Share

บทที่3.หิมะกับผ้าห่ม 2

“ใจเย็นๆ นีชา ไม่ต้องกลัว ไม่ถึงตายหรอกแค่เสียตัวเอง” เธอกล่าวปลอบใจตัวเอง เป็นคำพูดหยามหยันที่ได้ยินได้ฟังยังเจ็บจี๊ดๆ

แปลก!! รถยนต์จอดสนิทหน้าตึกสูงระฟ้า ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้า ‘เบนิคอฟมอลล์’ เท่าไร เธอแหงนมองตัวตึกสูงระฟ้า เกล็ดหิมะล่วงหล่นใสหน้าจนรู้สึกเย็นจับขั้วหัวใจ

“เชิญครับมิส!! ทางนี้ครับ” ชายชุดดำที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม เขาผายมือบอกทางให้กับนีรนาท แล้วจึงเดินนำหน้า สายตาหลายคู่เหลือบมองผู้หญิงคนหนึ่งที่การแต่งตัวขัดกับสถานที่ เสื้อเก่าๆ ปอนๆ การแต่งกายที่ไม่เหมาะกับสถานที่โอ่อ่าและมันทำให้นีรนาทรู้สึกอาย หน้าเธอร้อนฉ่าด้วยความอายสุดขีด

ประตูลิฟต์ปิดลง ช่วยให้เธอหายใจหายคอสะดวกขึ้น เธอเหม่อมองทิวทัศน์ผ่านกระจกใส ที่เคลื่อนที่ขึ้นไปยังจุดหมาย ทุกอย่างรอบตัวมีแต่ความเงียบและความเงียบ ผู้ชายที่นำเธอมาเหมือนหุ่นยนต์มากกว่าคนมีชีวิต เขาทำงานตามคำสั่งมหาอำนาจด้วยความแข็งขัน หน้าเย็นชาและไร้จิตใจแบบสิ้นเชิง

“มิสต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำความสะอาดร่างกายก่อนครับ ผมเตรียมทุกอย่างไว้ในห้อง มิสมีเวลา สามสิบนาที ก่อนที่ท่านจะมาถึง”

นีรนาทฟังเงียบๆ เธอไม่ได้แย้งหรือทักท้วง หลังพูดจบ ชายผู้นั้นก็ถอยหลังออกจากห้องหรูๆ ที่เขาพาเธอมาทิ้งไว้รอเวลาถูกเชือด!!

ปลายนิ้วเล็กๆ เกลี่ยไล้ไปตามผิวผ้านุ่มๆ ของชุดเดรสสีขาวมุก ที่วางพาดอยู่บนที่นอนหนานุ่มกว้างใหญ่ ขนาดคิงไซส์ สวย!! เธอยอมรับว่ามันสวยเท่าที่เธอเคยเห็น เพราะสิ่งจำเป็นของเธอไม่ใช่เสื้อผ้าแพรพรรณ เพราะในชีวิตของเธอต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่เด็กๆ สิ่งของฟุ่มเฟือยจึงไม่เคยอยู่ในความต้องการ แม้บางครั้งนึกอยากได้อยากมีตามประสาผู้หญิงบ้าง ก็ต้องตัดใจเพราะสภาพคล่องทางการเงินของเธอไม่มี ต้องเก็บออมสตางค์ที่หามาด้วยความยากลำบากเก็บไว้ใช้จ่ายเกี่ยวกับการเรียน ยิ่งแม่มาด่วนจากไปด้วยแล้ว ภาระหนักๆ เหล่านั้นตกลงมาอยู่บนสองบ่าเธอแทบทรุด เลยต้องตัดความต้องการส่วนตัว เอาสตางค์เหล่านั้นมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และดูเหมือนว่าจะละลายหายไปในขวดเหล้าเป็นส่วนใหญ่

เธอเหลือบดูเวลา แล้วจึงก้มหน้าก้มตาปลดชุดที่มีแต่คนดูถูกกองไว้ข้างตัว พับเก็บและซุกไว้ เธอไม่คิดจะทิ้ง!!

สายน้ำอุ่นซ่านโปรยหล่นมากจากฝักบัวขนาดใหญ่ เธอรีบอาบน้ำชำระล้างร่างกาย และเป็นการอาบน้ำครั้งแรกที่ตัวเองชุ่มฉ่ำและไม่ต้องประหยัดน้ำ เมื่อไม่ต้องเจียดเงินมาจ่ายค่าไฟและค่าน้ำ ผิวกายขาวผ่องเป็นประกาย หลังอาบน้ำล้างตัวอย่างชุ่มปอด เธอยกผ้าเช็ดผมสีดำนุ่มเนียน เหลือบสายตามองเวลา แล้วจึงถอนหายใจแรงๆ

เหลืออีก 10 นาที...ก่อนที่เธอจะถูกเชือด...

เวลากระชั้นและใกล้จะหมดลง มือที่กำลังวาดลิปสติกสีอ่อนๆ บนขอบปากสั่นจนเจ้าตัวยังรู้สึก แม้จะเตรียมใจกับการกระทำแบบนี้ของตัวเองมาบ้าง แต่เมื่อใกล้ถึงเวลาจริงๆ เธอนึกอย่างวิ่งหนีเหมือนกัน ทำไม? ต้องเป็นเธอที่ต้องมารับผิดชอบกับความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ทำไมคนที่ก่อเรื่องขยันสร้างเรื่องให้เธอต้องคอยตามแก้อยู่เรื่อย...ทำไมล่ะทำไม?

เสียงถามที่ดังก้องอยู่ในหัว มันมีคำตอบชัดที่เธอเองก็รู้อยู่แก่ใจดี เพราะบุญคุณค้ำหัว เพราะเขาเป็นผู้ให้กำเนิด เธอไม่มีทางปฏิเสธความจริงข้อนี้ได้ เธอก็ต้องก้มหน้าทนต่อไป!!

“แด๊ด...คงไม่ทำให้นีชาต้องสูญเสียอะไรอีกแล้วใช่ไหมคะ?” เป็นคำถามที่เธอก็รู้คำตอบดี ไม่มีทางที่อีวานจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เขาก็ยังคงทำตัวเช่นเดิม และเธอก็ต้องก้มหน้ารับกรรมต่อไป

หยดน้ำตาไหลผ่านร่องแก้ม เธอรีบยกมือขึ้นปาดทิ้ง สูดลมหายใจแรงๆ เชิดหน้าขึ้น ใครจะดูถูกก็ช่าง มันเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยบิดาได้ และมันเป็นสิ่งที่ดีที่ถูกต้องที่สุด ใช่ไหมล่ะ?

ทันเวลาแบบเฉียดฉิว หญิงสาวเหลือบมองเวลา แล้วจึงลุกจากหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอางใหม่แกะกล่อง แต่เธอใช้แค่แป้งพับกับลิปสติกแค่นั้น อย่างอื่นเธอใช้ไม่เป็น ทำได้แค่นี้จริงๆ

นีรนาทมองตัวเองผ่านกระจกเงา ผู้หญิงคนหนึ่งสวยงามและเต็มตรึงชวนมอง ผิวขาวผุดผาดเปล่งประกายสะท้อนแสงไฟ ชุดโปร่งบางและพลิ้วไหวยามที่ขยับตัว ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าเธอเปลี่ยนแปลงการแต่งตัวแค่นี้ เธอจะเปลี่ยนไปแบบน่าตกใจ และครั้งนี้คงเป็นครั้งเดียวที่เธอจะทำแบบนี้ เธอจะไม่ใส่เสื้อผ้าแบบนี้อีกตลอดชีวิต เพราะมันจะย้ำเตือนตัวเองให้รู้สึกอดสู

แกร๊ก...

เสียงประตูเปิดหลังจากที่เธอมานั่งสงบรออยู่ที่ห้องรับรองด้านนอก

นีรนาทปรือเปลือกตามองเจ้าของเสียงย่ำเท้าที่เดินเข้ามาภายในห้องด้วยมาดพญามาร ปางกระหายสวาทที่เธอแอบค่อนว่าอยู่ในใจ ร่างกายเธอแข็งเกร็ง ลมหายใจหอบกระชั้นเมื่อเผลอตัวสบนัยน์คมวาวคู่นั้น มันเปล่งแสงเรืองรองและดูเหมือนจะดึงดูดเธอเข้าไปในหน่วยตาทรงพลังคู่นั้นแบบไร้ทางสู้

“สวัสดี นีชา...เธอสวยยยย... สมกับความต้องการของฉัน ไม่เสียแรงที่ฉันยอมปล่อยปละเรื่องอีวาน” เสียงทุ่มนุ่มเอ่ยขึ้นช้าๆ เขาเดินมาหยุดเบื้องหน้าของนีรนาท

นีรนาทยิ้มแหยเก เธอวางหน้าไม่ถูกไม่รู้ต้องทำอย่างไรก่อน เมื่อเธอไม่เคยที่จะอยู่กับผู้ชายแปลกหน้าตามลำพังแบบสองต่อสองแถมรู้วัตถุประสงค์ของเขาเสียอีกด้วย

ปลายนิ้วเรียวสวยในแบบคนไม่เคยจับต้องงานหนักๆ เขาสอดนิ้วไปใต้ปลายคางกลมกลึง ยกช้อนขึ้นมาให้สบนัยน์ตากันและกัน โน้มตัวลงใกล้ๆ ฉุดดึงร่างอวบอัดที่เขาคะเนไว้ และมันไม่ผิดกับที่ตัวเองคาดการณ์ เธอลุกขึ้นยืนตามความต้องการของคนที่มีอำนาจมากกว่า ร่างอวบอุ่นยืนทรงตัวบนปลายเท้า เมื่ออยู่ๆ ดิมิทรีก็รวบกอดเธอไว้ในอ้อมแขน เขาแนบริมฝีปากสีสดของตัวเองกับกลีบปากนุ่มนิ่ม ก่อนจะโน้มตัวบดขยี้เรียวปากนุ่มนิ่มด้วยความพึงพอใจ ‘จูบ’ สิ่งที่เคยฝันยามค่ำคืน อยากอยู่ในอ้อมกอดของใครสักคน? ที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย แต่ที่กำลังผจญอยู่นี้ มันเต็มไปด้วยความเร่าร้อน มันซ่านเสียวและทรมานจนหญิงสาวนึกหวั่นกลัว เธอจึงเกิดการต่อต้าน ตามประสาคนไม่เคย แต่มันกลับปลุกความกำหนัดของชายหนุ่มเขากลับยิ่งอยากจูบ อยากสัมผัสมากขึ้น ดิมิทรีเลยยิ่งกอดรัดคนที่ดิ้นรนให้แนบแน่นมากยิ่งขึ้นอีกนับเท่าตัว เขาย้ำพรมรอยจุมพิตทั่วหน้าที่พยายามจะเบี่ยงหนี...แต่ก็ไม่พ้น ความรู้สึกแปลกใหม่วิ่งวนไปทั่วท้องน้อยเมื่อชายหนุ่มซุกไซ้ปลายคางที่มีไรหนวดบางๆ กับผิวกายนุ่มนิ่มตรงลาดไหล่กลมกลึงและสูดกลิ่นหอมๆ ข้างซอกหู

นีรนาทครางฮือ ขาเธออ่อนยวบยาบ แทบทรุดลงไปกองกับพื้น ยังดีที่คนเพิ่งถอนริมฝีปากช่วยรับซ้ำยังพยุงรับน้ำหนักตัวเธอ ให้สามารถยืนด้วยปลายเท้าตัวเองได้ แต่ก็ยังไม่คลายวงแขนที่โอบรัดรอบเอวกิ่วออก

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status