บทที่6.บทลงโทษของคนที่ฝ่าฝืนคำสั่งชายหนุ่มปรนเปรอเธอด้วยมือและลิ้น เขาจงใจปลุกกระแสเลือดของหล่อนให้ร้อนรุ่มจนลืมแม้แต่ความอาย“มันทรมานค่ะ นีชา...ไม่ไหวแล้ว ช่วยนีชาด้วยนะคะ” นีรนาทไม่รู้ตัวเอง...เธอเอ่ยปากขออะไรออกไป? เธอทราบเพียงแต่ว่าตอนนี้ เวลานี้เธอกำลังจะขาดใจตายอยู่แล้ว และต้องการความช่วยเหลือจากเขาอย่างเร่งด่วนที่สุด“จะให้ช่วยอย่างไรล่ะคนสวย ฉันพร้อมจะสนองให้เธอเต็มที่ แต่เธอต้องช่วยฉันด้วยเหมือนกัน ตกลงไหมล่ะ” ดิมิทรีพูดเสียงแหบปร่า กรีดปลายนิ้วยั่วหยอกกลีบดอกไม้ฉ่ำน้ำค้าง และสัมผัสลูบไล้บีบคลึงทั้งสองเต้าอย่างมันมือ ปลุกอารมณ์สวาทของคนตัวเล็กกว่าให้ลุกโชนยิ่งๆ ขึ้น“ค่ะ...ได้... ช่วยนีชาที นีชาไม่ไหวแล้ว” นีรนาทพยักหน้ารับ ด้วยความไร้ประสบการณ์ เธอกำลังพ่ายแพ้ต่อฤทธิ์มนตร์สวาทอย่างหมดรูป“ได้เลยคนสวย อยากให้ฉันเข้าไปในตัวเธออย่างนั้นสิ เธออยากให้ฉันปลดปล่อยความทรมานที่เกิดขึ้นนี่ถูกไหม ฉันเข้าใจแบบนี้ถูกไหมล่ะ” ดิมิทรีลากนิ้วชี้จากร่องอกไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่านลำคอที่เส้นชีพจรกำลังเต้นตุบๆ ก่อนไปหยุดที่กลีบปากที่บวมช้ำเพราะรสจูบที่เขามอบให้“ใช่ไหม? นีชา หากเธอไม่ตอบฉันจะหยุด
“แน่ใจเหรอ? นีชา แน่ใจเหรอว่าพอ...แต่ฉันว่าไม่ อ่า...” ดิมิทรีครางเสียงแหบๆ ร่างกายแข็งเกร็งเร่งขยับเอวสอบถี่ยิบ ไม่สนใจแรงต่อต้านจากคนตัวเล็ก ที่พยายามหยุดเขาด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิด ชายหนุ่มตัดความรำคาญ เขารวบสองขาเพรียวเกาะเกี่ยวสะโพกสอบของตัวเอง รวบมือน้อยๆ ชูไว้เหนือศีรษะเจ้าหล่อนพร้อมทั้งกระทั้นกายหนักๆ เร่งกำลังดั่งม้าศึก เพื่อไปถึงเส้นชัยก่อนที่จะหมดแรง...มันคงเป็นวันที่เธอต้องจำไปอีกนาน ดิมิทรี เบนิคอฟ สมกับฉายายอดนักรัก เขาควบขับแบบไม่มีแรงตก สาดใส่ความร้อนแรงให้กับเธอ จนได้แต่ครางเสียงกระเส่า เมื่อความกระสันแล่นพล่านไปตามกระแสเลือด ร่างกายเธอสมยอมเขาแบบดุษฎี ไม่ว่าชายหนุ่มจะพลิกแพลงแบบไหน เธอยินยอมก้าวตามด้วยความหลงละเมอ“อย่าทำแบบนี้ ได้โปรดพอเถอะ!!” คนตัวเล็กเอ่ยห้ามเสียงแผ่ว เธอไม่ได้รังเกียจสัมผัสของชายหนุ่มเหมือนเก่า แต่เธอเหนื่อยจนใกล้จะขาดใจ ความร้อนแรงของเขาเขย่าหัวใจเธอให้โยกคลอนรุนแรงชายหนุ่มอมยิ้ม เขามองผิวกายสีระเรื่อ เมื่อกระแสเลือดถูกเขาผลักดันจนแล่นพล่านทั่วทั้งตัว ผิวขาวผ่องเปลี่ยนสี กลายเป็นระเรื่อด้วยสีแดงจัด แต่มันเย้ายวนชวนให้รื่นรมย์เกมสวาทดุเดือดเลือ
บทที่7.พายุเดือด เดือดจนเส้นกระตุก!! โมโหจนแทบกระอัก อยากจะทำลายทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแต่มันไม่ใช่ที่ ชายหนุ่มยกสองมือขึ้นท้าวเอว เขาหมุนตัวมองไปที่ผนังกระจกใสแจ๋ว สายตาเรืองรองเต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธ เป็นอีกครั้งแล้วที่ ‘ผู้หญิงคนชั้นต่ำคนนั้น’ ทิ้งเขาไป โดยไม่รอคำอนุญาต เธอกล้าดีเกินไปล่ะ “เจ้านายจะทำไงต่อครับ” “ช่างเถอะ!! ดีเหมือนกันไม่เปลือง” ชายหนุ่มกระแทกเสียงตอบ ใช่ว่าเขาจะอดอยากปากแห้งเมื่อไร ผู้หญิงมากมายเกลื่อนมอสโก แค่กระดิกนิ้วเรียกขี้คร้านจะถลาเข้ามาเกินสิบคน!! แล้วทำไม เขาจะต้องไปตอแยกับคนที่ไม่ได้เลิศเลอกว่าใครเลย แค่ผู้หญิงข้างทางที่หมดความหวานแล้วด้วยซ้ำ ใช่เหรอ? “ครับ” “เตรียมรถ ฉันจะไปสโมสร” เขาจะแสดงให้เธอรู้...เธอไม่ใช่คนสำคัญที่เขาจะต้องไปคอยตอแย ไม่เอาเงินค่าตัวก็ดี...ไม่เปลืองด้วย ความขุ่นข้องหมองใจยังคงค้างอยู่ในหัวใจ ดิมิทรีจึงไม่สนใจสาวสวยหลายนางที่ส่งสายตาทอดสะพานให้ เขาดื่มเหล้าเหมือนดื่มน้ำเปล่า เพื่อลดทอนความโกรธที่กำลังปะทุอยู่ข้างในใจ ดวงตาสีมรกตขุ่นมัว มันกรุ่นๆ จวนจะเดือด
“เอาเป็นว่า...ผมตอบคำถามนี้ของมิสไม่ได้ครับ เพราะผมไม่รู้? แต่หากมันหลุดรอดไปถึงหูคนอื่น...โดยเฉพาะนักข่าว...ผมจะถือว่ามันมาจากปากของมิส และผมคงต้องจัดการเก็บกวาดแทนเจ้านาย มิสคงไม่อยากให้เป็นแบบนั้นใช่ไหมครับ!!” เสียงเย็นเฉียบพูดตอบ เขามองสบนัยน์ตาเจ้าหล่อนเป็นการข่มขู่กลายๆ“โอ้ย!! รู้หรอกน่าซูซานไม่ใช่คนช่างพูด แค่อยากรู้” เจ้าตัวรีบแก้ตัวเสียงอ่อยๆ แม้จะกังขาแต่ก็ไม่กล้าที่จะสืบค้นเพราะมันเป็นเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นชายที่อาจทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โต หญิงสาวรีบสะบัดก้นหนี แม้จะไม่ได้สนองอารมณ์หนุ่มในฝันอย่างที่ตัวเองต้องการ แต่ค่าตอบแทนก็ไม่ได้น้อยหน้า เจ้าตัวเลยรีบชิ่งหนีก่อนจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง“พี่ๆ เจ้านายเป็นอะไร?” หลังต้นตอปล่อยข่าวหายลับไปในอาพาร์ทเม้นท์ของเจ้าหล่อน เหลือแต่การ์ดของชายหนุ่ม เขาสุมหัวซักถามกันเป็นการใหญ่“จะไปรู้รึ!! ไม่ได้นอนกับเจ้านายนี่หว่า...อยากรู้เดี๋ยวกลับไปถึงแกถามเจ้านายเอาเองก็แล้วกัน”“หู้ย!! จะได้ตายฟรีดิลูกพี่..อารมณ์อย่างกับคนท้อง ดีๆ อยู่พัก หงุดหงิดอีกแล้ว ทำตามไม่ทันใจเลยคร๊าฟ” ลูกสมุนบ่นเสียงอุบอิบ ส่งค้อนประหลำประเหลือกให้ลูกพี่หัวหน้าทีม
บทที่8.เจ็บแปลบๆบทที่8.เจ็บแปลบๆนีรนาทเปิดร้านเครปเล็กๆ ในตรอกไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้า ‘เบนิคอฟ’ เธอยังเฝ้ามองแสงไฟเหนือยอดตึกเป็นประจำ แต่ไม่เคยเฉียดใกล้บริเวณเดิม เพราะการที่ร่างกายเปลี่ยนแปลง เธอกลัวว่าหากเขาคนนั้นจะพบเข้า ความลับต้องเป็นความลับไปตลอด ถึงจะรู้ดีว่าเขาไม่ต้องการเสี้ยวหนึ่งที่ทิ้งไว้ก็เถอะ เธอต่ำต้อยด้อยค่า ไม่อาจเผยอหน้าเทียบชั้นกับเขาได้... แม่ค้าสาวสวยขนาดตั้งครรภ์ใกล้คลอด ความงามและรอยยิ้มหวานๆ ยังคงมีแจกจ่ายให้ลูกค้าที่แวะเวียนมาอุดหนุนไม่หยุด “เครปสองอันจ้ะนีชา...วันนี้ยิ้มสวยเหมือนเดิมเลยนะ” ถึงแม่ค้าคนสวยจะตั้งครรภ์จวนจะคลอด ก็ยังมีหนุ่มๆ แวะมาขายขนมจีบไม่หยุดเพราะ...ทุกคนรู้ไงว่านีรนาทตั้งครรภ์แบบไร้สามี และไม่มีผู้ชายคนนั้นให้เกะกะนัยน์ตา “ค่ะ...” หญิงสาวยิ้มรับ เธอไม่เคยแพ้ท้องเลย มีแค่ช่วงแรกๆ ที่รู้ตัว หลังจาก ‘เขา’ มาพาตัวเธอไปวันนั้น พอกลับมาอาการต่างๆ ก็หายเป็นปลิดทิ้ง ร่างกายเธอแข็งแรงดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน นับว่าเป็นบุญของตัวเอง#เอื้อมไม่ถึงเธออยู่แสนไกล... ไกลห่างจากฉันเหลือเกิน ต่อให้ฉันเดินไกลแค่ไหนคงไป
มือเล็กๆ นั้นโบกไหวๆ ดิมิทรีขยับตัวหลบ เขาจ้องมองเด็กน้อยแต่ก็รู้สึกกลัวและขยาดกับความเปียกชื้นที่หยดแหมะๆ“ลูกใคร? ปล่อยมาแบบนี้ได้ยังไง แม่ไปไหนหะ” การ์ดของเขาคนหนึ่งฉวยอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา ท่าทางมันทะมัดทะแมงคุ้นเคย เขามองไปรอบๆ ตัว เพื่อมองหามารดาของเด็ก เพราะป่านนี้เธอคงร้อนใจน่าดูเพราะลูกน้อยเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ปลายนิ้วชี้ยื่นไปแตะพวงแก้มยุ้ยๆ สัมผัสผิวเนียนใสด้วยหัวใจระทึก...หากมี ‘ลูก’ เป็นของตัวเอง ลูกของเขาจะน่ารักน่าชังแบบนี้ไหม?แม่เด็กวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาเมื่อเห็นลูกสาวตัวเองอยู่ในอ้อมกอดคนแปลกหน้า เธอดูหวาดกลัวและเสียอกเสียใจ จนเขาเวทนา“ลูกดิฉันคะ กำลังตามหาเลย ขอบคุณนะคะ” เด็กน้อยโผเข้าหาเมื่อเห็นมารดาตัวเอง เจ้าเด็กหลงยิ้มแป้น ยกมือไม้เปะปะตามหน้าของคนเป็นแม่ดิมิทรีมองตามสองแม่ลูกตาระห้อย เขาแค่แตะตัวได้นิดหน่อยยังไม่ได้ทดลองอุ้มสักที เจ้าของเขาก็มาทวงคืนเสียแล้ว“นายเคยเลี้ยงเด็กเหรอ ท่าอุ้มดูคุ้นเคยน่าดู” ระหว่างทางที่กำลังเดินตรวจงานตามปรกติ ดิมิทรีเอ่ยปากถามการ์ดที่เดินตามมาติดๆ“ครับ ลูกชายผมสองขวบพอดีกำลังซนเลยครับ ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงจะเลี้ยงง่ายกว่าไม่ค
นัชชาวีเริงร่า เธอสนุกสุดๆ เมื่อ ‘คุณลุง’ พาเดินเที่ยวในห้างใหญ่ๆ ที่ตัวเองแอบชะเง้อมองมาแสนนาน ไม่เคยมีโอกาสได้มาเพราะมารดางานยุ่ง“มัมขายขนมค่ะ อร่อยที่สุดในสามโลกเลยค่ะ” มือป้อมๆ โบกไหวๆ เธอยกยอมารดาให้ชายหนุ่มแปลกหน้าฟัง“ว่างๆ จะแวะไปชิมนะ ขี้โม้หรือเปล่าไม่รู้” ดิมิทรีสัพยอกเด็กหญิง เขายิ้มเมื่อหน้าที่ร่าเริงอยู่เมื่อสักครู่ หงิกงอลง“มัมสอนดีม่าห้ามโกหกค่ะ เพราะถ้าเป็นเด็กดื้อ เด็กพูดโกหกจะไม่มีใครรัก? เพราะฉะนั้นดีม่าพูดแต่ความจริงค่ะ มัมทำขนมอร่อย มีคนต่อแถวซื้อยาวเป็นวาเลยค่ะ” นัชชาวีพูดตามที่เห็นแต่ที่เธอไม่รู้คือ...ลูกค้าส่วนมากเป็นผู้ชาย และตั้งใจมาขายขนมจีบให้แม่ค้าคนสวย ถึงจะมีลูกติดแล้วหนึ่งคน แต่นีรนาทก็ยังงดงามสมวัย แถมยังขยันทำงานตัวเป็นเกลียว จนมีร้านเครปเล็กๆ เป็นของตัวเอง รอยยิ้มของนีรนาทเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากได้ และเธอก็ยิ้มไม่บ่อยนัก“ได้ ‘ลุง’ จะแวะไปชิม หากอร่อยจริงจะให้มาขายในนี้ เราจะได้เจอกันบ่อยๆ ดีไหม”“อย่าหลอกเด็กนะคะ...ให้มัมมาขายในนี้จริงเหรอคะ? ดีม่าชอบๆ ในนี้สวยแล้วก็มีของเล่นเยอะแยะด้วยค่ะ” นัชชาวียิ้ม เธอเบิกตาโตๆ รีบถามชายหนุ่มที่ยอมยกให้เป็น ‘ลุง
“ลุงๆ ปล่อยดีม่าค่ะถึงร้านมัมแล้ว ขอบคุณค่ะ บายๆ” ร่างอวบอ้วน ดิ้นขลุกขลัก เธอขอลงไปยืนบนพื้นเมื่อถึงร้านของมารดาตัวเอง“ได้ๆ ไม่ต้องวิ่งนะ เดี๋ยวหกล้มไปเจ็บตัวเปล่าๆ”“คร๊า...บายค่ะลุง ดีม่าไปล่ะ” เมื่อมาถึงที่ เด็กหญิงแทบจะไม่สนใจเขาเลย เธออยากจะไปหามารดาและรีบวิ่งหลุนๆ ตรงไปหา“มัม ดีม่าไปเที่ยวห้างฝังนู้นมา เก่งเปล่า”นีรนาทแทบจะทำไม้พายเกลี่ยแป้งทำเครปหลุดมือ ลูกสาวตัวน้อยวิ่งหลุนๆ ตรงมาหา ที่สำคัญเธอบอกว่าไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าคนเดียว แถมกลับมาในเสื้อผ้าแปลกตา เธอมั่นใจว่านัชชาวีบุตรสาวไม่เคยมีชุดสวยๆ แบบนี้ใส่เมื่อเธอมั่นใจว่าชุดที่นัชชาวีใส่มันแพงจนเธอไม่กล้าจับ“ดีม่า...”“มัมจ๋า อย่าโกรธดีม่าเลยนะ ดีม่ากลับมาแล้วไง” รอยยิ้มปะเหลาะ กับดวงตาออดอ้อนทำให้นีรนาทโกรธไม่ลง แต่หากเธอยอมให้มันต้องมีครั้งต่อไปแน่ๆ“บอกคุณตาหรือเปล่าว่าลูกจะไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า” นีรนาทพยายามเลี่ยงที่จะเอ่ยชื่อห้างนั้น มันทำให้เธอเจ็บแปลบๆ ทุกครั้งที่นึกถึง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม“ตาจ๋าหลับอะ ดีม่าเลยกระซิบบอก แต่ดีม่าบอกนะคะ ไม่ได้ไปโดยไม่ขอ” เจ้าตัวแก้ตัวเสียงอ่อยๆ เมื่อรู้ดีว่าตัวเองทำผิดและอ
“ผมว่าคนที่ปรับตัวไม่ได้ น่าจะเป็นนีชามากกว่านะครับ อย่าพยายามหนีผมเลย เราน่าจะทำความรู้จักกันให้มากกว่าเดิม” ชายหนุ่มเอื้อมจับข้อมือเรียวบางไว้ เขาพูดช้าๆ แต่แววตาพราวระยับจนหัวอกหัวใจของนีรนาทสั่นไหว“เราสองคนไม่มีอะไรต้องปรับต้องจูนเข้าหากันค่ะ เราเป็นคนแปลกหน้าที่แค่มี ‘ลูก’ ด้วยกันแค่นั้น อย่าดึงนีชาไปเกี่ยวข้องกับคุณ ปล่อยเราสองแม่ลูกไปตามทางของเราเถอะค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงอ่อนๆ เธอรู้ดีว่าความหวังมันเป็นความทรมานอย่างหนึ่ง เมื่อมีหวังและอยากคว้ามาครอง แต่ในความเป็นจริงมันสูงสุดเอื้อมมือคว้า เพราะเขาลอยอยู่บนฟ้า ในขณะที่ตัวเองลอยเรี่ยๆ ติดพื้นดิน“คนแปลกหน้าที่มี ‘ลูก’ ด้วยกัน ก็แสดงว่าครั้งหนึ่งเราสองคนไม่ได้เป็นคนแปลกหน้ากันนี่ครับ เราชิดใกล้และแนบสนิท และหากผมต้องการแบบนั้นอีกครั้งเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเราในแน่นเฟ้นขึ้น ดีไหมครับ?” เป็นคำถามที่ดิมิทรีไม่ต้องการรอคำตอบเขาปฏิบัติการจู่โจมเพื่อกระชับพื้นที่ ร่างใหญ่หนาพลิกตัวกลับจากท่าทางเดิม คือนอนแผ่กลางเตียงมาคร่อมร่างบอบบางเอาไว้ เธอพยายามผลัก
มาดามโรสรีบชักมือกลับ เชิดปลายคางขึ้น เสยกแก้วชาที่ทิ้งไว้ขึ้นมาจิบแก้อาการขัดเขิน...“ที่นี่ใหญ่กว่าบ้านเก่าของดีม่านับสิบเท่าค่ะ ดีม่ามาอยู่เกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว ยังวิ่งไม่ทั่วบ้านเลยค่ะ” จอมแสบพูดแจ้วๆ ถึงจะไม่ได้รับความสนใจจากหญิงสูงวัยแต่เจ้าตัวสนใจที่ไหนยังพูดคุยไม่หยุด สลับกับกัดขนมในมือกินเพลินๆ“ชอบสินะ...”“ค่ะ...ชอบมากกกกกก คุณย่าเหงาไหมคะ ถ้าเหงาดีม่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนบ่อยๆ”“เห็นแก่กินล่ะสิ...ถ้าฉันไม่มีของกินจะมาหาไหมล่ะ” นางปล่อยตัวตามสบาย คลายอาการเกร็งไปเกือบครึ่ง“เปล่าค่ะ...แต่คุณย่าตาดุ๊ดุ!! ดีม่ากลัวค่ะ”“ถ้ากลัว แล้ววันนี้ทำไมถึงกล้าล่ะ”“แหะๆ ดีม่าหิวค่ะ ขนมก็ห๊อมหอมมมม”“เห็นไหมล่ะ เรานะเห็นแก่กิน ตัวบวมๆ เดี๋ยวโตไปไม่สวยนะรู้ไหม?”“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่สวยก็อยู่กับคุณย่าไงค่ะ อยู่นานนนนนนน” เด็กหญิงฉีกยิ้ม กางมือกว้างๆ อธิบายช่วงเวลาประกอบคำพูดตัวเองมาดามโรสคลี่ยิ้มอ่อนๆ เจ้าตัวเล็กนี่ชั
บริเวณสวนหย่อมร่มรื่น เนื่องจากเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ อากาศเริ่มอุ่นขึ้นและดอกไม้ใบหญ้าเริ่มผลิดอกออกใบ ดอกไม้เบ่งบานส่งกลิ่นหอมรวยริน สายลมเย็นๆ พัดโชย ช่วงเวลาบ่ายคล้อยจึงไม่ร้อนมากนักกลิ่นขนมอบลอยฟุ้งผสมกับกลิ่นน้ำชาหอมๆ จนแม้แต่เด็กน้อยที่วิ่งเล่นอยู่ไกลๆ ยังได้กลิ่น นัชชาวีทำจมูกฟุดฟิต เจ้าหล่อนสูดกลิ่นหอมๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศและเริ่มชักชวนลูกสมุนเดินตามหาต้นตอของกลิ่นหอมๆ นั้น ท้องเล็กๆ ร้องโครกคราก น้ำย่อยเริ่มทำงานจนน้ำลายในปากไหลย้อย“หอมขนมเนอะ ป้าแม่ครัวทำอะไรให้ทานเนอะวันนี้ ไปดูกันเร็ว!!” ร่างกลมป้อมออกวิ่งเหยาะๆ ตามกลิ่นขนมที่เจ้าตัวชื่นชอบ จนถึงสวนหย่อมด้านข้างที่มีเก้าอี้เหล็กสวยๆ ตั้งไว้นั่งพักผ่อน“ชะอุ้ย!!” ริมฝีปากสีสดแบะออก และรีบถอยหลังกรูดๆ เมื่อเห็นคนที่น่ากลัวอยู่ตรงนั้น สายตาของ ‘คุณย่า’ มองเธอแบบเฉยชา จนขยาดที่จะเข้าใกล้ แต่ว่า...ถาดขนมนั้นน่าสนใจ!! ทำไงดีนะดีม่า ทำยังไงจะได้ชิมขนมในถาดนั้นโดยไม่ถูกคุณย่าดุ...จอมเจ้าเล่ห์เร่งคิดหาทางแบบเร่งด่วน ดวงตาสุกใสมองขนมสีสวยในถาดตาเป็นมัน!!มาดามโรสยกแก้วชา
“ครับผมไม่เถียงเรื่องในอดีต แต่ในอนาคตนี่ ผมอยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้ ‘ลูกสาว’ ของผมเห็น ไม่อยากให้เธอรู้สึกไม่ดีกับเพศชายตั้งแต่อยู่ในบ้าน”“สมัยนี้ไม่มีคนถือเรื่องนั้นแล้วล่ะ ขอแค่มีเงินเลี้ยงดูได้ จะมีเมียหลายๆ คนคงไม่มีใครกล้าว่า”“แต่ผมถือครับ ...ครอบครัวผมไม่นิยมการมีภรรยาหลายคน”“สรุปก็คือเธอจะเบี้ยวงั้นสิ ฉันก็คงไม่ยอมให้ลูกสาวเสียชื่อฟรีๆ หรอกนะ คงรู้ใช่ไหม? ว่าฉันมีอำนาจแค่ไหน”“ครับ...พอรู้ แต่...”“อะไร!! จะเล่นแง่อะไรอีก เธอเจ้าเล่ห์กว่าที่ฉัดคิดไว้ แต่เรามันคนละรุ่นกัน ชั้นเชิงคงไม่ต้องบอกใช่ไหม!!”“ครับ ผมรู้ว่าท่านเขี้ยวเล็บเยอะ...แต่ผมก็ไม่ได้ด้อยกว่านี่ครับ” ชายหนุ่มพูดเสียงกระหึ่ม เขาไม่ยอมลงให้อันโตนอีกต่อไป เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมฟังอะไรทั้งสิ้น“อวดดี...อวดดีให้ถึงวันนั้นก็แล้วกัน เราคงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก เธอกลับไปเถอะ”“ครับ ผมขอให้ท่านคุยกับอันนาก่อน หากท่านคิดจะทำร้ายครอบครัวผม ผมค
บทที่16.เบนิคอฟกับคเซนเนีย ดิมิทรีปรากฏตัวที่หน้าตึกคเซนเนีย เขาเดินเข้าไปภายในอาคาร เหยียบถิ่นของอันนาครั้งแรกเพื่อต่อรองกับหญิงสาวเกี่ยวกับเรื่องร้ายๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้น!! และดูเหมือนว่าอันนาจะเตรียมตั้งรับไว้แล้ว เธอลงมาชั้นล่างพร้อมกับบิดา วงหน้าสวยเฉี่ยวเรียบตึง “ยินดีต้อนรับดิมิทรี ลุงไม่เจอเรานานเท่าไรแล้วนะ” ด้วยประสบการณ์ที่คร่ำหวอดอยู่บนถนนธุรกิจมายาวนานนับสิบปี อันโตนวางสีหน้าเฉยชาได้แบบแนบเนียนกว่าบุตรสาว “ไม่นานเท่าที่ท่านคิดหรอกครับ ผมพบท่านตามงานสังคมบ่อยๆ เพียงแต่ไม่ได้เข้าไปทักทาย” ดิมิทรีเองก็ไม่ได้ด้อยกว่าเขาเก็บความโกรธไว้ใต้สีหน้าเฉยชา “ไปๆ ขึ้นไปคุยที่ห้องลุงดีกว่า เราสองครอบครัวไม่ใช่คนอื่นคนไกลกัน ไปอันนาไป พาพี่เขาไปก่อน ขอพ่อไปทำธุระสักครู่แล้วจะตามไป
“เป็นไงบ้างล่ะ พอจะบอกได้หรือยังว่าใครจ้างวานแกมา” เสียงทุ้มนุ่มถามช้าๆ พร้อมกับแสงไฟสปอร์ตไลท์ที่ฉายแสงส่องหน้าเขา ผ้าคลุมถูกดึงออกไป เขาจึงได้แต่หยีตาสู้แสงไฟ...“จะฆ่าจะแกงก็เชิญ เราไม่คิดจะเปิดปากบอกใคร?”“อืม...ดีซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ใช้ได้ แต่มันจะดีกว่าไหมถ้าสามารถรักษาชีวิตตัวเองไว้ได้ ดีกว่าเอามาทิ้งเพราะคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ฉันจะไม่บอกใครว่าพวกแกพูด ฉันอยากรู้แค่นั้นว่าใคร? จ้องทำร้ายเมียกับลูกฉัน” ดิมิทรีข่มอารมณ์แทบแย่ เขาต้องรู้ให้ได้ว่าใคร? เป็นคนสั่งการและหากเป็นคนๆ นั้นจริงๆ เขาจะเอาคืนให้หนัก เพราะดูจะใจร้ายเกินไปหน่อยถึงกับฆ่าแกงกันเหมือนชีวิตไม่มีค่า“ตามสบาย...อยากทำอะไรก็เชิญ” มันตอบกลับเสียงสะบัด และผินหน้าหนีแสงไฟ“แน่ใจเหรอที่พูด หากฉันทำขึ้นมาจริงๆ แกจะเสียใจนะ เพราะใคร? ก็ตามที่ทำร้ายครอบครัวฉัน ไม่ว่าจะใคร? มันไม่สมควรมีชีวิตรอด” ดิมิทรีหยัดกายลุกขึ้นยืน เขาพอจะเดาได้ว่าใคร? แต่อยากได้ยินชัดๆ เพื่อจัดการกับตัวการ แต่ถ้ามันไม่ปริปากพูดก็คงต้องกำจัดทิ้งให้สิ้นซาก&ldqu
มาดามโรสพูดจบก็ลุกขึ้น เธอยิ้มอ่อนๆ ส่งให้สาวว่าที่คู่หมายลูกชาย แต่...คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เมื่ออันนารู้สึกจะคิดน้อยไปหน่อย ทำตามใจตัวเองและเอาอารมณ์เป็นใหญ่ จนเธอกลัวว่าเจ้าตัวจะพาความเดือดร้อนมาให้ การจะยืนยงและยิ่งใหญ่อยู่เหนือคนอื่นๆ ได้ต้องไม่มีจุดอ่อนให้คนจากภายนอกโจมตี แต่เธอเห็นข้อด้อยในตัวของหญิงสาวผู้นี้เยอะแยะ หลังจากเกิดเรื่องขึ้น...เห้อ!! น่าเสียดาย...“อันนาไม่ยอมจบแค่นี้หรอกคะ ข่าวแพร่ออกไปแล้ว อันนาเสียชื่อหากไม่ได้แต่งงานกับดิมิทรี...เพราะฉะนั้นอันนาต้องทำ” หญิงสาวกำมือแน่น ไฟโทสะลุกพรึ่บในดวงตาคู่งาม เธอไม่เคยถูกตบหน้าด้วยถ้อยคำหยามหยัน เหมือนดังเช่นที่มาดามโรสกำลังทำ คำตำหนิที่พูดเหมือนหวังดี แต่ที่ไหนได้ ผู้หญิงสูงวัยคนนั้นด่าเธอปัญญาอ่อน หาว่าไม่รู้จักคิดให้ดีก่อนทำ...ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นต้อยต่ำ และไร้เกียรติวิธีที่ดีที่สุดคือทำให้เจ้าหล่อนสูญหายไปไม่ใช่หรือ?“คุณพ่อคะ อันนาขอมือดีสัก3-4 คน อันนามีงานให้เขาทำ” เธอต่อสายหาบิดาและเปิดปากขอคนฝีมือดีๆ เพื่อกำจัดนีรนาทให้สิ้นซาก ในเมื่อเจ้าหล่อนกำลังทำให้เธอมีอุปสรรคชิ้นใหญ่
บทที่15.จุดแตกหัก‘นี่แหละ คนที่เค้ารอคอยมาทั้งชีวิต’ ดิมิทรีคิดในใจขณะที่ทอดสายตามองสองแม่ลูก นีรนาทและนัชชาวีลูกสาวสุดสวาท และเขาจะปกป้องเธอทั้งสองคน ไม่ให้อันตรายใดใดมากล้ำกลาย เด็ดขาด!!“นี่คุณจะบ้าเหรอ!! ให้เวลานีชาเก็บของสองวันแล้วย้ายไปอยู่บ้านคุณเนี่ยนะ...คุณคิดไปเองคนเดียวหรือเปล่าคะ” ขณะที่พูดใจเธอสั่นระรัวไปกับสายตาที่จริงจังของเขา กำลังมีเรื่องที่เธอไม่สมควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาด้วยซ้ำ เมื่อข่าวการหมั้นหมายระหว่าง ดิมิทรีกับอันนา กำลังเริ่มดังกระหึ่ม...“คุณคิดว่า ผมพูดเล่นอย่างนั้นเหรอนีชา ผมกำลังปกป้องครอบครัวของเรา อย่างเต็มความสามารถ...ในแบบของผม!!” ชายหนุ่มพูดฉุนๆ ดูเหมือนไม่มีใครฟังคำพูดของเขาสักคน‘บ้า… เค้าต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆๆ’ หญิงสาวคิดในใจ“ร้านคุณไฟไหม้ มันมีคนปองร้าย!! เพราะฉะนั้นคุณควรไปอยู่กับผม ผมจะให้คนของผมไปรับคุณกับดีม่ามาที่บ้านผม...”‘อ้าว’ ช่างเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองที่สุด เธอต้องพบเจอกับคน
“ครับ...ผมจะคุยกับมัมเอง...คุณอันนาช่วยอยู่เฉยๆ ได้ไหม? ครับเพราะผมคิดว่า...คุณเองก็คงไม่อยากเสียชื่อ หากเรื่องมันเตลิดไปไกลกว่าที่คิด ครั้งนี้ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นความต้องการของมัม และหากมีการเจรจา ทางคุณต้องไปคุยกับมัมเองเช่นกันครับ เพราะผมไม่ยอมตกบันไดพลอยโจนเด็ดขาด สื่อทำอะไรผมไม่ได้หรอกครับ หากคุณคิดจะใช้สื่อจริง ผมยอมเสียชื่อ แต่ไม่ยอมให้คนของผมเสียใจ” ดิมิทรีชี้แจงเสียงเย็นๆ เขาผุดลุกขึ้นยืนเหมือนกัน เพราะหาก ‘คเซนเนีย’ คิดจะใช้ลูกไม้นั้น โดยการยืมมือสื่อมาช่วย ด้วยการประโคมข่าวให้เขาตกเป็นจำเลยของสังคม เขาก็คงต้องสู้ไม่ถอยเช่นกัน“เหอะ...ก็ได้ค่ะ อันนาจะอยู่เฉยๆ แต่ถ้าเรื่องลุกลามไปไกล คุณต้องรับผิดชอบชื่อเสียงของอันนาด้วยนะคะ อันนาจะไม่ยอมเสียชื่อคนเดียวค่ะ”“ครับ...ผมจะรีบเคลียร์ให้เรื่องนี้จบลงเร็วๆ ขอให้ทางฝ่ายคุณใจเย็นๆ”อันนายอมถอยหลังกลับ แต่เธอไม่มีทางยอม เพราะเดิมพันครั้งนี้น่าสนใจ เธอจะได้ครอบครองดิมิทรีและเขี่ยผู้หญิงคนนั้นพ้นจากทางเดินของเธอ...“คุณพ่อคะ อันนาขอยืมคนมาช่วยงานสั