Share

บทที่ 3 สูญเสีย

last update Last Updated: 2025-02-09 15:26:47

บทที่ 3 สูญเสีย

หยางเทียนหรงในร่างเด็กน้อยยังคงนอนแผ่ที่พื้นดินใต้ต้นไม้ใหญ่อยู่เช่นนั้นเพราะยังคงระบมจากบาดแผลที่ถูกทุบตีจากหญิงชราที่เป็นยายของเจ้าของร่าง คนเป็นป้าก็ไม่คิดที่จะห้ามปรามแต่กลับเป็นผู้นำร่างมาทิ้งให้สัตว์ป่ากัดกินซากเพื่อทำลายหลักฐาน

สารเลวนัก

คนเหล่านี้ไม่ควรได้รับการอภัยไม่ว่าจะสำนึกหรือไม่ก็ตาม

ยิ่งความทรงจำสุดแสนจะเจ็บปวดของเจ้าของร่างที่ตนเพียงแค่หลับตายมันก็ประดังประเดเข้ามายิ่งกว่าสายธารไหลเชี่ยว มันยิ่งทำให้ตนรู้ว่าเด็กน้อยตรงหน้าผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาได้อย่างยากลำบากซึ่งเกิดจากการกระทำของผู้เป็นยาย

ในวันที่แสงจันทราถูกรัตติกาลกลืนกินจนมืดมิดไปทั่วทั้งหมู่บ้านซีเป่ย คนในหมู่บ้านต่างกำลังหลับใหลอยู่ในเรือนกันอย่างมีความสุขยกเว้นคนในเรือนสกุลหยางที่กำลังเตรียมตัวเดินทางออกจากหมู่บ้านเพื่อไปงานเลี้ยงของจวนขุนนางที่อยู่เมืองหลวง   

          “เจ้ามัวแต่รีรออะไรอยู่เหมยเอ๋อร์ รถม้าของจวนใต้เท้าหลี่ออกมารอที่หน้าหมู่บ้านแล้วไปแต่งกายให้งดงามเร็วเข้า” โจวซือเหยียนเอ่ยเร่งเร้าบุตรสาวที่ยังคงอยู่ในอาภรณ์เปรอะเปื้อนไร้ความงดงามทั้งที่มันได้เวลาออกเดินทางแล้ว แต่อีกฝ่ายยังคงยืนนิ่งจนหญิงชราร้อนใจ    

“ข้าไม่ไปเจ้าค่ะท่านแม่ อาหรงกำลังนอนซมด้วยพิษไข้ เชิญพวกท่านไปงานเลี้ยงที่จวนใต้เท้าหลี่ได้เลยเจ้าค่ะไม่ต้องรอข้า” หญิงสาวเอ่ยปฏิเสธคำสั่งของมารดาหลังบุตรชายตัวน้อยถูกพิษไข้เล่นงาน อีกทั้งนางรู้ดีว่ามารดาต้องการสิ่งใด ฉะนั้นนางก็จะไม่ให้หญิงชราได้สมดังหวัง

 “ก็ให้สามีของเจ้าดูแลไปเสียสิ งานเลี้ยงครานี้สำคัญกว่าการดูแลบุตรชายแสนอ่อนแอของเจ้าเสียอีก เจ้าคิดเนรคุณต่อข้าหรือ” หญิงชราโพล่งออกมาอย่างมีโทสะหลังจากได้ยินการโต้กลับของบุตรสาวที่นางหมายมั่นปั้นมือว่าจะให้พาสกุลอันสุขสบาย แต่บุตรสาวกลับตอบแทนด้วยการเลือกคนไร้ค่ามาทำสามี และมันคงจะจัดการได้ง่ายดายยิ่งขึ้นหากไม่มีหลานชังที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงบิดาของมันเกิดขึ้นมาเสียก่อน

“อาหรงมิได้อ่อนแอ หากไม่เป็นเพราะอาหลางผลักจนตกลำธารแสนเย็นเหยียบเมื่อตอนเข้าตรู่ บุตรชายของข้าคงไม่ต้องนอนซมเพราะพิษไข้เช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ”

เพี๊ยะ

"เจ้ากล้าใส่ความอาหลางของข้าหรือน้องสาว" อันซีเหมยตวัดหลังมือลงใบหน้านวลของน้องสาวโดยไม่ยั้งมือด้วยมีโทสะในใจที่อีกฝ่ายกล่าวหาบุตรชายของตน

“พี่สาว นี่ท่านตบข้าหรือ”

“เจ้ามันสมควรตายเสียด้วยซ้ำที่กล้ากล่าวหาบุตรชายของข้า”

“แล้วข้าพูดผิดหรือ”

“อันซีหลินนี่เจ้า!”  

“แค่ก แค่ก ท่านป้าอย่าทำท่านแม่ของข้า อึก” เด็กน้อยฝืนตัวเดินออกมาจากห้องหลังได้ยินเสียงทะเลาะเบาะแว้งเสียงดัง จนได้มาเห็นกับตาว่าท่านป้าลงมือทุบตีมารดาของตน เจ้าตัวไม่รอช้าที่จะเข้ามาขวางเอาไว้ก่อนที่ฝ่ามือจะตวัดลงมาอีกครา

 “พอเสียที ในเมื่อไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป แต่อย่าหวังว่าคราหน้าเจ้าจะรอด” หญิงชราไม่ฝืนบังคับบุตรสาวอีกต่อไปเพราะเห็นใบหน้านางมีรอยช้ำที่มุมปาก ใต้เท้าหลี่เห็นเข้าคงไม่พอใจนัก เช่นนั้นวันนี้คงต้องรับหน้าไปก่อน

หลังจากที่ทุกคนออกไปมารดาจึงทรุดตัวลงแล้วโอบกอดบุตรชายตัวน้อยเอาไว้ หยาดน้ำตาหลั่งรินด้วยความเจ็บปวดที่ไม่สามารถกางปีกบินหนีออกจากมารดาไปได้เพียงเพราะอีกฝ่ายข่มขู่ว่าจะปลิดชีพตนเองหากนางกล้าออกจากเรือนแห่งนี้ไป

สามีจึงต้องแต่งเข้าสกุลอันของนาง แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สกุลอันแต่อย่างใดเพียงเพราะมารดารังเกียจที่อีกฝ่ายเป็นแค่พรานป่ายากจนคนหนึ่ง บุตรชายที่เกิดมาก็ไม่ได้ใช้สกุลอันของนางเช่นเดียวกัน

มารดานางเกลียดชังใบหน้าที่คล้ายกับสามีจนแยกแทบไม่ออก 

"ท่านแม่เจ็บหรือไม่ขอรับ อย่าร่ำไห้เลยนะขอรับ" มือน้อยลูบใบหน้าของมารดาด้วยความแผ่วเบา

ครืด

“ภรรยานี่เจ้าร่ำไห้หรือ เกิดอะไรขึ้น ใบหน้าของเจ้า” หยางเสวี่ยหรงที่เพิ่งกลับลงมาจากการล่าสัตว์ถึงกับทิ้งหมูป่าลงพื้นเมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาของภรรยา

“ท่านป้าทุบตีมารดาขอรับท่านพ่อ”

“ว่าอย่างไรนะ นี่นางกล้าตีเจ้าหรือ”

“ช่างมันเถิดเจ้าค่ะ ว่าแต่ท่านพี่หิวหรือไม่เจ้าคะ ข้าทำอาหารเอาไว้แล้ว มากินกันเถิด” อันซีหลินเบี่ยงเบนความสนใจราวกับไม่อยากนึกถึงมัน

“แต่ว่า”

“ข้าไม่เป็นไร”

เพล้ง

“เสียงอะไรน่ะ เจ้ากับอาหรงเข้าไปหลบอยู่ในห้องก่อน อย่าออกมาหากข้าไม่เรียกเข้าใจหรือไม่” หยางเสวี่ยหรงเอ่ยกำชับทั้งสองก่อนที่จะคว้ามีดสั้นที่ใช้ล่าสัตว์ของตนออกมาแล้วเดินตรงไปยังเสียงดังกล่าว   

ผ่านไปหนึ่งเค่อ

นอกจากบิดาจะไม่กลับมาแล้วเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจากด้านนอกก็ดังเข้ามาถึงในห้องจนมารดาอดทนรอไม่ได้

          “ท่านแม่จะไปที่ใดขอรับ” เด็กน้อยร้องเรียกเมื่อเห็นว่ามารดากำลังจะเปิดประตูออกไป

          “ข้าจะไปช่วยบิดาของเจ้า ตอนนี้คงกำลังลำบากอยู่เป็นแน่” อันซีหลินเอ่ยขึ้นพลางกระชับอาภรณ์ให้รัดกุมและยังนำมีดพกออกไปด้วย

          “อยู่ในนี้ห้ามส่งเสียงนะอาหรง ไม่ว่าเจ้าจะได้ยินเสียงอะไรก็ตามอย่าได้ออกมาจนกว่าข้าจะบอกให้ออกมาเข้าใจหรือไม่” ประโยคเดียวกับบิดาถูกเอ่ยให้เด็กน้อยฟังอีกคราก่อนที่มารดาจะออกไป

          “แต่ท่านแม่ข้ากลัว”

          “อย่าได้หวาดกลัวไปเลย ข้าจะกลับมาแน่นอนบุตรข้า”

          นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่มารดาเอ่ยกับเด็กน้อยก่อนที่จะออกไปช่วยเหลือบิดาด้านนอกและไม่กลับมาอีกเลย แต่สิ่งที่ทำให้หยางเทียนหรงถึงกับหมดสติไปนั่นเป็นเพราะว่า

          “หยุดมือเดี๋ยวนี้นะเจ้าโจรชั่ว อย่าทำอะไรสามีของข้า” มืดสั้นถูกหันไปทางโจรชั่วที่กำลังทุบตีสามีของนางจนโลหิตสาดกระเซ็น อันซีหลินไม่รอช้าพุ่งตัวเข้าไปช่วยสามีจนสุดชีวิต

          ฉัวะ! ฉึก! ดาบเล่มยาวตวัดเข้ากลางอกของหญิงสาวแล้วยังซ้ำลงโดยการแทงเข้ากลางท้องจนนางกระอักโลหิตออกมา

          “อึก แค่ก แค่ก”

          ตุบ

          “ท่านแม่!!!”

          มารดาถูกโจรชั่วอีกคนตวัดดาบใส่โดยไร้ความปราณีจนทำให้นางตายจากไปทันทีไม่ทันได้ร่ำลาแม้แต่น้อย เด็กน้อยกรีดร้องออกมาด้วยความขวัญเสียแล้วสิ้นสติไปทันที

          ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในคืนเดียวหมู่บ้านซีเป่ยถูกโจรภูเขาคร่าชีวิตไปไม่น้อย ไร้ทางการเข้าเหลียวแลด้วยตัวหัวหน้าหมู่บ้านกลับไม่ได้อยู่ในคืนเกิดเหตุ อีกทั้งยังไม่ใส่ใจความเป็นอยู่ของชาวบ้านเลยสักนิด

          แม้จะทำการร้องเรียนแต่จดหมายเหล่านั้นกลับถูกทำลายก่อนถึงมือเจ้าเมืองเสียทุกครั้ง นั่นจึงทำให้ชาวบ้านที่เหลือทำการหลีกหนีไม่ข้องเกี่ยวกับสกุลอันหากไม่มีเหตุจำเป็น     

“หลินเอ๋อร์ลูกแม่ ฮือ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้” หญิงชรากอดร่างไร้วิญญาณของบุตรสาวคนเล็กพลางร่ำไห้จนชาวบ้านเรือนข้างเคียงมองมาด้วยความสงสารแต่บางคนกลับสาแก่ใจ

“ขออภัยด้วยท่านแม่ที่ปกป้องหลินเอ๋อร์ไว้ไม่ได้” หยางเสวี่ยหรงนั่งคุกเข่าแล้วกล่าวขอโทษที่ตนไม่สามารถปกป้องภรรยาของตนจากโจรภูเขาเอาไว้ได้ ทำให้ภรรยานั้นถูกสังหารจนตาย ส่วนตนเองก็ถูกทำร้ายจนดวงตาจนสูญเสียการมองเห็นไปทั้งสองข้าง

พลัก

หญิงชราผลักร่างหนาที่นั่งคุกเข่าหน้าตนเองจนล้มลง แล้วเดินไปเหยียบหน้าอกยันเอาไว้ไม่ให้มีโอกาสลุกขึ้นมา

“ขอโทษแล้วบุตรสาวของข้าจะกลับมาอย่างนั้นหรือเจ้าโง่ ข้าไม่น่าให้ลูกข้าแต่งกับบุรุษที่มีแต่ตัวเช่นเจ้าเลย ไม่น่าเลยจริง ๆ ฮือ หากแต่งให้นายท่านหลี่ไปก็คงไม่ต้องพบเจอเรื่องราวเช่นนี้”  

“อึก ปล่อยข้าเถอะขอรับท่านแม่” หยางเสวี่ยหรงพยายามยกเท้าของหญิงชราออกแต่มันก็ไร้ผล เพราะตนเองนั้นทั้งไร้เรี่ยวแรงและมองไม่เห็นสิ่งใดยามนี้จึงทำได้แค่ไม่ให้เจ้าของฝ่าเท้ากดลงมาอีกก็เพียงพอ

“ท่านยายอย่าทำท่านพ่อขอรับ ข้าขอร้อง” มือน้อยพยายามดึงรั้งขาของผู้เป็นยายออกมา ด้วยความรำคาญหญิงชราทำการสะบัดขาออกทำให้ร่างของเด็กน้อยกระเด็นล้มลงจนก้นจ้ำเบ้า

ตุบ

“ออกไปจากเรือนของข้าทั้งเจ้าและลูกของเจ้า ต่อไปนี้ไม่ต้องมานับญาติกัน อาเหมยเอาข้าวของทั้งหมดที่มีของอดีตลูกเขยของข้ามาให้พวกเขาเร็วเข้า” ยิ่งพิศมองใบหน้าของหลานชายนางยิ่งชิงชังนัก หากใบหน้าละม้ายคล้ายบุตรสาวนางบ้าง บางครานางอาจจะเมตตาหลานชายคนนี้บ้างก็ได้

“ได้เจ้าค่ะท่านแม่”

รอไม่นานข้าวของทุกอย่างที่มีเพียงน้อยนิดก็ถูกพี่สาวของภรรยานำมาโยนกองบนตัวของบุรุษที่นอนกองที่พื้นดิน แม้จะมองไม่เห็นแต่หยางเสวี่ยหรงรู้สึกถึงบางอย่างกระทบเข้าที่กายเนื้อแม้จะไม่รุนแรงแต่หากถูกหลายครามันก็สามารถสร้างความเจ็บปวดได้เช่นกัน

“ท่านแม่”

“ไม่ต้องมาเรียกข้าว่าท่านแม่ ข้ามิใช่มารดาของเจ้านับตั้งแต่หลินเอ๋อร์ตาย ออกไปจากเรือนข้าได้แล้วที่นี่ไม่ต้องการคนไร้ค่าอย่างพวกเจ้าอีกต่อไป”

สองบิดาและบุตรชายถูกขับไล่ออกจากเรือนสกุลอัน โดยที่มีเพียงแค่อาภรณ์เท่านั้นที่พี่สาวของภรรยาโยนมาให้ หยางเสวี่ยหรงมองไม่เห็นทำให้บุตรชายเป็นคนเก็บของที่ป้าของตนโยนลงบนตัวบิดาใส่ตะกร้าใบน้อยขึ้นหลังของตน จากนั้นจึงคว้าแขนของบิดาเดินออกมาทันที

“เราจะไปอยู่ที่ใดหรือขอรับท่านพ่อ” หลังจากเดินออกมาไกลมากแล้ว หรงหรงตัวน้อยจึงเอ่ยถามผู้เป็นบิดา เพราะตนเองยังไม่เคยไปที่ใดเลยนอกจากวิ่งเล่นอยู่เรือนสกุลอัน

“กลับบ้านเดิมของข้า ในเมื่อท่านยายของเจ้าไม่ต้องการเราสองพ่อลูกแล้วก็กลับไปอยู่บ้านเดิมของข้าที่อยู่ท้ายหมู่บ้านกันเถิด” แม้จะเสียใจที่ไม่ได้นำร่างของผู้เป็นภรรยามาจัดการด้วยตนเองก็ตาม แต่หยางเสวี่ยหรงก็ต้องเข้มแข็งเพราะตนยังมีเจ้าก้อนแป้งตัวน้อยรออยู่ตั้งหนึ่งคน

“แต่ท่านแม่”

“แม่ของเจ้าจะยังอยู่ในนี้เสมอ”

“ข้าเข้าใจแล้วขอรับท่านพ่อ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 4 ทุบตีจนตาย

    บทที่ 4 ทุบตีจนตายแม้หญิงชราออกปากตัดขาดสองพ่อลูกออกจากสกุลอัน แต่มันกลับเป็นเพียงแค่ลมปากเท่านั้น เพราะทุกวันนางจะมารอช่วงชิงของป่าที่หลานชายแสนชังหามาได้จากชายป่าทั้งที่ของป่าพวกนั้นเรือนสกุลอันมิเคยขาดแคลนมันเลยแม้แต่น้อยวันนี้ก็เช่นเดียวกัน“เอากระต่ายของข้ามานะ ท่านยายเหตุใดท่านจึงมิห้ามปรามหลางเกอขอรับ เขามาแย่งชิงกระต่ายของข้า” มือน้อยพยายามแย่งชิงกระต่ายผอมแห้งกลับคืนมาหลังจากตนเพิ่งจับมาได้อย่างยากลำบาก เด็กน้อยทวงความยุติธรรมแต่สิ่งตอบแทนกลับล้วนเป็นความเจ็บปวดที่ผู้เป็นยายนั้นตั้งใจมอบให้“ท่านยายข้าอยากกินเนื้อกระต่ายย่างขอรับ” หลานชายอีกคนเป็นผู้แย่งชิงกระต่ายตัวน้อยมาจากเด็กน้อยผอมซูบ แล้วยังหันไปเอ่ยกับผู้เป็นยายว่าตนนั้นอยากกินสัตว์ป่าตัวนี้ทั้งที่มันมิใช่ของตน “เอาสิหลานรัก เดี๋ยวเย็นนี้ให้แม่ของเจ้าทำให้กินดีหรือไม่”“แต่น้องชายไร้ค่าไม่ให้ข้าขอรับ”“เพ้ย กับแค่กระต่ายตัวเดียวแค่นี้จะแบ่งให้พี่ชายเจ้ามิได้เชียวหรือ”“แต่มันคืออาหารของบิดาและข้านะขอรับท่านยาย แล้วจะให้ข้าแบ่งปันให้หลางเกอได้อย่างไรกัน โอ้ย ฮึก ท่านยายข้าเจ็บ” “หลานอกตัญญูเจ้ากล้าขัดข้าอย่างนั้นหรื

    Last Updated : 2025-02-09
  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 5 แม่ไก่ยักษ์

    บทที่ 5 แม่ไก่ยักษ์ “ต้องขอบคุณเด็กคนนี้ที่เคยเข้าป่ากับพ่ออยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นฉันต้องหลงป่าตายแทนที่จะได้เอาคืนยายแก่นั่น” หยางเทียนหรงพยายามยันตนเองขึ้นมาจากพื้นดินที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้งกรอบ พลางปัดเศษใบไม้ที่ติดตามเสื้อผ้าจนเห็นว่าลักษณะของเสื้อที่สวมใส่อยู่นั้นสมกับเป็นจีนยุคโบราณเสียจริง “คนสมัยก่อนเขาไม่รู้สึกว่ามันโล่งเลยหรือไงกันถึงได้ใส่แค่เสื้อคลุมกับกางเกงยาวแบบนี้โดยไม่ใส่ชั้นใน” แม้จะเอ่ยถามเช่นนั้นแต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบเขาได้อยู่ดี ดังนั้นหยางเทียนหรงจึงทำได้เพียงปลดปลงแล้วค่อย ๆ ก้าวเดินกลับไปตามเส้นทางที่มุ่งสู่บ้านหลังน้อยของตนที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก “ก่อนที่จะตายเด็กคนนี้ถูกแย่งผิงกั๋วไปนั่นหมายความว่าป่านนี้แล้วพ่อต้องยังไม่ได้กินอะไรแน่ เราต้องหาของป่ากลับไปกินด้วย อึก ซี่โครงหักหรือเปล่าเนี่ย ทำไมมันเจ็บแบบนี้นะ” เพราะถูกแย่งชิงผิงกั๋วไปหยางเทียนหรงจึงคิดไปเองว่าบิดาของเจ้าของร่างนั้นคงยังไม่ได้กินอะไรแน่นอน ดังนั้นตนจึงคิดเก็บของป่ากลับไปด้วย กะต๊าก กะต๊าก เสียงไก่นี่ อย่าบอกนะว่าไก่ที่ผู้คุมวิญญาณมอบให

    Last Updated : 2025-02-09
  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 6 จากไปแล้ว

    บทที่ 6 จากไปแล้ว “ฮ่า ฮ่า ข้าจะบอกให้เจ้ารู้เอาไว้ ว่าบุตรชายที่เจ้ารักนักหนายามนี้ คงกลายเป็นอาหารสัตว์ป่าไปแล้ว อดีตบุตรเขยของข้าเอ๋ย”เท้าของหญิงชราเหยียบลงกลางอกของบุรุษที่มีรูปลักษณ์ซูบตอบอีกทั้งยังตาบอดจนช่วยตนเองแทบไม่ได้ ชาวบ้านหลายคนมามุงดูแต่ก็รีบกลับไปหลังเจอคำขู่จากภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านว่าจะไม่ให้กู้ยืมตำลึงหากมาช่วยอดีตลูกเขยไร้ค่าสาเหตุที่ชาวบ้านเพิกเฉยการช่วยเหลือสองพ่อลูกนั่นเป็นเพราะสกุลอันทำการปล่อยเงินกู้โดยใช้ที่นามาแลกเปลี่ยนและยังคิดดอกเบี้ยเจ็ดส่วนจากสิบส่วน แม้จะดูขูดเลือดไปแต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยแย้งด้วยเกรงกลัวว่าตนเองจะไม่ได้เงิน “ยายแก่นี่เอาอีกแล้วนะ ไหนบอกแยกบ้านกันไปแล้วไง ทำไมถึงได้มาวุ่นวายกับสองพ่อลูกนี่อีก ตัวเองก็มีเงินมากกว่าแท้ ๆ” พลัก

    Last Updated : 2025-02-10
  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 7 อ่อนแอเกินไป

    บทที่ 7 อ่อนแอเกินไป การสูญเสียทุกอย่างที่รักไปมันทำให้คนคนหนึ่งตายทั้งเป็นได้เลย บิดาผู้นี้กำลังเป็นเช่นนั้น หยางเทียนหรงรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายส่งออกมา ทั้งน้ำเสียงและท่าทางชวนให้คนมองรู้สึกสลดไปด้วย บุรุษที่เคยองอาจจนสามารถล่าสัตว์มาขายเลี้ยงครอบครัวภรรยาได้จนสามารถซื้อเกวียนม้าเทียมได้นับว่าเก่งกาจยิ่งนัก แต่แล้วต้องมาตกอยู่ในห้วงแห่งความมืดมิดแม้แต่จะเดินไปทางก็ยังต้องมีคนนำทางเช่นนี้ หากเขาเป็นเช่นนั้นลางทีตนอาจจะปลิดชีพตนเองไปแล้วก็เป็นได้ หยางเทียนหรงไม่อาจบอกให้บิดาปล่อยวางได้แต่ถ้าหากปล่อยอีกฝ่ายกล่าวโทษตนเองเช่นนี้คงไม่เป็นผลดีนัก  

    Last Updated : 2025-02-11
  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 8 ก่อไฟครั้งแรก

    บทที่ 8 ก่อไฟครั้งแรก ในห้วงแห่งความทรงจำนั้นเด็กน้อยมิเคยได้เห็นขั้นตอนการก่อไฟทำอาหารของมารดาเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะเอาแต่ตามบิดาเข้าไปล่าสัตว์และหาของป่าเท่านั้น ไม่เคยได้เข้าใกล้ฟืนไฟจนมาวันนี้ ฉะนั้นเขาต้องการผู้ช่วยโดยด่วนขืนยังยืนงงงวยเช่นนี้เห็นทีวันนี้คงไม่มีสิ่งใดตกถึงท้องแน่แท้หลังจากที่ยืนงงงวยอยู่ไม่นาน เด็กน้อยจึงเดินไปหาบิดาที่ยังคงนั่งรออยู่ที่ชานเรือนดังเดิม แล้วเอ่ยถามด้วยความเขินอาย “ท่านพ่อขอรับข้าก่อไฟไม่เป็น” “อ่า จริงสิ เจ้ายังไม่เคยถูกสอนเรื่องก่อไฟสินะ เช่นนั้นพาบิดาไปที่ครัวเดี๋ยวข้าจะบอกเจ้าเองว่าต้องทำอย่างไรบ้าง”บิดาคลำไปโดยรอบจนพบเข้ากับเสาจากนั้นจึงจับยึดเอาไว้แล้วพยุงตนเองให

    Last Updated : 2025-02-12
  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 9 ข้าวต้มไข่

    บทที่ 9 ข้าวต้มไข่ “ไก่ของเจ้าได้มันมาอย่างไรอาหรง” บิดาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ด้วยตลอดเวลาตนขึ้นเขาล่าสัตว์มาหลายปีมิเคยเห็นไก่ป่าเชื่องกับคนมากเพียงนี้ หากไม่นำมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเป็นลูกไก่ เพราะสัตว์ป่าแถบนี้ล้วนแต่ดุร้ายและรักความอิสระทั้งนั้น ก่อนหน้าที่เขาจะตาบอดเขาเคยไปล่าไก่ป่ามาเพื่อที่จะเลี้ยงเอาไข่ แต่กลายเป็นว่ามันสู้สุดชีวิตจนตายทำให้เขาไม่ได้ไก่ป่ามาเพื่อเลี้ยงแต่ได้มาย่างกินแทน แล้วบุตรชายตัวน้อยของตนไปทำอย่างไรมันถึงยอมมาอยู่ด้วยเช่นนี้ บิดาจะถามเรื่องนี้เองหรือ เด็กน้อยพรู่ลมหายใจด้วยความโล่งใจก่อนจะเอ่ยตอบตามความจริงเพียงกึ่งหนึ่ง “ข้าไปหาของป่ามาขอรับ แต่บังเอิญเจอมันถูกลูกหมาป่าทำร้ายอยู่จนปีกหัก ข้าเลยช่วยมันเอาไว้ มันก็เลยเดินตามข้ากล

    Last Updated : 2025-02-13
  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 10 ไม่จำเป็น

    บทที่ 10 ไม่จำเป็น เมื่อคืนลมหนาวพัดมาเกือบค่อนคืนทำให้สองพ่อลูกนอนกอดกันกลมจนเช้าตรู่ หยางเทียนหรงแทบจะแข็งตายด้วยลืมสวมใส่อาภรณ์ชั้นนอก มันจึงทำให้เด็กน้อยตัวเย็นเหยียบจนแทบไม่อยากออกจากอ้อมกอดของบิดาเอาเสียเลย กะต๊าก กะต๊าก แต่ก็ทำเช่นนั้นไม่ได้เพราะเสียงปลุกจากแม่ไก่ดังสนั่นจนเขาสะดุ้งตัวโยน เพราะมันร้องก้องอยู่ข้างหูของเด็กน้อยจนต้องลืมตาตื่นขึ้นเสียมิได้“หิวหรือเจินเจิน เหตุใดจึงส่งเสียงร้องจนข้าตื่นเช่นนี้กัน” หยางเทียนหรงเอ่ยถามแม่ไก่ตัวอ้วนด้วยความงัวเงีย แต่แม่ไก่กลับยังคงกู่ร้องอยู่เช่นเดิม และยังคงเดินวนเวียนและกางปีกด้วยอาการกระสับกระส่ายอยู่อ

    Last Updated : 2025-02-14
  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 11 เจ้าเติบโตมากทีเดียว

    บทที่ 11 เจ้าเติบโตมากทีเดียว “หรงหรง เจ้าอยู่ที่ใด ข้าได้ยินเสียงท่านแม่ นางเข้ามาทุบตีเจ้าอีกแล้วหรือ” บิดาตื่นหลังได้ยินเสียงเอะอะเสียงดังทั้งคนทั้งแม่ไก่ อีกทั้งยังเป็นเสียงคุ้นเคยยิ่งกว่าสิ่งใด อดีตมารดาของภรรยาตามมารังแกบุตรชายของเขาอีกแล้ว “ท่านพ่อตื่นแล้วหรือขอรับ ข้าไม่เป็นอะไรขอรับ ท่านยายไม่ทันได้ทุบตีข้า เจ้าเจินเจินก็โผบินเข้ามาช่วยเหลือข้าก่อนแล้ว” เด็กน้อยไม่บอกว่าตนได้กระทำสิ่งใดกับหญิงชราไปบ้างเพราะความคิดของบิดายังคงมีความกตัญญูต่ออีกฝ่ายมากนัก “เรื่องอาหาร หากมันสามารถแบ่งปันให้ยายของเจ้าได้ก็แบ่งเสียเถิด ข้าไม่อยากให้เจ้าเจ็บตัวอีก” อาหารเป็นสิ่งนอกนอกกาย มันยังสามารถหาใหม่ได้ แต่ชีวิตของบุตรชายไม่สามารถหาได้จากที่ใดอีกแล้ว

    Last Updated : 2025-02-15

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 34 ขยายเรือนอีกครั้ง

    บทที่ 34 ขยายเรือนอีกครั้ง วันนี้ก็เป็นอีกวันที่มีไข่ไก่เหลืออยู่นับยี่สิบฟองซึ่งมากกว่าทุกวัน นั่นยิ่งตอกย้ำไปอีกว่ากิจการขายไข่ไก่เริ่มสั่นคลอนเล็กน้อย ยิ่งยามนี้แม่ไก่สาวเริ่มเติบโตเต็มที่ไข่ไก่ที่ออกมาล้วนแต่ขนาดที่ใหญ่จนต้องขึ้นราคามาเป็นฟองละห้าอีแปะ ทำให้สูญเสียลูกค้าไปบ้างแต่ก็ส่วนน้อยเนื่องจากขนาดของมันนั้นใหญ่มากกว่าร้านที่ขายในราคาเดียวกันเสียอีก “คุณชายกลับกันเถิดขอรับ หากรอไปมากกว่านี้เห็นทีจะถึงเรือนหลังตะวันตกดิน มันไม่เป็นผลดีแน่ขอรับ” การเดินทางไปยังหมู่บ้านซีเป่ยหลังตะวันตกดินนั้นมิใช่เรื่องที่ดีเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไม่มีเพื่อนร่วมทางแล้วด้วยมันจะกลายเป็นเป้าโจมตีของพวกโจรป่าที่ชอบดักปล้นชิงคนที่เดินทางเพียงลำพังยามค่ำคืน ฉะนั้นกันไว้ดีกว่า

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 33 พ่อบ้านสกุลหยาง

    บทที่ 33 พ่อบ้านสกุลหยาง อาการของทาสที่หยางเทียนหรงไถ่ตัวออกมานั้นนับว่าสาหัสพอสมควร เพราะบาดแผลมิได้มีเพียงแค่รอยจากแส้เท่านั้น มันยังมีรอยจากการถูกคมดาบเฉือนเนื้อมากมายนับไม่ถ้วน จนไม่คาดคิดเลยว่าทาสผู้นี้จะมีชีวิตรอดได้นานมากเพียงนี้ “ข้าจัดการบาดแผลภายนอกจนหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ให้บุรุษผู้นั้นตื่นขึ้นมาดื่มโอสถแก้บอบช้ำภายในเท่านั้น” “ขอบคุณท่านหมอที่ช่วยเหลือท่านลุงผู้นี้เอาไว้นะขอรับ” “ลุงของเจ้าหรือ” “มิใช่ขอรับ เขาเป็นทาสที่ข้าได้ช่วยเหลือเอาไว้เพราะไม่อยากให้คนผู้นี้ถูกพ่อค้าทาสทุบตีจนตาย&

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 32 ช่วยเหลือทาส

    บทที่ 32 ช่วยเหลือทาส “อ้าก” เสียงกรีดร้องของทาสตรงหน้าทำให้เด็กน้อยถึงกับชายอาภรณ์ของบิดาเอาไว้แน่นก่อนจะกระตุกสองคราเพื่อเรียกให้บิดาสนใจตนเอง “หึ ร้องออกมาทาสผู้โง่เขลา คิดว่าข้าทาสไร้ราคาเช่นเจ้าข้าจะมิกล้าทุบตีให้ตายหรือ” เสียงทุบตีทาสดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาชาวบ้านหรือแม้แต่นักเดินทางให้หันมามุงดูคนถูกทำร้ายโดยที่ไม่มีผู้ใดกล้ายื่นมือเข้าไปช่วยเหลือแม้แต่คนเดียว แม้แต่ทหารที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ไม่ใส่ใจอีกฝ่ายเมินเฉยราวกับว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำจนเคยชิน เกินไปแล้ว ค

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 31 ปรับราคาไข่ไก่

    บทที่ 31 ปรับราคาไข่ไก่ เกวียนม้าเทียมกำลังจะเดินทางออกจากเรือนสกุลหยางแต่ไม่ทันได้ออกตัวกลับถูกสตรีนางหนึ่งเดินมาขวางทางเอาไว้เสียก่อน พร้อมเอ่ยเสียงดังด้วยน้ำเสียงเชิงข่มขู่แกมบังคับจนทำให้ชาวบ้านที่กำลังเดินขวักไขว่ไปมาอยู่นั้นหยุดเดินแทบจะทันทีแล้วจับกลุ่มแอบสนทนากันอย่างออกรสว่าวันนี้สตรีนางนี้จะก่อเรื่องอันใดอีก “ป้าซุนจะไปขายของในเมืองหรือขอรับ” “ก็ใช่น่ะสิ ข้าอุตส่าห์เตรียมของรอพวกเจ้าตั้งแต่ยามเหม่า เหตุใดพวกเจ้าสองพ่อลูกจึงออกจากเรือนเชื่องช้านักปล่อยให้ข้ารอตั้งหนึ่งชั่วยาม บ้าไปแล้วหรือ!” หลี่อี้ซุนตวาดออกมาด้วยความฉุนเฉียวที่วันนี้นางต้องออกเดินทางไปขายเนื้อไก่ช้ากว่าที่เคยจนมารดาของสามีเอ่ยถากถางหาว่านางเริ่มทำตัวเกียจคร้าน&

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 30 มีชีวิตอย่างเข้มแข็ง

    บทที่ 30 มีชีวิตอย่างเข้มแข็ง ฤดูหนาวของหมู่บ้านที่อยู่ติดเขาเหลียนซานนับว่าเลวร้ายกว่าที่อื่นมากนัก ด้วยเขาแห่งนี้เมื่อเข้าสู่เหมันต์ฤดูภูเขาทั้งลูกจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน บรรดาพืชพันธุ์และสัตว์ป่าล้วนเข้าสู่ฤดูการจำศีล หมู่บ้านซีเป่ยก็เช่นเดียวกันยามนี้ทั่วทั้งหมู่บ้านล้วนมีแต่หิมะสูงเทียมเอวของบุรุษร่างสูงใหญ่การเดินฝ่าหิมะออกมาเพื่อที่จะเดินทางไปยังเมืองท่าซือหลินนั้นมิใช่เรื่องง่ายและมันไม่คุ้มค่าพอที่จะเสี่ยงด้วย เพราะอาจทำให้สูญเสียม้าที่เป็นตัวลากเกวียนได้ ฉะนั้น ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงใช้ชีวิตอยู่ในเรือนของตนเองเหมือนดัง หยางเทียนหรงและบิดาที่ยามนี้กำลังนั่งกินอาหารรสชาติเผ็ดร้อนเพื่อคลายความหนาวเหน็บที่กำลังเผชิญอยู่ด้วยการกินหม้อไฟหมาล่าที่เคยทำไปคราก่อน มาวันนี้ได้ท

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 29 หมูป่าตัวเขื่อง

    บทที่ 29 หมูป่าตัวเขื่อง หลังจากผ่านเหตุการณ์คนบ้านใหญ่บุกเข้ามาทำร้ายสองพ่อลูกถึงในเรือนแต่ได้นายช่างโม่ช่วยเหลือเอาไว้ได้ แต่คนกลับไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นหลายคนพุ่งเป้ามาที่สิ่งของที่ทั้งสองได้กลับมาหลังเข้าเมืองไปต่างหาก โดยเฉพาะเรื่องที่เด็กน้อยนั้นเก็บสมุนไพรราคาแพงได้จนสามารถซื้อเกวียนพร้อมม้าได้ถึงสองตัว อีกทั้งยังมือเติบสร้างเรือนให้ไก่หลังโตจนหลายคนต่างเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่า หลานชายของยายเฒ่าโจวช่างโง่งมยิ่งนัก มีอย่างที่ไหนเสียเงินมากมายเพื่อไก่แค่สองตัว แล้วเรื่องก็ลือไปจนถึงหูของยายเฒ่าที่ยามนี้เริ่มขยับกายได้บ้างแล้ว นางได้ยินถึงกับอยากกระอักโลหิตออกมาพ่นใส่ใบหน้าของหลานชังผู้นั้นนัก ก

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 28 เรือนหลังน้อยของเจินเจินและเจาเจา

    บทที่ 28 เรือนหลังน้อยของเจินเจินและเจาเจา โม่หรงและคนงานจัดการซ่อมแซมเรือนสกุลหยางจนกลับมาดูดีเช่นเดิมจนเสร็จสิ้นภายในสองวัน จนเข้าวันที่สามที่เด็กน้อยร้องขอเพิ่มอีกว่าต้องการโรงเรือนสำหรับเลี้ยงไก่สองตัว คราแรกช่างไม้เข้าใจไปว่าผู้จ้างงานอยากได้เพียงแค่เล้าไก่เล็ก ๆเท่านั้น เพราะเห็นเพียงไก่อวบอ้วนเพียงสองตัว แต่กลายเป็นว่าเจ้าหนูเทียนหรงอยากได้เรือนหลังน้อยเอาไว้ให้ไก่ทั้งสองตัวเสียนี่ “เจ้าหนู แน่ใจแล้วหรือที่จะสร้างเรือนให้ไก่ของเจ้าน่ะ มันใช้ตำลึงไม่น้อยนะเจ้ายอมจ่ายเพื่อไก่สองตัวนี้เชียวหรือ” โม่หรงเอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เขาไม่อยากให้เด็กน้อยใช้ตำลึงไปโดยเปล่าประโยชน์ &ldq

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 27 ก่อนเหมันต์มาเยือน

    บทที่ 27 ก่อนเหมันต์มาเยือนหลังจากที่บิดาหลับไปแล้วมันจึงเป็นเวลาของเด็กน้อยที่จะได้ใช้มันว่าวันนี้จะได้สิ่งใดกลับเรือนไปบ้างหยางเทียนหรงจึงไปเดินเลือกซื้อถ้วยใบใหม่เสียหลายใบ กระทะสองใบ และหม้อสำหรับหุงข้าวสารกับหม้อต้มอีกสามใบ เหมือนเขาจะเห็นหม้อนึ่งซาลาเปาจึงหยิบมันมาด้วย“เท่าไหร่หรือขอรับเถ้าแก่”เถ้าแก่ร้านขายเครื่องครัวเดินปรี่เข้ามาลูกค้าตัวน้อยที่ตั้งแต่เดินเข้าในร้านก็หยิบมันแบบไม่คิดถามราคาแต่อย่างใด อีกทั้งยังเลือกจำนวนมากกว่าหนึ่งชิ้น ทำเอาเถ้าแก่อย่างตนหน้าบานชื่นมื่น“คุณชายเครื่องครัวทั้งหมดนี้ราคาเจ็ดสิบอีแปะขอรับ อ้อ ข้าแถมซึ้งนึ่งให้คุณชายด้วยสองอัน”ไม่แพงเท่าใดนักเขาจึงควักตำลึงจ่ายไปโดยไม่ลังเล“เถ้าแก่ให้คนไปส่งที่โรงหมอเสิ่นหยางได้หรือไม่ขอรับ พอดีว่าเกวียนม้าของข้าจอดอยู่ที่นั่น”“ได้ ได้ คุณชายไม่ต้องกังวลข้าน้อยจะให้เด็กรับใช้นำไปส่งให้ถึงเกวียนเลยขอรับ”“ขอบคุณเถ้าแก่”“อย่าลืมแวะมาเลือกซื้ออีกนะคุณชาย”นอกจากนี้เขายังเข้าร้านขายวัตถุดิบอีกครั้งเพื่อไปเลือกซื้อแป้งสำหรับลองทำบะหมี่ดูเผื่อจำศีลในช่วงฤดูหนาวเขาจะทำให้บิดากิน แต่ความรู้ในด้านนี้น้อยเหลือเกิน

  • ทะลุมิติมาเลี้ยงดูบิดาตาบอด   บทที่ 26 บิดาหายดี

    บทที่ 26 บิดาหายดี หลังจากที่ลุงเฉินกลับออกไปแล้วเด็กน้อยทำการผสมรำข้าวกับเม็ดข้าวโพดที่นั่งแกะมันออกเข้าด้วยกันแล้วหว่านลงใกล้กลับบริเวณที่เคยปล่อยไส้เดือนเอาไว้ก่อนหน้า เพื่อให้แม่ไก่ทั้งสองตัว? ได้กินอาหารที่ดีและบำรุงตัวมันเองด้วย จากนั้นจึงเดินไปดูลังไม้ที่ทำเอาไว้ให้เจินเจินและเจาเจานอนเพื่อออกไข่กลับพบว่าสีเปลือกไข่ต่างจากที่เคยเก็บมาโดยตลอด อีกทั้งลังไม้ของเจาเจาไม่มีไข่เลยแม้แต่ฟองเดียว หรือแท้จริงแล้วเจาเจามันจะเป็นตัวผู้กัน แต่มันตัวอวบอ้วนไม่ต่างจากเจินเจินเลยแม้แต่น้อยมันจะใช่ตัวผู้แน่หรือ “เจินเจินเหตุใดไข่ของเจ้าใบใหญ่ขึ้นกว่าเดิมนัก มันเน่าหรือ” เด็กน้อยตะโกนถามแม่ไก่ตัวอ้วนด้วยความสงสัยหลังเห็นไข่ไก่นับสิบฟองเป็นเหมือนกันทั้งหมด กุ๊ก กุ๊ก มันเดินมาแล้วส่ายหน้า “แล้วมันเป็นอะไร สีก็แปลกตากว่าที่ข้าเคยเห็นอีก” กุ๊ก กุ๊ก นอกจากจะไม่ได้คำตอบแล้ว เจาเจาก็เดินขึ้นไปกกไข่หลังจากกินจนอิ่มหนำ ส่วนเจินเจินก็เดินมาส่ายหน้าให้กับตนแล้วขึ้นนั่งกกไข่เบียดกันสองตัวจนแทบไม่มีที่ว่าง

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status