บทที่2.เจ้าชายน้ำแข็ง
“พูดมาสลาฟส์ ใคร?” น้ำเสียงเย็นเฉียบยิ่งกว่าเกล็ดหิมะด้านนอกตัวอาคาร
ชายสูงวัยหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย ถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ จากข้อมูลที่สืบทราบ เขาเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน ว่าจะใช่คนคนนั้น?!!
“อีวาน...โบรีส อดีต รปภ. ที่เคยทำงานที่ห้างสรรพสินค้าครับท่าน เขาถูกไล่ออกเพราะเมาสุราขณะทำงาน”
“อดีต!! รปภ. ที่ถูกไล่ออก!! แล้วไอ้หมอนั้นมันต้องการอะไร?”
“ผมยังไม่รู้ครับ ว่าเขาต้องการอะไรในการลงมือทำครั้งนี้ ความจริงเขาออกไปเป็นปีๆ หากมีเรื่อแค้นเคืองก็น่าจะลงมือตั้งแต่เกิดเรื่องใหม่” สลาฟส์วิเคราะห์ตามข้อมูลที่รู้มา เขาแปลกใจพอๆ กับทุกคนที่อยู่ในทีมสืบสวน
“เอาตัวไอ้หมอนั่นมาให้ผม ผมจะสอบสวนมันเอง!! ให้มันรู้ไปสิว่ามันกล้า...” ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืน เขาต้องมาเสียเวลาที่แสนจะมีค่าไปกับเรื่องไร้สาระ แค่คนงานชั้นล่างสุด ก่อเรื่อง แต่มันเป็นการกระทำที่ทำให้เขาเสียรายได้มหาศาล สร้างความขุ่นเคืองในหัวใจ จนไม่อาจปล่อยวางเรื่องนี้ไปง่ายๆ ได้
“ครับ” สลาฟส์รับคำเสียงหนักๆ เขาเองก็อยากรู้ว่าอีวานต้องการอะไร ชายแก่นั่นจมอยู่กับกองขวดเหล้า แล้วจู่ๆ ไอ้หมอนั่นมันนึกสนุกอะไรขึ้นมาถึงก่อเรื่อง แถมเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย หากดิมิทรีเอาเรื่องขึ้นมา อีวานคงได้ไปนอนตบยุงอยู่ในคุกอย่างแน่นอน
ดิมิทรีท้าวสองมือกับเอวสอบเขาเพ่งมองฝ่าความมืดมิดไปไกลแสนไกล มุมปากได้รูปกระตุกยิ้ม เขาจะจัดการคนที่กล้าลองดีให้เป็นเยี่ยงอย่าง ต่อไปจะได้ไม่มีใครกล้า มาลองเชิง ‘เบนิคอฟ’ อีก
“แค่คนชั้นต่ำ กระจอก!” เสียงเย็นชาผ่านริมฝีปากออกมา และหากอีวานรู้เขา เขาจะต้องหนาวไปถึงกระดูก เพราะความเมา ทำให้ตัวเองนึกสนุก โทรศัพท์ไปแกล้งคนที่ทำงานเดิม แต่มันเป็นความโชคร้าย ที่มีคนได้ยินและเอาไปเล่าลือ เสียงเล่าลือนั้น ทำให้ ‘เบนิคอฟมอลล์’ วันนั้นเงียบยังกับป่าช้า เป็นผลกระทบที่อีวานเองก็คาดไม่ถึง เขาแค่อยากเห็นทีมรักษาความปลอดภัยวิ่งวุ่น เหนื่อยกับการหาระเบิดเวลา ที่เขาแค่อุปโลกน์ขึ้นมาเฉยๆ
ชายชรายังไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะตกอยู่ใต้อุ้งเท้าของพญาหมีขาวที่เรืองอำนาจ อีวานกลายเป็นแค่มดปลวกตัวเล็กๆ ที่ไม่สามารถที่จะต่อสู้อะไรได้ ความผิดครั้งนี้ของเขาไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดที่ดิมิทรีจะต้องลงมือเอง เพียงแต่เขาต้องการเขียนเสือให้เศษสวะ ทั้งหลายทั้งแหล่กลัวแค่นั้น แต่มันเป็นความโชคร้ายที่อีวานกลายเป็นหนูทดลองให้กับผู้มีอำนาจ...อย่างดิมิทรี!!
ตัวบ้านเงียบกริบ ไฟฟ้าหรือฮีตเตอร์ไม่ทำงาน นีรนาทเขม่นมองบ้านหลังเล็กๆ ของตัวเองเธอไขกุญแจที่ประตูหน้าบ้าน ควานมือในความมืดกดเปิดไฟและเปิดเครื่องทำความร้อนเพื่อให้ตัวเองรู้สึกอบอุ่นขึ้น เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ตัว ทุกอย่างคงเหมือนเดิม คือมันรกระเกะระกะ เกลื่อนกระจายไปด้วยของใช้
“แด๊ดเมาอาละวาดอีกสิ แล้วไปอยู่เสียที่ไหนล่ะ บ้านปิดเงียบเชียว” เธอรำพึงแผ่ว ก้มลงเก็บข้าวของบนพื้น เข้าที่เข้าทางเหมือนเดิม
ก๊อกๆ...นีชาๆ...
เสียงเคาะประตูหน้าบ้าน กับเสียงเรียกคุ้นหู หญิงสาวจึงเดินสวบๆ ตรงไปเปิดประตู
“มีอะไรคะ แด๊ดสั่งอะไรถึงนีชาเหรอเปล่าคะ?” เธอไม่ได้รอให้คนมาใหม่เอ่ยปาก เพราะมันเป็นเรื่องปรกติที่อีวานมักจะฝากข้อความถึงเธอหากเขาออกไปสังสรรค์ไกลบ้าน
“เห้อ!! เปล่าหรอกนีชา ลุงจะบอกเรายังไงดีล่ะ ไอ้แก่ขี้เมานั่นมันไม่ได้ไปไหนหรอก เมาแอ๋อยู่ที่บ้านนี่ล่ะ แต่...ว่า”
“แต่อะไรคะลุง แด๊ดเป็นอะไร ไม่สบายเหรอคะ?” ร่องรอยวิตกกังวลในดวงตาของฝ่ายตรงข้าม ทำให้นีรนาทหวั่นวิตก อีวานไปก่อเรื่องให้เธอต้องรับผิดชอบอีกหรือไร?
“พ่อเราน่ะทำเรื่องใหญ่โตมโหฬาร!! ลุงเกรงว่าครั้งนี้คงจะต้องติดคุกนะสิ”
“คะ? อะไรนะคะ”
“ก็เมื่อ2สองสามวันก่อน ที่ห้างสรรพสินค้า ‘เบนิคอฟมอลล์’ มีข่าวลือว่ามีการวางระเบิด จนห้างต้องกันคนออกนอกพื้นที่กะทันหัน ปิดห้างก่อนเวลาต้องปิดตั้งหลายชั่วโมง” เสียงเขาเล่าแบบหนักอกหนักใจ
“เอ่อ...มันเกี่ยวกับแด๊ดตรงไหนคะ แด๊ดไม่ได้ทำงานที่นั่นเกือบปีแล้วนี่คะ?” เธอไม่เข้าใจเลยว่าเพื่อนบ้านต้องการบอกอะไร อีวานบิดาขี้เมาจนไม่น่าจะทำเรื่องร้ายๆ แบบนั้นได้ เขาไม่มีอาวุธ
“เกี่ยวสิ เกี่ยวเต็มๆ ไอ้คนที่โทรศัพท์ไปข่มขู่ห้างน่ะ พ่อเราอีวาน โบรีส เจ้าหน้าที่เขาไม่ได้ปรักปรำมีหลักฐานพร้อม”
“ไม่จริง...”
“จริงไม่จริงไม่รู้ รู้แค่ตอนนี้พ่อเราคงนอนอยู่ในกรงที่โรงพักนั้นแหละ”
น้ำตาร้อนๆ ไหลกลบดวงตาหวานฉ่ำที่มีแต่แววตาโศกเป็นนิจ เธอรีบเอ่ยปากขอบคุณเพื่อนบ้านอารี และเตรียมตัวไปสถานีตำรวจ เผื่อจะมีทางข้อร้องให้ปล่อยตัวบิดาออกมาได้ ถึงพ่อของเธอจะไม่ใช่คนดีเท่าไร เขาทั้งเอาเปรียบและดุด่า แต่เขาก็เป็นพ่อผู้ให้กำเนิด ในชีวิตของนีรนาทมีญาติสนิทแค่พ่อและแม่ หากไม่มีอีวานอีกคน เธอจะอยู่อย่างไรล่ะ
เพื่อนบ้านส่ายศีรษะ เขาสงสารและเห็นใจนีรนาท แต่เรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่าใครจะยื่นมือเข้าช่วย เพราะฝ่ายโจทย์คือ...เบนิคอฟ... ในรัสเซียมีใครไม่รู้จักบ้างล่ะ ตระกูลเบนิคอฟเป็นเศรษฐีตั้งแต่ยุคแรกๆ ไม่ใช่เศรษฐีใหม่ที่ผุดขึ้นมาเพราะธุรกิจพลังงาน ดูได้แต่ห้างสรรพสินค้านั่นไง เป็นห้างสรรพสินค้าเดียวที่มีอายุเกือบสองร้อยปี แถมขายดิบขายดีผ่านช่วงวิกฤติมาหลายครั้งหลายหน แต่ก็ไม่เคยเห็น ห้างจะปิดตัวลง มีคนใช้บริการวันล่ะเป็นหมื่นเป็นแสนคน ทำกำไรมากมายมหาศาล
“ใจเย็นๆ นะนีชา ค่อยๆ คุยกับเขา อย่าใช่อารมณ์”
“ค่ะ นีชารู้ ขอบคุณคุณลุงนะคะ”
“อืม...โชคดีนะ มีอะไรให้ช่วย ถ้าช่วยได้ลุงเต็มใจ แม้จะไม่ชอบขี้หน้าไอ้แก่อีวานก็เถอะ”
“ค่ะ...” เธอก้าวออกจากบ้านหลังปิดไฟฟ้า เตรียมเอกสารที่มีน้อยนิด เงินเก็บก้อนสุดท้ายที่เตรียมไว้หลังเรียนจบ คงต้องมีเหตุต้องใช้เสียแล้วล่ะ!! ฝีเท้าหนักๆ ย่ำลงบนพื้นคอนกรีต แม้จะไม่มีหิมะโปรยปราย แต่อากาศภายนอกก็เย็นเฉียบจนแทบจะแข็งตาย หากแต่ว่าเธอมีธุระร้อน จนไม่สามารถทนรอถึงเช้าได้ เมื่อบิดารอความช่วยเหลืออยู่ที่สถานีตำรวจ
แสงไฟฟ้าสว่างจ้า นีรนาทรีบสาวเท้าให้เร็วขึ้น เธอผลักบานประตูจนสายลมเย็นเฉียบไหลกรูเข้าไปภายใน เจ้าหน้าที่หันมามองเธอเป็นตาเดียว เพราะเวลามันดึกเกินว่าจะมีใครมาทำธุระที่สถานีตำรวจ“ขอโทษคะ อีวาน โบรีส อยู่ที่นี่ไหมคะ? หนูเป็นลูกสาวเขาอยากขอประกันตัว” เสียงถามปนเสียงหอบ เพราะเจ้าตัวรีบมาเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้“อีลูกไม่รักดี ปล่อยให้กูนอนอยู่ในนี้ตั้งหลายชั่วโมง มึงไปมุดหัวอยู่ไหนมา!!” สองมืออีวานเกาะซี่ลูกกรง เขาแผดเสียงก้องด่าทอนีรนาทเมื่อเห็นบุตรสาวปรากฏตัวขึ้นมาเคล้งๆ...“หุบปาก!! ยังจะปากดีอีก ต่อให้ขนเงินมากองไว้ก็ไม่ได้ประกันตัวหรอกน่า นอนอยู่ในนั้นแหละ คุณดิมิทรีไม่ปล่อยแกออกมาลอยนวลข้างนอกให้เกะกะนัยน์ตาเขาหรอก” เจ้าหน้าที่ยกกระบองไม้ในมือเคาะไปที่ซีลูกกรง เป็นสัญญาณเตือนชายขี้เมาว่าอย่าได้ส่งเสียงน่ารำคาญ“เห้ย!! ได้ยังไงวะ รังแกคนจนๆ ได้ไง ฉันไม่ยอม”“แกยอมหรือไม่ยอม แกก็ต้องติดคุก ถึงจะไม่ได้ลงมือทำจริงๆ แต่แกส่อเจตนาร้าย เขามีหลักฐานและพยานพร้อม ไม่มีทางดิ้นอยู่แล้ว อย่างมากก็นอนคุกสัก4 -5 ปี”“โฮๆ...” เมื่อรู้ความจริงว่าแค่เพียงอารมณ์ชั่ววูบจะทำให้ตัวเองขาดอิสรภาพและจะต้อง
“คนอย่างอีวานเป็นไม้แก่ดัดยาก เขาควรถูกคนที่เหนือกว่าสั่งสอน ฉันคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ดีเชียวแหละ”“แต่...”“เอาเถอะอยากทำอะไรก็ตามใจ ฉันขอโทษที่ซ้ำเติมพ่อเธอ มันทนไม่ไหวจริงๆ”“ขอบคุณค่ะ”“อืม...ถ้าไม่ไหวยังไง มีอะไรที่ฉันช่วยได้ฉันก็อยากช่วยนะนีชา” หล่อนพ่นลมหายใจแรงๆ พระเจ้าไม่ยุติธรรมเลย คนดีๆ ตายจากแต่คนที่สมควรตายยังคงหยัดยืนอยู่ เธอรู้จักกับชมนาดดี ผู้หญิงน่าสงสารที่อยากมีชีวิตดีขึ้น จนต้องยอมแต่งงานกันคนในพื้นที่ เพื่อจะได้ทำมาหากินได้โดยไม่ถูกเจ้าหน้าที่จับตัวส่งกลับภูมิลำเนาเดิม แต่เผอิญโชคร้าย ไปคว้าเอาอีวานมาเป็นสามี เขาออกลายทันทีที่แต่งงาน ผู้หญิงไทยคนนั้นจึงต้องก้มหน้าก้มตาหาเลี้ยงสามี และเจียดเงินส่วนหนึ่งส่งกลับไปให้คนทางบ้านเกิด สุขภาพทรุดโทรมลงทุกๆ วันเพราะต้องทำงานเพิ่มอีกเป็นเท่าตัวเพื่อให้มีเงินพอจะเจือจานคนทางบ้านและตัวเอง หล่อนเจ็บออดๆ แอดๆ และเสียชีวิตตอนที่ลูกสาวยังไม่โตเต็มที่ สองแม่ลูกที่เธอเห็นมาเกือบๆ ยี่สิบปี ช่างน่าสงสารและน่าเห็นใจ ผู้หญิงหวังพึ่งสามี และหวังว่าเขาจะทำให้ตัวเองมีการเป็นอยู่ดีขึ้น แต่สามีหรือพ่ออย่างอีวาน สมควรอย่างยิ่งที่จะถูกกำจัด เธอ
แสงอ่อนๆ ของพระอาทิตย์ยามเช้าแม้จะหม่นมัวเพราะก้อนเมฆบดบัง แต่มันก็สว่างพอจะเห็น ยัยเด็กนี่นัยน์ตาสวย ผิวแก้มอมสีชมพูระเรื่อ ขนตายาวเป็นแพเหมือนปีกผีเสื้อ รวมๆ แล้วก็หน้าตาดีไม่ใช่เล่น แต่...ที่สำคัญเธอทำให้เลือดลมเขาพุ่งพล่านและรู้สึกเป็นผู้ชนะกำลังกุมอำนาจล้นเหลืออยู่ในมือ“คนอย่างเธอจะมาทำอะไรให้ฉันได้ ฉันมีทุกอย่างเพียบพร้อม ไม่เคยต้องการอะไรจากคนอื่นๆ” ชายหนุ่มยกยิ้มหมิ่นๆ มุมปาก เขาหมุนตัวกลับเตรียมจะเดินหนี แม้จะติดใจหน้างดงามปานนางฟ้าของเจ้าหล่อนก็ตาม“ขอร้องเถอะค่ะ!! จะเอานีชาไปต้มยำทำแกงที่ไหนเมื่อไรก็ได้ ขอแค่คุณปล่อยแด๊ดนีชา” เสียงวิงวอนแหบพร่า เรือนกายสั่นระริกไม่ใช่เพราะความหนาวแต่เป็นเพราะกำลังร่ำไห้อย่างหนักที่ไหน? เมื่อไร ยังไงก็ได้รึ? ความจริงผู้หญิงที่อยู่รายรอบตัวของเขาก็มีไม่ใช่น้อย ไม่จำเป็นต้องมาคว้าผู้หญิงข้างทางขึ้นมาเป็นนางบำเรอนี่นะ แต่มันก็น่าสนใจไม่ใช่น้อยไม่ใช่รึ ผู้หญิงตรงหน้านี่ดูท่าจะยังสดสะอาด แม้จะดูสกปรกมอมแมมแต่หลังเปลื้องผ้าเก่าๆ ปอนๆ นั้นออก เธอคงงดงามไม่ใช่เล่น...“ตามมา... เข้าไปคุยข้างในดีกว่า ของนอกนี่มันหนาว อีกอย่างฉันยังไม่อยากเป็นข่าว” ช
บทที่3.หิมะกับผ้าห่ม“กลับมาแล้วโว้ย...นีชาอยู่ไหนลูก” อีวานเดินเข้าบ้าน เขาส่งเสียงโวยลั่น เขาทรุดนั่งบนเก้าอี้เก่าๆ ตัวหนึ่ง ส่งเสียงเรียกบุตรสาวเพราะจู่ๆ ก็ถูกปล่อยตัวออกมาจากที่คุมขังเงียบ...ไม่มีเสียงตอบกลับอีลูกเวรนั่นไปมุดหัวอยู่ที่ไหน? ทำไมไม่มาสนใจคอยดูแลเขาเลย...“อีเด็กเปรตนั่นหายหัวไปไหนวะ กูหิวเหล้าจะตายอยู่แล้ว” เขาก่นด่าออกมาเสียงแข็ง จะซื้อเหล้าเข้ามาเอง ในกระเป๋ากางเกงก็ไม่มีเศษเงินสักสตางค์ จึงจำใจซมซานกลับมาบ้าน แต่ก็ยังไม่ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการเสียที ร่างอวบท้วมเดินรื้อของภายในบ้านเพื่อค้นหาเศษสตางค์ไปหาซื้อเหล้ามาล้างปาก ไอ้เศรษฐีเจ้าของห้างจู่ๆ มันก็ใจดีขึ้นมา ไม่เอาเรื่องเอาราวที่เขาไปก่อไว้ ไอ้ตำรวจหน้าโง่ทั้งสถานีจึงปล่อยตัวเขากลับบ้าน...“เจอแล้วอีลูกเวรแอบซุกเงินไว้นี่เอง” ชายสูงวัยที่มัวเมาอยู่ในโลกน้ำเมาไม่สนใจความเหนื่อยยากของบุตรสาว นีรนาทสู้อุตส่าห์เก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ไว้ใช้จ่ายเกี่ยวกับการเรียน นอกเหนือที่จับจ่ายภายในบ้าน แต่ก็ยังถูกอีวานฉกเอาไปอยู่ดีเขาเปิดประตูบ้านเดินฝ่าความหนาวเย็นเพื่อไปร้านเหล้า...และจะกลับมานอนซุกตัวอยู่ในบ้านกินเหล้าเปรม
“ใจเย็นๆ นีชา ไม่ต้องกลัว ไม่ถึงตายหรอกแค่เสียตัวเอง” เธอกล่าวปลอบใจตัวเอง เป็นคำพูดหยามหยันที่ได้ยินได้ฟังยังเจ็บจี๊ดๆแปลก!! รถยนต์จอดสนิทหน้าตึกสูงระฟ้า ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้า ‘เบนิคอฟมอลล์’ เท่าไร เธอแหงนมองตัวตึกสูงระฟ้า เกล็ดหิมะล่วงหล่นใสหน้าจนรู้สึกเย็นจับขั้วหัวใจ“เชิญครับมิส!! ทางนี้ครับ” ชายชุดดำที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม เขาผายมือบอกทางให้กับนีรนาท แล้วจึงเดินนำหน้า สายตาหลายคู่เหลือบมองผู้หญิงคนหนึ่งที่การแต่งตัวขัดกับสถานที่ เสื้อเก่าๆ ปอนๆ การแต่งกายที่ไม่เหมาะกับสถานที่โอ่อ่าและมันทำให้นีรนาทรู้สึกอาย หน้าเธอร้อนฉ่าด้วยความอายสุดขีดประตูลิฟต์ปิดลง ช่วยให้เธอหายใจหายคอสะดวกขึ้น เธอเหม่อมองทิวทัศน์ผ่านกระจกใส ที่เคลื่อนที่ขึ้นไปยังจุดหมาย ทุกอย่างรอบตัวมีแต่ความเงียบและความเงียบ ผู้ชายที่นำเธอมาเหมือนหุ่นยนต์มากกว่าคนมีชีวิต เขาทำงานตามคำสั่งมหาอำนาจด้วยความแข็งขัน หน้าเย็นชาและไร้จิตใจแบบสิ้นเชิง“มิสต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำความสะอาดร่างกายก่อนครับ ผมเตรียมทุกอย่างไว้ในห้อง มิสมีเวลา สามสิบนาที ก่อนที่ท่านจะมาถึง”นีรนาทฟังเงียบๆ เธอไม่ได้แย้งหรือทักท้วง หลังพูดจบ
“ปะ... ปล่อยค่ะ...เอ่อ...นีชายังไม่เคยแต่ปล่อยนีชาก่อนได้ไหมคะ...นะคะ ให้เวลานีชาทำใจบ้าง...”“หึ หึ ฉันให้เวลาเธอมาทั้งวันแล้วเด็กน้อย ฉันคิดว่าเธอน่าจะพอทำใจได้บ้างแล้วนะ”“ค่ะ...เอ่อ นีชายอมคุณทุกอย่างอยู่แล้วค่ะ แค่ขอเวลาเพื่อทำใจบ้างเท่านั้นเอง”“แน่ใจเหรอเด็กน้อย ว่าเธอต้องทำใจ!!”ดิมิทรีชะโงกเข้าไปถามใกล้ๆ ใกล้เสียจนลมหายใจร้อนๆ ของเขาเป่ารดปลายจมูกเชิดโด่ง อยู่ๆ ในช่องท้องหญิงสาวก็ปั่นป่วน มันปวดมวนจนต้องรีบเบี่ยงหน้าหนี หน้าหวานแดงก่ำร้อนฉ่าและผิวแก้มคงขึ้นสีจัดมารยาผู้หญิงดิมิทรีเห็นมามากมาย จนไม่คิดว่าจะมีมารยาแบบไหนที่เขาไม่เคยคุ้น แต่...สิ่งที่เห็นตรงหน้า เป็นความแปลกแตกต่างที่เคยเจอ ผู้หญิงคนนี้มีอะไรบางอย่างไม่เหมือนกับที่เขาเคยเจอเป็นประจำ เธอมีความหวั่นกลัว และขลาดเขลาอ่อนแอ แต่เธอก็ยังเชิดหน้าสู้ แม้ร่างกายจะสั่นระริกเพราะความกลัว มันทำให้หัวใจหนุ่มแน่นเต้นแรง เพราะรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่า มันเหมือนกับว่าเขากำลังกำหนดชะตาชีวิตของใครคนหนึ่ง และมันหมายถึงชนะ!!ร่างสั่นระริกในอ้อมแขน กลิ่นสาปสาวส่งกลิ่นหอมยวนใจ จนหัวใจพญาหมีขาวแห่งขั้วโลกเหนือเต้นพล่าน...เขาจะอุทิศตัว
ปลายยอดสีสุกปลั่งถูกอุ้งปากร้อนชื้นอ้างับ เขาดูดซึมความหวานฉ่ำและนุ่มหยุ่นเต่งตึง ฝ่ามือร้อนๆ เคลื่อนที่เขาครอบครองเต่งเต้าข้างที่เหลือ เขาเคล้นคลึงด้วยความพอใจ บีบบี้เหมือนกำลังนวดคลึงแป้งทำขนม ที่แน่นหนึบติดฝ่ามือแต่นุ่มเนียนละมุน ความรู้สึกหวามไหวไหลปร่าแผ่กระจายทั่วทุกตารางนิ้วของผิวกาย นีรนาทเกือบหลุดเสียงครางแปลกๆ น่าอายหลายต่อหลายครั้ง เมื่อรู้สึกสยิวซาบซ่านยามที่ถูกโลมลูบตามเนื้อตามตัว ทั้งๆ ที่ตั้งใจมั่นว่าจะไม่คล้อยตาม เขาอยากทำอะไรก็ปล่อยตามใจโดยที่เธอจะเฉยชาเป็นการสนองตอบ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ร่างกายของเธอแทบจะลุกเป็นไฟ ยามเมื่อถูกฝ่ามือใหญ่ๆ ลูบไล้สัมผัส ให้ตายเถอะ!! เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะถูกปลุกง่ายดายได้ถึงเพียงนี้ กระแสไฟอ่อนๆ วิ่งพล่านทั่วทั้งตัวมันจุดประกายบางอย่างที่เธอไม่เคยรู้ และมันกำลังทำให้เธออยากรู้สิ่งต่อไปที่กำลังจะมาถึง!!ชายหนุ่มสัมผัสความเต็มตึงด้วยความพึงใจ ยิ่งลูบไล้ยิ่งสัมผัส ทุกสิ่งอย่างล้วนถูกใจ จึงเดินหน้าเต็มกำลัง...เสียงคราวผะแผ่ว ดังรอดออกมาจากกลีบปากที่เม้มแน่น ตั้งแต่ความซ่านเสียวสาดใส่จนคนใจแข็งก็ยังลืมตน ดิมิทรียกยิ้มมุมปาก เขาพรมจุมพิตหนัก
บทที่4.เปลวไฟพิศวาสมือแข็งแรงยกชายชุดเดรสสีขาวขึ้นจรดปลายจมูก หลุบเปลือกตาลง แล้วสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่โชยออกมาจากเสื้อตัวนั้นเข้าปอดลึกๆ กลิ่นหอมหวานนั้นปะปนแผ่วเบารวมกับกลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเขานั่นเองแม้กลิ่นจะเบาบางเพราะนีรนาทสวมไว้ไม่นาน แต่ดิมิททรีกลับสัมผัสได้อย่างชัดเจน เพราะกลิ่นนี้ เขาเพิ่งซุกไซ้สูดดมแบบคลั่งไคล้ เมื่อสักครู่ที่ผ่านมานั่นเอง เสียงทุ้มครวญครางเรียกหาเจ้าของกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ตราตรึงใจนั้นแผ่วเบาทว่าอ่อนหวานยิ่งนัก“นีชา...”ชายหนุ่มสะดุ้งโหย่ง!! เขารีบเหวี่ยงชุดเดรสในมือทิ้งไป สายตาคมกวาดมองรอบห้องที่เงียบผิดปรกติ หลังจากใช้เวลาทำใจพักใหญ่ในห้องน้ำเกือบสิบนาที“ไปไหนนะ?” ดิมิทรีรำพึงแผ่วๆ แต่ก็ไม่หยุดมองหาเจ้าของกลิ่นที่ทำให้เขาว้าวุ้นใจ เมื่อแม้แต่การป้องกันตัว ยังลืม!!ดิมิทรีเดินหาเจ้าหล่อนทั่วห้อง ไม่เห็นแม้แต่เงา? และตอนนี้เขากำลังโกรธจัด!! รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีความหมาย ถูกผู้หญิงทิ้งไปแบบไม่ให้ตั้งตัว ที่สำคัญเขายังไม่อิ่ม!! แต่ตกใจตัวเอง เลยขอถอยไปตั้งหลักก่อน...“พวกแกปล่อยเธอไปงั้นเหรอ!! ใครสั่งวะ?” อารมณ์เดือดพล่านวิ่งตามกระแสเลือดและมันเป็นครั้งแรก