สิ้นเสียงสตรีนางหนึ่งผ่านพ้นไป บิดาจึงเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้หลังเสียงของอีกฝ่ายช่างคุ้นเคยราวกับเคยได้ยินที่ใดมาก่อน “เจ้าสนทนากับผู้ใดหรือ เสียงช่างคุ้นนัก”
“ป้าซุนที่อยู่ตรงข้ามเรือนของเราขอรับ นางมาขอแบ่งปันสมุนไพรในตะกร้าของข้าน่ะ เพียงแต่เจินเจินไม่ยินยอมที่จะให้ก็เลยทำร้ายนางไป”
“ของในตะกร้าเจ้าหามาด้วยความยากลำบากอีกทั้งยังเป็นเพียงเด็กน้อย นางมีมือมีขาสมบูรณ์พร้อมยิ่งกว่าจะหาเองมิได้เชียวหรือ” บิดาขมวดคิ้วหลังได้ยินว่าสตรีตรงข้ามเรือนมาขอแบ่งปันของในตะกร้าบุตรชายของตน หยางเสวี่ยหรงมิเคยคิดตระหนี่ของเหล่านี้ด้วยตนเองล้วนเคยแบ่งปันให้ผู้อื่นอยู่หลายครา แต่กับบุตรชายตัวน้อยที่หามาด้วยความยากลำบากเช
บทที่ 15 เมืองท่าซือหลิน เมื่อรู้ว่าวันพรุ่งตนเองจะได้เข้าเมืองหยางเทียนหรงไม่อาจข่มตานอนได้จึงทำการเล่าเรื่องที่ตนได้เผชิญบนเขาให้บิดาฟังจนเผลอหลับไปช่วงรุ่งสาง ส่งผลให้เช้าตรู่วันนี้ทั้งสองจึงตื่นขึ้นมาด้วยความอิดโรย เด็กน้อยพาบิดาและตนเองไปชำระกายหลังจากนั้นจึงไปทำอาหารเช้าอย่างง่ายกินก่อนที่จะเดินทาง ทุกอย่างเสร็จสิ้นแค่เพียงหนึ่งเค่อ เด็กน้อยสะพายตะกร้าคู่ใจขึ้นหลังพร้อมด้วยบิดาก็สะพายมันเช่นเดียวกัน ซึ่งในตะกร้าของเด็กน้อยมีเสบียงที่ได้เตรียมเอาไว้ไปกินระหว่าง ส่วนตะกร้าของบิดานั้นทำการใส่ไข่ไก่ของเจินเจินไปทั้งสิ้นเกือบยี่สิบฟอง การเข้าเมืองวันนี้เด็กน้อยยังไม่มีแผนการที่จะนำสมุนไพรล้ำค่าอย่างหลิงจือแดงไปขายแต่อย่างใด ด้วยยังไม่รู้ถ
บทที่ 16 เงินก้อนแรก หลังจากเดินเข้ามาในตลาดกลางเมืองตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้ามากมายจนหยางเทียนหรงคิดว่าหากต้องการเลือกซื้อของที่ต้องการคงต้องเดินวนเวียนอยู่หลายคราจนกว่าจะได้ร้านที่ถูกใจเพราะขนาดร้านขายมันเผา เขายังเดินผ่านมาแล้วถึงสามร้านด้วยกัน ไม่ต้องคิดเลยว่าหากต้องการขายไข่ไก่คงมีคู่แข่งมากมายเป็นแน่ เพียงแต่ว่าจากที่ตนเดินมาจนถึงครึ่งทางเหตุใดร้านขายไข่ไก่จึงไม่เห็นมีเลยแม้แต่ร้านเดียวทั้งที่ตนคิดไปแล้วมันย่อมมีมากกว่าสองร้านไม่ผิดแน่ “ท่านพ่อเรามาเดินมาถึงครึ่งทางแล้ว ไยข้ามิเห็นร้านขายไข่ไก่เลยขอรับ” เด็กน้อยเอ่ยถามบิดาหวังคลายข้อสงสัย
บทที่ 17 เจินเจินสร้างเรื่อง หลังจัดแจงแบ่งเงินบางส่วนเอาไว้ใช้จ่ายค่าเดินทางกับค่าเข้าเมืองล่วงหน้าเอาไว้แล้ว เด็กน้อยจึงเดินย้อนกลับไปยังร้านวัตถุดิบที่อยู่ต้นทางเข้าตลาดกลางเมืองเพื่อไปเลือกซื้อข้าวสารกับเครื่องปรุงที่จำเป็นสำหรับปรุงอาหาร“ท่านพ่ออยากกินสิ่งใดอีกหรือไม่ขอรับ”“ไม่แล้วล่ะ ยามนี้เงินของเราเหลือน้อยลงเต็มทีเจ้าเลือกซื้อของที่จำเป็นเถิด”“ขอรับ”หยางเทียนหรงจับมือบิดาเดินตรงมาหยุดลงที่หน้าร้านขายวัตถุดิบร้านดังกล่าวแม้อยู่ติดถนนหลักแต่ก็ทำการค้าอย่างตรงไปตรงมาเช่นติดป้ายราคาชัดแจ้งโดยที่ไม่ต้องเอ่ยถาม ฉะนั้นเด็กน้อยจึงยืนพิจารณาวัตถุดิบที่จำเป็นที่สุดในยามนี้ว่าควรเลือกซื้อสิ่งใด โดยเฉพาะข้าวสารเขาเห็นว่ามันมีทั้งข้าวสาลีชั้นดีกับข้าวสาลีชั้นเลว เด็กน้อยยืนมองนานมากเสียจนคิ้วขมวดทั้งราคาของมันล้วนต่างกันเท่าตัว ข้าวสาลีชั้นดีจินละห้าสิบอีแปะ ส่วนข้าวสาลีชั้นเลวจินละสิบห้าอีแปะ เขาอยากรู้ว่าที่บอกว่าชั้นเลวมันแย่มากเพียงใดถึงได้ขายราคาต่ำมากขนาดนี้เมื่อเก็บความสงสัยเอาไม่อยู่และด้วยเงินที่มีเขาจึงเอ่ยถามเถ้าแก่เนี้ยะคนงามด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “เถ้าแก่เนี้ยะคน
บทที่ 18 กระดูกหมู หลังจากพรานป่าอันธพาลหนีจากไป เด็กน้อยมองตะกร้าสองใบที่หล่นอยู่บนพื้นอิฐก่อนจะเก็บถุงข้าวสารและเกลือเพียงหยิบมือใส่เข้าตะกร้าดังเดิมแล้วยื่นให้บิดาสะพายใส่หลัง แล้วหันมาเก็บเฉ่าเหมยที่เหลือไม่กี่ลูกแต่หล่นกระจายเต็มพื้นอิฐด้วยสายตาละห้อย เพราะมันช้ำจนเกือบหมด “เฉ่าเหมยของข้าช้ำหมดเลย”เด็กน้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงผิดหวังด้วยคิดว่าจะเก็บเอาไว้กินระหว่างนั่งเกวียนกลับไปยังหมู่บ้านแท้ ๆ แต่ก็ช่างเถิดดีแล้วที่ไม่มีผู้ใดบาดเจ็บ ส่วนเงินที่เสียไปเขาจะถือว่ามันคือค่ารักษาบาดแผลที่แม่ไก่ตัวอ้วนของเขาได้กระทำก็แล้วกัน “หรงหรงไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่” บิดายื่นมืออกมาเพื่อแตะกายของบุตรชายแต่เมื่อไม่พบก็เดินออกมาอีกจนเกือบสะดุดล้ม แต่ได้ชายชราขอทานมาช่วยเหลือเอาไว้ก่อนพอดี “ระวังหน่อยสิเจ้าเกือบเหยียบข้าแล้วนะ” “ท่านพ่อไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ขอรับ” หยางเทียนหรงรีบพุ่งมาช่วยประคองบิดาก่อนเอ่ยขอบคุณท่านปู่ด้วยอีกแรงที่ช่วยเหลือ “หยางเทียนหรงขอบคุณท่านปู่ที่ช่วยเหลือบิดาของข้าขอรับ” “บิดาเจ้าดวงตามื
บทที่ 19 คันธนูของบิดา หยางเทียนหรงถูกปลุกตั้งแต่ยามเหม่าโดยแม่ไก่เจินเจิน เพราะมันเฝ้ารอที่จะกินไส้เดือนที่เด็กน้อยสัญญาว่าจะไปล่ามาให้ เช้านี้เด็กน้อยจึงมีอาการอิดโรยเล็กน้อยด้วยยังไม่ตื่นอย่างเต็มตา อีกทั้งยามเหม่ามันจะไปมองเห็นสิ่งใดได้กัน แม้จะคิดเช่นนั้นแต่ทว่าเด็กน้อยก็เดินเข้าไปล้างหน้าจนตื่นเต็มตา จากนั้นจึงเข้าไปในครัวแล้วทำการอุ่นข้าวต้มกระดูกหมูที่ยังคงเหลือจากเมื่อคืนเอาไว้กินเป็นอาหารเช้า และได้ทำการเติมเนื้อหมูที่ถูกสับจนละเอียดแล้วปั้นเป็นก้อนกลมลงไปในหม้อด้วย นอกจากหมูสับที่ถูกใส่ลงไป เห็ดหอมที่เก็บมาคราวก่อนก็ถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำใส่ตามลงไปเช่นเดียวกัน ข้าวต้มกระดูกหมูหม้อนี้ใช้เวลาเพี
บทที่ 20 หรงหรงกับหมูป่าและไก่ตัวอ้วน หลังจากฝึกซ้อมยิงธนูเมื่อวานจนตะวันตกดิน เช้าวันรุ่งขึ้นเด็กน้อยจึงเตรียมตัวเพื่อที่จะเข้าป่าแต่เช้า โดยไม่ลืมเตรียมอาหารเอาไว้ท่านพ่อกินมันด้วย มันหมูจากคราก่อนเขาได้นำมันมาเจียวเป็นน้ำมันจนหมดแล้ว ได้น้ำมันมาครึ่งกระบอก คิดว่าคงใช้ทำอาหารได้อีกไม่กี่วันเท่านั้น แต่ก็นับว่าไม่เลวนัก เพราะกินแต่อาหารต้มมาหลายวันมากแล้ว วันนี้เขาจึงทำไข่เจียวนุ่มฟู หมูทอด และหุงข้าวสวยซึ่งนับว่าเป็นมื้อแรกที่ได้กินอาหารหลากหลายเช่นนี้ “ท่านพ่อวันนี้ข้าทำไข่เจียวกับหมูทอดนะขอรับ” “วันนี้ข้าจะขึ้นเขาไปก
บทที่ 21 เข้าเมืองอีกครั้ง ทุกสายตาต่างจ้องมองมายังสองพ่อลูกที่กำลังเดินออกมาจากเขาเหลียนซานด้วยสภาพที่บุตรชายตัวน้อยหน้าผากบวมช้ำจึงเริ่มเขียว แต่ใบหน้ากลับยิ้มแย้มอย่างสุขใจ ส่วนบิดากำลังลากกิ่งไม้ขนาดใหญ่ที่มีหมูป่านอนอยู่บนนั้นด้วยไม่อาจแบกขึ้นบ่ามาได้เพราะขนาดตัวของมันใหญ่เกินกว่าคนเพียงคนเดียวอีกทั้งยังซูบตอบจะแบกมันได้ นอกจากนี้ยังไก่ป่าอวบอ้วนสองตัวเดินตามหลังทั้งสองมาโดยหนึ่งตัวมีท่าทีขึงขัง ส่วนอีกตัวคล้ายว่ามันเพิ่งบาดเจ็บมาแต่ก็ขึงขังไม่แพ้กัน แล้วหมูป่าตัวเขื่องเช่นนั้นเหตุใดสองพ่อลูกจึงล่ามันมาได้ทั้งที่ในยามนี้สัตว์ป่าขนาดใหญ่มักจะอยู่ในช่วงจำศีลแท้ ๆ คล้อยหลังทั้งสองเดินผ่านหน
บทที่ 22 เงินก้อนที่สอง ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วยามเกวียนม้าสกุลเฉินก็พามาถึงประตูเมืองท่า ซือหลิน ซึ่งยามนี้มีคนรอต่อแถวผ่านเข้าเมืองยาวเหยียดเช่นเดิม ต่างคนต่างแยกย้ายและจะกลับมาอีกคราในยามโหย่ว หากช้าก็ต้องหาทางกลับเองเท่านั้น “ก่อนจะไปตลาด เราคงต้องไปที่จวนว่าการเสียก่อนนะขอรับท่านพ่อ” เด็กน้อยยังไม่คิดที่จะจองขายประจำด้วยไข่ไก่ของเจินเจินยังมีไม่มากพอที่จะเข้ามาในเมืองทุกวัน อีกทั้งผลไม้ก็ไม่ได้เก็บมาได้ทุกวันฉะนั้นการจองแผงเช่ารายเดือนจึงเก็บเอาไว้ก่อน “เจ้ารู้ทางใช่หรือไม่” “รู้แล้วขอรับ ข้าสอบถามลุงเกามาแล้ว” “ถ้าเช่นนั้นเราไปกันเถิด” ทั้งสองตรงไปยังจวนว่าการเพื่อทำการเช่าแผงขายของในตลาดกลางเมืองรายวันด้วยเงินที่เหลืออยู่แค่สองอีแปะ จากคราแรกคิดที่จะนำไปจ่ายค่าเข้าเมือง แต่ดันเปลี่ยนใจใช้ไข่ไก่แลกเปลี่ยนเข้าเมืองแทน หลังจากได้เช่าแผงค้าขายเรียบร้อยแล้วเด็กน้อยจึงพาบิดาตรงมายังแผงขายของที่ตั้งเคียงข้างแผงขายเนื้อหมูลุงเกา “หายหน้าไปหลายวันเชียวเจ้าหนู วันนี้แม่ไก่ของเจ้าออกไข่มากพอขายหรือไม่” เก
บทที่ 34 ขยายเรือนอีกครั้ง วันนี้ก็เป็นอีกวันที่มีไข่ไก่เหลืออยู่นับยี่สิบฟองซึ่งมากกว่าทุกวัน นั่นยิ่งตอกย้ำไปอีกว่ากิจการขายไข่ไก่เริ่มสั่นคลอนเล็กน้อย ยิ่งยามนี้แม่ไก่สาวเริ่มเติบโตเต็มที่ไข่ไก่ที่ออกมาล้วนแต่ขนาดที่ใหญ่จนต้องขึ้นราคามาเป็นฟองละห้าอีแปะ ทำให้สูญเสียลูกค้าไปบ้างแต่ก็ส่วนน้อยเนื่องจากขนาดของมันนั้นใหญ่มากกว่าร้านที่ขายในราคาเดียวกันเสียอีก “คุณชายกลับกันเถิดขอรับ หากรอไปมากกว่านี้เห็นทีจะถึงเรือนหลังตะวันตกดิน มันไม่เป็นผลดีแน่ขอรับ” การเดินทางไปยังหมู่บ้านซีเป่ยหลังตะวันตกดินนั้นมิใช่เรื่องที่ดีเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไม่มีเพื่อนร่วมทางแล้วด้วยมันจะกลายเป็นเป้าโจมตีของพวกโจรป่าที่ชอบดักปล้นชิงคนที่เดินทางเพียงลำพังยามค่ำคืน ฉะนั้นกันไว้ดีกว่า
บทที่ 33 พ่อบ้านสกุลหยาง อาการของทาสที่หยางเทียนหรงไถ่ตัวออกมานั้นนับว่าสาหัสพอสมควร เพราะบาดแผลมิได้มีเพียงแค่รอยจากแส้เท่านั้น มันยังมีรอยจากการถูกคมดาบเฉือนเนื้อมากมายนับไม่ถ้วน จนไม่คาดคิดเลยว่าทาสผู้นี้จะมีชีวิตรอดได้นานมากเพียงนี้ “ข้าจัดการบาดแผลภายนอกจนหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ให้บุรุษผู้นั้นตื่นขึ้นมาดื่มโอสถแก้บอบช้ำภายในเท่านั้น” “ขอบคุณท่านหมอที่ช่วยเหลือท่านลุงผู้นี้เอาไว้นะขอรับ” “ลุงของเจ้าหรือ” “มิใช่ขอรับ เขาเป็นทาสที่ข้าได้ช่วยเหลือเอาไว้เพราะไม่อยากให้คนผู้นี้ถูกพ่อค้าทาสทุบตีจนตาย&
บทที่ 32 ช่วยเหลือทาส “อ้าก” เสียงกรีดร้องของทาสตรงหน้าทำให้เด็กน้อยถึงกับชายอาภรณ์ของบิดาเอาไว้แน่นก่อนจะกระตุกสองคราเพื่อเรียกให้บิดาสนใจตนเอง “หึ ร้องออกมาทาสผู้โง่เขลา คิดว่าข้าทาสไร้ราคาเช่นเจ้าข้าจะมิกล้าทุบตีให้ตายหรือ” เสียงทุบตีทาสดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาชาวบ้านหรือแม้แต่นักเดินทางให้หันมามุงดูคนถูกทำร้ายโดยที่ไม่มีผู้ใดกล้ายื่นมือเข้าไปช่วยเหลือแม้แต่คนเดียว แม้แต่ทหารที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ไม่ใส่ใจอีกฝ่ายเมินเฉยราวกับว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำจนเคยชิน เกินไปแล้ว ค
บทที่ 31 ปรับราคาไข่ไก่ เกวียนม้าเทียมกำลังจะเดินทางออกจากเรือนสกุลหยางแต่ไม่ทันได้ออกตัวกลับถูกสตรีนางหนึ่งเดินมาขวางทางเอาไว้เสียก่อน พร้อมเอ่ยเสียงดังด้วยน้ำเสียงเชิงข่มขู่แกมบังคับจนทำให้ชาวบ้านที่กำลังเดินขวักไขว่ไปมาอยู่นั้นหยุดเดินแทบจะทันทีแล้วจับกลุ่มแอบสนทนากันอย่างออกรสว่าวันนี้สตรีนางนี้จะก่อเรื่องอันใดอีก “ป้าซุนจะไปขายของในเมืองหรือขอรับ” “ก็ใช่น่ะสิ ข้าอุตส่าห์เตรียมของรอพวกเจ้าตั้งแต่ยามเหม่า เหตุใดพวกเจ้าสองพ่อลูกจึงออกจากเรือนเชื่องช้านักปล่อยให้ข้ารอตั้งหนึ่งชั่วยาม บ้าไปแล้วหรือ!” หลี่อี้ซุนตวาดออกมาด้วยความฉุนเฉียวที่วันนี้นางต้องออกเดินทางไปขายเนื้อไก่ช้ากว่าที่เคยจนมารดาของสามีเอ่ยถากถางหาว่านางเริ่มทำตัวเกียจคร้าน&
บทที่ 30 มีชีวิตอย่างเข้มแข็ง ฤดูหนาวของหมู่บ้านที่อยู่ติดเขาเหลียนซานนับว่าเลวร้ายกว่าที่อื่นมากนัก ด้วยเขาแห่งนี้เมื่อเข้าสู่เหมันต์ฤดูภูเขาทั้งลูกจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน บรรดาพืชพันธุ์และสัตว์ป่าล้วนเข้าสู่ฤดูการจำศีล หมู่บ้านซีเป่ยก็เช่นเดียวกันยามนี้ทั่วทั้งหมู่บ้านล้วนมีแต่หิมะสูงเทียมเอวของบุรุษร่างสูงใหญ่การเดินฝ่าหิมะออกมาเพื่อที่จะเดินทางไปยังเมืองท่าซือหลินนั้นมิใช่เรื่องง่ายและมันไม่คุ้มค่าพอที่จะเสี่ยงด้วย เพราะอาจทำให้สูญเสียม้าที่เป็นตัวลากเกวียนได้ ฉะนั้น ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงใช้ชีวิตอยู่ในเรือนของตนเองเหมือนดัง หยางเทียนหรงและบิดาที่ยามนี้กำลังนั่งกินอาหารรสชาติเผ็ดร้อนเพื่อคลายความหนาวเหน็บที่กำลังเผชิญอยู่ด้วยการกินหม้อไฟหมาล่าที่เคยทำไปคราก่อน มาวันนี้ได้ท
บทที่ 29 หมูป่าตัวเขื่อง หลังจากผ่านเหตุการณ์คนบ้านใหญ่บุกเข้ามาทำร้ายสองพ่อลูกถึงในเรือนแต่ได้นายช่างโม่ช่วยเหลือเอาไว้ได้ แต่คนกลับไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นหลายคนพุ่งเป้ามาที่สิ่งของที่ทั้งสองได้กลับมาหลังเข้าเมืองไปต่างหาก โดยเฉพาะเรื่องที่เด็กน้อยนั้นเก็บสมุนไพรราคาแพงได้จนสามารถซื้อเกวียนพร้อมม้าได้ถึงสองตัว อีกทั้งยังมือเติบสร้างเรือนให้ไก่หลังโตจนหลายคนต่างเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่า หลานชายของยายเฒ่าโจวช่างโง่งมยิ่งนัก มีอย่างที่ไหนเสียเงินมากมายเพื่อไก่แค่สองตัว แล้วเรื่องก็ลือไปจนถึงหูของยายเฒ่าที่ยามนี้เริ่มขยับกายได้บ้างแล้ว นางได้ยินถึงกับอยากกระอักโลหิตออกมาพ่นใส่ใบหน้าของหลานชังผู้นั้นนัก ก
บทที่ 28 เรือนหลังน้อยของเจินเจินและเจาเจา โม่หรงและคนงานจัดการซ่อมแซมเรือนสกุลหยางจนกลับมาดูดีเช่นเดิมจนเสร็จสิ้นภายในสองวัน จนเข้าวันที่สามที่เด็กน้อยร้องขอเพิ่มอีกว่าต้องการโรงเรือนสำหรับเลี้ยงไก่สองตัว คราแรกช่างไม้เข้าใจไปว่าผู้จ้างงานอยากได้เพียงแค่เล้าไก่เล็ก ๆเท่านั้น เพราะเห็นเพียงไก่อวบอ้วนเพียงสองตัว แต่กลายเป็นว่าเจ้าหนูเทียนหรงอยากได้เรือนหลังน้อยเอาไว้ให้ไก่ทั้งสองตัวเสียนี่ “เจ้าหนู แน่ใจแล้วหรือที่จะสร้างเรือนให้ไก่ของเจ้าน่ะ มันใช้ตำลึงไม่น้อยนะเจ้ายอมจ่ายเพื่อไก่สองตัวนี้เชียวหรือ” โม่หรงเอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เขาไม่อยากให้เด็กน้อยใช้ตำลึงไปโดยเปล่าประโยชน์ &ldq
บทที่ 27 ก่อนเหมันต์มาเยือนหลังจากที่บิดาหลับไปแล้วมันจึงเป็นเวลาของเด็กน้อยที่จะได้ใช้มันว่าวันนี้จะได้สิ่งใดกลับเรือนไปบ้างหยางเทียนหรงจึงไปเดินเลือกซื้อถ้วยใบใหม่เสียหลายใบ กระทะสองใบ และหม้อสำหรับหุงข้าวสารกับหม้อต้มอีกสามใบ เหมือนเขาจะเห็นหม้อนึ่งซาลาเปาจึงหยิบมันมาด้วย“เท่าไหร่หรือขอรับเถ้าแก่”เถ้าแก่ร้านขายเครื่องครัวเดินปรี่เข้ามาลูกค้าตัวน้อยที่ตั้งแต่เดินเข้าในร้านก็หยิบมันแบบไม่คิดถามราคาแต่อย่างใด อีกทั้งยังเลือกจำนวนมากกว่าหนึ่งชิ้น ทำเอาเถ้าแก่อย่างตนหน้าบานชื่นมื่น“คุณชายเครื่องครัวทั้งหมดนี้ราคาเจ็ดสิบอีแปะขอรับ อ้อ ข้าแถมซึ้งนึ่งให้คุณชายด้วยสองอัน”ไม่แพงเท่าใดนักเขาจึงควักตำลึงจ่ายไปโดยไม่ลังเล“เถ้าแก่ให้คนไปส่งที่โรงหมอเสิ่นหยางได้หรือไม่ขอรับ พอดีว่าเกวียนม้าของข้าจอดอยู่ที่นั่น”“ได้ ได้ คุณชายไม่ต้องกังวลข้าน้อยจะให้เด็กรับใช้นำไปส่งให้ถึงเกวียนเลยขอรับ”“ขอบคุณเถ้าแก่”“อย่าลืมแวะมาเลือกซื้ออีกนะคุณชาย”นอกจากนี้เขายังเข้าร้านขายวัตถุดิบอีกครั้งเพื่อไปเลือกซื้อแป้งสำหรับลองทำบะหมี่ดูเผื่อจำศีลในช่วงฤดูหนาวเขาจะทำให้บิดากิน แต่ความรู้ในด้านนี้น้อยเหลือเกิน
บทที่ 26 บิดาหายดี หลังจากที่ลุงเฉินกลับออกไปแล้วเด็กน้อยทำการผสมรำข้าวกับเม็ดข้าวโพดที่นั่งแกะมันออกเข้าด้วยกันแล้วหว่านลงใกล้กลับบริเวณที่เคยปล่อยไส้เดือนเอาไว้ก่อนหน้า เพื่อให้แม่ไก่ทั้งสองตัว? ได้กินอาหารที่ดีและบำรุงตัวมันเองด้วย จากนั้นจึงเดินไปดูลังไม้ที่ทำเอาไว้ให้เจินเจินและเจาเจานอนเพื่อออกไข่กลับพบว่าสีเปลือกไข่ต่างจากที่เคยเก็บมาโดยตลอด อีกทั้งลังไม้ของเจาเจาไม่มีไข่เลยแม้แต่ฟองเดียว หรือแท้จริงแล้วเจาเจามันจะเป็นตัวผู้กัน แต่มันตัวอวบอ้วนไม่ต่างจากเจินเจินเลยแม้แต่น้อยมันจะใช่ตัวผู้แน่หรือ “เจินเจินเหตุใดไข่ของเจ้าใบใหญ่ขึ้นกว่าเดิมนัก มันเน่าหรือ” เด็กน้อยตะโกนถามแม่ไก่ตัวอ้วนด้วยความสงสัยหลังเห็นไข่ไก่นับสิบฟองเป็นเหมือนกันทั้งหมด กุ๊ก กุ๊ก มันเดินมาแล้วส่ายหน้า “แล้วมันเป็นอะไร สีก็แปลกตากว่าที่ข้าเคยเห็นอีก” กุ๊ก กุ๊ก นอกจากจะไม่ได้คำตอบแล้ว เจาเจาก็เดินขึ้นไปกกไข่หลังจากกินจนอิ่มหนำ ส่วนเจินเจินก็เดินมาส่ายหน้าให้กับตนแล้วขึ้นนั่งกกไข่เบียดกันสองตัวจนแทบไม่มีที่ว่าง