่าของดีม่านับสิบเท่าค่ะ ดีม่ามาอยู่เกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว ยังวิ่งไม่ทั่วบ้านเลยค่ะ” จอมแสบพูดแจ้วๆ ถึงจะไม่ได้รับความสนใจจากหญิงสูงวัยแต่เจ้าตัวสนใจที่ไหนยังพูดคุยไม่หยุด สลับกับกัดขนมในมือกินเพลินๆ“ชอบสินะ...”“ค่ะ...ชอบมากกกกกก คุณย่าเหงาไหมคะ ถ้าเหงาดีม่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนบ่อยๆ”“เห็นแก่กินล่ะสิ...ถ้าฉันไม่มีของกินจะมาหาไหมล่ะ” นางปล่อยตัวตามสบาย คลายอาการเกร็งไปเกือบครึ่ง“เปล่าค่ะ...แต่คุณย่าตาดุ๊ดุ!! ดีม่ากลัวค่ะ”“ถ้ากลัว แล้ววันนี้ทำไมถึงกล้าล่ะ”“แหะๆ ดีม่าหิวค่ะ ขนมก็ห๊อมหอมมมม”“เห็นไหมล่ะ เรานะเห็นแก่กิน ตัวบวมๆ เดี๋ยวโตไปไม่สวยนะรู้ไหม?”“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่สวยก็อยู่กับคุณย่าไงค่ะ อยู่นานนนนนนน” เด็กหญิงฉีกยิ้ม กางมือกว้างๆ อธิบายช่วงเวลาประกอบคำพูดตัวเองมาดามโรสคลี่ยิ้มอ่อนๆ เจ้าตัวเล็กนี่ชั
บริเวณสวนหย่อมร่มรื่น เนื่องจากเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ อากาศเริ่มอุ่นขึ้นและดอกไม้ใบหญ้าเริ่มผลิดอกออกใบ ดอกไม้เบ่งบานส่งกลิ่นหอมรวยริน สายลมเย็นๆ พัดโชย ช่วงเวลาบ่ายคล้อยจึงไม่ร้อนมากนักกลิ่นขนมอบลอยฟุ้งผสมกับกลิ่นน้ำชาหอมๆ จนแม้แต่เด็กน้อยที่วิ่งเล่นอยู่ไกลๆ ยังได้กลิ่น นัชชาวีทำจมูกฟุดฟิต เจ้าหล่อนสูดกลิ่นหอมๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศและเริ่มชักชวนลูกสมุนเดินตามหาต้นตอของกลิ่นหอมๆ นั้น ท้องเล็กๆ ร้องโครกคราก น้ำย่อยเริ่มทำงานจนน้ำลายในปากไหลย้อย“หอมขนมเนอะ ป้าแม่ครัวทำอะไรให้ทานเนอะวันนี้ ไปดูกันเร็ว!!” ร่างกลมป้อมออกวิ่งเหยาะๆ ตามกลิ่นขนมที่เจ้าตัวชื่นชอบ จนถึงสวนหย่อมด้านข้างที่มีเก้าอี้เหล็กสวยๆ ตั้งไว้นั่งพักผ่อน“ชะอุ้ย!!” ริมฝีปากสีสดแบะออก และรีบถอยหลังกรูดๆ เมื่อเห็นคนที่น่ากลัวอยู่ตรงนั้น สายตาของ ‘คุณย่า’ มองเธอแบบเฉยชา จนขยาดที่จะเข้าใกล้ แต่ว่า...ถาดขนมนั้นน่าสนใจ!! ทำไงดีนะดีม่า ทำยังไงจะได้ชิมขนมในถาดนั้นโดยไม่ถูกคุณย่าดุ...จอมเจ้าเล่ห์เร่งคิดหาทางแบบเร่งด่วน ดวงตาสุกใสมองขนมสีสวยในถาดตาเป็นมัน!!มาดามโรสยกแก้วชา
“ครับผมไม่เถียงเรื่องในอดีต แต่ในอนาคตนี่ ผมอยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้ ‘ลูกสาว’ ของผมเห็น ไม่อยากให้เธอรู้สึกไม่ดีกับเพศชายตั้งแต่อยู่ในบ้าน”“สมัยนี้ไม่มีคนถือเรื่องนั้นแล้วล่ะ ขอแค่มีเงินเลี้ยงดูได้ จะมีเมียหลายๆ คนคงไม่มีใครกล้าว่า”“แต่ผมถือครับ ...ครอบครัวผมไม่นิยมการมีภรรยาหลายคน”“สรุปก็คือเธอจะเบี้ยวงั้นสิ ฉันก็คงไม่ยอมให้ลูกสาวเสียชื่อฟรีๆ หรอกนะ คงรู้ใช่ไหม? ว่าฉันมีอำนาจแค่ไหน”“ครับ...พอรู้ แต่...”“อะไร!! จะเล่นแง่อะไรอีก เธอเจ้าเล่ห์กว่าที่ฉัดคิดไว้ แต่เรามันคนละรุ่นกัน ชั้นเชิงคงไม่ต้องบอกใช่ไหม!!”“ครับ ผมรู้ว่าท่านเขี้ยวเล็บเยอะ...แต่ผมก็ไม่ได้ด้อยกว่านี่ครับ” ชายหนุ่มพูดเสียงกระหึ่ม เขาไม่ยอมลงให้อันโตนอีกต่อไป เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมฟังอะไรทั้งสิ้น“อวดดี...อวดดีให้ถึงวันนั้นก็แล้วกัน เราคงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก เธอกลับไปเถอะ”“ครับ ผมขอให้ท่านคุยกับอันนาก่อน หากท่านคิดจะทำร้ายครอบครัวผม ผมค
บทที่16.เบนิคอฟกับคเซนเนีย ดิมิทรีปรากฏตัวที่หน้าตึกคเซนเนีย เขาเดินเข้าไปภายในอาคาร เหยียบถิ่นของอันนาครั้งแรกเพื่อต่อรองกับหญิงสาวเกี่ยวกับเรื่องร้ายๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้น!! และดูเหมือนว่าอันนาจะเตรียมตั้งรับไว้แล้ว เธอลงมาชั้นล่างพร้อมกับบิดา วงหน้าสวยเฉี่ยวเรียบตึง “ยินดีต้อนรับดิมิทรี ลุงไม่เจอเรานานเท่าไรแล้วนะ” ด้วยประสบการณ์ที่คร่ำหวอดอยู่บนถนนธุรกิจมายาวนานนับสิบปี อันโตนวางสีหน้าเฉยชาได้แบบแนบเนียนกว่าบุตรสาว “ไม่นานเท่าที่ท่านคิดหรอกครับ ผมพบท่านตามงานสังคมบ่อยๆ เพียงแต่ไม่ได้เข้าไปทักทาย” ดิมิทรีเองก็ไม่ได้ด้อยกว่าเขาเก็บความโกรธไว้ใต้สีหน้าเฉยชา “ไปๆ ขึ้นไปคุยที่ห้องลุงดีกว่า เราสองครอบครัวไม่ใช่คนอื่นคนไกลกัน ไปอันนาไป พาพี่เขาไปก่อน ขอพ่อไปทำธุระสักครู่แล้วจะตามไป
“เป็นไงบ้างล่ะ พอจะบอกได้หรือยังว่าใครจ้างวานแกมา” เสียงทุ้มนุ่มถามช้าๆ พร้อมกับแสงไฟสปอร์ตไลท์ที่ฉายแสงส่องหน้าเขา ผ้าคลุมถูกดึงออกไป เขาจึงได้แต่หยีตาสู้แสงไฟ...“จะฆ่าจะแกงก็เชิญ เราไม่คิดจะเปิดปากบอกใคร?”“อืม...ดีซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ใช้ได้ แต่มันจะดีกว่าไหมถ้าสามารถรักษาชีวิตตัวเองไว้ได้ ดีกว่าเอามาทิ้งเพราะคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ฉันจะไม่บอกใครว่าพวกแกพูด ฉันอยากรู้แค่นั้นว่าใคร? จ้องทำร้ายเมียกับลูกฉัน” ดิมิทรีข่มอารมณ์แทบแย่ เขาต้องรู้ให้ได้ว่าใคร? เป็นคนสั่งการและหากเป็นคนๆ นั้นจริงๆ เขาจะเอาคืนให้หนัก เพราะดูจะใจร้ายเกินไปหน่อยถึงกับฆ่าแกงกันเหมือนชีวิตไม่มีค่า“ตามสบาย...อยากทำอะไรก็เชิญ” มันตอบกลับเสียงสะบัด และผินหน้าหนีแสงไฟ“แน่ใจเหรอที่พูด หากฉันทำขึ้นมาจริงๆ แกจะเสียใจนะ เพราะใคร? ก็ตามที่ทำร้ายครอบครัวฉัน ไม่ว่าจะใคร? มันไม่สมควรมีชีวิตรอด” ดิมิทรีหยัดกายลุกขึ้นยืน เขาพอจะเดาได้ว่าใคร? แต่อยากได้ยินชัดๆ เพื่อจัดการกับตัวการ แต่ถ้ามันไม่ปริปากพูดก็คงต้องกำจัดทิ้งให้สิ้นซาก&ldqu
มาดามโรสพูดจบก็ลุกขึ้น เธอยิ้มอ่อนๆ ส่งให้สาวว่าที่คู่หมายลูกชาย แต่...คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เมื่ออันนารู้สึกจะคิดน้อยไปหน่อย ทำตามใจตัวเองและเอาอารมณ์เป็นใหญ่ จนเธอกลัวว่าเจ้าตัวจะพาความเดือดร้อนมาให้ การจะยืนยงและยิ่งใหญ่อยู่เหนือคนอื่นๆ ได้ต้องไม่มีจุดอ่อนให้คนจากภายนอกโจมตี แต่เธอเห็นข้อด้อยในตัวของหญิงสาวผู้นี้เยอะแยะ หลังจากเกิดเรื่องขึ้น...เห้อ!! น่าเสียดาย...“อันนาไม่ยอมจบแค่นี้หรอกคะ ข่าวแพร่ออกไปแล้ว อันนาเสียชื่อหากไม่ได้แต่งงานกับดิมิทรี...เพราะฉะนั้นอันนาต้องทำ” หญิงสาวกำมือแน่น ไฟโทสะลุกพรึ่บในดวงตาคู่งาม เธอไม่เคยถูกตบหน้าด้วยถ้อยคำหยามหยัน เหมือนดังเช่นที่มาดามโรสกำลังทำ คำตำหนิที่พูดเหมือนหวังดี แต่ที่ไหนได้ ผู้หญิงสูงวัยคนนั้นด่าเธอปัญญาอ่อน หาว่าไม่รู้จักคิดให้ดีก่อนทำ...ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นต้อยต่ำ และไร้เกียรติวิธีที่ดีที่สุดคือทำให้เจ้าหล่อนสูญหายไปไม่ใช่หรือ?“คุณพ่อคะ อันนาขอมือดีสัก3-4 คน อันนามีงานให้เขาทำ” เธอต่อสายหาบิดาและเปิดปากขอคนฝีมือดีๆ เพื่อกำจัดนีรนาทให้สิ้นซาก ในเมื่อเจ้าหล่อนกำลังทำให้เธอมีอุปสรรคชิ้นใหญ่
บทที่15.จุดแตกหัก‘นี่แหละ คนที่เค้ารอคอยมาทั้งชีวิต’ ดิมิทรีคิดในใจขณะที่ทอดสายตามองสองแม่ลูก นีรนาทและนัชชาวีลูกสาวสุดสวาท และเขาจะปกป้องเธอทั้งสองคน ไม่ให้อันตรายใดใดมากล้ำกลาย เด็ดขาด!!“นี่คุณจะบ้าเหรอ!! ให้เวลานีชาเก็บของสองวันแล้วย้ายไปอยู่บ้านคุณเนี่ยนะ...คุณคิดไปเองคนเดียวหรือเปล่าคะ” ขณะที่พูดใจเธอสั่นระรัวไปกับสายตาที่จริงจังของเขา กำลังมีเรื่องที่เธอไม่สมควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาด้วยซ้ำ เมื่อข่าวการหมั้นหมายระหว่าง ดิมิทรีกับอันนา กำลังเริ่มดังกระหึ่ม...“คุณคิดว่า ผมพูดเล่นอย่างนั้นเหรอนีชา ผมกำลังปกป้องครอบครัวของเรา อย่างเต็มความสามารถ...ในแบบของผม!!” ชายหนุ่มพูดฉุนๆ ดูเหมือนไม่มีใครฟังคำพูดของเขาสักคน‘บ้า… เค้าต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆๆ’ หญิงสาวคิดในใจ“ร้านคุณไฟไหม้ มันมีคนปองร้าย!! เพราะฉะนั้นคุณควรไปอยู่กับผม ผมจะให้คนของผมไปรับคุณกับดีม่ามาที่บ้านผม...”‘อ้าว’ ช่างเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองที่สุด เธอต้องพบเจอกับคน
“ครับ...ผมจะคุยกับมัมเอง...คุณอันนาช่วยอยู่เฉยๆ ได้ไหม? ครับเพราะผมคิดว่า...คุณเองก็คงไม่อยากเสียชื่อ หากเรื่องมันเตลิดไปไกลกว่าที่คิด ครั้งนี้ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นความต้องการของมัม และหากมีการเจรจา ทางคุณต้องไปคุยกับมัมเองเช่นกันครับ เพราะผมไม่ยอมตกบันไดพลอยโจนเด็ดขาด สื่อทำอะไรผมไม่ได้หรอกครับ หากคุณคิดจะใช้สื่อจริง ผมยอมเสียชื่อ แต่ไม่ยอมให้คนของผมเสียใจ” ดิมิทรีชี้แจงเสียงเย็นๆ เขาผุดลุกขึ้นยืนเหมือนกัน เพราะหาก ‘คเซนเนีย’ คิดจะใช้ลูกไม้นั้น โดยการยืมมือสื่อมาช่วย ด้วยการประโคมข่าวให้เขาตกเป็นจำเลยของสังคม เขาก็คงต้องสู้ไม่ถอยเช่นกัน“เหอะ...ก็ได้ค่ะ อันนาจะอยู่เฉยๆ แต่ถ้าเรื่องลุกลามไปไกล คุณต้องรับผิดชอบชื่อเสียงของอันนาด้วยนะคะ อันนาจะไม่ยอมเสียชื่อคนเดียวค่ะ”“ครับ...ผมจะรีบเคลียร์ให้เรื่องนี้จบลงเร็วๆ ขอให้ทางฝ่ายคุณใจเย็นๆ”อันนายอมถอยหลังกลับ แต่เธอไม่มีทางยอม เพราะเดิมพันครั้งนี้น่าสนใจ เธอจะได้ครอบครองดิมิทรีและเขี่ยผู้หญิงคนนั้นพ้นจากทางเดินของเธอ...“คุณพ่อคะ อันนาขอยืมคนมาช่วยงานสั