Share

บทที่ 6 จากไปแล้ว

last update Last Updated: 2025-02-10 13:00:32

บทที่ 6 จากไปแล้ว

          “ฮ่า ฮ่า ข้าจะบอกให้เจ้ารู้เอาไว้ ว่าบุตรชายที่เจ้ารักนักหนายามนี้ คงกลายเป็นอาหารสัตว์ป่าไปแล้ว อดีตบุตรเขยของข้าเอ๋ย”

เท้าของหญิงชราเหยียบลงกลางอกของบุรุษที่มีรูปลักษณ์ซูบตอบอีกทั้งยังตาบอดจนช่วยตนเองแทบไม่ได้ ชาวบ้านหลายคนมามุงดูแต่ก็รีบกลับไปหลังเจอคำขู่จากภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านว่าจะไม่ให้กู้ยืมตำลึงหากมาช่วยอดีตลูกเขยไร้ค่า

สาเหตุที่ชาวบ้านเพิกเฉยการช่วยเหลือสองพ่อลูกนั่นเป็นเพราะสกุลอันทำการปล่อยเงินกู้โดยใช้ที่นามาแลกเปลี่ยนและยังคิดดอกเบี้ยเจ็ดส่วนจากสิบส่วน แม้จะดูขูดเลือดไปแต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยแย้งด้วยเกรงกลัวว่าตนเองจะไม่ได้เงิน

          “ยายแก่นี่เอาอีกแล้วนะ ไหนบอกแยกบ้านกันไปแล้วไง ทำไมถึงได้มาวุ่นวายกับสองพ่อลูกนี่อีก ตัวเองก็มีเงินมากกว่าแท้ ๆ”

          พลัก

          “ท่านพ่อ ไม่นะ” เอ่ยพึมพำกับตนเองได้ไม่นานหยางเทียนหรงที่หลบซ่อนตัวอยู่ใกล้ประตูทางเข้าก็ต้องวิ่งออกมาอย่างรวดเร็วเพราะหญิงชรากำลังจะเอาท่อนไม้ฟาดไปยังศีรษะบิดาของตน

          มันจะมากเกินไปแล้ว

          อาภรณ์ที่ห่อไข่ไก่และสมุนไพรถูกวางแอบเอาไว้อยู่หลังกอหญ้า จากนั้นตนจึงวิ่งออกไปผลักหลังของหญิงชราออกไปให้ไกลจากบิดาของตน สองแขนกางออกเพื่อปกป้องบิดาให้รอดพ้นจากหญิงชราที่แสนร้ายกาจผู้นี้

          “นี่เจ้ายังไม่ตาย!” โจวซือเหยียนเบิกตาโพลงหลังเห็นคนที่กล้าเข้ามาผลักตนเองเมื่อครู่เป็นผู้ใด ท่อนไม้ในมือสั่นระรัวจนมันหลุดออกจากมือเหี่ยวย่นหยาดเหงื่อไหลซึมลงมายังคาง  

          “เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อตอนนั้นเจ้าไม่หายใจแล้ว” อันซีเหมยเอ่ยเสียงดังด้วยความตื่นตระหนก เพราะนางเป็นผู้พิสูจน์เองกับมือว่าหลานแสนชังผู้นี้ไม่หายใจแล้วจริง ๆ 

          “หลานจะตายก่อนท่านยายกับท่านป้าได้อย่างไรกันขอรับ หากเป็นเช่นนั้นข้าคงเป็นหลานที่อกตัญญูยิ่งนัก”

          “หลานอกตัญญูนี่เจ้าแช่งข้าหรือ” หญิงชราเหวเสียงดังหลังได้ยินวาจาไม่เข้าหูจากปากของหลานชายคนนี้

          “เข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียงแค่เอ่ยตามความจริง อายุข้ายังน้อยกว่าจะเติบใหญ่ย่อมใช้ระยะเวลาหลายปี แต่ท่านยายแก่ชรามากแล้วเช่นนี้อีกไม่นานก็คงตายจาก ไม่สิ หลานเลอะเลือนแล้วพูดอะไรออกไปหวังว่าท่านยายจะไม่ถือสานะขอรับ” อย่าเพิ่งความดันขึ้นจนตายไปก่อนเล่ารอดูความสำเร็จของเขาเสียก่อนเถิดยายแก่  

          “หรงหรงของบิดา เจ้ากลับมาแล้วหรือ” บิดาพยายามชันกายขึ้นมาหลังได้ยินเสียงของบุตรชายตัวน้อยที่หญิงชราตรงหน้าบอกกับตนว่าได้สังหารเจ้าก้อนแป้งตายไปเสียแล้ว

          หมับ

          มือหนาคว้าร่างกายเล็กได้ก็โอบกอดด้วยความหวาดกลัวระคนห่วงหา เพราะถ้าหากสูญเสียผู้เป็นดังแก้วตาดวงใจไปอีกคน หยางเสวี่ยหรงคงขาดใจตายไปเป็นแน่

          “ท่านพ่อข้ากลับมาแล้วขอรับ ท่านไม่ต้องห่วงหากข้าอยู่จะไม่มีผู้ใดกล้ามาทำร้ายท่านได้ข้าสัญญา” หยางเทียนหรงเอ่ยคำมั่นสัญญาแก่บิดาเจ้าของร่างที่ตนนั้นเข้ามาแทนที่ ต่อไปนี้บุรุษที่กำลังโอบกอดเขาอยู่จะกลายเป็นบิดาที่แท้จริงของเขาเอง

          และเขาจะทำหน้าที่ปกป้องและดูแลอีกฝ่ายเป็นอย่างดีไปจนชั่วชีวิตตามเจตจำนงของเด็กน้อยผู้นี้

          “เพ้ย เด็กอย่างเจ้าน่ะหรือจะทำอะไรข้าได้ ถูกข้าทุบตีไปทั้งตัวจนร้าวรานไปแล้วก่อนหน้ายังไม่สำนึกใช่หรือไม่ เช่นนั้นครานี้ข้าจะตีพวกเจ้าให้ตายคามือเลยทีเดียว” หญิงชรายกท่อนไม้ขึ้นหวังจะตีทุบทั้งสองให้ตายดังใจนึก ทันใดนั้นเอง

          กะต๊าก

          กะต๊าก

          “โอ้ย ไก่มาจากที่ใดกัน โอ้ย ซีเหมยเจ้ายืนมองอะไรอยู่ มาเอาไก่ออกไปจากตัวข้าเร็วเข้า” หญิงชราพยายามปัดป้องแต่ก็ไม่สามารถทำอันใดแม่ไก่ตัวอ้วนได้เลยเพราะมันใช้จะงอยปากจิกเข้าที่กายเนื้อจนมีโลหิตไหลออกมา และยังใช้เล็บจิกจนมีรอยเต็มแขนข้างที่ถือท่อนไม้อยู่

          “ท่านแม่ข้าไม่กล้า มันดุร้ายนักเจ้าค่ะ” คราแรกนางคิดจะเข้าไปแต่พอเห็นว่า แม่ไก่ตัวนั้นใช้กรงเล็บและจะงอยปากจิกจนมารดามีโลหิตนางจึงยืนดูห่างไกลแทน

          “นังลูกบ้า เข้ามาช่วยข้าเดี๋ยวนี้ โอ้ย ข้าเจ็บนะ อย่าให้ข้าจับเจ้าได้เชียว เจ้าได้กลายเป็นไก่ย่างให้ข้ากินแน่ โอ้ย” เมื่อเห็นว่าไม่สามารถเข้าไปใกล้สองคนนั้นได้อีกต่อไป หญิงชราจึงล่าถอยออกมาจนพ้นกำแพงดินของเรือนอดีตลูกบุตรเขยทันที

          เมื่อออกพ้นกำแพงเรือนแล้ว แม่ไก่ตัวนั้นไม่ได้ตามออกมาแต่มันยังคงวนเวียนอยู่บริเวณประตูเรือนอันแสนซอมซ่อของสกุลหยาง ราวกับปกป้องไม่ให้ผู้ใดย่างกรายเข้าไปในเรือนหลังนั้นได้

          “ท่านแม่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” บุตรสาวคนโตที่วิ่งออกมารีบเข้ามาสำรวจมารดาของตนว่ามีบาดแผลมากน้อยเพียงใด พลางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

          “มีตาหรือไม่ ถ้ามีก็ใช้ดูว่าข้าเป็นอันใด เพ้ย แล้วแม่ไก่ตัวอ้วนนั่นมันมาจากที่ใดกัน เหตุใดมันจึงต้องเข้ามาทำร้ายข้าด้วย” หญิงชราเอ่ยออกมาด้วยอารมณ์โทสะแล้วจ้องมองไปยังแม่ไก่ตัวนั้นด้วยสายตามาดร้าย       

          “คงเป็นไก่ป่าที่หลงมาจากป่าด้านหลังนะเจ้าคะ”

          “ไหนเจ้าบอกว่ามันตายไปแล้วอย่างไรเล่า เหตุใดมันจึงวิ่งเข้ามาปกป้องบิดามันได้”

          “หรือมันแค่หมดสติไปเท่านั้นเจ้าคะ”

          “ช่างเถอะ ข้าไม่รามือจากสองคนนั้นเป็นแน่ หลินเอ๋อร์ของข้าจากไปด้วยความทรมาน หลานชังและบิดาของมันย่อมต้องตายด้วยความทรมานไม่ต่างจากหลินเอ๋อร์ของข้า” เพราะรักบุตรสาวคนนี้สุดหัวใจและคาดหวังเอาไว้อย่างแรงกล้าว่านางจะนำพาความรุ่งเรืองมาสู่ตระกูลได้แต่เมื่ออีกฝ่ายตายจากทำให้ความหวังของยายเฒ่าพังทลาย ยายเฒ่าโจวจึงไม่อาจปล่อยวางได้ นางต้องการให้สองคนนั้นได้รับความเจ็บปวดเหมือนที่นางได้รับ

          “ท่านแม่หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”

          “ในเมื่อวันนี้มันไม่ตาย แต่วันหน้าใช่ว่าจะรอดจากเงื้อมมือของข้าไปได้”

          หลังจากที่แม่ไก่ตัวอ้วนไล่จิกหญิงชราจนล่าถอยจากไป เด็กน้อยจึงหันกลับไปเพื่อสำรวจบิดาของตนว่าบาดเจ็บที่ใดหรือไม่

          “บิดาท่านเจ็บที่ใด บอกข้าได้หรือไม่ขอรับ” มือน้อยยังคงสำรวจไปตามกายของบิดาอย่างถี่ถ้วนเพราะเกรงกลัวว่าจะมีบาดแผลที่ตนไม่เห็นก่อนมาถึงที่นี่

          “ข้าไม่เป็นอะไร ยายของเจ้ายังไม่ทันได้ทุบตีข้า”

          “บิดาท่านแน่ใจหรือ ท่านไม่ได้โป้ปดข้าเพื่อให้ข้าสบายใจใช่หรือไม่” หยางเทียนหรงพยายามเลิกอาภรณ์บริเวณแขนทั้งสองข้างขึ้น แต่แรงของเด็กน้อยกลับทำได้เพียงแค่ข้อแขนเท่านั้น เจ้าตัวน้อยจิปากด้วยความหงุดหงิด

          เรี่ยวแรงของเด็กน้อยเหตุใดมันจึงน้อยนักนะ

          เขาอยากเติบโตมากกว่านี้แล้ว

          “ข้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ หรงหรง ว่าแต่เจ้าเถอะเจ็บที่ใดหรือไม่ ข้าได้ยินว่ายายของเจ้าทุบตีเจ้าจนตาย”

          ใช่

          เด็กคนนั้นตายจากท่านไปแล้ว

          “หรงหรงที่แสนอ่อนแอผู้นั้นได้จากท่านไปแล้วขอรับ ยามนี้เหลือเพียงแค่หรงหรงที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องท่านไม่ให้พบเจอเรื่องเลวร้ายอีกต่อไป” มันอาจจะเป็นประโยคที่โตมากกว่าวัยของเด็กคนนี้ แต่หยางเทียนหรงอยากจะบอกบิดาตรงหน้าว่าเขาต้องการกระทำเช่นนี้จริง ๆ

          “ข้าขอโทษที่พาเจ้ามาลำบากเช่นนี้ บางคราหากข้าเป็นผู้จากไปแทนมารดาของเจ้า ยายของเจ้าคงเอ็นดูเจ้ามากกว่านี้” หยางเสวี่ยหรงเอ่ยขึ้นด้วยความเจ็บปวดเมื่อนึกภรรยาของตนที่ตายจากการถูกโจรปล้นเรือนคราก่อน

          หากวันนั้นนางไม่เข้ามารับคมดาบจากพวกมันเพื่อปกป้องเขา นางก็คงไม่ต้องจากไปเช่นนี้

         

Related chapters

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 7 อ่อนแอเกินไป

    บทที่ 7 อ่อนแอเกินไป การสูญเสียทุกอย่างที่รักไปมันทำให้คนคนหนึ่งตายทั้งเป็นได้เลย บิดาผู้นี้กำลังเป็นเช่นนั้น หยางเทียนหรงรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายส่งออกมา ทั้งน้ำเสียงและท่าทางชวนให้คนมองรู้สึกสลดไปด้วย บุรุษที่เคยองอาจจนสามารถล่าสัตว์มาขายเลี้ยงครอบครัวภรรยาได้จนสามารถซื้อเกวียนม้าเทียมได้นับว่าเก่งกาจยิ่งนัก แต่แล้วต้องมาตกอยู่ในห้วงแห่งความมืดมิดแม้แต่จะเดินไปทางก็ยังต้องมีคนนำทางเช่นนี้ หากเขาเป็นเช่นนั้นลางทีตนอาจจะปลิดชีพตนเองไปแล้วก็เป็นได้ หยางเทียนหรงไม่อาจบอกให้บิดาปล่อยวางได้แต่ถ้าหากปล่อยอีกฝ่ายกล่าวโทษตนเองเช่นนี้คงไม่เป็นผลดีนัก  

    Last Updated : 2025-02-11
  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 8 ก่อไฟครั้งแรก

    บทที่ 8 ก่อไฟครั้งแรก ในห้วงแห่งความทรงจำนั้นเด็กน้อยมิเคยได้เห็นขั้นตอนการก่อไฟทำอาหารของมารดาเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะเอาแต่ตามบิดาเข้าไปล่าสัตว์และหาของป่าเท่านั้น ไม่เคยได้เข้าใกล้ฟืนไฟจนมาวันนี้ ฉะนั้นเขาต้องการผู้ช่วยโดยด่วนขืนยังยืนงงงวยเช่นนี้เห็นทีวันนี้คงไม่มีสิ่งใดตกถึงท้องแน่แท้หลังจากที่ยืนงงงวยอยู่ไม่นาน เด็กน้อยจึงเดินไปหาบิดาที่ยังคงนั่งรออยู่ที่ชานเรือนดังเดิม แล้วเอ่ยถามด้วยความเขินอาย “ท่านพ่อขอรับข้าก่อไฟไม่เป็น” “อ่า จริงสิ เจ้ายังไม่เคยถูกสอนเรื่องก่อไฟสินะ เช่นนั้นพาบิดาไปที่ครัวเดี๋ยวข้าจะบอกเจ้าเองว่าต้องทำอย่างไรบ้าง”บิดาคลำไปโดยรอบจนพบเข้ากับเสาจากนั้นจึงจับยึดเอาไว้แล้วพยุงตนเองให

    Last Updated : 2025-02-12
  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 1 เด็กอัปมงคล

    บทที่ 1 เด็กอัปมงคล“เอาผิงกั๋วมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ เจ้าเด็กสารเลว” เสียงก่นด่าพลางแกะมือน้อย ๆ ออกจากผลผิงกั๋วที่หลานชายกำมันเอาไว้แน่นด้วยความโมโห เพราะอีกฝ่ายขัดขืนนางจึงลงมือผลักไหล่เจ้าตัวจนเด็กน้อยล้มลงไปบนพื้นดิน “ท่านยายเอาคืนข้ามานะขอรับ นี่มันของท่านพ่อของข้านะ” หลานชังวัยแปดปีอย่าง ‘หยางเทียนหรง’ ไม่ยินยอมจึงเกิดการแย่งชิง แต่แรงอันน้อยนิดของเด็กน้อยมันจะสู้แรงของยายเฒ่าแสนอ้วนท้วมได้อย่างไรกัน พลัก ตุบ “โอ้ย ฮึก” “ให้ข้ามาตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่องแล้ว” ยายเฒ่าไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อยว่าหลานชายตรงหน้าจะเจ็บปวดที่ใดนางสนแค่เพียงผลไม้ลูกโตนี่เท่านั้น “แต่ผิงกั๋วผลนั้นข้าเก็บมันมาให้ท่านพ่อไม่ใช่ท่านยายนะขอรับ” เด็กน้อยยังคงไม่ยินยอม และพยายามลุกขึ้นเพื่อที่จะช่วงชิงกลับคืนมาด้วยมันเป็นอาหารมื้อเย็นของบิดา เจ้าตัวน้อยไม่สามารถมอบมันให้บ้านใหญ่ได้อีกต่อไป “เพ้ย เดี๋ยวนี้เจ้ากล้าปากเก่งกับข้าเรอะเจ้าเด็กสารเลว สงสัยอยากจะลองดี อาหลางไปเอาท่อนไม้มาให้ข้า วันนี้ข้าจะสั่งสอนเด็กเลวนี่ให้รู้สำนึกว่าควรนึกถึงผู้ใดเป็นคนแรก หากหาอ

    Last Updated : 2025-02-09
  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 2 ชีวิตใหม่ของหยางเทียนหรง

    บทที่ 2 ชีวิตใหม่ของหยางเทียนหรง“ทำไมยายแก่นั่นถึงโหดร้ายมากขนาดนี้ นั่นหลานตัวเองไม่ใช่หรือไง ตีกันจนตายได้ยังไง” หยางเทียนหรงมองดูเด็กน้อยที่มีชื่อเหมือนกับตนเองแต่แต่งกายราวกับอยู่ในยุคโบราณ อีกทั้งยังมีใบหน้าคล้ายคลึงตนเองในตอนเด็กอีก ด้วยความสงสารตนจึงก่นด่าหญิงชราใจร้ายไม่หยุด เขาไม่คิดว่าการที่ตนเองหมดอายุขัยในโลกเดิมด้วยโรคร้ายอย่างมะเร็งปอดระยะสุดท้าย สิ่งที่คิดคือ ตนอาจจะต้องไปชดใช้กรรมในนรกสักแห่งหรือไม่ก็ไปเกิดใหม่เป็นสุนัขไม่ก็เดรัจฉานสักตัวในโลกใหม่ ไม่ใช่ถูกดึงวิญญาณมาโผล่ยุคโบราณแบบนี้ “แล้วคุณพาผมมาที่นี่ทำไมครับ ไม่ส่งไปเกิดใหม่หรือไงกัน” หยางเทียนหรงเอ่ยถามบุรุษข้างกายที่ยืนเงียบไม่พูดไม่จากับตนตั้งแต่พามาดูเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว “เจ้ามีนามว่าอะไรนะ” เสียงทุ้มเปล่งออกมาถามหลังก้มมองบันทึกการเกิดใหม่ในโลกจีนโบราณอีกครั้ง เพราะดวงวิญญาณที่ตนต้องนำมานั้นต้องมีนามว่า ‘หยางเทียนหลง’ วิญญาณชายหนุ่มผู้มีชะตาเป็นฮ่องเต้ไม่ใช่เด็กน้อยที่มีชะตาน่าอดสูเช่นนี้ มิน่าถึงได้มาโผล่ที่นี่แทนที่จะเป็นวังหลวง หรือเจ้าหนุ่มนี่มีชะตาผูกก

    Last Updated : 2025-02-09
  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 3 สูญเสีย

    บทที่ 3 สูญเสียหยางเทียนหรงในร่างเด็กน้อยยังคงนอนแผ่ที่พื้นดินใต้ต้นไม้ใหญ่อยู่เช่นนั้นเพราะยังคงระบมจากบาดแผลที่ถูกทุบตีจากหญิงชราที่เป็นยายของเจ้าของร่าง คนเป็นป้าก็ไม่คิดที่จะห้ามปรามแต่กลับเป็นผู้นำร่างมาทิ้งให้สัตว์ป่ากัดกินซากเพื่อทำลายหลักฐานสารเลวนักคนเหล่านี้ไม่ควรได้รับการอภัยไม่ว่าจะสำนึกหรือไม่ก็ตามยิ่งความทรงจำสุดแสนจะเจ็บปวดของเจ้าของร่างที่ตนเพียงแค่หลับตายมันก็ประดังประเดเข้ามายิ่งกว่าสายธารไหลเชี่ยว มันยิ่งทำให้ตนรู้ว่าเด็กน้อยตรงหน้าผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาได้อย่างยากลำบากซึ่งเกิดจากการกระทำของผู้เป็นยายในวันที่แสงจันทราถูกรัตติกาลกลืนกินจนมืดมิดไปทั่วทั้งหมู่บ้านซีเป่ย คนในหมู่บ้านต่างกำลังหลับใหลอยู่ในเรือนกันอย่างมีความสุขยกเว้นคนในเรือนสกุลหยางที่กำลังเตรียมตัวเดินทางออกจากหมู่บ้านเพื่อไปงานเลี้ยงของจวนขุนนางที่อยู่เมืองหลวง “เจ้ามัวแต่รีรออะไรอยู่เหมยเอ๋อร์ รถม้าของจวนใต้เท้าหลี่ออกมารอที่หน้าหมู่บ้านแล้วไปแต่งกายให้งดงามเร็วเข้า” โจวซือเหยียนเอ่ยเร่งเร้าบุตรสาวที่ยังคงอยู่ในอาภรณ์เปรอะเปื้อนไร้ความงดงามทั้งที่มันได้เวลาออกเดินทางแล้ว แต่อีกฝ่ายย

    Last Updated : 2025-02-09
  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 4 ทุบตีจนตาย

    บทที่ 4 ทุบตีจนตายแม้หญิงชราออกปากตัดขาดสองพ่อลูกออกจากสกุลอัน แต่มันกลับเป็นเพียงแค่ลมปากเท่านั้น เพราะทุกวันนางจะมารอช่วงชิงของป่าที่หลานชายแสนชังหามาได้จากชายป่าทั้งที่ของป่าพวกนั้นเรือนสกุลอันมิเคยขาดแคลนมันเลยแม้แต่น้อยวันนี้ก็เช่นเดียวกัน“เอากระต่ายของข้ามานะ ท่านยายเหตุใดท่านจึงมิห้ามปรามหลางเกอขอรับ เขามาแย่งชิงกระต่ายของข้า” มือน้อยพยายามแย่งชิงกระต่ายผอมแห้งกลับคืนมาหลังจากตนเพิ่งจับมาได้อย่างยากลำบาก เด็กน้อยทวงความยุติธรรมแต่สิ่งตอบแทนกลับล้วนเป็นความเจ็บปวดที่ผู้เป็นยายนั้นตั้งใจมอบให้“ท่านยายข้าอยากกินเนื้อกระต่ายย่างขอรับ” หลานชายอีกคนเป็นผู้แย่งชิงกระต่ายตัวน้อยมาจากเด็กน้อยผอมซูบ แล้วยังหันไปเอ่ยกับผู้เป็นยายว่าตนนั้นอยากกินสัตว์ป่าตัวนี้ทั้งที่มันมิใช่ของตน “เอาสิหลานรัก เดี๋ยวเย็นนี้ให้แม่ของเจ้าทำให้กินดีหรือไม่”“แต่น้องชายไร้ค่าไม่ให้ข้าขอรับ”“เพ้ย กับแค่กระต่ายตัวเดียวแค่นี้จะแบ่งให้พี่ชายเจ้ามิได้เชียวหรือ”“แต่มันคืออาหารของบิดาและข้านะขอรับท่านยาย แล้วจะให้ข้าแบ่งปันให้หลางเกอได้อย่างไรกัน โอ้ย ฮึก ท่านยายข้าเจ็บ” “หลานอกตัญญูเจ้ากล้าขัดข้าอย่างนั้นหรื

    Last Updated : 2025-02-09
  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 5 แม่ไก่ยักษ์

    บทที่ 5 แม่ไก่ยักษ์ “ต้องขอบคุณเด็กคนนี้ที่เคยเข้าป่ากับพ่ออยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นฉันต้องหลงป่าตายแทนที่จะได้เอาคืนยายแก่นั่น” หยางเทียนหรงพยายามยันตนเองขึ้นมาจากพื้นดินที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้งกรอบ พลางปัดเศษใบไม้ที่ติดตามเสื้อผ้าจนเห็นว่าลักษณะของเสื้อที่สวมใส่อยู่นั้นสมกับเป็นจีนยุคโบราณเสียจริง “คนสมัยก่อนเขาไม่รู้สึกว่ามันโล่งเลยหรือไงกันถึงได้ใส่แค่เสื้อคลุมกับกางเกงยาวแบบนี้โดยไม่ใส่ชั้นใน” แม้จะเอ่ยถามเช่นนั้นแต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบเขาได้อยู่ดี ดังนั้นหยางเทียนหรงจึงทำได้เพียงปลดปลงแล้วค่อย ๆ ก้าวเดินกลับไปตามเส้นทางที่มุ่งสู่บ้านหลังน้อยของตนที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก “ก่อนที่จะตายเด็กคนนี้ถูกแย่งผิงกั๋วไปนั่นหมายความว่าป่านนี้แล้วพ่อต้องยังไม่ได้กินอะไรแน่ เราต้องหาของป่ากลับไปกินด้วย อึก ซี่โครงหักหรือเปล่าเนี่ย ทำไมมันเจ็บแบบนี้นะ” เพราะถูกแย่งชิงผิงกั๋วไปหยางเทียนหรงจึงคิดไปเองว่าบิดาของเจ้าของร่างนั้นคงยังไม่ได้กินอะไรแน่นอน ดังนั้นตนจึงคิดเก็บของป่ากลับไปด้วย กะต๊าก กะต๊าก เสียงไก่นี่ อย่าบอกนะว่าไก่ที่ผู้คุมวิญญาณมอบให

    Last Updated : 2025-02-09

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 8 ก่อไฟครั้งแรก

    บทที่ 8 ก่อไฟครั้งแรก ในห้วงแห่งความทรงจำนั้นเด็กน้อยมิเคยได้เห็นขั้นตอนการก่อไฟทำอาหารของมารดาเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะเอาแต่ตามบิดาเข้าไปล่าสัตว์และหาของป่าเท่านั้น ไม่เคยได้เข้าใกล้ฟืนไฟจนมาวันนี้ ฉะนั้นเขาต้องการผู้ช่วยโดยด่วนขืนยังยืนงงงวยเช่นนี้เห็นทีวันนี้คงไม่มีสิ่งใดตกถึงท้องแน่แท้หลังจากที่ยืนงงงวยอยู่ไม่นาน เด็กน้อยจึงเดินไปหาบิดาที่ยังคงนั่งรออยู่ที่ชานเรือนดังเดิม แล้วเอ่ยถามด้วยความเขินอาย “ท่านพ่อขอรับข้าก่อไฟไม่เป็น” “อ่า จริงสิ เจ้ายังไม่เคยถูกสอนเรื่องก่อไฟสินะ เช่นนั้นพาบิดาไปที่ครัวเดี๋ยวข้าจะบอกเจ้าเองว่าต้องทำอย่างไรบ้าง”บิดาคลำไปโดยรอบจนพบเข้ากับเสาจากนั้นจึงจับยึดเอาไว้แล้วพยุงตนเองให

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 7 อ่อนแอเกินไป

    บทที่ 7 อ่อนแอเกินไป การสูญเสียทุกอย่างที่รักไปมันทำให้คนคนหนึ่งตายทั้งเป็นได้เลย บิดาผู้นี้กำลังเป็นเช่นนั้น หยางเทียนหรงรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายส่งออกมา ทั้งน้ำเสียงและท่าทางชวนให้คนมองรู้สึกสลดไปด้วย บุรุษที่เคยองอาจจนสามารถล่าสัตว์มาขายเลี้ยงครอบครัวภรรยาได้จนสามารถซื้อเกวียนม้าเทียมได้นับว่าเก่งกาจยิ่งนัก แต่แล้วต้องมาตกอยู่ในห้วงแห่งความมืดมิดแม้แต่จะเดินไปทางก็ยังต้องมีคนนำทางเช่นนี้ หากเขาเป็นเช่นนั้นลางทีตนอาจจะปลิดชีพตนเองไปแล้วก็เป็นได้ หยางเทียนหรงไม่อาจบอกให้บิดาปล่อยวางได้แต่ถ้าหากปล่อยอีกฝ่ายกล่าวโทษตนเองเช่นนี้คงไม่เป็นผลดีนัก  

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 6 จากไปแล้ว

    บทที่ 6 จากไปแล้ว “ฮ่า ฮ่า ข้าจะบอกให้เจ้ารู้เอาไว้ ว่าบุตรชายที่เจ้ารักนักหนายามนี้ คงกลายเป็นอาหารสัตว์ป่าไปแล้ว อดีตบุตรเขยของข้าเอ๋ย”เท้าของหญิงชราเหยียบลงกลางอกของบุรุษที่มีรูปลักษณ์ซูบตอบอีกทั้งยังตาบอดจนช่วยตนเองแทบไม่ได้ ชาวบ้านหลายคนมามุงดูแต่ก็รีบกลับไปหลังเจอคำขู่จากภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านว่าจะไม่ให้กู้ยืมตำลึงหากมาช่วยอดีตลูกเขยไร้ค่าสาเหตุที่ชาวบ้านเพิกเฉยการช่วยเหลือสองพ่อลูกนั่นเป็นเพราะสกุลอันทำการปล่อยเงินกู้โดยใช้ที่นามาแลกเปลี่ยนและยังคิดดอกเบี้ยเจ็ดส่วนจากสิบส่วน แม้จะดูขูดเลือดไปแต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยแย้งด้วยเกรงกลัวว่าตนเองจะไม่ได้เงิน “ยายแก่นี่เอาอีกแล้วนะ ไหนบอกแยกบ้านกันไปแล้วไง ทำไมถึงได้มาวุ่นวายกับสองพ่อลูกนี่อีก ตัวเองก็มีเงินมากกว่าแท้ ๆ” พลัก

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 5 แม่ไก่ยักษ์

    บทที่ 5 แม่ไก่ยักษ์ “ต้องขอบคุณเด็กคนนี้ที่เคยเข้าป่ากับพ่ออยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นฉันต้องหลงป่าตายแทนที่จะได้เอาคืนยายแก่นั่น” หยางเทียนหรงพยายามยันตนเองขึ้นมาจากพื้นดินที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้งกรอบ พลางปัดเศษใบไม้ที่ติดตามเสื้อผ้าจนเห็นว่าลักษณะของเสื้อที่สวมใส่อยู่นั้นสมกับเป็นจีนยุคโบราณเสียจริง “คนสมัยก่อนเขาไม่รู้สึกว่ามันโล่งเลยหรือไงกันถึงได้ใส่แค่เสื้อคลุมกับกางเกงยาวแบบนี้โดยไม่ใส่ชั้นใน” แม้จะเอ่ยถามเช่นนั้นแต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบเขาได้อยู่ดี ดังนั้นหยางเทียนหรงจึงทำได้เพียงปลดปลงแล้วค่อย ๆ ก้าวเดินกลับไปตามเส้นทางที่มุ่งสู่บ้านหลังน้อยของตนที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก “ก่อนที่จะตายเด็กคนนี้ถูกแย่งผิงกั๋วไปนั่นหมายความว่าป่านนี้แล้วพ่อต้องยังไม่ได้กินอะไรแน่ เราต้องหาของป่ากลับไปกินด้วย อึก ซี่โครงหักหรือเปล่าเนี่ย ทำไมมันเจ็บแบบนี้นะ” เพราะถูกแย่งชิงผิงกั๋วไปหยางเทียนหรงจึงคิดไปเองว่าบิดาของเจ้าของร่างนั้นคงยังไม่ได้กินอะไรแน่นอน ดังนั้นตนจึงคิดเก็บของป่ากลับไปด้วย กะต๊าก กะต๊าก เสียงไก่นี่ อย่าบอกนะว่าไก่ที่ผู้คุมวิญญาณมอบให

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 4 ทุบตีจนตาย

    บทที่ 4 ทุบตีจนตายแม้หญิงชราออกปากตัดขาดสองพ่อลูกออกจากสกุลอัน แต่มันกลับเป็นเพียงแค่ลมปากเท่านั้น เพราะทุกวันนางจะมารอช่วงชิงของป่าที่หลานชายแสนชังหามาได้จากชายป่าทั้งที่ของป่าพวกนั้นเรือนสกุลอันมิเคยขาดแคลนมันเลยแม้แต่น้อยวันนี้ก็เช่นเดียวกัน“เอากระต่ายของข้ามานะ ท่านยายเหตุใดท่านจึงมิห้ามปรามหลางเกอขอรับ เขามาแย่งชิงกระต่ายของข้า” มือน้อยพยายามแย่งชิงกระต่ายผอมแห้งกลับคืนมาหลังจากตนเพิ่งจับมาได้อย่างยากลำบาก เด็กน้อยทวงความยุติธรรมแต่สิ่งตอบแทนกลับล้วนเป็นความเจ็บปวดที่ผู้เป็นยายนั้นตั้งใจมอบให้“ท่านยายข้าอยากกินเนื้อกระต่ายย่างขอรับ” หลานชายอีกคนเป็นผู้แย่งชิงกระต่ายตัวน้อยมาจากเด็กน้อยผอมซูบ แล้วยังหันไปเอ่ยกับผู้เป็นยายว่าตนนั้นอยากกินสัตว์ป่าตัวนี้ทั้งที่มันมิใช่ของตน “เอาสิหลานรัก เดี๋ยวเย็นนี้ให้แม่ของเจ้าทำให้กินดีหรือไม่”“แต่น้องชายไร้ค่าไม่ให้ข้าขอรับ”“เพ้ย กับแค่กระต่ายตัวเดียวแค่นี้จะแบ่งให้พี่ชายเจ้ามิได้เชียวหรือ”“แต่มันคืออาหารของบิดาและข้านะขอรับท่านยาย แล้วจะให้ข้าแบ่งปันให้หลางเกอได้อย่างไรกัน โอ้ย ฮึก ท่านยายข้าเจ็บ” “หลานอกตัญญูเจ้ากล้าขัดข้าอย่างนั้นหรื

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 3 สูญเสีย

    บทที่ 3 สูญเสียหยางเทียนหรงในร่างเด็กน้อยยังคงนอนแผ่ที่พื้นดินใต้ต้นไม้ใหญ่อยู่เช่นนั้นเพราะยังคงระบมจากบาดแผลที่ถูกทุบตีจากหญิงชราที่เป็นยายของเจ้าของร่าง คนเป็นป้าก็ไม่คิดที่จะห้ามปรามแต่กลับเป็นผู้นำร่างมาทิ้งให้สัตว์ป่ากัดกินซากเพื่อทำลายหลักฐานสารเลวนักคนเหล่านี้ไม่ควรได้รับการอภัยไม่ว่าจะสำนึกหรือไม่ก็ตามยิ่งความทรงจำสุดแสนจะเจ็บปวดของเจ้าของร่างที่ตนเพียงแค่หลับตายมันก็ประดังประเดเข้ามายิ่งกว่าสายธารไหลเชี่ยว มันยิ่งทำให้ตนรู้ว่าเด็กน้อยตรงหน้าผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาได้อย่างยากลำบากซึ่งเกิดจากการกระทำของผู้เป็นยายในวันที่แสงจันทราถูกรัตติกาลกลืนกินจนมืดมิดไปทั่วทั้งหมู่บ้านซีเป่ย คนในหมู่บ้านต่างกำลังหลับใหลอยู่ในเรือนกันอย่างมีความสุขยกเว้นคนในเรือนสกุลหยางที่กำลังเตรียมตัวเดินทางออกจากหมู่บ้านเพื่อไปงานเลี้ยงของจวนขุนนางที่อยู่เมืองหลวง “เจ้ามัวแต่รีรออะไรอยู่เหมยเอ๋อร์ รถม้าของจวนใต้เท้าหลี่ออกมารอที่หน้าหมู่บ้านแล้วไปแต่งกายให้งดงามเร็วเข้า” โจวซือเหยียนเอ่ยเร่งเร้าบุตรสาวที่ยังคงอยู่ในอาภรณ์เปรอะเปื้อนไร้ความงดงามทั้งที่มันได้เวลาออกเดินทางแล้ว แต่อีกฝ่ายย

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 2 ชีวิตใหม่ของหยางเทียนหรง

    บทที่ 2 ชีวิตใหม่ของหยางเทียนหรง“ทำไมยายแก่นั่นถึงโหดร้ายมากขนาดนี้ นั่นหลานตัวเองไม่ใช่หรือไง ตีกันจนตายได้ยังไง” หยางเทียนหรงมองดูเด็กน้อยที่มีชื่อเหมือนกับตนเองแต่แต่งกายราวกับอยู่ในยุคโบราณ อีกทั้งยังมีใบหน้าคล้ายคลึงตนเองในตอนเด็กอีก ด้วยความสงสารตนจึงก่นด่าหญิงชราใจร้ายไม่หยุด เขาไม่คิดว่าการที่ตนเองหมดอายุขัยในโลกเดิมด้วยโรคร้ายอย่างมะเร็งปอดระยะสุดท้าย สิ่งที่คิดคือ ตนอาจจะต้องไปชดใช้กรรมในนรกสักแห่งหรือไม่ก็ไปเกิดใหม่เป็นสุนัขไม่ก็เดรัจฉานสักตัวในโลกใหม่ ไม่ใช่ถูกดึงวิญญาณมาโผล่ยุคโบราณแบบนี้ “แล้วคุณพาผมมาที่นี่ทำไมครับ ไม่ส่งไปเกิดใหม่หรือไงกัน” หยางเทียนหรงเอ่ยถามบุรุษข้างกายที่ยืนเงียบไม่พูดไม่จากับตนตั้งแต่พามาดูเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว “เจ้ามีนามว่าอะไรนะ” เสียงทุ้มเปล่งออกมาถามหลังก้มมองบันทึกการเกิดใหม่ในโลกจีนโบราณอีกครั้ง เพราะดวงวิญญาณที่ตนต้องนำมานั้นต้องมีนามว่า ‘หยางเทียนหลง’ วิญญาณชายหนุ่มผู้มีชะตาเป็นฮ่องเต้ไม่ใช่เด็กน้อยที่มีชะตาน่าอดสูเช่นนี้ มิน่าถึงได้มาโผล่ที่นี่แทนที่จะเป็นวังหลวง หรือเจ้าหนุ่มนี่มีชะตาผูกก

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 1 เด็กอัปมงคล

    บทที่ 1 เด็กอัปมงคล“เอาผิงกั๋วมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ เจ้าเด็กสารเลว” เสียงก่นด่าพลางแกะมือน้อย ๆ ออกจากผลผิงกั๋วที่หลานชายกำมันเอาไว้แน่นด้วยความโมโห เพราะอีกฝ่ายขัดขืนนางจึงลงมือผลักไหล่เจ้าตัวจนเด็กน้อยล้มลงไปบนพื้นดิน “ท่านยายเอาคืนข้ามานะขอรับ นี่มันของท่านพ่อของข้านะ” หลานชังวัยแปดปีอย่าง ‘หยางเทียนหรง’ ไม่ยินยอมจึงเกิดการแย่งชิง แต่แรงอันน้อยนิดของเด็กน้อยมันจะสู้แรงของยายเฒ่าแสนอ้วนท้วมได้อย่างไรกัน พลัก ตุบ “โอ้ย ฮึก” “ให้ข้ามาตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่องแล้ว” ยายเฒ่าไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อยว่าหลานชายตรงหน้าจะเจ็บปวดที่ใดนางสนแค่เพียงผลไม้ลูกโตนี่เท่านั้น “แต่ผิงกั๋วผลนั้นข้าเก็บมันมาให้ท่านพ่อไม่ใช่ท่านยายนะขอรับ” เด็กน้อยยังคงไม่ยินยอม และพยายามลุกขึ้นเพื่อที่จะช่วงชิงกลับคืนมาด้วยมันเป็นอาหารมื้อเย็นของบิดา เจ้าตัวน้อยไม่สามารถมอบมันให้บ้านใหญ่ได้อีกต่อไป “เพ้ย เดี๋ยวนี้เจ้ากล้าปากเก่งกับข้าเรอะเจ้าเด็กสารเลว สงสัยอยากจะลองดี อาหลางไปเอาท่อนไม้มาให้ข้า วันนี้ข้าจะสั่งสอนเด็กเลวนี่ให้รู้สำนึกว่าควรนึกถึงผู้ใดเป็นคนแรก หากหาอ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status