“แม่จ๋านีชาเรียนใกล้จบแล้ว...เสียดายจังแม่ไม่อยู่ในวันที่นีชาประสบความสำเร็จ...แม่รอดูนีชานะจ๊ะ นีชาจะหางานดีๆ ทำและจะพาแม่กลับไประเทศไทย” ความฝันสูงสุดในวันที่ชมนาดสิ้นใจเธออยากกลับบ้านเกิด และนีรนาทรับปากว่าจะต้องทำให้ได้!!
เด็กหญิงไม้ขีดไฟมีชีวิตแสนรันทด นีรนาทเองก็เช่นกันไม่ต่างอะไรกับเด็กหญิงที่ต้องขายไม้ขีดไฟเพื่อหาเงินค่าอาหารสักนิด เธอต่อสู้ดิ้นรนมาตั้งแต่มารดาเสียชีวิต เพื่อหาอาหารเลี้ยงปากท้องตัวเองและบิดา!!
เสื้อผ้าของใช้ไม่เคยได้ซื้อเพิ่มมาใหม่ ดีแต่ว่าได้รับการอนุเคราะห์จากเพื่อนบ้าน ที่สงสารเธอ เมื่อตัวเธอต้องเก็บซ่อนเงินเอาไว้เพื่อการเรียน จนไม่อยากซื้อหาอะไรนอกจากสิ่งจำเป็นจริงๆ เธอเอนกายลงนอนโดยกอดเสื้อของแม่ไว้ ขดตัวใต้ผ้าห่มเก่าๆ ของแม่ ก่อนจะหลับไปเพราะความอ่อนเพลีย
“นีชา...เอาสตางค์มาให้กูสิ กูจะไปซื้อเหล้า” เสียงโวยวายของอีวานดังขึ้น เมื่อเขาตื่นเต็มที่ ชายสูงวัยรูปร่างท้วม ผมบนศีรษะเหลือแค่ครึ่งเดียว ปลายจมูกแดงก่ำ นัยน์ตาฉ่ำเยิ้มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ยังคงค้างอยู่ในร่างกาย
หญิงสาวงัวเงียตื่นขึ้นมา เธอเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาเล็กๆ หัวนอน ‘พึ่งจะตีห้าครึ่ง’ เธอพึ่งนอนหลับไปแค่ 4 ชั่วโมงแต่ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อบิดาร้องเรียกเสียงดังลั่น
“เบาๆ แด๊ด เดี๋ยวคนข้างบ้านจะว่าเอาอีก มันยังไม่เช้าแด๊ดจะรีบไปไหนกันคะ” เธอตอบกลับเสียงแผ่วๆ รีบลุกขึ้นพับผ้าห่มและที่นอน ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้อง
“ถ้ากูช้า...กูก็อดสิ!! มึงแหกตาตื่นไปทำงานแต่เช้า ให้เงินกูไว้ไม่พอค่าข้าว” อีวานตวาดเสียงฉุนๆ เขาไม่เคยตื่นทันมันสักครั้ง เห็นแค่สตางค์วางไว้บนโต๊ะกินข้าว แต่มันไม่พอยาไส้
“แด๊ดก็ซื้อข้าวกินสิ แค่ที่ให้ไว้เหลือเฟือ เอาไปซื้อเหล้าเท่าไรมันก็ไม่พอ” เธอควานหาเศษเงินในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะยืนส่งให้บิดา
“มึงก็ให้กูเยอะกว่านี้สิ กูรู้มึงแอบยักยอกไว้ คิดจะใช้คนเดียวหรือไงล่ะ” หญิงสาวกลอกตามองฟ้า เธอทำงานหาเงินเหนื่อยสายตัวแทบขาด ไม่เคยได้ใช้เพื่อตัวเองเลย ทุกอย่างแทบจะไม่มีเหลือเพราะมันละลายลงไปในขวดเหล้า หากไม่คิดหมกเม็ดไว้ เธอจะมีเงินไปจ่ายค่าตำราเรียนได้อย่างไร ทุกวันนี้แม่แต่ชั้นใน เธอยังต้องใช้ของเก่าๆ ของแม่ ประหยัดสุดขีด เพื่อจะได้มีอนาคตที่ดีกว่านี้ แต่...บิดาที่ยังแข็งแรงไม่เคยคิดจะช่วย มีแต่จะเอาเปรียบและก่นด่า
“นีชาไม่ได้ทำงานได้วัน2-3 พันรูเบิ้ลนะแด๊ด นีชาทำงานได้แค่600รูเบิ้ล ไหนจะค่าไฟค่าน้ำ ค่าอะไรๆ จิปาถะที่แด๊ดขยันไปสร้างทิ้งไว้ ให้นีชาตามจ่าย นีชาเหนื่อยเป็นเหมือนกันนะคะ” เธอตอบกลับเสียงแข็ง เมื่อบิดากดดันจนเธอหมดความอดทน
เพี้ยะ!! มืออวบอูมสะบัดตบซีกแก้มของเธอ จนซีกหน้าชายิบเพราะความแรง เธอยกมือขึ้นจับ น้ำตาร้อนๆ ไหลริน ก่อนจะถอยหลังเข้าห้อง ปิดงับประตูห้องร่างเล็กๆ รูดลงไปกองที่พื้นพลางสะอื้นไห้ฮักๆ มือเล็กๆ ยกกอดตัวเอง ในหัวใจร่ำร้องหาแต่มารดา...แม่จ๋า...นีชาไม่อยากอยู่แล้ว นีชาอยากไปหาแม่...
“มึงปิดประตูใส่หน้ากู อย่ามาใช้มุขนี้ เอาเงินมาอีก...แค่นี้กูไม่พอกิน” ชายเห็นแก่ตัวที่ไม่เคยรับรู้ความลำบากยากเข็นของลูก เขาเมาสุราจนสมองหมดการยั้งคิด มืออวบอูมเคาะประตูห้องหนักๆ และโวยวายเสียงเข้ม
“แต่เช้าเลยนะอีวาน ไอ้เวร!! ไม่สงสารลูกบ้างไง? ทำงานตัวเป็นเกลียวจนผอมโซเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก เป็นกูนะจะทิ้งให้มึงตายอยู่กับขวดเหล้า เป็นพ่อประสาห่าอะไรวะ กินแรงลูก...มือก็มีไม่รู้จักออกไปทำงาน แดกแต่เหล้า เมื่อไรจะตายห่าเสียทีวะ” เสียงข้างบ้านตะโกนด่า แหวกความเงียบยามเช้า ชายสูงวัยโมโหสุดขีด เป็นเพราะอีนังลูกสาวตัวดี ทำให้เขาถูกเพื่อนบ้านก่นด่าแต่เช้า แค่มันให้เงินเขา ตามที่เขาต้องการก็คงไม่มีเรื่องแบบนี้ เกิดขึ้น!!
“อย่าลืมเอาเงินมาให้กูเพิ่มล่ะอีลูกเวร ถ้ากูไม่ได้...มึงเจอดีแน่ๆ” ชายสูงวัยที่ขาดสติและหมกหมุนอยู่แต่น้ำเมา เขากรรโชกเสียงเคร่งๆ ก่อนจะเดินกระแทกเท้าฝ่าความหนาวเหน็บออกไปหาเหล้ากินที่ร้านค้าข้างทาง
นีรนาทยกสองมือปาดคราบน้ำตา เธอเหลือบมองเวลาแล้วจึงถอนหายใจพรวดๆ เวลาเดินเร็วเหมือนติดปีก อยากมีเวลาในหนึ่งวันสัก 36 ชั่วโมงเธอจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้นให้พอกับรายจ่าย...หญิงสาวรีบล้างหน้าแต่งตัว เธอคว้าขนมปังแข็งๆ หนึ่งแผ่นคาบไว้มุมปากควานหาเศษสตางค์ในกระเป๋ากางเกง และวางไว้บนโต๊ะกินข้าว เพื่อตัดความรำคาญ ไม่เช่นนั้นอีวานก็จะไปก่อกวนที่ทำงาน จนเธอไม่สามารถทำงานได้...
เมื่อไร? เธอจะพ้นสภาพแบบนี้เสียที เมื่อไรที่บิดาจะคิดได้และกลับตัวเป็นคนดี ไม่ต้องออกไปทำงานก็ได้ ขอแค่ไม่ทานเหล้าเมาหยำเปแบบนี้ เธอคงไม่เหนื่อยสายตัวแทบขาดเหมือนปัจจุบัน หญิงสาวแหงนหน้ามองฟ้าและส่งเสียงวิงวอนพระองค์ผู้ยิ่งใหญ่ในใจเงียบๆ เธอไม่ได้ต้องการความสะดวกสบาย เพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่อาจไขว่คว้าสิ่งเหล่านั้นได้ เพียงแค่ขอวิงวอนเงียบๆ ขอให้พระองค์ประทานแสงสว่างให้กับเธอบ้าง ชีวิตเล็กๆ ที่อยู่ใต้การนำทางของผู้ยิ่งใหญ่ ปรารถนาอยากได้สิ่งสุขสงบ ต้องการครอบครัวอบอุ่นเหมือนเช่นคนอื่นๆ
“นีชา...เร็วๆ สายแล้ว” เสียงสาวใหญ่เจ้าของร้านเครปร้องเรียก เมื่อเธอโผล่หน้ามาจากตรอกซอยเล็กๆ
เธอส่งยิ้มให้และรีบกุลีกุจอเดินเข้าไปประจำหน้าที่ มือเล็กๆ หยิบจับงานตรงหน้าด้วยความคุ้นเคย
“คนสวยขอเครปสองอันสิ” หนุ่มคนงานเจ้าประจำเยี่ยมหน้าตรงช่องขายของ เขาร้องสั่งอาหารประจำที่ใช้รองท้องก่อนเริ่มต้นทำงานตอนเช้าตรู่
นีรนาทยิ้มรับเธอเทแป้งสีขาวขุ่นที่เจ้าของร้านเตรียมไว้ให้และเกลี่ยแป้งจนแผ่กระจายเต็มหน้าเครื่อง รอให้แป้งได้ที่จึงค่อยๆ ทาเนยและบีบวิปครีมลงไปบนนั้น ตามด้วยเครื่องประกอบที่เป็นที่นิยมไม่ว่าจะหมูหยองหรือผลไม้ก่อนจะตลบแป้งเป็นแผ่นสามเหลี่ยมใส่ในกรวยกระดาษยื่นให้ลูกค้าพร้อมรอยยิ้ม
เธอรับสตางค์ที่เขาส่งให้หย่อนลงในกระป๋องข้างตัวและสาละวนทำงานต่อเมื่อต้องเตรียมพร้อมหลายอย่าง...ราคาที่พอรับได้เพราะเป็นอาหารมื้อเช้าที่หากินได้ง่าย มีร้านเล็กๆ แบบนี้ตั้งขายกระจายอยู่ตามตรอกเล็กๆ เต็มไปหมด
วันๆ หนึ่งเธอต้องทำเครปแบบนี้ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้ง มันเป็นอาชีพของคนไม่มีทางเลือก แต่ก็สุจริตไม่ได้เบียดเบียนใคร ความจริงนีรนาทอยากเปิดร้านเอง เพราะเธอทำเป็นแทบทุกอย่างตั้งแต่การเตรียมแป้งหรือการลงมือทำ ติดตรงที่...เธอไม่มีเงินทุน เงินที่หาได้ละลายหายไปกับขวดเหล้าของบิดาเป็นส่วนใหญ่ สักวันหนึ่งในอนาคตน่า...เธอปลอบใจตัวเองและพยายามสร้างความหวัง จะได้มีกำลังแรงใจต่อสู้ต่อไปในอนาคตโดยที่ไม่ท้อแท้ไปเสียก่อน
อากาศเย็นเฉียบบาดผิวกายจนชายิบ แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ เธอเป็นคนหาชาวกินค่ำที่ต้องทน จะให้นอนสบายๆ อยู่ในบ้าน แล้วเธอจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าน้ำค่าไฟ...นี่ล่ะปัญหาของคนจน...ได้แต่แหงนมองฟ้า และวิงวอนร้องขอพระผู้เป็นเจ้าเงียบๆ
การประชุมเคร่งเครียดจบลง ได้ข้อสรุปที่ไม่ดีเท่าไร เมื่อมือมืดตัวก่อเรื่องไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น มันเก็บตัวเงียบ แค่สร้างความตื่นตระหนกให้กับเจ้าของกิจการและคนที่มาเที่ยวแล้วบังเอิญรู้เรื่องเข้า
ปัง!!
ทั้งห้องเงียบกริบ ดิมิทรีลุกขึ้นยืน เขากระแทกสันมือตัวเองบนโต๊ะ ก่อนจะกวาดตามองคนใต้บังคับบัญชาทุกคนด้วยแววตาดุดัน
“คุณรู้ใช่ไหมว่ามันไม่ควรเกิดขึ้น!!” เขาพูดช้าๆ เมื่อหาข้อสรุปไม่ได้ ว่าใครกันแน่ที่กล้าลองเชิง ‘เบนิคอฟ’
“คนร้ายคงแค่ข่มขู่ มันอาจจะเป็นการเข้าใจผิดก็ได้ครับ” หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยตอบคำถามแบบกล้าๆ กลัวๆ
“ผมรู้!! แต่ผมต้องการทีมมานที่ฝีมือทำงานได้ดีไม่มีข้อติ เอาเป็นว่า... หาตัวการให้เจอ ผมจะคุยกับไอ้หมอนั่นเองว่ามันต้องการอะไร?”
ดิมิทรีสรุปสั้นๆ เขาต้องรู้ให้ได้ว่าไอ้คนที่โทรฯ เข้ามาขู่มันหวังผลอะไร?
“ครับ เราตามสืบจนพอจะรู้เลาๆ มันอาจจะเป็นแค่การกลั่นแกล้งครับ”
“เยี่ยม!! ผมไม่ผิดหวังเลยที่เลือกคุณขึ้นมาทำงานตรงตำแหน่งนี้ สลาฟส์” ชายหนุ่มกดมุมปากเหมือนจะยิ้ม เขาเลิกหัวคิ้วขึ้น เพราะรู้ดีว่าหาก ‘สลาฟส์’ เอ่ยปากเขาต้องมีข้อมูลอยู่ในมือ
“แม่กลับก่อนแล้วกันนะ ลูกจัดการได้ตามสบาย งานเลี้ยงที่เหลือแม่จะไปแทนลูกเอง” มาดามโรส ลุกขึ้นยืน เธอไม่อยากเห็นความโหดเหี้ยมของลูกชาย เพราะเขาขึ้นชื่อจนมีแต่คนขยาด เป็นหมีขาวที่เลือดเย็นสุดๆ
“ครับ... มัม...เอาล่ะ ใครมีหน้าที่อะไรที่ต้องทำเชิญตามสบาย ผมจะคุยกับสลาฟส์เอง เชิญ...”
ชายหนุ่มผายมือไปทางประตูเหมือนกับเป็นการไล่ทางอ้อม และทุกๆ คนรู้ดีว่าดิมิทรีไม่อยากให้ใครรู้ จนกว่าเขาจะบัญชาการลงมาเกี่ยวกับคนปริศนาที่โทรศัพท์มาข่มขู่เรื่องการวางวัตถุระเบิด ทุกคนรีบเดินออกจากห้อง ถึงให้อยากรู้แค่ไหน? ก็ไม่ใครกล้าพอที่จะตื้อขอฟังด้วย...
บทที่2.เจ้าชายน้ำแข็ง“พูดมาสลาฟส์ ใคร?” น้ำเสียงเย็นเฉียบยิ่งกว่าเกล็ดหิมะด้านนอกตัวอาคาร ชายสูงวัยหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย ถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ จากข้อมูลที่สืบทราบ เขาเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน ว่าจะใช่คนคนนั้น?!! “อีวาน...โบรีส อดีต รปภ. ที่เคยทำงานที่ห้างสรรพสินค้าครับท่าน เขาถูกไล่ออกเพราะเมาสุราขณะทำงาน”“อดีต!! รปภ. ที่ถูกไล่ออก!! แล้วไอ้หมอนั้นมันต้องการอะไร?”“ผมยังไม่รู้ครับ ว่าเขาต้องการอะไรในการลงมือทำครั้งนี้ ความจริงเขาออกไปเป็นปีๆ หากมีเรื่อแค้นเคืองก็น่าจะลงมือตั้งแต่เกิดเรื่องใหม่” สลาฟส์วิเคราะห์ตามข้อมูลที่รู้มา เขาแปลกใจพอๆ กับทุกคนที่อยู่ในทีมสืบสวน“เอาตัวไอ้หมอนั่นมาให้ผม ผมจะสอบสวนมันเอง!! ให้มันรู้ไปสิว่ามันกล้า...” ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืน เขาต้องมาเสียเวลาที่แสนจะมีค่าไปกับเรื่องไร้สาระ แค่คนงานชั้นล่างสุด ก่อเรื่อง แต่มันเป็นการกระทำที่ทำให้เขาเสียรายได้มหาศาล สร้างความขุ่นเคืองในหัวใจ จนไม่อาจปล่อยวางเรื่องนี้ไปง่ายๆ ได้“ครับ” สลาฟส์รับคำเสียงหนักๆ เขาเองก็อยากรู้ว่าอีวานต้องการอะไร ชายแก่นั่นจมอยู่กับกองขวดเหล้า แล้วจู่ๆ ไอ้หมอนั่
แสงไฟฟ้าสว่างจ้า นีรนาทรีบสาวเท้าให้เร็วขึ้น เธอผลักบานประตูจนสายลมเย็นเฉียบไหลกรูเข้าไปภายใน เจ้าหน้าที่หันมามองเธอเป็นตาเดียว เพราะเวลามันดึกเกินว่าจะมีใครมาทำธุระที่สถานีตำรวจ“ขอโทษคะ อีวาน โบรีส อยู่ที่นี่ไหมคะ? หนูเป็นลูกสาวเขาอยากขอประกันตัว” เสียงถามปนเสียงหอบ เพราะเจ้าตัวรีบมาเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้“อีลูกไม่รักดี ปล่อยให้กูนอนอยู่ในนี้ตั้งหลายชั่วโมง มึงไปมุดหัวอยู่ไหนมา!!” สองมืออีวานเกาะซี่ลูกกรง เขาแผดเสียงก้องด่าทอนีรนาทเมื่อเห็นบุตรสาวปรากฏตัวขึ้นมาเคล้งๆ...“หุบปาก!! ยังจะปากดีอีก ต่อให้ขนเงินมากองไว้ก็ไม่ได้ประกันตัวหรอกน่า นอนอยู่ในนั้นแหละ คุณดิมิทรีไม่ปล่อยแกออกมาลอยนวลข้างนอกให้เกะกะนัยน์ตาเขาหรอก” เจ้าหน้าที่ยกกระบองไม้ในมือเคาะไปที่ซีลูกกรง เป็นสัญญาณเตือนชายขี้เมาว่าอย่าได้ส่งเสียงน่ารำคาญ“เห้ย!! ได้ยังไงวะ รังแกคนจนๆ ได้ไง ฉันไม่ยอม”“แกยอมหรือไม่ยอม แกก็ต้องติดคุก ถึงจะไม่ได้ลงมือทำจริงๆ แต่แกส่อเจตนาร้าย เขามีหลักฐานและพยานพร้อม ไม่มีทางดิ้นอยู่แล้ว อย่างมากก็นอนคุกสัก4 -5 ปี”“โฮๆ...” เมื่อรู้ความจริงว่าแค่เพียงอารมณ์ชั่ววูบจะทำให้ตัวเองขาดอิสรภาพและจะต้อง
“คนอย่างอีวานเป็นไม้แก่ดัดยาก เขาควรถูกคนที่เหนือกว่าสั่งสอน ฉันคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ดีเชียวแหละ”“แต่...”“เอาเถอะอยากทำอะไรก็ตามใจ ฉันขอโทษที่ซ้ำเติมพ่อเธอ มันทนไม่ไหวจริงๆ”“ขอบคุณค่ะ”“อืม...ถ้าไม่ไหวยังไง มีอะไรที่ฉันช่วยได้ฉันก็อยากช่วยนะนีชา” หล่อนพ่นลมหายใจแรงๆ พระเจ้าไม่ยุติธรรมเลย คนดีๆ ตายจากแต่คนที่สมควรตายยังคงหยัดยืนอยู่ เธอรู้จักกับชมนาดดี ผู้หญิงน่าสงสารที่อยากมีชีวิตดีขึ้น จนต้องยอมแต่งงานกันคนในพื้นที่ เพื่อจะได้ทำมาหากินได้โดยไม่ถูกเจ้าหน้าที่จับตัวส่งกลับภูมิลำเนาเดิม แต่เผอิญโชคร้าย ไปคว้าเอาอีวานมาเป็นสามี เขาออกลายทันทีที่แต่งงาน ผู้หญิงไทยคนนั้นจึงต้องก้มหน้าก้มตาหาเลี้ยงสามี และเจียดเงินส่วนหนึ่งส่งกลับไปให้คนทางบ้านเกิด สุขภาพทรุดโทรมลงทุกๆ วันเพราะต้องทำงานเพิ่มอีกเป็นเท่าตัวเพื่อให้มีเงินพอจะเจือจานคนทางบ้านและตัวเอง หล่อนเจ็บออดๆ แอดๆ และเสียชีวิตตอนที่ลูกสาวยังไม่โตเต็มที่ สองแม่ลูกที่เธอเห็นมาเกือบๆ ยี่สิบปี ช่างน่าสงสารและน่าเห็นใจ ผู้หญิงหวังพึ่งสามี และหวังว่าเขาจะทำให้ตัวเองมีการเป็นอยู่ดีขึ้น แต่สามีหรือพ่ออย่างอีวาน สมควรอย่างยิ่งที่จะถูกกำจัด เธอ
แสงอ่อนๆ ของพระอาทิตย์ยามเช้าแม้จะหม่นมัวเพราะก้อนเมฆบดบัง แต่มันก็สว่างพอจะเห็น ยัยเด็กนี่นัยน์ตาสวย ผิวแก้มอมสีชมพูระเรื่อ ขนตายาวเป็นแพเหมือนปีกผีเสื้อ รวมๆ แล้วก็หน้าตาดีไม่ใช่เล่น แต่...ที่สำคัญเธอทำให้เลือดลมเขาพุ่งพล่านและรู้สึกเป็นผู้ชนะกำลังกุมอำนาจล้นเหลืออยู่ในมือ“คนอย่างเธอจะมาทำอะไรให้ฉันได้ ฉันมีทุกอย่างเพียบพร้อม ไม่เคยต้องการอะไรจากคนอื่นๆ” ชายหนุ่มยกยิ้มหมิ่นๆ มุมปาก เขาหมุนตัวกลับเตรียมจะเดินหนี แม้จะติดใจหน้างดงามปานนางฟ้าของเจ้าหล่อนก็ตาม“ขอร้องเถอะค่ะ!! จะเอานีชาไปต้มยำทำแกงที่ไหนเมื่อไรก็ได้ ขอแค่คุณปล่อยแด๊ดนีชา” เสียงวิงวอนแหบพร่า เรือนกายสั่นระริกไม่ใช่เพราะความหนาวแต่เป็นเพราะกำลังร่ำไห้อย่างหนักที่ไหน? เมื่อไร ยังไงก็ได้รึ? ความจริงผู้หญิงที่อยู่รายรอบตัวของเขาก็มีไม่ใช่น้อย ไม่จำเป็นต้องมาคว้าผู้หญิงข้างทางขึ้นมาเป็นนางบำเรอนี่นะ แต่มันก็น่าสนใจไม่ใช่น้อยไม่ใช่รึ ผู้หญิงตรงหน้านี่ดูท่าจะยังสดสะอาด แม้จะดูสกปรกมอมแมมแต่หลังเปลื้องผ้าเก่าๆ ปอนๆ นั้นออก เธอคงงดงามไม่ใช่เล่น...“ตามมา... เข้าไปคุยข้างในดีกว่า ของนอกนี่มันหนาว อีกอย่างฉันยังไม่อยากเป็นข่าว” ช
บทที่3.หิมะกับผ้าห่ม“กลับมาแล้วโว้ย...นีชาอยู่ไหนลูก” อีวานเดินเข้าบ้าน เขาส่งเสียงโวยลั่น เขาทรุดนั่งบนเก้าอี้เก่าๆ ตัวหนึ่ง ส่งเสียงเรียกบุตรสาวเพราะจู่ๆ ก็ถูกปล่อยตัวออกมาจากที่คุมขังเงียบ...ไม่มีเสียงตอบกลับอีลูกเวรนั่นไปมุดหัวอยู่ที่ไหน? ทำไมไม่มาสนใจคอยดูแลเขาเลย...“อีเด็กเปรตนั่นหายหัวไปไหนวะ กูหิวเหล้าจะตายอยู่แล้ว” เขาก่นด่าออกมาเสียงแข็ง จะซื้อเหล้าเข้ามาเอง ในกระเป๋ากางเกงก็ไม่มีเศษเงินสักสตางค์ จึงจำใจซมซานกลับมาบ้าน แต่ก็ยังไม่ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการเสียที ร่างอวบท้วมเดินรื้อของภายในบ้านเพื่อค้นหาเศษสตางค์ไปหาซื้อเหล้ามาล้างปาก ไอ้เศรษฐีเจ้าของห้างจู่ๆ มันก็ใจดีขึ้นมา ไม่เอาเรื่องเอาราวที่เขาไปก่อไว้ ไอ้ตำรวจหน้าโง่ทั้งสถานีจึงปล่อยตัวเขากลับบ้าน...“เจอแล้วอีลูกเวรแอบซุกเงินไว้นี่เอง” ชายสูงวัยที่มัวเมาอยู่ในโลกน้ำเมาไม่สนใจความเหนื่อยยากของบุตรสาว นีรนาทสู้อุตส่าห์เก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ไว้ใช้จ่ายเกี่ยวกับการเรียน นอกเหนือที่จับจ่ายภายในบ้าน แต่ก็ยังถูกอีวานฉกเอาไปอยู่ดีเขาเปิดประตูบ้านเดินฝ่าความหนาวเย็นเพื่อไปร้านเหล้า...และจะกลับมานอนซุกตัวอยู่ในบ้านกินเหล้าเปรม
“ใจเย็นๆ นีชา ไม่ต้องกลัว ไม่ถึงตายหรอกแค่เสียตัวเอง” เธอกล่าวปลอบใจตัวเอง เป็นคำพูดหยามหยันที่ได้ยินได้ฟังยังเจ็บจี๊ดๆแปลก!! รถยนต์จอดสนิทหน้าตึกสูงระฟ้า ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้า ‘เบนิคอฟมอลล์’ เท่าไร เธอแหงนมองตัวตึกสูงระฟ้า เกล็ดหิมะล่วงหล่นใสหน้าจนรู้สึกเย็นจับขั้วหัวใจ“เชิญครับมิส!! ทางนี้ครับ” ชายชุดดำที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม เขาผายมือบอกทางให้กับนีรนาท แล้วจึงเดินนำหน้า สายตาหลายคู่เหลือบมองผู้หญิงคนหนึ่งที่การแต่งตัวขัดกับสถานที่ เสื้อเก่าๆ ปอนๆ การแต่งกายที่ไม่เหมาะกับสถานที่โอ่อ่าและมันทำให้นีรนาทรู้สึกอาย หน้าเธอร้อนฉ่าด้วยความอายสุดขีดประตูลิฟต์ปิดลง ช่วยให้เธอหายใจหายคอสะดวกขึ้น เธอเหม่อมองทิวทัศน์ผ่านกระจกใส ที่เคลื่อนที่ขึ้นไปยังจุดหมาย ทุกอย่างรอบตัวมีแต่ความเงียบและความเงียบ ผู้ชายที่นำเธอมาเหมือนหุ่นยนต์มากกว่าคนมีชีวิต เขาทำงานตามคำสั่งมหาอำนาจด้วยความแข็งขัน หน้าเย็นชาและไร้จิตใจแบบสิ้นเชิง“มิสต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำความสะอาดร่างกายก่อนครับ ผมเตรียมทุกอย่างไว้ในห้อง มิสมีเวลา สามสิบนาที ก่อนที่ท่านจะมาถึง”นีรนาทฟังเงียบๆ เธอไม่ได้แย้งหรือทักท้วง หลังพูดจบ
“ปะ... ปล่อยค่ะ...เอ่อ...นีชายังไม่เคยแต่ปล่อยนีชาก่อนได้ไหมคะ...นะคะ ให้เวลานีชาทำใจบ้าง...”“หึ หึ ฉันให้เวลาเธอมาทั้งวันแล้วเด็กน้อย ฉันคิดว่าเธอน่าจะพอทำใจได้บ้างแล้วนะ”“ค่ะ...เอ่อ นีชายอมคุณทุกอย่างอยู่แล้วค่ะ แค่ขอเวลาเพื่อทำใจบ้างเท่านั้นเอง”“แน่ใจเหรอเด็กน้อย ว่าเธอต้องทำใจ!!”ดิมิทรีชะโงกเข้าไปถามใกล้ๆ ใกล้เสียจนลมหายใจร้อนๆ ของเขาเป่ารดปลายจมูกเชิดโด่ง อยู่ๆ ในช่องท้องหญิงสาวก็ปั่นป่วน มันปวดมวนจนต้องรีบเบี่ยงหน้าหนี หน้าหวานแดงก่ำร้อนฉ่าและผิวแก้มคงขึ้นสีจัดมารยาผู้หญิงดิมิทรีเห็นมามากมาย จนไม่คิดว่าจะมีมารยาแบบไหนที่เขาไม่เคยคุ้น แต่...สิ่งที่เห็นตรงหน้า เป็นความแปลกแตกต่างที่เคยเจอ ผู้หญิงคนนี้มีอะไรบางอย่างไม่เหมือนกับที่เขาเคยเจอเป็นประจำ เธอมีความหวั่นกลัว และขลาดเขลาอ่อนแอ แต่เธอก็ยังเชิดหน้าสู้ แม้ร่างกายจะสั่นระริกเพราะความกลัว มันทำให้หัวใจหนุ่มแน่นเต้นแรง เพราะรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่า มันเหมือนกับว่าเขากำลังกำหนดชะตาชีวิตของใครคนหนึ่ง และมันหมายถึงชนะ!!ร่างสั่นระริกในอ้อมแขน กลิ่นสาปสาวส่งกลิ่นหอมยวนใจ จนหัวใจพญาหมีขาวแห่งขั้วโลกเหนือเต้นพล่าน...เขาจะอุทิศตัว
ปลายยอดสีสุกปลั่งถูกอุ้งปากร้อนชื้นอ้างับ เขาดูดซึมความหวานฉ่ำและนุ่มหยุ่นเต่งตึง ฝ่ามือร้อนๆ เคลื่อนที่เขาครอบครองเต่งเต้าข้างที่เหลือ เขาเคล้นคลึงด้วยความพอใจ บีบบี้เหมือนกำลังนวดคลึงแป้งทำขนม ที่แน่นหนึบติดฝ่ามือแต่นุ่มเนียนละมุน ความรู้สึกหวามไหวไหลปร่าแผ่กระจายทั่วทุกตารางนิ้วของผิวกาย นีรนาทเกือบหลุดเสียงครางแปลกๆ น่าอายหลายต่อหลายครั้ง เมื่อรู้สึกสยิวซาบซ่านยามที่ถูกโลมลูบตามเนื้อตามตัว ทั้งๆ ที่ตั้งใจมั่นว่าจะไม่คล้อยตาม เขาอยากทำอะไรก็ปล่อยตามใจโดยที่เธอจะเฉยชาเป็นการสนองตอบ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ร่างกายของเธอแทบจะลุกเป็นไฟ ยามเมื่อถูกฝ่ามือใหญ่ๆ ลูบไล้สัมผัส ให้ตายเถอะ!! เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะถูกปลุกง่ายดายได้ถึงเพียงนี้ กระแสไฟอ่อนๆ วิ่งพล่านทั่วทั้งตัวมันจุดประกายบางอย่างที่เธอไม่เคยรู้ และมันกำลังทำให้เธออยากรู้สิ่งต่อไปที่กำลังจะมาถึง!!ชายหนุ่มสัมผัสความเต็มตึงด้วยความพึงใจ ยิ่งลูบไล้ยิ่งสัมผัส ทุกสิ่งอย่างล้วนถูกใจ จึงเดินหน้าเต็มกำลัง...เสียงคราวผะแผ่ว ดังรอดออกมาจากกลีบปากที่เม้มแน่น ตั้งแต่ความซ่านเสียวสาดใส่จนคนใจแข็งก็ยังลืมตน ดิมิทรียกยิ้มมุมปาก เขาพรมจุมพิตหนัก