“เอาเป็นว่า...ผมตอบคำถามนี้ของมิสไม่ได้ครับ เพราะผมไม่รู้? แต่หากมันหลุดรอดไปถึงหูคนอื่น...โดยเฉพาะนักข่าว...ผมจะถือว่ามันมาจากปากของมิส และผมคงต้องจัดการเก็บกวาดแทนเจ้านาย มิสคงไม่อยากให้เป็นแบบนั้นใช่ไหมครับ!!” เสียงเย็นเฉียบพูดตอบ เขามองสบนัยน์ตาเจ้าหล่อนเป็นการข่มขู่กลายๆ“โอ้ย!! รู้หรอกน่าซูซานไม่ใช่คนช่างพูด แค่อยากรู้” เจ้าตัวรีบแก้ตัวเสียงอ่อยๆ แม้จะกังขาแต่ก็ไม่กล้าที่จะสืบค้นเพราะมันเป็นเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นชายที่อาจทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โต หญิงสาวรีบสะบัดก้นหนี แม้จะไม่ได้สนองอารมณ์หนุ่มในฝันอย่างที่ตัวเองต้องการ แต่ค่าตอบแทนก็ไม่ได้น้อยหน้า เจ้าตัวเลยรีบชิ่งหนีก่อนจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง“พี่ๆ เจ้านายเป็นอะไร?” หลังต้นตอปล่อยข่าวหายลับไปในอาพาร์ทเม้นท์ของเจ้าหล่อน เหลือแต่การ์ดของชายหนุ่ม เขาสุมหัวซักถามกันเป็นการใหญ่“จะไปรู้รึ!! ไม่ได้นอนกับเจ้านายนี่หว่า...อยากรู้เดี๋ยวกลับไปถึงแกถามเจ้านายเอาเองก็แล้วกัน”“หู้ย!! จะได้ตายฟรีดิลูกพี่..อารมณ์อย่างกับคนท้อง ดีๆ อยู่พัก หงุดหงิดอีกแล้ว ทำตามไม่ทันใจเลยคร๊าฟ” ลูกสมุนบ่นเสียงอุบอิบ ส่งค้อนประหลำประเหลือกให้ลูกพี่หัวหน้าทีม
บทที่8.เจ็บแปลบๆบทที่8.เจ็บแปลบๆนีรนาทเปิดร้านเครปเล็กๆ ในตรอกไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้า ‘เบนิคอฟ’ เธอยังเฝ้ามองแสงไฟเหนือยอดตึกเป็นประจำ แต่ไม่เคยเฉียดใกล้บริเวณเดิม เพราะการที่ร่างกายเปลี่ยนแปลง เธอกลัวว่าหากเขาคนนั้นจะพบเข้า ความลับต้องเป็นความลับไปตลอด ถึงจะรู้ดีว่าเขาไม่ต้องการเสี้ยวหนึ่งที่ทิ้งไว้ก็เถอะ เธอต่ำต้อยด้อยค่า ไม่อาจเผยอหน้าเทียบชั้นกับเขาได้... แม่ค้าสาวสวยขนาดตั้งครรภ์ใกล้คลอด ความงามและรอยยิ้มหวานๆ ยังคงมีแจกจ่ายให้ลูกค้าที่แวะเวียนมาอุดหนุนไม่หยุด “เครปสองอันจ้ะนีชา...วันนี้ยิ้มสวยเหมือนเดิมเลยนะ” ถึงแม่ค้าคนสวยจะตั้งครรภ์จวนจะคลอด ก็ยังมีหนุ่มๆ แวะมาขายขนมจีบไม่หยุดเพราะ...ทุกคนรู้ไงว่านีรนาทตั้งครรภ์แบบไร้สามี และไม่มีผู้ชายคนนั้นให้เกะกะนัยน์ตา “ค่ะ...” หญิงสาวยิ้มรับ เธอไม่เคยแพ้ท้องเลย มีแค่ช่วงแรกๆ ที่รู้ตัว หลังจาก ‘เขา’ มาพาตัวเธอไปวันนั้น พอกลับมาอาการต่างๆ ก็หายเป็นปลิดทิ้ง ร่างกายเธอแข็งแรงดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน นับว่าเป็นบุญของตัวเอง#เอื้อมไม่ถึงเธออยู่แสนไกล... ไกลห่างจากฉันเหลือเกิน ต่อให้ฉันเดินไกลแค่ไหนคงไป
มือเล็กๆ นั้นโบกไหวๆ ดิมิทรีขยับตัวหลบ เขาจ้องมองเด็กน้อยแต่ก็รู้สึกกลัวและขยาดกับความเปียกชื้นที่หยดแหมะๆ“ลูกใคร? ปล่อยมาแบบนี้ได้ยังไง แม่ไปไหนหะ” การ์ดของเขาคนหนึ่งฉวยอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา ท่าทางมันทะมัดทะแมงคุ้นเคย เขามองไปรอบๆ ตัว เพื่อมองหามารดาของเด็ก เพราะป่านนี้เธอคงร้อนใจน่าดูเพราะลูกน้อยเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ปลายนิ้วชี้ยื่นไปแตะพวงแก้มยุ้ยๆ สัมผัสผิวเนียนใสด้วยหัวใจระทึก...หากมี ‘ลูก’ เป็นของตัวเอง ลูกของเขาจะน่ารักน่าชังแบบนี้ไหม?แม่เด็กวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาเมื่อเห็นลูกสาวตัวเองอยู่ในอ้อมกอดคนแปลกหน้า เธอดูหวาดกลัวและเสียอกเสียใจ จนเขาเวทนา“ลูกดิฉันคะ กำลังตามหาเลย ขอบคุณนะคะ” เด็กน้อยโผเข้าหาเมื่อเห็นมารดาตัวเอง เจ้าเด็กหลงยิ้มแป้น ยกมือไม้เปะปะตามหน้าของคนเป็นแม่ดิมิทรีมองตามสองแม่ลูกตาระห้อย เขาแค่แตะตัวได้นิดหน่อยยังไม่ได้ทดลองอุ้มสักที เจ้าของเขาก็มาทวงคืนเสียแล้ว“นายเคยเลี้ยงเด็กเหรอ ท่าอุ้มดูคุ้นเคยน่าดู” ระหว่างทางที่กำลังเดินตรวจงานตามปรกติ ดิมิทรีเอ่ยปากถามการ์ดที่เดินตามมาติดๆ“ครับ ลูกชายผมสองขวบพอดีกำลังซนเลยครับ ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงจะเลี้ยงง่ายกว่าไม่ค
นัชชาวีเริงร่า เธอสนุกสุดๆ เมื่อ ‘คุณลุง’ พาเดินเที่ยวในห้างใหญ่ๆ ที่ตัวเองแอบชะเง้อมองมาแสนนาน ไม่เคยมีโอกาสได้มาเพราะมารดางานยุ่ง“มัมขายขนมค่ะ อร่อยที่สุดในสามโลกเลยค่ะ” มือป้อมๆ โบกไหวๆ เธอยกยอมารดาให้ชายหนุ่มแปลกหน้าฟัง“ว่างๆ จะแวะไปชิมนะ ขี้โม้หรือเปล่าไม่รู้” ดิมิทรีสัพยอกเด็กหญิง เขายิ้มเมื่อหน้าที่ร่าเริงอยู่เมื่อสักครู่ หงิกงอลง“มัมสอนดีม่าห้ามโกหกค่ะ เพราะถ้าเป็นเด็กดื้อ เด็กพูดโกหกจะไม่มีใครรัก? เพราะฉะนั้นดีม่าพูดแต่ความจริงค่ะ มัมทำขนมอร่อย มีคนต่อแถวซื้อยาวเป็นวาเลยค่ะ” นัชชาวีพูดตามที่เห็นแต่ที่เธอไม่รู้คือ...ลูกค้าส่วนมากเป็นผู้ชาย และตั้งใจมาขายขนมจีบให้แม่ค้าคนสวย ถึงจะมีลูกติดแล้วหนึ่งคน แต่นีรนาทก็ยังงดงามสมวัย แถมยังขยันทำงานตัวเป็นเกลียว จนมีร้านเครปเล็กๆ เป็นของตัวเอง รอยยิ้มของนีรนาทเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากได้ และเธอก็ยิ้มไม่บ่อยนัก“ได้ ‘ลุง’ จะแวะไปชิม หากอร่อยจริงจะให้มาขายในนี้ เราจะได้เจอกันบ่อยๆ ดีไหม”“อย่าหลอกเด็กนะคะ...ให้มัมมาขายในนี้จริงเหรอคะ? ดีม่าชอบๆ ในนี้สวยแล้วก็มีของเล่นเยอะแยะด้วยค่ะ” นัชชาวียิ้ม เธอเบิกตาโตๆ รีบถามชายหนุ่มที่ยอมยกให้เป็น ‘ลุง
“ลุงๆ ปล่อยดีม่าค่ะถึงร้านมัมแล้ว ขอบคุณค่ะ บายๆ” ร่างอวบอ้วน ดิ้นขลุกขลัก เธอขอลงไปยืนบนพื้นเมื่อถึงร้านของมารดาตัวเอง“ได้ๆ ไม่ต้องวิ่งนะ เดี๋ยวหกล้มไปเจ็บตัวเปล่าๆ”“คร๊า...บายค่ะลุง ดีม่าไปล่ะ” เมื่อมาถึงที่ เด็กหญิงแทบจะไม่สนใจเขาเลย เธออยากจะไปหามารดาและรีบวิ่งหลุนๆ ตรงไปหา“มัม ดีม่าไปเที่ยวห้างฝังนู้นมา เก่งเปล่า”นีรนาทแทบจะทำไม้พายเกลี่ยแป้งทำเครปหลุดมือ ลูกสาวตัวน้อยวิ่งหลุนๆ ตรงมาหา ที่สำคัญเธอบอกว่าไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าคนเดียว แถมกลับมาในเสื้อผ้าแปลกตา เธอมั่นใจว่านัชชาวีบุตรสาวไม่เคยมีชุดสวยๆ แบบนี้ใส่เมื่อเธอมั่นใจว่าชุดที่นัชชาวีใส่มันแพงจนเธอไม่กล้าจับ“ดีม่า...”“มัมจ๋า อย่าโกรธดีม่าเลยนะ ดีม่ากลับมาแล้วไง” รอยยิ้มปะเหลาะ กับดวงตาออดอ้อนทำให้นีรนาทโกรธไม่ลง แต่หากเธอยอมให้มันต้องมีครั้งต่อไปแน่ๆ“บอกคุณตาหรือเปล่าว่าลูกจะไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า” นีรนาทพยายามเลี่ยงที่จะเอ่ยชื่อห้างนั้น มันทำให้เธอเจ็บแปลบๆ ทุกครั้งที่นึกถึง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม“ตาจ๋าหลับอะ ดีม่าเลยกระซิบบอก แต่ดีม่าบอกนะคะ ไม่ได้ไปโดยไม่ขอ” เจ้าตัวแก้ตัวเสียงอ่อยๆ เมื่อรู้ดีว่าตัวเองทำผิดและอ
บทที่10 นัชชาวี ดีม่า หัวใจของนีรนาทหญิงสาวเปิดฉากฉะชายหนุ่มทันทีที่มั่นใจว่าประตูร้านปิดสนิทและคนในนั้นจะไม่ได้ยินเสียงโวยวายของเธอ...“ดีม่าเป็นลูกของนีชาค่ะ เรื่องมันผ่านมานานแล้วนะคะ ให้นีชากับลูกอยู่อย่างสงบต่อไปเถอะค่ะ อย่าให้ลูกที่เกิดกับนีชา ทำให้คุณและสังคมชั้นสูงของคุณต้องมัวหมองเลย นรกในกรงทองเป็นแบบไหน นีชารู้ดีค่ะ นีชาไม่อยากให้ดีม่าต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนั้นทุกวันค่ะ” แววตาใสซื่อของสาวใสในอดีตเปลี่ยนไป นี่คือสิ่งที่ดิมิทรีรับรู้ชีวิตแท้จริงของ ‘แม่ค้าสาวข้างทาง’ อย่างเธอไม่อาจเผยอหน้าไปยืนเคียงคู่หรือเป็นแม่ของลูกเขาได้ และสิ่งสุดท้ายที่เธอต้องทำ ก็คือปกปิดความลับนี้ไว้ไม่ให้มหาเศรษฐีหนุ่มโสดชื่อกระฉ่อนในวงสังคมอย่างเขาล่วงรู้ความจริง!!แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดิมิทรีต้องการก็คือ ‘ความจริง’ ว่า ‘เด็กผู้หญิง’ นัยน์ตาสีเขียวมรกตนั่น ‘คือลูก’ ของเขาที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนั้นแน่ๆ เขามั่นใจ ‘คำปฏิเสธ’ เขาไม่ต้องการ สิ่งที่ดิมิทรีต้องการคือ ‘การยอม’ และให้เขาเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถดูแลและปกป้องชีวิตเล็กๆ นั่นบ้างในความเป็นจริงดูเธอจะไม่เต็มใจอยากใจยอมรับสักนิด แต่เมื่อความเป็นจริ
“มัมคะ?”“No!! ไม่มีการร้องขอค่ะ วันนี้ดีม่าซนเกินกว่าที่มัมจะยกโทษให้ ยอมให้คนแปลกหน้าอุ้ม ยอมรับคนแปลกหน้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ ‘เรา’ ซึ่งมัมไม่ชอบ” เธอพูดกับบุตรสาวและพยายามโฟกัสเฉพาะดวงหน้าเล็กๆ ไม่เหลือบแลไปยังคนตัวใหญ่ที่ยืนอุ้มนัชชาวีไว้ในอ้อมแขน“ดีม่า... แต่แด๊ดจะไป แด๊ดจะไปดูการกินอยู่ของหนู ว่าเหมาะสมดีพอหรือเปล่า หนูเป็นลูกสาวแด๊ด แด๊ดมีสิทธิ์ แด๊ดไม่ใช่คนแปลกหน้าเหมือนที่ใครบางคนกล่าวหา” ผู้ชายเย็นชาคนหนึ่งกำลังส่งค้อนประหลับประเหลือกให้กับผู้หญิงสาวสวยตัวเล็กบาง มันเป็นสิ่งแปลกตาที่ทีมการ์ดไม่เคยพบเห็น พวกเขาทำหน้าตาแปลกๆ สลับกับมองเจ้านายทีและผู้หญิงสวยๆ นั่นที แต่เมื่อมองดวงหน้าเล็กๆ ในอ้อมแขนเจ้านาย ความคิดสับสนสว่างวาบ!! เมื่อเด็กน้อยคนนั้น คนที่พวกเขาพากันลงความเห็นว่าถอดเค้าโครงหน้ามาจากเจ้านายเกือบทุกกระเบียดนิ้ว ยกเว้นริมฝีปากอิ่มย้อยแค่นั้น หากใคร? บอกว่าเป็นพ่อลูกกันก็คงมีคนเชื่อโป๊ะเช๊ะ!! ใช่ไหม? ข่าวด่วนฮอตนิวส์เลยนะนั่น...เรื่องนี้ต้องถึงหูมาดามโรส!!ต่างคนต่างพยักเพยิด และมีหน่วยกล้าตายอาสาส่งข่าวไปยังคฤหาสน์เบนิคอฟ เพื่อแจ้งเรื่องสำคัญให้ประมุขของบ้านรับรู้
บทที่11.อีวาน โบรีสบ้านเก่าหลังเดิมแต่สภาพน่าอยู่กว่าเดิมเยอะ เพราะคนแก่ขี้เมาคนเก่าไม่มีเหลืออยู่แล้ว อีวานเป็นคนเลี้ยงนัชชาวีมากับมือ ตั้งแต่เด็กน้อยลืมตาดูโลก เขาเฝ้าถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูสองคนกับนีรนาท อีวานจึงเป็นที่รักอันดับสอง ของนัชชาวี เด็กหญิงที่เปรียบเหมือนเจ้าหญิงของ ครอบครัว ‘โบรีส’ “ตาจ๋า ดีม่ากลับมาแล้วค่า” เจ้าตัวแสบในอ้อมกอดดิมิทรี ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว ร้องเรียกคนในบ้าน อีวานวางหนังสือพิมพ์ในมือลง เขาขยับแว่นสายตาและถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ เผลอหลับไปแปบเดียว หลานสาวสุดรักหนีหายไปเสียแล้ว กำลังคิดจะออกไปตามหา นัชชาวีก็กลับมาถึงพอดี“ดีม่า...หนูต้องถูกลงโทษนะครั้งนี้ ตาไม่ยกโทษให้เราแล้ว เพราะครั้งนี้เราทำผิดข้อตกลง” อีวานพูดเสียงเข้ม และเมื่อประตูบ้านเปิดเข้ามา เขาตกใจแทบพลัดตกเก้าอี้ ‘คนคนนั้น’ เป็นคนอุ้มหลานสาวสุดรักเข้ามาในบ้าน มันเป็นโชค
“ผมว่าคนที่ปรับตัวไม่ได้ น่าจะเป็นนีชามากกว่านะครับ อย่าพยายามหนีผมเลย เราน่าจะทำความรู้จักกันให้มากกว่าเดิม” ชายหนุ่มเอื้อมจับข้อมือเรียวบางไว้ เขาพูดช้าๆ แต่แววตาพราวระยับจนหัวอกหัวใจของนีรนาทสั่นไหว“เราสองคนไม่มีอะไรต้องปรับต้องจูนเข้าหากันค่ะ เราเป็นคนแปลกหน้าที่แค่มี ‘ลูก’ ด้วยกันแค่นั้น อย่าดึงนีชาไปเกี่ยวข้องกับคุณ ปล่อยเราสองแม่ลูกไปตามทางของเราเถอะค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงอ่อนๆ เธอรู้ดีว่าความหวังมันเป็นความทรมานอย่างหนึ่ง เมื่อมีหวังและอยากคว้ามาครอง แต่ในความเป็นจริงมันสูงสุดเอื้อมมือคว้า เพราะเขาลอยอยู่บนฟ้า ในขณะที่ตัวเองลอยเรี่ยๆ ติดพื้นดิน“คนแปลกหน้าที่มี ‘ลูก’ ด้วยกัน ก็แสดงว่าครั้งหนึ่งเราสองคนไม่ได้เป็นคนแปลกหน้ากันนี่ครับ เราชิดใกล้และแนบสนิท และหากผมต้องการแบบนั้นอีกครั้งเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเราในแน่นเฟ้นขึ้น ดีไหมครับ?” เป็นคำถามที่ดิมิทรีไม่ต้องการรอคำตอบเขาปฏิบัติการจู่โจมเพื่อกระชับพื้นที่ ร่างใหญ่หนาพลิกตัวกลับจากท่าทางเดิม คือนอนแผ่กลางเตียงมาคร่อมร่างบอบบางเอาไว้ เธอพยายามผลัก
มาดามโรสรีบชักมือกลับ เชิดปลายคางขึ้น เสยกแก้วชาที่ทิ้งไว้ขึ้นมาจิบแก้อาการขัดเขิน...“ที่นี่ใหญ่กว่าบ้านเก่าของดีม่านับสิบเท่าค่ะ ดีม่ามาอยู่เกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว ยังวิ่งไม่ทั่วบ้านเลยค่ะ” จอมแสบพูดแจ้วๆ ถึงจะไม่ได้รับความสนใจจากหญิงสูงวัยแต่เจ้าตัวสนใจที่ไหนยังพูดคุยไม่หยุด สลับกับกัดขนมในมือกินเพลินๆ“ชอบสินะ...”“ค่ะ...ชอบมากกกกกก คุณย่าเหงาไหมคะ ถ้าเหงาดีม่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนบ่อยๆ”“เห็นแก่กินล่ะสิ...ถ้าฉันไม่มีของกินจะมาหาไหมล่ะ” นางปล่อยตัวตามสบาย คลายอาการเกร็งไปเกือบครึ่ง“เปล่าค่ะ...แต่คุณย่าตาดุ๊ดุ!! ดีม่ากลัวค่ะ”“ถ้ากลัว แล้ววันนี้ทำไมถึงกล้าล่ะ”“แหะๆ ดีม่าหิวค่ะ ขนมก็ห๊อมหอมมมม”“เห็นไหมล่ะ เรานะเห็นแก่กิน ตัวบวมๆ เดี๋ยวโตไปไม่สวยนะรู้ไหม?”“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่สวยก็อยู่กับคุณย่าไงค่ะ อยู่นานนนนนนน” เด็กหญิงฉีกยิ้ม กางมือกว้างๆ อธิบายช่วงเวลาประกอบคำพูดตัวเองมาดามโรสคลี่ยิ้มอ่อนๆ เจ้าตัวเล็กนี่ชั
บริเวณสวนหย่อมร่มรื่น เนื่องจากเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ อากาศเริ่มอุ่นขึ้นและดอกไม้ใบหญ้าเริ่มผลิดอกออกใบ ดอกไม้เบ่งบานส่งกลิ่นหอมรวยริน สายลมเย็นๆ พัดโชย ช่วงเวลาบ่ายคล้อยจึงไม่ร้อนมากนักกลิ่นขนมอบลอยฟุ้งผสมกับกลิ่นน้ำชาหอมๆ จนแม้แต่เด็กน้อยที่วิ่งเล่นอยู่ไกลๆ ยังได้กลิ่น นัชชาวีทำจมูกฟุดฟิต เจ้าหล่อนสูดกลิ่นหอมๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศและเริ่มชักชวนลูกสมุนเดินตามหาต้นตอของกลิ่นหอมๆ นั้น ท้องเล็กๆ ร้องโครกคราก น้ำย่อยเริ่มทำงานจนน้ำลายในปากไหลย้อย“หอมขนมเนอะ ป้าแม่ครัวทำอะไรให้ทานเนอะวันนี้ ไปดูกันเร็ว!!” ร่างกลมป้อมออกวิ่งเหยาะๆ ตามกลิ่นขนมที่เจ้าตัวชื่นชอบ จนถึงสวนหย่อมด้านข้างที่มีเก้าอี้เหล็กสวยๆ ตั้งไว้นั่งพักผ่อน“ชะอุ้ย!!” ริมฝีปากสีสดแบะออก และรีบถอยหลังกรูดๆ เมื่อเห็นคนที่น่ากลัวอยู่ตรงนั้น สายตาของ ‘คุณย่า’ มองเธอแบบเฉยชา จนขยาดที่จะเข้าใกล้ แต่ว่า...ถาดขนมนั้นน่าสนใจ!! ทำไงดีนะดีม่า ทำยังไงจะได้ชิมขนมในถาดนั้นโดยไม่ถูกคุณย่าดุ...จอมเจ้าเล่ห์เร่งคิดหาทางแบบเร่งด่วน ดวงตาสุกใสมองขนมสีสวยในถาดตาเป็นมัน!!มาดามโรสยกแก้วชา
“ครับผมไม่เถียงเรื่องในอดีต แต่ในอนาคตนี่ ผมอยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้ ‘ลูกสาว’ ของผมเห็น ไม่อยากให้เธอรู้สึกไม่ดีกับเพศชายตั้งแต่อยู่ในบ้าน”“สมัยนี้ไม่มีคนถือเรื่องนั้นแล้วล่ะ ขอแค่มีเงินเลี้ยงดูได้ จะมีเมียหลายๆ คนคงไม่มีใครกล้าว่า”“แต่ผมถือครับ ...ครอบครัวผมไม่นิยมการมีภรรยาหลายคน”“สรุปก็คือเธอจะเบี้ยวงั้นสิ ฉันก็คงไม่ยอมให้ลูกสาวเสียชื่อฟรีๆ หรอกนะ คงรู้ใช่ไหม? ว่าฉันมีอำนาจแค่ไหน”“ครับ...พอรู้ แต่...”“อะไร!! จะเล่นแง่อะไรอีก เธอเจ้าเล่ห์กว่าที่ฉัดคิดไว้ แต่เรามันคนละรุ่นกัน ชั้นเชิงคงไม่ต้องบอกใช่ไหม!!”“ครับ ผมรู้ว่าท่านเขี้ยวเล็บเยอะ...แต่ผมก็ไม่ได้ด้อยกว่านี่ครับ” ชายหนุ่มพูดเสียงกระหึ่ม เขาไม่ยอมลงให้อันโตนอีกต่อไป เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมฟังอะไรทั้งสิ้น“อวดดี...อวดดีให้ถึงวันนั้นก็แล้วกัน เราคงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก เธอกลับไปเถอะ”“ครับ ผมขอให้ท่านคุยกับอันนาก่อน หากท่านคิดจะทำร้ายครอบครัวผม ผมค
บทที่16.เบนิคอฟกับคเซนเนีย ดิมิทรีปรากฏตัวที่หน้าตึกคเซนเนีย เขาเดินเข้าไปภายในอาคาร เหยียบถิ่นของอันนาครั้งแรกเพื่อต่อรองกับหญิงสาวเกี่ยวกับเรื่องร้ายๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้น!! และดูเหมือนว่าอันนาจะเตรียมตั้งรับไว้แล้ว เธอลงมาชั้นล่างพร้อมกับบิดา วงหน้าสวยเฉี่ยวเรียบตึง “ยินดีต้อนรับดิมิทรี ลุงไม่เจอเรานานเท่าไรแล้วนะ” ด้วยประสบการณ์ที่คร่ำหวอดอยู่บนถนนธุรกิจมายาวนานนับสิบปี อันโตนวางสีหน้าเฉยชาได้แบบแนบเนียนกว่าบุตรสาว “ไม่นานเท่าที่ท่านคิดหรอกครับ ผมพบท่านตามงานสังคมบ่อยๆ เพียงแต่ไม่ได้เข้าไปทักทาย” ดิมิทรีเองก็ไม่ได้ด้อยกว่าเขาเก็บความโกรธไว้ใต้สีหน้าเฉยชา “ไปๆ ขึ้นไปคุยที่ห้องลุงดีกว่า เราสองครอบครัวไม่ใช่คนอื่นคนไกลกัน ไปอันนาไป พาพี่เขาไปก่อน ขอพ่อไปทำธุระสักครู่แล้วจะตามไป
“เป็นไงบ้างล่ะ พอจะบอกได้หรือยังว่าใครจ้างวานแกมา” เสียงทุ้มนุ่มถามช้าๆ พร้อมกับแสงไฟสปอร์ตไลท์ที่ฉายแสงส่องหน้าเขา ผ้าคลุมถูกดึงออกไป เขาจึงได้แต่หยีตาสู้แสงไฟ...“จะฆ่าจะแกงก็เชิญ เราไม่คิดจะเปิดปากบอกใคร?”“อืม...ดีซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ใช้ได้ แต่มันจะดีกว่าไหมถ้าสามารถรักษาชีวิตตัวเองไว้ได้ ดีกว่าเอามาทิ้งเพราะคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ฉันจะไม่บอกใครว่าพวกแกพูด ฉันอยากรู้แค่นั้นว่าใคร? จ้องทำร้ายเมียกับลูกฉัน” ดิมิทรีข่มอารมณ์แทบแย่ เขาต้องรู้ให้ได้ว่าใคร? เป็นคนสั่งการและหากเป็นคนๆ นั้นจริงๆ เขาจะเอาคืนให้หนัก เพราะดูจะใจร้ายเกินไปหน่อยถึงกับฆ่าแกงกันเหมือนชีวิตไม่มีค่า“ตามสบาย...อยากทำอะไรก็เชิญ” มันตอบกลับเสียงสะบัด และผินหน้าหนีแสงไฟ“แน่ใจเหรอที่พูด หากฉันทำขึ้นมาจริงๆ แกจะเสียใจนะ เพราะใคร? ก็ตามที่ทำร้ายครอบครัวฉัน ไม่ว่าจะใคร? มันไม่สมควรมีชีวิตรอด” ดิมิทรีหยัดกายลุกขึ้นยืน เขาพอจะเดาได้ว่าใคร? แต่อยากได้ยินชัดๆ เพื่อจัดการกับตัวการ แต่ถ้ามันไม่ปริปากพูดก็คงต้องกำจัดทิ้งให้สิ้นซาก&ldqu
มาดามโรสพูดจบก็ลุกขึ้น เธอยิ้มอ่อนๆ ส่งให้สาวว่าที่คู่หมายลูกชาย แต่...คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เมื่ออันนารู้สึกจะคิดน้อยไปหน่อย ทำตามใจตัวเองและเอาอารมณ์เป็นใหญ่ จนเธอกลัวว่าเจ้าตัวจะพาความเดือดร้อนมาให้ การจะยืนยงและยิ่งใหญ่อยู่เหนือคนอื่นๆ ได้ต้องไม่มีจุดอ่อนให้คนจากภายนอกโจมตี แต่เธอเห็นข้อด้อยในตัวของหญิงสาวผู้นี้เยอะแยะ หลังจากเกิดเรื่องขึ้น...เห้อ!! น่าเสียดาย...“อันนาไม่ยอมจบแค่นี้หรอกคะ ข่าวแพร่ออกไปแล้ว อันนาเสียชื่อหากไม่ได้แต่งงานกับดิมิทรี...เพราะฉะนั้นอันนาต้องทำ” หญิงสาวกำมือแน่น ไฟโทสะลุกพรึ่บในดวงตาคู่งาม เธอไม่เคยถูกตบหน้าด้วยถ้อยคำหยามหยัน เหมือนดังเช่นที่มาดามโรสกำลังทำ คำตำหนิที่พูดเหมือนหวังดี แต่ที่ไหนได้ ผู้หญิงสูงวัยคนนั้นด่าเธอปัญญาอ่อน หาว่าไม่รู้จักคิดให้ดีก่อนทำ...ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นต้อยต่ำ และไร้เกียรติวิธีที่ดีที่สุดคือทำให้เจ้าหล่อนสูญหายไปไม่ใช่หรือ?“คุณพ่อคะ อันนาขอมือดีสัก3-4 คน อันนามีงานให้เขาทำ” เธอต่อสายหาบิดาและเปิดปากขอคนฝีมือดีๆ เพื่อกำจัดนีรนาทให้สิ้นซาก ในเมื่อเจ้าหล่อนกำลังทำให้เธอมีอุปสรรคชิ้นใหญ่
บทที่15.จุดแตกหัก‘นี่แหละ คนที่เค้ารอคอยมาทั้งชีวิต’ ดิมิทรีคิดในใจขณะที่ทอดสายตามองสองแม่ลูก นีรนาทและนัชชาวีลูกสาวสุดสวาท และเขาจะปกป้องเธอทั้งสองคน ไม่ให้อันตรายใดใดมากล้ำกลาย เด็ดขาด!!“นี่คุณจะบ้าเหรอ!! ให้เวลานีชาเก็บของสองวันแล้วย้ายไปอยู่บ้านคุณเนี่ยนะ...คุณคิดไปเองคนเดียวหรือเปล่าคะ” ขณะที่พูดใจเธอสั่นระรัวไปกับสายตาที่จริงจังของเขา กำลังมีเรื่องที่เธอไม่สมควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาด้วยซ้ำ เมื่อข่าวการหมั้นหมายระหว่าง ดิมิทรีกับอันนา กำลังเริ่มดังกระหึ่ม...“คุณคิดว่า ผมพูดเล่นอย่างนั้นเหรอนีชา ผมกำลังปกป้องครอบครัวของเรา อย่างเต็มความสามารถ...ในแบบของผม!!” ชายหนุ่มพูดฉุนๆ ดูเหมือนไม่มีใครฟังคำพูดของเขาสักคน‘บ้า… เค้าต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆๆ’ หญิงสาวคิดในใจ“ร้านคุณไฟไหม้ มันมีคนปองร้าย!! เพราะฉะนั้นคุณควรไปอยู่กับผม ผมจะให้คนของผมไปรับคุณกับดีม่ามาที่บ้านผม...”‘อ้าว’ ช่างเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองที่สุด เธอต้องพบเจอกับคน
“ครับ...ผมจะคุยกับมัมเอง...คุณอันนาช่วยอยู่เฉยๆ ได้ไหม? ครับเพราะผมคิดว่า...คุณเองก็คงไม่อยากเสียชื่อ หากเรื่องมันเตลิดไปไกลกว่าที่คิด ครั้งนี้ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นความต้องการของมัม และหากมีการเจรจา ทางคุณต้องไปคุยกับมัมเองเช่นกันครับ เพราะผมไม่ยอมตกบันไดพลอยโจนเด็ดขาด สื่อทำอะไรผมไม่ได้หรอกครับ หากคุณคิดจะใช้สื่อจริง ผมยอมเสียชื่อ แต่ไม่ยอมให้คนของผมเสียใจ” ดิมิทรีชี้แจงเสียงเย็นๆ เขาผุดลุกขึ้นยืนเหมือนกัน เพราะหาก ‘คเซนเนีย’ คิดจะใช้ลูกไม้นั้น โดยการยืมมือสื่อมาช่วย ด้วยการประโคมข่าวให้เขาตกเป็นจำเลยของสังคม เขาก็คงต้องสู้ไม่ถอยเช่นกัน“เหอะ...ก็ได้ค่ะ อันนาจะอยู่เฉยๆ แต่ถ้าเรื่องลุกลามไปไกล คุณต้องรับผิดชอบชื่อเสียงของอันนาด้วยนะคะ อันนาจะไม่ยอมเสียชื่อคนเดียวค่ะ”“ครับ...ผมจะรีบเคลียร์ให้เรื่องนี้จบลงเร็วๆ ขอให้ทางฝ่ายคุณใจเย็นๆ”อันนายอมถอยหลังกลับ แต่เธอไม่มีทางยอม เพราะเดิมพันครั้งนี้น่าสนใจ เธอจะได้ครอบครองดิมิทรีและเขี่ยผู้หญิงคนนั้นพ้นจากทางเดินของเธอ...“คุณพ่อคะ อันนาขอยืมคนมาช่วยงานสั