ทะลุมิติมาทั้งทีได้แค่แม่ไก่อ้วนพีตัวเดียวเนี่ยนะ มารดามันเถอะ ไอ้ผู้คุมวิญญาณเฮงซวย!
View Moreบทที่ 34 ขยายเรือนอีกครั้ง วันนี้ก็เป็นอีกวันที่มีไข่ไก่เหลืออยู่นับยี่สิบฟองซึ่งมากกว่าทุกวัน นั่นยิ่งตอกย้ำไปอีกว่ากิจการขายไข่ไก่เริ่มสั่นคลอนเล็กน้อย ยิ่งยามนี้แม่ไก่สาวเริ่มเติบโตเต็มที่ไข่ไก่ที่ออกมาล้วนแต่ขนาดที่ใหญ่จนต้องขึ้นราคามาเป็นฟองละห้าอีแปะ ทำให้สูญเสียลูกค้าไปบ้างแต่ก็ส่วนน้อยเนื่องจากขนาดของมันนั้นใหญ่มากกว่าร้านที่ขายในราคาเดียวกันเสียอีก “คุณชายกลับกันเถิดขอรับ หากรอไปมากกว่านี้เห็นทีจะถึงเรือนหลังตะวันตกดิน มันไม่เป็นผลดีแน่ขอรับ” การเดินทางไปยังหมู่บ้านซีเป่ยหลังตะวันตกดินนั้นมิใช่เรื่องที่ดีเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไม่มีเพื่อนร่วมทางแล้วด้วยมันจะกลายเป็นเป้าโจมตีของพวกโจรป่าที่ชอบดักปล้นชิงคนที่เดินทางเพียงลำพังยามค่ำคืน ฉะนั้นกันไว้ดีกว่า
บทที่ 33 พ่อบ้านสกุลหยาง อาการของทาสที่หยางเทียนหรงไถ่ตัวออกมานั้นนับว่าสาหัสพอสมควร เพราะบาดแผลมิได้มีเพียงแค่รอยจากแส้เท่านั้น มันยังมีรอยจากการถูกคมดาบเฉือนเนื้อมากมายนับไม่ถ้วน จนไม่คาดคิดเลยว่าทาสผู้นี้จะมีชีวิตรอดได้นานมากเพียงนี้ “ข้าจัดการบาดแผลภายนอกจนหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ให้บุรุษผู้นั้นตื่นขึ้นมาดื่มโอสถแก้บอบช้ำภายในเท่านั้น” “ขอบคุณท่านหมอที่ช่วยเหลือท่านลุงผู้นี้เอาไว้นะขอรับ” “ลุงของเจ้าหรือ” “มิใช่ขอรับ เขาเป็นทาสที่ข้าได้ช่วยเหลือเอาไว้เพราะไม่อยากให้คนผู้นี้ถูกพ่อค้าทาสทุบตีจนตาย&
บทที่ 32 ช่วยเหลือทาส “อ้าก” เสียงกรีดร้องของทาสตรงหน้าทำให้เด็กน้อยถึงกับชายอาภรณ์ของบิดาเอาไว้แน่นก่อนจะกระตุกสองคราเพื่อเรียกให้บิดาสนใจตนเอง “หึ ร้องออกมาทาสผู้โง่เขลา คิดว่าข้าทาสไร้ราคาเช่นเจ้าข้าจะมิกล้าทุบตีให้ตายหรือ” เสียงทุบตีทาสดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาชาวบ้านหรือแม้แต่นักเดินทางให้หันมามุงดูคนถูกทำร้ายโดยที่ไม่มีผู้ใดกล้ายื่นมือเข้าไปช่วยเหลือแม้แต่คนเดียว แม้แต่ทหารที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ไม่ใส่ใจอีกฝ่ายเมินเฉยราวกับว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำจนเคยชิน เกินไปแล้ว ค
บทที่ 31 ปรับราคาไข่ไก่ เกวียนม้าเทียมกำลังจะเดินทางออกจากเรือนสกุลหยางแต่ไม่ทันได้ออกตัวกลับถูกสตรีนางหนึ่งเดินมาขวางทางเอาไว้เสียก่อน พร้อมเอ่ยเสียงดังด้วยน้ำเสียงเชิงข่มขู่แกมบังคับจนทำให้ชาวบ้านที่กำลังเดินขวักไขว่ไปมาอยู่นั้นหยุดเดินแทบจะทันทีแล้วจับกลุ่มแอบสนทนากันอย่างออกรสว่าวันนี้สตรีนางนี้จะก่อเรื่องอันใดอีก “ป้าซุนจะไปขายของในเมืองหรือขอรับ” “ก็ใช่น่ะสิ ข้าอุตส่าห์เตรียมของรอพวกเจ้าตั้งแต่ยามเหม่า เหตุใดพวกเจ้าสองพ่อลูกจึงออกจากเรือนเชื่องช้านักปล่อยให้ข้ารอตั้งหนึ่งชั่วยาม บ้าไปแล้วหรือ!” หลี่อี้ซุนตวาดออกมาด้วยความฉุนเฉียวที่วันนี้นางต้องออกเดินทางไปขายเนื้อไก่ช้ากว่าที่เคยจนมารดาของสามีเอ่ยถากถางหาว่านางเริ่มทำตัวเกียจคร้าน&
บทที่ 30 มีชีวิตอย่างเข้มแข็ง ฤดูหนาวของหมู่บ้านที่อยู่ติดเขาเหลียนซานนับว่าเลวร้ายกว่าที่อื่นมากนัก ด้วยเขาแห่งนี้เมื่อเข้าสู่เหมันต์ฤดูภูเขาทั้งลูกจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน บรรดาพืชพันธุ์และสัตว์ป่าล้วนเข้าสู่ฤดูการจำศีล หมู่บ้านซีเป่ยก็เช่นเดียวกันยามนี้ทั่วทั้งหมู่บ้านล้วนมีแต่หิมะสูงเทียมเอวของบุรุษร่างสูงใหญ่การเดินฝ่าหิมะออกมาเพื่อที่จะเดินทางไปยังเมืองท่าซือหลินนั้นมิใช่เรื่องง่ายและมันไม่คุ้มค่าพอที่จะเสี่ยงด้วย เพราะอาจทำให้สูญเสียม้าที่เป็นตัวลากเกวียนได้ ฉะนั้น ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงใช้ชีวิตอยู่ในเรือนของตนเองเหมือนดัง หยางเทียนหรงและบิดาที่ยามนี้กำลังนั่งกินอาหารรสชาติเผ็ดร้อนเพื่อคลายความหนาวเหน็บที่กำลังเผชิญอยู่ด้วยการกินหม้อไฟหมาล่าที่เคยทำไปคราก่อน มาวันนี้ได้ท
บทที่ 29 หมูป่าตัวเขื่อง หลังจากผ่านเหตุการณ์คนบ้านใหญ่บุกเข้ามาทำร้ายสองพ่อลูกถึงในเรือนแต่ได้นายช่างโม่ช่วยเหลือเอาไว้ได้ แต่คนกลับไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นหลายคนพุ่งเป้ามาที่สิ่งของที่ทั้งสองได้กลับมาหลังเข้าเมืองไปต่างหาก โดยเฉพาะเรื่องที่เด็กน้อยนั้นเก็บสมุนไพรราคาแพงได้จนสามารถซื้อเกวียนพร้อมม้าได้ถึงสองตัว อีกทั้งยังมือเติบสร้างเรือนให้ไก่หลังโตจนหลายคนต่างเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่า หลานชายของยายเฒ่าโจวช่างโง่งมยิ่งนัก มีอย่างที่ไหนเสียเงินมากมายเพื่อไก่แค่สองตัว แล้วเรื่องก็ลือไปจนถึงหูของยายเฒ่าที่ยามนี้เริ่มขยับกายได้บ้างแล้ว นางได้ยินถึงกับอยากกระอักโลหิตออกมาพ่นใส่ใบหน้าของหลานชังผู้นั้นนัก ก
บทที่ 28 เรือนหลังน้อยของเจินเจินและเจาเจา โม่หรงและคนงานจัดการซ่อมแซมเรือนสกุลหยางจนกลับมาดูดีเช่นเดิมจนเสร็จสิ้นภายในสองวัน จนเข้าวันที่สามที่เด็กน้อยร้องขอเพิ่มอีกว่าต้องการโรงเรือนสำหรับเลี้ยงไก่สองตัว คราแรกช่างไม้เข้าใจไปว่าผู้จ้างงานอยากได้เพียงแค่เล้าไก่เล็ก ๆเท่านั้น เพราะเห็นเพียงไก่อวบอ้วนเพียงสองตัว แต่กลายเป็นว่าเจ้าหนูเทียนหรงอยากได้เรือนหลังน้อยเอาไว้ให้ไก่ทั้งสองตัวเสียนี่ “เจ้าหนู แน่ใจแล้วหรือที่จะสร้างเรือนให้ไก่ของเจ้าน่ะ มันใช้ตำลึงไม่น้อยนะเจ้ายอมจ่ายเพื่อไก่สองตัวนี้เชียวหรือ” โม่หรงเอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เขาไม่อยากให้เด็กน้อยใช้ตำลึงไปโดยเปล่าประโยชน์ &ldq
บทที่ 27 ก่อนเหมันต์มาเยือนหลังจากที่บิดาหลับไปแล้วมันจึงเป็นเวลาของเด็กน้อยที่จะได้ใช้มันว่าวันนี้จะได้สิ่งใดกลับเรือนไปบ้างหยางเทียนหรงจึงไปเดินเลือกซื้อถ้วยใบใหม่เสียหลายใบ กระทะสองใบ และหม้อสำหรับหุงข้าวสารกับหม้อต้มอีกสามใบ เหมือนเขาจะเห็นหม้อนึ่งซาลาเปาจึงหยิบมันมาด้วย“เท่าไหร่หรือขอรับเถ้าแก่”เถ้าแก่ร้านขายเครื่องครัวเดินปรี่เข้ามาลูกค้าตัวน้อยที่ตั้งแต่เดินเข้าในร้านก็หยิบมันแบบไม่คิดถามราคาแต่อย่างใด อีกทั้งยังเลือกจำนวนมากกว่าหนึ่งชิ้น ทำเอาเถ้าแก่อย่างตนหน้าบานชื่นมื่น“คุณชายเครื่องครัวทั้งหมดนี้ราคาเจ็ดสิบอีแปะขอรับ อ้อ ข้าแถมซึ้งนึ่งให้คุณชายด้วยสองอัน”ไม่แพงเท่าใดนักเขาจึงควักตำลึงจ่ายไปโดยไม่ลังเล“เถ้าแก่ให้คนไปส่งที่โรงหมอเสิ่นหยางได้หรือไม่ขอรับ พอดีว่าเกวียนม้าของข้าจอดอยู่ที่นั่น”“ได้ ได้ คุณชายไม่ต้องกังวลข้าน้อยจะให้เด็กรับใช้นำไปส่งให้ถึงเกวียนเลยขอรับ”“ขอบคุณเถ้าแก่”“อย่าลืมแวะมาเลือกซื้ออีกนะคุณชาย”นอกจากนี้เขายังเข้าร้านขายวัตถุดิบอีกครั้งเพื่อไปเลือกซื้อแป้งสำหรับลองทำบะหมี่ดูเผื่อจำศีลในช่วงฤดูหนาวเขาจะทำให้บิดากิน แต่ความรู้ในด้านนี้น้อยเหลือเกิน
บทที่ 26 บิดาหายดี หลังจากที่ลุงเฉินกลับออกไปแล้วเด็กน้อยทำการผสมรำข้าวกับเม็ดข้าวโพดที่นั่งแกะมันออกเข้าด้วยกันแล้วหว่านลงใกล้กลับบริเวณที่เคยปล่อยไส้เดือนเอาไว้ก่อนหน้า เพื่อให้แม่ไก่ทั้งสองตัว? ได้กินอาหารที่ดีและบำรุงตัวมันเองด้วย จากนั้นจึงเดินไปดูลังไม้ที่ทำเอาไว้ให้เจินเจินและเจาเจานอนเพื่อออกไข่กลับพบว่าสีเปลือกไข่ต่างจากที่เคยเก็บมาโดยตลอด อีกทั้งลังไม้ของเจาเจาไม่มีไข่เลยแม้แต่ฟองเดียว หรือแท้จริงแล้วเจาเจามันจะเป็นตัวผู้กัน แต่มันตัวอวบอ้วนไม่ต่างจากเจินเจินเลยแม้แต่น้อยมันจะใช่ตัวผู้แน่หรือ “เจินเจินเหตุใดไข่ของเจ้าใบใหญ่ขึ้นกว่าเดิมนัก มันเน่าหรือ” เด็กน้อยตะโกนถามแม่ไก่ตัวอ้วนด้วยความสงสัยหลังเห็นไข่ไก่นับสิบฟองเป็นเหมือนกันทั้งหมด กุ๊ก กุ๊ก มันเดินมาแล้วส่ายหน้า “แล้วมันเป็นอะไร สีก็แปลกตากว่าที่ข้าเคยเห็นอีก” กุ๊ก กุ๊ก นอกจากจะไม่ได้คำตอบแล้ว เจาเจาก็เดินขึ้นไปกกไข่หลังจากกินจนอิ่มหนำ ส่วนเจินเจินก็เดินมาส่ายหน้าให้กับตนแล้วขึ้นนั่งกกไข่เบียดกันสองตัวจนแทบไม่มีที่ว่าง
บทที่ 1 เด็กอัปมงคล“เอาผิงกั๋วมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ เจ้าเด็กสารเลว” เสียงก่นด่าพลางแกะมือน้อย ๆ ออกจากผลผิงกั๋วที่หลานชายกำมันเอาไว้แน่นด้วยความโมโห เพราะอีกฝ่ายขัดขืนนางจึงลงมือผลักไหล่เจ้าตัวจนเด็กน้อยล้มลงไปบนพื้นดิน “ท่านยายเอาคืนข้ามานะขอรับ นี่มันของท่านพ่อของข้านะ” หลานชังวัยแปดปีอย่าง ‘หยางเทียนหรง’ ไม่ยินยอมจึงเกิดการแย่งชิง แต่แรงอันน้อยนิดของเด็กน้อยมันจะสู้แรงของยายเฒ่าแสนอ้วนท้วมได้อย่างไรกัน พลัก ตุบ “โอ้ย ฮึก” “ให้ข้ามาตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่องแล้ว” ยายเฒ่าไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อยว่าหลานชายตรงหน้าจะเจ็บปวดที่ใดนางสนแค่เพียงผลไม้ลูกโตนี่เท่านั้น “แต่ผิงกั๋วผลนั้นข้าเก็บมันมาให้ท่านพ่อไม่ใช่ท่านยายนะขอรับ” เด็กน้อยยังคงไม่ยินยอม และพยายามลุกขึ้นเพื่อที่จะช่วงชิงกลับคืนมาด้วยมันเป็นอาหารมื้อเย็นของบิดา เจ้าตัวน้อยไม่สามารถมอบมันให้บ้านใหญ่ได้อีกต่อไป “เพ้ย เดี๋ยวนี้เจ้ากล้าปากเก่งกับข้าเรอะเจ้าเด็กสารเลว สงสัยอยากจะลองดี อาหลางไปเอาท่อนไม้มาให้ข้า วันนี้ข้าจะสั่งสอนเด็กเลวนี่ให้รู้สำนึกว่าควรนึกถึงผู้ใดเป็นคนแรก หากหาอ...
Comments